Fanboi Channel

นิทานเด็กดีบทที่ 38 (DDN XXXVIII) ภาคโฉมใหม่เด็กดีกับสมาชิกผู้ไม่รู้จักกูเกิ้ล บอกลาเรือรั่วแต่เสือกกลับมาคุยเรือเดิม แก้ไขชื่อเพิ่มเติมตามสบาย ถ้าพวกมึงไม่โหวตเดี๋ยวคนตั้งเลือกเองนะมึง

Last posted

Total of 1000 posts

528 Nameless Fanboi Posted ID:fiItduwsJE

พวกมึงเถียงอะไรกันอีกเนี่ย กูว่าจะแวะมาสับแก้เบื่อ พาลหมดอารมณ์เลย ใครอยากเขียนอะไรก็เขียนไปเหอะ เขียนดีก็มีคนอ่าน เขียนกากก็มีคนด่าไง เรื่องขายดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่ความสามารถและวิธีการด้วย ถ้าขายไม่เก่ง ไม่ทำการตลาด ไม่ค่อยได้ไปเสนอหน้าที่ไหน หรือเส้นไม่ใหญ่พอ ถึงเขียนดีก็อาจขายไม่ได้วะ

529 Nameless Fanboi Posted ID:04haJfJw+N

>>528 +1 ว่ะ
ละก็อยากเสริมว่า คนที่มาด่าอาจไม่ใช้พวกเขียนละขายไม่ดีนะสัด คนเขียนขายดีอยากด่าแบบไม่เปิดตัวมีเยอะไป ถถถถถ ละถ้านิยายมันกากจริงต่อให้ขายไม่ดีกูก็จะด่า มึงจะทำไมล่ะ ก็นิยายมันมีเรื่องน่าด่า กูไม่สนหรอกว่ามันจะขายดีหรือไม่ดีเพราะกูคือคนอ่านไม่ใช่คนเขียนว่ะ มึงจะปกป้องอ้างเรื่องเขียนห่าไรก็ได้ขอแค่ขายดีมันก็เรื่องของมึง แต่กูขอยืนยันว่าที่นิยายมันห่วยทุกวันนี้ เป็นเพราะคนเขียนมันมีช่องทางทำเงินง่ายๆ ไม่ต้องแข่งขันแบบสมัยก่อน นักอ่านที่อยากอ่านงานดีๆเลยต้องแห่ไปอ่านงานต่างประเทศแทน นักอ่านส่วนใหญ่เลยเหลือแต่พวกเด็กหัวเกรียนที่ไม่มีปัญญาอ่านภาษาต่างประเทศเลยต้องอ่านนิยายกากๆที่แต่งให้อ่านฟรี พอไม่มีทางเลือกก็อ้างว่า อ่านสนุกก็พอแล้ว ถุ้ย! กูถามจริงเถอะ ถ้างานแปลมันเปิดอ่านแบบไม่ติดเหรียญ งานขยะแบบนั้นจะติดท๊อปได้เหรอวะ เหอะๆ กูเห็นหลายๆเรื่องที่ชูคออยู่ได้ มันก็สายตลาด+อัพไวแล้วก็อ่านฟรีติดเหรียญบางตอนเท่านั้นแหละ ลองมึงติดเหรียญเกือบทุกตอนสิ ใครมันจะมาอ่านวะ ถามหน่อย

530 Nameless Fanboi Posted ID:TKgHZXtk9h

>>529 เชี่ย (อุทานกับตัวเอง ไม่ได้ด่าใคร) จากเรื่องคุณภาพนิยายแม่งลามไปเป็นคุณภาพนักอ่าน ถถถถ แต่แม่งก็มีมูลอย่างที่มึงบอกจริง ๆ

531 Nameless Fanboi Posted ID:04haJfJw+N

>>530 สำหรับกูมันเกี่ยวเนื่องกันว่ะ มึงไม่สงสัยกันเหรอว่าทำไมนักเขียนหลายคนต้องเปลี่ยนมาเขียนแนวกระแส ทำไมต้องลดสมองลงมาเขียนนิยายย่อยง่ายทั้งๆที่บางคนก็ไม่ได้อยากเขียน ทำไมต้องเปลี่ยนมาเขียนแนวพอร์น แนวเย้ๆ ทำไมต้องซอยตอนสั้นลง ทำไมต้องเปลี่ยนการบรรยายให้มันกระชับ เพราะว่ามันขายได้และถูกจริตนักอ่านส่วนใหญสมัยนี้ไง แต่กูก็ยังยืนยันว่า ถ้าพวกมึงมีจุดมุ่งหมายที่เงินมึงก็จงขายวิญญาณเขียนไปซะ แต่สำหรับกู กูไม่แคร์ว่ะ นิยายกากก็กูจะด่า ด่าในส่วนของเนื้อเรื่อง แต่ส่วนของวิธีทำการตลาดให้คนอ่านติด กูก็ชม ชมมันจริงๆว่าเออเก่งที่ทำให้คนอ่านติดได้ ส่วนไหนควรด่ากูก็ด่า อันไหนชมก็ชม สะสมข้อดีของนิยายพวกนั้นแล้วเอามาพัฒนาตัวเองซะ อย่าแค่ด่าเอามัน เพราะพวกมึงจะไม่ได้อะไรเลย นิยายติดท๊อปพวกนั้นมันต้องมีข้อดีสักอย่างให้พวกมึงเรียนรู้แหละ

532 Nameless Fanboi Posted ID:9pMXQ.4k65

คุณ​ภาพนักอ่านมันมีอยู่จริง กูถามคนรู้จักที่แม่งอ่านนิยายเล่มทุกวัน แม่งไม่มีใครอ่านนิยายไทยสักคน ขนาดนักแปลยังสำนวนดีกว่านักเขียนได้นี่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบแล้ว

533 Nameless Fanboi Posted ID:9pMXQ.4k65

คิดซะว่าแนวเทพซ่ามันเป็นสไลม์ Lv.1 ของนักอ่าน เพราะนิยายแนวพวก(เหี้ย)​นี่มันสนุกจริงๆสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่านนิยายในยุคนี้ ไว้แม่งเชี่ยวพร้อมเปลี่ยนคลาสเมื่อไหร่ มันจะเดาทางได้จนเบื่อแล้วย้ายหมวดไปเอง

534 Nameless Fanboi Posted ID:9pMXQ.4k65

เหมือนมึงบ่นเด็กเพิ่งเข้าอนุบาล​ว่าทำไมมีแต่คนเริ่มหัดเรียนด้วยการท่อง ก.ข.ค. ทำไมไม่ไปฝึกผันวรรณยุกต์

535 Nameless Fanboi Posted ID:Uu9a/rY0sS

>>534 ประเด็นคือเวปนี้แม่งเสือกตอบสนองความต้องการได้ถึงแค่กขคไง ถ้ามึงจะเรียนผันวรรณยุกต์ กลอน หรืออะไรที่สูงกว่านั้น มึงต้องไปกระเสือกกระสนหาเอาที่อื่น ทั้ง ๆ ที่มันควรจะมีที่เวปนี้เลย

536 Nameless Fanboi Posted ID:9pMXQ.4k65

>>535 กูไม่คาดหวังขนาดนั้นวะ มึงอย่าลืมนะว่า "คนอ่านนิยาย" มันไม่ใช่ของหาง่าย ยุคนี้แม่งมีทั้ง tiktok คลิป 360 องศา ถาพถ่าย 3 มิติ เกมมือถือ โปรแกรมจำลองถอดประกอบรถทั้งคัน ASMR AR VR และล่าสุด METAVERSE​ มีอะไรชวนให้ติด ทำเงิน ทันสมัย แถมซึมซับง่ายกว่าตั้งเยอะ

การจะผลิตงานคุณภาพ​สูงได้มึงก็ต้องมีทรัพยากร​ที่เหมาะสม​ แล้วทรัพยากร​สำหรับการสร้างนิยายดีๆคืออะไร? การศึกษา​ เวลาว่าง ประสบการณ์​ สภาพแวดล้อม จินตนาการ และไฟ... แล้วมึงหันไปดูมหาลัยที่มึงเรียนอยู่หรือที่โรงเรียนที่มึงเคยเรียน มีของพวกนี้ให้มึงไหม? สถานศึกษา​แม่งแทบจะกลายเป็นสนาม battle-royale อยู่แล้ว

แล้วถ้ามึงรอดมาได้หรือมีทรัพยากร​เพียงพอ มึงว่าจะมีสักกี่คนที่เลือกเขียนนิยายเป็นอาชีพ? โอกาสเติบโตน้อยสัสเลยนะมึง ไอ้มุราคามิยังเคยบอก ว่าคนที่เลือกเป็นนักเขียนมีแต่คนโง่ จะเปรียบเปยหรือพูดจริงก็ช่างแม่ง สรุปคือลงทุนแล้วไม่คุ้มเหี้ยๆ

