>>436 แถมหน่อย เผื่อใครไม่รู้น้ำรูทะลักขี้ไปเอารูปเจ๊หัวแดงมาจากไหน
มาจากเกม Jingai Makyou
https://vndb.org/v400
นี่ข้อมูลเจ๊หัวแดงของน้ำรูทะลักขี้
https://vndb.org/c36426
แล้วนึกสภาพอ่านนิยายมัน พอจินตนาการฉากติดเรทก็ออกมาเป็นภาพแบบลายเส้นของแม่ง แค่คิดก็เหี่ยวแล้ว
กูว่าไม่ใช่อ่านกฏไม่แตก แต่อยากตีเนียนโปรโมทนิยายมากกว่า ขนาดจะตั้งคำถามเรื่องยกเลิกจบเรื่อง ยังต้องเกริ่นซะยาวเลยว่าเขียนเรื่องนี้นะ จบแล้วนะ จะยกเลิกยังไงดี มึงถามมาตรงๆเลยก็ได้ว่ากดยกเลิกตรงไหน
นอกเรื่อง กูเพิ่งดู foundation จบ ss1
ดูจบแล้วอุทานร้องเหี้ยออกมาเลย ของดีจริง ๆ
ก่อนหน้ากูไม่เคยคิดจะอ่านนิยายเรื่องนี้ของตาลุงไอแซคเลย ชื่อแม่งเชย แต่พอมาดูซีรีย์จบ กูคงต้องไปหานิยายมาอ่านละ
ส่วนที่ชอบ (เอาแค่จากที่ดูในซีรีย์)
- ชอบคาแรคเตอร์ขององค์จักพรรดิมากก แม่งตัวร้ายในอุดมคติเลย ซับซ้อนระดับหนึ่ง มีหลายอารมณ์หลายมิติดี
- ศาสนาลูมินิสม์ ศาสนาใหญ่สุดในเรื่อง เอไอยังนับถือ
- ฮาริ เชลดอน สุดยอดเจ้าแผนการ
- ฝากตัวอ่อน, หลับระหว่างจัมป์, สตาร์บริดจ์, โคลนนิ่ง, AI bot ตัวสุดท้าย, เสียบหัวเพื่อกำหนดจุดจั๊มป์, ยานทำลายดาว, etc.
ข้อสังเกต
- แม่งน่าง่วงอย่างน่าประหลาด ทั้งที่กูชอบนะ แต่บางตอนก็ลุ้น แต่บางตอนก็ไม่ค่อยลุ้น เพราะรู้ว่าตัวละครทำสำเร็จชัวร์ ๆ
- ดำเนินเรื่องสับไทม์ไลน์ไปมา ถ้าดูข้ามๆ อาจงง แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่เท่าไหร่ ปะติดปะต่อง่าย
ตอนนี้เด็กดอยรับสมัครคนตรวจนิยายแล้วนาจา โม่งไหนใฝ่ฝันว่าอยากมีส่วนร่วมปฏิรูปเว็บไปส่งเรซูเม่กันเลยมึง งานประจำด้วย หน้าที่คงประมาณไล่สแกนนิยายในเว็บหาเรื่องที่ทำผิดกฏนั่นแหละ กับหาเรื่องที่พอมีแววมาดัน โอกาสอยู่ในมือมึงแล้วโม่ง
>>449 https://www.dek-d.com/job/job-details.php?position=content&job=ContentModerator คุณสมบัติคือมีความยุติธรรม และยึดมั่นกับหลักการ ใจเย็น และมีความอดทนสูง จะไหวเหรอวะพวก ?
ไม่ยากหรอก ไม่มีฉาก XXX ก็ปล่อยผ่านหมด ต่อให้ตรรกะแย่แค่ไหนก็ตาม
กูไม่ได้เขียนนิยายนานมากกก ส่องไฟล์นิยายสุดท้ายคือช่วงปี 2018 เหออออ
กลับมาเขียนแม่มจะรอดมั้ยเนี่ย
อยากแหกเรื่องบ้งๆ แชร์กันหน่อยไหม เรื่องแรกที่กูเสนอคือ ระบบยอดนักเย้แห่งภัตตาคารกับอีกเรื่องคนแต่งเดียวกัน นักลงดันเจี้ยนแต่ต้องเงี่ยนก่อนลง< อันสองนี่น่าจะได้แรงใจจาก ป๊ะป๊าแสนฉลาดที่ติดท๊อปด้วยกัน กลิ่นตุๆเชียว แล้วสุดท้ายคือ ย้อนเวลามาเป็นราชาในโลกอดีตที่พึ่งได้รับการแนะนำครั้งล่าสุด
ในนิยาย แนวแอคชั่น แฟนตาซี ไซไฟ อะไรพวกนี้ มีพระเอกนิยายบุคลลิกแบบไหนบ้างวะ ที่เมิงไม่ค่อยเห็นกัน ?
แม่งว่างว่ะ... สับนิยายเล่นดีกว่า
ชื่อเรื่อง : 'Unique Online' เพราะฉันไม่เหมือนใคร
นามปากกา : Loser
ลิงก์ : https://writer.dek-d.com/zazax213/writer/view.php?id=2149139
คำโปรย : Unique Online คือโลกที่ผู้เล่นจะได้รับสิ่งที่เรียกว่า ยูนีค พลังเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งยูนีคจะเติบโตไปพร้อมกับคุณจนกลายเป็นพลังที่ไม่เหมือนใครในท้ายที่สุด เอาล่ะ...ยูนีคของคุณคืออะไรล่ะ?
หมวด : ฟรีสไตล์ > เกมออนไลน์
จำนวนตอน : 183 ตอน
สถานะตัวเรื่อง : ยังไม่จบ [ อัพเดตล่าสุด 4/12/64 ] อัพเดตวันนี้เลย
ชื่อเรื่องมีคำว่า Online ตามมาตรฐานของนิยายเกมออนไลน์ ส่วนภาษาไทยทำหน้าที่หลอกล่อคนอ่านว่า "สรุปแล้วมึงไม่เหมือนใครยังไงวะ" ซึ่งคำตอบก็อยู่ในคำโปรยข้างล่างนั้นเอง ณ ตอนนี้ที่ยังไม่ได้อ่าน (เวลากูจะสับ ก็จะไม่อ่านก่อนเพื่อให้ได้ความรู้สึกสดใหม่) คำโปรยทำให้กูอคตินิดๆ ไปก่อนแล้วว่าคนแต่งคงไม่เคยเล่นเกมออนไลน์เหมือนเดิมอีกแหงๆ เพราะการมียูนีคแบบนี้ทำให้สมดุลเกมพังโคตรๆ กูไม่ได้พูดในเชิงการเพิ่มส่วนขยาย แต่พูดในด้านความลำบากของคนที่ต้องพึ่งดวงในการเล่น ตั้งแต่ขั้นตอนแรกในการสร้างตัวละคร
ทีนี้พอมองว่าตัวเกมมีเมชานิคหลักเหมือนกัน สเตตัสในพารามิเตอร์ส่งผลแบบเดียวกันกับทุกตัวละคร และสกิลประจำอาชีพได้รับมาตามปกติ ไอ้สกิลยูนีคที่ว่าไม่เหมือนใครเนี่ย เป็นตัวกำหนดชะตากรรมในเกมของมึงเลย ว่าตัวละครนี้จะเทพซ่าส์หรือกากสัส กฏที่กูอ่านดูคราวๆ คือยูนีคที่ออกไปแล้วจะไม่ออกมาซ้ำ และตัวละครจะไม่สามารถเปลี่ยนยูนีคที่เกมสุ่มมาให้ได้ เรื่องที่จะหนีไม่พ้นสำหรับเกมแบบนี้คือความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ คนที่ได้ยูนีคดีก็รอดตัวไป แต่คนที่ได้ยูนีคกาก หรือยูนีคที่ไร้ประโยชน์จะทำยังไง ลบตัวสร้างใหม่จนกว่าจะพอใจเหรอ หรือต้องก้มหน้าก้มตาใช้ยูนีคนั้นแบบช่วยไม่ได้ กูเองก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงเหมือนกัน เพราะยังไม่ได้อ่าน แต่ที่แน่ๆ พวกมึงนึกถึงเรื่อง SAO ขึ้นมาคิดไว้เป็นตัวอย่างได้เลย เพราะซอร์ดสกิลที่โหดสัสและหายาก หากตกไปอยู่ในมือใครแล้ว คนนั้นก็แม่งได้เปรียบเหี้ยๆ เหมือนตอนที่คิริโตะได้ SBS มาใช้ ทั้งๆ ที่คนอื่นมีแค่สกิลหลักจากระบบและ system assist ง้างแล้วชาร์ท ฟัน/แทง นั่นแหล่ะ
อนึ่ง ถ้าคนแต่งมันชูเรื่องนี้เป็นจุดขาย เพื่อให้พระเอกเทพซ่าส์ได้ง่ายๆ เพราะสกิลที่สุ่มได้มามัน OP กูก็จะไม่แปลกใจอะไร เนื่องจากมุกนี้มันใช้มาตั้งแต่ยุคเกมออนไลน์เพิ่งจะบูมใหม่ๆ จนกูอาจเลิกสนใจเรื่องความสมดุลในฐานะเกมออนไลน์ หรือความสมเหตุสมผลว่าทำไมถึงมีระบบที่เอื้อประโยชน์ให้คนแค่บางกลุ่มในเกมเท่านั้นแบบนี้ ด้วยตรรกะที่ว่า "ก็เพราะเป็นพระเอกยังไงล่ะ"
คำโปรยถือว่าธรรมดาเกินไป เพราะเป็นการอธิบายการทำงานของระบบเกม สำหรับกูอ่านแล้วไม่เกิดความรู้สึกอยากไปต่อ ช่างหัวมันปะไร นิยายแนะนำโดยเพจของเด็กดีขนาดนี้ อาจมีอะไรซ่อนอยู่ก็ได้ (พยายามหลอกตัวเองอย่างนั้น ทั้งๆ ที่กูก็รู้ว่าเรื่องนี้ได้รับการโปรโมตเพราะอะไร)
ปกรองเป็นการอธิบายระบบเพิ่มเติมเกี่ยวกับสกิลทั่วไปในเกมกับสกิลยูนีค แล้วอธิบายว่าสเตตัสแต่ละสายส่งผลยังไงต่อตัวละครบ้าง ซึ่งก็ Broken ดี เดี๋ยวกูจะอธิบายให้ฟังข้างล่าง ก่อนจะอธิบายกูบอกได้เลยว่าใช้ปกรองได้ผิดวัตถุประสงค์วะ เกือบๆ จะไล่แขกแล้วแบบนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนเวลามึงเปิดนิยายเทพซ่าส์จีนแล้วเจอระดับพลังตั่งต่างอะ ระดับดิน 1-100 ระดับทองแดง 1-100 ไปจนถึง ระดับอภิมหาแร่สวรรค์ทะลุจักรวาล 1-100 จำได้ว่าพูดไปหลายรอบแล้ว แต่นอกโม่งอาจไม่มีใครมาสนใจอ่าน ว่าปกรองเป็นเขตโชว์ของในเรื่อง อธิบายเพิ่มว่านิยายของมึงเป็นแบบไหน ถ้าไปต่อคนอ่านจะได้อะไร ลูกเล่นที่มี อย่างภาพประกอบหรือส่วนหนึ่งของแฟนอาร์ต ถ้ามีจะแปะด้วยก็ได้ ส่วนสุดท้ายคือช่องทางติดต่อ/ขอรับบริจาค เอาไว้ให้คนติดตามมึงได้จากเพจหรืออื่นๆ (ซึ่งนักเขียนคนนี้ก็แปะไว้อยู่ล่างสุด)
สเตตัสในเกมเฉพาะอันที่กูมองว่าไม่เวิร์ค
STR - เพิ่มทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกันกายภาพ ... เหยดแหม๋สายบู้พบกับยุคทองผ่องอำไพ ทั้งตีแรงทั้งถึก คุ้มเหี้ยๆ
AGI - เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ เพิ่มหลบ เพิ่มแม่น ลดเวลาร่าย ... สายกายภาพก็ถือว่าดี แต่กับนักเวทแม่งไชโยเลยพลิ้วด้วยร่ายเวทไวด้วย
LUCK - เพิ่มโอกาสคริ ความรุนแรงของคริ โอกาสสำเร็จของสายสร้าง เพิ่มโอกาสได้ไอเท็มหายาก ... เจริญเลยงี้ พวกมือสังหารหรืออาชีพใช้ LUCK ก็สบายตัวไป คริง่าย คริแรง ดรอปของแพงด้วย ชีวิตดีดี๊ดี
CHM - เพิ่มความเป็นมิตรกับ NPC , มอนสเตอร์ประเภทมีสติปัญญา เพิ่มโอกาสสำเร็จในการให้พร-ร่ายคำสาป ... ครึ่งแรกพอเข้าใจแต่ครึ่งหลังนี่มันเข้าใจการใช้ชาร์มผิดไปเยอะเลย ไอ้ใช้คำสาปไม่ติดกูหยวนๆ ได้ แต่ให้พรไม่ติดด้วยนี่ พวกสายซัพจะอยู่ยังไงวะ
INT กับ VIT ให้ผลตามปกติที่ควรเป็น ส่วนที่เหลือก็ตามกูบอกไปข้างบน ถ้าเล่นพระสงสัยต้องฉลาดและเป็นที่รักด้วย ซึ่งอาจมีผลดีเวลาทำเควสอะไรแบบนั้น เอาวะ มาลองอ่านกันเลยดีกว่า
ตอนที่ 1 : LV.1 (มักง่ายดี แต่ก็เรื่องของมึง)
ไม่มีอะไรมาก ความยาวต่อตอนสั้นดีสมกับเป็นนิยายยุคนี้ เปิดฉากด้วยพระเอกกำลังแดกขนมอยู่แล้วมีรุ่นน้องในมหาลัยเข้ามาขอถ่ายรูปด้วย อธิบายรูปร่างหน้าตาว่าแม่งโคตรหล่อ กูเข้าใจหรอกว่าพระเอกมันต้องหน้าตาดี แต่มึงเสือกชื่อจริงว่า "วิปโยค" เนี่ยนะ กูไม่เข้าใจพ่อแม่มึงเลยวะไอ้พระเอก บางทีอาจเป็นเพราะที่บ้านเป็นร้านขายขนมเลยอยากตั้งชื่อเล่นว่าวิปครีมอะไรงี้ แต่ชื่อจริงมันก็ไม่ควรเป็นวิปโยคอยู่ดีมั้ยวะ ถ้ากูเป็นนายทะเบียนในท้องที่อำเภอ กูคงข้องใจหนักมาก แล้วเซตตี้งสถานที่เป็นกรุงเทพด้วย แต่ก็ช่างแม่งละกัน เกิดมาเพิ่งเคยเจอคนชื่ออัปมงคลแบบนี้ หรือโลกมันหมุนไวจนกูตามไม่ทันเองวะ พอรุ่นน้องถ่ายรูปกับไอ้พระเอกที่เป็นเดือนมหาลัยเสร็จ ไอ้วิปก็บ่นว่าแม่งรบกวนเวลากูจะกินขนม ตามด้วยแนะนำตัวละครชายชื่อ "แม็กซ์" เป็นหนุ่มลูกครึ่งรัสเซียเพื่อนพระเอกเรียนมหาลัยปี 4 เหมือนกัน เดินมากับแฟนสาวชื่อ "รุ้ง"รุ่นน้องที่เป็นดาวมหาลัย และเป็นน้องรหัสไอ้วิปด้วย
สองคนนี้มาชวนวิปเล่นเกมออนไลน์ชื่อ U.Q.O. พอพระเอกตกลงก็พากันไปซื้อเครื่องเล่นที่ร้านตัวแทนจำหน่าย จ่ายเงินเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน พระเอกโหลดเกมเสร็จก็เชื่อมต่อเข้าไปในเกมผ่านอุปกรณ์ที่เป็นหูฟัง ตรงนี้กูมีความสงสัยด้านความปลอดภัยนิดหน่อย แต่เลือกจะมองข้ามเพราะเป็นนิยายแนวเกมออนไลน์ที่เทคโนโลยีอาจล้ำหน้าไปมาก แต่ในความเป็นจริง อุปกรณ์คล้ายหูฟังที่มึงต้องเสียบปลั๊กไฟแล้วสวมไว้ต่อเนื่องกัน 8 ชั่วโมงเนี่ย มันจะไม่เป็นไรแน่เหรอวะ
ตรงด้านล่างสุดมีข้อมูลเกี่ยวกับเกมให้อ่าน บอกว่า 1 ชั่วโมงโลกจริง = 1 วันในเกม ซึ่งกูเองก็ไม่ได้รังเกียจอะไรหรอกกับเซตติ้งคลิเช่แบบนี้นะ แต่กูยังยืนยันเหมือนเดิมว่า ถ้าล็อคอินเข้าเกมช้าไป 5 นาทีเพื่อนในเกมที่เข้าไปรอมึง ต้องรอมึงถึง 2 ชั่วโมงเต็ม แปลว่าถ้าจะเล่นกันแต่ละทีนี่ต้องนัดเวลาให้เป๊ะมากๆ ไม่งั้นคนที่เข้าไปก่อนนี่ลำบากเลย ดังนั้นก่อนหน้านี้กูเลยหลีกเลี่ยงที่จะสับนิยายแนวเกมออนไลน์ เพราะนอกจากความโชคดีได้โน่นได้นี่ของพระเอกแล้ว ยังมีเรื่องเวลาในเกมนี่แหล่ะที่คอยกวนใจกู ต่างจากเรื่องแนว Ready Player One ที่ใช้เวลาแบบ real time
ตอนที่ 2 : LV.2
ไอ้วิปเข้าเกมไปสร้างตัวละครเหมือนเรื่องอื่นๆ ข้อจำกัดก็คล้ายกันคือปรับแต่งรูปร่างหน้าตาได้ไม่เกิน 30% แต่เพิ่มขั้นตอนการสุ่มยูนีคสกิลเข้ามา ไอ้การสุ่มนี่มีทำบททดสอบด้วยเล็กน้อย อารมณ์ประมาณเกมทายใจจำพวก คุณคือใครในเรื่อง... คือจะมีตัวเลือกมาให้เราเลือกว่าอยากทดสอบระบบใดบ้าง แล้วตัวเกมจะเอาผลการทดสอบกับความสนใจที่เรามีมาสรุปเป็นยูนีคสกิล ยูนีคที่พระเอกได้คือ "Living Weapon" แบบ Special ซึ่งถือเป็นยูนีคหายาก แบ่งความสามารถได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือดูดซับแร่ธาตุเข้าไปในร่างกาย ส่วนหลังคือสร้างอาวุธด้วยแร่ที่ดูดเก็บไว้ในตัว รับยูนีคเสร็จไอ้วิปก็ขอให้ NPC ส่งตัวเองไปเมืองเกิดที่นัดกับแมกซ์ไว้ ออกวาร์ปมาตีนยังไม่ทันอุ่นก็พบว่าเพื่อนตัวเองกำลังมีเรื่องวิวาทกับผู้เล่นอื่นอยู่
ตอนที่ 3 : LV.3
ไอ้แม็กซ์กำลังโดนนักเลงในเกม 4-5 คนขู่กรรโชกทรัพย์ เป็นแก๊งค์โจรกระจอกเลเวล 5-10 หัวหน้าแก๊งค์เอาธนูยิงขาตัวละครในเกมของรุ้งเป็นการขู่ หวังจะเอาแร่เหล็กที่ไอ้แม็กซ์ไปดรอปมาได้ พระเอกของเราก็โชว์ความเมพขิงปามีดแจกจากโรงฝึกใส่ท้ายทอยของพวกนักเลงคนนึงตายห่า แล้วส่งสัญญาณให้เพื่อนล็อคตัวหัวหน้าแก๊งค์ไว้ ก็มีฉากต่อสู้เล็กน้อย แต่ใช้ ! มหาศาล ให้ความรู้สึกเหมือนสมัยมึงดูดราก้อนบอลแล้วตัวละครมันร้องอ๊าาาา เบ่งพลังไซย่ากันค่อนตอนแล้วตัดจบไปแบบงงๆ สรุปว่าพวกนักเลง 5 คนตายหมด ด้วยฝีมือผู้เล่นใหม่เลเวล 1 รวม 3 คน (สมดุลเกมแม่งดีเหี้ยๆ) ถึงจะอ้างว่าเพราะโจมตีโดนจุดตาย แต่การให้เด็กใหม่เพิ่งจะออกจากโรงฝึกสามคนเอาชนะผู้เล่นที่มีชุด อาวุธ และเลเวลนำไปพอสมควรแบบนี้ กูว่าคงแม่งไม่ต้องถามถึงความสมเหตุสมผลอะไรแล้ว เอาเป็นว่าพระเอกคงจะเทพซ่าส์ขึ้นไปอีกแน่นอน เพราะหลังจากจัดการพวกนักเลงได้ ระบบก็เด้งสกิลให้พระเอกฟรี 4 สกิลรวด จากความสามารถในการลอบสังหาร ไปๆ มาๆ ชักจะเลยเถิดไปเป็นแนวเดธมาร์ชที่เด้งสกิลรัวๆ ด้วยแล้ว ก่อนจบตอนพระเอกไปรับเควสเก็บสมุนไพรจากคุณยาย NPC
ตอนที่ 4 : LV.4
กลุ่มพระเอก 3 คน ไปเก็บเวลด้วยกันสักพักแล้วแยกกันไปทำเควสหาของ มีได้สกิล ลองใช้ยูนีคสกิล คือไม่มีอะไรเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเครื่องหมาย ! เยอะชิบหาย ก่อนจบตอนมีฉากพระเอกโดนมอนระเบิดพลีชีพใส่ กูไม่ได้สนใจเลยว่าพระเอกจะรอดมั้ย แต่ที่สนใจคือวิธีการได้มาของค่าสเตตัสที่คนเขียนมันอธิบายข้างล่างสุดต่างหาก คือมันบอกว่านอกจากการใช้แต้มเลเวลมาอัพแล้ว ยังสามารถเพิ่มได้จากการทำกิจกรรมบางอย่างซ้ำๆ ด้วย พูดง่ายๆ มันคือโมเดลของระบบเกมไฟนอลแฟนตาซีภาคแรกเลย ไอ้ทำอะไรบางอย่างซ้ำๆ แล้วค่านั้นเติบโตเนี่ย (เช่นยิ่งโดนตีก็จะยิ่งถึก หรือยิ่งใช้เวทก็จะยิ่งยิงเวทแรงขึ้น)
ตอนที่ 5 : LV.5
พระเอกรอดมาได้แบบมีแผลนิดหน่อย หยอดโพชั่นกากๆ จากโรงศึกใส่นิดเดียวก็หาย พอได้ไอเท็มมาจากตัวระเบิดพระเอกลองใช้ยูนีคตัวเองสร้างลูกธนูขึ้นมา ที่กูงงคือคันธนูมันโผล่มาจากไหนวะ จะว่าได้จากมอนดรอปก็อ่านแล้วไม่เห็นมี ตรงนี้ข้ามไปช่างมันก็แล้วกัน ได้ลูกธนูเหล็กแบบพิเศษมาแล้วก็ลองยิงดู แบบว่าของโคตรดี จากที่สู้ไม่ค่อยจะไหวเปลี่ยนเป็นดอกเดียวแตก ซักพักไอ้แม็กซ์กับน้องรุ้งก็ตามมาสมทบ กลายเป็นมหกรรมเก็บเวลของพวกพระเอกไป สิ่งที่สะดุดตากูก่อนจบตอนคือเสียงร้อง "กี้" ของมอนสเตอร์ที่มันจะไม่อะไรเลย ถ้าไม่มีเครื่องหมายตกใจตามหลังอยู่ 37 ตัว เออ... มึงอ่านไม่ผิด กูนับแล้วจริงๆ 37 ตัว ไม่ขาดไม่เกิน
ตัวละคร : พระเอกสายแดก คลั่งขนมหวานเพราะที่บ้านเป็นร้านขายขนม อ่านมาถึงบทที่ 5 พบความเว่อร์สัสหลายอย่าง เช่น แดกขนมหวานทุกวันแต่หุ่นยังดีเหมือนเดิม พระเอกเป็นพวกคลั่งการต่อสู้แต่ในชีวิตจริงดันเอาแต่อ่านหนังสือ พระเอกกับไอ้แม็กซ์ (เพื่อนชายครึ่งรัสเซีย) เคยฝึกซ้อมต่อสู้กันเพราะแต่ละคนมีพ่อไม่ธรรมดา พ่อไอ้วิปเป็นทหารรับจ้างเก่าที่ถอนตัวออกมาเปิดร้านขายขนม (WTF ?) ส่วนพ่อไอ้แม็กซ์เป็นอดีตแชมป์โลก MMA (WTF ? Again) ไอ้เหี้ย 2 ตัวนี่โดนพ่อบังคับฝึกศิลปะป้องกันตัวทั้งคู่ แต่จู่ๆ วันนึงไอ้วิปก็หันมาอ่านหนังสือจนไอ้แม็กซ์ขาดคู่ซ้อม พอได้มาเล่นเกมนี้เลยปลดปล่อยความอยากต่อสู้ออกมาได้เต็มที่ อ่านไปอึ้งไปว่าตัวละครหลักนี่ชักจะปูทางไว้ OP เกิน แต่ก็เอาเถอะวะ นิยายเทพซ่าส์มันก็คงจะต้องแบบนี้ล่ะมั้ง มิติตัวละครไม่ถือว่าแบน คีฟคาร์ได้ดี แต่ที่ว่าดีนั่นคือเรื่องความน่ารำคาญนะ บางอย่างที่มันผิดที่ผิดเวลาหรือผิดกาลเทศะก็ขยันทำซะเหลือเกิน โดยเฉพาะคู่รองเพื่อนพระเอกเนี่ย คะ/ค่ะ ก็ผิดบ่อยสัส กูล่ะอยากจะเอาปากกาแทงคอตัวเองตายตอนอ่าน
เนื้อเรื่อง : 5 ตอนแรกเดินเรื่องไวดีแต่ตอนสั้น วิธีการเล่าไม่แตกต่างจากนิยายออนไลน์เรื่องอื่นๆ เท่าไหร่นัก แนะนำตัวละคร ได้เครื่องเล่น เข้าไปสร้างตัว แล้วทะยอยแทรกระบบเกมเข้ามา ด้วยความที่สมดุลเกมมันเหี้ยจัด แถมไม่มีการรักษาความปลอดภัยให้ผู้เล่นใหม่ เรื่องเหี้ยๆ แบบในตอนที่ 2 เลยเกิดขึ้น เกมเหี้ยอะไรปล่อยให้คนเวลสูงมาปล้นคนแรกเกิดได้แบบนี้ ละเรื่อง pvp นี่ก็ด้วย ขนาดในเมืองยังเป็นเขต free pvp ได้เลยเหรอวะ ไม่มีพวกทหารยาม เซนติเนล อะไรงี้ยืนประจำการหรือตรวจตราในเมืองแบบเกมอื่นเลยรึไง คือจะปูมาว่าพระเอกเก่งเมพเทพสัสหมาอะไรก็ได้ แต่มึงช่วยจัดให้เกิดเรื่องนอกเมืองได้มั้ยวะ แล้วไอ้เรื่องที่พระเอกเอาชนะพวกนักเลงได้นี่ผิดธรรมชาติสุดติ่งแล้ววะ อย่างในแรคนาร็อคนี่ต่อให้โนวิทสัก 15 คนรุมแทงกูที่เปลี่ยนอาชีพนักดาบแล้วก็ยังกดยาทันเลยนะ
จุดเด่น : เครื่องหมาย !
จุดด้อย : มากมายเหลือเกินจนไม่รู้จะด่าอันไหนก่อนดี
คะแนน : !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! /10
ความเห็นส่วนตัว : ใจจริงกูเองไม่อยากกลับมาสับแล้วเพราะเหมือนที่มีโม่งคนนึงเคยพูดไว้ว่า ปัญหาที่เจอก็เดิมๆ กับความกระจอกของนักเขียนแบบเดิมๆ สับไปก็ไม่ค่อยได้อะไรเพิ่ม เอาเวลาว่างไปหาอ่านนิยายดีๆ หน่อยดีกว่า เพราะนิยายพวกนี้เนี่ย มีแต่จะสร้างนิสัยเสียให้มึง (หรือตัวกูเองที่เป็นไปเรียบร้อย) เกิดความชอบจับผิด หรือหงุดหงิดอะไรง่ายๆ ถ้ามันขัดหูขัดตา อ่านเอาสนุกยังไม่ได้ จะรู้สึกทรมาณเปล่าๆ เหมือนตอนที่กูไปลองอ่านเรื่องระบบภัตตาคารไรนั่น อ่านแล้วรู้สึกว่าเมื่อไหร่จะครบจำนวนที่กูตั้งเป้าไว้สักทีวะ กูไม่อยากอ่านตอนต่อไปแล้ว คือแม่งไม่เข้าใจจริงๆ นะว่าติดท็อปได้ไง หรือคนอ่านมันชอบแบบนี้กันเยอะ นิยายแนวเกมออนไลน์ถ้าจะให้กูแนะนำช่วงนี้คงเหลือแค่ RUNE CRAFT ของท้องฟ้าที่ยังพออ่านได้แบบไม่ตกมาตรฐาน ส่วนเรื่องอื่นๆ ... ปล่อยให้มันเป็นอดีตไปดีกว่า เพราะนอกจาก Monster Soul Online แล้ว เรื่องอื่นไม่เข้าตากูเลย บ่องตง
อ้อ อีกอย่างที่ต้องพูดให้ได้คือ พี่เว็บมึงเลือกนิยายแนะนำจากอะไรวะ (ถามไปงั้นแหล่ะ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจ) หรือเป็นเพราะไอ้นิยายยืดเรื่องแดกเงินเกรียนตอนละบาทครึ่งนี่มันขายดีโคตรๆ ถ้านิยายแนะนำเรื่องหน้ามันเป็นแบบนี้อีก กูจะเลิกสับนิยายแนะนำแล้วจริงๆ นะ
อ่านสับมึงเพลินดีว่ะ พูดถึงเรื่องภัตตาคาร กูก็ไม่เข้าใจนะ นิยายไม่มีแก่นเรื่องอะไรเลย แต่เสือกติดท๊อป ขึ้นที่ 1ด้วยนะ ช่วงนึง แต่ตอนนี้ตกละ จะบอกว่าอีกเรื่องที่แต่งแม่งก็ดคยติดท๊อป เรื่องดันเจี้ยนพ่อลูกอ่อนที่ก๊อบพ่อฉลาดจอมยืด แบบกูงง คนอ่านมันอ่านอะไรกันวะ ประเทืองปัญญาน้อยมาก อยากได้คนอ่านที่มีสมองกลับคืนมาาา สาดเอ้ย
งั้นถ้ารู้ว่านิยายเด็กดวดเรื่องไหน คนเขียนเป็นโม่งที่ติดตามมู้นิทานเด็กดวกบทที่ 1-38 จะมีคนอยากสับมั้ย
>>473
"ลองย้อนดูก็มีหลายเรื่องที่คนเขียนรู้ว่าโดนสับนะ ไม่เห็นมีใครจะแคร์"
กูจะหมายถึงเล่าเบียวตรงนี้น่ะ ว่าจะไม่เอ่ยชื่อเต็ม ๆ มันละนะ
เรื่องที่>>467 บอกไม่ค่อยสับกันนี่ก็จริงนะ พึ่งสังเกตว่าถ้าไม่มีตัวจี๊ดหรือของแปลกจริง ๆ เข้ามาก็ไม่มีใครสับกันเลยแหะ แต่ก็เข้าใจแหละ แม่งต้องเล่นมุกเดิม เขียนเรื่องเดิม ๆ เป็นครั้งที่ 100 ก็ไม่มีใครสนุกหรอก
>>468 กูมองว่ามันกลายเป็นแนวกระแสไปแล้วเพราะชอบเขียนตามนิยายจีนสายบ่มเพาะพลังจนเทพซ่าส์ ซึ่งความซ้ำซากมันหนักพอๆ กับแนวออนไลน์สมัยก่อนเลย ประเภทที่ต้องเกิดมากาก ใช้คำจำกัดความว่า ขยะ ไร้ความสามารถ เศษสวะ สามคำนี้วนไป แล้วค่อยได้พลัง OP มาด้วยเหตุผลบางอย่างแล้วแต่นักเขียนจะแถ อย่างเรื่องระบบภัตตาคารคือการทำอาหารแลกของเทพๆ เป็นการใช้ระบบมาอำนวยความสะดวกให้ตัวเอกมันบ่มเพาะพลังได้ง่าย มันถึงต้องมีการเขียนระดับพลังไว้ตรงปกรอง แต่ที่ต่างกันระหว่างไทยกับจีนคือ พระเอกจีนหลังเทพแล้วก็ทำตัวโหดร้าย มีเมียไปทั่ว จบอาร์คนึงก็ไปบรรลุพลังขั้นใหม่แล้วตบตัวร้ายอีกอาร์คนึง ส่วนพระเอกไทยครึ่งต่อครึ่งเป็นสายกินพืช จีบไว้แต่ไม่เยด มีฆ่ากันบ้างแค่ให้พอสะใจคนอ่าน แล้วแปลกตรงที่นักอ่านไทยมักเชียร์ให้พระเอกอย่ารีบมีเมียหรือไม่ต้องมีนางเอก เยดแล้วทิ้งก็ได้ ซึ่งกูเข้าไม่ถึงเหมือนกันว่าเพราะอะไร การเดินเรื่องไม่ค่อยต่างกัน คือเลื่อนขั้น โชว์เทพ ปราบตัวโกง ได้เมีย ;loop
เรื่องมันติดท็อปเพราะมีคนอ่าน บางที Taste นักอ่านในเดกดวกปัจจุบันอาจชอบอะไรที่ขายฝันแบบนี้ อะไรที่มันสะดวกสบายไปหมด มีระบบมาให้เควส จบเควสได้รางวัล ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องเจออุปสรรค์ ใครขัดขวางก็จัดการได้ง่ายๆ เพราะชีวิตจริงมันเหนื่อยมาพอแล้ว ขออ่านอะไรที่เสพแล้วฟินหรือสะใจดีกว่า
อ่านสับแล้วได้แต่ !!!!!!!!!!!!!!!(ตกใจ) สิบปีผ่านไปนิยายเกมออนไลน์เจ้าแนะนำมันก็เล่นมุกเดิม ควยชิบหาย
>>469 เอาจริงๆ ก็เคยมีมาแล้วนะ ไอ้ที่ใช้รูปโปรไฟล์เนนดรอยผมทองชื่อยูๆ อะไรสักอย่าง เปิดหน้ามาให้สับแถมบอกด้วยว่าสิงอยู่แถวนี้มานานแล้ง ก็ช่วยแนะนำกันไป
เพราะหลายๆ อย่างในงานเขียนมันเป็นเรื่องปัจเจก แต่งกันตามชอบใจ ปัญหาคือนักเขียนสมัยนี้บางส่วนมันสักแต่จะเขียน พื้นฐานอะไรที่ควรรู้แม่งก็ไม่รู้ ในโม่งมันถึงได้แบ่งทีมออกเป็น 3 กลุ่ม
กลุ่มนึงก็ว่านิยายพวกนี้ติดท็อปได้ไงวะทั้งๆ ที่แต่งชุ่ยๆ นิยายกูตั้งใจแต่งแทบตายคนดูจึ๋งเดียว อีกกลุ่มก็ว่านิยายพวกมึงกากเองแล้วมาบ่นเด็กหน้าใหม่ ทำตัวไวยกรณ์นาซี อ้างความถูกต้องภาษาไทยนั่นนี่ แต่สุดท้ายนิยายขายไม่ออก ให้อ่านฟรียังไม่มีใครเอา กับกลุ่มสุดท้ายที่แอบอ่านสองกลุ่มแรกด่ากัน แล้วเลือกแต่งนิยายแนวตลาดแบบที่คุณภาพกลางๆ ออกมาขาย บางคนโชคดีจับตลาดถูกกลุ่มกับที่ตัวเองถนัดเขียนก็ได้ค่าไฟค่าเน็ตใช้ยาวๆ บางคนขายได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ยอดคนอ่านเพิ่มขึ้นจากที่เคยมี ก็ยังดูมีการพัฒนาอะไรบ้าง
ส่วนตัวกูยังยืนยันคำเดิมแบบเดียวกับโม่งเซฮุนว่า "ของดีที่ขายไม่ออก มันไม่มีประโยชน์" ในโลกของธุรกิจ ถ้ามึงขายของไม่ได้ ไม่เกิดกำไร เท่ากับว่ามึงพ่ายแพ้ แต่งนิยายมันคือการลงทุนทั้งเวลา ค่าไฟ ค่าเน็ต ค่าเสียสายตา ค่าปวดหลังปวดคอ ต่อให้มึงแต่งเพราะใจรัก หรือสายการกุศลให้คนอ่านฟรี มึงก็ต้องหวังให้มีคนมาอ่านนิยายมึงบ้าง ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ กูแนะนำว่าเลิกเป็นผู้ผลิตแล้วมาเป็นผู้เสพแทนดีกว่า ก่อนที่สุดท้ายมึงจะทนไม่ได้ จากความรู้สึกของคนที่แจกน้ำผักฟรีแล้วไม่มีใครเอา แต่คนขายน้ำอัดลมร้านข้างๆ เสือกขายดีเหี้ยๆ
>>474 กูมองว่าตรงกันข้ามแฮะ เพราะไอ้เล่าเนี่ยมันดิ้นหนักมากนะ ลงมางอแงในโม่งแล้วสุดท้ายก็ลบนิยายตัวเองทิ้งด้วย พวกที่ไม่สนใจคือส่วนใหญ่ไม่รู้ว่านิยายตัวเองตกเป็นเป้า หรือฉลาดพอที่จะไม่แสดงท่าทีอะไร ถ้าเป็นสมัยก่อน เก่ามากจริงๆ อะมีอยู่พวกที่โนแคร์แล้วลงมาคุยในโม่งแบบใกล้ชิด เหมือนจงใจลงมาตอบ Q&A อย่างกับมีตติ้งดารา ส่วนยุคใหม่นี่ก็มีคนเปิดโม่งมาให้สับหลายคน แต่กูกับโซมีนไม่ได้ไปติดตามผลอะไรขนาดนั้นหรอก
ถ้าคนมันจะเก่งขึ้น ชี้ทางให้นิดเดียวมันก็เดินไปได้ไกลเอง แต่บางทีแม่งต้องใช้เวลานานพอสมควร เลยแนะนำว่าถ้าไปต่อไม่ได้หรือท้อจริงๆ ก็อย่าไปอ่านการขายฝันของเพจเด็กดีให้มาก เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริง มันไม่ได้จะให้กำลังใจนักเขียนโนเนม แต่เป็นการจูงจมูกและหาผลกำไรแบบหว่านแห ให้คนมาแต่งนิยายเยอะๆ เหมือนเม่าหลงไฟ ถ้าใครนิยายขายดีขึ้นมา เว็บก็ได้ค่าหัวคิวเพิ่ม ทำยอดถึงขั้นก็โปรโมตตามสูตร ส่วนใครที่ไม่เกิด ก็เรื่องของมึงไม่เกี่ยวกับเว็บจ้า
แต่ถ้าเป็นพวกถวายให้นิยายไปแล้วทั้งกายใจ ก็ขอให้ฟลุ้คโด่งดังเหมือน เจ.เค.คั่วกลิ้ง บ้างในสักวันหนึ่งก็แล้วกัน เพราะกว่าจะมาเป็นยอดภูเขาน้ำแข็งอย่างในตอนนี้ได้ เจ๊แกต้องส่งต้นฉบับไปตั้งสิบกว่ารอบ แต่งนิยายแบบทุลักทุเลมาตั้งหลายปี กว่าจะเกิดได้เพราะเรื่องขนดกปั้นหม้อ
กูเคยลงนิยายให้พวกมึงสับ ตอนนี้ก็เขียนอยู่ เอาอะไรไปปรับใช้หลายอย่าง ก็พอมีคนอ่านติดตาม + คอมเมนต์มากขึ้นนะ
ถ้ามีเรื่องใหม่ก็จะเอามาลงให้สับอีก งุงุ
>>469 โม่งสับน่ะเบานะลองไปทำงานจริงแล้วเจอ บก จริงจังเมิงจะนั่งมึนกับตัวเองว่ากูเกิดมาทำไม กูก็คิดนะโลกนี้มันมีคนที่เขียนเก่งแล้วก็หนีมาทำ บก เพราะเขียนสู้คนเก่งกว่าไม่ไหว แล้วมดปลวกอย่างกูจะเขียนไปทำไม
>>479 ยูริโนะฮานะฯ กูก็ยังอยู่แถวนี้
กูก็พูดเสมอว่าเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกได้
มันใช้สำรวจภายในจิตใจของเมิงได้ ไว้คุยกับตัวเองได้
ถ้ายืนยันเขียนแล้วต้องได้เงินถึงถูกต้องกุก็ไม่ได้ไปว่าคนอยากรวย ไอ้ที่ก๊อปพลอต ก๊อปไอเดียนิยายจีน การ์ตุนเกาหลีมาเขียนมันก็อยากรวย แล้วก็ผลิตซ้ำ สูตรเด็กยุคนี้ รวย+ง่าย คือเส้นทางที่ควรเดิน ซึ่งกูว่าถูกเพราะเด็กยุคนี้ต้องมาพร้อมกับความสามารถที่หลากหลายกว่ายุคกู ทุกอย่างถูกดิสรัปต์ในเวลาที่รวดเร็ว เมิงต้องเป็นเป็ดทองคำถึงเอาชีวิตรอด
ดังนั้นจะหวังสาววรรณกรรมสะสมบุญบารมีมาแต่งนิยายผ่านเลนส์ของเด็กยุคใหม่ให้อ่านคงยากแล้ว จนกูก็ไปอ่านงานแปลเอา เพราะนักแปลยุคนี้กลายเป็นมีชั้นเชิงทางภาษาดีกว่านักเขียนนิยาย
ก็ตลก แต่โลกมันก็เป็นแบบนี้
ถ้าอยากเขียนนิยายที่ตัวเอก มีอาการ PTSD เป็นโรคสองบุคคลิก หลอกตัวเอง มีอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษไหมวะ กลัวเขียนออกมาแล้วแป๊กยังไงไม่รู้
>>476 ทีแรกนึกว่าคนสับแค่เล่นมุก ที่ไหนได้ https://i.imgur.com/RdnnCOG.jpeg
เห็น mso กลับมาแอคทีฟกูก็สงสัย เคยมีโม่งสับไปบ้างรึยังวะ ค้นๆดูก็ไม่เจอ
กูชอบสำนวนเค้านะมอ่านแล้วได้คลังคำศัพท์เยอะ แล้วก็เป็นนิยายที่วางปมอะไรแน่นหนาดี จริงๆก็ชอบรรยากาศการพูดคุยในคอมเม้นท์ด้วยว่ะ แอบหวังอยากให้นิยายเรื่องอืายๆมีแบบนี้บ้าง แต่คงจะยากละ
คิดถึงชาวบอร์ดโม่งหน่อยๆ ว่ะ กูหายไปนาน
พระเอกนิยายแบบไหนที่เมิงเกลียด หรือรู้สึกไม่ชอบ เห็นแล้วต้องปิดวะ อยากมาเก็บข้อมูลหน่อย
>>490 มึงไม่ต้องมาเก็บข้อมูล อะไรที่คนในโม่งนี้เกลียดแม่งจะขายดีติดท็อบเสมอ คนอ่านมันชอบแทนตัวเองเป็นพระเอก/นางเอกในเรื่อง มึงอยากให้ตัวเองเป็นแบบไหน แล้วไม่ชอบแบบไหน ก็ตามนั้นเลย มีคนมาด่ามึงขยะมึงก็อยากแปรงร่างเป็นประธานบริษัทแล้วเฉดหัวศัตรูไปเป็นกระหรี่ในซ่อง
มีนิยายแนวสงคราม จบเศร้า ๆ หน่อยไหมวะ
อยากได้แนว ๆ 86 eighty six
กูเกลียดพระเอกแนวหมาหยอกไก่อะ แบบไอ้ฉางฟงแห่งยุทธภพออนไลน์ มึงคิดว่าทำอย่างนี้แล้วดูเท่ดูเจ้าเสน่ห์มากเหรอ อยากเอาตีนยัดหน้า ยิ่งถ้าพระเอกแนวนี้มาบวกกับตัวละครสาว ๆ ที่เป็นห่าอะไรไม่รู้ถึงหน้าแดงอยู่นั่นกูยิ่งเกลียดคูณสอง
กูจำฝังใจเลย มีเรื่องหนึ่งพระเอกแม่งวิ่งชนสาวแล้วล้มไปจับนม จับนมกูไม่ว่าไรนะ กูว่าตรงปฏิกิริยาของผู้หญิงคือร้อง อ๊างงงง เนี่ยแหละ อ๊างบ้านพ่อง
แต่เห็นด้วยเรื่องตัวละครหญิงที่ป็นห่าอะไรไม่รู้ถึงหน้าแดง เกลียดเหมือนกัน แบบ พระเอกจะทำอะไรเมิงก็เขินได้ตลอด พระเอกทำอะไรเมิงก็หลง เมิงก็รัก เมิงก็เห็นดีเห็นงามไปด้วยซะหมด
ปัญหานี้ไม่ใช่แค่นิยายเว็บ ไลท์โนเวลแนวต่างโลก ฮาเร็มของญี่่ปุ่นเป็นกันเยอะมาก ตัวละครหญิงถูกสร้างมาเพื่ออ่อยพระเอกไปวัน ๆ ตัวละครขาดมิติ เหมือนเป็นตัวละครที่สร้างมาเพื่อให้ตามตูดพระเอก ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง
เรื่องจับนมนี่กูเป็นผู้มีประสบการณ์ตรงนะ เคยโดนสองครับ ครั้งนึง ผช มาชน แล้วมือยันนมจริงๆ กับอีกครั้งก็คือหลาน ผช สองขวบได้วิ่งเข้ามาจับหมับเลย บีบๆ ด้วย 55555 ทั้งสองครั้งกูไม่เคยร้องอ๊างงง นะ แต่อึ้ง แบบ อึ้ง... ผช ก็คือ อึ้งด้วยมึง แล้วเขาค่อยขอโทษ กูก็อ่อ อืม แล้วก็ไม่อะไร จบไป ส่วนหลานกูก็จับแล้วจับอีก ซุกด้วย จนกูจับฟัดอะมันถึงได้หยุดบีบ
มันก็ไม่ควรครางอยู่ละ กุเคยเล่นหลับตาไล่จับ เผอิญไปจับนมเพื่อนในห้อง มันเงียบ ไม่ร้องไม่พูดอะไร มันจ้องกุตาเขม็ง แล้วตบกุเลย
ไหนๆ กูขอถามดีกว่า มันต้องอารมณ์แบบไหน ผู้ชายถูกใครมาจับนมแล้วร้องอ๊าง จับนมผู้ชาย กูนึกสภาพไม่ออก
มีนิยายเว็บเรื่องไหน เขียนแนวเกมเอาชีวิตรอดหนุก ๆ ปะวะ รู้แหละว่าแนวนี้มันเชย ๆ ไปหน่อย เห็นมาใหนังเยอะแล้ว นิยายฝรั่งก็ทำกันเยอะ แต่อยากเห็นแบบนิยายเว็บไทยเราแต่งบ้าง
The Way to Protect the Female Lead's Older Brother กูเจอสปอยนิยายเม้นนึงบอกว่าร็อกซาน่านอนกับดีออนด้วยว่ะมึง จริงไหมเนี่ยรึปั่นวะใครเคยอ่านนิยายมั่ง กูไม่ขัดนะถ้าจะนอนกันเพราะนางเอกต้องการจะหลอกใช้ แต่คนเขียนจะกล้าใส่ปมนี้มาจริงๆเหรอ กูยอมใจเลยถ้าใช่
กูไม่อยากจะบอกว่าไอ้มุขจับนมเชยที่พวกมึงว่า เสือกอยู่ในนิยายติดท๊อปที่กูเคยแนะนไห้พวกมึงไปผลาญค่าสมองเล่นว่ะ
>>506 กูจำได้ตอนที่ 13 กับ 18 ที่โดนด่าเยอะๆ นั่นแหล่ะ รอบแรกเดินชนล้มจับนม กูนี่มองบนเลยนึกว่าอ่านเลิฟฮินะสมัย 20 ปีก่อน มารอบหลังเข้าไปขี้ในห้องพระเอกละพระเอกเดินเข้าไปอาบน้ำ ตกใจล้มตัวโดนกันเห็นผู้หญิงตอนขี้ ผู้หญิงเลยจะจับทำผัวตามกฏของตระกูล มีแต่คนด่าว่ายัดเยียดเกินไป ละครไทยปนอนิเมะคลิเช่เหี้ยๆ แล้วเลยโดนนักอ่านจวกว่า เกิดมาอีนี่ไม่เคยแตะตัวผู้ชายเลยรึไง ถ้าแตะตัวแล้วต้องแต่งงานกัน กูจะวิ่งไปจับนมคนสวยๆ ในตระกูลนี้ แค่นั้นก็ได้เมียแล้ว ตรรกะควายๆ
จะหวังไรมากวะ ขนาดมุกฝุ่นเข้าตานางเอกแล้วพระเอกพุ่งเข้าไปดูแลระยะประชิดยังกะว่าจะช่วยเหี้ยไรได้ยังมีให้เห็นในละครอยู่เลย
กูปนะนำว่าอย่าอ่าน มันเป็นนิยายที่รวมทุกอย่างของความคลิ้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็กๆชอบมันก็เลยติดท๊อป หลังๆมีบทนางเอกหลัก(น้องนมนั่นแหละ) หาเมียอื่นให้ผัว ส่วนผัวก็แทบจะหาเมียใหม่ทุกๆสามถึงสี่ตอน กูคิดว่าเมียอาจจะมากกว่าจำนวณตอนที่ติดเหรียญอีก เป็นนิยายฮาแห่งปีที่กูจะไม่แวะเข้าไปอ่านอีกแล้ว
>>508 มา กูจะสงเคราะห์มึงเอง
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=2267822&chapter=14 อันนี้ครั้งแรกที่เดินชนกัน
https://writer.dek-d.com/dekdee/writer/viewlongc.php?id=2267822&chapter=18 ส่วนนี่คือตอนเจอกันในห้องน้ำ ไม่เชิงว่าเห็นตอนขี้แบบที่ >>507 บอก แต่เป็นเข้าห้องน้ำไปเห็นกวยพระเอก เพราะพระเอกลืมล็อคประตู (ลืมได้ถูกจังหวะจริงนะมึง)
พวกมึงตำหนินักเขียนคนนี้(ระบบภัตตาคาร) แต่หากมองในอีกแง่หนึ่ง ถือว่านักเขียนคนนี้มีความเก่งกาจ สามารถส่งนิยายขึ้นท็อป และดึงดูดนักอ่านบางกลุ่มให้เปย์ได้ ก็ไม่น่าจะเรียกว่ากากเสียทีเดียวหรือเปล่า
เพราะหลายๆคนก็ทำแบบนักเขียนคนนี้ไม่ได้ เราสามารถเรียนรู้จากนักเขียนคนนี้ได้ไหมวะ กูว่ามันน่าจะมีจุดแข็งที่ใช้เป็นแบบอย่างได้บ้าง (ซึ่งกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจุดแข็งของนิยายเรื่องนี้คืออะไร แต่มันน่าจะมีข้อดีบ้างแหละ) กูลองคำนวณดูคร่าวๆ โดยเอายอดขายตอนที่ติดเหรียญไปคำนวณ พบว่ารายได้มันเกือบแสนอ่ะ โหดสัส นี่ขนาดโดนด่ายับเยิน อ่านคอมเม้นต์สนุกกว่าอ่านนิยายซะอีก แม่งทำได้ไงวะ
>>514 นิยายสำนวนจีน เดินเรื่องแบบจีน มีระดับพลัง กากสวะโดนดูถูกแล้วบ่มเพาะขึ้นไป เพื่อความเทพซ่า สูตรแบบนี้มันมีมานานแล้วแค่เปลี่ยนปกนอก เปลี่ยนเปลือก หรือเปลี่ยนเซตติ้งไปเรื่อยๆ แล้วก็มีคนตามอ่านอย่างที่กูก็ไม่เข้าใจเหมือนมึง สุดท้ายคือไม่จบด้วย ไม่รู้ว่าจ่ายเงินอ่านกันทำไม
>>514 ก็คือเก่งการตลาดหาลูกค้าและดึงไว้ได้ แต่แทบทุกอย่างในความเป็นนิยายทั้งสำนวนภาษา การดำเนินเรื่อง ปมปัญหาและอื่น ๆ แม่งก็อย่างที่ถกกันว่าไม่สมเหตุสมผลและคลิ้งนี่แหละ ถ้าถามกูว่าเก่งหรือน่าเอาอย่างไหม กูว่า "จงเอาเยี่ยงกา แต่อย่าเอาอย่างกา" คือหาประโยชน์และวิเคราะห์เอาได้ แต่อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัวถึงขนาดเอามันเป็นต้นแบบแล้วแต่งตามก็พอ พวกมึงคิดว่านักเขียนคนนี้กล้าบอกใครไหมล่ะว่ามันเป็นคนเขียนเรื่องนี้ แม่งคงหาความสง่างามในอาชีพนักเขียนได้หรอก
ถ้ามึงเขียนนิยายออกมาได้วันละหลายๆตอน อย่างเรื่องไทม์(พ้องเสียง) แล้วติดเหรียญสัก 4-6ตอนครั้ง เน้นพล๊อตแนวตลาดหน่อย กูว่ามันก็ไมไ่ด้ติดยากหรอก อย่างคนเขียนภัตตาคารนี่ได้อานิสงค์จากเรื่องแรกที่แต่งจบ (แนวดันเจี้ยนพ่อลูกอ่อน)
แต่กูนับถือนะ เรื่องวินัยในการลง ถือว่าแต่งได้ไวมากเลย บางอย่างก็อ่านแล้วงงๆว่ามันค้างยังไง แต่สำหรับคนอ่านบางคนมันคงค้างมั้ง
ใครเข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อจะกลับไปเขียนนิยายขึ้นทอป มึงกดออกไปเหอะ จากประสบการณ์ที่กูสิงมาหลายปี แม่งเหมือนวงกาแฟของพวกแก่ๆ ที่ฟังยุคอัสนีวสันต์ แล้วมาวิจารณ์เพลงแรปยุคนี้ว่าห่วยอะ
ปล. แต่ถ้ามึงมาเพราะหมั้นไส้นิยายที่ติดทอป อันนี้แนะนำ อ่านที่พวกแม่งด่าแล้วผ่อนคลายดี
>>519 ถ้ามึงพูดถึงสมัยก่อนก็อาจใช่ เพราะสมัยนั้นเหมือนจะเคร่งความถูกต้องกับวรรณศิลป์กันเกินไป แต่ถ้าช่วง 2-3 ปีมานี้กูว่ามึงพูดถูกแค่ครึ่งเดียว เพราะมีคนแชร์ไอเดียหรือพยายามแนะนำให้เขียนแนวกระแสเหมือนกัน ไม่งั้นไม่มีทางเกิด
ส่วนที่มึงเทียบเรื่องนิยายเป็นแนวเพลง สำหรับกูที่ฟังได้แบบไม่เกี่ยงแนว กูเปิดกว้างกับ taste เพลงที่วัยรุ่นยุคใหม่ชอบนะ อันไหนติดเทรนกูก็ฟัง อันไหนฟังแล้วดีกูก็โอเค แต่ปัญหาคือไอ้นิยายยุคนี้มันดันเป็นเพลงแร๊พที่คุณภาพแบบเดียวกับไอ้แร๊พเอกน่ะ
โย่วๆ ... หล่อเท่ๆๆๆ
กู = คนดีดกีต้าร์
เจ้าของนิยายติดท็อป = คนร้อง
ต้องทำทั้งกลั้นขำ ทั้งตั้งสมาธิเหี้ยๆ เพื่อโยกคอร์ดให้ทันเวลาคนร้องมันลากโน๊ตคร่อมห้อง หรือต้องหยุดดีดถ้ามัน improvise pause ไหนจะเรื่องผิดคีย์เสียงเพี้ยนอีก แล้วจะไม่ให้กูด่าได้ยังไง
>>521 จะแยกไปทำเหี้ยไร คุณภาพกับกระแสมันต้องมาคู่กันอยู่แล้ว ถ้ากูเปิดสำนักพิมพ์วาย เน้นฉากเย แต่เสือกมีนักเขียนระดับโนเบลเอาวรรณกรรมทรงคุณค่ามาให้กูพิมพ์ กูต้องพิมพ์ให้แม่งไหมวะ เรื่องคุณภาพเหี้ย บรรณาธิการยังพอช่วยได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องไม่มีใครอ่าน พระเจ้าองค์ไหนจะช่วยมึงวะ
>>522 แรปเอกที่พวกมึงชอบเหยีด ชอบดูถูก ชอบยกมาเป็นตัวอย่างเหี้ยๆ เวลาดีเบต สมัยที่เขาดังๆ มีงานเข้ามาเยอะแค่ไหนรู้ปะ นักร้องเก่งๆ หลายคน ยืนร้องเพลงในผับทั้งปี ยังทำเงินสู้เขา 1 อาทิตย์ไม่ได้เลย
ถ้าโจทย์คืออยากทำอาชีพ นข. แล้วมึงเขียนดี + ได้ตังค์ อันนั้นคือ Perfect แต่ถ้าเขียนดี แต่ไม่มีใครอ่าน มึงก็แดกกระดาษไปแทนข้าวละกันนะ
พวกมึงเถียงอะไรกันอีกเนี่ย กูว่าจะแวะมาสับแก้เบื่อ พาลหมดอารมณ์เลย ใครอยากเขียนอะไรก็เขียนไปเหอะ เขียนดีก็มีคนอ่าน เขียนกากก็มีคนด่าไง เรื่องขายดีหรือไม่ดีมันอยู่ที่ความสามารถและวิธีการด้วย ถ้าขายไม่เก่ง ไม่ทำการตลาด ไม่ค่อยได้ไปเสนอหน้าที่ไหน หรือเส้นไม่ใหญ่พอ ถึงเขียนดีก็อาจขายไม่ได้วะ
>>528 +1 ว่ะ
ละก็อยากเสริมว่า คนที่มาด่าอาจไม่ใช้พวกเขียนละขายไม่ดีนะสัด คนเขียนขายดีอยากด่าแบบไม่เปิดตัวมีเยอะไป ถถถถถ ละถ้านิยายมันกากจริงต่อให้ขายไม่ดีกูก็จะด่า มึงจะทำไมล่ะ ก็นิยายมันมีเรื่องน่าด่า กูไม่สนหรอกว่ามันจะขายดีหรือไม่ดีเพราะกูคือคนอ่านไม่ใช่คนเขียนว่ะ มึงจะปกป้องอ้างเรื่องเขียนห่าไรก็ได้ขอแค่ขายดีมันก็เรื่องของมึง แต่กูขอยืนยันว่าที่นิยายมันห่วยทุกวันนี้ เป็นเพราะคนเขียนมันมีช่องทางทำเงินง่ายๆ ไม่ต้องแข่งขันแบบสมัยก่อน นักอ่านที่อยากอ่านงานดีๆเลยต้องแห่ไปอ่านงานต่างประเทศแทน นักอ่านส่วนใหญ่เลยเหลือแต่พวกเด็กหัวเกรียนที่ไม่มีปัญญาอ่านภาษาต่างประเทศเลยต้องอ่านนิยายกากๆที่แต่งให้อ่านฟรี พอไม่มีทางเลือกก็อ้างว่า อ่านสนุกก็พอแล้ว ถุ้ย! กูถามจริงเถอะ ถ้างานแปลมันเปิดอ่านแบบไม่ติดเหรียญ งานขยะแบบนั้นจะติดท๊อปได้เหรอวะ เหอะๆ กูเห็นหลายๆเรื่องที่ชูคออยู่ได้ มันก็สายตลาด+อัพไวแล้วก็อ่านฟรีติดเหรียญบางตอนเท่านั้นแหละ ลองมึงติดเหรียญเกือบทุกตอนสิ ใครมันจะมาอ่านวะ ถามหน่อย
>>530 สำหรับกูมันเกี่ยวเนื่องกันว่ะ มึงไม่สงสัยกันเหรอว่าทำไมนักเขียนหลายคนต้องเปลี่ยนมาเขียนแนวกระแส ทำไมต้องลดสมองลงมาเขียนนิยายย่อยง่ายทั้งๆที่บางคนก็ไม่ได้อยากเขียน ทำไมต้องเปลี่ยนมาเขียนแนวพอร์น แนวเย้ๆ ทำไมต้องซอยตอนสั้นลง ทำไมต้องเปลี่ยนการบรรยายให้มันกระชับ เพราะว่ามันขายได้และถูกจริตนักอ่านส่วนใหญสมัยนี้ไง แต่กูก็ยังยืนยันว่า ถ้าพวกมึงมีจุดมุ่งหมายที่เงินมึงก็จงขายวิญญาณเขียนไปซะ แต่สำหรับกู กูไม่แคร์ว่ะ นิยายกากก็กูจะด่า ด่าในส่วนของเนื้อเรื่อง แต่ส่วนของวิธีทำการตลาดให้คนอ่านติด กูก็ชม ชมมันจริงๆว่าเออเก่งที่ทำให้คนอ่านติดได้ ส่วนไหนควรด่ากูก็ด่า อันไหนชมก็ชม สะสมข้อดีของนิยายพวกนั้นแล้วเอามาพัฒนาตัวเองซะ อย่าแค่ด่าเอามัน เพราะพวกมึงจะไม่ได้อะไรเลย นิยายติดท๊อปพวกนั้นมันต้องมีข้อดีสักอย่างให้พวกมึงเรียนรู้แหละ
คุณภาพนักอ่านมันมีอยู่จริง กูถามคนรู้จักที่แม่งอ่านนิยายเล่มทุกวัน แม่งไม่มีใครอ่านนิยายไทยสักคน ขนาดนักแปลยังสำนวนดีกว่านักเขียนได้นี่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบแล้ว
คิดซะว่าแนวเทพซ่ามันเป็นสไลม์ Lv.1 ของนักอ่าน เพราะนิยายแนวพวก(เหี้ย)นี่มันสนุกจริงๆสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มอ่านนิยายในยุคนี้ ไว้แม่งเชี่ยวพร้อมเปลี่ยนคลาสเมื่อไหร่ มันจะเดาทางได้จนเบื่อแล้วย้ายหมวดไปเอง
เหมือนมึงบ่นเด็กเพิ่งเข้าอนุบาลว่าทำไมมีแต่คนเริ่มหัดเรียนด้วยการท่อง ก.ข.ค. ทำไมไม่ไปฝึกผันวรรณยุกต์
>>535 กูไม่คาดหวังขนาดนั้นวะ มึงอย่าลืมนะว่า "คนอ่านนิยาย" มันไม่ใช่ของหาง่าย ยุคนี้แม่งมีทั้ง tiktok คลิป 360 องศา ถาพถ่าย 3 มิติ เกมมือถือ โปรแกรมจำลองถอดประกอบรถทั้งคัน ASMR AR VR และล่าสุด METAVERSE มีอะไรชวนให้ติด ทำเงิน ทันสมัย แถมซึมซับง่ายกว่าตั้งเยอะ
การจะผลิตงานคุณภาพสูงได้มึงก็ต้องมีทรัพยากรที่เหมาะสม แล้วทรัพยากรสำหรับการสร้างนิยายดีๆคืออะไร? การศึกษา เวลาว่าง ประสบการณ์ สภาพแวดล้อม จินตนาการ และไฟ... แล้วมึงหันไปดูมหาลัยที่มึงเรียนอยู่หรือที่โรงเรียนที่มึงเคยเรียน มีของพวกนี้ให้มึงไหม? สถานศึกษาแม่งแทบจะกลายเป็นสนาม battle-royale อยู่แล้ว
แล้วถ้ามึงรอดมาได้หรือมีทรัพยากรเพียงพอ มึงว่าจะมีสักกี่คนที่เลือกเขียนนิยายเป็นอาชีพ? โอกาสเติบโตน้อยสัสเลยนะมึง ไอ้มุราคามิยังเคยบอก ว่าคนที่เลือกเป็นนักเขียนมีแต่คนโง่ จะเปรียบเปยหรือพูดจริงก็ช่างแม่ง สรุปคือลงทุนแล้วไม่คุ้มเหี้ยๆ
>>535 มันก็มี มึงแค่ต้องหา มีนิยายดีๆหลายเรื่องที่รอคนอ่าน ทุกวันนี้เวลาเจอเรื่องไหนสนุกกูก็พยายามคอมเม้นท์ให้คนเขียนมีกำลังใจว่ะ กูก็นักเสพที่หวังว่านิยายที่ติดจะแต่งจบสักเรื่อง ส่วนนึงก็อยากบ่นนะว่านิยายที่กูคิดว่าดีทำไมแต่งไม่จบเลยสักเรื่อง มึงมีวินัยกันหน่อยสิวะ
ส่วน>>536 กูเห็นด้วย พวกมึงต้องเลือกว่าจะเขียนขายคนส่วนใหญ่ หรือเขียนตามใจเอาแค่สนุก เพราะสมัยนี้มันมีอะไรให้เสพเยอะแยะจริงๆ สื่อการอ่านอย่างนิยาย ยังสู้การ์ตูนไม่ได้เลยมึง ดูเว็บตูนสิคนยังอ่านเยอะกว่าอีก
กูมาพูดในฐานะนักเขียนรายได้หลักแสน พวกมึงจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ เพราะทุกครั้งที่กูมาตีแผ่ความจริง จะต้องมีคนคิดว่ากูตอแหล ก่นด่าขับไล่จับผิดกูเสมอ จนกูเลิกเล่นโม่ง
ใครที่สงสัยว่านักอ่านเว็บนี้คุณภาพต่ำหรือเปล่า กูไม่รู้ และไม่สนด้วย กูไม่เคยวิเคราะห์ด้วยซ้ำว่านักอ่านเว็บนี้มีคุณภาพหรือเปล่า กูสนแค่จะทำยังไงให้พวกมันยอมเปย์นิยายกู
กูไม่ค่อยเก็ตมุมมองพวกมึงสักเท่าไหร่ อ่านไม่เข้าใจ แต่ถ้าให้พูดในมุมมองกู กูคิดว่านักอ่านเว็บนี้แม่งช่างเลือกมากๆ การจะยอมให้มันสละเวลามาอ่านนิยายมึงได้นี่โคตรยาก มึงต้องมีดีสักด้านจริงๆ ถึงจะมีคนอ่าน
ยากมากที่จะให้นักอ่านยอมจ่ายเงินสักบาท เนื้อหาแต่ละตอนมึงต้องเยอะ ไม่งั้นจะมีคนบ่นว่าไม่คุ้ม เทนิยายทันที พยายามหาข้องอ้างสารพัดที่จะไม่เปย์ และเนื้อหานิยายมึงต้องห้ามวนไปวนมาเด็ดขาด ต้องรักษาคุณภาพไว้ให้ได้
นิยายกูตอนพีคๆ คนอ่านเฉลี่ย20000คนต่อบท แต่คนซื้อเฉลี่ยแค่ตอนละ3000ครั้ง มากสุด6000 คิดดูแล้วกันว่าต่างกันแค่ไหน มันยากมากๆที่จะทำให้นักอ่านยอมจ่ายเงินแค่ 2 หรือ 3 เหรียญ
และมึงต้องเขียนให้พีคตลอด ห้ามแผ่ว ต้องอัพทุกวัน ถ้าเนื้อหาไม่พีค เนื้อเรื่องดรอปนิดเดียว คนอ่านดองทันที และพร้อมใจกันดองครั้งเดียวหลักพันคน ถ้ามึงหมดมุกนานๆ เขียนน่าเบื่อไปนานๆ หรือดองนาน นิยายมึงจะเสียความนิยมแบบกู่ไม่กลับ พลาดแล้วพลาดเลย ไม่มีทางกลับไปจุดเดิมได้อีก กูท้อและเหนื่อยมากที่ต้องรักษาคุณภาพนิยายในแต่ละวัน ไม่รู้ว่านิยายจะเสียความนิยมวันไหน วันไหนเขียนห่วย ยอดขายลดฮวบทันที ไม่แปลกใจที่นักเขียนติดท็อปหลายคนพากันเทง่ายๆ เพราะมันเหนื่อยจริง จิตตกมาก
มีนิยายใหม่ๆ ผุดขึ้นมาทุกเดือน เข้ามาแย่งอันดับ และนิยายใหม่ๆพวกนี้ นักอ่านจะเห่อมาก กูต้องยอมให้มันแย่งอันดับไปแบบที่ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะแพ้กระแส แต่ความสม่ำเสมอจะทำให้กูอยู่รอด รอให้นิยายใหม่ๆพวกนั้นทำพลาดไปเอง
กูเสียสุขภาพจิตว่ะ อายุนิยายแต่ละเรื่องมันสั้นมาก มาไวไปไว นิยายท็อปส่วนใหญ่อายุเฉลี่ย3เดือน จะพีคแค่ช่วงนี้ หลังจากนั้นจะดร็อปแน่นอนทั้งความนิยมทั้งรายได้ เว้นแต่เมิงเปิดเป็นนิยายอ่านฟรีตลอดๆ
รายได้6หลักต่อเดือน แต่ให้ทำยาวๆ ไม่หยุดพัก คงไม่ไหว ถ้าจะหากินเลี้ยงชีพแบบสบายๆ ต้องเอาเงินไปลงทุนอย่างอื่น ส่วนนิยายเอาไว้หาเงินก้อนไปลงทุน จะได้ไม่ต้องไปหากู้ที่ธนาคาร
ส่วนนักอ่านแม่งเทนิยายได้ง่ายๆ กูขอย้ำอีกที แฟนพันแท้ก็ส่วนแฟนพันแท้ กลุ่มนี้ไม่หนีกูไปไหน แต่ขาจรมันเทมึงแบบไม่แคร์เชี้ยไรทั้งนั้น ทำไม่ถูกใจนิดเดียว มันหนีไปเรื่องอื่น พร้อมจะเกาะกระแสนิยายเรื่องใหม่เสมอ และมันเลือกเปย์แค่เรื่องเดียวเพราะงบจำกัด เหี้ยมากอะ โคตรยากและท้าทาย ขนาดกูว่ากูโปรสุดๆระดับท็อปประเทศไทย ประสบการณ์มีมากมายยังเครียดเลย
อีกอย่างวงการนิยายไทยแผ่วลงทุกวันๆ สื่อบันเทิงเยอะจัด ตอนนี้อยู่ได้เพราะกระแสนิยายจีนแปล ถ้านักเขียนไทยคนไหนอยากรวยก็เกาะกระแสนี้ไว้ รอกระแสใหม่มา ค่อยเกาะกระแสใหม่
กูทำแบบนี้มาเรื่อยๆ เดินตามกระแสนิยายตลาด จนมีเงินเลี้ยงปากท้อง ซื้อรถซื้อบ้าน แต่นักเขียนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เพราะจมอยู่กับอดีต เขียนอยู่แนวเดียว ปรับตัวไม่เป็น ไร้พรสววรค์ โลกเขาไปถึงไหนกันแล้ว มัวแต่เขียนเหี้ยไรกันก็ไม่รู้ นักเขียนที่เก่งจริงต้องเขียนได้ทุกแนว ไม่ใช่ยึดอุดมการณ์โง่ๆ หาข้ออ้างหลอกตัวเองไปวันๆ
กูอยู่รอดมาทุกยุคทุกสมัย ส่วนพวกนักเขียนแก่ๆหัวโบราณก็ปล่อยให้มันจมปลักต่อไป อย่าคิดว่าวิธีการเขียนแบบ10ปีที่แล้วจะใช้ได้กับทุกวันนี้ มึงอยู่ปี 2022 มึงก็ต้องเขียนแบบ 2022 ถ้ายังดันทุรังเขียนนิยายเหมือนอยู่ในปี2009 มึงไปตายให้หนอนแดกซร้าาาา
เมื่อก่อนกูเขียนนิยายบทละ12000คำ เดี๋ยวนี้ตอนละ1000คำ มึงคิดว่ากูต้องฝืนตัวเองแค่ไหนวะ ทรมานเชี้ยๆ แต่กูต้องปรับตัว ต้องศึกษาพฤติกรรมคนอ่าน ดูว่ามันอ่านนิยายกันด้วยเครื่องมือแบบไหน คำตอบคือ มือถือจอเล็กๆ เขียนยาวๆแบบสมัยPcไม่เวิร์คแน่นอน
จากนั้นศึกษาว่ามันอ่านนิยายกันตอนไหน คำตอบคือ อ่านตอนเช้าก่อนไปเรียน ก่อนไปทำงาน ตอนพักเที่ยง ยิ่งต้องเขียนให้กระชับ เพราะนักอ่านแม่งมีเวลาอ่านจำกัด นิยายกูต้องสั้น ไม่มีน้ำ พวกมันจะได้พอเจียดเวลาจากการดูเน็ตฟลิกมาได้ ตามนี้นะคับ ต้องมองกระแสให้ออก
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
>>538 ความเห็นมึงมีประโยชน์ที่สามารถปรับไปใช้ได้อย่างมาก แต่กูกำลังสงสัยเรื่องความยาวต่อตอนเลยขอหยิบมาวิเคราะห์หน่อยละกัน
ตอนกูยังเขียนอยู่ (ประมาณ 3-4 ปีที่แล้ว) นิยาย 1 ตอนที่คนอ่านรับได้ว่าไม่ยาวเกินไปคือตอนละประมาณ 3000 คำ ไม่เกิน 5000 คำ ซึ่งจะเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 8-12 หน้า A4 ถ้าต้องตัดเหลือประมาณ 1000-1500 คำ ตอนนึงความยาวก็แค่ 3-4 หน้า A4 เท่านั้น ถ้าตีกลมๆ นิยาย 1 เล่มมีความยาวประมาณ 150 หน้า A4 จะเท่ากับว่านิยาย 1 เล่มต้องย่อยตอนออกไปเป็นประมาณ 40-50 ตอนต่อเล่มถึงจะเป็นความยาวที่เหมาะสมกับการอ่านในยุคนี้
พอมึงชี้ทางมางี้แล้วรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้นว่ะ ปกติถ้าตั้งใจจะเขียนหาเงินจริงๆ วันนึงก็ไม่ควรได้ต่ำกว่า 10 หน้า A4 อยู่แล้ว หากเอาความเร็วการเขียนขนาดนั้นเป็นพื้น (อาจมีเพิ่มหรือลดตามอารมณ์) ก็น่าพอมีสต๊อกสำรองได้เรื่อยๆ ทุกวัน ยิ่งในปัจจุบันมีระบบตั้งเวลาลงให้เองแล้วก็ไม่ต้องมานั่งหน้ามุ่ยเข้าเว็ปทุกวันเพื่ออัพตอนใหม่เองแบบเมื่อก่อนด้วย แต่ความยากนี่กูว่าคือการจะจับประเด็นของตอนนั้นๆ ยังไงให้ใส่มาได้ในความยาวแค่ 3-4 หน้ามากกว่า ซึ่งถ้าจะต้องลงตอนละ 1000 คำแบบที่มึงว่าจริงๆ นี่คือจุดที่น่าจะยากที่สุดละ ชักไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนิยายจีนแต่ละตอนถึงมีแต่น้ำ
โอเค กูเขียนนิยายแนวเซ็ทติ้งจีนโบราณ ส่วนจำนวนคำในแต่ละบท ต่ำสุดคือ 1000 คำ ประมาณ5หน้า แต่นักอ่านบ่น กูเลยต้องเพิ่มเป็น 1500 คำ มากสุด 2000 คำ ถ้าเกินนี้จะยาวเกิน นักอ่านเหนื่อย ต้องเขียนให้สนุกและกระชับภายในไม่เกิน 2000คำ
ตั้งแต่กูเขียน 7 ถึง 10 หน้า ไม่มีนักอ่านบ่นเรื่องนิยายแพงหรือสั้นไปอีกเลย
ถามว่าเขียนวันละ 1000คำยากไหม ดูเหมือนง่าย แต่ยากว่ะ กูอยากจะบ้าตาย คือ 1000 คำ ต้องสนุก ต้องพีค ต้องเดินเรื่องเร็ว ห้ามมีแต่น้ำ ยัดความสนุกทั้งหมดเข้าไปใน1000คำให้ได้
นิยายอะนะ แค่จะปูเนื้อเรื่องในแต่ละบทก็เกิน1000คำแล้ว แต่ยุคนี้ กูเขียนแบบนั้นไม่ได้ว่ะ ต้องเปลี่ยนจังหวะการเล่าเรื่องใหม่ทั้งหมดแบบลืมหลักการเขียนแบบเก่าๆไปให้หมด ห้ามบรรยายยืดยาว อย่าอธิบายสภาพแวดล้อมให้มากความ เอาแค่พอเห็นภาพ แล้วเดินเรื่องไวๆ เข้าจุดไคลแม็กซ์ไวๆ ทำให้คนอ่านอิ่มเอมให้ได้ภายในตัวอักษรแค่1000-2000 คำ
แต่ละวันกูเหนื่อยว่ะ เขียน2000คำ แต่เหนื่อยกว่าตอนเขียน10000คำซะอีก เพราะใน2000คำนั้นต้องมีแต่ความพีค พีค พีค ถ้าไม่พีค ช่องคอมเมนต์จะเงียบกริบ คนอ่านจะรู้สึกเสียดายเงินที่เนื้อเรื่องไม่ไปไหน และมันจะไม่ยอมเปย์บทถัดไป ต้องทำให้มันรู้สึกสนุก ต้องทำให้มันตื่นเต้นและอยากอ่านต่อไปเรื่อยๆ มึงห้ามหมดมุกเด็ดขาด ต้องใช้พรสวรรค์ด้วยส่วนหนึ่งว่ะ อันนี้สอนยาก เพราะกูเกิดมาก็เขียนนิยายสนุกเลย ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ไม่ดัง คือเขียนยังไงก็มีคนอ่าน มีคนคลั่งไคล้ เพราะมันมีเซ้นต์บางอย่างในตัวกู เป็นเหมือนสัญชาตญาณที่ทำให้รู้ว่าอะไรคือความสนุก แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะต้องศึกษากระแสนิยายเพิ่ม ต่อให้กูมีพรสวรรค์ มีความรู้ มีเทคนิคมากกว่านักเขียนส่วนใหญ่ในไทย แต่ถ้าไม่เขียนตามกระแส บอกเลยว่ายากที่จะทำเงิน เพราะนักอ่านจะเลือกเสพแต่สิ่งที่ตัวเองสนใจ สิ่งที่เป็นกระแสในเวลานั้น คนจะอ่านอะไรตามๆกัน