537 Nameless Fanboi Posted ID:LVGLyYvx7V

>>535 มันก็มี มึงแค่ต้องหา มีนิยายดีๆหลายเรื่องที่รอคนอ่าน ทุกวันนี้เวลาเจอเรื่องไหนสนุกกูก็พยายามคอมเม้นท์ให้คนเขียนมีกำลังใจว่ะ กูก็นักเสพที่หวังว่านิยายที่ติดจะแต่งจบสักเรื่อง ส่วนนึงก็อยากบ่นนะว่านิยายที่กูคิดว่าดีทำไมแต่งไม่จบเลยสักเรื่อง มึงมีวินัยกันหน่อยสิวะ

ส่วน>>536 กูเห็นด้วย พวกมึงต้องเลือกว่าจะเขียนขายคนส่วนใหญ่ หรือเขียนตามใจเอาแค่สนุก เพราะสมัยนี้มันมีอะไรให้เสพเยอะแยะจริงๆ สื่อการอ่านอย่างนิยาย ยังสู้การ์ตูนไม่ได้เลยมึง ดูเว็บตูนสิคนยังอ่านเยอะกว่าอีก

538 Nameless Fanboi Posted ID:DqGkUDfA6O

กูมาพูดในฐานะนักเขียนรายได้หลักแสน พวกมึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะทุกครั้งที่กูมาตีแผ่ความจริง จะต้องมีคนคิดว่ากูตอแหล ก่นด่าขับไล่จับผิดกูเสมอ จนกูเลิกเล่นโม่ง

ใครที่สงสัยว่านักอ่านเว็บนี้คุณภาพต่ำหรือเปล่า กูไม่รู้ และไม่สนด้วย กูไม่เคยวิเคราะห์ด้วยซ้ำว่านักอ่านเว็บนี้มีคุณภาพหรือเปล่า กูสนแค่จะทำยังไงให้พวกมันยอมเปย์นิยายกู

กูไม่ค่อยเก็ตมุมมองพวกมึงสักเท่าไหร่ อ่านไม่เข้าใจ แต่ถ้าให้พูดในมุมมองกู กูคิดว่านักอ่านเว็บนี้แม่งช่างเลือกมากๆ การจะยอมให้มันสละเวลามาอ่านนิยายมึงได้นี่โคตรยาก มึงต้องมีดีสักด้านจริงๆ ถึงจะมีคนอ่าน

ยากมากที่จะให้นักอ่านยอมจ่ายเงินสักบาท เนื้อหาแต่ละตอนมึงต้องเยอะ ไม่งั้นจะมีคนบ่นว่าไม่คุ้ม เทนิยายทันที พยายามหาข้องอ้างสารพัดที่จะไม่เปย์ และเนื้อหานิยายมึงต้องห้ามวนไปวนมาเด็ดขาด ต้องรักษาคุณภาพไว้ให้ได้

นิยายกูตอนพีคๆ คนอ่านเฉลี่ย20000คนต่อบท แต่คนซื้อเฉลี่ยแค่ตอนละ3000ครั้ง มากสุด6000 คิดดูแล้วกันว่าต่างกันแค่ไหน มันยากมากๆที่จะทำให้นักอ่านยอมจ่ายเงินแค่ 2 หรือ 3 เหรียญ

และมึงต้องเขียนให้พีคตลอด ห้ามแผ่ว ต้องอัพทุกวัน ถ้าเนื้อหาไม่พีค เนื้อเรื่องดรอปนิดเดียว คนอ่านดองทันที และพร้อมใจกันดองครั้งเดียวหลักพันคน ถ้ามึงหมดมุกนานๆ เขียนน่าเบื่อไปนานๆ หรือดองนาน นิยายมึงจะเสียความนิยมแบบกู่ไม่กลับ พลาดแล้วพลาดเลย ไม่มีทางกลับไปจุดเดิมได้อีก กูท้อและเหนื่อยมากที่ต้องรักษาคุณภาพนิยายในแต่ละวัน ไม่รู้ว่านิยายจะเสียความนิยมวันไหน วันไหนเขียนห่วย ยอดขายลดฮวบทันที ไม่แปลกใจที่นักเขียนติดท็อปหลายคนพากันเทง่ายๆ เพราะมันเหนื่อยจริง จิตตกมาก

มีนิยายใหม่ๆ ผุดขึ้นมาทุกเดือน เข้ามาแย่งอันดับ และนิยายใหม่ๆพวกนี้ นักอ่านจะเห่อมาก กูต้องยอมให้มันแย่งอันดับไปแบบที่ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแพ้กระแส แต่ความสม่ำเสมอจะทำให้กูอยู่รอด รอให้นิยายใหม่ๆพวกนั้นทำพลาดไปเอง

กูเสียสุขภาพจิตว่ะ อายุนิยายแต่ละเรื่องมันสั้นมาก มาไวไปไว นิยายท็อปส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย3เดือน จะพีคแค่ช่วงนี้ หลังจากนั้นจะดร็อปแน่นอนทั้งความนิยมทั้งรายได้ เว้นแต่เมิงเปิดเป็นนิยายอ่านฟรีตลอดๆ

รายได้6หลักต่อเดือน แต่ให้ทำยาวๆ ไม่หยุดพัก คงไม่ไหว ถ้าจะหากินเลี้ยงชีพแบบสบายๆ ต้องเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น ส่วนนิยายเอาไว้หาเงินก้อนไปลงทุน จะได้ไม่ต้องไปหากู้ที่ธนาคาร

ส่วนนักอ่านแม่งเทนิยายได้ง่ายๆ กูขอย้ำอีกที แฟนพันแท้ก็ส่วนแฟนพันแท้ กลุ่มนี้ไม่หนีกูไปไหน แต่ขาจรมันเทมึงแบบไม่แคร์เชี้ยไรทั้งนั้น ทำไม่ถูกใจนิดเดียว มันหนีไปเรื่องอื่น พร้อมจะเกาะกระแสนิยายเรื่องใหม่เสมอ และมันเลือกเปย์แค่เรื่องเดียวเพราะงบจำกัด เหี้ยมากอะ โคตรยากและท้าทาย ขนาดกูว่ากูโปรสุดๆระดับท็อปประเทศไทย ประสบการณ์มีมากมายยังเครียดเลย

อีกอย่างวงการนิยายไทยแผ่วลงทุกวันๆ สื่อบันเทิงเยอะจัด ตอนนี้อยู่ได้เพราะกระแสนิยายจีนแปล ถ้านักเขียนไทยคนไหนอยากรวยก็เกาะกระแสนี้ไว้ รอกระแสใหม่มา ค่อยเกาะกระแสใหม่

กูทำแบบนี้มาเรื่อยๆ เดินตามกระแสนิยายตลาด จนมีเงินเลี้ยงปากท้อง ซื้อรถซื้อบ้าน แต่นักเขียนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เพราะจมอยู่กับอดีต เขียนอยู่แนวเดียว ปรับตัวไม่เป็น ไร้พรสววรค์ โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว มัวแต่เขียนเหี้ยไรกันก็ไม่รู้ นักเขียนที่เก่งจริงต้องเขียนได้ทุกแนว ไม่ใช่ยึดอุดมการณ์โง่ๆ หาข้ออ้างหลอกตัวเองไปวันๆ

กูอยู่รอดมาทุกยุคทุกสมัย ส่วนพวกนักเขียนแก่ๆหัวโบราณก็ปล่อยให้มันจมปลักต่อไป อย่าคิดว่าวิธีการเขียนแบบ10ปีที่แล้วจะใช้ได้กับทุกวันนี้ มึงอยู่ปี 2022 มึงก็ต้องเขียนแบบ 2022 ถ้ายังดันทุรังเขียนนิยายเหมือนอยู่ในปี2009 มึงไปตายให้หนอนแดกซร้าาาา

เมื่อก่อนกูเขียนนิยายบทละ12000คำ เดี๋ยวนี้ตอนละ1000คำ มึงคิดว่ากูต้องฝืนตัวเองแค่ไหนวะ ทรมานเชี้ยๆ แต่กูต้องปรับตัว ต้องศึกษาพฤติกรรมคนอ่าน ดูว่ามันอ่านนิยายกันด้วยเครื่องมือแบบไหน คำตอบคือ มือถือจอเล็กๆ เขียนยาวๆแบบสมัยPcไม่เวิร์คแน่นอน

จากนั้นศึกษาว่ามันอ่านนิยายกันตอนไหน คำตอบคือ อ่านตอนเช้าก่อนไปเรียน ก่อนไปทำงาน ตอนพักเที่ยง ยิ่งต้องเขียนให้กระชับ เพราะนักอ่านแม่งมีเวลาอ่านจำกัด นิยายกูต้องสั้น ไม่มีน้ำ พวกมันจะได้พอเจียดเวลาจากการดูเน็ตฟลิกมาได้ ตามนี้นะคับ ต้องมองกระแสให้ออก