กูผ่านมาทุกยุค
สมัยก่อน โรงเรียนเวทมนต์ดังกูก็เขียน
เกมออนไลน์บูม กูก็เขียนเกมออนไลน์
ยุคต่างโลก กูเขียนต่างโลก
ยุคระบบ กูก็เขียนระบบ
ยุคนางร้าย เขียนนางร้าย
ยุคนี้แนวจีน กูก็เขียนจีนโบราณ
ไม่เคยแบ่งแยก กูมีส่วนร่วมกับทุกยุค เปลี่ยนนามปากกา เปลี่ยนไอดีไปเรื่อย ลองมาหมดแล้ว
ตอนนี้คนอ่านชอบอะไรที่เป็นเซ็ทติ้งจีนโบราณ กูก็ตามเทรน ศึกษาแนวจีนแล้วเขียนตาม แต่ในแนวจีน มันก็ยังจะมีหมวดแยกย่อยไปอีก เช่นปลูกผักทำสวน หรือย้อนเวลามาเป็นอะไรก็แล้วแต่ ขอแค่เขียนเซ็ทติ้งเป็นจีนพอ แล้วเขียนแนวของตัวเอง ถ้าก๊อปคนอื่นมาทั้งดุ้น คนอ่านจะไม่ค่อยว้าว ต้องเขียนให้แตกต่างเข้าไว้ คนอ่านจะชอบอะไรที่แปลกใหม่ มีมุกและจังหวะเล่าเรื่องที่คาดไม่ถึง ซึ่งต้องใช้พรสววรค์เยอะมาก สอนกันไม่ได้ทั้งหมด แต่สามารถเรียนรู้ได้จากการวิเคราะห์กระแส และอ่านให้เยอะ อ่านทุกแนว งานห่วยๆก็อ่าน อ่านว่าห่วยยังไง แล้วก็อย่าทำตาม สำคัญคือห้ามดูถูกคนอ่าน แต่ต้องดึงคนอ่านมาเป็นพวก ทำความเข้าใจว่ามันอยากได้อะไร แล้วหาทางสูบเงินมาให้ได้
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
ไหนๆ พวกมึงก็คุยกันเรื่องนี่แล้ว กูจะสารภาพบาปวิธีขายวิญญาณให้ฟังอีกคน
จะด่าว่ากูมักง่ายหรือเหี้ยก็ได้ (ต้องยอมรับแล้วแหล่ะนาทีนี้) กูไล่อ่านนิยายทุกเรื่องที่มีคนดูเยอะๆ แล้วจำตอนที่พีคๆ มา
วิธีสังเกตคือตอนไหนคอมเม้นกับวิวเยอะๆ กูบอกตัวเองเลยว่าจะต้องเข้าไปอ่านให้ได้ (ถ้าติดเหรียญก็ซื้อแม่ง) เนื้อหาในนั้นจะเป็นไปได้ 2 แบบ คือถ้าไม่ว้าวโคตรๆ ก็คือเหี้ยโคตรๆ ไปเลย ดังนั้นถึงต้องเลือกเอาเฉพาะตอนที่ยอดวิวกับยอดเม้นมันสูงจนโดดออกมาจากตอนอื่น
ถ้าเจอตอนที่รี้ดเด้อชอบ ไม่ว่ามึงอ่านแล้วจะชอบหรือไม่ ให้มึงจดไว้ก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในตอน แล้วรี้ดเด้อมันครื้นเครงเพราะอะไรตอนมันมาเม้น ส่วนตอนที่โดนด่ามากๆ ก็ทำแบบเดียวกันว่าโดนด่าเพราะอะไร
ตอนจะเอา 2 อย่างนี้ไปใช้คือให้มึงแต่งนิยายตัวเองไปตามปกติ ถ้าทรีตเม้นที่เขียนคร่าวๆ มันคล้ายกับเหตุการณ์ในตอนที่มีน้อนเกรียนมาชาบูว่าสนุกจุงเบย เวลาเอาทรีตเม้นมาขยายเพื่อเขียนจริง ก็ให้ใช้ความชั่วของมึงลอกฉากพีคๆ นั้นลงไป ถ้าหน้าบางกลัวมีคนจับได้ (กูเองก็โดนหลายรอบแล้ว) ให้เปลี่ยนรายละเอียด หรือสลับจังหวะเอา ทำไปนานๆ มึงจะเก่งจนคนจับได้ยากขึ้น เช่นถ้าอันที่เคยอ่านมันเป็นพระเอกโดนรถชนแล้วมีเด็กผู้หญิงโรงเรียนเดียวกันช่วยไว้ แต่วูบไปจนไม่ทันอ่านชื่อจำได้แค่ว่าเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกันกับเป็นคนที่เปียผม พอจะไปตามหาตัว วันที่เกิดเรื่องเสือกมีคนเปียผมโรงเรียนเดียวกันโผล่ไปแถวนั้นหลายคน เลยต้องสืบเอาว่าเป็นคนไหนกันแน่ พอถึงเรื่องตัวเองก็เปลี่ยนใหม่เป็นนางเอกไปร้านเค้กที่มีโปรโมชั่น 1 แถม 1 ถ้าถักเปียไปซื้อในวันเปิดร้าน ขากลับมีอุบัติเหตุไอ้หนุ่มหน้าหล่อหัวแตกนั่งมึนอยู่กลางถนน เห็นว่าใส่เสื้อโรงเรียนเดียวกันเลยเข้าไปช่วยพยุงออกมาพักข้างทางแล้วเรียกรถพยาบาลให้ ละก็ต้องรีบกลับเพราะแม่โทรตาม ปล่อยไอ้หล่อไว้แถวนั้นกับพลเมืองดี สัปดาห์ถัดมาไอ้หล่อออกตามหาสาวถักเปียในโรงเรียน นึกว่าอยากจะสานต่อที่ไหนได้คือคิดว่าอีผมเปียขโมยกระเป๋าตังค์พร้อมค่าเทอมกูไป
ส่วนตอนไหนที่คนด่าเยอะๆ ก็เหมือนเรื่องระบบร้านอาหารที่คุยกันมาเมื่อไม่นานนี้ ตรรกะมันพังเกิน ถ้าจะให้นางเอกได้กับพระเอกแบบนั้นล่ะก็อย่าหาทำ เพราะพวกเด็กเกียนในเด็กดวกจะไม่ปลื้ม
วิธีนี้คืออย่างนึงที่มะม่วงเคยสอนกูเมื่อนานมาแล้วตอนส่งข้อความลับไปคุยตอนเจอดราม่าในบอร์ดแล้วกูแอบมุดลงมาที่นี่ มันง่ายแต่ได้ผลนะ ถึงจะดูเหี้ยๆ ไปบ้าง แต่กูลอกพล๊อตลอกฉากมาเขียนอะไรใหม่ได้เยอะดี เวลาโลกกลมโดนรี้ดทักว่าฉลากนี้คล้ายเรื่องนั้นเลยนะ ถ้าไม่ทำตลกแดกกลบเกลื่อน ก็สะกดจิตมันไปว่า ไม่ใช่มั้ง คิดไปเองแล้วครับ อิอิ
ที่ออกมาแจมความเห็นนี้เพราะเดาว่าคนที่มาสับรอบล่าสุดน่าจะเป็นเจ้าตัว เลยฝากข้อความตรงนี้ให้เลยล่ะกันว่า ขอบคุณที่เคยช่วยกับรออ่านสับอยู่นะแจ๊ะ
โม่งเห็บหมา เมิงเอาโม่งรางวัลอวอร์ด writer of the month ประจำเดือน ธ.ค. ไปเลยจ้า
วิเคราะห์ปั๊วะปังดีมาก นักอ่านสมัยนี้เป็นอย่างที่เมิงว่าจริงๆ ใครคิดจะเขียนเอาเงินเลี้ยงชีพเน้นตามสูตรโม่งเห็บหมาได้เลย
เออ กูอยากให้บรรยากาศในโม่งเป็นแนวนี้มากกว่าว่ะ แทนที่จะวิเคราะห์แต่ข้อเหี้ย ก็เปลี่ยนมาหาจุดดีในนิยายดูบ้าง
กูอ่านแล้วสรุปกับตัวเองได้ 1 ประโยค “นักอ่านสมัยนี้สมาธิสั้น” ก็เลยแม่งต้องตีหัวเข้าบ้านตั้งแต่บรรทัดแรก กูขอเป็นลูซเซอร์ต่อไป กูกลัวเครียดตายก่อนอดตาย โม่งทั้งหลายพวกมมึงก็สู้ๆ นะ
>>545 เออ ก็เข้าใจมึงนะ555 แต่ส่วนหนึ่งที่นักอ่านสมัยนี้สมาธิสั้นนี่มีสองสาเหตุหลักๆ
1.เดี๋ยวนี้เขาใข้สมาร์ทโฟนกันเป็นหลัก เวลาไถอ่านเยอะๆมันลำบากกว่าเลื่อนเม้าในจอคอมนะว้อย จอคอมกว้างกว่ามีพื้นที่ให้กวาดสายตาค่อยๆซึมซับเนื้อหา แต่ในมือถือคือจอมันเล็กลงก็ต้องไถนานกว่าเดิม+เพ่งตามากกว่าเดิม ส่งผลให้เกิดความเมื่อยล้า ถ้าไม่เด็ดพอกูก็เทแม่ง หมดโควต้าเจ็ดบรรทัดแค่นี้เลย จะเก็บรายละเอียดแต่ก้ปวดตาเว้ย อ่านจบบทนีงตาแห้งแล้ว มือก็ปวดอีก
2.การมาถึงของนิยายแชท เพราะมันย่อยง่าย เกตมะ นิยายแบบดั้งเดิมที่เน้นบรรยายจะทำให้เราอิ่มเอมกว่า แต่ก็แลกมาด้วยการต้องใช้พลังในการมโนสูงกว่ามาก บทพูดนี่ใครวะ ตลค.นี้โผล่มาเมื่อไหร่วะ สีตาสีผมไรอะ แต่พอเป็นนิยายแชทที่เน้นบทพูดลดบรรยายก็ย่อยง่ายขึ้น หมดปัญหานั่งนึกหน้าตาตลค.เพราะมีรูปแปะให้ และแทบไม่ต้องใช้ความมโนให้มาก เพราะฟีลเหมือนนั่งกลางวงดูตลค.คุยกันเลย เออ แต่ก็มีนิยายแชทบางเรื่อง ไม่ดิ หลายเรื่องเลย ที่ยังอุตส่าห์ยัดบรรยายเข้ามาทั้งที่เป็นนิยายแชท เช่นพระเอกแชทง้อนางเอกไม่สำเร็จ เลยยัดบรรยายว่าซิ่งรถไปหานางเอกในวิลัย เดี๋ยวก่อน...ปกติแล้วมึงไปหาใครต้องแชทบอกอย่างละเอียดงี้เลนเหรอ "นายเอสตาร์ตรถคู่ใจ เจ้าเบนซ์รุ่น××แล่นโฉบเฉี่ยวไปบนถนน มุ่งตรงสู่วิทยาลัยของนางสาวเอ" อ่านเจอทีก็อิหยังวะ มึงเข้าใจคอนเซ็ปต์ของนิยายแชทบ่สู นี่ยังไม่นับพวกนิยายเรตที่บรรยายท่าเยสด้วยนะ มึงเล่นแชทเสียวเยสกันกันผ่านสายแลนเหรอวะ5555
ไอ้สมาธิสั้นเพราะสมาร์ทโฟนมันมาจากที่ "ชินกับความเร็ว" มึงไม่ชอบอะไรมึงกดปิดทิ้งหรือเปลี่ยนไปดูอย่างอื่นได้เลย หาดูอย่างนึงแล้วก็ลามไปเรื่องอื่นได้เรื่อยๆ มีความเห็นยังไงมึงก็พิมพ์ได้ ณ เดี๋ยวนั้น พิมพ์ถามได้ตรงนั้น เวลา 5 นาทีของคนรุ่นใหม่แม่งเสพคอนเท้นท์ได้เยอะมาก สื่อมีเดียต่างๆแม่งเลยพยายามทำตัวให้เสพได้เร็วๆ อย่างติกตอก 1 นาทีจบ
ไอ้เรื่องกวาดสายตาอ่านนี่กูมองว่าแล้วแต่คนนะ กูชอบอ่านในมือถืออยู่แล้วไม่ว่าเนื้อหาจะเยอะหรือน้อย จอกว้างทีไรเวลาขึ้นบรรทัดใหม่กูสับสนบรรทัดทุกที พอนิยายมาฮิตจัดบรรทัดให้เหมาะกับมือถือแล้วกูชอบมาก ไม่มีอะไอ้ความเมื่อยล้า สบายสัดๆ กูยืนอ่านก็ได้ นั่งก็ได้ นอนก็ได้ ย้ายที่ไปหาบรรยากาศดีๆก็ได้ ไม่ปวดหลังเท่าหน้าคอม
กูอยากเขียนนิยายในมือถือด้วยซ้ำ ฟังชั่นคาดเดาคำล่วงหน้าจากคำที่มักพิมพ์บ่อยๆเนี่ย ถ้าใช้คล่องแล้วมึงพิมพ์เร็วสัสๆเลยนะมึง เอานิ้งโป้งจิ้มทีเดียวพิมพ์ได้ 4,5,6,7 ตัวอักษร
แต่ความเหี้ยอย่างนึงของการอ่านในมือถือ คือคนส่วนใหญจะโดน break immersion ตลอดเวลา (เพราะแม่งชอบอ่านระหว่างทำอะไรสักอย่างอยู่) การพรรณนาเพื่อสร้างบรรยากาศในนิยายแม่งเลยดูไร้ประโยชน์ เพราะคนอ่านจะไม่อินแล้วบ่นว่าใส่น้ำมาทำไมเยอะแยะ
สมาธิสั้นต่อให้ไม่สติสมาร์ทโฟนก็เป็นว่ะ ขนาดกูไม่ค่อยได้ใช้นะอย่างมากก็ดู Youtube พวกนี้ แต่กูก็ติดนิสัยชอบอะไรเร็วๆ เหมือนกัน
ดูคลิปอยู่เจอช่วงหน้าเบื่อกูก็กด skip รัวๆ อ่านนิยายแบบเล่มตอนนี้ก็ชอบอ่านแบบ skip จับเอาเฉพาะน้ำหาหลักๆ ละ กูว่าเรื่องนี้มันเป็นพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยีนั่นล่ะ ฉะนั้นถ้าเขียนสั้นกระชับได้ก็น่าจะขายได้ง่ายกว่าจริงแบบโม่งเห็บหมาบอกนั่นล่ะ
เฮ้ยดีวะ ไอ้เห็บหมานี่ ตอนแรกกูก็เกร็งว่าใช่ไรเตอร์ที่กูตามมั้ย ปรากฎว่าไม่วะ
ส่วนตัวกูก็ชอบแบบเดิมอยู่ดีวะ ไรเตอร์แม่งเข้าใจเขียนและมีพื้นที่ว่างให้นักอ่านจินตนาการกูล่ะชอบตรงนี้มี่สุด เหมือนหนังอ่ะ มันจะไม่บอกมึงตรงๆว่ามันทำอะไรแต่ก็มีเกริ่นหรือการกระทำเล็กๆน้อยๆที่ให้คนอ่านจินตราการต่อ ซึ่งคนอ่านรุ่นกูฟินมากเวลาที่ได้อ่าน
พอไปอ่านของยุคนี้แม่งไม่ไหวจริงนะ มึงจะเปลี่ยนฉากไวไปไหน ทำอะไรฉับไวชิบหายหายกูนึกว่าเหตุฉุกเฉิน
เพราะงี้เลยทำให้นิยายมันเน้นtellมากกว่า show ไปโดยปริยายปะวะ บอกๆไปแม่งเลยว่าทำไรกัน สั้นดีอ่านง่ายด้วย ไม่ต้องบรรยายมาก จริงๆมันก็เสียอรรถรสไปหน่อยนะสำหรับกูที่โตมากับนิยายยาวๆ แต่ทำไงได้วะก็คุ้ยหาเรื่องที่ชอบเอา 55
>>552 เห็นมึงว่ามีพื้นที่ให้จินตนาการนี่กูอดขำไม่ได้ว่ะ 55555
ส่วนใหญ่ที่กูเจอคำนี้แม่งมากับสไตล์นิยายแชทกับเว้นไว้ปลูกหญ้าหมดเลย
อย่างน้อยนิยายในช่วง10-15ปีที่ผ่านมาเท่าที่อ่านกูก็ไม่รู้สึกว่ามันบรรยายละเอียดอะไรนะ แม่งมีแค่ส่วนน้อยจริงๆ
แต่พวกนิยายรุ่นเดอะคือเยอะจริงเวิ่นเว้อจริง อ่านไปแล้วเหนื่อยสัด เป็นแทบทุกเรื่องเลยมั้ง เป็นอิทธิพลจากเพชรพระอุมาหรือเมื่อก่อนมันฮิตแบบนี้ก็ไม่รู้
>>554 กูจำได้สมัยเขียนส่งสนพ.เมื่อก่อน แม่งบังคับเลยว่าต้องเขียนกี่หน้า บรรยายหน้าละกี่บรรทัดกี่คำซึ่งพอทำออกมารูปเล่มแล้วโคตรหนา คือเข้าใจว่าเมื่อก่อนมันไม่มีไลท์โนเวล นิยายทั้งหมดเลยถูกจัดเป็นวรรณกรรมไปเลย ซึ่งปัจจุบันมันแยกย่อยออกมาเป็นหลากหลายขึ้น
อย่างพวกนิยายบทเว็ปหรือ LN นี้มันใกล้เคียงกับการ์ตูนหรือซีรีย์ที่เขียนด้วยตัวหนังสือมากกว่า ซึ่งถ้าเทียบกับวรรณกรรมหรือนิยายสมัยก่อนมันให้อารมณ์เหมือนหนังโรงไปเลยจึงต้องละเอียดยิบกันหน่อย
เขียนเป็นงานอดิเรกน่าจะเหมาะกับกูสุดละเหมือนกัน ยังไงก็ขอบใจโม่งเห็บหมาที่มาบอกเล่าเก้าสิบประสบการณ์ตัวเองละกันนะ
หลังจากที่กูอ่านที่โม่งเห็บหมาบอกไป กูเห็นด้วยมากเลยนะเว้ย กูคิดว่าที่แม่งพูดทุกอย่างมีเหตุผล ทั้งเรื่องทำตอนให้สั้น ให้พีค หรือเลียนแบบที่พวกเด็กมันชอบ กูเลยพยายามไปลองอ่านนิยายติดท็อปดู เริ่มจากเรื่องระบบภัตตาคารอะไรนันน่ะ ผลคือแม่งไม่มีเหี้ยอะไรสักอย่างที่มึงบอก ไหนวะความพีคในตอน กูเห็นแม่งมีแต่นํ้ากับความโม้เx็ดม้า เป็นการอ่าน 14 ตอนที่ทรมานที่สุดในชีวิตกูเลยมั้ง ระบบภัตตาคารเชี่ยไร กูเห็นแม่งทำกับข้าวอยู่ไม่กี่ตอน แถมแม่งเป็นต้มยำกุ้ง x 400 ด้วย เมนูก็ไม่เปลี่ยน มีเปลี่ยนอีกทีเป็นข้าวผัดไข่ แต่เสือกได้ห้าดาวคนชอบโคตร ๆ ตั้งแต่เมนูแรก (กูล่ะสงสัยว่ามันจะเล่นต่อยังไง พระเอกเทพเวลตันแต่ต้นเรื่องงี้) ได้รางวัลเป็นสปิริตที่สเกลพลังอย่างโม้ คนอื่นเขามีตัว/สองตัว ไอ้เปรตนี่มีเก้าตัว
ไม่ไหวว่ะ กูทำตามแม่งไม่ได้จริง ๆ มันได้ที่สองมาได้ไงวะ เอาจริง ๆ คือคอนเซปต์มันได้นะ กูเห็นลู่ทางที่จะทำเนื้อเรื่องให้ดีด้วย เสียดายที่แม่งหวยออกมาเวย์นี้ เสียดายของ
ปล.คนเขียนเรื่องนี้มันเป็นอะไรกับการเx็ดแล้วทิ้งวะ กูเห็นมีประเด็นเรื่องนี้มาตั้งแต่เรื่องดันเจี้ยนละ
>>558 เรื่องนี้มันอาจกินบุญเก่าเรื่องก่อนมาส่วนนึง อีกอย่างคือมันเดินเรื่องตามขนบนิยายจีนแนว Cultivation เป๊ะๆ 1,000 % แล้วคนอ่านก็ไม่รู้เป็นเหี้ยไรกัน พอเห็นว่ามีระดับพลัง มีความเทพซ่าพรวดพราด ก็หลับหูหลับตาอ่านแบบไม่สนหีแตดใดๆ (ซึ่งเป็นหนึ่งในความไม่เข้าใจขั้นสุดของกูเรื่องหนึ่งเลยเกี่ยวกับนิยาย) เรื่องเหี้ยนี่อ่านแล้วทรมานจริง ถ้าไม่มีคนโฆษณาว่ามันพีคที่ตอน 18 กูจะปิดทิ้งตั้งแต่ตอนแรกหลังจากเห็นคำว่า "สวะ" เพราะเดาได้เลยว่าสุดท้ายคงเทพซ่ายอดนักเยดตามเคย
กูเห็นแย้งกับโม่งเห็บหมานะ คนอ่านของกลุ่มจีนโบราณส่วนใหญ่เป็นผญว่ะ ในขณะที่สายแฟนตาซีคนอ่านส่วนใหญ่เป็นผช ค่อนไปทางเด็กเกรียนๆด้วย การแข่งขันมันเลยไปคนละแบบกัน อย่างจีนโบราณอะแข่งขันสูงจริงไม่เถียง ช้านิดหน่อยนักอ่านเทจริง บางทียังเจอคอมเม้นท์นักอ่านด้วยกันด่ากันเองเลยก็มี แนวโน้มนักอ่านที่เป็นผญ เปย์สูงกว่านักอ่านผช ด้วย ละสุดท้ายกูก็ยังยืนยันว่าระบบภัตรคารมันห่วยจนกูไม่สามารถเอาตรรกะใดๆของเห็บหมามาเทียบได้เลยว่าทำไมมันถึงติดท๊อป นขชอบเล่นประเด็นเยละทิ้ง พระเอกเป็นขยะเปียกที่มีเมียเทพทุกเรื่อง มีสเกลพลังเวอร์วังจนไม่รู้จะอะไรยังไง จริงๆกูอยากได้สักคนวิเคราะห์ว่าทำไมมันถึงดังนะ เอาแบบมีเหตุมีผลไม่เอาแบบมาด่าๆน่ะ อยากรู้จริงๆ
เห็นแย้งกับโม่งเห็บเรื่องคุณภาพนักอ่านของแต่ละแนวนะเว้ยไม่ได้เห็นต่างเรื่องที่มันวิเคราะห์
โลกที่กูพูดถึง คือโลกของ top20 หมวดรวม ที่การแข่งขันสูง ไม่ใช่โลกเล็กๆของท็อปหมวดแฟนตาซี
เอาง่ายๆ กูขอพูดความในใจตรงๆเลยละกัน ว่าอันดับท็อปหมวดแฟนตาซีนี่เด็กน้อยมาก
เรื่องระบบภัตตาคารที่พวกมึงพูดถึง กูไปดูมาแล้ว คนติดตามแค่ 4000 คน อัพไป160ตอน แต่ยอดวิวรวมแค่170000 รายได้รวมคือเกือบๆแสนบาท ซึ่งน้อยมาก จำนวนตอนขนาดนั้นรายได้ควรจะอยู่ที่400000บาทเป็นอย่างต่ำ และน่าจะไม่เคยติดท็อป20หมวดรวมด้วยซ้ำ
กูไม่เคยมองเรื่องนี้เป็นคู่แข่ง กูอึ้งมากที่นิยายเรื่องนี้เป็นที่พูดถึงในโม่ง คือเหมือนอยู่กันคนละโลก คนละเลเวลกับกู จนกูไม่รู้สึกว่าถูกคุกคามโดยนิยายเรื่องนี้อะ ก็เลยไม่ได้พูดถึง
กลุ่มเป้าหมายของนิยายเรื่องนี้คือเด็กผู้ชายในหมวดแฟนตาซี ซึ่งถือเป็นปลาบ่อเล็ก ขณะที่กูนั่งเรือลำใหญ่จับปลาในมหาสมุทร เน้นกลุ่มผู้หญิงที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ที่อ่านนิยาย มีกำลังจ่ายเยอะ
นักอ่านมีหลายกลุ่ม หลายเพศ หลายวัย เราต้องเปลี่ยนวิธีการเล่นเกมให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของตัวเอง
ถ้ามึงอยากดึงดูดนักอ่านชายในหมวดแฟนตาซี มึงก็ต้องวิเคราะห์ว่ามันชอบอะไร แล้วเขียนไปตามนั้น แต่กูไม่เอาด้วย เพราะนักอ่านชายมีน้อยเกินไป กำลังจ่ายมีไม่มาก จริงอยู่ที่เมื่อสองสามปีก่อนมีกระแสsolo leveling กับนิยายแปลญี่ปุ่น ทำให้ในเว็บมีนักอ่านชายเยอะ ที่ส่วนใหญ่อารมณ์ค้างจากนิยายเกาหลี อยากมาอ่านนิยายแนวเดียวกันในเด็กดี แต่กระแสพวกนี้มาไวไปไว ตอนนี้หมวดแฟนตาซีร้างมาก ยอดวิว1000ต้นๆ ก็ขึ้นท็อป20แล้ว ทำกินลำบาก
ณ เวลานี้ เป็นยุคของนิยายจีน ปลาบ่อใหญ่คือนักอ่านเพศหญิง ซึ่งในอนาคต อะไรๆก็จะเปลี่ยนไปอีก เหมือนกับเล่นเกมอะ เปลี่ยนแพทช์ใหม่ก็เปลี่ยนวิธีการเล่นใหม่ไปเรื่อยๆ
และมึงอย่าคิดว่าพวก top20 หมวดรวม จะมีสกิลการเขียนสูงส่งอะไรมากมาย ส่วนใหญ่เป็นพวกฟลุ๊คดังทั้งนั้น พวกตามกระแสก็เยอะ สกิลการเขียนหมาไม่แดก ดังเรื่องเดียวแล้วก็หาย เขียนเรื่องถัดไปล้มเหลวกู่ไม่กลับ ซึ่งถ้าให้วิเคราะห์ให้ฟังคงยาว แต่ขอเล่าเคสหนึ่งให้ฟังแบบสั้นๆ ว่าการฟลุ๊คดังคืออะไร
แต่พวกมึงเชื่อไหม แค่รูปหน้าปกรูปเดียว สามารถทำให้นิยายเรื่องหนึ่ง ดังระเบิดและติดท็อป20หมวดรวมได้ คือพวกนักอ่านหญิงอะ มันจะชอบนิยายที่มีตัวละครเด็กแฝดน่ารักๆในเรื่อง แล้วมีนักเขียนคนหนึ่ง บังเอิญเอารูปเด็กแฝดขึ้นปกนิยาย จนนิยายดังระเบิด แต่เนื้อเรื่องโคตรเหี้ย นิสัยเด็กแฝดก็ไม่ได้น่ารักอะไรเลย คอมเมนต์มีแต่คำด่า แต่กลับทำเงินหลายแสน เพียงเพราะปกนิยายมีรูปเด็กแฝด สุดท้ายนิยายเรื่องนั้นก็จบลงไปแบบทุลักทุเล นักเขียนคนนั้นก็เขียนเรื่องใหม่ แต่กลับล้มเหลวหมดท่า ไม่อาจหาคำตอบว่าทำไมตัวเองถึงไม่ดังเหมือนเก่า
แต่กูรู้ไง ว่านักอ่านมันเห่อ 'เด็กแฝด' หรือที่วงการนิยายจีนเรียกกันว่า 'ก้อนแป้ง' นี่คือเคสที่แค่ปกนิยายก็ทำให้ปังได้ แต่นักเขียนคนนี้มันเชื่อจริงๆ ว่านิยายตัวเองดังเพราะฝีมือการเขียน จนตอนนี้นิยายเรื่องใหม่เน่ามาก คนอ่านแค่หลักร้อย แต่มันก็ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเคยดังเพราะอะไร ทำไมนิยายเรื่องใหม่ถึงแป้ก น่าสงสารเหมือนกัน แต่คนไม่มีพรสวรรค์ ดังเพราะทางลัด กูคงช่วยอะไรไม่ได้ ชีวิตนักเขียนคงจบสิ้นแค่นี้
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
พูดถึงก้อนแป้งนี่ มันมีที่มาที่ไปอะไรบ้างมั้ย หรือเป็นแค่คำนิยมเรียกในนิยายจีนเฉยๆ เพราะก่อนหน้านี้กูเคยเห็นมีคนคุยถึงเรื่องก้อนแป้งกับตัวเอกหญิงแนวทะลุมิติไปรวยหรือเทพซ่าส์ในโลกอดีตจีน คุยไปคุยมาออกทะเลไปเยอะเลย แต่สาระเหมือนจะพูดถึงเรื่องทำไมนิยายตอนนี้มันถึงฮิตย้อนเวลากลับไปเลี้ยงก้อนแป้งกับโกยเงิน หรือมันสนองตัญหาพวกผู้หญิงสมัยนี้ได้ อะไรพวกเนี้ย
ยุคที่นิยายปลูกผักกำลังโด่งดัง แค่มึงใช้รูปหน้าปกเป็นรูปสีเขียวของใบหญ้า คนอ่านก็พร้อมจะคลิกเข้ามา
หรือยุคที่นิยายระบบกำลังดัง แค่นิยายมึงมีคำว่า 'ระบบ' นักอ่านก็พร้อมจะคลิกเข้ามา
สมัยเกมออนไลน์ นิยายมึงต้องมีคำว่า 'ออนไลน์' ต่อท้าย
การแข่งขันมันเริ่มตั้งแต่ปกนิยายไปจนถึงชื่อเรื่องแล้วอะ อย่างไอ้ระบบภัตตาคาร มันมีคำว่า 'ระบบ' ซึ่งคนส่วนใหญ่คุ้นเคยกับระบบอยู่แล้ว เห็นนิยายระบบก็อยากอ่าน ไม่สำคัญหรอกว่าสนุกไม่สนุก แต่คนจำนวนมากมันหลงเข้าไปอ่านแล้ว มันเปิดใจง่าย เพราะแนวนิยายมันคุ้นเคย
สนุกไม่สนุกเรื่องรอง เพราะมันทำให้คนอ่านคลิกเข้าไปอ่านได้ คือคนอ่านมันชอบ 'ระบบ' ต่อให้เรื่องห่วย แต่คนอ่านมันผูกพันกับคำว่า 'ระบบ' อยากอ่านระบบ คุ้นเคยกับระบบ เพราะนั่นคือสิ่งที่มันอยากอ่าน พวกมึงเข้าใจไหม
นิยายบางเรื่องดีงามมาก แต่ชื่อเรื่องกับปกนิยาย ไม่ตรงกระแส คนไม่คลิกเข้ามาอ่าน จะรู้ได้ไงว่านิยายมึงสุดยอด แพ้ตั้งแต่ชื่อเรื่องแล้ว
ยกตัวอย่างนิยายกูเอง ไม่มีอะไรตามกระแสสักอย่าง กว่าจะดังได้ก็ลำบาก แต่พอดังแล้วก็พีคกว่าเรื่องที่ตามกระแสซะอีก เพราะไม่มีใครเลียนแบบกูได้ ไม่สามารถหาจังหวะการเล่าเรื่องของกูได้จากนิยายเรื่องอื่น แต่เส้นทางนี้มันยากเกินไปว่ะ ไม่แนะนำ
แต่ถ้าเป็นไปได้ กูขอตั้งชื่อเรื่องให้ตรงกระแส ทำปกดึงดูดคนอ่านดีกว่า เพราะมันเป็นเส้นทางที่ง่าย ไม่ต้องดิ้นรนมากมาย
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
จุดร่วมของนักอ่านหญิงและชายก็คือ พวกมันชอบตัวเอกเทพๆ
ถ้าตัวเอกโง่ นักอ่านจะด่าไม่หยุด ยุคนี้คือต้องเทพจริงๆ จะมาค่อยๆพัฒนา หรือมีพลาดพลั้งเหมือนมนุษย์ทั่วไป กูบอกเลย พัง
สูตรนิยายจีนแนวขายหญิง ที่นิยมในช่วงปีนี้กับปีที่แล้วก็คือ
ย้อนเวลามาอยู่ในร่างสตรียากจน มีครอบครัวและญาติเหี้ยๆชอบเอาเปรียบ เจอผัวชั่ว (ซึ่งจุดนี้นักอ่านจะเชียร์ให้นางเอกหย่าและแยกบ้านออกมาไวๆ นักอ่านจะลุ้นมาก)
ซึ่งจะนำมาสู่ทางออกสุดท้าย นั่นคือนางเอกตัดสินใจหย่า หลุดพ้นจากผัวเก่า หลุดพ้นจากครอบครัวและญาติเหี้ยๆ สร้างรายได้ ทำงานหาเงิน เลี้ยงลูกแฝด จนร่ำรวย สร้างความฟินแก่เหล่านักอ่าน
จากนั้นพวกผัวเก่ากับครอบครัวก็จะกลับมาเกาะนางเอกตอนที่รวยแล้ว คนอ่านก็กรี๊ดแตก พร้อมใจกันก่นด่าผัวเก่า เชียร์ให้นางเอกอย่ากลับไปยุ่งกับพวกมัน กลายเป็นดราม่าสุดระทึก ทำนักอ่านลุ้นอีกแล้ว
ส่วนอาชีพนางเอกก็มีไม่กี่อย่าง
1.ขายผัก
2.ทำสบู่ขาย (คนจีนโบราณไม่ชอบอาบน้ำ ทำไปขายใครวะ? ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนก่อนมาเขียนแน่ๆ)
นี่คือสูตรสำเร็จที่ทำตามๆกันมา กูเบื่อชิบหาย ลอกกันมาแทบทุกเรื่อง โคตรไร้พรสวรรค์ แต่นักอ่านมันชอบอะไรประมาณนี้ไง
ซึ่งกว่านักอ่านจะเอียนกับแนวนี้ พวกนักเขียนตามกระแสก็รวยไปแล้ว 5555
ปัจจุบัน แนวปลูกผักแทบไม่เกิด เพราะคนอ่านเบื่อ สรุปว่ากระแสแนวนี้อยู่ได้แค่ปีกว่าๆ ซึ่งกูว่าสั้นมากอะ
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
เรื่องชื่อนี่ใช่เลย สมัยแนวเกิดใหม่บูมกูก็แค่ตั้งชื่อเรื่องว่าเกิดใหม่ แค่นี้แม่งคนติดตามก็วิ่งเข้ามา 3000 กว่าในเวลาเดือนเศษ
>>564 เออ อันนี้เห็นด้วยว่ะ หลายเรื่องมากที่ดูดรูปจากพินเทอเรสมาตกนักอ่าน+ตั้งชื่อเกรียนๆหน่อย
ที่เรื่องภัตตาคารมันตกเป็นกระแสเพราะ
1. คนที่โผล่มาในโม่งส่วนใหญ่เขียนแนวแฟนตาซีว่ะ กูเดาเอาจากนิยายที่ยกมาสับ ส่วนใหญ่เป็นสายแฟนตาซี
2. เรื่องนี้ตรรกะมันเหี้ยโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ เลยตกเป็นประเด็นเอามาถก มันเหี้ยแบบเหี้ยมากจนกูสงสัยไงว่ามันติดท๊อปได้ยังไง เอางี้ ถึงติดท๊อปได้ก็ไม่น่าได้อันดับสองไงทั้งๆที่มีเรื่องอื่นๆในลำดับเดียวกันดีกว่าเยอะ
แต่ฟังจากที่มึงวิเคราะห์ มันก็น่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ
>>568 แนวบ่มเพาะพลัง บำเพ็ญเพียรเพื่อเลื่อนขั้น เพิ่มระดับลมปราณหรือพลังเวทขึ้นไปเรื่อยๆ ตัวเอกมักจะเกิดมากาก ไร้พลังหรือมีพลังต่ำจนโดนดูถูกตอนเริ่มเรื่อง หลังจากนั้นก็มีเหตุให้เก่งขึ้นได้เรื่อยๆ จนเทพซ่าส์ไปในที่สุด
ถ้าเป็นหนังจีนสมัยก่อนแนวบ่มเพาะแบบค่อยเป็นค่อยไปดั้งเดิมจริงๆ คือพวกคนที่เป็นนักพรต บำเพ็ญตบะเพื่อเลื่อนขั้นฌานของตนจากคนธรรมดาขึ้นเป็นนักบวช จากนักบวชก็พยายามจะขึ้นเป็นเซียน เลยจากเซียนก็ขึ้นไปเทพเจ้า ฯลฯ ถ้าเป็นสัตว์มาก่อน ก็จะเริ่มที่ขั้นแปลงร่างเป็นคนได้ ถ้าผ่านการอาบแสงสุริยันจันทรามาเป็นร้อย, พันปี ก็จะเลื่อนขึ้นเป็นพวกพญาหรือนางพญา เลยจากนั้นก็เป็นเทพอสูร กว่าจะมีฤทธิ์เก่งกล้าได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องผ่านการบำเพ็ญอย่างโคตรจะยาวนานทั้งฝั่งคนฝั่งสัตว์ บางทีฝึกกันข้ามชาติ (ที่ไม่ได้หมายถึงข้ามประเทศ) ตายเกิดวนไปไม่รู้กี่รอบ ผิดกับสมัยนี้ที่มีระบบเหี้ยไรไม่รู้มาช่วย แป๊บๆ ระดับพลังก็เพี้ยนจนกู่ไม่กลับ พระเอกนางเอกอยู่ดีๆ ก็เทพสัสรัฐเซียแซงพวกเก่งๆ ในเรื่องไปได้หน้าตาเฉย Cultivation ของยุคนี้เลยไม่ใช่การค่อยๆ ไต่ระดับ แต่เป็นเกิดชาตินี้พี่ต้องเทพขึ้นไปเรื่อยๆ ชาติก่อนเทพแค่ไหน เกิดชาติใหม่ก็เทพเหมือนเดิม จำได้ตั้งแต่เกิดว่าเคยเก่งยังไง แล้วฝึกต่อเพื่อให้เทพซ่าส์ขึ้นไปอีก ด้วยตัวช่วยเสริมต่างๆ ทั้งยาเม็ดเพิ่มพลัง ไอเท็มวิเศษให้ดูดซับพลังเวท หรือเหี้ยไรก็ได้แล้วแต่งคนเขียนจะดันทุรังใส่มาเพื่อให้ตัวเอกมันเก่งกว่าชาวบ้านให้ได้
กูไม่รู้ว่าท็อปไหม แต่กูชอบวีรอนเดลทุกเรืีอง
>>574 อ่า ใช่ กูชอบวีรอนเดลเหมือนกัน แล้วก็ลวิตด้วย
>>575 อันนี้ฮา
เออ กูแนะนำเรื่อง legeng of magician ไม่รู้สะกดถูกป่าวนะ ท๊อปยี่สิบแฟนตาซี ที่เท่าไหร่ไม่รู้ ภาษาโอเค พล๊อตแนวย้อนเวลามาเทพซ่าแต่ไม่ได้มาถึงปุ้บเก่งปั้บ มีช่วงเวลาพัฒนาตัวเอง ส่วนเรื่องอื่นๆกูยังคุ้ยๆหาอ่านอยู่ว่ะ แนวที่เห็นโดดๆมาตอนนี้ก็แนวเทพซ่าเงินเยอะ กับเทพซ่าหลุดไปในโลกแฟนตาซีพร้อมระบบโกง(คล้ายๆกับยอดนักขุด) สองแนวนี้กูว่าอีกหน่อยน่าจะมาแทนเทพซ่าบ้าพลังนะ แต่กูไม่ชอบเลยไม่ได้อ่าน ส่วนใครมีไรก็มาแนะนำได้
บางเรื่องแต่งไม่จบด้วยนะมึง ถ้าใครเปย์ก็เลือกเรื่องดีๆหน่อยล่ะ
ขออนุญาตนะคะ
ทุกคนมีความคิดเห็นยังไงกับไรท์ที่ชอบแต่งแล้วบรรยายช่องคำพูดตัวเองลงไปด้วยคะ มีคนชอบไม่ชอบยังไงบ้าง?