ลงชื่อ โม่งเห็บหมา

539 Nameless Fanboi Posted ID:LMc/DnYJ4d

>>538 ความเห็นมึงมีประโยชน์ที่สามารถปรับไปใช้ได้อย่างมาก แต่กูกำลังสงสัยเรื่องความยาวต่อตอนเลยขอหยิบมาวิเคราะห์หน่อยละกัน

ตอนกูยังเขียนอยู่ (ประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว) นิยาย 1 ตอนที่คนอ่านรับได้ว่าไม่ยาวเกินไปคือตอนละประมาณ 3000 คำ ไม่เกิน 5000 คำ ซึ่งจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8-12 หน้า A4 ถ้าต้องตัดเหลือประมาณ 1000-1500 คำ ตอนนึงความยาวก็แค่ 3-4 หน้า A4 เท่านั้น ถ้าตีกลมๆ นิยาย 1 เล่มมีความยาวประมาณ 150 หน้า A4 จะเท่ากับว่านิยาย 1 เล่มต้องย่อยตอนออกไปเป็นประมาณ 40-50 ตอนต่อเล่มถึงจะเป็นความยาวที่เหมาะสมกับการอ่านในยุคนี้

พอมึงชี้ทางมางี้แล้วรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นว่ะ ปกติถ้าตั้งใจจะเขียนหาเงินจริงๆ วันนึงก็ไม่ควรได้ต่ำกว่า 10 หน้า A4 อยู่แล้ว หากเอาความเร็วการเขียนขนาดนั้นเป็นพื้น (อาจมีเพิ่มหรือลดตามอารมณ์) ก็น่าพอมีสต๊อกสำรองได้เรื่อยๆ ทุกวัน ยิ่งในปัจจุบันมีระบบตั้งเวลาลงให้เองแล้วก็ไม่ต้องมานั่งหน้ามุ่ยเข้าเว็ปทุกวันเพื่ออัพตอนใหม่เองแบบเมื่อก่อนด้วย แต่ความยากนี่กูว่าคือการจะจับประเด็นของตอนนั้นๆ ยังไงให้ใส่มาได้ในความยาวแค่ 3-4 หน้ามากกว่า ซึ่งถ้าจะต้องลงตอนละ 1000 คำแบบที่มึงว่าจริงๆ นี่คือจุดที่น่าจะยากที่สุดละ ชักไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิยายจีนแต่ละตอนถึงมีแต่น้ำ

540 Nameless Fanboi Posted ID:LVGLyYvx7V

>>538 มึงเขียนแนวไหนวะ อันนี้ถามเพราะอยากรู้นะไม่ได้กวน แล้วก็ เออข้อมูลมึงแน่นจริง มีประโยชน์ ละกูก็เชื่อสิ่งที่มึงพูดนะเพราะมันมีความเป็นไปได้สูงว่ะ

541 Nameless Fanboi Posted ID:DqGkUDfA6O

โอเค กูเขียนนิยายแนวเซ็ทติ้งจีนโบราณ ส่วนจำนวนคำในแต่ละบท ต่ำสุดคือ 1000 คำ ประมาณ5หน้า แต่นักอ่านบ่น กูเลยต้องเพิ่มเป็น 1500 คำ มากสุด 2000 คำ ถ้าเกินนี้จะยาวเกิน นักอ่านเหนื่อย ต้องเขียนให้สนุกและกระชับภายในไม่เกิน 2000คำ

ตั้งแต่กูเขียน 7 ถึง 10 หน้า ไม่มีนักอ่านบ่นเรื่องนิยายแพงหรือสั้นไปอีกเลย

ถามว่าเขียนวันละ 1000คำยากไหม ดูเหมือนง่าย แต่ยากว่ะ กูอยากจะบ้าตาย คือ 1000 คำ ต้องสนุก ต้องพีค ต้องเดินเรื่องเร็ว ห้ามมีแต่น้ำ ยัดความสนุกทั้งหมดเข้าไปใน1000คำให้ได้

นิยายอะนะ แค่จะปูเนื้อเรื่องในแต่ละบทก็เกิน1000คำแล้ว แต่ยุคนี้ กูเขียนแบบนั้นไม่ได้ว่ะ ต้องเปลี่ยนจังหวะการเล่าเรื่องใหม่ทั้งหมดแบบลืมหลักการเขียนแบบเก่าๆไปให้หมด ห้ามบรรยายยืดยาว อย่าอธิบายสภาพแวดล้อมให้มากความ เอาแค่พอเห็นภาพ แล้วเดินเรื่องไวๆ เข้าจุดไคลแม็กซ์ไวๆ ทำให้คนอ่านอิ่มเอมให้ได้ภายในตัวอักษรแค่1000-2000 คำ

แต่ละวันกูเหนื่อยว่ะ เขียน2000คำ แต่เหนื่อยกว่าตอนเขียน10000คำซะอีก เพราะใน2000คำนั้นต้องมีแต่ความพีค พีค พีค ถ้าไม่พีค ช่องคอมเมนต์จะเงียบกริบ คนอ่านจะรู้สึกเสียดายเงินที่เนื้อเรื่องไม่ไปไหน และมันจะไม่ยอมเปย์บทถัดไป ต้องทำให้มันรู้สึกสนุก ต้องทำให้มันตื่นเต้นและอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ มึงห้ามหมดมุกเด็ดขาด ต้องใช้พรสวรรค์ด้วยส่วนหนึ่งว่ะ อันนี้สอนยาก เพราะกูเกิดมาก็เขียนนิยายสนุกเลย ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ไม่ดัง คือเขียนยังไงก็มีคนอ่าน มีคนคลั่งไคล้ เพราะมันมีเซ้นต์บางอย่างในตัวกู เป็นเหมือนสัญชาตญาณที่ทำให้รู้ว่าอะไรคือความสนุก แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะต้องศึกษากระแสนิยายเพิ่ม ต่อให้กูมีพรสวรรค์ มีความรู้ มีเทคนิคมากกว่านักเขียนส่วนใหญ่ในไทย แต่ถ้าไม่เขียนตามกระแส บอกเลยว่ายากที่จะทำเงิน เพราะนักอ่านจะเลือกเสพแต่สิ่งที่ตัวเองสนใจ สิ่งที่เป็นกระแสในเวลานั้น คนจะอ่านอะไรตามๆกัน

กูผ่านมาทุกยุค

สมัยก่อน โรงเรียนเวทมนต์ดังกูก็เขียน
เกมออนไลน์บูม กูก็เขียนเกมออนไลน์
ยุคต่างโลก กูเขียนต่างโลก
ยุคระบบ กูก็เขียนระบบ
ยุคนางร้าย เขียนนางร้าย
ยุคนี้แนวจีน กูก็เขียนจีนโบราณ

ไม่เคยแบ่งแยก กูมีส่วนร่วมกับทุกยุค เปลี่ยนนามปากกา เปลี่ยนไอดีไปเรื่อย ลองมาหมดแล้ว

ตอนนี้คนอ่านชอบอะไรที่เป็นเซ็ทติ้งจีนโบราณ กูก็ตามเทรน ศึกษาแนวจีนแล้วเขียนตาม แต่ในแนวจีน มันก็ยังจะมีหมวดแยกย่อยไปอีก เช่นปลูกผักทำสวน หรือย้อนเวลามาเป็นอะไรก็แล้วแต่ ขอแค่เขียนเซ็ทติ้งเป็นจีนพอ แล้วเขียนแนวของตัวเอง ถ้าก๊อปคนอื่นมาทั้งดุ้น คนอ่านจะไม่ค่อยว้าว ต้องเขียนให้แตกต่างเข้าไว้ คนอ่านจะชอบอะไรที่แปลกใหม่ มีมุกและจังหวะเล่าเรื่องที่คาดไม่ถึง ซึ่งต้องใช้พรสววรค์เยอะมาก สอนกันไม่ได้ทั้งหมด แต่สามารถเรียนรู้ได้จากการวิเคราะห์กระแส และอ่านให้เยอะ อ่านทุกแนว งานห่วยๆก็อ่าน อ่านว่าห่วยยังไง แล้วก็อย่าทำตาม สำคัญคือห้ามดูถูกคนอ่าน แต่ต้องดึงคนอ่านมาเป็นพวก ทำความเข้าใจว่ามันอยากได้อะไร แล้วหาทางสูบเงินมาให้ได้

ลงชื่อ โม่งเห็บหมา

542 Nameless Fanboi Posted ID:MuNULSm2zy

ไหนๆ พวกมึงก็คุยกันเรื่องนี่แล้ว กูจะสารภาพบาปวิธีขายวิญญาณให้ฟังอีกคน

จะด่าว่ากูมักง่ายหรือเหี้ยก็ได้ (ต้องยอมรับแล้วแหล่ะนาทีนี้) กูไล่อ่านนิยายทุกเรื่องที่มีคนดูเยอะๆ แล้วจำตอนที่พีคๆ มา

วิธีสังเกตคือตอนไหนคอมเม้นกับวิวเยอะๆ กูบอกตัวเองเลยว่าจะต้องเข้าไปอ่านให้ได้ (ถ้าติดเหรียญก็ซื้อแม่ง) เนื้อหาในนั้นจะเป็นไปได้ 2 แบบ คือถ้าไม่ว้าวโคตรๆ ก็คือเหี้ยโคตรๆ ไปเลย ดังนั้นถึงต้องเลือกเอาเฉพาะตอนที่ยอดวิวกับยอดเม้นมันสูงจนโดดออกมาจากตอนอื่น

ถ้าเจอตอนที่รี้ดเด้อชอบ ไม่ว่ามึงอ่านแล้วจะชอบหรือไม่ ให้มึงจดไว้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอน แล้วรี้ดเด้อมันครื้นเครงเพราะอะไรตอนมันมาเม้น ส่วนตอนที่โดนด่ามากๆ ก็ทำแบบเดียวกันว่าโดนด่าเพราะอะไร

ตอนจะเอา 2 อย่างนี้ไปใช้คือให้มึงแต่งนิยายตัวเองไปตามปกติ ถ้าทรีตเม้นที่เขียนคร่าวๆ มันคล้ายกับเหตุการณ์ในตอนที่มีน้อนเกรียนมาชาบูว่าสนุกจุงเบย เวลาเอาทรีตเม้นมาขยายเพื่อเขียนจริง ก็ให้ใช้ความชั่วของมึงลอกฉากพีคๆ นั้นลงไป ถ้าหน้าบางกลัวมีคนจับได้ (กูเองก็โดนหลายรอบแล้ว) ให้เปลี่ยนรายละเอียด หรือสลับจังหวะเอา ทำไปนานๆ มึงจะเก่งจนคนจับได้ยากขึ้น เช่นถ้าอันที่เคยอ่านมันเป็นพระเอกโดนรถชนแล้วมีเด็กผู้หญิงโรงเรียนเดียวกันช่วยไว้ แต่วูบไปจนไม่ทันอ่านชื่อจำได้แค่ว่าเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกันกับเป็นคนที่เปียผม พอจะไปตามหาตัว วันที่เกิดเรื่องเสือกมีคนเปียผมโรงเรียนเดียวกันโผล่ไปแถวนั้นหลายคน เลยต้องสืบเอาว่าเป็นคนไหนกันแน่ พอถึงเรื่องตัวเองก็เปลี่ยนใหม่เป็นนางเอกไปร้านเค้กที่มีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ถ้าถักเปียไปซื้อในวันเปิดร้าน ขากลับมีอุบัติเหตุไอ้หนุ่มหน้าหล่อหัวแตกนั่งมึนอยู่กลางถนน เห็นว่าใส่เสื้อโรงเรียนเดียวกันเลยเข้าไปช่วยพยุงออกมาพักข้างทางแล้วเรียกรถพยาบาลให้ ละก็ต้องรีบกลับเพราะแม่โทรตาม ปล่อยไอ้หล่อไว้แถวนั้นกับพลเมืองดี สัปดาห์ถัดมาไอ้หล่อออกตามหาสาวถักเปียในโรงเรียน นึกว่าอยากจะสานต่อที่ไหนได้คือคิดว่าอีผมเปียขโมยกระเป๋าตังค์พร้อมค่าเทอมกูไป

ส่วนตอนไหนที่คนด่าเยอะๆ ก็เหมือนเรื่องระบบร้านอาหารที่คุยกันมาเมื่อไม่นานนี้ ตรรกะมันพังเกิน ถ้าจะให้นางเอกได้กับพระเอกแบบนั้นล่ะก็อย่าหาทำ เพราะพวกเด็กเกียนในเด็กดวกจะไม่ปลื้ม

วิธีนี้คืออย่างนึงที่มะม่วงเคยสอนกูเมื่อนานมาแล้วตอนส่งข้อความลับไปคุยตอนเจอดราม่าในบอร์ดแล้วกูแอบมุดลงมาที่นี่ มันง่ายแต่ได้ผลนะ ถึงจะดูเหี้ยๆ ไปบ้าง แต่กูลอกพล๊อตลอกฉากมาเขียนอะไรใหม่ได้เยอะดี เวลาโลกกลมโดนรี้ดทักว่าฉลากนี้คล้ายเรื่องนั้นเลยนะ ถ้าไม่ทำตลกแดกกลบเกลื่อน ก็สะกดจิตมันไปว่า ไม่ใช่มั้ง คิดไปเองแล้วครับ อิอิ

ที่ออกมาแจมความเห็นนี้เพราะเดาว่าคนที่มาสับรอบล่าสุดน่าจะเป็นเจ้าตัว เลยฝากข้อความตรงนี้ให้เลยล่ะกันว่า ขอบคุณที่เคยช่วยกับรออ่านสับอยู่นะแจ๊ะ

543 Nameless Fanboi Posted ID:yrhK19OATt

โม่งเห็บหมา เมิงเอาโม่งรางวัลอวอร์ด writer of the month ประจำเดือน ธ.ค. ไปเลยจ้า
วิเคราะห์​ปั๊วะปังดีมาก นักอ่านสมัยนี้เป็นอย่างที่เมิงว่าจริงๆ ใครคิดจะเขียนเอาเงินเลี้ยงชีพเน้นตามสูตรโม่งเห็บหมาได้เลย

544 Nameless Fanboi Posted ID:LVGLyYvx7V

เออ กูอยากให้บรรยากาศในโม่งเป็นแนวนี้มากกว่าว่ะ แทนที่จะวิเคราะห์แต่ข้อเหี้ย ก็เปลี่ยนมาหาจุดดีในนิยายดูบ้าง

545 Nameless Fanboi Posted ID:GWugXXVdtq

กูอ่านแล้วสรุปกับตัวเองได้ 1 ประโยค “นักอ่านสมัยนี้สมาธิสั้น” ก็เลยแม่งต้องตีหัวเข้าบ้านตั้งแต่บรรทัดแรก กูขอเป็นลูซเซอร์ต่อไป กูกลัวเครียดตายก่อนอดตาย โม่งทั้งหลายพวกมมึงก็สู้ๆ นะ

546 Nameless Fanboi Posted ID:f91XWg1jp0

>>545 เออ ก็เข้าใจมึงนะ555 แต่ส่วนหนึ่งที่นักอ่านสมัยนี้สมาธิสั้นนี่มีสองสาเหตุหลักๆ
1.เดี๋ยวนี้เขาใข้สมาร์ทโฟนกันเป็นหลัก เวลาไถอ่านเยอะๆมันลำบากกว่าเลื่อนเม้าในจอคอมนะว้อย จอคอมกว้างกว่ามีพื้นที่ให้กวาดสายตาค่อยๆซึมซับเนื้อหา แต่ในมือถือคือจอมันเล็กลงก็ต้องไถนานกว่าเดิม+เพ่งตามากกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้า ถ้าไม่เด็ดพอกูก็เทแม่ง หมดโควต้าเจ็ดบรรทัดแค่นี้เลย จะเก็บรายละเอียดแต่ก้ปวดตาเว้ย อ่านจบบทนีงตาแห้งแล้ว มือก็ปวดอีก
2.การมาถึงของนิยายแชท เพราะมันย่อยง่าย เกตมะ นิยายแบบดั้งเดิมที่เน้นบรรยายจะทำให้เราอิ่มเอมกว่า แต่ก็แลกมาด้วยการต้องใช้พลังในการมโนสูงกว่ามาก บทพูดนี่ใครวะ ตลค.นี้โผล่มาเมื่อไหร่วะ สีตาสีผมไรอะ แต่พอเป็นนิยายแชทที่เน้นบทพูดลดบรรยายก็ย่อยง่ายขึ้น หมดปัญหานั่งนึกหน้าตาตลค.เพราะมีรูปแปะให้ และแทบไม่ต้องใช้ความมโนให้มาก เพราะฟีลเหมือนนั่งกลางวงดูตลค.คุยกันเลย เออ แต่ก็มีนิยายแชทบางเรื่อง ไม่ดิ หลายเรื่องเลย ที่ยังอุตส่าห์ยัดบรรยายเข้ามาทั้งที่เป็นนิยายแชท เช่นพระเอกแชทง้อนางเอกไม่สำเร็จ เลยยัดบรรยายว่าซิ่งรถไปหานางเอกในวิลัย เดี๋ยวก่อน...ปกติแล้วมึงไปหาใครต้องแชทบอกอย่างละเอียดงี้เลนเหรอ "นายเอสตาร์ตรถคู่ใจ เจ้าเบนซ์รุ่น××แล่นโฉบเฉี่ยวไปบนถนน มุ่งตรงสู่วิทยาลัยของนางสาวเอ" อ่านเจอทีก็อิหยังวะ มึงเข้าใจคอนเซ็ปต์ของนิยายแชทบ่สู นี่ยังไม่นับพวกนิยายเรตที่บรรยายท่าเยสด้วยนะ มึงเล่นแชทเสียวเยสกันกันผ่านสายแลนเหรอวะ5555