ตย. "หล่อเกินไปแล้วนะ!" ผมพูดหยอกเพื่อนตัวเองเบาๆ เพราะรู้ว่าผมหล่อกว่ามันเป็นสิบเท่าเลยล่ะ(มโนเกินไปแล้วลูก//ไรท์) ประมาณนี้ค่ะ
>>587 คือเก็ทไอเดียนะ แต่ก็สุดโต่งไปมั้ง บางคนก็ไม่ใช่ว่าจะอยากดองนะเออ แต่ชีวิตบัดซบจริงไม่มีเวลาแต่งถึงได้ดอง เอาลงจากท็อปพอเข้าใจ แต่ให้ตัดเงินก็ไม่ใช่เรื่องมั้ง แล้วไอ้เกณฑ์ 50 ตอนนี่ก็ไม่ได้ป้ะวะ เพราะความยาวตอนแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน บางคนตอนนึงแม่งเท่าหมอยหมา บางคนตอนนึงยาวเป็นสิบหน้ากระดาษ แล้วจะวัดกันยังไง
ส่วนช่วงท้าย ไม่มีอะไรจะพูดนอกจาก "ว้าวซ่า" ว่ะ
>>587 ไอ้เกินเดือนนึงยังพอเข้าใจ แต่ให้หักเงินกับ50 ขึ้นไปก็ว้าวซ่าจรืงแหละว่ะ เดี๋ยวได้กลับไปยัคซอยตอนละ 10% 20% กันอีกหรอก แล้วถ้านิยายเรื่องนั้นไม่ได้ติดเหรียญ มึงจะหักเงินเขาไงวะ โปรโมทเองนี่ไม่ได้ถูกจ้างให้โปรโมท เออปต่ถึงถูกจ้างมึงก็ไม่มีสิทธิ์หักเงินเขาเว้ย
เรื่องหักเงินนี่กูงงว่าต้องการอะไร ดัดนิยายพวกแต่งแต่ไม่จบเหรอ? ควรแก้ที่ตัวเองป่าววะ อย่าไปเปย์พวกแต่ไม่จบสิ ส่วนเรื่องศีลธรรมก็เลิกหวังเถอะ นิยายที่เด็กกระโปกแต่งมันจะไปมีเรื่องอย่างนั้นได้ยังไง
จริงๆ กูว่ามันคงอยากให้นิยายที่ดองเป็นปีๆไม่ติดโผมั้ง จริงๆก็งงนะว่าทำไมอยู่ๆนิยายพวกนั้นถุงเด้งขึ้นมาติดท๊อปได้ อย่างแฮคนี่ก็ติดหลายรอบละด้วยมั้ง ปรากฏการคนอ่านรวมตัวหรอวะ หน้าปกก็ไม่ดึงดูด ชื่อเรื่องก็ไม่มีคำว่าระบบ
ดด อัพเดทใหม่ละ ตกใจนึกว่าเข้าผิดเว็บ
พวกคนอ่านคงชอบแหละ หน้าใหม่นี้หานิยายดังๆอ่านง่าย ระบบมันเอื้อให้คนอ่านสุดๆ มีทั้งนิยายท็อป นิยายแนะนำ นิยายใหม่มาแรง ขึ้นมาให้เลือกอ่านมากมาย คือใช้งานง่ายเชี้ยๆ แต่ในมุมมองนักเขียนรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ เพราะเว็บเน้นดันพวกท็อปกับพวกนิยายแนะนำเกินไป โดยเฉพาะนิยายแฟนตาซีแนะนำที่อยู่แถวบนสุด ไม่รู้ใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกขึ้นมาแนะนำ
ส่วนนิยายของนักเขียนหน้าใหม่ที่เพิ่งอัพเดต คืออยู่แถวล่างสุด ไม่มีใครผ่านมาเห็นนิยายแน่ๆโคตรลำบาก ไปเล่นappแทนละกัน
แบบใหม่กูว่ามันเหมือนรีดเกิ๊น มองผ่าน ๆ นึกว่ารี๊ดธีมส้ม
เด็กชาย ด. : นาย ขอลอกการบ้านหน่อยดิ
เด็กชาย ร. : ก็ได้ แต่อย่าให้มันเหมือนเป๊ะล่ะ
จริงๆอยากให้มีมุมของนิยายอัพเดทล่าสุดด้วยนะ เอาขึ้นแบบนิยายแนะนำ แบ่งกันแถวละสามเรื่องก็ยังดี
ทำไมกระทู้โปรโมทนิยายกุหลาบถึงได้ขึ้นท็อปบ่อยจังวะ คือแปลกนะกูเห็นชื่อกระทู้แล้ว กูเองก็ยังอยากกดเข้าไป จากนั้นก็ออกมาแบบงง ๆ
โชคดีของกูแต่งเป็นเรื่องสั้นไม่เกินเจ็ดหมื่นคำ จองไปสิบกว่าเรื่องปีนี้ จัดการไปแปดเรื่แง หืดขึ้นคอ
กระมู้เรื่องจัดอันดับดุเดือดน่าดูเลย แต่อ่านแล้วก็สนุกดีนะ
เมอร์รี่คริสโม่ง
สุขสันต์วันคิดมากนะโม่ง
เทศกาลสับนิยายมันมาอีกแล้วหรอวะ เมอรี่คิสมากนะ จุฟๆ
>>619 https://www.dek-d.com/board/writer/4046535/
กูรออ่านสับเรื่องสองอยู่ หวยจะไปลงมูนนี่มั้ยวะ อยากเห็นป้าดิ้นพราดๆน่าสนุก
กูนั่งอ่านเรปของพวกมึงแล้วรู้สึกว่าการเป็นtop หรือรีดเงินจากคนอ่านได้นี่แม่งต้องขายวิญญาณอย่างเดียวเลยวะ ยิ่งอ่านก็ยิ่งเหนื่อย
แอบงง varunyanee เขียนมาตั้งหลายเรื่อง ทำไมเขียนแนะนำเรื่องได้พังพินาศขนาดนั้น
ถามเพื่อนโม่งทั้งหลายหน่อย ปกติพวกมึงโดน "ทำนองเสนาะ" หลอกหลอนกันตอนเขียนนิยายบ้างไหมวะ กูโดนประจำเลย ประมาณว่าเนื้อหาที่คิดไว้จะให้ตัวละครมันเล่าอย่างนึง แต่ทำนองเสนาะแม่งพาให้พูดอีกอย่างเพื่อความคล้องจองล้วนๆ
กูโดนหลอกหลอนอย่างบ่อย พอใช้แล้วก็อยากให้แม่งคอมโบต่อไปทุกบรรทัด ควยชิบหาย
มันเป็นยังไงวะ งง
>>633 กูตัดส่วนหนึ่งของงานมาเป็นตัวอย่างให้แล้วกัน ส่วนที่เป็นทำนองเสนาะสำหรับกูจะใส่เลขกำกับไว้ 1-1,2-2,3-3 บริบทคือตัวเองเป็นตัวโคลนนิ่งสำหรับทดลองที่เล่าว่าตัวเองรู้อะไร (ช่วงเปิดเรื่องได้สักพัก)
---ฉันไม่รู้ว่าตึกนี้มีความสูงกี่ชั้น1 บอกไม่ได้ด้วยซ้ำ1ว่ามันมีรูปทรงแบบไหน ไม่รู้จะเอาอะไรไปเปรียบเทียบ2หรือเทียบ2กับอะไร เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตู้กระจก ฉันก็ยังไม่เคยได้ออกจากตึกนี้เลย
---เรียกว่าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่จำความได้
---ไปไกลสุดก็ขึ้นลงลิฟท์ที่ไม่รู้ว่ามีทั้งหมดกี่ชั้น
---นอกแผ่นกระจกด้านหลังเป็นวิวมุม3สูงของเมืองหลวงที่มีรถติดทุก3เส้นถนน หลังคา4ผืนใหญ่ของสถานีรถไฟฟ้าดูคล้ายกับโรงงานผลิตผู้คน4 ยามเที่ยงวันอันแสนวุ่น5วายเหล่านี้คือโลกภายนอกที่ถูกกั้นไว้ด้วยกระจกกันกระสุน5
กูไม่รู้ว่ามันมีชื่อเรียกเฉพาะเจาะจงไหม มันเป็นเหมือนทำนองเพลงอะ เป็นคำที่ออกเสียงคล้ายๆกันแล้วระยะห่างมันถูกจังหวะ(สำหรับกู) ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่ามันก็ไม่ได้มีทำนองหรือจังหวะอะไรก็ช่วยบอกกูด้วย กูอยากรู้ เผื่อกูหลอนไปคนเดียว
มีคำว่า 'ตู้' กับ 'ตึก' ในย่อหน้าแรกด้วย
>>634 >>635 อ่านแล้วเหมือนการเลียนพยัญชนะที่อยู่ในจุดเดียวกันของประโยคก่อนหน้า มากกว่าเป็นการเล่นคล้องจอง พ้องเสียง พ้องรูป คือกูเข้าใจนะตอนมึงมาอธิบาย แต่ถ้ามึงไม่อธิบายแบบนี้ ตอนกูอ่านแล้วอาจไม่เห็นว่ามันพิเศษยังไง เพราะมันเป็นการเล่นคำแบบที่ไม่ได้เด่นจนสังเกตได้ง่าย ถ้ามึงแต่งแบบนี้แล้วไม่ติดขัดอะไร หรือเคยชินการมีลูกเล่นแบบนี้โดยไม่ทำให้มึงตันก็เขียนได้ตามสบาย ที่เป็นห่วง เพราะมันมีพวกที่ยังไงก็อยากเล่นคำให้ได้ เลยเขียนต่อไม่ออกถ้าไม่ได้สร้างกิมมิคแบบนี้ในระหว่างแต่ง สุดท้ายแม่งตันตามด้วยเลิก (ถ้าอยากแต่งคล้องจองนัก มึงก็ไปแต่งกลอนดิห่า) ขนาดคนที่ถนัดใช้คำคล้องจองจริงๆ เขายังรู้เลยว่ามันทำแบบนั้นตลอดเวลาไม่ได้ เพราะถ้าฝืนใส่ บางทีสารที่อยากจะสื่อให้คนอ่านเข้าใจมันจะเพี้ยนไป ก็เลยเล่นคำพวกนี้เมื่อจังหวะมันลงตัวเท่านั้น (ไม่อย่างนั้นก็แต่งกลอนไปเลยแม่งทั้งเรื่องเหอะ)
>>634 กูอ่านแล้วไม่รู้สึกติดใจอะไร แต่คำมันจะซ้ำเยอะไปไหน อย่างเรื่องไม่รู้ว่าตึกมีกี่ชั้น มึงก็อธิบายสองครั้งในย่อหน้าติดๆกัน อย่างคำว่าไม่รู้จะเปรียบเทียบหรือเทียบกับอะไรนี่อ่านแล้วงงมาก กูไม่แน่ใจว่าเพราะเรื่องกลอนด้วยรึเปล่าทำให้มึงใส่คำเปลืองโดยไม่รู้ตัว
>>636-638 เออกูไม่น่าแปะเลขบอกก่อนจริงๆแหละ แต่ถ้าอ่านแล้วไม่รู้สึกว่ามันเป็นทำนองแบบชัดๆ อันนี้กูแฮปปี้ เพราะส่วนตัวเวลากูอ่านนิยาย ในหัวกูมันได้ยินเป็นเสียงพูดตลค.เลย แล้วเหมือนคนร้องเพลงอะ พอได้ยินเสียงหลงคีย์แล้วแม่งหงุดหงิด
ส่วนเรื่องคำซ้ำ ไอ้ตรง "กี่ชั้น" นี่กูจำได้ว่าเคยรีไรท์แก้ไปแล้วไม่รู้แม่งกลับมาอีกได้ไง อันนี้กูพลาดเอง แต่เรื่องอ่านยากนี่... หะ มันอ่านยากขนาดนั้นเลยเหรอวะ
---ฉันไม่รู้ว่าตึกนี้มีความสูงกี่ชั้น บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามันมีรูปทรงแบบไหน ไม่รู้จะเอาอะไรไปเปรียบเทียบ(กับตึกนี้เพื่อให้รู้รูปทรงของตึก) หรือ(เอาตึกนี้)เทียบกับอะไร เพราะตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตู้กระจก(เครื่องโคลนนิ่ง) ฉันก็ยังไม่เคยได้ออกจากตึกนี้เลย
ความต้องการของกูในซีนนี้คือให้คนอ่านได้รับรู้ว่าประสบการณ์ชีวิตของตัวเอก(ผู้หญิงอายุ16)มันต่ำมาก ถึงขั้นว่าสีผนังภายนอกของตัวตึกเป็นสีอะไรยังไม่รู้เลย
อยากถามโม่งเห็บหมาหน่อย
ถ้าจะเจาะกลุ่มนักอ่านหญิงนี่ เพศของตัวละครหลักมีผลกับการที่คนอ่านจะเลือกรึเปล่าอะ
คือกูมีเพื่อนชอบอ่านการ์ตูนอ่านนิยายและเล่นเกม rpg แหละ แต่มันไม่ชอบอ่านเรื่องที่ตัวละครหลักเป็นผู้หญิงแล้วจะเหยียดไม่อ่านไม่สนเรื่องนั้นเลย
>>640 เปลี่ยนเพศตัวละครให้ตรงตามกลุ่มคนอ่าน ถ้าเล็งกลุ่มนักอ่านหญิง แต่ให้ตัวละครเอกชายดำเนินเรื่อง คือแพ้ตั้งแต่เริ่ม มันทำให้อินยาก
นักอ่านหญิงสมัยนี้ บางคนเบื่อชีวิตในไทยแลนด์ อยากย้อนไปเริ่มใหม่ในจีนโบราณที่ล้าหลัง จะได้แสดงความสามารถหาเงินจนร่ำรวย
ตัวละครมีของวิเศษช่วยก็ดี เช่นมิติวิเศษช่วยเก็บของ หรือสมุนไพรวิเศษที่ขายได้ราคาแพง ทำให้รวยง่ายๆไม่ต้องใช้ความพยายาม เห็นหลายเรื่องชอบใช้กัน (อารมณ์คล้ายๆพวกเทพทรูในหมวดแฟนตาซี) หรือจะไม่มีของวิเศษก็ได้ บางเรื่องก็เน้นให้นางเอกโชว์ฝีมือ เอาทักษะในยุคอนาคตไปใช้ในอดีต คนอ่านก็ชอบเหมือนกัน
กูว่าแนวนี้มันมีความสนองนี้ดนักอ่านเหมือนแนวแฟนตาซี ที่ให้ตัวเอกชายย้อนเวลาไปโชว์เทพ ได้หญิง ตบเกรียน
ที่สำคัญ ตัวเอกหญิงต้องเก่ง ถ้าตัวเอกโง่ เตรียมโดนนักอ่านเม้นถล่มไม่รู้จบได้เลย คือน่ารำคาญมากๆ กูเห็นหลายเรื่องละ
คือกูเกลียดตัวละครหญิงแนวแมรี่ซูนะ แต่เชื่อดิ ถ้าให้เลือกระหว่างนางเอกโง่ กับนางเอกแมรี่ซู คนอ่านชอบแมรี่ซูมากกว่า เทพๆไปโลด ปรับเพศตัวละครให้ตรงกลุ่มเป้าหมายด้วย
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
>>644 โม่งเห็บ กูถามหน่อยสิ มึงเคยวิเคราะห์คนอ่านสายแฟนตาซีแบบจริงๆจังๆไหมวะ กูยังรักจะเขียนแนวนี้อยู่นะแล้วก็อยากไปให้สุดสักครั้งด้วย แต่กำลังรู้สึกเหมือนตัวเองอ่านตลาดผู้อ่านไม่แตกว่ะ นอกจากแกรี่ซู เน้นตบตัวประกอบ หล่อเท่เปย์สาวกับข้อมูลที่มึงเคยให้ไว้ก่อนหน้าที่ต้องพีคทุกตอนแล้ว มันควรจะมีอะไรเสริมมาอีกมั้ย กูกำลังจะจบเรื่องเก่าละร่างพล๊อตเรื่องใหม่อยู่ว่ะ เลยอยากได้ความรู้เพิ่ม
>>645 ไม่จำเป็นต้องเขียนให้พีคทุกตอน มีแค่กูที่เขียนให้พีคทุกตอนได้ ซึ่งนักเขียนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ และไม่จำเป็นต้องทำด้วย แค่เข้าใจว่าคนอ่านต้องการอะไร
แต่ก็ควรจะเตือนตัวเองไว้เสมอว่าควรเขียนให้พีคบ้าง ให้สนุก อย่าน่าเบื่อเกินไป
ถ้ามึงชอบแฟนตาซี มึงไม่ต้องฝืนไปเขียนแนวอื่น ให้เขียนสิ่งที่ตัวเองชอบ แล้วมึงจะมีความสุข มึงคิดถูกแล้ว เพราะทุกวันนี้ ยังมีแฟนตาซีหลายเรื่องที่ยังทำเงินได้หลักแสน
ถามว่านิยายแฟนตาซีเหล่านี้ ทำไมถึงประสบความสำเร็จ ทั้งที่กระแสแฟนตาซีแผ่วแล้ว กูยกตัวอย่างนิยายเรื่องที่มาแรงสุดในหมวดแฟนตาซีตอนนี้ (ไม่ใช่ระบบภัตตาคารนะ) สามารถสร้างความนิยมเบียดเข้าท็อป20หมวดรวมได้ ทำยอดขายได้ดีด้วย ซึ่งมีไม่กี่เรื่องที่ทำได้
กูเคยอ่านนิยายเรื่องนี้แบบผ่านๆแค่ตอนเดียว แต่จับหลักได้ทันที ว่าจุดขายที่ทำให้นักอ่านชอบคืออะไร
ข้อแรกคือเล่าเรื่องสนุก เดินเรื่องไปข้างหน้าไว สำนวนอ่านเพลิน ตัวละครคาแร็คเตอร์ชัด มีลูกเล่นในการบรรยาย ที่สำคัญตัวเอกจะได้ 'รางวัล' ทุกตอน ขนาดนิยายมีข้อผิดพลาดเยอะ ตามฉบับนักเขียนมือใหม่ แต่นิยายก็ยังไปรอด เพราะนักเขียนมันจับทางได้ว่าคนอ่านต้องการอะไร
กูสังเกตว่าคนอ่านชอบให้ตัวละครเอก ประสบความสำเร็จทุกตอน ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อย หรือเรื่องใหญ่ พระเอกเป็นลูกรักพระเจ้า ขายขำ ดำเนินเรื่องสนุก คนอ่านยังชอบแนวนี้
เอะอะระบบก็ให้รางวัล ให้รถ ให้นาฬิกา โน่นนี่นั่น ได้เงินล้าน อ่านแล้วบันเทิง มีฉากไคลแม็กซ์เป็นการให้ของรางวัลพระเอกทุกตอน เหมือนคนเขียนจะจับทางได้ว่าแนวนี้มันเวิร์ค นิยายก็เลยปัง
แถมชื่อเรื่องมีคำว่า "ระบบ" อีกแล้ว สรุปคนอ่านหมวดแฟนตาซี เป็นอะไรกับคำว่าระบบ ในtop10 มีนิยายระบบกี่เรื่องวะเนี่ย
จริงๆมันมีหลักการไม่กี่อย่าง ลองอ่านนิยายท็อปแล้วเปิดใจซึบซับวิธีการเขียนของมัน ซึมซับจังหวะการเล่าเรื่อง ว่าพวกมันเริ่มตอนและจบตอนยังไง มันมีสูตรตายตัวอยู่ ถ้ามึงจับหลักการได้ เริ่มทำปก ชื่อเรื่อง คำโปรย แบบที่คนอ่านอยากคลิกเข้ามา แค่นี้เอง
ลงชื่อ โม่งเห็บหมา
พูดถึงการเขียนนี่สิ่งเดียวที่กูยังไม่เข้าใจจนถึงทุกวันนี้คือการดำเนินเรื่องไปไวแบบที่คนอ่านในเน็ตชอบบ่นนี่ล่ะมันคืออะไรยังไง
จะว่ากูหัวโบราณก็ได้นะแต่แบบว่ากูโตมากับนิยายแบบรูปเล่ม ซึ่งในแต่ละเล่มแม่งกำหนดเอาไว้ชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างตามลำดับอยู่แล้ว อย่างเช่นต้นเล่มจะเป็นการปูพื้นของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ต่อมามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นตัวเอกไปเกี่ยวข้องยังไง พอถึงกลางเรื่องก็จะช่วงที่ตัวเอกกำลังพัวพันนั่นโน้นนี่ ก่อนจะไปถึงจุดไคล์แมทตบบอสอะไรก็แล้วแต่ แล้วสุดท้ายค่อยจบที่บทลงเอยบลาๆ อะไรทำนองนี้
ถ้าสมมุติเขียนเล่มนึงยาวซัก 200 หน้านี่ กูก็จะแบ่งออกเป็นประมาณ 6-8 บท หรือซอยเป็น 30-40 ตอนเวลาอัพลงเว็ป แต่พอเวลาอัพจริงแค่ซัก 5 ตอนก็มักจะโดนคนอ่านเริ่มบ่นแล้วว่ายืดบ้างเนื้อเรื่องไม่เดินบ้าง ทั้งที่แม่งเพิ่งต้นเรื่องไม่ถึง 20 หน้าเท่านั้น ถ้าเทียบกับแฮร์รี่ฯ แม่งก็ยังเดินตลาดซื้อของเข้าฮอกวอตส์อยู่เลยด้วยซ้ำ
คือกูก็พยายามทำความเข้าใจแล้วเอาไปแก้นะนะ แต่ไม่ว่าจะอ่านเรื่องไหนหยิบมาวิเคราะห์ยังไงก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีอะ อย่างนิยายจีนทั้งหลายนี่ก็มักจะเป็นช่วงเปิดตัวของตัวร้ายหรือลูกกระจ๊อกมาให้ตบ แต่ไหงพอกูเขียนบ้างดันโดนคนอ่านบ่นวะว่ายืด ฮ่วย
>>649 เขียนนิยายแบบไหนก็ได้คนอ่านแบบนั้น คนที่อยากให้เดินเรื่องไวกว่านี้ เทพเร็วกว่านี้เขาก็จะบ่น พอรู้ว่าไม่ได้ตามที่หวังก็เลิกอ่านไป ส่วนคนโอเคเขาก็จะอยู่ต่อ เพราะคนอ่านกับคนเขียนมันจริตตรงกัน
กูชอบเตือนตัวเองด้วยการย้อนไปอ่านนิยายที่ตัวเองชอบบ่อยๆนะ ว่าถ้ากูหลงรักตัวละครหรือนิยายเรื่องนั้นไปแล้ว มึงจะเดินเรื่องช้ายังไงก็ได้ตราบใดที่มันยังสนุกแล้วเนื้อเรื่องเดินไปข้างหน้า ส่วนเรื่อง กตล. จากที่โม่งเห็บมันบอกกูก็แค่อ่านเผื่อไว้เฉยๆ เอาไว้ปรับนิยายตัวเองให้อยู่ในจุดที่มันจะ effective โดยที่กูยังแฮปปี้กับการเขียนอยู่
กำกุ reply ผิดเมนทต์ จะ replay เมนต์ที่บอกว่าให้เปลี่ยนเพศ
อยากรู้ว่าสมัยนี้คนชอบไลท์โนเวล หรือนิยายเล่มหนา ๆ มากกว่ากันอะ
ส่วนตัวกุชอบไลท์โนเวลนะ เพราะมันรวบรัด ดำเนินเรื่องไว ไม่ต้องบรรยายสภาพแวดล้อมหรืออะไรมาก เอาให้แค่พอเห็นภาพ ภาษาเข้าใจง่าย
เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่โตมากับไลท์โนเวลของญี่ปุ่นด้วยแหละ
แบบนิยายมันนยาวไป แต่ถ้าหนังสือมันเขียนดีจริง ก็อ่านได้หมดแหละ
ไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรต้องได้ว่างมาสับนิยายข้ามปีทุกทีเลย
ตามที่โม่งกูรูคนอื่นๆ ว่าไว้ การสับนิยายเด็กดวกมันทำได้แค่เอาสนุก เพราะสิ่งที่ต้องเจอมันก็เดิมๆ ทั้งนั้น ความแตกต่างมีแค่เรื่องไหนมันพังจุดใดเฉยๆ เท่าที่ไล่อ่านกระทู้มา กูแม่งรู้สึกดีที่มีคนมาแนะนำทางลัดให้เพื่อนโม่งด้วยกันเองบ้าง แต่ผลที่ได้มันขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยนะ บางคนทำตามแล้วอาจเกิดทันที ทางคนอาจต้องใช้เวลาหน่อย เพราะอยู่ดีๆ จะให้ฝืนมาแต่งตามสูตรแบบปุบปับมันทำยาก ก็ทำการทดลองกันไปก็แล้วกัน
ไหนๆ ก็คิดว่าจะไม่สับนิยายที่ไม่เกิดประโยชน์แล้ว กูเลยจะมาล้างรายชื่อนิยายค้างสับทั้งหมดที่สะสมมาตั้งแต่มู้แรกๆ บางทีเรื่องของพวกมึงบางคนในนี้อาจจะติดโผอยู่ด้วยก็ได้นะ
ก่อนจะเข้าสู่รายชื่อหลัก กูเจอนิยายเรื่องนึงแต่จำไม่ได้ว่าเซฟเอาไว้ตั้งแต่ตอนไหน สำหรับคนที่ทันดราม่าไอ้ F ที่ไล่เกรียนไล่ปั่นคนในบอร์ดเด็กดวก แล้วอยากรู้ว่าไอ้เหี้ยนี่ฝีมือมันดีเหมือนฝีปากรึเปล่า ก็ให้ลองกดเข้าลิงก์นี้ไปอ่านดู
https://writer.dek-d.com/story/writer/view.php?id=1930923
ถึงแม้ดราม่าในครั้งนั้นจะทำให้ไอดีของไอ้ F โดนยิงทิ้งไป 3 ไอดีรวด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง กูยังสามารถเข้าถึงนิยายของมันได้ แต่เวลาจะอ่านตอนต่อไปต้องย้อนกลับมาที่หน้าหลักแล้วเลือกตอนใหม่เอานะ เพราะไอ้ F มันใส่โค้ดตกแต่งแบบเก่าจนปุ่มตอนใหม่หายไปไหนไม่รู้ (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งให้ทีมพัฒนาโปรแกรมของเว็บต้องยกเลิกระบบโค้ดตกแต่งอันเก่า) สรุปโดยรวมเท่าที่อ่านดู 5 ตอนแรก นิยายเดินเรื่องด้วยตัวละคร 2 คน คือซานกับเตอร์ ซานเป็นนักเขียนรวยนิสัยเสียทำตัวเอาแต่ใจ เจ้าชู้ ฯลฯ สรุปคือเป็นไอ้เหี้ยคนหนึ่ง โดนแฟนชื่อบีจับได้ว่าเล่นชู้เลยหนีไปอยู่บ้านเพื่อนที่ชลบุรี ส่วนเตอร์เป็นบุรุษไปรษณีย์กำพร้าพ่อทำงานขยันขันแข็ง เรียกได้ว่าตรงข้ามกับซานทุกอย่าง
สองคนนี้เกี่ยวข้องกันในเรื่อง ตรงที่เตอร์ไม่ดูทางปั่นจักรยานฝ่าไฟแดงตัดหน้าไอ้ซานจนโดนชนเข้าเต็มๆ ไอ้ซานไม่เอาเรื่องแถมจ่ายค่ารักษาให้ด้วย เพราะกำลังรีบจะไปทำธุระ สุดท้ายมีคนบอกว่าแฟนมันหนีไปอยู่ที่ไหน เลยพยายามขับรถตามจะไปง้อ พอถึงตรงนี้ต้องพูดถึงบทนำกันก่อน ว่าเป็นฉากต่อสู้ระหว่างสัตว์ประหลาดคล้าย วิลเลี่ยม เบอร์กิ้นส์ หรือ G ในแฟรนไชน์ RE กับกองกำลังหน่วยซีล จบตอนด้วยทหารตายหมด กับสัตว์ประหลาดพูดว่าจะจัดการชายไทยคนหนึ่งให้ได้ แล้วว่ายน้ำออกจากเกาะที่มีศูนย์ทดลองตั้งอยู่
เนื้อเรื่อง 2 ส่วนนี้มันเกี่ยวข้องกันยังไง คำตอบคือไอ้สัตว์ประหลาดเนี่ยดันไปขึ้นฝั่งที่หาดทรายแถวชลบุรีพอดี พอไอ้ซานรู้ว่าเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นแถวนั้น เลยรีบขับรถไปให้เร็วขึ้นอีกเพราะเป็นห่วงแฟน พอไปถึงก็ไม่เจอแฟน เจอแต่เพื่อนที่โทรมาบอกว่าแฟนหนีมาที่นี่ กำลังโดนพาตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล แล้วเนื้อเรื่องก็ตัดกลับไปหาเตอร์ในโรงพยาบาล อยู่ดีๆ ไม่รู้ทำไมเตอร์ก็คันฝ่ามือขึ้นมา ในโรงพยาบาลก็มีคนไข้คนอื่นที่พยายามจะล้วงคออ้วกเอาอะไรบางอย่างออกมาจากคอในเวลาเดียวกัน จะว่าไงดี มันให้อารมณ์มือนายเตอร์เหมือนเรื่องปรสิตเดรัจฉาน กับไอ้หนอนในปากคนไข้อีกคนนี่เหมือนลาสพลากัสของ RE4
กูเดาว่าโรงพยาบาลเหี้ยนี่คงทำการทดลองกับคนไข้แบบผิดกฏหมาย โดยมีเหยื่อรายล่าสุดคือนายเตอร์หนุ่มน้อยสู้ชีวิต มีกลิ่นว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับการทดลองบนเกาะด้วย เพราะสัตว์ประหลาดสูง 4 เมตรในบทนำมันคุยกับแขนยักษ์ของตัวเองได้ เหมือนที่คนไข้อีกคนอ้างกับหมอว่าตัวเองโดนผีสิง ผีคุยกับตัวเองในหัว (ห้ามผวน) กับมีบางอย่างอยู่ในคอแต่เอาออกมาไม่ได้ เนื้อหา 5 ตอนจบลงแถวๆ นี้ โดยที่มีการสลับฉากไปมาระหว่างเตอร์กับซาน ซึ่งถ้าเป็นนักอ่านเด็กในเว็บกูบอกเลยว่างงแดกแน่นอน ที่กูสรุปมาให้อ่านอันนี้คือเรียบเรียงให้เข้าใจง่ายแล้ว
ภาษาสำนวนของไอ้ F ถือว่าใช้ได้ แต่การเล่นมุกค่อนข้างฝืนไปหน่อย มีการเขียนเนื้อเพลงที่มีอยู่จริงลงในเนื้อเรื่อง แล้วหลอกด่านักร้องซะงั้น (แต่แม่งฉลาดใช้ได้เพราะเขียนดักตรงปกรองไว้แล้วว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องจริง) พบคำผิดประหลาดๆ บ้างประปราย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะใช้การแก้ไข่ของเวิร์ดช่วยหรือเปล่าถึงได้ออกมาเป็นแบบนั้น เช่น ปี ฟ.ศ., เฮริคอปเตอร์, เทพบุษ มิติตัวละครทำได้ปานกลาง ไม่ถึงกับดีแต่ก็ไม่แบนราบ บุคลิกชัดเจน ถ้าคิดว่ามีคนแบบนี้อยู่ในโลกจริงๆ ไหม กูว่าก็คงมีอยู่ ข้อเสียที่ทำให้ยอดวิวน้อยจริงๆ เลยคือ ตัดฉากไปๆ มาๆ ถึงแม้จะเล่าด้วย POV3 ได้ชัด แต่ถ้าไม่ใช่คนที่อ่านหนังสือมาเยอะ มันทำความเข้าใจหรือตามเนื้อเรื่องได้ยาก Pacing ไม่ค่อยดี ตรงที่ควรข้ามก็เล่า ไอ้ที่ควรเล่าเสือกข้าม
คำซ้อน คำฟุ่มเฟือย ที่ปกติไม่เคยเจอก็มีให้เห็นหลายจุด แต่กูจะเลิกบ่นอะไรทำนองนี้แล้ว เดี๋ยวจะหาว่ากูแกรมม่าซี ดังนั้นเรื่องคำผิดกับคำฟุ่มเฟือยนี่ถือว่าเป็นการบ้านนักเขียน ถ้าใช้คำได้กากก็รับผลกระทบเรื่องความสะดุดระหว่างอ่านไปตามสภาพ
ดูแล้วไม่น่าจะใช่มือใหม่ แต่ฝีมือก็ไม่ถึงกับดี เทียบกับความปากแซ่บในบอร์ดแล้วยังเอาไปข่มคนอื่นในเชิงงานเขียนไม่ได้
ปล.คืนนี้ต่อเรื่อยๆ จนกว่าจะหมดคลัง
ต่อจากเรื่องไอ้ F ก็นี่
ผมนี่แหล่ะคนธรรมดา ??
https://writer.dek-d.com/blue-1280/writer/view.php?id=1062913
เรื่องนี้สงสัยต้องข้าม เพราะนักเขียนลาโลกไปแล้วตั้งแต่ปี 57 จำได้ว่าเซฟไว้เพราะมีคนเอามาแนะนำในนี้เมื่อนานมาแล้ว จากความเห็นในเรื่องคิดว่าคงจะทำได้ดีอยู่ 7 ปีผ่านไปยังมีคนกลับมาอ่านซ้ำด้วยความอาลัย ถ้าสนใจก็แวะไปตำดูเอง
ผมก็แค่อาจารย์ธรรมดา (I am just an ordinary teacher)
https://writer.dek-d.com/banyapon9676/writer/view.php?id=2071854
ง้างกำลังจะสับแต่พอกดเริ่ม สัส...ปิดการเข้าถึงทุกตอน สรุปว่าย้ายไปแต่งแฟนฟิคอีกเรื่อง งั้นก็พอกันทีเพราะกูไม่สับแฟนฟิคชั่น
เด่นชัย กับระบบเกม ในชีวิตจริงของเขา
https://writer.dek-d.com/legenddai/writer/view.php?id=1960540
อัพเดทไปเมื่อวันที่ 6 ธันวา งั้นก็มาเริ่มกันเลยดีกว่า เห็นชื่อเรื่องถึงกับต้องหักห้ามใจเพราะเว้นวรรคได้ส้นตีนดี แต่ก็เรื่องของมึงนิยายมึงนิ ส่วนเซนส์ในการตั้งชื่อพวกมึงก็อ่านเอาเองก็แล้วกันว่าน่าสนใจไหม นามปากกาเจ้าของเรื่องคือ "หยิบสิ" ซึ่งกูไม่แน่ใจว่าช่วงหนึ่งมันเคยดังอยู่ในบอร์ดหรือเปล่า เหมือนจำได้คับคล้ายคับคลาว่าเคยมาโผล่ในบอร์ดช่วงที่นิยายตัวเองได้รับการแนะนำตรงหน้าเพจ นิยายในลิสต์เหมือนจะนานมากแล้วทั้งนั้นเลยช่างมันก็แล้วกัน คำโปรยเบียวๆ คลิเช่ตามฌองของตัวนิยาย มีรูปปกหน้าทุนต่ำทำเองที่ดูเหมือนจะเท่ ส่วนปกรองมึงเอาเหี้ยอะไรมาเขียนเนี่ย
คือมันเหมือนเอาหน้าแรกของนิยายบทที่ 1 มาแปะใส่แบบไม่สนกีสนแดดใดๆ พอเข้าไปดูตอนแรกก็ใช่จริงๆ ด้วยวะ เอาหน้าแรกของตอนแรกมาใส่โดยไม่มีเหตุผลที่ทำให้กูเข้าใจได้ เนื้อหาตอนแรกคือเด็กชายเด่นชัยฟื้นขึ้นมาหลังจากหมดสติไปแรมเดือน ตื่นมาก็เจอกับกรอบแสดงข้อมูลระบบกับกรอบคำอธิบายเหี้ยไรไม่รู้เยอะแยะมากมาย ชนิดที่ว่าถ้าตัดกรอบพวกนี้ออก เนื้อหาในตอนอาจเหลือแค่ 3 หน้า ก็เหมือนเดิมตามสูตรนิยายระบบ คือต้องมีเควสเริ่มต้นสำหรับการติดตั้งระบบครั้งแรก เควสย่อย 1/5 คือห้ามบอกคนอื่นว่าตัวเองเห็นกรอบข้อความของระบบ ไม่งั้นจะได้รับฉายา "คนบ้า" ตามด้วยการส่งตัวไปอยู่โรงพยาบาลศรีธาเนีย เอ๊ย ศรีธัญญา
เป็นนิยายระบบที่ทำออกมาได้ระบ๊บระบบ กรอบแสดงข้อมูลของสิ่งต่างๆ ในห้องโผล่มาให้อ่านเรื่อยๆ ความคืบหน้าต่างๆ ที่มึงไม่ต้องบอกก็ได้ก็โผล่มาเหมือนกัน เช่น กระเช้าดอกไม้ของครูคนนี้ ละพอแตะกรอบมีการอธิบายข้อมูลครูต่อด้วย คือมีทุกอย่างของครูให้อ่าน เวลาหิวก็ขึ้นกรอบสถานะหิวขึ้นมาให้ดู โดนแม่กอดแน่นเกินไปก็มีกรอบความเสียหายเด้งบอกว่า Hp ลด 2 หน่วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่กูบอกเนี่ย เกิดขึ้นเพราะความโง่ของไอ้เด่นชัยเอง เพราะดันเอาโค้กมาดื่มตอนเล่นคอม พอทำโค้กหกราดปลั๊กไฟจนโดนไฟดูดปลายตีน เลยจบลงที่การมานอนโรงพยาบาลหนึ่งเดือนเต็ม หลังจาก "เกิดไฟฟ้ารัดวงจร" (มันเขียนแบบนี้จริงๆ)
แล้วก็นะ ไอ้กรอบล้อมรอบข้อความระบบที่ทำด้วยกรอบข้อความจากโปรแกรม Word เนี่ย กูบอกพวกมึงทุกคนเลยนะ ถ้าไม่จำเป็นมึงอย่าใส่ในนิยาย เพราะเวลาจะเอานิยายไปลงเว็บอื่นที่มันไม่รองรับการ Paste จากโปรแกรม Word หรือมีการแสดงผลหน้านิยายที่ support การวางแนวนอนมากกว่าแนวตั้ง นิยายมึงจะพังทั้งแถบจนต้องจัดวรรคตอนใหม่หมด กูไม่เถียงว่าต่อให้ไม่มีกรอบ มันก็อาจต้องจัดใหม่เหมือนกัน แต่ความยุ่งยากมันน้อยกว่าแบบที่มีกรอบล้อมข้อความจากระบบแบบนี้ คือกูเข้าใจแหล่ะว่าฮิตมาจากนิยายแนวเดียวกันที่เป็นเรือธงของเด็กดีในช่วงเวลานั้น ถ้าคิดจะลงเฉพาะในเด็กดีก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าจะย้ายไปเว็บอื่นขึ้นมาแล้วมึงไม่ได้ขยันจัดวรรคตอนขนาดนั้น รับรองว่ามีอ้วก
พอถึงตอน 2 ไม่รู้ว่านายเจ้าของเรื่องเกิดรู้ตัวว่ากรอบคำอธิบายระบบมันเวิร์คหรืออะไรยังไง ทำให้ทั้งตอนไม่มีกรอบข้อความเลยแม้แต่อันเดียว !! คือมันมีกรอบข้อความระบบอยู่แต่เปลี่ยนรูปแบบไปเป็น [พลังงานในร่างกาย XX% (ไม่เพียงพอ)] แทน ซึ่งก็น่าจะจัดวรรคตอนได้ง่ายกว่า เนื้อหาก็ไม่มีอะไรมาก ไอ้เด่นชัยได้เควสลับแต่เควสหายไปตอนแดกข้าวจนพลังงานเพียงพอ เลยเข้าไปอ่านข้อความในกล่องข้อความ ปรากฏว่าเจอด่าเละเทะเพราะลูกค้าที่จ้างไต่แรงค์ในเกมคิดว่าเด็กโปกเด่นชัยเชิดเงินหนี (รับเงินเค้ามาก่อนแล้วทำงานทีหลัง) เครดิตที่สะสมมาในกลุ่มเฟซบุ๊กเลยจบสิ้นตามไปด้วย เจ้าตัวก็ดูไม่เดือนร้อนอะไรนัก เข้า "เกมออนไลน์เอาชีวิตรอดเกมหนี่ง" ที่มีโดดร่มลงไปหาปืนแล้วไล่ยิงกัน แล้วเล่นเกมแก้ว่าง ด้วยความเกรียนเทพเด็กชายเด่นชัยก็ชนะไปในที่สุด ระบบเลยเด้งรางวัลความสำเร็จ [ปลดล็อคสกินนิ้วทองคำ] ให้เด่นชัยฟรีๆ