547 Nameless Fanboi Posted ID:.3oWAiSJ8W

>>546 นิยายแชทมันอ่านง่าย อันนี้จริง แต่กูว่ายังไงสายแฟนตาซีของนิยายแชทมันก็ไม่ไหวว่ะ เหี้ยเกิ๊น

548 Nameless Fanboi Posted ID:ngpLqPBaq7

ไอ้สมาธิสั้นเพราะสมาร์ทโฟน​มันมาจากที่ "ชินกับความเร็ว" มึงไม่ชอบอะไรมึงกดปิดทิ้งหรือเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นได้เลย หาดูอย่างนึงแล้วก็ลามไปเรื่องอื่นได้เรื่อยๆ มีความเห็นยังไงมึงก็พิมพ์​ได้ ณ เดี๋ยวนั้น พิมพ์​ถามได้ตรงนั้น เวลา 5 นาทีของคนรุ่นใหม่แม่งเสพคอนเท้นท์​ได้เยอะมาก สื่อมีเดียต่างๆแม่งเลยพยายามทำตัวให้เสพได้เร็วๆ อย่างติกตอก 1 นาทีจบ

ไอ้เรื่องกวาดสายตาอ่านนี่กูมองว่าแล้วแต่คนนะ กูชอบอ่านในมือถืออยู่แล้วไม่ว่าเนื้อหาจะเยอะหรือน้อย จอกว้างทีไรเวลาขึ้นบรรทัด​ใหม่กูสับสนบรรทัดทุกที พอนิยายมาฮิตจัดบรรทัดให้เหมาะกับมือถือแล้วกูชอบมาก ไม่มีอะไอ้ความเมื่อยล้า สบายสัดๆ กูยืนอ่านก็ได้ นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ย้ายที่ไปหาบรรยากาศ​ดีๆก็ได้ ไม่ปวดหลังเท่าหน้าคอม

549 Nameless Fanboi Posted ID:ngpLqPBaq7

กูอยากเขียนนิยายในมือถือด้วยซ้ำ ฟังชั่นคาดเดาคำล่วงหน้าจากคำที่มักพิมพ์​บ่อยๆเนี่ย ถ้าใช้คล่องแล้วมึงพิมพ์​เร็วสัสๆเลยนะมึง เอานิ้งโป้งจิ้มทีเดียวพิมพ์​ได้ 4,5,6,7 ตัวอักษร​

550 Nameless Fanboi Posted ID:ngpLqPBaq7

แต่ความเหี้ยอย่างนึงของการอ่านในมือถือ คือคนส่วนใหญจะโดน break immersion ตลอดเวลา (เพราะแม่งชอบอ่านระหว่างทำอะไรสักอย่างอยู่)​ การพรรณนา​เพื่อสร้างบรรยากาศ​ในนิยายแม่งเลยดูไร้ประโยชน์​ เพราะคนอ่านจะไม่อินแล้วบ่นว่าใส่น้ำมาทำไมเยอะแยะ

551 Nameless Fanboi Posted ID:tElHaC.+tk

สมาธิสั้นต่อให้ไม่สติสมาร์ทโฟนก็เป็นว่ะ ขนาดกูไม่ค่อยได้ใช้นะอย่างมากก็ดู Youtube พวกนี้ แต่กูก็ติดนิสัยชอบอะไรเร็วๆ เหมือนกัน
ดูคลิปอยู่เจอช่วงหน้าเบื่อกูก็กด skip รัวๆ อ่านนิยายแบบเล่มตอนนี้ก็ชอบอ่านแบบ skip จับเอาเฉพาะน้ำหาหลักๆ ละ กูว่าเรื่องนี้มันเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยีนั่นล่ะ ฉะนั้นถ้าเขียนสั้นกระชับได้ก็น่าจะขายได้ง่ายกว่าจริงแบบโม่งเห็บหมาบอกนั่นล่ะ

552 Nameless Fanboi Posted ID:M05/UQwwSF

เฮ้ยดีวะ ไอ้เห็บหมานี่ ตอนแรกกูก็เกร็งว่าใช่ไรเตอร์ที่กูตามมั้ย ปรากฎว่าไม่วะ
ส่วนตัวกูก็ชอบแบบเดิมอยู่ดีวะ ไรเตอร์แม่งเข้าใจเขียนและมีพื้นที่ว่างให้นักอ่านจินตนาการกูล่ะชอบตรงนี้มี่สุด เหมือนหนังอ่ะ มันจะไม่บอกมึงตรงๆว่ามันทำอะไรแต่ก็มีเกริ่นหรือการกระทำเล็กๆน้อยๆที่ให้คนอ่านจินตราการต่อ ซึ่งคนอ่านรุ่นกูฟินมากเวลาที่ได้อ่าน
พอไปอ่านของยุคนี้แม่งไม่ไหวจริงนะ มึงจะเปลี่ยนฉากไวไปไหน ทำอะไรฉับไวชิบหายหายกูนึกว่าเหตุฉุกเฉิน

553 Nameless Fanboi Posted ID:O4WmbzgyNf

เพราะงี้เลยทำให้นิยายมันเน้นtellมากกว่า show ไปโดยปริยายปะวะ บอกๆไปแม่งเลยว่าทำไรกัน สั้นดีอ่านง่ายด้วย ไม่ต้องบรรยายมาก จริงๆมันก็เสียอรรถรสไปหน่อยนะสำหรับกูที่โตมากับนิยายยาวๆ แต่ทำไงได้วะก็คุ้ยหาเรื่องที่ชอบเอา 55

554 Nameless Fanboi Posted ID:LCie.7a7wx

>>552 เห็นมึงว่ามีพื้นที่ให้จินตนาการนี่กูอดขำไม่ได้ว่ะ 55555
ส่วนใหญ่ที่กูเจอคำนี้แม่งมากับสไตล์นิยายแชทกับเว้นไว้ปลูกหญ้าหมดเลย
อย่างน้อยนิยายในช่วง10-15ปีที่ผ่านมาเท่าที่อ่านกูก็ไม่รู้สึกว่ามันบรรยายละเอียดอะไรนะ แม่งมีแค่ส่วนน้อยจริงๆ
แต่พวกนิยายรุ่นเดอะคือเยอะจริงเวิ่นเว้อจริง อ่านไปแล้วเหนื่อยสัด เป็นแทบทุกเรื่องเลยมั้ง เป็นอิทธิพลจากเพชรพระอุมาหรือเมื่อก่อนมันฮิตแบบนี้ก็ไม่รู้

555 Nameless Fanboi Posted ID:tElHaC.+tk

>>554 กูจำได้สมัยเขียนส่งสนพ.เมื่อก่อน แม่งบังคับเลยว่าต้องเขียนกี่หน้า บรรยายหน้าละกี่บรรทัดกี่คำซึ่งพอทำออกมารูปเล่มแล้วโคตรหนา คือเข้าใจว่าเมื่อก่อนมันไม่มีไลท์โนเวล นิยายทั้งหมดเลยถูกจัดเป็นวรรณกรรมไปเลย ซึ่งปัจจุบันมันแยกย่อยออกมาเป็นหลากหลายขึ้น

อย่างพวกนิยายบทเว็ปหรือ LN นี้มันใกล้เคียงกับการ์ตูนหรือซีรีย์ที่เขียนด้วยตัวหนังสือมากกว่า ซึ่งถ้าเทียบกับวรรณกรรมหรือนิยายสมัยก่อนมันให้อารมณ์เหมือนหนังโรงไปเลยจึงต้องละเอียดยิบกันหน่อย

556 Nameless Fanboi Posted ID:HE4InBFJDu

>>538 อ่านแล้วรู้สึกว่าตัวเองโชคดีเลยที่ไม่เลือกจะเป็นนักเขียนตอนเรียนจบ ม.ปลาย ไปตั้งใจเรียนมหาลัยสาขาที่ไม่เกี่ยสข้อง แล้วมานั่งเขียนนิยายวันละชั่วโมงหลังทำงานแทน