พอมาถึงตอน 3 กูไม่น่าประมาทเลย เพราะกรอบแม่งมันกลับมาอีกแล้ว มีคำอธิบายเกี่ยวกับนิ้วทองคำว่าทำอะไรได้บ้าง ซึ่งเยอะจนกูจำแทบไม่ได้ เหตุการณ์สำคัญในตอนมีแค่ ไอ้เด่นชัยติดตั้ง Danchai System 1.0 สำเร็จ (มักง่ายดีไอ้เหี้ย) ไอ้เด่นชัยทดลองใช้การปรับแต่งนิ้วทองคำโหมดสั่น โหมดนุ่ม โหมดความเร็ว แถมเผลอเอานิ้วแตะหรรมจนน้ำแตกตอนพยาบาลเข้าห้องมาพอดี ฮาแบบเสื่อมทรามกันไปในช่องคอมเมนต์ พอติดตั้งระบบเด่นชัยเสร็จก็เข้าสู่ความเป็นนิยายระบบเต็มตัว คือมีเสียงระบบสาวน้อยออกมาคุยกับพระเอกหัวเกรียนของเรา ไอ้เด่นชัยกลายเป็นโฮสต์รอรับภารกิจ ในเบื้องต้นพลังงานของไอ้เด่นชัยมีไม่พอจะทำเควส เลยถามน้องระบบว่าจะหาเงินยังไงดี ระบบแนะนำว่าให้ใช้ความสามารถจากการเช็คข้อมูลไปหลอกเอาตังค์คนอื่นด้วยการอ้างว่าตัวเองเป็นหมอดู
ตอนที่ 4 ไอ้เด่นชัยใช้ความสามารถของระบบเพื่อทำการต้มตุ๋นคุณลุงนักธุรกิจรายหนึ่งที่นั่งอยู่แถวนั้น เพราะได้เควสมาว่าต้องหาเงินเพื่อซื้อข้าวแดกเอาพลังงาน ไม่งั้นจะรับเควสใหม่ไม่ได้ ก็ตามที่คาดการณ์ไว้ว่ามันสะดวกสบายไปหมดตามความเป็นนิยายระบบ ไม่ถึง 15 นาทีได้เงินมาฟรีๆ 3 หมื่น แถมมีการให้เบอร์ติดต่อกับลุงเอาไว้หลอกลุงซ้ำภายหลัง (ไม่ใช่เหี้ยธรรมดาแต่เป็นโคตรเหี้ย) ระหว่างแดกข้าวที่สั่งมาเต็มโต๊ะ ไอ้เด่นชัยมองเห็นเลเวลของคนแถวนั้นเลยถามระบบเกี่ยวกับการนับเลเวลว่าคิดจากอะไร ก็มีคำอธิบายให้อ่านในกรอบเยอะแยะ ส่วนไอ้เด่นชัยเองก็เลเวล 5 แล้ว
ตอนที่ 5 พอตกกลางคืนไอ้เด่นชัยเปิดแชทเฟซบุ๊กอ่าน (เขียนผิดไม่รู้กี่ที่เสือกเขียนเฟซบุ๊กถูก) เจอข้อความจากน้องขิมว่าที่เมียหลวงของเรื่อง ส่งข้อความเกี่ยวกับเรื่องเรียนมาให้ แต่ในช่วงสุดท้ายน้องขิมเหมือนหมดหวังว่าไอ้เด่นชัยจะฟื้นเลยสารภาพรักแม่งเลย ตอนแรกไอ้เด่นสองจิตสองใจว่าจะตอบรับดีไหม เพราะน้องขิมทั้งขาวสวยรวยฉลาด (มึงต้องรับดิวะ ของดีขนาดนี้รอเหี้ยอะไรอยู่) ส่วนตัวเองทั้งจนทั้งโง่ติดเกมอีกต่างหาก มีการทำมาดพระเอกมิวสิควิดีโอว่าฉันมันไม่คู่ควร แต่สุดท้ายก็โทรหาเขาอยู่ดี น้องขิมพอรู้ว่าไอ้เด่นฟื้นแล้วก็ดีใจจนกีสั่น พอโดนถามเรื่องแชทอันสุดท้ายก็อายจนพูดอะไรไม่ออก ไอ้เด่นก็ทำตัว KY ตอบตกลงคบกันเป็นแฟนทั้งๆ ที่คุยโทรอยู่ น้องขิมเลยบอกว่ารอก่อนอย่าเพิ่งนอน เดี๋ยวจะแวะไปหา (แรดใช้ได้เลยนะมึง)
ซึ่งตรงนี้น่ะมันมีความผิดปกติของตรรกะหลายข้อมาก แต่ถ้ามองให้เป็นละครไทย หรือมองแบบความตลกคอเมดี้ ก็อาจจะพอมองข้ามได้อยู่อย่างเช่น น้องขิมคุณหนูคนสวยบุกไปหาไอ้เด่น วัดดะฟรรค ผู้หญิงยิงเรือไปบ้านเขากลางค่ำกลางคืนยังไม่นับเรื่องอันตรายตอนเดินทางอีกนะ ไอ้เด่นก็แม่งไม่ห้าม พอขิมไปถึงบ้านนายเด่น แม่ไอ้เด่นไม่ข้องใจแถมยังสนับสนุนให้น้องขิมขึ้นไปหาไอ้เด่นด้วย มีการกระซิบลูกชายว่าจะไม่มารบกวนแต่อย่าให้ถึงขั้นโล้สำเภาล่ะ เอาที่สบายใจเลยขุ่นแม่ น้องขิมนี่ก็อีกตัว ไอ้เด่นฟื้นจากอาการปางตาย เจอกันครั้งแรกดันเปิดหัวข้อสนทนาด้วยการท้าไอ้เด่นท่องสูตรคำนวนคณิตศาสตร์ ถ้าตอบถูก 1 สูตรจะให้ดูด เอ๊ย ให้จุ๊บ 1 ที (ไวไฟจังนะอีดอก) ด้านไอ้เด่นที่มีระบบอยู่ ก็ถูมือรอด้วยความย่ามใจว่า ไม่ถลอกคืนนี้จะถลอกคืนไหน จบตอนที่ 5
การบรรยายและบทสนทนาอ่านรู้เรื่อง แทรกอะไรฮาๆ อย่างการหลอกด่าไอ้เด่นของระบบได้เรื่อยๆ เป็นธรรมชาติไม่ฝืน บทสนทนาแปลกอยู่เล็กน้อยโดยเฉพาะตอนไอ้เด่นบ่นกับตัวเองเวลามีกรอบคำอธิบายโผล่มา ตัวละครก็โอเคโชว์ความสันดานของไอ้เด่นได้ดี แต่ตัวประกอบอื่นๆ ทำตัวประหลาดตั้งแต่แม่ยันหมอ คือมันไม่ได้ผิดปกติอะไรขนาดนั้น แต่การกระทำมันเข้าทางไอ้เด่นเกินไป ซึ่งอาจเป็นเพราะนิยายแนวนี้มันต้องทำตามฌอง คือตัวเอกได้รับมอบหมายอะไรบางอย่าง ทำสำเร็จ ได้รางวัล มีอุปสรรคบ้างแต่ไม่หนักหนาอะไร หรือสามารถแก้ไขได้ด้วยระบบเพียวๆ เนื้อเรื่องกับการเดินเรื่องทำตามขนบนิยายระบบได้ดี... ดีจนเกินไปด้วยซ้ำ จะว่าเป็นจุดเด่นหรือจุดด้อยก็ได้ทั้งคู่ จังหวะการเล่าไม่ช้าไม่เร็วเกินไปแต่ที่จะทำให้คนอ่านไปต่อลำบากคือกรอบข้อความของมึงเนี่ย ไอ้สัสชิบหายมีควยใส่มาเยอะเหลือเกิน
มีฝีมือในระดับหนึ่ง แต่เขียนผิดนานๆ ทีซึ่งอ่านแล้วขำกว่ามุกในเรื่อง ความน่าสนใจถือว่าน้อย เพราะเขียนตามสูตรโคตรๆ
เรื่องต่อไป
เปลี่ยนชีวิตไอ้หนุ่มเดียวดาย (Change Ren)
https://writer.dek-d.com/legenddai/writer/view.php?id=1664889
ความเลวร้ายในชีวิตกูยังไม่จบ หลังพบว่าเรื่องนี้ก็เป็นของไอ้นักเขียนคนเดิม แถมยังเป็นแนวออนไลน์อีก... เหี้ยยกกำลัง 2 (เพราะกูไม่ค่อยชอบแนวนี้กับนิยายแจ่มใสเท่าไหร่) อ่านคอมเมนต์ดูแฟนๆ บ่นว่าหยุดเขียนเรื่องนี้แล้วไปเอาดีกับนายเด่นชัยแทนงั้นเรอะ จงกลับมาแต่งต่อบัดเดี๋ยวนี้ ทำให้รู้ว่าไอ้หยิบสินี่มีคนติดตามเยอะพอสมควร ทำให้กูนึกขึ้นได้ว่าเก็บมันไว้ลิสต์เพราะอะไร ถ้าเป็นตอนนี้ที่เรากดเข้าไปดูรายชื่อนิยายภายใน My iD จะไม่มีเขียนบอกว่ามีผู้ติดตามนิยาย (fav) อยู่เท่าไหร่ แต่สมัยก่อนจะมีบอกเอาไว้ด้วย แล้วพอกูส่องมายไอดีของไอ้นี่แล้วพบว่าจำนวนผู้ติดตามต่อจำนวนยอดวิวสัดส่วนมันผิดปกติ เลยเก็บนิยายมันไว้ลองอ่านทีหลัง คือคนดูนิยายไม่เยอะแต่ยอดติดตามแม่งเยอะดี พอมาตอนนี้แล้วไม่ค่อยแน่ใจละว่าเพราะอะไร คืออาจเป็นทั้งจากตัวนับของเว็บแม่งมั่ว จากความเป็นนิยายออนไลน์ที่มีคนอ่านเยอะอยู่แล้ว หรือนักเขียนมันเล่นมุกในเรื่องได้ดีก็ไม่รู้เหมือนกันแฮะ
เรื่องนี้มีปกทุนต่ำที่ทำออกมาเหมือนจะเวิร์คอีกแล้ว ลายเส้นก็คล้ายไอ้เกรียนเด่นชัย ถ้าไม่ได้วาดเองก็จ้างนักวาดเดิมมาวาดแหง ชื่อเรื่องไม่ยอมเติมคำว่าออนไลน์ทั้งๆ ที่เป็นแนวออนไลน์ ถ้าไม่ได้ดูหมวดก่อน กูอาจคิดว่าเป็นนิยายแฟนตาซีแนวระบบย้อนเวลากลับมาเทพ คงเส้นคงวาดีทั้งเรื่องนี้เรื่องก่อน ส่วนคำโปรยนี่ไม่มีอะไรจะเสริมนอกจากประโยค "ทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล" ซึ่งลงท้ายเหมือนเรื่องไอ้เด่นเป๊ะๆ มึงเป็นอะไรกับคำโปรยคลิเช่มากนักวะไอ้นักเขียน
ปกรองคราวนี้ไม่เอาหน้าแรกมาลงแต่ล่อหน้าปกเลยทีเดียว คาดเดาไม่ได้จริงๆ ผู้ชายคนนี้ มีการพูดถึงฮิกกี้ (ชื่อย่อของพวกฮิคิโคโมริ) ตามด้วยความเป็นมาของพระเอกเล็กน้อย ก็ถือว่าดีที่มีการแนะนำเรื่องบ้าง ถ้าขืนยังทำแบบเรื่องไอ้เด่นมีหวังคนอ่านคงหายไปอีกเยอะ อย่างสุดท้ายที่ยังไม่เข้าใจคือทำไมปกรองของมึงทั้ง 2 เรื่องใช้ขนาดตัวอักษรเล็กจังวะ เขียนไว้ให้มดอ่านหรือไง
เปิดฉากมาด้วยการต่อสู้ในเกมออนไลน์ระหว่างนักดาบพเนจรกับมือหอกเสื้อเขียว คนใช้หอกเห็นว่าไอ้นักดาบกำลังซ่อมดาบอยู่เลยฉวยโอกาสหวังจะฆ่าเพื่อเอาแต้ม ด้านไอ้นักดาบพอเห็นอย่างนั้นก็โยนฆ้อนซ่อมอาวุธซื้อเวลา แล้วสวนกลับด้วยท่าไม้ตายจนมือหอกพ่ายไป มีการเล่นมุกเกี่ยวกับอาชีพของผู้แพ้ว่ากลายเป็นไอ้หอกหัก จังหวะตึ่งโป๊ะเหมือนเรื่องไอ้เด่นไม่มีผิด นอกจากนี้ตัวเอกยังพูดถึงแต้มในเกมที่จะเอาไปแลกเครื่องไมโครเวฟด้วย จบจากฉากนั้นเนื้อหาพูดถึงเร็น หรือชื่อเต็มว่าไคโด เร็น (ล้อสตาร์วอร์แบบไม่เลี่ยงเลยนะมึง) หนุ่มแว่นมืดมนตัวคนเดียวผู้อาศัยอยู่ในบ้านโคตรโทรมจนมีคนมาล่าท้าผีบ่อยๆ ว่ากำลังออกจากบ้านไปซื้อข้าวกล่องหมดอายุจากร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ
ใช้ความคิดในใจของพนักงานขายอธิบายลักษณะภายนอกของเร็น และใช้บทสนทนาของป้าเจ้าของร้านเล่าถึงความน่าสงสารของเจ้าตัวอีกที อันนี้กูต้องชมเลยว่าทำการบ้านมาดี สำหรับคนที่อยากเลี่ยงการ tell สมควรดูไว้เป็นตัวอย่าง พอกลับถึงบ้านเร็นก็อุ่นอาหารด้วยเครื่องไมโครเวฟที่ใกล้จะพังเต็มที ซึ่งถ้ายังจำได้ในช่วงแรกของตอนไอ้หนุ่มนักดาบพเนจรพูดถึงแต้มแลกไมโครเวฟ แน่นอนว่าตัวละครนั้นในเกมก็คือพระเอกของเรานั่นแหล่ะ เริ่มเรื่องดราม่าแต่เนื้อเรื่องอาจมาสายโปกฮา กับการล่าแต้มไว้แลกเครื่องใช้ในบ้านของไอ้พระเอกนี่เอง
ที่ขาดไม่ได้สำหรับแนวเกมออนไลน์ทุกเรื่องคงหนีไม่พ้นการได้มาของเครื่องเล่น ติดตั้งอะไรเสร็จก็เข้าไปสร้างตัวละคร ไอ้เร็นพระเอกไม่ได้รางวัลลับหรือโบนัสพิเศษอะไรทั้งสิ้น มีแค่ข้อมูลว่าเกมนี้มันหาเงินจริงออกมาใช้นอกเกมได้ และสามารถเอาแต้มพิเศษมาแลกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ร่วมรายการ ปัญหาคือตัวเองเป็นฮิกกี้มีภาวะ social anxiety อย่างรุนแรง เลยอยากจะได้อาชีพที่เหมาะกับการลุยเดี่ยว ภายในห้องสร้างตัวละครเริ่มต้น ไอ้เร็นเดินไปเจอภาพโฮโลแกรมอาชีพนักดาบพเนจร พออ่านคำอธิบายก็พบว่า เยดแม่! กูเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ ไม่มีตัวละคร NPC ตัวไหนเป็นอาจารย์ชัดเจน สามารถเรียนรู้สกิลได้ไร้ขีดจำกัด แต่จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษสำหรับสำนักนั้นๆ ความสามารถในการฝึกจะช้ากว่าการมีอาจารย์คอยแนะนำจึงต้องฝึกมากกว่าคนอื่นถึงจะเก่ง ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเลยสำหรับนายเร็นของเรา
มีอยู่ 2 อย่างที่กูลืมพูดถึงช่วงแรก นั่นคือฉากหลังในเรื่องซึ่งเป็นประเทศญี่ปุ่นปีไหนก็ไม่ทราบ กับกรอบข้อความระบบที่แม่งกลับมาหลอกหลอนกูอีกแล้ว ประเมินเอาจากการอ่านตอนแรก กูว่าเรื่องนี้นักเขียนมันพัฒนาขึ้นมาจากเรื่องไอ้เด่น (เพราะเรื่องนี้แต่งทีหลัง) เนื้อหาตอนแรกยาวแต่อ่านจบได้เร็วไม่สะดุด ยกเว้นอยู่เพียงข้อเดียวคือการตัดเสียงชื่อท่าไม้ตายออกเป็นหลายส่วนแล้วอธิบายแทรก สำหรับคนอื่นอาจเห็นแล้วดูเท่ แต่ไม่รู้ว่าเป็นแค่กูคนเดียวหรือเปล่าที่รำคาญและ Cringe มากๆ อธิบายลำบาก เดี๋ยวกูจะเขียนตัวอย่างให้ดู
"ฝ่ามือ..." เสียงก้องของรุ่นพี่ดังขึ้นที่ด้านหลัง
"โลหิต..." พร้อมกับการเหวี่ยงแขนลงมาสุดแรง
"พิชิตเกรียน!" จนเกิดเสียงเพี๊ยะขึ้นบนท้ายทอยของเด็กชาย
อะไรประมาณนี้ ซึ่งไม่ได้เป็นเฉพาะตัวเอกแต่ไอ้ตัวใช้หอกก็ทำเหมือนกัน ไม่ว่าสิ่งนี้จะเป็นระบบของเกมหรือนักเขียนมันจูนิเบียวเอง สำหรับกูแล้วไม่ผ่านวะ แย่มั้ย มันก็ไม่แย่นะ เหมือนของกินที่มึงก็พอแดกได้ แต่ถ้ามีตัวเลือกอื่นมึงก็จะไม่เลือกอันนึ้ คะแนนความคิดสร้างสรรค์มันมีอยู่ กูเลยจะถือว่านี่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นกิมมิคของเรื่องไปก็แล้วกัน
ตอนที่ 2 เป็นการเริ่มเดินทางของไอ้เร็น ภายในตัวเกมนอกห้องสร้างตัวละคร ลักษณะเหมือนญี่ปุ่นยุคโบราณทุกคนแต่งตัวแบบย้อนยุคกันหมด มีฉากต่อสู้ตรงกลางตอนเหมือนแนะนำระบบเกม เหยื่อตัวแรกก็แม่งกระต่ายอีกแล้ว แต่ในพื้นที่มีกระต่ายอยู่หลายสี ไอ้เร็นเลือกกระต่ายธาตุน้ำเพราะดูเหมือนจะกากสุด สู้แบบเงอะๆ งะๆ พักใหญ่ก็ชนะได้ แต่ EXP กลับขึ้นมาแค่นิดเดียวตามลักษณะอาชีพ สกิลประจำตัวก็ดูพึ่งพาไม่ค่อยได้ เลยอาจจะต้องฝึกหนักและฝึกเยอะกว่าคนอื่นจริงๆ
ตอนที่ 3 ไอ้เร็นฝึกอย่างหนัก ฝึกไปฝึกมาเดินเลยเข้าไปถึงเขตใหม่ แถวนั้นมีปาร์ตี้เก็บเวลแบบข้ามขั้น สมาชิกคนหนึ่งในตี้เห็นว่าไอ้เร็นแอบมองอยู่เลยยิงธนูเข้าใส่เพราะคิดว่าเป็นพวกมารอลาสช็อต (โจมตีปิดครั้งสุดท้ายเพื่อรับเงินกับ EXP ไป) ทำเอาเจ้าตัวต้องใส่เกียร์หมาชั่วคราว คนในตี้พวกนี้เลเวลเกิน 15 แปลว่าต้องเปลี่ยนอาชีพรอบแรกกันไปแล้ว ด้วยความอยากรู้ว่าพวกนั้นจะเก่งขึ้นสักแค่ไหน ไอ้เร็นเลยใช้ความเสือกกลับไปแอบดูอีกรอบ คราวนี้หัวตี้โดดมาดักทางไอ้เร็นเองพร้อมกับพูดว่ามึงมารอลาสบอสพวกกูใช่มั้ย พระเอกที่แม่งเป็นฮิคกี้อ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง เลยยืนนิ่งๆ ไปทั้งอย่างนั้น
บังเอิญว่าไอ้หัวตี้เห็นออร่าแฝงตอนตั้งท่าสู้ของพระเอกกับเลเวลที่มีแค่ 3 เลยนึกในใจว่า ขนาดพวกกูที่เปลี่ยนอาชีพแล้วยังสู้มอนแถวนี้ลำบาก แล้วคนเลเวล 3 แบบพระเอกมันรอดมาถึงที่นี่ได้ไงวะ คิดได้แล้วเลยลดอาวุธลงคุยกับพระเอกดีๆ แต่ไอ้เร็นก็ยังเงียบเหมือนเดิม หัวตี้เลยมโนไปเองว่านี่อาจเป็นวิถีนักดาบของพระเอก ช่างเป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งนัก (???) พอสมาชิกตี้เรียกหาไอ้หัวตี้เลยหันไปตอบรับ แต่พอหันกลับมาพระเอกก็หายตัวไปแล้ว ไอ้หัวชื่นชมหนักกว่าเดิมว่าช่างรวดเร็วเหลือเกิน ทั้งๆ ที่พระเอกแม่งหลบเข้าไปในพุ่มไม้แถวๆ นั้นนั่นแหล่ะ คนอ่านคงเริ่มสับสนแล้วว่าพระเอกมันเทพจริงหรือหัวตี้แม่งมโนแจ่มกันแน่
ตอนที่ 4 ไอ้เร็นล็อกเอ้าท์ออกเกมไปหาอะไรกิน เรื่องนี้ก็เหมือนเรื่องอื่นคือในเกมนานกว่าโลกจริง มีอธิบายถึงการออกเกมว่าเวลาจะออกเกมต้องหาที่ปลอดภัยวางตัวละครไว้ก่อนออก เพราะตัวละครจะยังคงปรากฏอยู่ในเกมจนอาจโดนมอนสเตอร์โจมตี หรือโดนผู้เล่นด้วยกันปล้นเอาได้ ซึ่งเป็นระบบที่กูว่าพังเหี้ยๆ ถ้าตัวละครผู้หญิงออกจากเกมมีหวังเจอเด้าฟรีกันพอดี แต่ก็ช่างมันวะ ระบบนี้อาจมีผลกับเนื้อเรื่องในอนาคตก็ได้ใครจะไปรู้ พอกลับเข้ามาพระเอกก็ซื้อของกินเอาไว้ลดค่าความหิวกับความเหนื่อยล้าก่อนจะไปฝึกข้างๆ เมืองต่อ กูอ่านดูแล้วเหมือนว่าอาชีพนักดาบพเนจรนี่มันเลียนแบบสกิลอาชีพสายดาบได้หมดเลย แต่ฝึกลำบากกว่า EXP ก็ขึ้นช้ากว่าพวกอาชีพสายดาบอื่นๆ ที่เป็นอาชีพโดยตรง
พวกผู้เล่นอื่นที่เห็นไอ้เร็นฝึกอย่างเอาเป็นเอาตายก็นึกชื่นชมว่า โอ้โหไอ้ผู้เล่นคนนี้เลเวลแค่ 3 เอง ทำไมมีสกิลสายดาบเยอะจังวะ บางสกิลต้องเป็นอาชีพสายตรงขั้น 2 (เปลี่ยนตอนเวล 15) แล้วด้วยซ้ำถึงจะมี ก็พากันมโนว่าคงเป็นพวกสเมิร์ฟ (เลเวลสูงแล้วกลับมาเล่นตัวกาก) แหงแซะ เจ้าตัวก็ไม่ได้รู้เรื่องเหี้ยอะไรเลย เพราะไม่สุงสิงกับคนอื่น เลเวลตัวละครขึ้นยากก็เก็บเรื่อยๆ เลเวลสกิลขึ้นช้าก็ฝึกซ้ำๆ ตามประสาคนเล่นเน้นความพยายามเอา จนสุดท้ายได้ท่า อิไอโด มาใช้ เป็นสกิลแนวสวนกลับฉับพลันเหมือนที่เคยเห็นกันในอนิเมะทั่วไป
ตอนที่ 5 ไอ้เร็นเก็บเวลจนถึงเวล 5 แล้วดาบก็หมดคม เลยกลับเข้าเมืองไปหาซ่อมอาวุธเพื่อคืนความทนทาน พอไปถึงร้านตีดาบ NPC เจ้าของร้านไม่อยู่พระเอกเลยออกจากเกมไปนั่งดูเมะรอ กลับเข้าเกมมาอีกทีได้สกิลช่างตีดาบเด้งขึ้นมาเฉย พร้อมกับโดน NPC ขู่ฆ่าเพราะคิดว่าเป็นผู้บุกรุก หลังจากเจรจากันสักพัก ลุงตีดาบก็ถามว่าเอ็งเป็นช่างตีดาบด้วยเหรอ พระเอกไม่แน่ใจแต่บอกไปว่ามีสกิลตีดาบโผล่ขึ้นมา ลุงเลยให้พระเอกลองเรียกฆ้อนตีอาวุธ ก่อนจะโชว์ฆ้อนสายฟ้าของตัวเอง มีการล้อหนังมาเวลด้วยเล็กน้อยก่อนจบตอน
การบรรยายทำได้ดีกว่าเรื่องเด่นชัยช่วงแรก อาจเป็นเพราะเรื่องนี้เน้นบรรยายมากกว่าบทสนทนาด้วย ตัวละครเร็นทำตัวฮิกกี้ดีมากจนมาดีแตกในตอนที่ 5 เพราะพูดมากกับเจ้าของร้านจนดูไม่เหมือนฮิกกี้ ถ้าเข้าใจความเป็นฮิกกี้จริงๆ และทำได้ดีเหมือนตอนเจอกับไอ้หัวตี้ เร็นควรวิ่งออกจากร้านไปเลยต่างหาก แต่กูพอเข้าใจจุดประสงค์ของนักเขียนที่อยากเนียนเล่าเรื่องสกิลตีดาบที่พระเอกได้มา เลยต้องแลกกับความหลุดคาร์ของตัวละคร เนื้อเรื่องถือว่าเดินไปได้ค่อนข้างช้า 5 ตอนในนิยายเกมออนไลน์ควรเกิด conflict แรกที่ทำให้พระเอกต้องตัดสินในใน event สำคัญอะไรสักอย่างได้แล้ว เช่นมีเควสพิเศษให้เข้าร่วม มีความขัดแย้งระหว่างเก็บเวลจนเปิดตัวคู่แข่งหรือตัวร้าย แต่เรื่องนี้ดันเน้นไปที่การฝึกอย่างบ้าคลั่งของพระเอกแทน
อีกอย่างที่กูข้องใจคือทำไมนักเขียนถึงใจเย็นเกินไป และเลือกจะให้ผู้เล่นอื่นเห็นความเทพของตัวเอกผ่านการมโน เพราะตามปกตินิยายแนวนี้ต้องรีบขายจุดขายของตัวเองโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นสายอาชีพพิเศษ สกิลลับเจ๋งๆ หรือเควสที่มีเพียงตัวเอกคนเดียวหาเจอ เพื่อดึงคนอ่านให้ไปต่อให้ได้มากที่สุด บางทีเรื่องพวกนี้อาจเกิดขึ้นแต่ไม่ใช่ในระยะแรก และกูถือว่ามันสายเกินไปสำหรับนิยายเกมออนไลน์ เหตุผลที่พระเอกได้สกิลตีดาบมาแบบงงๆ กูอนุมานเอาว่าเป็น plot convenience ที่เข้าทางพอดีกับสายอาชีพหลักและนิสัยตัวเอก คือใช้ดาบและซ่อมดาบได้เองโดยไม่ต้องมายุ่งกับคนในเมือง
เรื่องนี้ดูมีอนาคตกว่าเรื่องเด่นชัย แต่กูเข้าใจนะถ้านักเขียนมันจะกลับไปแต่งเรื่องโน้น เพราะนิยายแนวระบบมันกำลังอยู่ในกระแสตีคู่กันมากับแนวย้อนยุคจีนกลับไปรวยหลังเลิกกับผัวเฮงซวย
เรื่องต่อไป
7 คัมภีร์เทพสวรรค์สยบมารยุทธภพ
https://writer.dek-d.com/aixmod/writer/view.php?id=1466634
เจอชื่อเจ้าของเรื่องเข้ากูถึงกับไปไม่เป็น ไอ้เราก็นึกว่าใคร... ที่แท้เขาคือยอดชายนายเงินบวก หนึ่งในอดีตขาประจำบอร์ดนักเขียนผู้ครองสถิติ "ถูกรุมด่าจากบรรดาสมาชิกทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่บ่อยครั้งที่สุดตลอดกาล" นี่เอง อ่านชื่อเรื่องนี้แล้วนึกถึงชื่อนิยายโม่งที่แต่งล้อเลียนนิยายจีนเทพซ่าอีกที อันนี้ > https://fanboi.ch/webnovel/2726/289-321/ ปกนอกเป็นรูปวาดโกร่งกระบี่ที่ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน คำโปรยก็คล้ายกับเรื่องอื่นๆ ในไอดี คืออ่านแล้วรู้เลยว่าแม่งคงฮาเร็มชิทตามเคย
มุกสาวๆ ในฮาเร็มแต่ละคนเป็นวิชาของพระเอกนี่ ไม่ต่างอะไรกับมุกสาวน้อยที่แปลงกายเป็นอาวุธหรือชุดเกราะให้พระเอกใช้ต่อสู้ในอนิเมะแฟนตาซียุค 80 - 90's เด็กสมัยนี้คงตื่นเต้นกับพล็อตนี้ไหวอยู่ (เพราะเกิดไม่ทัน) แต่สำหรับกูอ่านแล้วขนลุกวะ มึงนี่มันคุแก่แถมยังฝักใฝ่โลลิขึ้นสมองชัดๆ แค่คิดก็อยากจะอ้วกแล้ว อะแฮ่ม... โทษทีๆ สับนิยายไอ้เหี้ยนี่ทีไร มันอดใจจะด่าตัวบุคคลไม่ไหวจริงๆ เพราะวีรกรรมในบอร์ดของแม่งแต่ละเรื่องแบบว่าเหี้ยมาก ใครที่ทันดราม่ายุคนั้นคงเข้าใจความรู้สึกกูดี
ปกรองมีดักตัวเองก่อนว่าเรื่องใหม่อีกแล้ว คือถ้าพวกมึงเคยอ่านสับเก่าๆ ของกูที่สับไอ้เหี้ยนี่ สิ่งหนึ่งที่กูเขียนเสมอคือความเป็นทาร์ซานของมัน (โหนเก่งชิบหาย) แนวไหนกำลังมาพี่แกก็จะรีบแต่งตามทันที พอกระแสแผ่วลงนิดเดียวคือแม่งดองไปเลย นี่คือตัวอย่างที่ไม่ดีของการเป็นนักเขียน เพราะนอกจากเป็นการทำลายแฟนคลับแล้วยังสร้างนิสัยเสียให้ตัวเองชอบเทนิยายอีก อ่าวสัสไหนว่าจะไม่ด่าคนเขียนแล้วไงวะ มาๆๆ คุยเรื่องปกรองต่อ ต่อมาก็บอกว่าจะมีเขียนผสมทั้งสำนวนปกติและจีนแต่จะพยายามเขียนให้อ่านง่ายที่สุด อีกละไอ้เหี้ย... ไม่ได้ชำนาญแต่ก็อยากแต่งกับเขาบ้าง ผลจากการไม่ค้นหาว่าตัวเองชอบเส้นทางไหนแล้วไปให้สุดทาง แต่เสือกลองทุกอย่างแบบครึ่งๆ กลางๆ แล้วเมื่อไหร่มึงจะ Mastered ในนิยายสักแนวหนึ่งได้วะ โง่แต่ขยันของแท้สมควรเอาไปตัดหัว กูว่ากูข้ามเลยละกันไม่งั้นไม่ได้สับเนื้อเรื่องสักทีไอ้ชิบเหี้ย
เปิดฉากด้วยการเล่าแบบ tell กากๆ ว่านายอาทิตย์ผู้คลั่งไคล้วิชากำลังภายในพยายามฝึกฝนวิชาแขนงต่างๆ มาตลอดชีวิต แต่ทว่าวิชายุทธเหล่านั้นกลับไม่มีอยู่จริง แม้จะฝึกจนกลายเป็นแชมป์โลกสู้ชนะมาแล้วทุกการแข่งขัน แต่ก็ไม่อาจรู้สึกได้ถึงพลังแบบในหนังจีน ฝึกไปฝึกมาทำอีท่าไหนไม่รู้หกล้มหัวแตกตายห่า แชมป์โลกไร้พ่ายแข็งแกร่งสุดยอด ตาย-เพราะ-หก-ล้ม-! นี่คือกูต้องถอดสมองอีกแล้วใช่ไหม ถอดไว้ก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวแม่งได้ด่าอีกรอบ โอเคตายแล้วยังไงต่อ ตายแล้วไปโผล่มิติเทพนิมิตรเจอกับเจ้าแม่ทองหยิบ (??) หรือเจ้าแม่ต้านหวังฮัว ท่านเสกทองหยิบให้แดกไอ้ทิตย์ก็แดก แล้วยังบอกด้วยว่ามิติเดิมที่เจ้าจากมาเรียกข้าว่ากวนอิม (??) เจ้าคือผู้ถูกเลือกที่ข้าเลือกมาทำภารกิจต่อสู้กับเจ้าแม่ทองหยอด (??) หรือเจ้าแม่ต้านหวังโฉว เปรียบเทียบในความเชื่ออื่นก็คือซาตาน (??)
เดี๋ยวนะ... กูว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ตอนนี้ 6 โมงกว่าๆ กูอาจอ่านเนื้อหาผิดเพราะความง่วงก็ได้ ลองอ่านต่อไปอีกนิดก็แล้วกัน
เควสหลักก็ง่ายๆ ใช้ตัวช่วยทั้ง 7 ที่เจ้าแม่ทองหยิบมอบให้ขัดขวางแผนการร้ายของเจ้าแม่ทองหยอด ส่วนเควสรองก็คือทำอย่างไรก็ได้ให้ขนมทองหยิบเป็นที่นิยมมากกว่าขนมทองหยอด (เอิ่ม... คือมึงหมายถึงคติแบบ native faith งี้เหรอ แบบว่าถ้าไม่มีคนศรัทธาหาทองหยิบมาถวายเจ้าแม่ทองหยิบแล้วท่านจะเสื่อมพลังอะไรทำนองนั้นหรือเปล่า) เจ้าแม่บอกว่าขนมที่ให้มึงแดกทำให้มึงเทพซ่ากว่าคนทั่วไป เพื่อให้เข้ากับโลกใหม่เดี๋ยวจะประทานชื่อให้ด้วยว่า "หยางอี้" จากนั้นก็ส่งไอ้อี้ไปสู่ต่างโลก ลงไปปุ๊บก็เจอหญิงสาวอายุ 18 หลับอยู่ ตื่นมาคุยกันก็รู้ว่าชื่อ "เหม่ยเฉียง" (??) เป็นหนึ่งในวิทยายุทธทั้ง 7 ของพระเอก ส่วนคนอื่นๆ รอให้พระเอกไปไล่ตามหา พี่อี้ถึงขั้นงงแดก เจ้าแม่แกล้งกูรึเปล่า กูขอวิทยายุทธแต่ดันได้ผู้หญิงมาแทน ยังไม่ทันจะได้ออกเดินทางน้องเฉียงก็บ่นว่าหิวข้าว จบตอน (??)
อันที่จริงนี่มันเพิ่งจะตอนที่ 2 แต่สมองกูมันไปต่อไม่ไหวแล้ววะ ไม่ใช่เพราะง่วงนะ แต่เป็นเพราะความเหี้ยของนิยายมันเกินเยียวยาจริงๆ สัญลักษณ์ (??) ที่กูจะเขียนทุกครั้งเมื่อพบกับความอิหยังวะมันเกิดขึ้นหลายครั้งแล้ว ต่อให้ถอดสมองและทำใจว่านี่มันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในโลกต่างมิติ และอาจไม่ได้มีอะไรเหมือนกับหนังจีนไปเสียหมด แต่สามัญสำนึกแม่งยังทำงานของมันได้ดีโคตรๆ เอาเป็นว่ากูจะรีบสรุปให้เกิดความเสียหายทางสมองน้อยที่สุดก็แล้วกัน น้องเฉียงหิวข้าวพี่อี้เห็นควันไฟเลยตรงไปทางนั้นเพื่อขอข้าวให้น้องเฉียงแดก แต่ไปเจอเข้ากับกลุ่มนักเลงสไตล์ตัวร้ายเกรดบี น้องเฉียงรวมร่างกับพี่อี้จนพี่อี้มีกำลังภายใน พี่อี้ปราบนักเลงจบตอน
รายการความอิหยังวะภายในตอน
- มีชาวบ้านถูกนักเลงทำร้ายแต่พี่อี้ไม่เข้าไปช่วยทันที ทั้งๆ ที่เทพซ่า
- ชาวบ้านน่วมตีน ทำคัมภีร์วิชาหมัดร่วงลงจากเสื้อ พี่อี้ไปหยิบมาอ่าน
- อ่านจบอย่างรวดเร็วแล้วโชว์เทพแต่พังบ้านผู้บริสุทธิ์ไป 3 หลังรวด
- มินิบอสสูง 2 เมตร 20 เซ็น โผล่มาท้ายตอนในชุดสีเงินที่ดูคล้ายกับรถถัง
- ไม่มี cliff hanger
ตอน 3 พี่อี้ใช้วิชาเดิมปราบมินิบอสที่เฝ้าหมู่บ้าน ชาวบ้านพากันขอบคุณแล้วเล่าว่าที่เป็นแบบนี้พรรคมารกำลังครองแผ่นดิน พี่อี้บอกว่าเจ้าแม่ทองหยิบส่งตนมาปราบพวกพรรคมาร หลอกชาวบ้านมาเป็นดาวน์ไลน์เจ้าแม่ได้สำเร็จ
- พี่อี้จับลูกน้องมินิบอสไปลงโทษด้วยการขังลืมในหลุมส้วม
- นักเขียนบอกว่าซาลาเปาคือหมั่นโถว
- ไม่มี cliff hanger
ตอน 4 พี่อี้เดินทางไปเมืองใหม่เจอพวกพรรคมารกำลังไล่หลอมกระบี่ทำกระสุนปืนใหญ่ไอน้ำ (??) เอาไว้ยิงตึกสาขาของสำนักต่างๆ จนเจอสาวน้อยคนที่ 2 ในร่างกระบี่ชื่อ "หนิงเอ๋อ" น้องเอ๋อคือกระบี่ซึนเดเระ แต่เป็นซึนเดเระที่ยัดเยียดเหี้ยๆ ไม่มีเสน่ห์ในฐานะสาวซึนเลยแม้แต่น้อย แย่พอๆ กับน้องน้ำพุเมนส์อุทกภัยจากเรื่อง 9 core online นิยายในตำนานที่มีภาพปกชัดเจนที่สุดในจักรวาล (ชัดแค่ไหนเข้ามาดูเอง https://writer.dek-d.com/jeepsuper/writer/view.php?id=1033546) หลับจบบทพ่อแง่แม่งอนที่ไม่เข้ากับธีมจีนโบฯ แม้แต่นิดเดียว พี่อี้ก็ใช้น้องเอ๋อกระทำความว้าวซ่าให้ชาวประชาร้องเหยดกันค่อนเมือง
- พี่อี้เทพซ่าที่มีเจ้าแม่ทองหยิบหนุนหลังกลัวปืนใหญ่
- หนิงเอ๋อโกรธมากและจะไม่หายงอนถ้าพี่อี้ไม่พูดว่าขอโทษพันจบ (สรุปมึงจะให้พี่อี้พูดหรือคัดลายมือวะอีเอ๋อ)
- ไม่มี cliff hanger
ตอน 5 พี่อี้ใช้น้องเอ๋อปราบกองโจรสุนัขดำจนราบคาบ มีจอมยุทธจากพรรคกระบี่เขียวมาขอบคุณ หนึ่งในนั้นพูดถึงหัวหน้าของกองโจรที่พักอยู่อีกเมืองห่างออกไป 10 กิโลเมตร (มึงช่วยหยุดใช้มาตราเมตริกในเซตติ้งจีนทีเถอะ กูไหว้ล่ะ) พอถึงจุดนี้กูเริ่มจับทางได้ว่าแต่ละตอนจะมีรูปแบบเหมือนกันคือ เดินทาง-โชว์เทพ-ได้ข่าว ต่างกันแค่ว่าจะเจอสาวๆ อีกทีตอนไหนเฉยๆ
- ดาบใหญ่หนาหนักหักดัง "เพล๊ง"
- สีหน้าทั้งโกรธแค้นและดีใจ (????)