557 Nameless Fanboi Posted ID:mQnbPe0K/q

เขียนเป็นงานอดิเรกน่าจะเหมาะกับกูสุดละเหมือนกัน ยังไงก็ขอบใจโม่งเห็บหมาที่มาบอกเล่าเก้าสิบประสบการณ์ตัวเองละกันนะ

558 Nameless Fanboi Posted ID:0b46ps5emi

หลังจากที่กูอ่านที่โม่งเห็บหมาบอกไป กูเห็นด้วยมากเลยนะเว้ย กูคิดว่าที่แม่งพูดทุกอย่างมีเหตุผล ทั้งเรื่องทำตอนให้สั้น ให้พีค หรือเลียนแบบที่พวกเด็กมันชอบ กูเลยพยายามไปลองอ่านนิยายติดท็อปดู เริ่มจากเรื่องระบบภัตตาคารอะไรนันน่ะ ผลคือแม่งไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่างที่มึงบอก ไหนวะความพีคในตอน กูเห็นแม่งมีแต่นํ้ากับความโม้เx็ดม้า เป็นการอ่าน 14 ตอนที่ทรมานที่สุดในชีวิตกูเลยมั้ง ระบบภัตตาคารเชี่ยไร กูเห็นแม่งทำกับข้าวอยู่ไม่กี่ตอน แถมแม่งเป็นต้มยำกุ้ง x 400 ด้วย เมนูก็ไม่เปลี่ยน มีเปลี่ยนอีกทีเป็นข้าวผัดไข่ แต่เสือกได้ห้าดาวคนชอบโคตร ๆ ตั้งแต่เมนูแรก (กูล่ะสงสัยว่ามันจะเล่นต่อยังไง พระเอกเทพเวลตันแต่ต้นเรื่องงี้) ได้รางวัลเป็นสปิริตที่สเกลพลังอย่างโม้ คนอื่นเขามีตัว/สองตัว ไอ้เปรตนี่มีเก้าตัว

ไม่ไหวว่ะ กูทำตามแม่งไม่ได้จริง ๆ มันได้ที่สองมาได้ไงวะ เอาจริง ๆ คือคอนเซปต์มันได้นะ กูเห็นลู่ทางที่จะทำเนื้อเรื่องให้ดีด้วย เสียดายที่แม่งหวยออกมาเวย์นี้ เสียดายของ

ปล.คนเขียนเรื่องนี้มันเป็นอะไรกับการเx็ดแล้วทิ้งวะ กูเห็นมีประเด็นเรื่องนี้มาตั้งแต่เรื่องดันเจี้ยนละ

559 Nameless Fanboi Posted ID:vRym/TCVI.

>>558 เรื่องนี้มันอาจกินบุญเก่าเรื่องก่อนมาส่วนนึง อีกอย่างคือมันเดินเรื่องตามขนบนิยายจีนแนว Cultivation เป๊ะๆ 1,000 % แล้วคนอ่านก็ไม่รู้เป็นเหี้ยไรกัน พอเห็นว่ามีระดับพลัง มีความเทพซ่าพรวดพราด ก็หลับหูหลับตาอ่านแบบไม่สนหีแตดใดๆ (ซึ่งเป็นหนึ่งในความไม่เข้าใจขั้นสุดของกูเรื่องหนึ่งเลยเกี่ยวกับนิยาย) เรื่องเหี้ยนี่อ่านแล้วทรมานจริง ถ้าไม่มีคนโฆษณาว่ามันพีคที่ตอน 18 กูจะปิดทิ้งตั้งแต่ตอนแรกหลังจากเห็นคำว่า "สวะ" เพราะเดาได้เลยว่าสุดท้ายคงเทพซ่ายอดนักเยดตามเคย

560 Nameless Fanboi Posted ID:mQnbPe0K/q

กูเห็นแย้งกับโม่งเห็บหมานะ คนอ่านของกลุ่มจีนโบราณส่วนใหญ่เป็นผญว่ะ ในขณะที่สายแฟนตาซีคนอ่านส่วนใหญ่เป็นผช ค่อนไปทางเด็กเกรียนๆด้วย การแข่งขันมันเลยไปคนละแบบกัน อย่างจีนโบราณอะแข่งขันสูงจริงไม่เถียง ช้านิดหน่อยนักอ่านเทจริง บางทียังเจอคอมเม้นท์นักอ่านด้วยกันด่ากันเองเลยก็มี แนวโน้มนักอ่านที่เป็นผญ เปย์สูงกว่านักอ่านผช ด้วย ละสุดท้ายกูก็ยังยืนยันว่าระบบภัตรคารมันห่วยจนกูไม่สามารถเอาตรรกะใดๆของเห็บหมามาเทียบได้เลยว่าทำไมมันถึงติดท๊อป นขชอบเล่นประเด็นเยละทิ้ง พระเอกเป็นขยะเปียกที่มีเมียเทพทุกเรื่อง มีสเกลพลังเวอร์วังจนไม่รู้จะอะไรยังไง จริงๆกูอยากได้สักคนวิเคราะห์ว่าทำไมมันถึงดังนะ เอาแบบมีเหตุมีผลไม่เอาแบบมาด่าๆน่ะ อยากรู้จริงๆ

561 Nameless Fanboi Posted ID:mQnbPe0K/q

เห็นแย้งกับโม่งเห็บเรื่องคุณภาพนักอ่านของแต่ละแนวนะเว้ยไม่ได้เห็นต่างเรื่องที่มันวิเคราะห์

562 Nameless Fanboi Posted ID:etHa2c+MG2

โลกที่กูพูดถึง คือโลกของ top20 หมวดรวม ที่การแข่งขันสูง ไม่ใช่โลกเล็กๆของท็อปหมวดแฟนตาซี

เอาง่ายๆ กูขอพูดความในใจตรงๆเลยละกัน ว่าอันดับท็อปหมวดแฟนตาซีนี่เด็กน้อยมาก

เรื่องระบบภัตตาคารที่พวกมึงพูดถึง กูไปดูมาแล้ว คนติดตามแค่ 4000 คน อัพไป160ตอน แต่ยอดวิวรวมแค่170000 รายได้รวมคือเกือบๆแสนบาท ซึ่งน้อยมาก จำนวนตอนขนาดนั้นรายได้ควรจะอยู่ที่400000บาทเป็นอย่างต่ำ และน่าจะไม่เคยติดท็อป20หมวดรวมด้วยซ้ำ

กูไม่เคยมองเรื่องนี้เป็นคู่แข่ง กูอึ้งมากที่นิยายเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงในโม่ง คือเหมือนอยู่กันคนละโลก คนละเลเวลกับกู จนกูไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามโดยนิยายเรื่องนี้อะ ก็เลยไม่ได้พูดถึง

กลุ่มเป้าหมายของนิยายเรื่องนี้คือเด็กผู้ชายในหมวดแฟนตาซี ซึ่งถือเป็นปลาบ่อเล็ก ขณะที่กูนั่งเรือลำใหญ่จับปลาในมหาสมุทร เน้นกลุ่มผู้หญิงที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ที่อ่านนิยาย มีกำลังจ่ายเยอะ

นักอ่านมีหลายกลุ่ม หลายเพศ หลายวัย เราต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นเกมให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง

ถ้ามึงอยากดึงดูดนักอ่านชายในหมวดแฟนตาซี มึงก็ต้องวิเคราะห์ว่ามันชอบอะไร แล้วเขียนไปตามนั้น แต่กูไม่เอาด้วย เพราะนักอ่านชายมีน้อยเกินไป กำลังจ่ายมีไม่มาก จริงอยู่ที่เมื่อสองสามปีก่อนมีกระแสsolo leveling กับนิยายแปลญี่ปุ่น ทำให้ในเว็บมีนักอ่านชายเยอะ ที่ส่วนใหญ่อารมณ์ค้างจากนิยายเกาหลี อยากมาอ่านนิยายแนวเดียวกันในเด็กดี แต่กระแสพวกนี้มาไวไปไว ตอนนี้หมวดแฟนตาซีร้างมาก ยอดวิว1000ต้นๆ ก็ขึ้นท็อป20แล้ว ทำกินลำบาก

ณ เวลานี้ เป็นยุคของนิยายจีน ปลาบ่อใหญ่คือนักอ่านเพศหญิง ซึ่งในอนาคต อะไรๆก็จะเปลี่ยนไปอีก เหมือนกับเล่นเกมอะ เปลี่ยนแพทช์ใหม่ก็เปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ไปเรื่อยๆ

และมึงอย่าคิดว่าพวก top20 หมวดรวม จะมีสกิลการเขียนสูงส่งอะไรมากมาย ส่วนใหญ่เป็นพวกฟลุ๊คดังทั้งนั้น พวกตามกระแสก็เยอะ สกิลการเขียนหมาไม่แดก ดังเรื่องเดียวแล้วก็หาย เขียนเรื่องถัดไปล้มเหลวกู่ไม่กลับ ซึ่งถ้าให้วิเคราะห์ให้ฟังคงยาว แต่ขอเล่าเคสหนึ่งให้ฟังแบบสั้นๆ ว่าการฟลุ๊คดังคืออะไร

แต่พวกมึงเชื่อไหม แค่รูปหน้าปกรูปเดียว สามารถทำให้นิยายเรื่องหนึ่ง ดังระเบิดและติดท็อป20หมวดรวมได้ คือพวกนักอ่านหญิงอะ มันจะชอบนิยายที่มีตัวละครเด็กแฝดน่ารักๆในเรื่อง แล้วมีนักเขียนคนหนึ่ง บังเอิญเอารูปเด็กแฝดขึ้นปกนิยาย จนนิยายดังระเบิด แต่เนื้อเรื่องโคตรเหี้ย นิสัยเด็กแฝดก็ไม่ได้น่ารักอะไรเลย คอมเมนต์มีแต่คำด่า แต่กลับทำเงินหลายแสน เพียงเพราะปกนิยายมีรูปเด็กแฝด สุดท้ายนิยายเรื่องนั้นก็จบลงไปแบบทุลักทุเล นักเขียนคนนั้นก็เขียนเรื่องใหม่ แต่กลับล้มเหลวหมดท่า ไม่อาจหาคำตอบว่าทำไมตัวเองถึงไม่ดังเหมือนเก่า

แต่กูรู้ไง ว่านักอ่านมันเห่อ 'เด็กแฝด' หรือที่วงการนิยายจีนเรียกกันว่า 'ก้อนแป้ง' นี่คือเคสที่แค่ปกนิยายก็ทำให้ปังได้ แต่นักเขียนคนนี้มันเชื่อจริงๆ ว่านิยายตัวเองดังเพราะฝีมือการเขียน จนตอนนี้นิยายเรื่องใหม่เน่ามาก คนอ่านแค่หลักร้อย แต่มันก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเคยดังเพราะอะไร ทำไมนิยายเรื่องใหม่ถึงแป้ก น่าสงสารเหมือนกัน แต่คนไม่มีพรสวรรค์ ดังเพราะทางลัด กูคงช่วยอะไรไม่ได้ ชีวิตนักเขียนคงจบสิ้นแค่นี้

ลงชื่อ โม่งเห็บหมา

563 Nameless Fanboi Posted ID:vRym/TCVI.

พูดถึงก้อนแป้งนี่ มันมีที่มาที่ไปอะไรบ้างมั้ย หรือเป็นแค่คำนิยมเรียกในนิยายจีนเฉยๆ เพราะก่อนหน้านี้กูเคยเห็นมีคนคุยถึงเรื่องก้อนแป้งกับตัวเอกหญิงแนวทะลุมิติไปรวยหรือเทพซ่าส์ในโลกอดีตจีน คุยไปคุยมาออกทะเลไปเยอะเลย แต่สาระเหมือนจะพูดถึงเรื่องทำไมนิยายตอนนี้มันถึงฮิตย้อนเวลากลับไปเลี้ยงก้อนแป้งกับโกยเงิน หรือมันสนองตัญหาพวกผู้หญิงสมัยนี้ได้ อะไรพวกเนี้ย

564 Nameless Fanboi Posted ID:etHa2c+MG2

ยุคที่นิยายปลูกผักกำลังโด่งดัง แค่มึงใช้รูปหน้าปกเป็นรูปสีเขียวของใบหญ้า คนอ่านก็พร้อมจะคลิกเข้ามา

หรือยุคที่นิยายระบบกำลังดัง แค่นิยายมึงมีคำว่า 'ระบบ' นักอ่านก็พร้อมจะคลิกเข้ามา

สมัยเกมออนไลน์ นิยายมึงต้องมีคำว่า 'ออนไลน์' ต่อท้าย

การแข่งขันมันเริ่มตั้งแต่ปกนิยายไปจนถึงชื่อเรื่องแล้วอะ อย่างไอ้ระบบภัตตาคาร มันมีคำว่า 'ระบบ' ซึ่งคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับระบบอยู่แล้ว เห็นนิยายระบบก็อยากอ่าน ไม่สำคัญหรอกว่าสนุกไม่สนุก แต่คนจำนวนมากมันหลงเข้าไปอ่านแล้ว มันเปิดใจง่าย เพราะแนวนิยายมันคุ้นเคย

สนุกไม่สนุกเรื่องรอง เพราะมันทำให้คนอ่านคลิกเข้าไปอ่านได้ คือคนอ่านมันชอบ 'ระบบ' ต่อให้เรื่องห่วย แต่คนอ่านมันผูกพันกับคำว่า 'ระบบ' อยากอ่านระบบ คุ้นเคยกับระบบ เพราะนั่นคือสิ่งที่มันอยากอ่าน พวกมึงเข้าใจไหม

นิยายบางเรื่องดีงามมาก แต่ชื่อเรื่องกับปกนิยาย ไม่ตรงกระแส คนไม่คลิกเข้ามาอ่าน จะรู้ได้ไงว่านิยายมึงสุดยอด แพ้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว

ยกตัวอย่างนิยายกูเอง ไม่มีอะไรตามกระแสสักอย่าง กว่าจะดังได้ก็ลำบาก แต่พอดังแล้วก็พีคกว่าเรื่องที่ตามกระแสซะอีก เพราะไม่มีใครเลียนแบบกูได้ ไม่สามารถหาจังหวะการเล่าเรื่องของกูได้จากนิยายเรื่องอื่น แต่เส้นทางนี้มันยากเกินไปว่ะ ไม่แนะนำ

แต่ถ้าเป็นไปได้ กูขอตั้งชื่อเรื่องให้ตรงกระแส ทำปกดึงดูดคนอ่านดีกว่า เพราะมันเป็นเส้นทางที่ง่าย ไม่ต้องดิ้นรนมากมาย

ลงชื่อ โม่งเห็บหมา

565 Nameless Fanboi Posted ID:etHa2c+MG2

จุดร่วมของนักอ่านหญิงและชายก็คือ พวกมันชอบตัวเอกเทพๆ

ถ้าตัวเอกโง่ นักอ่านจะด่าไม่หยุด ยุคนี้คือต้องเทพจริงๆ จะมาค่อยๆพัฒนา หรือมีพลาดพลั้งเหมือนมนุษย์ทั่วไป กูบอกเลย พัง

สูตรนิยายจีนแนวขายหญิง ที่นิยมในช่วงปีนี้กับปีที่แล้วก็คือ

ย้อนเวลามาอยู่ในร่างสตรียากจน มีครอบครัวและญาติเหี้ยๆชอบเอาเปรียบ เจอผัวชั่ว (ซึ่งจุดนี้นักอ่านจะเชียร์ให้นางเอกหย่าและแยกบ้านออกมาไวๆ นักอ่านจะลุ้นมาก)

ซึ่งจะนำมาสู่ทางออกสุดท้าย นั่นคือนางเอกตัดสินใจหย่า หลุดพ้นจากผัวเก่า หลุดพ้นจากครอบครัวและญาติเหี้ยๆ สร้างรายได้ ทำงานหาเงิน เลี้ยงลูกแฝด จนร่ำรวย สร้างความฟินแก่เหล่านักอ่าน

จากนั้นพวกผัวเก่ากับครอบครัวก็จะกลับมาเกาะนางเอกตอนที่รวยแล้ว คนอ่านก็กรี๊ดแตก พร้อมใจกันก่นด่าผัวเก่า เชียร์ให้นางเอกอย่ากลับไปยุ่งกับพวกมัน กลายเป็นดราม่าสุดระทึก ทำนักอ่านลุ้นอีกแล้ว

ส่วนอาชีพนางเอกก็มีไม่กี่อย่าง
1.ขายผัก
2.ทำสบู่ขาย (คนจีนโบราณไม่ชอบอาบน้ำ ทำไปขายใครวะ? ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนก่อนมาเขียนแน่ๆ)

นี่คือสูตรสำเร็จที่ทำตามๆกันมา กูเบื่อชิบหาย ลอกกันมาแทบทุกเรื่อง โคตรไร้พรสวรรค์ แต่นักอ่านมันชอบอะไรประมาณนี้ไง

ซึ่งกว่านักอ่านจะเอียนกับแนวนี้ พวกนักเขียนตามกระแสก็รวยไปแล้ว 5555

ปัจจุบัน แนวปลูกผักแทบไม่เกิด เพราะคนอ่านเบื่อ สรุปว่ากระแสแนวนี้อยู่ได้แค่ปีกว่าๆ ซึ่งกูว่าสั้นมากอะ