- ไม่มี cliff hanger
การบรรยายแข็งโป๊กเป็น tell ที่อ่านแล้วรู้สึกธรรมดาตลอดทั้งตอน ความฮาในเรื่องก็มาแนวชื่อเพลงวงเก็ตสึโนว่า "มุกตลกที่ไม่มีความตลก" ทั้ง 5 ตอนนี้ไม่มีมุกไหนเลยที่ทำให้กูขำได้ พวก lame joke ยังพอทำให้เราหลุดยิ้มได้บ้าง แต่เรื่องเหี้ยนี่คือไม่เลยเว้ย ไม่มีจริงๆ ตัวละครเอกอย่างอาทิตย์หรือพี่อี้ของเราทั้งกลวงทั้งแบน อันนี้คนหรือพายเซเว่นวะ แม่งแยกไม่ออกเลย มีแค่เดินทางโชว์เทพไปวันๆ ตอนยังเป็นนายอาทิตย์ในมิติเทพนิมิตรการตอบสนองในบทสนทนายังดูมีชีวิตชีวากว่าตอนนี้อีก การแสดงออกกับสาวๆ ก็ไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนพระเอกกลุ่ม beta male จากอนิเมะรอมคอม
เดินเรื่องแบบเดาเนื้อหาได้ คือต่อให้เกิดมาห่วยแค่ไหน แต่มึงจะแต่งนิยายที่ให้คนเดาเนื้อเรื่องออกทุกตอนแบบนี้ไม่ด้ายยยยยยยย ปมมึงก็ไม่ผูก ปริศนาอะไรมึงก็ไม่มี เดินหน้าสร้างความว้าวซ่าไปเรื่อยๆ แบบนี้ งานของดอกปอบแม่งดูดีขึ้นมาทันตา แล้วมันมีประเด็นเกี่ยวกับความถูกต้องด้วย กูพยายามห้ามตัวเองแล้วว่าอย่าพูดถึงพวกความผิดพลาดแนวนี้ เพราะมันไม่เกิดประโยชน์ต่อคนอ่านสับ จำพวกความผิดพลาดจากการเขียนคำผิด พูดถึงมากๆ เข้าเดี๋ยวโดนหาว่ากู แกรมม่า/ไวยกรณ์ นาซี สักแต่จะหาเรื่องด่าอีก อย่างไรก็ตามเรื่องพี่อี้ของไอ้เงินบวกนี่คงปล่อยไว้ไม่ได้ เพราะความเหี้ยมันแสนสาหัส เกินเยียวยาจนกูยกให้เป็นเนื้อคู่พลิกชะตามาพบรักกับเกศริน 5 ส. ของดอกขาวไปเลย
อย่างแรกที่กูจะแจ้งคือ คำจำกัดความหรือชื่อเรียกสาวๆ ทั้ง 7 คนเนี่ย มึงจะเรียกว่าวิชายุทธ พลังยุทธ วิทยายุทธ หรือคัมภีร์กันแน่ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาอยู่นั่นแหล่ะ แล้วต่อให้หมายถึงวิทยายุทธการแทนตัวที่สาวๆ แต่ละคนใช้อยู่ก็ไม่เข้ากับความหมายของคำอยู่ดี ในองค์ประกอบ 7 อย่าง มีอยู่ 3 อย่างแล้วที่ไม่ใช่วิทยายุทธ คือ กระบี่ โอสถ กับวิชาจอมทัพ ซึ่งควรถูกจัดไว้ในกลุ่มยุทธภัณฑ์มากกว่าเพราะเป็นของสำหรับใช้ (จู่โจม,รักษา,เรียนรู้) สงสัยว่าในอนาคตพี่อี้อาจต้องนำทัพหรือขึ้นเป็นกษัตริย์ด้วย จากการที่ตามปกติกูไม่ค่อยเห็นพวกจอมยุทธสนใจเรียนตำราพิชัยสงครามกันสักเท่าไหร่
อย่างถัดมาก็เสียงเอฟเฟค จะใส่มาบ้างก็ไม่เป็นไรแหล่ะ แต่มึงเล่นใส่เสียงเตะคนดัง ปุก ปัก หลบหลีกดัง วึบ วึบ วึบ กับดาบใหญ่แตกดัง เพล๊ง เนี่ย ดาบใหญ่มึงทำจากเหล็กหรือแก้วคริสตัลวะ บอกให้กูหายคาใจที
มีตัวละครสาวๆ ในฮาเร็มเป็นจุดขายแต่ดันใช้ คะ, ค่ะ ผิดรัวๆ อ่านแล้วมันหงุดหงิดโว้ย รู้สึกอยากต่อยหน้าเข้าใจป่าว เวลาเจอคนพูดว่า "ใช่มั้ยค่ะ" กับ "เข้าใจแล้วคะ" ละมัน Triggered อะ
ไอ้นักเขียนนี่มีปัญหากับการแยกรูปพยัญชนะแน่ๆ เพราะถ้าหน่วยเสียงไหนมีรูปใกล้เคียงเกิน 2 รูปพยัญชนะขึ้นไป มันจะใช้สลับกันทันที ตอนสับไปรอบก่อนคือคิดว่าเล่นมุกรึเปล่าวะ แต่พอมารอบนี้กูแน่ใจว่าไม่ใช่มุกเพื่อความฮาแล้ว เพราะเป็นแทบทุกที่เหมือนกับโดนสอนมาผิดๆ เดี๋ยวจะรวมให้อ่าน
ลบหรู่ - ลบหลู่
ผิง - พิง (อันนี้หนักเลยความหมายเพี้ยนไปอีก)
หลอกร่อ - หลอกล่อ
ฝอง - ฟอง
พังคลืน - พังครืน
ผุผอง - พุพอง
พิสูจณ์ - พิสูจน์ (ท่องไปดิว่า พิ สู จาน หนู กรัน)
รูปพยัญชนะใกล้เคียงอย่างคู่ ร-ล / ผ-พ / น-ณ คือสลับขั้วกันหมดเลย รูปแบบปัญหามันไม่ได้เป็นการเขียนผิดเหมือนพวกคำว่า ทรมาน ประมาณ ปราณ ปรานี ประเมิน แต่มันสลับกันราวกับคนเขียนมั่นใจว่าตัวเองเขียนถูกแล้ว เพื่อนกูคนหนึ่งมีปัญหาคล้ายกันนี้เพราะครูภาษาไทยเคยสอนคำว่า ร้อนเจี๊ยบ-เย็นจี๋ ให้ตั้งแต่ประถม (ควรขำหรือสงสารดี) นอกจากการสลับขั้วแล้วยังมีเรื่องให้ตกใจยิ่งกว่าอีก นั่นคือสลับรูปพยัญชนะมากับผันเสียงวรรณยุกต์ผิดเช่น อิ่มแปร๋ (อิ่มแปล้) หรือ เปลี๊ยง (เปรี้ยง)
เรื่องการ rant ขอจบลงเพียงเท่านี้
ส่วนคะแนนรวมก็ ... ไม่มี cliff hanger/10 (อันนี้คือกิมมิคของมึงใช่มั้ย ไอ้ไม่มี cliff hanger ท้ายตอนเนี่ย)
เฮ้ยขอบ่นต่ออีกหน่อย เกี่ยวกับเจ้าแม่ทองหยิบกับเจ้าแม่ทองหยอดว่าทำไม่ถึงไม่เอาขนมที่เหลือของท้าวทองกีบม้ามาแต่งให้ครบเลยวะ ไหนๆ ก็ไม่ใช่ขนมไทยแท้ๆ มาตั้งแต่แรกแล้วทั้งแก๊งค์ ในเมื่อรักจะครอสโอเวอร์ (มั่ว) แล้ว ก็เอาไปให้ครบทั้งกลุ่มเลย แถมลูกชุบไปด้วยอีกอย่างก็ได้ มาตราเมตริกก็จัดแล้ว เอาอิมพีเรียลกับตัววัดของไทยหรืออียิปต์โบราณใส่ด้วยเลยก็ได้ สกุลเงินก็ยังไม่เห็นเคยพูดถึงเหมือนกันเพราะแดกฟรีมาตลอดเรื่อง
ปล.nonmem ความเห็นแรกในตอนที่ 1 หลอกด่าได้เก่งมาก คนแบบนี้เป็นเพื่อนกับกูได้
สำหรับคนที่คาใจว่าปกนิยายเรื่อง 9 core ของพี่เงินบวกแบบชัดๆ เป็นยังไง กูได้ไปค้นมาให้มึงดูเรียบร้อยแล้ว
http://inews.gtimg.com/newsapp_bt/0/8707312747/0/0
งีบช่วงเช้าเล็กน้อยแล้วไปทำบุญปีใหม่ กลับมาลงสับเจ้าแม่ทองหยิบตอน 10 โมงนิดๆ แล้วว่าจะนอนต่อ แม่งนอนได้แค่ 3 ชั่วโมงข้างบ้านร้องเกะซะงั้น เซ็งชิบหาย
Merlin พลิกตำนานมหาจอมเวท
https://writer.dek-d.com/aixmod/writer/view.php?id=1933577
จำไม่ได้อีกตามเคยว่ามาจากไหน แต่คิดว่าน่าจะเข้าท่าเพราะสำนวนบนปกรองสกิมผ่านๆ แล้วดูโอเค มองด้วยสายตา OG อย่างกู นักเขียนเลือกปกได้ดีเหมาะกับแนวตัวเอง คำโปรยก็ถือว่าไม่เลวมีการฝากตะขอ (เครื่องมือล่อให้คนสนใจอยากอ่านต่อ) ไว้ตรงส่วนท้าย แต่ตรงปกรองนี่ทำกูเขวนิดๆ เพราะดันใช้การเล่า Lore มาแปะเอาไว้ ในอดีตมันเคยใช้ได้ทว่าตอนนี้กลายเป็นจุดอ่อนไปเรียบร้อย มีนักอ่านน้อยคนแล้วที่จะไปต่อกับคำโปรยแนวนี้
เปิดฉากด้วย Lore จำนวน 6 ย่อหน้า คือถ้าไม่ได้เขียน 7 บรรทัดข้างบนไว้ก่อนกูคงกดออกไปเลย อย่าเปิดเรื่องนิยายแนวไหนก็ช่างด้วย Lore เรื่องเล่าเก่าแก่แต่โบราณ หรือเรื่องที่ผ่านมานานจนกีหยากไย่ขึ้น มันใช้ไม่ได้ผลกับนักอ่านความอดทนต่ำที่เสือกมีอยู่เป็นจำนวนมากในเว็บ คนที่จะตั้งใจเสพความเป็นมาเอาจริงๆ คงเหลือไม่ถึง 10 % แล้ว เนื้อหาในตอนช่วงแรกเล่าเกี่ยวกับมหาสงครามที่จบลงแบบไม่มีใครแพ้หรือชนะ เทพงง มารงง มนุษย์งงแต่ได้อยู่บนโลกไปแบบงงๆ จากสัญญาการพักรบชั่วคราว ช่วงกลางกับช่วงท้ายคือการเดินทางของจอมเวทชายปริศนากับแฟรี่คู่กาย แฟรี่ตัวน้อยพยายามขอให้เจ้านายเปลี่ยนใจเรื่องการจำศีล แต่คนฟังกลับหัวเราะออกมาแล้วบอกว่าดูแลตัวเองให้ดี
น้องแฟรี่ยังไม่ยอมแพ้งัดท่าไม้ตายออกมาใช้ โดยการพูดถึงคนสองคนที่อาจทำให้ตัวเอกเกิดความลังเล แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ผล ท้ายที่สุดจอมเวทก็ฝากกระดิ่งให้แฟรี่ไว้ บอกว่าถ้าวันไหนมีอันตรายจริงๆ ให้สั่นกระดิ่งแล้วเรียกหา ว่าแล้วก็ร่ายเวทปิดทางออกแล้วเดินหายเข้าไปในทางลับคนเดียว ท้ายตอนมีหย่อน Cliff hanger ไว้ว่าแท้จริงแล้วจอมเวทชายที่ปรึกษาของราชาเผ่ามนุษย์คนนี้เป็นสตรี แถมยังเป็นครึ่งปีศาจที่ปลอมตัวมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามการตัดสินใจหนีมานอนคนเดียวครั้งนี้ กำลังจะส่งผลให้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในอนาคตอันใกล้
ตอนที่ 2 เมอร์ลินตื่นขึ้นมาแบบรู้ตัวว่าก่อนกำหนดจากที่วางแผนไว้แน่ๆ พอออกมาจากห้องนอนก็พบว่าป่าซึ่งเคยสมบูรณ์ได้กลายเป็นทะเลทรายเรียบร้อย เหลือแต่ต้นไมยักษ์สถานที่พักผ่อนของตัวเองเท่านั้นที่ยังรอด น้องแฟรี่ลงจากยอดไม้มาคุยกับตัวเอก มีการถามไถ่เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วเมอร์ลินก็คิดว่าคงต้องทำอะไรสักอย่าง พอเช็คดูจนแน่ใจแล้วว่าราชาเพื่อนสนิทยังไม่ตาย จอมเวทหนุ่มก็ร่ายเวทแปลงกายใส่น้องแฟรี่จนตัวใหญ่เท่าเด็กสาวเผ่ามนุษย์ ปรับลักษณะภายนอกให้เหมาะสมแล้วซ่อนปีกเอาไว้ จากนั้นก็คืนร่างจริงตัวเองกลับมาเป็นผู้หญิง ทำเอาน้องแฟรี่ถึงขั้นตกตะลึงในความสวย ภูติน้อยเห็นแล้วก็นึกกังวลใจว่าอีกหน่อยคงต้องถูกหนุ่มๆ แย่งเจ้านายไปแน่ๆ เพราะขนาดตัวเองที่เป็นผู้หญิงยังน้ำเดินขนาดนีั
ตอนที่ 3 สองนายบ่าวเดินทางต่อในร่างใหม่ ระหว่างทางมีฉากการงอนของภูติน้อย (ที่ตอนนี้ตัวโตแล้ว) เกิดขึ้นเป็นระยะ จากการที่เมอร์ลินไม่เคยเล่าให้ฟังเลยว่าเธอมีสองร่าง สองเพศสภาพ และมีสองชื่อ ใช้เวลาอยู่นานพอดูแฟรี่ที่ตอนนี้โดนตั้งชื่อว่า "โร" ถึงยอมหายโกรธ สถานการณ์ปัจจุบันคือทั้งในเผ่ามนุษย์เริ่มละเมิดสัญญาสงบศึก มีการรบราฆ่าฟันและเข้าแย่งชิงทรัพยกรกันเองแล้ว ตอนที่กำลังคิดว่าจะเอายังไงต่อไป กลุ่มของเมอร์ลินไปเจอลุงกำลังโดนกอบลินรุมอยู่ นางเอกของเราไม่อยากใช้เวทมนตร์เพราะกลัวพวกปีศาจจะจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร เลยเลือกหยิบดาบมาใช้ในการต่อสู้ ช่วยชีวิตลุงสำเร็จแล้วก็ได้ข้อมูลจากลุงว่า เมืองหลวงโดนพวกโรม (อาณาจักรข้างๆ) บุกมาทำลาย ส่วนราชาก็หายตัวไป ก่อนจบตอนเมอร์ลินขอติดรถม้าลุงไปเมืองหน้า แล้วแทนตัวเองว่านิเนียเพื่อปิดบังชื่อของร่างชายไว้
ตอนที่ 4 พอมาถึงเมอร์ลินกับโรเข้าไปหางานทำในกิลด์นักผจญภัย ซึ่งน่าจะเป็นงานบังหน้าเพื่อหาข่าวเกี่ยวกับราชาคนก่อน ในช่วงกลางตอนระหว่างที่จะออกไปทำเควสนอกเมือง กลุ่มตัวเอกโดนแก๊งค์เกรดบีเข้ามาหาเรื่อง ไม่รู้ว่ากูคิดไปเองหรือเปล่าว่าจู่ๆ ระดับภาษามันเปลี่ยน สรรพนามและการแทนตัว คำเฉพาะในสำนวนแม่งชักจะเอียงไปทางนิยายจีน เซตติ้งแฟนตาซียุคกลางที่เล่าด้วยศัพท์แสงแบบมีดิวัลมาตลอด 3 ตอน ถูกแทรกด้วยการใช้คำว่าไร้ยางอาย สามหาว แม่นาง ยังไม่ทันจะได้เริ่มสู้ก็มีเด็กชายคนหนึ่งโผล่เข้ามาร่วมแจม แม้จะเห็นเพียงด้านหลัง แต่เมอร์ลินก็จำได้ทันทีว่าเด็กนี่คืออาเธอร์ ราชาที่หายไปในข่าวลือและเพื่อนสนิทของตัวเองอย่างแน่นอน อันที่ไม่รู้มีเพียงเขาไปทำอะไรมาถึงได้ตัวหดเหลือแค่นี้
ความข้องใจในเนื้อหาอื่นๆ ที่กูมีระหว่างอ่านคือ ทำไมคุณภาพการบรรยายที่เคยทำได้ดีถึงได้ลดลง ชื่อตัวละครหลักหลังจากเปลี่ยนเป็นนิเนียแล้ว ถูกใช้เรียกสลับไปมากับเมอร์ลินระหว่างบทบรรยายอยู่บ่อยๆ มีการอธิบายสลับกันเช่นใช้คำว่าเขากับนิเนียและใช้คำว่าเธอกับอาเธอร์ เรื่องนี้ทำให้กูอ่านสะดุดเอามากๆ เรื่องการมาเจอกันของนิเนียกับอาเธอร์ท้ายตอนนี่ก็อีก จะว่าบังเอิญแบบสะดวกสบายเกินไปก็ยังได้ พอรวมกับสำนวนที่เอียงไปทางนิยายจีน คะแนนของเรื่องนี้เลยค่อยๆ ลดลงไปในความคิดกู
ตอนที่ 5 เนื้อหาบทนี้ครึ่งแรกเป็นฉากต่อสู้ของเด็กชายอาเธอร์กับพวกเหล่าร้าย ครึ่งหลังเป็นการแนะนำตัว พูดคุย และแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเพื่อนเก่า บทบรรยายมีความจีนปนเข้ามาบ้างอย่างที่กูแน่ใจว่าไม่ได้คิดไปเอง เมอร์ลินในร่างนิเนียบอกอาเธอร์ว่าตัวเองกับโรต้องปลอมตัว เพราะมีคนร่ายมนตร์ดักจับพลังเวทไว้รอบต้นไม้ยักษ์ ส่วนทางอาเธอร์ก็ตัวหดเพราะพวกพี่สาวช่วยร่ายเวทใส่จนสามารถหนีออกมาจากวังได้ทัน ข้อเสียคือพอตัวเล็กลงพลังเวทก็ลดตามไปด้วย ทำให้ยังไม่สามารถใช้ดาบเทพได้ในตอนนี้ เมอร์ลินเลยบอกเจ้านายเก่าว่าคงต้องรีบตามหาสมาชิกเดิมของเหล่าอัศวินโต๊ะกลมกันก่อน
เรื่องนี้สำนวนช่วง 3 ตอนแรกทำให้รู้สึกชวนคิดถึงสมัยแนวแฟนตาซีในเด็กดีกำลังเฟื่องฟู กูว่าบรรยายออกมาได้ค่อนข้างดีเลย แล้วมาดรอปลงในตอนที่ 4 กับ 5 ที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกว่าเริ่มจีน ทั้งบทสนทนา การบรรยาย หรือพวกเหล่าร้ายที่โผล่มา ส่วนที่ชอบใน part การบรรยายคือวิธีพรรณาเกี่ยวกับความหล่อความสวยของตัวเอกช่วงแรก ทำให้นึกถึงตัวละครแนวการ์ตูนตาหวานชายหนุ่มรูปงามหน้าสวยกับท่าทางดูสง่า ปริมาณการ show มันไม่เยอะจนล้นเหมือนงานของมาเฟียเก่าอย่างเคย์เซย์ ถ้าใครทันได้อ่านมึงจะเข้าใจเลยว่าบรรยายยันเหงื่อในรูขุมขนมันเป็นยังไง ความเร็วในการเดินเรื่องเทียบกับความยาวตอนกูว่าใช้ได้ ปัญหาคือความคืบหน้าในเรื่องแม่งไม่ค่อยมี
กูเข้าใจนักเขียนว่าอยากค่อยเป็นค่อยไป แต่นั่นทำให้นิยายเรื่องนี้มีจุดด้อยแบบเดียวกับนิยายไอ้เงินบวก เพราะรูปแบบการเล่ามันซ้ำซากตรงที่กลุ่มตัวเอกเดินทางไปเขตใหม่ พยายามหาข้อมูลและได้ข้อมูล จบแล้วก็ออกเดินทางต่อ ถ้าเป็นเรื่องเงินบวกตัวแปรจะเป็นน้องๆ วิทยายุทธ แต่เรื่องนี้คือการปลอมตัวกับช่องทางหาข่าว อย่างในตอนสุดท้ายคือ ปลอมกันครบทั้ง 3 คน ตอนแรกกะจะจับพวกแก๊งค์มารีดข้อมูล แต่ได้ข้อมูลโดยตรงจากอาเธอร์มาแทน ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ความน่าติดตามมันลดลงไป ใน 5 ตอนไม่มีข้อผิดพลาด เหตุการณ์เสี่ยงภัยจนตกอยู่ในความเสียเปรียบ ไม่มีอุปสรรคอะไรหนักๆ ที่ทำให้รู้สึกเอาใจช่วยกลุ่มตัวเอก มีแค่เดินทาง-ตบเกรียน-ได้เบาะแส กราฟเกี่ยวกับความเข้มข้นของเนื้อเรื่องมันไม่ขยับขึ้นลง ถือเป็นเรื่องอันตรายเพราะนักอ่านส่วนหนึ่งจะปิดนิยายทิ้ง นิยายน่าตื่นเต้นในเว็บมีอีกเป็นแสนเรื่อง อย่าปรุงนิยายตัวเองให้เป็นแกงจืดท่ามกลางอาหารรสจัดหลายสิบถ้วย เพราะจะเหลือแค่คนชอบแดกจืดที่ยังหลงมากิน
ตัวละครเรื่องนี้สวยแต่รูปจูบไม่หอม การบรรยายหน้าตาอะไรทำได้โอเค แต่นิสัยมันไม่รู้สึกว่าเด่นหรือมีเอกลักษณ์อะไรเป็นพิเศษในช่วงหลังๆ ตอนแรกตอนสองจะยังไม่รู้สึกถึงเรื่องนี้ แต่หลังตอนสามเป็นต้นไปนี่ชักจะไม่ว้าว บอกไม่ถูกเหมือนกันวะ เพราะ 2 ตอนแรกกับ 3 ตอนหลังในความคิดกูคือเหมือนนิยายคนละเรื่อง กลิ่น บรรยากาศ อารมณ์มันคนละทาง แต่ยังคงมีการพูดถึงความสวยความหล่อของตัวละครอยู่เป็นระยะๆ จุดแข็งที่จะต้องพูดถึงเรื่องหนึ่งคือการหยิบเอาตำนานเมอร์ลิน-อาเธอร์มาใช้ ก็ดัดแปลงได้ดีแหล่ะ เพิ่มนั่นปรับแต่งนี่ให้ไม่เหมือนเดิมจนเกินไป เสียดายตรง Lore ที่ค่อนข้างแข็งแกร่งแต่ดันโดนเอามาแปะไว้ช่วงแรกของเรื่อง และช่วงหลังๆ กลายเป็นว่าไม่มี cliffhanger ไปเสียดื้อๆ ในเรื่องมีคำผิดน้อย ส่วนคำผิดแปลกๆ ก็โผล่มานานๆ ครั้ง อย่างเช่น ปราชญ์เปรื่อง
ถ้ากูจะเทียบให้เข้าใจง่ายขึ้น นิยายเรื่องนี้ก็คือน้ำหวานที่ดูดไปนานๆ แล้วมันหวานน้อยลงนั่นเอง
นิยายในรายชื่อเหลือเยอะกว่าที่กูคิดไว้วะ คืนนี้คงพอแค่นี้ก่อน ไว้ค่อยมาสับต่อ กูเองเดาว่าช่วงนี้น่าจะยังไม่มีใครอ่านสับ พวกอายุน้อยๆ คงเตรียมตัวนั่นนี่ ส่วนพวกอายุเยอะถ้าไม่เมาหัวราน้ำก็คงจะกำลังเดินทางกลับบ้าน บางส่วนที่ไม่ได้หยุดปีใหม่คงกำลังหัวฟูอยู่ ไม่รู้จะอวยพรอะไรเลยจะบอกแค่ว่าขอให้เป็นปีที่ดี รอดชีวิตมาอวยพรให้กันได้อีกในปีหน้าเวลาเดียวกันนี้ เดินทางปลอดภัยถึงบ้านแล้วนอนพักให้มากๆ เพราะงานมันกองรอให้พวกมึงไปเคลียร์เต็มโต๊ะไปหมดแล้วป่านนี้
>>668 เห็นคำผิดละเพลีย เด็กดอยมันก็มีฟังชั่นบรูฟคำให้แล้วไม่ใข่เหรอวะ ถึงจะไม่ครบครันก็เหอะแต่ถ้าใช้แล้วคำผิดมันไม่ลดลงไปบานเลย ไม่งออกออกมาเยอะขนาดนี้แน่ แม่งสมัยนี้เว็บคำมีระบบดีๆแบบนี้ให้ช่วยแก้งานยังจะหลุดมาอีกเนอะ เสียเวลาใช้ๆไปเหอะว่ะ ดูสมัยก่อนดิ ไม่มีอะไรแบบนี้ต้องมานั่งบรูฟเองไล่อ่านซ้ำทวนวนไปจนตาแฉะอะกู
คิดถึงโม่งเพลง
มีใครอ่าน พระสามีเปนชาวนา ของ มนต์ มิย มะ
กูรู้สึกว่าภาษาเขาก็สวย สำนวนดี แต่เรื่องมันไม่ว้าวยังไงไม่รู้ เรื่อยเฉื่อย ดึงดูดแต่ไม่สุด
พล็อตดูสร้างมาดีนะ แต่เทคนิคการเล่ามันดึงอารมณ์ให้พีคไม่ได้
กูเคยอ่านงานเขาสมัยใช้ มัญชุดา อะไรราวๆ นี้ ตอนนั้นก็คิดว่าสำนวนดี แต่อืด เหมือนเดิมไม่มีผิด
อยากหาคนเม้าด้วย ใครเป็นเอฟซี ใครแวะไปอ่าน มาเม้าหน่อย กุไม่กล้าเม้นในเพจ เดี๋ยวลูกหาบอุ้มฆ่า
กูเคยตามไปอ่านนิยายพี่เงินบวกเพราะเห็นเป็นขาประจำในบอร์ดถถถ อ่านไป3-4เรื่องก็มูฟออกเงียบๆ นิยายพี่โคตรหาความสนุกอะไรไม่ได้เลย เขียนไม่แย่แต่น่าเบื่อชิบ นิยายเดกดวกกากๆอ่านไปยังมีอะไรให้กูร้องว้าวซ่า แต่ของพี่แมร่งไม่มีอะไรเลยถถ โคตรใช่ที่บอกพี่เงินบวกโง่แต่ขยัน(เป็นสำนวน กูไม่ได้ด่า) ปรกติถ้าเขียนแล้วไม่รุ่ง คนทั่วไปจะศึกษาเรียนรู้ปรับปรุงอะไรเพิ่มเติมก็ว่าไป หรือไม่ก็แม่งท้อเลิกเขียนไปทำอย่างอื่นแทน แต่พี่เงินบวกแม่งบวกเรื่องใหม่ตามกระแสไปเรื่อยถถถ คล้ายไม่เน้นจบเน้นสำเร็จความใคร่ตัวเองผ่านเรื่องที่เขียนถถถ
ทำไมกูขำความภาคแยกที่ 85
เข้าไปส่องพวกนิยายติดเทรนใน ฟชล. มันใช้วิธีเน้นคำด้วยตัวหนาแทน 'xxx' กันหมดเลยแหะ
https://i.imgur.com/d4sYelT.jpg มีใครให้มากกว่านี้มั้ย ?
>>690 ถ้าลองเทียบกับนิยาย Game of Thrones (ไม่แปลไทย)
* เล่ม 1 A Game of Thrones 73 ตอน 694 หน้า 292,727 คำ ถ้าอัดเสียงเล่านิยาย 33 h 53 min
* เล่ม 2 A Clash of Kings 70 ตอน 768 หน้า 318,903 คำ ถ้าอัดเสียงเล่านิยาย 37 h 17 min
* เล่ม 3 A Storm of Swords 82 ตอน 973 หน้า 414,604 คำ ถ้าอัดเสียงเล่านิยาย 47 h 37 min
* เล่ม 4 A Feast for Crows 46 ตอน 753 หน้า 295,032 คำ ถ้าอัดเสียงเล่านิยาย 31 h 10 min
* เล่ม 5 A Dance with Dragons 73 ตอน 1,056 หน้า 414,788 คำ ถ้าอัดเสียงเล่านิยาย 48 h 56 min
* เล่ม 6 (The Winds of Winter) กับ 7 (A Dream of Spring) ยังไม่มา
รวมสุทธิ 344 ตอน 4,244 หน้า 1,736,054 คำ แล้วเอาเวลาอัดเป็นเสียง 199 ชั่วโมง 3 นาที (ถ้านับเลขไม่ผิด) หรือตกประมาณ 8 วันเศษไม่นับเวลานอก หากจะแต่งให้เท่าเรื่องที่มึงยกมา George R. R. Martin จะต้องแต่งอีก 5,464 ตอนถึงจะเท่ากับ 5,808 ตอน
แถม
The Hobbit มีแค่ 19 ตอน The Lord of the Rings มีสามเล่ม เล่มแรก 12 ตอน เล่มสอง 10 ตอน เล่มจบ 11 ตอน
แต่ๆๆๆๆๆ Game of Thrones ใช้เวลาแต่งนานมาก เทียบกับการแต่งนิยายจีนสมัยนี้
เล่ม 1 ตีพิมพ์เดือนสิงหาคม 2539
เล่ม 2 ตีพิมพ์เดือนกุมภาพันธ์ 2542
เล่ม 3 ตีพิมพ์เดือนพฤศจิกายน 2543
เล่ม 4 ตีพิมพ์เดือนพฤศจิกายน 2548
เล่ม 5 ตีพิมพ์เดือนกรกฎาคม 2554
เล่ม 6 กับ 7 รอไปเถอะ ลุงยุ่งอยู่กับเขียนบทให้เกม Elden Rings
กูอ่านเจอว่า ว่าเหตุที่นิยายจีนมันตอนเยอะเพราะเน้นซอยตอนเอาเพราะระบบเว็บมันแบ่งเงินให้ตามจำนวนคลิกของโฆษณาไรนี่แหละ แบบ แล้วให้ส่วนแบ่งแบบตอนนึงต้องถึงลิมิตสักกี่คำนี่แหละก็ได้ละ พอเป็นอักษรจีนมันก็น้อยอะเลื่อนๆไปไม่กี่หน้าจบเลยดูสั้น แต่พอมาแปลไทยตัวอักษรมันเพิ่มขึ้นตอนนึงเลยดูเยอะกว่าเป็นสิบหน้าอัปงี้
ถ้าคนแม่งบอกรายได้เดือนละหลักแสน ต้องพึ่งโฆษณา 400,000,000 วิว แม่เจ้าโว้ย
รบกวนสอบถามครับ ถ้าผมเอารูปจากเวป google มาใส่ในนิยาย แล้วให้เครดิตว่า รูปจากอินเตอร์เน็ต/จาก google แบบนี้ผิดลิขสิทธิ์ไหมครับ กำลังรวมเล่ม กลัวโดนฟ้อง
ถ้าจำไม่ผิดก็ตามนั้นล่ะ นิยายจีนมันขายตามจำนวนคนคลิ๊กเข้าดูเลยต้องซอยตอนยิกๆ และวนลูปไปเรื่อยเพื่อให้มีรายได้สม่ำเสมอ
https://www.dek-d.com/board/writer/4047468/
แต่งนิยายแนวกระแสไม่ง่ายนะคะ
กลับมาสับต่อจากเทศกาลสับข้ามปี เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กูเก็บลิงก์ไว้เพราะมีช่วงนึงพวกมึงชอบข้องใจว่า ตัวเรื่องมันโดนเลือกมาเป็นนิยายแนะนำตรงหน้าเพจเพราะอะไร จุดแข็งของนิยายพวกนี้เป็นแบบไหน มันดียังไงนักเขียนถึงได้รับเชิญมาให้สัมภาษณ์กับทีมงานเด็กดวก พูดตามตรงกูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ ข้อมูลคร่าวๆ ที่จำได้มีแค่ ตอนนั้นยอดวิวมันมีอยู่ 510k ปัจจุบันเพิ่มมาอีก 120 เป็น 630k ภายในระยะเวลาประมาณ 2 ปีนับจากช่วงที่ได้ขึ้นเพจ มองให้เป็นกราฟแล้วแนวโน้มคือยอดมันค่อยๆ ลดลงในช่วงท้าย แต่ไม่ได้ร่วงลงมากจนดูแย่ นิยายเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ 2 ในชุด "สับนิยายแนะนำโดยเพจนักเขียนเด็กดวก" ต่อจากเรื่อง Dangerous Mage ของจักรพรรดิไร้สี อีกอย่างที่จำกันได้แม่นคือไม่รู้ว่าเป็นอะไร ช่วงนั้นเว็บมันโหมโปรโมตนิยายเรื่องนี้บ่อยมาก บ่อยจนเกือบจะเท่านิยายเรื่องนายคะอย่ามาอ่อยของราชินีเก่าค่ายแจ่มใส มาดูกันดีกว่าว่า 5 ตอนแรกของนิยายโดยหนุ่มแว่นหน้าใสนามจิ้งจกทิวาจะเบ็ดนักอ่านด้วยวิธีการใด
ฟีร์มัว! นางร้ายวีลแชร์!?
https://writer.dek-d.com/suppakorn1944/writer/view.php?id=1722886
ใช้สัญลักษณ์ในชื่อเรื่องได้แปลกดี แต่อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ด้วยส่วนหนึ่งคนถึงได้เข้ามาอ่าน คำโปรยแม่งโคตรขายตรงต่อพวกนักอ่านสายเกิดใหม่ในโอโตเมะเกม กูว่าทำได้ดีพอๆ กับเรื่องพี่วิลยอดนักหิวหีเลย (เรื่องเกิดใหม่เป็นตัวร้ายใน H-Game) คำโปรยกับชื่อเรื่องเกี่ยวข้องกันโดยตรงด้วยการพูดถึงตัวเอกที่เป็นนางร้าย มันไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร เพราะตัวพล็อตคล้าย LN ที่เป็นต้นแบบอย่างพวกบากะรีน่าและอื่นๆ ในฌองเดียวกัน มันขายของได้ตรงประเด็นแหล่ะ ดูไว้เป็นแนวทางเขียนคำโปรยก็ได้
ตรงปกรองเป็นรูปนางเอกกับบทบรรยายแบบไม่อ้อมค้อมเกี่ยวกับความเดิมตอนที่แล้วช่วงก่อนนางเอกจะพบกับความตกต่ำ อ่านคำอธิบายแล้วกูงงนิดๆ แต่น่าจะหมายความประมาณว่าจุดจบในเกมของนางเอกคือโดนผลักตกบันไดแล้วพิการจบเกมไปแบบ Bad end แล้วทีนี้พอได้โอกาสย้อนไปช่วงแรกเหมือนเป็น New game+ นางเอกเลยคิดจะแก้ไขเรื่องราวทั้งหมดใหม่ มีการดักทางไว้ด้วยว่าเนื้อหามีการใช้คำหยาบคายรุนแรง กับเซตติ้งวัฒนธรรมอาจไม่ได้เป๊ะไปเสียทั้งหมดเพราะแต่งแบบผสมผสาน เอาจริงๆ จะด่าแบบไอ้เงินบวกก็ได้ แต่เดี๋ยวจะหาว่ากูเรื่องเยอะ แทนที่จะบ่นเกี่ยวกับความผิวเผินของเซตติ้งที่ถูกมั่ว เรามาดูกันดีกว่าว่าไอ้การผสมวัฒนธรรม, การปกครองในเรื่องมันจะออกมาเป็นยังไง
ช่วงท้ายสุดมีการหยอกเย้าและเล่นหูเล่นตากับนักอ่านเล็กน้อย ทำเอากูไขว้เขวเลยว่าจิ้งจอกทิวานี่มันเป็นผู้ชายจริงรึเปล่า เพราะใช้คำได้สาวน้อยซะเหลือเกิน อย่างกับหลุดมาจากอดีตครั้งที่สำนักพิมพ์แจ่มใสยังครองเว็บส้มนี่อยู่
ตอนที่ 1 : ฟีร์มัวกับร่วงหล่น
ถึงชื่อตอนจะแปลกๆ ไปบ้าง แต่นักเขียนเปิดการเล่าแบบเข้าสู่ประเด็นทันที ด้วยการขายฉากเหตุการณ์สำคัญในงานเต้นรำของเจ้าชายกับนางเอกตัวจริงตามเนื้อเรื่อง ฟีร์มัวบุกเข้าไปในงานง้างจะตบเมย์รินสามัญชนสาวที่กำลังเต้นอยู่กับเจ้าชาย แต่โดนเจ้าชายกันไว้แถมสวนด้วยหลังมือเข้าหน้าติด Critical ไปหนึ่งดอก พร้อมกับบอกว่ามึงนี่มันไม่ไหวแล้ว ออกไปจากงานเต้นรำของกูเดี๋ยวนี้ ฟีร์มัวที่รู้ข่าวมาจากสายสืบว่าคืนนี้เจ้าชายจะสารภาพรักกับเมย์รินพยายามขัดขืนทุกวิถีทางแต่สู้แรงไม่ไหว โดนเจ้าชายเหวี่ยงออกจากประตูทางเข้าจนหงายหลังล้มตกบันไดสูงเกือบ 3 เมตร (ข้อมูลนี้กูไม่ได้เล่นมุกเพราะนักเขียนมันระบุไว้อย่างนั้นจริงๆ)
ตอนที่ 2 : ฟีร์มัวกับความทรงจำ
นางเอกของเราตื่นขึ้นมาแบบงงๆ ในความมืด ตอนแรกคิดว่าตัวเองตายแล้วแต่ความจริงคือติดอยู่ในมิติประหลาด ในพื้นที่ที่ว่ามีดวงไฟหลายดวงล่องลอยอยู่ เพื่อให้นิยายเดินเรื่องต่อได้ฟีร์มัวเลยตรงรี่เข้าไปแตะดวงไฟพวกนั้น ดวงไฟแต่ละดวงพอแตะแล้วก็จะมองเห็นความทรงจำของใครไม่รู้ผุดขึ้นในความคิด มีปืน มีสนามรบ กับทหารหงิญสุดโหดหนึ่งคน อธิบายความเก่งกาจเว่อร์วังแล้วก็ตัดไปที่ฉากสาวน้อยกำพร้าในสลัมกำลังนั่งอยู่ข้างศพไอ้พวกขี้เมา เด็กคนนี้คือทหารหงิญคนเมื่อกี้ในวัยเด็ก ฉายแววเทพีตั้งแต่เด็กเพราะสามารถรอดพ้นจากการข่มขืนของขี้เมาสองตัวมาได้ด้วยการปาดคอ เออ เอาที่สบายใจเลย เด็กสาวผอมแห้งสู้ผู้ใหญ่ชายไหวแถมทีละสองคนด้วย แต่มันก็ต้องเว่อร์ๆ แบบนี้ล่ะ ไม่งั้นเดี๋ยวขายไม่ได้
สักพักนายทหารยศสูงก็โผล่มาเจอน้องแห้งสุดเทพ เลยเก็บน้องไปเลี้ยงแล้วฝึกให้เป็นทหารหงิญในกองกำลังของตัวเอง น้องทหารหงิญสุดยอดมากๆ เลื่อนยศด้วยการเชือดฝ่ายศัตรูล้วนๆ มานับครั้งไม่ถ้วน มีคนรักกับเขาหนึ่งคนเป็นทหารชายคนสนิทในหน่วยเดียวกัน วันดีคืนดีเดินทางกลับบ้านมาเจอผัวกำลังนอนกกสาวอื่นในห้องเลยเม้งแตก ไม่น่าเชื่อว่าขณะที่น้องเทพกำลังไล่เตะหญิงชู้ตัวเองดันพลาดโดนผลักออกไปกลางถนน จนถูกรถบรรทุกชนตายห่าคาที่ เดจาวูชัดๆ เหมือนที่เจ้าชายผลักกูตกบันไดเลย แล้วก็ระลึกได้ว่านี่มันกูชาติที่แล้วนี่หว่า พระเจ้าแม่งเหี้ย ชอบแกล้งให้กูต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่เรื่อย หลังโดนรถชนตายยังให้กูมาเกิดเป็นตัวร้ายในเกมจีบหนุ่มอีก ถ้ากูรอดไปได้คราวนี้นะ กูจะไม่ยอมตกเป็นเหยื่ออีกต่อไปแล้ว
ตอนที่ 3 : ฟีร์มัวกับเปลี่ยนแปลง?