ลงชื่อ โม่งเห็บหมา

566 Nameless Fanboi Posted ID:vRym/TCVI.

>>564 เฮ้ย อันนี้โคตรจริง เรื่องหน้าปกกับชื่อเรื่องอะ ตอนแรกกูไม่อยากยอมรับ แต่สุดท้ายต้องทำใจหลังทดลองเขียนมาหลายเรื่องว่าสมัยนี้แม่งมองกันที่ภายนอก ปกต้องสวยไว้ก่อน ชื่อต้องน่าสนใจหรืออยู่ในเทรนหลัก ไม่งั้นแม่งเกิดยากจริงอะไรจริง

567 Nameless Fanboi Posted ID:CI.R1/BCpS

เรื่องชื่อนี่ใช่เลย สมัยแนวเกิดใหม่บูมกูก็แค่ตั้งชื่อเรื่องว่าเกิดใหม่ แค่นี้แม่งคนติดตามก็วิ่งเข้ามา 3000 กว่าในเวลาเดือนเศษ

568 Nameless Fanboi Posted ID:Tjymewyek2

>>559 แนว Cultivation นี่คือยังไงนะ

569 Nameless Fanboi Posted ID:WKYHq.f5CA

>>564 เออ อันนี้เห็นด้วยว่ะ หลายเรื่องมากที่ดูดรูปจากพินเทอเรสมาตกนักอ่าน+ตั้งชื่อเกรียนๆหน่อย
ที่เรื่องภัตตาคารมันตกเป็นกระแสเพราะ
1. คนที่โผล่มาในโม่งส่วนใหญ่เขียนแนวแฟนตาซีว่ะ กูเดาเอาจากนิยายที่ยกมาสับ ส่วนใหญ่เป็นสายแฟนตาซี
2. เรื่องนี้ตรรกะมันเหี้ยโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ เลยตกเป็นประเด็นเอามาถก มันเหี้ยแบบเหี้ยมากจนกูสงสัยไงว่ามันติดท๊อปได้ยังไง เอางี้ ถึงติดท๊อปได้ก็ไม่น่าได้อันดับสองไงทั้งๆที่มีเรื่องอื่นๆในลำดับเดียวกันดีกว่าเยอะ
แต่ฟังจากที่มึงวิเคราะห์ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ

570 Nameless Fanboi Posted ID:Tjymewyek2

>>569 ท็อปร้อยแฟนต้านี่เหลือเชี่ยไรดีบ้างวะ

571 Nameless Fanboi Posted ID:vRym/TCVI.

>>568 แนวบ่มเพาะพลัง บำเพ็ญเพียรเพื่อเลื่อนขั้น เพิ่มระดับลมปราณหรือพลังเวทขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวเอกมักจะเกิดมากาก ไร้พลังหรือมีพลังต่ำจนโดนดูถูกตอนเริ่มเรื่อง หลังจากนั้นก็มีเหตุให้เก่งขึ้นได้เรื่อยๆ จนเทพซ่าส์ไปในที่สุด

ถ้าเป็นหนังจีนสมัยก่อนแนวบ่มเพาะแบบค่อยเป็นค่อยไปดั้งเดิมจริงๆ คือพวกคนที่เป็นนักพรต บำเพ็ญตบะเพื่อเลื่อนขั้นฌานของตนจากคนธรรมดาขึ้นเป็นนักบวช จากนักบวชก็พยายามจะขึ้นเป็นเซียน เลยจากเซียนก็ขึ้นไปเทพเจ้า ฯลฯ ถ้าเป็นสัตว์มาก่อน ก็จะเริ่มที่ขั้นแปลงร่างเป็นคนได้ ถ้าผ่านการอาบแสงสุริยันจันทรามาเป็นร้อย, พันปี ก็จะเลื่อนขึ้นเป็นพวกพญาหรือนางพญา เลยจากนั้นก็เป็นเทพอสูร กว่าจะมีฤทธิ์เก่งกล้าได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องผ่านการบำเพ็ญอย่างโคตรจะยาวนานทั้งฝั่งคนฝั่งสัตว์ บางทีฝึกกันข้ามชาติ (ที่ไม่ได้หมายถึงข้ามประเทศ) ตายเกิดวนไปไม่รู้กี่รอบ ผิดกับสมัยนี้ที่มีระบบเหี้ยไรไม่รู้มาช่วย แป๊บๆ ระดับพลังก็เพี้ยนจนกู่ไม่กลับ พระเอกนางเอกอยู่ดีๆ ก็เทพสัสรัฐเซียแซงพวกเก่งๆ ในเรื่องไปได้หน้าตาเฉย Cultivation ของยุคนี้เลยไม่ใช่การค่อยๆ ไต่ระดับ แต่เป็นเกิดชาตินี้พี่ต้องเทพขึ้นไปเรื่อยๆ ชาติก่อนเทพแค่ไหน เกิดชาติใหม่ก็เทพเหมือนเดิม จำได้ตั้งแต่เกิดว่าเคยเก่งยังไง แล้วฝึกต่อเพื่อให้เทพซ่าส์ขึ้นไปอีก ด้วยตัวช่วยเสริมต่างๆ ทั้งยาเม็ดเพิ่มพลัง ไอเท็มวิเศษให้ดูดซับพลังเวท หรือเหี้ยไรก็ได้แล้วแต่งคนเขียนจะดันทุรังใส่มาเพื่อให้ตัวเอกมันเก่งกว่าชาวบ้านให้ได้

572 Nameless Fanboi Posted ID:WKYHq.f5CA

>>570 มันก็ยังมีที่กูคิดว่าโอเคอยู่บ้างนะ แต่จะให้แนะนำตรงนี้ กูว่าจะกลายเป็นเอานิยายที่กูชอบมาให้พวกมึงยำแทนน่ะสิวะ เอาเป็นว่ามีหลายเรื่องที่ไม่ถูกใจเด็กเกรียนแต่เทะแบบสมเหตุสมผลและตรรกะไม่บ้งที่ควรขึ้นแท่นมากกว่าอะ

573 Nameless Fanboi Posted ID:svVuXg.C2S

>>572 ถ้ามันดีจะกลัวอะไรล่ะเพื่อนโม่ง แล้วถ้ามึงชอบจริง ต่อให้คนอื่นรุมด่ามึงก็ยังชอบอยู่ดีป้ะ เอามาเลย ๆ

574 Nameless Fanboi Posted ID:/s+Twom7qV

กูไม่รู้ว่าท็อปไหม แต่กูชอบวีรอนเดลทุกเรืีอง

575 Nameless Fanboi Posted ID:1xR03Act7I

>>572 มึงม้าเหรอ!!
อะกูดักไว้ละ หวังว่าจะไม่มีโม่งที่ไหนมาเล่นซ้ำ มึงเอามาแนะนำได้ตามสบาย

576 Nameless Fanboi Posted ID:WKYHq.f5CA

>>574 อ่า ใช่ กูชอบวีรอนเดลเหมือนกัน แล้วก็ลวิตด้วย
>>575 อันนี้ฮา
เออ กูแนะนำเรื่อง legeng of magician ไม่รู้สะกดถูกป่าวนะ ท๊อปยี่สิบแฟนตาซี ที่เท่าไหร่ไม่รู้ ภาษาโอเค พล๊อตแนวย้อนเวลามาเทพซ่าแต่ไม่ได้มาถึงปุ้บเก่งปั้บ มีช่วงเวลาพัฒนาตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นๆกูยังคุ้ยๆหาอ่านอยู่ว่ะ แนวที่เห็นโดดๆมาตอนนี้ก็แนวเทพซ่าเงินเยอะ กับเทพซ่าหลุดไปในโลกแฟนตาซีพร้อมระบบโกง(คล้ายๆกับยอดนักขุด) สองแนวนี้กูว่าอีกหน่อยน่าจะมาแทนเทพซ่าบ้าพลังนะ แต่กูไม่ชอบเลยไม่ได้อ่าน ส่วนใครมีไรก็มาแนะนำได้

577 Nameless Fanboi Posted ID:CDj3oYyYHO

>>576 แนวระบบแบบนี้มันแต่งง่ายเทพไว น้อนเกรียนเค้าชอบแบบนี้ นิยายเล่ม 150 ไม่ซื้อ ตามซื้อตอนละ 2 บาท 300 ตอนแทน

578 Nameless Fanboi Posted ID:59BBxoDozR

>>577 เดี็ยวนี้นังมีเล่ม 150 อีกเหรอวะ ที่กูซื้อ 300+ ทั้งนั้น.....

579 Nameless Fanboi Posted ID:doGaT/rabA

>>578 เปรียบเทียบให้ฟังเฉยๆ เพราะความเป็นจริงมันตอนละบาท แต่ยืดไป 1300 ตอน

580 Nameless Fanboi Posted ID:8ICoh1RaC6

บางเรื่องแต่งไม่จบด้วยนะมึง ถ้าใครเปย์ก็เลือกเรื่องดีๆหน่อยล่ะ

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.