นางเอกตื่นขึ้นมาในห้องที่เจ้าชาย ราชา กับพ่อตัวเองที่เป็นดยุคกำลังด่ากันอยู่ มันก็จะแปลกๆ หน่อยที่ดยุคต่อยเจ้าชายแล้วยังด่าราชาต่ออีก แต่นักเขียนมันดักไว้แล้วว่าวัฒนธรรมผสม (ผสมก็ผสมวะ) คือดยุคกับคิงเนี่ยส่วนใหญ่มันต้องวางท่าให้เหมาะสมไม่ให้เกิดผลกระทบกับความสัมพันธ์ แต่ในเรื่องคือพยายามแสดงให้เห็นความโกรธของพ่อที่ลูกสาวถูกทำให้พิการ นักเขียนทำการบ้านมาพอสมควรเรื่องที่ถ้าดยุคยกเลิกการสนับสนุนแล้วฝั่งคิงแม่งจะซวยเอง ไม่รู้วะ... นักเขียนอ้างว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนเลยอาจเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ได้ ซึ่งกูเลือกจะมองข้าม พ่อนางเอกเดือดจัดๆ ถามว่าเจ้าชายจะรับผิดชอบยังไง ราชาเลยบอกว่าจะให้ลูกชายแต่งกับนางเอก แต่นางเอกบอกปฏิเสธแล้วสวมบทโหดหลังความทรงจำหลอมรวมเข้ากับชาติก่อนที่เป็นทหารหญิงแล้ว ด้วยการหลอกด่าเจ้าชายก่อนจะพูดถึงเมย์ริน สาวน้อยชาวบ้านซึ่งเป็นสาเหตุให้เจ้าชายโมโหจนผลักตัวเองตกบันได เจ้าชายถึงกับหน้าซีดเพราะคนรักของตัวเองคงถึงคราวซวยซะแล้ว
ตอนที่ 4 : ฟีร์มัวกับวีลแชร์
สิ่งที่นางเอกต้องการคือขอให้ตัดนิ้วนางข้างซ้ายของเมย์รินมาให้ จริงอยู่ว่าเรื่องขอให้ลงโทษเจ้าชายอาจไม่ง่าย แต่กับสามัญชนนี่มันเป็นคนละเรื่อง เจ้าชายพยายามขอให้พ่อคิดดูใหม่เพราะถ้าตัดนิ้วนั้นแล้วเมย์รินจะทำสัญญาเวทมนตร์เพื่อแต่งงานไม่ได้ตาม Lore ของเกม นิ้วสาวชาวบ้านนิ้วเดียวแลกกับความพอใจของดยุคและบุตรีดูยังไงแม่งก็คุ้ม สุดท้ายราชาเลยรับปากว่าจะส่งนิ้วมาให้ภายหลัง ทำเอาเจ้าชายคอตกหมดความสง่าเพราะตัวเองกับคนรักคงทำได้แค่อยู่กินกันไปแบบไร้พิธีการ นางเอกเห็นท่าทางเจ้าชายก็โคตรจะสะใจเพราะเนื้อเรื่องเกมเปลี่ยนไปเรียบร้อยแล้ว ต่อจากนี้คือการขึ้นสู่ความเป็นใหญ่กับเนื้อเรื่องใหม่ของเธอเอง หลายวันต่อมาพระราชาส่งของขวัญมาให้นางเอกเป็นวีลแชร์เวทมนตร์ที่โคตรเจ๋ง ออพชั่นจัดเต็มยิ่งกว่ารถในโชว์รูมไหนๆ เพราะเคลื่อนที่เองได้ตามสั่ง มีบาเรียอมตะ มีมิติเก็บของบนที่วางแขน มีเวทมนตร์เสกสิ่งของอะไรก็ได้ขึ้นมาชั่วคราว มีตัวเร่งปฏิกิริยาเวทมนตร์สำหรับยิงเวทแบบ build-in มาพร้อมสรรพ ไอ้ที่เดินไม่ได้ก็ใช้เวลารักษาแค่ 3 ปี เหลือแค่ระหว่างนั้นจะทำอะไรรอเฉยๆ
ตอนที่ 5 : ฟีร์มัวกับมาดนางพญา
ฟีร์มัวไปโรงเรียนหลังจากพักฟื้นมา 1 เดือนเต็ม ดยุคเป็นห่วงกลัวลูกสาวจะคิดมากแต่ฟีร์มัวดูนิ่งๆ ไม่เป็นอะไร ซึ่งค่อนข้างผิดปกติเพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนนางคงจะเสียความมั่นใจจนไม่กล้าไปโรงเรียน คนเป็นพ่อโคตรมั่นใจว่าลูกสาวตัวเองไม่เหมือนเดิม เพราะจิตใจดูแกร่งขึ้นมากจนบางทีไม่รู้ว่าตัวเองควรจะดีใจหรือกังวลใจกันแน่ ที่โรงเรียนมีพระรอง 2 ใน 5 คนตามเนื้อเรื่องโผล่มาด่าฟีร์มัวว่ามึงมันโหดร้าย ด้วยความที่เป็นพระรองด้วยกันทั้งคู่ก็เลยมีใจให้เมย์ริน พอรู้ข่าวว่านางเอกของเรื่องโดนตัดนิ้วเลยของขึ้น แต่ก็ทำอะไรฟีร์มัวไม่ได้เพราะโดนสวนด้วยเวทมนตร์ของรถเข็น ท่าทีของฟีร์มัวตอนนี้คือเหมือนกับบักวิลล์จากเรื่องเกิดใหม่ตัวร้าย H-Game เป๊ะๆ ไม่ว่าคนอื่นจะมองตัวเองว่าเลวร้ายยังไง ก็ไม่ได้คิดจะแก้ตัวหรือทำดีเพื่อเอาชนะใจคนอื่นในเกม
ในทางกลับกันตัวเอกเลือกจะ abuse ตัวละครรองด้วยอำนาจที่ได้มาหลังเกิดเรื่อง เรื่องบักวิลล์คือเดินสายตระเวนเยดสาวๆ ชาวบ้านที่ตัวเองหมายตา พร้อมกับแก้ไขปัญหาให้ตัวละครนางรองแต่ละคนทางอ้อมไว้รอเยดในอนาคต ส่วนเรื่องนี้ฟีร์มัวเริ่มขู่พระรองทั้ง 2 คนว่าพวกมึงมันก็แค่ทายาทของตระกูลพ่อค้ากับลูกชายไวส์เคาน์กระจอกที่อยู่ใต้อำนาจพ่อกู ถ้าคิดมีเรื่องระวังจะเจอของแข็ง ต่อให้พวกมึงโกรธแค้นแค่ไหนนิ้วของเมย์รินก็ไม่กลับคืนมา เพราะกูบดผสมกับเศษรำทำเป็นอาหารหมูไปเรียบร้อยแล้วว่ะ
โอเคมาถึงช่วงพูดคุยด้านต่างๆ ของตัวเรื่อง ภาษาสำนวนถือว่าดีแต่มันติดตรงมีความพยายามจะเหนือจนบางทีบทบรรยายมันล้นไปนิด เรื่องนี้อาจไม่ได้ประดิษฐ์หนักเท่ากับแฟนตาซีเก่าๆ ก็จริงทว่าปัญหาหนึ่งซึ่งพบได้ตลอดเวลาคือคำฟุ่มเฟือยกับความซ้ำซ้อนของประโยค ตัวอย่างประโยคก็เช่น
กระโจนเข้าปาดฟาดฟันศัตรูอย่างสุดแสนอำมหิตจนน่าหวาดกลัว
ถ้าลองอ่านแล้วคงดูออกว่ามันตัดประโยคให้สั้นลงได้อีก คำบางคำก็ตัดส่วนขยายได้ การบรรยายอ่านลื่นแต่ความล้นพวกนี้ก็ยังมีอยู่ตลอด ซึ่งมันถูกมองข้ามด้วยความกระชับของการเดินเรื่อง ทุกตอนที่อ่านตั้งแต่ 1 ถึง 5 มีความพีคในตัวมันเอง ใช้ tell เยอะแต่ยังอยู่ในประเด็นจนไม่รู้สึกว่าควรข้าม จุดแข็งอีกอย่างของนิยายเรื่องนี้คือตัวละคร การเปลี่ยนแปลงของนิสัยถึงแม้จะกระทันหันแต่ก็มีเหตุผลรองรับ ช่วงแรกที่ขี้วีนเอาแต่ใจก็สร้างเรื่องให้รู้สึกว่าตัวเอกเป็นงั้นจริงๆ พอกลับมาหลังจำชาติก่อนได้ ความนิ่งและวิธีคิดรวมไปถึงการแสดงออกก็เหมาะสมอยู่
เนื้อหาหลักๆ ช่วงแรกคือการแก้แค้นเจ้าชายที่ทำให้ตัวเองพิการ เสน่ห์ของตัวละครฟีร์มัวคือความร้ายกาจที่ได้มาหลังรวมบุคลิกเข้ากับตัวเองในชาติก่อน พอไม่มีความนิสัยเสียแบบตัวตนเก่า ตัวตนใหม่ที่คิดอย่างรอบคอบและฉลาดเลยดูดีขึ้นตามไปด้วย นักเขียนก็คงคิดจะใช้สิ่งนี้เป็นจุดขายหลักต่อไป จากที่อ่านคอมเมนต์ดูความเห็นค่อนข้างเป็นไปในทางบวก เทียบกันระหว่างเรื่องนี้กับ Dangerous Mage กูให้เรื่องนี้คะแนนดีกว่า
อีกข้อได้เปรียบหนึ่งของนิยายแนวแต่งตามเนื้อเรื่องเกมคือการมี ref ตัวอย่างเนื้อเรื่องให้ศึกษาอยู่ก่อนแล้ว วิธีการหลีกเลี่ยงไม่ให้ดูเหมือนลอกพล็อตก็ทำได้ไม่ยาก คาร์แร็คเตอร์และนิสัยของตัวละครในเกมสามารถเอามาดัดแปลงเป็นตัวละครในนิยายได้สบาย งานของคนแต่งเหลือแค่จะเปลี่ยนรูทต่างๆ ที่เคยแย่ให้ดีขึ้นได้ยังไง จะอำนวยความสะดวกให้ตัวเอกแบบไหน ทั้งเรื่องนี้และเรื่องบักวิลล์มีความเหมือนกันตรงที่ตัวละครที่เป็นตัวร้ายมันมีทั้งอำนาจและเงินตราในมืออยู่ก่อนแล้ว ทุกอย่างเลยทำได้ไม่ยากนัก บักวิลล์ที่เคยเอาแต่ฉุดคร่าเปลี่ยนมาเป็นหาทางให้สาวๆ เต็มใจโดนเยด ส่วนฟีร์มัวในเรื่องนี้ที่เคยทำตัวนางร้ายโวยวายปัญญาอ่อนเปลี่ยนมาเล่นงานคนอื่นด้วยเล่ห์เหลี่ยมกับไล่ power abuse จนสาแก่ใจ เลยไม่แปลกนักถ้าเรื่องนี้จะตกนักอ่านสายแก้แค้นได้อยู่หมัด
นักเขียนใช้ Talk ท้ายตอนได้ดี มีการแปะวิธีโดเนทไว้ด้วย
ถ้าไม่ติดว่ามันบรรยายล้นไปหน่อย เรื่องนี้ก็ถือว่าทำได้ดี
ถ้าใครสนใจเรื่องแนวนี้แต่ตัวเอกไม่ได้มีทั้งอำนาจหรือเงินทองแต่แรกให้ลอง search "โลกเกมจีบหนุ่มแม่ง เป็นโลกที่ไม่ปราณีตัวประกอบซักนิด" ดู ที่แนะนำเพราะการเปลี่ยนแปลงในเนื้อเรื่องของตัวเกมน่าสนใจ ถือเป็น hard mode สำหรับนิยายแนวเกิดใหม่ในเกมตั่งต่าง
Ref ผิด โทด ๆ กูจะหมายถึงอันนี้ https://www.dek-d.com/board/writer/4047436/
แม่งกูไถผ่าน ๆ นางมุกหรือโง่จริงวะไม่รู้ว่า OP คืออะไร นี่แม่งมีชีวิตอยู่ในดงนิยายมาถึงปานนี้ทำอะไรอยู่วะ
>>716 เตรียมพร้อมรับแรงกระแทกทางสมองไว้ด้วยนะ
>>>/webnovel/8477/368-465/ มีหน่วยกล้าตายเวียนกันสับอยู่ 4 เรื่อง ไล่อ่านดูก็แล้วกัน
เด็กดีตอนนี้แต่งหน้านิยายไม่ได้แล้วใช่มั้ย?
พักเขียนนิยายไปปีกว่า วันนี้กูลองมาขุดพวกนิยายใหม่/เว็บตูนดู กูอยากรู้ว่าเดี๋ยวนี้ที่วัยรุ่นอ่านๆกันเดินเรื่องกันเร็วแค่ไหน อห... เร็วชิบหาย แปปๆเข้าใจความหลัก แปปๆเปิดเผยความลับ แล้วสนุกดีด้วย
ทีนี้กูลองมาทบทวนตัวเองดู คือพวกนิยายที่มันเดินเรื่องเร็วๆได้นี่ เพราะคนอ่านมันรู้อยู่แล้วว่ากำลังอ่านแนวไหน คนอ่านกับคนเขียนเหมือนรู้กันเลยสามารถอินไปกับเรื่องได้ทันที แต่พวกที่เขียนวิธีเดิมแล้วโดนด่าว่าช้า คือบรรยายแบบเผื่อคนอ่านแนวนี้เป็นครั้งแรก มันเลยไม่ทันใจคนอ่านงี้เปล่าวะ
ช่วงหลังในยูทูป มีคอนเทนต์สปอยซีรี่ส์ สปอยหนัง ย่อมาเล่าแค่ฉากสำคัญ ไม่ต้องนั่งดูเอง แถมยอดวิวช่องพวกนี้มหาศาล เห็นได้ชัดถึงพฤติกรรมการเสพสื่อของคนยุคนี้ ล่าสุดกูส่องนิยายเด็กดวก นิยายเรื่องไหนบรรยายเยอะ คนอ่านด่าเลยล่ะมึง โวยคนเขียนว่าต้องเลื่อนนิ้วตั้งนานกว่าจะพ้นบทบรรยายมาเจอบทสนทนา กูอยากจะร้องไห้ แต่กูก็เป็นแบบนี้ สื่อโซเชียลทำให้กูคุ้นเคยกับอะไรเร็วๆๆ เจอสิ่งน่าเบื่อเลื่อนผ่านทันที แม่งเอ้ย
https://www.dek-d.com/board/writer/4047679/
อีบ้า VS เด็กเบียว
https://www.dek-d.com/writer/58482/ ทีแรกคิดว่าจะเป็นแต่งนิยายเพราะได้เพื่อนที่ สุดท้ายกลายเป็นอวยสถาบันสอนแต่ง LN ของกาดอกาว่าว
กูอยากหานิยายเกมออนไลน์อ่าน แต่เท่าที่ส่องแทก #เกมออนไลน์ แล้วแต่ละเจ้าเขียนเหมือนไม่เคยเล่นเกม กูเลยไปส่องแทก #e-sport แทนหวังว่าจะเจออะไรดีๆมีโลจิกในฐานะคนเล่นเกมบ้าง เจอนิยายจีนแปลเลยลองอ่านดู
สถานการณ์ในเรื่องคือนักศึกษา 5 คนรวมตัวที่ร้านเกมแล้วแข่ง MOBA กับทีมของมหาลัยอื่น แล้วในเกมกำลังจะแพ้ สมาชิกตายไป 4 สถานการณ์จึงกลายเป็น 1 vs 5 ไอ้คนสุดท้ายแม่งเลยไปขอร้องพระเอกให้มาเล่นแทนให้
พอถึงตรงนี้กูก็รู้ว่าเดี๋ยวแม่งต้องโชว์เทพตบตายยกทีมแน่นอน แต่ด้วยปณิธานปีใหม่ กูตั้งใจว่าจะเปิดใจให้โอกาสคนมากขึ้น จะไม่ด่วนตัดสินเร็วเกินไป เอาวะ... อย่างน้อยนี่มันก็ MOBA E-SPORT คงจะมีเหตุผลรองรับดับความครินจ์ให้กูได้บ้าง แล้วกูก็อ่านต่อ...
____
ภาพในจอกำลังแสดงให้เห็นว่าเขาพุ่งเข้าหาพวกทีม USTC พร้อมกับโชว์ถึงความเหนือชั้น!
ฟาดฟัน หลบหลีก และร่ายรำไปรอบๆ ศัตรูนี่แหละ คือสิ่งสำคัญของออเรเลีย(ชื่อฮีโร่) ทุกคนได้แต่นิ่งไปด้วยความประหลาดใจ เพราะออเรเลียจัดการศัตรูทุกคนได้อย่างงดงาม จากนั้นก็วาร์ปไปทำลายฐานของทีม USTC แล้วก็ชนะไปได้อย่างง่ายดาย!!!
_____
แม่มึงตัวเย็น! พ่อมึง HP หมด! ขนาดกูไม่ใช่แฟนเกม MOBA กูยังหาเหตุผลมารองรับสถานการณ์ 1vs5 ได้เลยไอ้สัส สเต็ปเทพมุดป่า สกิลหมู่ ลากให้โรชานตบเหี้ยอะไรก็อ้างไป ฟาดฟันหลบหลีกหีแม่มึงสิ ถุ้ย! กูก็นึกว่าแปลจีนแล้วจะมีน้ำยา ไอ้เหี้ยยยย!
>>730 ในเรื่องมันใช้ศัพท์พวก มิดเลน จังเกิ้ล ดับเบิลคิล ทริปเปิ้ลคิล เพนต้าคิล วาร์ป มีการพูดถึงกดสกิล สิ่งที่กูคาดหวังต่ำสุดคือให้คนเขียนบอกกูสักนิดนึงก็พอแล้วว่าเพราะอะไรมึงถึงเทพ แต่เหี้ยนี่คือมา หลบหลีกฟาดฟันจนชนะ? MOBA หีแม่มึง! ที่มันไม่ลงรายละเอียดเยอะเพราะว่าเป็นช่วงเริ่มเรื่อง เหมือนจะให้คนอ่ารู้ว่าพระเอกมันเทพเฉยๆ ก่อนจะลากเข้าไปในเกมโลกเสมือนจริง
แล้วคนเขียนแม่งใช้วิธีใส่ออร่าให้พระเอกเพื่อบอกคนดูว่ามันเทพด้วย
- ให้ไอ้หัวหน้าทีมที่พาทีมตายห่าไป 4 ตัวดูถูกพระเอก "ตัวละครนี้เล่นยากที่สุดในเกมเลยนะ แน่ใจนะว่ารู้วิธีเล่น?"
- นิ้วของเซียวเฟิงที่กดอยู่บนคีย์บอร์ดนั้นแผ่วเบา ดูเหมือนไม่เหมือนการกดสกิลสักเท่าไหร่ ออกจะคล้ายกับการเล่นเปียโนเสียมากกว่า
- แต่พอเซียวเฟิงเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาต่างก็ต้องนิ่งอึ้งพูดไม่ออกกันถ้วนหน้า และถ้าจะให้พูดชัดๆกว่านี้ก็คงต้องบอกว่าออลเรเลียกำลังขยับอยู่ต่างหาก (แค่บังคับตัวละตรได้พวกมึงอึ้งเหี้ยอะไรครัฟ!) ในมือของเซียวเฟิง ราวกับออลเรเลียมีชีวิตและจิตวิญญาณจริงๆ
กูโกดสัสๆ มึงแค่เทพเพราะเป็นพระเอกแม่ย้อย!
>>732 ถ้ากูจำไม่ผิดเกมที่พี่เยี่ยเล่น เมาส์มันเทียบเท่ากับมือที่ถืออาวุธอยู่ ยิ่งคุมเมาส์ได้พริ้วเท่าไหร่การออกท่าโจมตีในเกมก็เทพตาม แต่พูดตามตรงกูได้กลิ่น แ-ร-ง-บั-น-ด-า-ล-ใ-จ พี่เยี่ยจากเรื่องเหี้ยนี่มาก พระเอกอยู่ในร้านเกม(ไม่รู้ลูกจ้างหรือเจ้าของ) เคยเป็นแชมป์ โชว์เทพเสร็จก็แวบไปดูดบุหรี่นอกร้าน
>>731 ในบรรดาโมบ้า ที่ใช้ Skill play เป็นหลักก็น่าจะแอล แล้วถามว่าในแอล 1 V 5 ชนะได้มั้ย ก็ได้นะ...แต่มึงต้องแต้มนำเขาแบบโคตรยับ เสมิฟอย่างหนักชนิดที่เป็นชาเลนลงมาตบบรอน ดราฟทีมอีกฝั่งโคตรเละเทะมั่วซั่ว แล้วเล่นพวกตัวแบก(ถึงมึงเกิด แต่ถ้ามันเป็นตัวเบิสเดี่ยวก็เก็บไม่ได้อยู่ดี) ติดคือถ้าทีมมึงโดนยำซะยับขนาดนั้นมึงจะเอาเชี่ยไรไป 1v5 ทีมไฟท์ให้รอดก่อนเถอะพ่อคุณ ต่อให้มึงเทพแค่ไหนโดน Chain CC ยัดหน้าแล้วอัดดาเมจก็จบแล้วป้ะ (เว้นก็อย่างที่บอกแหละ อีกฝ่ายดราฟโง่เกิน)
ส่วนถ้าเป็นแนววางแผนเป็นหลักแบบ DOTA ก็ฝันไปเถอะมึง
https://fictionlog.co/b/619f0d7ca2ed2f001c42fcfc
เอาไปตำดูแล้วกัน กูอ่านแค่ 1.5 ตอนพอ กูหาเรื่องนี้เจอด้วยตัวกรองว่าเป็น #Esport ที่ยอดนิยมใน 7 วัน
เจ๊ดโด้ โฆษณาใหม่ของ fictionlog ในเฟสแม่งเอาคำแนะนำของโม่งเห็บหมาไปทำเช็คลิสโปรโมทนิยายเลยว่ะ
ฮีลเลอร์สายบู๊เหรอ งั้นๆนะ ผู้กล้าฮีลยังแปลกกว่าทั้งที่กูไม่ม้า เพราะเกมที่กูเล่นไม่มีระบบเย้
นิยาย moba ลองอ่านช่วงเวลาแห่งราชาไหม
อยากจะโฆษณาหรืออยากระบายอารมณ์ก็เลือกสักอย่างสิวะ https://www.dek-d.com/board/writer/4047887/
>>743 นี่คือนิยายที่เกิดจากการศึกษาตลาดแล้วค่ะ! ครบทุกองค์ประกอบ นิยายรัก ชื่อเรื่องยาวคล้ายไลท์โนเวล เจ้าหญิง เจ้าชาย นายทหาร ราชา ราชินี การต่อสู้ ความเร่าร้อนของวัยรุ่นและอุดมการณ์ของคนหนุ่มสาว! เราขอประกาศ!!! ชื่อเรื่อง - Love & War สงครามปฏิวัติบัลลังก์ชิงอำนาจหัวใจ️ของยัยเจ้าหญิงเผด็จการตัวร้ายและสหายผู้นำหัวใจเย็นชา
กตล. โลกไหนวะ...
>>744 นั่นดิ555 การตลาดแบบผสมผสานแน่เลย มึงพลาดตั้งแต่ตั้งชื่อนิยายแต่เอาคล้ายไลท์โนเวลแล้ว อีสองตัวนี้มันคนละอันว้อย ไลท์โนเวลนี่ชื่อยาวจนเหมือนเป็นกิมมิกไปละว่าต้องยาวจนรู้พล็อตในหนึ่งประโยค เพราะเนื้อหาคือเน้นใช้ภาษาง่ายๆความยาวต่อเล่มไม่เยอะมาก แต่นิยายคือชื่อสั้นกระชับจำง่ายว่ามันเป็นแก่นเรื่องหรือตัวเอกเดินเรื่องก็พอ ดนื้อหาจะละเอียดละออภาษาจะซับซ้อนกว่า เนื้อหาต่อเล่มจะมากกว่า
สรุปอีนี่มันศึกษามาแบบไม่สนฮีสนแทด จับนแพะชนแกะได้การตลาดลูกผสมมางี้ ตลาดไลท์โนเวลเขาก็อ่านแต่ไลท์สิวะไม่อ่านนิยายว้อย ตลาดนิยายก็อ่านนิยายไม่เอาไลท์ว้อย ถ้ามึงคิดจะจับสองกลุ่มนี้ด้วยการตลาดผสมงี้ผลคือไม่สุดสักทางอะ จะนิยายหรือไลท์โนเวลก็สักอย่างดิ เหมือนไซไฟกับแฟนตาซีอะ เรื่องเหนือจริงทั้งคู่แต่คนละธีมไหมล่ะ แฮรี่พอร์ตเตอร์กับจักรวาลมาเวลอะสัส ลูกค้าคนละกลุ่มเลย
แต่ก็มีหลายคนยังสับสนแยกแยกระหว่างนิยายกับไลท์โนเวลไม่ออก
ไลท์โนเวล มันก็นิยายป่าววะ?
https://i.imgur.com/JhtC5n8.jpg
เล่มไหน ไลทโนเวล อันไหนแนววัยรุ่น อันไหนแนวลึกลับวะ
>>748 ก็ใช่แต่มันแยกมาอีกประเภทหนึ่งอะ ฟีลเดียวกับฟิสิกส์เคมี สองวิชานี้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์เหมือนกันแต่ยังแยกออกมาต่างหากเพราะมันเฉพาะทางไปอีกงี้ ไลท์โนเวลคือนิยายเล่มเบากว่าตามชื่อ เพราะเน้นใช้ภาษาง่ายๆ ลดการบรรยายทำให้เนื้อหาต่อเล่มน้อยกว่านิยายปกติ ถ้าอิงจากต้นกำเนิดคือญี่ปุ่นปะวะ คือนิยายที่เขียนด้วยภาษาง่ายๆใช้ตัวอักษรที่ไม่ใช่คันจิล้วนเพื่อให้พวกวัยรุ่นที่คลังคันจิไม่พอได้อ่านกัน พอใช้อักษรพวกนี้การเล่าเรื่องมันก็ซับซ้อนน้อยลงไม่ต้องตีความมาก และเน้นการกระชับเนื้อหาเอางี้ พอกลายเป็นภาษาอื่นเช่นไทยก็ใช้บริบทเดียวกันคือใช้ภาษาง่ายๆและไม่เน้นบรรยายมากอะ
>>751 เออว่ะ เพราะฐานคนอ่านคือนิยายรักปะเลยทำหมวดรักพิถีพิถันดีจังมีแยกตามความแซ่บไปอีก รักๆใสไม่เยส รักต้องเยสไม่มีท่ายาก รักไม่เกี่ยวเยสดุอย่างเดียวงี้ ธวล.ยังชิดซ้ายเลย5555 แม่งแยกย้อยของย่อยไปอีกเพื่อ
เรื่องไลท์โนเวลมันก็พูดกันไปหลายทีแล้ว เดี๋ยวกูจะเสริมของ >>752 ให้เพิ่มละกันว่าเส้นแบ่งคร่าวๆ ของโนเวลกับไลท์โนเวลมันเกี่ยวกลุ่มผู้อ่านที่ตั้งเป้าหมายไว้
ไลท์โนเวลแรกเริ่มเดิมทีสำนักพิมพ์มันไม่ได้คิดจะสร้าง Genre ใหม่อะไรหรอก แต่เป้าหมายมันคือการเน้นขายนิยายให้กับนักอ่านอายุน้อยหรือคนที่ยังไม่ได้เข้าสู่รั้วมหาลัย, วัยทำงาน เรื่องใช้ภาษาง่ายๆ หรือลดบทบรรยายเพื่อให้อ่านง่ายก็ตามนั้นเลย แต่องค์ประกอบเพิ่มเติมก็จะมีพวกภาพประกอบที่อาจโผล่มาได้ทั้งแบบทุกครั้งที่เริ่มตอนใหม่ หรือมีคั่นในฉากสำคัญที่บรรยายแล้วอาจจะยาวจำพวกฉากต่อสู้หรือบรรยากาศของพื้นที่
ากที่กูอ่านพวกไลท์โนเวลยุคแรก เอาแบบมักง่ายมากๆ ก็คือหนึ่งขี้เกียจบรรยายลักษณะตัวละคร สองจงใจใช้รูปสไตล์มังงะขายไวฟุของเรื่อง ซึ่งไม่รู้เป็นเหี้ยอะไรถึงชอบวาดฉากโป๊วับๆ แวมๆ ของตัวละครสาวๆ กันเป็นส่วนใหญ่ นอกจากภาษากับรูปแล้วยังมีเรื่องของขนาดรูปเล่มด้วย
ซึ่งขนาดเล่มปัจจุบันนี้เหมือนจะไม่ได้ทำเล่มให้เล็กลงเหมือนช่วงแรกๆ เหตุผลนึงของการทำให้เล็กก็คือช่วยลดต้นทุนเพื่อปรับราคาลงได้ ขนาดเล่มพอดีมือนั่งอ่านบนรถไฟระหว่าง ไป-กลับ โรงเรียนได้สบายๆ กลายเป็นจุดเด่นนึงของไลท์โนเวลยุคแรกๆ ไป
แรกๆ เนื้อหาก็เน้นไปทางเทพซ่าส์จูนิเบียวต่างโลกแฟนตาซีลามกอะไรหนักหน่อยเพราะเน้นขายวัยรุ่นชายเป็นหลัก ปัจจุบันก็เปลี่ยนไปจนมีหลากหลายแนวทำให้อ่านได้ทุกเพศทุกวัย
แต่จากที่กูพูดมาทั้งหมดเนี่ยขอให้โละทิ้งจากสมองไปทั้งหมดเลยก็ได้ เพราะคนต้นคิดที่สร้างไลท์โนเวลขึ้นมาเขาพูดเองว่า ต่อให้มีงานเขียนที่ทำตามธรรมเนียมของไลท์โนเวลหลายๆ ข้อข้างบนจนครบ นิยายเรื่องนั้นก็อาจไม่ใช่ไลท์โนเวล เพราะองค์ประกอบของไลท์โนเวลมันสามารถแยกย่อยไปกระจายอยู่ตามงานเขียนอื่นๆ อย่างอิสระ เช่นนิยายที่ไม่ใช้ไลท์โนเวลก็อาจมีภาพประกอบแทรกระหว่างเล่ม หรือนิยายที่ใช้ภาษาง่ายๆ แต่เน้นการเล่าที่ค่อนข้างหนักหรือไม่ใช่งานสุขนิยมก็เช่นเดียวกัน เขาอธิบายแบบกว้างๆ ไว้แค่ "นิยายที่เราคิดว่าเป็นไลท์โนเวลในสายตาคนอื่นแล้วอาจเป็นแค่นิยายธรรมดา เช่นเดียวกันกับที่เรามองนิยายเรื่องนึงเป็นนิยายทั่วไปแต่อาจมีคนมองเรื่องนั้นเป็นไลท์โนเวลก็ได้" ขอบเขตการตัดสินว่าเรื่องไหนเป็นหรือไม่เป็นไลท์โนเวลเลยตัดสินได้ยากแล้ว เพราะคุณภาพของ Webnovel กับ Lightnovel มันไม่ค่อยต่างกัน ส่วนนิยายทั่วไปที่มี บก. คอยตรวจสอบความเรียบร้อยให้มันก็จะแยกไปอยู่ที่หมวดหนึ่งไปเลย
มีโม่งคนไหนมีแนวแฟนตาซีมุมมอง pov3 สำนวนเข้าเกณฑ์ดีๆ แนะนำมั้ย จะเวบไหนหรือขายอีบุ๊คไปแล้วก็ได้ อยากศึกษาเป็นความรู้
>>755 แถม ๆ อ่านฟรีไปเล่มแล้วกัน
โจรกรรมอมตะ ตอนชิงตัวจอมพราน (เล่มแรก)
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&book_id=890&page_no=1
ละเอียดมั้ย ไม่รู้ แต่ที่คนบ่นกันเพราะเจอ tell, don’t show อะไรที่ปิดกั้นจินตนาการคนอ่านก็ยิ่งอ่านไม่ลง
>>770 อยากจินตนาการนักมึงแต่งนิยายเองไหม การบรรยายมึงจะคิดว่าเยอะหรือน้อยมันความเห็นของตัวมึงคนเดียว มึงว่าเยอะคนอื่นอาจเฉย ๆ ก็ได้ อย่ามาร้องว่านักเขียนเขียนห่วยเพราะบรรยายจำนวนคำไม่ถูกใจมึงดิ
ถ้ามึงบอกว่ามึงไม่ชอบเพราะบรรยายเยอะไปกูจะไม่อะไรเลย แต่การที่มึงบอกว่านิยายห่วยเพราะบรรยายเยอะไปนี่มันคนละเรื่องกันเลยนะ
อีกอย่างเป็นอะไรกับศัพท์ show กับ tell นี่มากไหม กูไม่รู้ว่ามึงเป็นคนเดียวที่มาร้องเรื่องนี้เรื่อย ๆ หรือว่ามันมีหลายคน แต่ว่า การบรรยายแต่ละแบบมันมีที่ทางของมัน ไม่ได้จำเป็นว่าต้อง show รัว ๆ ห้าม tell สักหน่อย
เออ ถามนิดนึง สืบเนื่องจากกระทู้หนึ่งในเด็กดี สรุปว่าไวท์โร้ดนี่มันดีหรือเหี้ยกันแน่วะ คนอวยก็อ๊วยอวย คนด่าก็สาปส่งลงนรกเหมือนไปเผาบ้านกันมา
>>772 สำหรับกูคือแย่ เอาฉากจากหลายๆเกมมาเขียนทั้งดุ้นเลยไม่อแดป จริงๆฉากไปพบนางเอกยืนรอให้มาขอเต้นท่ามกลางแสงดาวมันเป็นซีนโรแมนติคที่คลาสสิคและคลิเช่มากๆนะ แต่เสือกเอาฉากจาก ff8 มาเขียนเลยซะงั้น อ่านปุ๊บเห็นภาพแรงบันดาลใจออกเลยว่ามาจากฉากไหนในเกม
อีกอย่างกูว่าพระเอกแม่งเทพซ่าหนักมาก อยู่โลกเก่าเป็นไอ้กุ้งแห้งหยองกรอดอ่อนแอ โดนวาร์ปมาโลกถนนขาวเป็นหนุ่มป๊อบสุดหล่อ มีสาวๆวิ่งเข้าหา มีเงินใช้ไม่อั้น เล่นเกมออนไลน์ครั้งแรกมีแค่ปืนกากๆติดตั้งแบบโนวิชแต่ดันลาสต์ช็อตบอสจนได้ไอเท็มสุดเทพมาครอง ไปงานเต้นรำโรงเรียนก็ถูกจับสลากให้ได้คู่กับสาวสวยที่เป็นดาราดังระดับจักรวาล ซึ่งอีนี่เป็นแค่พิธีกรที่มาในงานไม่ใช่นักเรียนในโรงเรียน มันไปมีรายชื่อให้จับคู่ด้วยได้ไง ผองเพื่อนในรุ่นล้วนแต่เป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตเป็นแบ็ค มีเป็นหัวกะทิอัจฉริยะ เป็นคนเด่นดังในโรงเรียนไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ฉากสู้กับการบรรยายก็ห่วย เขียนแบบ....ตู้ม เปรี้ยง ย้ากกกกกกก ไฟสเลเยอร์บลาๆ แถมตอนหลังเรื่องมันขยายสเกลใหญ่แบบที่ไม่น่าเอาใจช่วยเลย พระเอกก็ยังเป็นศูนย์กลางในการปราบบอส โดยที่ตัวละครอื่นๆโดนลดบทบาทความสำคัญไปหมดไม่เว้นกระทั่งผองเพื่อนสุดซูของมัน ให้พระเอกเก่งคนเดียวจนน่าเบื่อเลยล่ะ
บ่นอะไรกัน ถ้าเป็นเว็บโนเวลก็ใต้ตีน solo leveling หมดอะค้าบ กำลังจะเป็นเมะแล้วด้วย (ไม่มีอะไร กูเพื่อนบ้านแวะมาเรื้อนเฉยๆ)
ถ้าบรรยายเยอะเพื่อขยายความสร้างบรรยากาศที่มีผลต่อเนื้อเรื่องกูก็ไม่อะไรหรอก บางเรื่องบทพูดทื่อแต่บรรยายดีกูก็โอเคแหละพ ทนอ่านได้ แต่ถ้าแบบเจ้ดอกขาวก็ไม่ได้ว้อย555 บรรยายเยิ่นเย้อไม่พอบทพูดก็ทื่อไปอีก
แต่ยุคนี้อย่างที่ >>773 ว่าอะ เน้นของแดกด่วน สมาธิสั้นขึ้น อย่าว่าแต่บรรยายเยอะเลย แค่ตอนนึงมีเกินสิบหน้าก็ไม่อ่านกันแล้วงี้ ถ้ามึงเขียนเพื่อเน้นหาแดกได้ตังไว ก็ต้องลดการบรรยายลงให้กระชับขึ้นเพื่อดึงคนอ่านให้สนใจอ่านตามยาวๆ แต่ถ้ามึงเขียนชิลๆ เงินไม่ใช่เป้าหมายหลักคนอ่านไม่เยอะก็ด้นแคร์ มึงจะบรรยายยืดไปเท่าไหร่ก็ทำเถอะ เพราะมีคนอ่านเหมือนกันแต่น้อยกว่าแค่นั้นเอง
>>777 พอเลยมึง กูแค่พูดถึงวิธีบริโภคของลูกค้า ดูถูกคนอ่านบ้าบออะไร กูเอาใจใส่ซะอีกถึงได้ปรับตัว ที่จริงแม่งเข้าทางกูด้วยซ้ำ จะได้ไม่ต้องลำบากคิดท่ายากสะสมคลังคำ แค่เล่าในสิ่งที่กูอยากเล่า คนอ่านก็ได้อ่านที่เขาสนใจ แล้วนิยายในร้านกูจะต้องไปหาอ่านเพิ่มทำไมในเมื่อกูมาเขียนนิยายเพราะเรื่องที่กูอยากอ่านไม่มีใครเขียน
>>772 มีคนอวยถนนขาวด้วยเหรอวะ 555
สำหรับกูห่วยไร้คำบรรยาย คือเป็นนิยายเรื่องแรกที่กู dnf อะ แล้วจากวันนั้นถึงวันนี้นิยายเล่มที่กู dnf มีอยู่แค่ 2 เรื่องถ้วน (ไม่นับพวกอ่านสแกนตัวอย่างนะ แล้วก็ไม่นับพวกรอเล่มต่อจนลืมว่ารออยู่ด้วย.....) หนึ่งคือถนนขาว อีกหนึ่งคือนิยายฝรั่ง ท่ามกลางนิยายเป็นพันที่กูผ่านตามาแล้ว มึงคิดดูแล้วกันว่ามันเหี้ยเบอร์ไหน
หลัก ๆ ประเด็นกูไม่ได้อยู่ที่การลอกพล็อต เพราะต้องยอมรับ ว่าสมัยนั้นยังไม่ซีเรียสเรื่องนี้เท่าตอนนี้ แล้วนิยายแฟนตาซีไทยสมัยนั้นเรื่องไหน ๆ ก็กลิ่นอายโชยหึ่งทั้งนั้น แต่เป็นความเหี้ยของเนื้อเรื่อง ความ self-insert โคตร ๆ อย่างเห็นได้ชัดของคนเขียน พระเอกแม่งหล่อสุดเก่งสุดเทพสุดสาว ๆ รุมตอมสุด โดนตัวร้ายกี้กี้หมั่นไส้สุด ฯลฯ ผู้หญิงในเรื่องได้แต่ตื่นตะลึงในความหล่อเทพของไอ้พอลแล้วเดินตามควยต้อย ๆ
ภาคแรกกูยังถูไถจบไปได้ แต่ภาคสองอ่านเล่มแรกแล้วเทจริงจังว่ะ เท่าที่กูจำได้คือพล็อตแม่งเน่าเละไปหมดแล้ว ใส่เหี้ยไรไม่รู้มาโครม ๆ แล้วไม่ขมวดเป็นเส้นเรื่องที่มันไปด้วยกันน่ะ
นอกจากนั้นคือ เอฟเฟค โครม! ตึง! เพล้ง! เยอะมาก ทำกูงงเต๊ะเลย เป็นนิยายเรื่องแรกที่กูเห็นการบรรยายอย่างนี้ show don't tell ไหมล่ะสัส
แล้วก็คำผิด เขียน เหรอ เป็น หรอ ทั้งเรื่องจนกูอยากถามไอ้คนเขียนว่ามึงฟันหลอหรือไงสัส proofread แม่งตาบอดใช่ไหมถึงผ่านมาได้
นอกนั้นคือการเขียนผิดเรื่อยเปื่อยที่กูอ่านแล้วเอ๊ะ ๆ ที่จำได้แม่นคือ
เพิ่งเข้าโรงเรียนมา อีพอลเดินไปห้อง ผอ. ผ่านรูป อดีต ผอ. สามสิบกว่าคน และได้รู้ว่า ผอ. คนนี้เป็นคนที่สามสิบ ..... มึงตกเลขเหรอวะ คนนี้คนที่สามสิบ อดีตต้องมี 29 คนไหม มึงเอาอดีต ผอ. สามสิบกว่าคนมาจากไหน
นางเอกเล่นเปียโนเสียงแผ่วเบาและกึกก้อง getsunova ชิบหายเลย
>>780 เรื่องคนอวยนี่ ถ้าไม่ใช่พวกอ่านหนังสือมาน้อย ก็เป็นเด็กโปกวัยเบียวที่ไม่เคยเล่นไฟนอลแฟนตาซีมาก่อน (ว่าแล้วก็นึกถึงไอ้ปากกาแดงดำอีกตัว สาวกไฟนอลอย่างกูนี่กำหมัดเลย) เวลาจะอวยนี่ก็อวยซะมิดยันโคนไม่สนสีแปดใดๆ
แต่กรณีที่ฮาสุดกูว่าไม่พ้นเรื่องที่ดอกปอบแกแยกร่างเข้ามาตั้งมู้อวยตัวเองในบอร์ดรัวๆ บ่อยจนโดนจับได้ เข้าไอดีผิดๆ ถูกๆ พูดผิดสลับครับ-ค่ะ จนคนเขาเอือมกันทั้งบาง พอมีคนตั้งกระทู้ถามก็ไม่ยอมรับจนโดนพี่โน๊ตโชว์เลขไอพีหลังบ้านให้ดู หลังจากนั้นก็ไม่มีที่ยืนในบอร์ดอีกเลย
>>782 กูสนใจดราม่านี้จังเลยว่ะ สนใจมากกว่าถนนขาวอีก 55 ในสมัยนั้น กูก็อ่านนะ ซื้อยันเด็กหญิงกับตุ๊กตา ตอนเด็กๆกูชอบอ่านนิยายไง บวกกับไม่เคยเล่นเกมมันก็ถือว่าเป็นเรื่องที่อ่านได้ประมาณนึงสำหรับภาค1นะ แต่ภาคสองสามนี่ไม่ไหวจะเคลียร์ ยิ่งเด็กกับตุ๊กตานี่อ่านไม่รู้เรื่องเลย อีกเรื่องที่คล้ายๆกันคือ แฟนตาซีครั้งสุดท้ายที่ ทั้งฉากเปิดเรื่อง+เจอสาวคนแรก+เข้าเรียน เหมือนก๊อบมาเปลี่ยนชื่อวาง
เออ ละเห็นผ่านๆมีคนมาอวย solo กูจะบอกให้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะมังฮวาทำไว้ดีเวอร์ เรื่องนี้ก็ไม่เกิดหรอกว่ะ
สวัสดีครับโม่งผู้อาวุโสทั้งหลาย
>>788 เออ เรื่องยุทธภพนั่นกูสงสัยอย่าง ถ้าคนเขียนมันเขียนผิดมาขนาดนั้น สนพ มันไม่แก้ให้ก่อนพิมพ์เหรอวะ จำได้ว่าข่วงแรกๆที่พิมพ์คือคำผิดยังเยอะอยู่เลย จนคนด่าทั้งสนพ.กับคนเขียนอะแหละค่อยจะแก้กัน
แต่ยอมใจคนเขียน อ้างว่าความรู้ภาษาไทยจบแค่ป.สี่(มั้งนะ นานแล้วลืม)เลยเขียนผิดเยอะไปหน่อยก็ปล่อยๆไปเถอะอ่านเอาสนุกก็พอ สัส มีคนแก้ให้ตั้งเยอะแต่ไม่จำมาแก้เองนี่หว่า แถสัสๆ
สภาพกูตอนนี้คือไอ้มีมผู้ชายถือพิซซ่าเข้าห้องมาเจอไฟไหม้ฉิบหาย เพราะกูเป็นคนถามหานิยายเอง แต่ขอบใจมากที่แนะนำ 55555
แค่เห็นมู้นี้ กูละเพลียจริงๆ เหมือนกูเป็นเอเลี่ยน https://www.dek-d.com/board/writer/4048351/
>>796 ขำที่มีคนบอกไวท์โร้ดได้รางวัล มันได้จริงเหรอวะ กูไม่เห็นเคยได้ยินเลย ขนาดเรื่องล่าสุด fate diarrhea ไรนั่นยังขายได้น้อยกว่าบอยแอ่นกระดออีก แต่เสือกพิมพ์ Best seller ไว้บนหนังสือทั้งๆ ที่ยังไม่ได้วางขาย (ชื่อคนแต่งแม่งก็ใหญ่กว่าชื่อเรื่องด้วย) พอโดนคนถามมากๆ พี่แกแถมาว่าเป็นการแก้เคล็ดเพื่อให้นิยายมียอดขายที่ดีในอนาคต (คือถ้าขายดีแล้วจะได้ไม่ต้องแก้ปกทีหลังว่างั้นเหอะ) แม่ง หลอกลวงผู้บริโภคชัดๆ
ห๊ะ บารามอสระดับโลก โลกไหนของมันวะ!! มีอีดุจตะวันคู่แค้นกูอีก อี๊
หมดนี่ก็ให้ผ่านแค่ MSO
กับเซวีน่าที่พออ่านได้ขำ ๆ
>>799 Mix fanfic ระดับโลกล่ะสิไม่ว่า ยืมฉากหลังแฮร์รี่กับตัวละครในการ์ตูนดังๆ มาใช้ละเสือกดัง หลังๆ เลยต้องด้นเพิ่มเองก็ไปต่อได้แบบเก้ๆ กังๆ
ดุจตะวันนี่ไม่ต้องพูดมากถึงความมั่นหน้ามั่นโหนกของนักเขียน สำนวนใช่ว่าจะดี เนื้อเรื่องอ่านแล้วร้องห๊ะเป็นพักๆ กูนึกว่าอ่านการ์ตูนตาหวานอยู่ แต่งนิยายเพื่อขาย goods เอากำไรจากแฟนคลับเดนตายชัดๆ
MSO ถ้าเป็นสายนิยายออนไลน์ที่ฉากหลังเป็นกำลังภายในถือว่าดีทั้งสำนวนและเนื้อเรื่อง เสียดายหลังจากเว้นไปนานเพราะเรียนต่อกลับมาเหมือนหลายๆ อย่างจะแผ่วปลาย (แต่กูก็ยังอ่านต่ออยู่ดี)
ส่วนเซวีน่า... อดีตกูเคยติ่งเพราะกูชอบนางเอกแมรี่ซู ปัจจุบันเยดกันตั้งแต่รุ่นลูกยันรุ่นเหลน กลายเป็นนิยายโรมานซ์แฟนต้าไปเรียบร้อย แต่ด้วยพลังของแฟนๆ แต่งออกมากี่ภาคก็ยังมีคนตามอ่าน บุญเก่าแม่งแรงจริงๆ
ดูก็รู้ว่ามิกซ์แฟนฟิค แต่พวกเด็กดวกเสือกดูไม่ออกว่าเป็นแฟนฟิค หรือคนพวกนี้เกิดไม่ทันยุค ps1 ละว่ะ
พูดแล้วก็นึกถึงช่วงที่มี สนพ. ใหม่มากวาดนิยายท็อปไปออกเล่มช่วงนิยายเกิดใหม่บูมๆ นั่นก็ไม่ได้อ่าน LN แนวนี้ของญี่ปุ่นแหงๆ ถึงมองไม่ออกว่าพวกนี้ก็ของก็อบตามกระแสทั้งนั้น เออ อีกอันก็ Squid Game กระแสแรงมาก แต่ถ้าเป็นคนที่อ่านแนวเดธเกมของญี่ปุ่นมาก่อนจะรู้เลยว่าแม่งก็อบเกรด B เกรด C เลยด้วยซ้ำ เกมที่เอามาใช้ในเรื่องเนี่ย แต่คนไม่เคยดูก็โอ้วว้าวกันไป
>>802 จริงมากโม่ง กูถึงขั้นงืดว่าทำไมมัน Hype กันจัง กูดูแล้วก็เฉยๆ มากกับ Squid Game ปรากฏการณ์แบบนี้ก็คล้ายตอนเรื่องถนนขาวของดอกปอบมันดังนั่นแหล่ะ นักอ่านที่ไม่เคยเสพเนื้อเรื่องแน่นๆ ของเกมต้นแบบ พอมาอ่านไอ้พอลแกรี่ก็หลงคิดไปว่าเรื่องนี้แม่งสุดยอด นักเขียนแม่งคิดได้ยังไง แล้วที่มาเขียนคำนิยมให้นี่ก็แก่ๆ ทั้งนั้น รู้แค่ว่ามียอดวิวในเว็บไซต์หลักล้านก็คิดว่าคงจะสุดยอด สงสัยโลกของพวกเราที่ได้รู้ได้เห็นอะไรมาเยอะคงต่างกับผู้ชมที่เพิ่งจะเจออะไรแนวนี้ ว่าแล้วก็อยากเอา Alice in borderland ขว้างใส่หน้า จะได้เริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าเรื่องที่ทำได้ดีกว่ายังมีอยู่อีกเยอะ
คนส่วนใหญ่ชอบ Squid Game แปลกตรงไหน มันเน้นที่คน ไม่ได้เน้นที่เกม พวกมึงไปหวังให้มันเน้นเกม จะเอาเหี้ยอะไรมาชอบล่ะ
เอาจริงๆ กูก็เบื่อไอ้พวกที่ดูมาก่อนแล้วชอบขิงนะ มันก็ดีไม่ใช่หรอที่แนวมึงชอบมันดังเปรี้ยงขึ้นมา คนทำเขาจะได้มีกำลังใจ ผลิตงานได้เรื่อย ๆ หรือมึงอยากให้มันเงียบเหงาอยู่แบบนั้น สังคมเล็กๆ อบอุ่นดี?????
พูดถึงเกาหลีนี่ ชอบเน้นไปที่ความสัมพันธ์ครอบครัวกับความผูกพันธ์แม่-ลูก มีหลายเรื่องเลย อย่าง Along with the gods ไรงี้
มีคนอยู่ 3 ประเภทเขียนเรื่องเกี่ยวกับเกมแล้วชอบเข้าใจผิด
1. ไม่เคยเล่นเกมมาก่อน แต่เสือกลงมือเขียนเรื่องทำเป็นว่า กู เ ล่ น เ ย อ ะ ก ว่ า พ ว ก มึ ง ทุ ก ตั ว ซึ่งพบบ่อยตามหมวดนิยายเกมออนไลน์ทั่วไป จำมาจากยูทูปหรือนิยายมา ไม่ได้เล่นเอง
2. ให้ความสนใจกับเกมมากเกินไปจนลืมไปว่า ตัวเองกำลังเขียนนิยายเกม ไม่ได้จะมาเล่นเกม เลยเขียนให้เกมดูดี แต่การพัฒนาของตัวละครที่เข้ามาเล่นเกมมายังกะ paper character ที่ตัดมาจากสมุดการบ้าน เหมือนคนเก่งกับ AI แต่ไม่เคยเล่นกับคนตัวเป็นๆ
3. ข้อนี้แล้วแต่คนจะคิดว่ะ บางคนรู้ว่าเขียนบรรยายไม่เก่ง โดยเฉพาะความสามารถต่างๆ จึงใส่ "ระบบ" เข้าไปแทนบรรยาย แต่ถ้าบรรยายเก่งก็จะรู้วิธีเล่าเรื่องไม่ให้เป็นเกมมากเกินไป ลองนึกสภาพสิ สุนทรภู่นึกอยากจะเขียนด้วยระบบ กูว่าไม่ต้องเรียนกลอนสุภาพแล้วล่ะ
ตีมอนแล้วบรรยาย (-123)
จะว่าไปที่หนึ่งหมวดเกมติดท๊อปได้ไงวะในเมื่อเป็นเรื่องแปล แปลอิ๊งแถมเถื่อนไม่เห็นได้รับอนุญาตจากคนเขียน
เป็นไง รีพอตไปยัง
โคตรเงียบเลย ล้มเหลวสินะที่รีพอร์ตไป
มึงก็รู้ ที่นี่เวปอะไร ถ้าไม่เป็นเรื่องดราม่าใหญ่โตขึ้นมาทีมงานก็ไม่กระดิกหรอก ลองไปตั้งกระทู้ก่อดราม่าดูดิ ไม่เกินสัปดาห์หรอก
ไปเจอนิยายเรื่องนึว เห็นคนอ่านเยอะมากคาดว่าฐานแฟนน่าจะเยอะพอตัว เหลือบไปเห็นรีวิวแง่ลบแจงเป็นข้อๆ แต่มีข้อนึงมันบอกว่า "ฉากต่อสู้แทบไม่มีเสียงเอฟเฟ็คเลย" ขอย้ำว่าอันนี้คือข้อเสียนะ 55555555555555
>>823 งานของ C. Zanché ในฟชล. https://fictionlog.co/b/5f1519318e8216001b93ff57 เห็นแล้วแอบสงสัย อย่างนี้คือใจรักหรืออะไรวะ เขียนไป 350 กว่าตอนไม่เก็บตังเลยสักบาท (ความยาวแต่ละตอนพอๆกับนิยายแปล)
>>826 นักเขียนคนนี้กูรู้จักมาตั้งแต่สมัยแกแต่งเรื่อง Unchoosen one ด้วยเหตุผลบางอย่างกูเรียกพี่แกว่าเฮียไซตามะ มีเพจเฟซบุ๊กชื่อเดียวกับนามปากกา ชีวิตพี่แกก็ไม่ได้ลำบากอะไรแหล่ะ การงานฐานะอะไรก็ดี มีแฟนสวยแถมช่วยพิสูจน์อักษรกับเกลาให้ด้วย ผลงานล่าสุดที่ออกมาหลายๆ ภาคนี่ก็เพราะชอบหนังมาเวล
เรื่องนึงที่กูโคตรแน่ใจคือพี่แกทุนหนาพอตัว จ้างคอมมิชชั่นวาดตัวละครมาจะครบ 200 แล้วมั้ง ล่าสุดเอาเรื่องตัวเองไปจ้างแปลขึ้นแพลตฟอร์มต่างประเทศ (เหมือนจะคิดคำละบาทมั้งนะ) ก็มีอีเมลล์ตอบกลับมาว่าตรวจเนื้อหาผ่านแล้ว รอ approve ก่อนลงเนื้อหาจริง
ข่าวล่าสุดคือแกเปิดเพจชื่อประมาณว่า กลุ่มที่แกล้งว่าตัวเองไม่ใช่นักเขียน คอนเทนต์เปิดกว้างให้อวยนิยายตัวเองเต็มที่ โดยการทำตัวหน้าม้าบอกว่าไปเจอนิยายเรื่องนี้มา สนุกดีพร้อมช่วยรีวิว
นิยายปลูกผักสนุกจริงเหรอ เทียบกับนิยายยอดฮิตยุคเดียวกัน
https://www.dek-d.com/board/writer/4049111/
https://www.dek-d.com/board/writer/4049269/
กระทู้เด็กดวกเป็นไรวะ บึ้มเหรอ?
https://www.gamingdose.com/news/netmarble-เปิดตัว-solo-leveling-เกมแอคชัน-rpg/
กระแสจะฟูขึ้นมาอีกรอบไหมนะ 55555
คิดถึงโม่งเพลง อิย๊า
>>842 กูก็ไม่รู้เหมือนกันวะ บางทีพี่แกอาจจะมีด้านแย่ๆ ในชีวิตอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้ลงข้อมูลไว้ในเน็ต เช่นป่วยเป็นโรคนั่นนี่ มีปัญหาด้านสุขภาพจิต เป็นซึมเศร้า ไม่ก็อาจมีหนี้หรือคดีความอยู่ ฉากจะหน้าเราจะทำให้สวยหรูยังไงก็ได้แหล่ะ ส่วนเบื้องหลังมันขึ้นอยู่กับว่าเก็บซ่อนไว้ได้มิดชิดแค่ไหน
แต่จะยังไงก็ตามที กูว่าเค้าคงไม่ได้สนใจรายได้จากนิยายเป็นหลักแต่แรก เพราะการจ้างวาดขนาดนั้น จ้างฝ่าย Art มาออกแบบกับวางตัวอักษรบนปกให้ แล้วเรื่องแปลไปลงเว็บต่างประเทศอีก ถ้าเงินไม่เหลือจริงๆ คงทำไม่ไหววะ เคสแบบนี้คือใจรัก+เงินถึงด้วยเลยออกมาเป็นงี้ได้น่ะ
กูกำลังคิดจะกลับมาเขียนนิยายหาเงิน แต่ไม่รู้แล้วว่ะว่ายุคนี้เขาหารายได้กันยังไงมั่ง
ยุคกูนี่คือตีพิมพ์อย่างเดียว มีทั้งส่ง สนพ. มีทั้งพิมพ์ขายเอง แต่ปัจจุบันน่าจะกว้างกว่านี้ แต่พวกแนวขายออนไลน์หรือติดเหรียญนี่กูยังไม่ค่อนเข้าใจว่ะ มีโม่งคนไหนพอจะช่วยแนะนำได้บ้างมั้ย
>>845 มีหลายทางเลือก
ถ้าในเด็กดวกก็จะมี
1. เปิดให้อ่านตอนล่วงหน้า - พอครบเวลาคนที่รอไหวก็อ่านฟรี
2. มัดแพ็คขายทีละหลายๆ ตอน - ทำได้ต่อเมื่อแต่งจบเรื่องหรือจบภาคไปแล้ว หนึ่งเรื่องอาจมีหลายแพ็คก็ได้
ส่วนเว็บอื่นก็แล้วแต่ระบบในนั้น เช่น ติดเหรียญทอง ติดกุญแจ โดเนทตรง
ถ้าจะขาย E-book ก็เอาไฟล์นิยายไปแปลงเป็น .pdf หรือ epub ก่อนละตั้งขายตามเว็บต่างๆ พวก meb ไรงี้
https://writer.dek-d.com/meowzoms/writer/view.php?id=2216256
เรื่องนี้ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย เกือบ 300 ตอนได้วิวมา 4 พัน ยอดวิวเท่ากับกูลงนิยายตอนเดียว เป็นกูนี่คงจะเลิกแต่งแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นกับ Hi-fantasy ในเว็บกันแน่วะ มีใครลองไปอ่านดูรึยัง มันเขียนไม่ดีหรืออะไรกันแน่
เอาจริงๆ สำหรับกูนิยายแฟนตาซีเรื่องไหนเริ่มเรื่องด้วยสภาพอากาศนี่ก็ OUT เรียบร้อยแล้ว
เห็นที่พวกมึงบอก กูเริ่มจะเข้าใจขึ้นมาบ้างละ ท่าทางจะห่วยจริงๆ
>>849 เอ้ากูขุดมาให้เลย
https://fanboi.ch/webnovel/12989/523-
จะว่าไปโม่งก็สับนิยายไปหลายเรื่องละนนะแต่ลิสต์ไม่อัปเดตเฉยๆ ต้องรอโม่งสร้างลิสต์มาอัปเดตเองปะ
https://www.dek-d.com/board/writer/4049809/ ลูเธอร์ของโม่งจบแล้วนะจ๊ะ 270 ตอน ยอดวิว 3600
คนแห่ให้กำลังใจโคตรเยอะ เพิ่งเห็นว่าปิดตอนขายช่วง 30% สุดท้ายด้วย
>>856 คือเขียนนิยายจบเรื่องนึงโดยไม่ดองไว้นานแถมยาวเป็นร้อยๆตอน&ลงทุกวัน แม่งยากกว่าเขียนตามแนวตลาดแล้วทำให้แมสอีกนะ555 คนเลยให้กำลังเยอะเป็นพิเศษ ขนาดโม่งเอามาพูดบ่อยๆแต่ก็แอบเอ็นดูอยู่ละวะ หรือบางส่วนพอเข้าไปอ่านแล้วเห็นยอดวิวและอื่นๆแม่งไม่สัมพันธ์กับจำนวนตอน ก็คงมีเวทนาบ้างแหละขยันอัปขนาดนี้ได้ยอดเท่าแก่นแตด
กูเองก็นับถือในความขยันของมันอยู่นะที่แม่งเห็นยอดน้ิยขนาดนั้นยังไม่เอามาบ่นพร่ำเพรื่อเหมือนนักเขียนในกลุ่มใหญ่ แต่ขยันผิดที่สิบปีก็ไม่รวยอะ เลยได้คนอ่านแค่นั้นแหละเพราะเนื้อหาไม่เด็ดดวงพอ ปกก็มีส่วนแต่กูเคยเจอดรื่องที่ปกเหี้ยกว่านี้อีก(แม่งมีแต่ภาพพื้นหลังโล่งๆกับชื่อเรื่อง) แต่เขาเขียนสนุกกว่าเยอะจนดึงให้อ่านยันจบได้ เพราะงั้นฝีมือการเขียนนี่สำคัญเลยต่อให้ปกเทพกว่านี้แต่เขียนได้แค่นี้มันก็ได้แค่รั้นแหละ
ช่วงนี้แนวแฟนตาซีไม่มีกระแสให้ตามเลยวะ ดูแผ่วๆทุกแนวเลย
>>847 เข้าไปอ่านมาสองตอน แล้วข้ามไปตอนจบแล้วคิดตรงข้ามกับมึงเลย นี่ไม่ใช่ขยันละ งานแทบขะไม่ได้ขัดเกลาเลย ทั้งบท ทั้งการบรรยาย ..ทุกอย่าง อาจเป็ยเพราะกูไม่ค่อยได้อ่าน Web Novel ด้วยมั้ง สาวนใหญ่อ่านเล่ม แต่แบบกูไม่นึกว่าจะมีนิยายที่ดูซุ่มซ่ามขนาดนี้มาก่อน จนกูคิดว่าโม่งที่เอามาแปะ มันคือคนเขียนแอบเอามาโปรโมทป่าววะ
เว็บ ด มีบทความสอนเขียนนิยาย แต่ไม่เห็นจะช่วยให้นักเขียนแถวนั้นเก่งขึ้นเลย
>>863 ค่อเอาจริงบทความมันตรงกันข้ามกับงานขายได้ที่เว็บมันชอบเอามาแนะนำอีกทีอะ555 บางเรื่องที่เอามาอวยว่าติดท็อปทุกวันยอดเปย์ถล่มทลาย ไม่มีสิ่งใดที่บทความแนะนำมันบอกเลยว่าทำงี้แล้วจะรุ่ง มีแต่สิ่งที่บทความไม่ได้บอก กูหมดความเชื่อใจเว็บมาสตั้งแต่เขียนบทความเมื่อถูกลอกแล้วแนะนำให้ทำใจนั่นแล้ว คือรู้เลยไม่ได้เอาคนมีความรู้เฉพาะทางมาทำจริง ๆ บางอย่างแม่งโม่งพูดเองยังตรงกว่าอีก555
แต่เมื่อก่อนก็็มีเว็บมาสที่เจ๋งจริงสถิตย์อยู่นะเขียนบทความแนะนำที่ใช้ได้จริงอะ แต่คงออกไปหมดแล้วมั้ง จำได้ว่ามีอยู่2-3คนนี่แหละ แต่กูจำได้แค่พี่น้อง ซึ่งเป็นคนที่ทำให้กูเขียนนิยายเป็นเพราะบทความของแกเลย จากที่เขียนแบบเรัยงความทื่อๆเหมือนส่งครูอะ ก็รู้จักใส่การเล่นสำนวนแทรกข้อมูลแล้วตบๆจนเป็นนิยายได้เรื่องนึงเนี่ย
>>866 เด็กใหม่มองไปที่ยอดวิวบางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องเงิน มันคืออยากได้การยอมรับ อยากภูมิใจตัวเอง ว่าเออ กูประสบความสำเร็จนะ มีคนสนใจผลงานของกูนะไรพวกนี้ ดูกระทู้นี้ก็ได้ https://www.dek-d.com/board/writer/4049956/ ถ้ามันอยากเขียนนิยายตามที่ใจต้องการจริงๆ มันจะมาถามคนอื่นทำไม
นอกเรื่องนิด แหม่ เปิดนิยายมา 7 เรื่องไม่จบสักเรื่อง แล้วพิมพ์บอกในกระทู้ว่าไม่เทแน่นอน เชื่อไหมล่ะมึง
>>870 กูพอจะเข้าใจความรู้สึกของคนกลุ่มนี้นะ รู้สึกอยากสำเร็จ อยากได้อยู่บนยอดภูเขาน้ำแข็งหรือยืนบนปลายพีระมิด ถึงเวลาพอรู้ตัวว่าไม่ได้เก่งหรือเจ๋งไปกว่าคนอื่นดันรู้สึกทุกข์ใจมากกว่าคนที่เขาไม่ได้คาดหวังอะ วงการนี้ในบ้านเรามันมีคนแบบนี้อยู่เยอะ เจอกับความจริงอันโหดร้ายเข้าให้ถ้าใจไม่แข็งพอก็ล้มหายตายจากออกไปกันเอง
>>870 ทุกวันนี้กูนึกย้อนถามตัวเองอยู่เหมือนกันนะ
ก่อนกูจะเลิกเขียนไปนี่คือตอนนึงที่ลงตอนใหม่ปุ๊บจะมีคนอ่านแน่ๆ คือประมาณ 200 คน ซึ่งทุกวันนี้กูยังไม่รู้ว่ามันเยอะหรือว่าน้อยว่ะ
แต่ในตอนนั้นกูมองว่าน้อยมาก เพราะดันไปเทียบกับพวก top หมวดตลอด จนคิดว่าเขียนต่อไปก็ไม่คุ้มกับเวลา
>>873 ของงี้กูว่าคนเขียนมันต้องใจรักจริงๆถึงจะอยู่ได้ว่ะ อย่าง 200 คนที่ติดตามฝีมือมึงเนี่ย เต็มที่กูให้ 5 ปี เขาจะตามมึงอยู่ แล้วมึงก็ต้องสร้างผลงานใหม่ออกมาเรื่อยๆ ให้ 200 คนเขาช่วยกระจายปากต่อปากไปเรื่อย ใหม่มาเก่าหาย เหมือนกับดาราหรืออะไรซักอย่างที่มึงเคยชอบ ส่วนพวก top หมวดส่วนหนึ่งมันเขียนตามกระแสเป็นหลัก ถ้าไปเขียนเรื่องไอเดียตัวเองล้วนๆไม่อิงการตลาดคนมันก็หายได้ มันก็ต้องกรีดเลือดตัวเองเขียนจนกว่าจะ brun out ไปเอง
มึงก่อนหน้านี้เว็บมันเป็นไรป่าววะ กูเข้าไม่ได้เลย นึกว่าโม่งจะโดนปิดไปซะแล้ว
กูแค่อยากมาบอกเล่าว่า หลังจากพยายามรายงานนิยายแปลเถื่อนติดท๊อปไปหลายรอบ สุดท้ายนิยายพวกนั้นก็ถูกถอดออกจนได้ว่ะ ทั้งเรื่องติดอันดับ2หมวดแฟนต้า อันดับหนึ่งหมวดออนไลน์ ถึงมันจะช้าจนพวกนั้นได้ลูกค้าไปเยอะละก็ตามเหอะ ทีมงานเด็กดวกขยับตัวช้ามาก เรื่องท๊อป2หมวดแฟนนี่กูรายงานมาเป็นเดือนๆ รายงานไม่ต่ำกว่าสิบรอบ รอบสุดท้ายที่โดนปลด กูตัดสินใจถามไปตรงๆว่า มีเหตุผลอะไรถึงไม่ปลดเรื่องนี้ลง เรื่องนี้ไม่ผิดกฏตรงไหนถึงมีสิทธิ์ติดท๊อป (ชื่อ โคตรพยัคย์ไรสักอย่าง) สุดท้ายทีมงานก็เลยยอมปลดออกให้ในที่สุด กูไม่อยากจะคิดนะว่าเพราะกูพูดแบบนี้ทีมเลยยอมปลดลง แต่มันก็อดคิดไม่ได้จริงๆว่ะ เหอๆ
ทีมงานเด็กดีชุดนี้สนใจแต่เงิน แต่กฎหมายช่างพ่อช่างแม่ ไม่ใช่เรื่องของกู(ทีมงานเด็กดี)
จะว่ายังไงดี สมัยนี้ยังไงผลประโยชน์มันก็ต้องมาก่อน ทุกอย่างมีต้นทุนของมัน เว็บนี่ก็ไม่ได้เป็นองค์กรการกุศล มีค่าเช่าเซิฟ ค่าไฟ ค่านั่น ค่านี่ แต่ไอ้การปล่อยให้มีเรื่องแบบนี้ในเว็บได้ก็ยังดูน่าเกลียดอยู่ดี เหมือนจงใจปิดตาข้างนึงทำเป็นไม่เห็น ถ้าไม่มีใครมาฟ้องก็ไม่คิดจะออกตรวจสอบเอง
https://www.dek-d.com/board/writer/4050352/
ทีมงานเหี้ย คำถามเด็กใหม่ก็ปัญญาอ่อนลงทุกวัน ท้อจังโว้ย
>>884 นึกว่าเป็นมู้ไอ้นี่ https://www.dek-d.com/board/writer/4050359/
เด็กดีร้างจัง
>>886 ลองอ่านมู้นี่สิ ไก่แตกตื่นแล้ว
https://www.dek-d.com/board/writer/4050796/
เดี๋ยวนี้วาย=ยาโอยอย่างเดียวแล้วเหรอวะ กูมีสองนามปากกาอันนึงไว้นอมอลอันนึงไว้วาย ทีนี้กูแต่งทั้งยาโอยกับยูริ เจอนักอ่านจากเรื่องยาโอยมาบ่นในยูริว่านึกว่าแนววาย(yaoi)เลยมาอ่านแต่เป็นยูริเฉย เซ็ง เหมือนโดนหลอก กูนี่อิหยังวะมาก ตั้งเรื่องไว้คนละหมวดแล้วไม่ดูหน่อเรอะ กูควรดีใจไหมเนี่ยที่มีนักอ่านตามงานเพราะนามปากกาเลยตามอ่านขนาดนี้ หรือกูควรแยกนามปากกาอีกอันไปเลยดี
เรื่องจริงป่าววะ หรือแม่งอวยเกินเหตุ https://www.dek-d.com/board/writer/4051857/
คิดถึงพี่ปล่อยอึ่งวะ นิยาย 18+ ของพี่แกไปถึงไหนละ 555
Ky ถ้าเราตั้งชื่อนิยายเป็น pov1 แล้วการเดินเรื่องต้องเป็น pov1 อย่างเดียวหรือ pov3 ได้ปะ เช่น ชื่อเรื่อง-ผมเกิดใหม่เป็นลิง แต่การเดินเรื่องคือใช้ชื่อแทนตัวบรรยายด้วยมุมมองพระเจ้าไปงี้
หวัดดีครับผมโม่งหน้าใหม่ ยังเหลือผู้รอดชีวิตอยู่ไหม
งงเหมือนกัน บางคนเป็นมือใหม่เขียนเล่าเรื่องปกตินักอ่านยังไม่รู้เรื่องแล้วจะสลับมุมมอมตัวนั้นตัวนี้ทำไม
>>903 กูแยกอยู่แล้ว ปนกันก็งงตายห่าดิ555
>>904 กูกะว่าจะใช้ไปทั้งเรื่องเลยไง แต่อาจมีสลับกลับแค่ตอนคั่นงี้ เข่นตอนปกติเดินเรื่องทั่วไปใช้มุม3 ตอนคั่นคือเนื้อเรื่องในมุม1ของตลค.นึงที่โผล่มาเป็นบอสอีเว้นเฉยๆหรือตลค.ผู้ข่วยงี้
>>905 ตามแบบไลท์โนเวลพวกยุ่นปะ แบบพล็อตนี้มันกำลังมาแรงก็เลยนอกจากลอกพล็อตก็บอกวิธีเขียนมาด้วยเลย บากะริน่ากับแมงมุมงี้สลับไปมาแต่ไม่ค่อยงงนะ กูเข้าใจชัดเลย
>>908 กะ กูเขียนมาห้าเรื่องจบแล้ว เรื่องละ 20 ตอนกว่า ๆ เก่าพอยังวะ เจอมึงว่างี้กูชักหนาว555 เขียนๆหยุดๆมาเกือบห้าปีแล้ว
>>911 จัดการให้มันออกมาเป็นระเบียบหน่อยก็ดี อย่าสลับบ่อยหรือสลับกลางตอน เอาให้มันจบในตอนคนอ่านจะได้ตามทันไม่งง
อย่าให้เหมือนเรื่องไอ้แดดเลีย สลับ pov ในตอนบ่อยแล้วพอขึ้นตอนใหม่เสือกเขียนถึงฉากฝัน แถมเป็นฝันในอดีตด้วย
มึนเหี้ยๆ เพราะมีทั้งแทรก flashback และย้ายจากมุมมองตัวเอกไปเป็นการอธิบายภาพที่ตัวประกอบมองเห็นตอนตัวเอกกำลังฝันถึงเรื่องสมัยเด็กอยู่
>>913 กดอันนี้
https://docs.google.com/document/d/1ouFhwS9WeoBzEgYHVNYWkeUAbhQ2YkCg4ozpTpx1-94/edit
แล้วดูเรื่องที่ 221 (ลองใช้ชื่อเรื่องค้นในเว็บดูเองถ้าจะอ่าน)
ky แม่งเอ๊ยยยยยยยยยยยย คิดพล็อตนิยายเกมออนไลน์แม่งยากจังวะ แค่ส่วนออกแบบเกมนี่กูก็ปวดหัวชิบ
>>920 เอาไป 3 ข้อง่ายๆ
1.พระเอกเทพซ่า ดวงดี ได้สกิลหรืออาวุธเทพๆ ที่คนอื่นไม่มี
2.หีล้อมหน้าล้อมหลัง มีพลังดึงดูดหี ตัวเมียทุกตัวหลงพระเอกอย่างไม่มีเหตุผล
3.เกมจะต้องไม่เหมือนเกมจริงๆ ต้องไร้สมดุล สเตตัสต้องไม่มีการจำกัด ถ้าไม่ชัดก็ลองไปหาอ่านโล่สายแทงค์แกร่งเกินร้อย เกมระบบพังเหี้ยๆ เล่นสายชนแต่มีสกิลแดกเอาความสามารถ
>>921 ของกูนี่ผิดหลักสูตรสัสๆเลยสิเนี่ย
1. พระเอกเทพมั้ยก็เทพอยู่ ปกติเวลากูออกแบบตัวเอกจะต้องให้มีสกิลเทพ(ที่ไม่ใช่สกิลในเกม)ติดดัวไว้บ้างเพื่อให้มีจุดโดดเด่น ส่วนเรื่องดวง...กูมีกิมมิกส่วนตัวที่ก็ต้องพึ่งดวงในการแต่งว่ะ เพราะงั้นดวงดีดวงซวยของตัวเอกก็ผูกไว้กับดวงกูนี่แหละ
2. ปัดทิ้งไปเลย เพราะเกมในเรื่องกูคือตัวละครในเกมไม่มีเพศ ตัวละครรองอื่นๆก็ยังไม่ทันได้คิดไว้เลย เรื่องความสัมพันธ์ตัวละครก็เลยมีแต่ความไม่แน่นอน
3. สมดุลเกมยังไม่กล้าการันตีเพราะยังติดด้านการออกแบบส่วนนี้อยู่ แต่โครงหลักก็มีขอบเขตบางอย่างชัดเจน ไม่มีสกิลลับ เควสลับ อาวุธเทพที่ซ่อนไว้ลับๆ npc เกมกูยังไม่มีเลย มีแต่เพลย์เยอร์กับมอน คือเป็นเกมแบบไต่หอคอยตะลุยด่านไปเรื่อยๆอะ
>>925 ที่ให้เป็นเกมเพราะระบบสกิลกูสร้างข้อจำกัดเอาไว้น่ะ อย่างที่บอกไว้ว่าเป็นเกมไต่หอคอย ที่ทุกครั้งที่ผ่าน 1 ชั้นก็จะได้แต้มสกิล 1 แต้มมาอัพ ไม่มีระบบเลเวลแต่มีแรงค์ ความหลากหลายจะไปอยู่ที่อาวุธแทนโดยให้วิธีการใช้สกิลเป็นการเคลื่อนไหวให้ตรงกับมูฟเซ็ทที่ตั้งค่าได้เอง
พวกมึงคิดไงกับเรื่องเน้ https://www.readawrite.com/a/Z1sgd4-Sorcerer--Spy?r=cat_newentry
https://www.dek-d.com/board/writer/4052694/3/4
กระทู้แนวนี้มาถี่จังวะ
กูขอถามหน่อยว่ะ ช่วงนี้กระแสนิยายจีนโบราณยังเป็นกระแสอีกไหมวะ แล้วถ้าเขียนนางเอกนำมีพระเอกหลายคน นักอ่านแนวนี้เค้ารับได้ไหม
>>938 กระแสจีนยังไม่ตก, เขียนได้แต่คนอ่านแนวนี้อาจไม่เยอะ ถ้าอยากแต่ง reverse harem จริงๆ มึงไปแต่งแฟนตาซียุโรปเกมจีบหนุ่มยังจะขายดีกว่า แนวจีนถ้าแต่งนางเอกเป็นตัวเอกส่วนใหญ่มักจะผัวเดียวแต่ผัวเป็นคนใหญ่คนโต (ฮ่องเต้ อ๋อง แม่ทัพ) แล้วก็ต้องแมรี่ซู เก่งทุกทาง เป็นยอดหญิงที่นานๆ จะโผล่มาเกิดสักที หรือเป็นสตรีงามล่มเมือง เจ้าแคว้นรุมจีบ รบกันจนบ้านเมืองชิบหายค่อนประเทศ อยากได้นางจนกวยสั่น (แต่ก็มีพระเอกได้คนเดียวอยู่ดี) ไม่แนะนำให้หนึ่งหญิงหลายชายว่ะ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่ลองดูละมันไม่เวิร์ค
จะว่าไป โม่งเพลงกับโม่งเกรี้ยวกราดหายไปไหนวะโม่ง หรือแม่งติดโควิดตายไปแล้ว
เสนอชื่อมู้ใหม่กันได้แล้วพวกสูเจ้า กระทู้นี้แม่งรอดโควิทจนขึ้นมู้ใหม่ได้ยังไงฟะ
นิทานเด็กดีบทที่ 39 (DDN XXXIX) ภาค.......................... อะไรดีวะ
Cant's touch this
You can't touch this
You can't touch this
You can't touch this
You can't touch this
My, my, my my music hits me so hard
Makes me say, "Oh my Lord"
Thank you for blessin' me
With a mind to rhyme and two hype feet
It feels good, when you know you're down
A super dope homeboy from the Oaktown
And I'm known as such
And this is a beat, uh, you can't touch
I told you homeboy (You can't touch this)
Yeah, that's how we livin' and ya know (You can't touch this)
Look in my eyes, man (You can't touch this)
Yo, let me bust the funky lyrics (You can't touch this)
Fresh new kicks, and pants
You gotta like that, now you know you wanna dance
So move outta yo seat
And get a fly girl and catch this beat
While it's rollin', hold on!
Pump a little bit and let 'em know it's goin' on
Like that, like that
Cold on a mission, so fall on back
Let 'em know, that you're too much
And this is a beat, uh, they can't touch
Yo, I told you (you can't touch this)
Why you standin' there, man? (You can't touch this)
Yo, sound the bell, school's in, sucka (You can't touch this)
Give me a song, or rhythm
Makin' 'em sweat, that's what I'm givin' 'em
Now, they know
You talkin' 'bout the Hammer, you're talkin' 'bout a show
That's hyped, and tight
Singers are sweatin', so pass them a wipe
Or a tape, to learn
What's it gonna take in the 90's to burn
The charts? Legit
Either work hard or you might as well quit
That's word because you know (You can't touch this)
(You can't touch this)
Break it down!
Stop, Hammer time!
Go with the flow, it is said
That if you can't groove to this then you probably are dead
So wave yo hands in the air
Bust a few moves, run your fingers through your hair
This is it, for a winner
Dance to this and you're gonna get thinner
Move, slide your rump
Just for a minute let's all do the bump
(Bump, bump, bump)
Yeah (You can't touch this)
Look, man (You can't touch this)
You better get hype, boy, 'cause you know you can't (You can't touch this)
Ring the bell, school's back in
Break it down!
Stop, Hammer time!
You can't touch this
You can't touch this
You can't touch this
Break it down!
Stop, Hammer time!
Every time you see me, the Hammer's just so hyped
I'm dope on the floor and I'm magic on the mic
Now why would I ever stop doin' this?
With others makin' records that just don't hit
I've toured around the world, from London to the Bay
It's "Hammer, go Hammer, MC Hammer, yo Hammer"
And the rest can go and play
You can't touch this
You can't touch this
You can't touch this
Yeah (You can't touch this)
I told you (Can't touch this)
Too hot (Can't touch this)
Yo, we outta here (Can't touch this)
ทันmtv ไหมละพวกมึง
ไหนๆกระทู้ก็เงียบแล้ว กูขอถามหน่อยว่าเวลาในการอัพของแต่ละหมวด ช่วงไหนดีที่สุดวะ ไม่ต้องเอาเป็นค่าสถิติก็ได้เอาแค่ที่เคยเจอมากับตัว
>>946 ลงช่วง Prime time (หัวค่ำ) โอกาสที่คนจะเห็นมีเยอะแต่คนอัพก็เยอะ เจอทับตกไปหน้าท้ายๆ เร็ว
ลงช่วงดึกๆ หรือเช้าๆ ตกจากหน้าแรกช้าลงแต่คนไม่ค่อยมี โอกาสเจอนักอ่านที่โตแล้วมีมากขึ้น (เพราะเด็กไปนอนกันหมด)
เอาที่กูลองมา 1 ตอนกูหั่น 3 ส่วน ลงตามโควต้ากระดึ่งรอบวัน มีลง 10 โมง, 4 โมงเย็น กับ 5 ทุ่ม กระจายความเสี่ยง
สำคัญคือมึงต้องเขียนไว้เยอะๆ แล้วทะยอยลงทุกวันอย่างน้อย 1 เดือนแรก (30 วัน) หลังจากได้คนอ่านมาพอสมควรก็ลดความถี่ได้ จะวันเว้นวันหรือ 3 วันมาทีก็ได้ เพราะจำนวนตอน+วิวจะเยอะพอจนล่อคนอ่านใหม่ๆ ได้เองแล้ว
ถ้าขยันมึงไปลงเว็บอื่นด้วย แต่อัพเต็มตอน 1 ครั้งเลือกเวลาทีมึงต้องการ
10 โมง วัยทำงานอู้งานอ่านนิยาย
4 โมงเกรียนเลิกเรียน
5 ทุ่มละครจบหรือพนักงานกะดึกเริ่มหาอะไรดู
ถ้าไม่คิดมาก และหน้าหนาหน่อย หรือพอมีสกิลภาษาพอเกลาได้ กูเกิ้ลทรานส์หรือ DeepL นิยายมึงไปแปะตามเว็บนิยายต่างประเทศก็ไม่เลว
>>948 กูทำอยู่เหมือนกัน จงใจใช้กูทรานกับนิยายตัวเอง แล้วค่อยไล่แก้ภาษาผีให้มันกลับมาเป็นภาษาคน สกิลก็พอมีติดตัวอยู่บ้าง บางอย่างอ่านแล้วพิลึกเหี้ยๆ ปรับนิดหน่อยก็โอเคขึ้น คนอ่านที่เป็นฝรั่งเขาก็เข้าใจอยู่นะเวลากู note ไว้ว่าไม่ใช่ภาษาหลักที่ใช้ นิยายกูจากที่ใช้คำยากๆ สละสลวยเลยดูตลาดล่างหรือคล้ายไลทโนเวลไปเลยในเวอร์ชั่นอังกฤษ แต่กูไม่คิดมากนะ ขอแค่เขาอ่านแล้วเข้าใจว่ากูจะเล่าอะไรก็พอใจแล้ว
>>948 เออ เสริมให้อีกหน่อย อย่าทะลึ่งก๊อปไปแปลทีละประโยคนะมึง เสียเวลาชีวิตตายห่า
ให้มึงลองเอาเนื้อหาที่อยากแปลไปลงไว้ในเว็บส่วนตัวละกดแปลทั้งหน้าเอา ในเด็กดวดกูไม่รู้ว่ายังทำได้มั้ย คือมึงต้องหาจังหวะเปลี่ยนตัวเลือกอนุญาตให้คลิ๊กขวาได้ (คิดว่าน่าจะเป็นอันที่เขียนว่ายอมให้ Copy) เปิดนิยายใน Chrome ละกดแปลหน้า แปลเสร็จก็ลอกไปไว้ใน Word ก่อนละค่อยมาแต่งคำแก้แกรมม่า
อย่างนึงที่มึงต้องเจอคือคำว่า ของเขา กับ ของเธอ นี่นะ มันจะแปลเป็น his หมดเลย อะไรที่บอทมันไม่แน่ใจมันจะแปลเป็นผู้ชายไว้ก่อน ละชื่อตัวละครก็ด้วย ชื่อเล่นแม่งแปลเป็นเหี้ยอะไรไม่รู้ ชื่อจริงนี่ยิ่งหนัก ไอ่เหี้ยแปลแปลน้องไก่กูเป็น sister cock หมดกันที่กูทำมา cock มันตั้งแต่ต้นเรื่องยันตอนจบ
กูสงสัยว่าที่เค้าโปรกันด้า กันว่าเขียนครั้งแรกก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนที่ไม่มีผลงานหรือแฟนคลับมาก่อน จะทำได้จริงหรือ?
หนทางของจีนเสิ่นเจิ้นยังอีกยาวไกล https://www.dek-d.com/board/writer/4053341/
บารามอสนี่ลอกเรื่องไหนมาบ้างนะ ไอ้ยำ “แรงบันดาลใจ” อะ
มึงว่าถ้ากูอัพ 5 วันแรก 3 ตอน แล้วอัพหลังจากนั้นวันละตอน พอครบเดือนค่อยทิ้งช่วงเป็น 2 วันครั้ง แบบนี้เป็นกลยุทธที่ดีเปล่าวะ
>>962 ก็ทำได้ถ้ามึงมีตอนสะสมไว้มากพอ จำนวนขั้นต่ำเฉลี่ยให้มึงรอดได้ 2 เดือนแบบไม่ต้องปั่นตามจนไฟลุก คือมีอยู่กับตัว 35+ ตอน ถ้าน้อยกว่านั้นก็ไปเขียนให้มีพอก่อน
ระหว่างที่มึงกำลังลงช่วงแรก มึงจะมีทั้งกำลังใจจากการได้ยอดคนอ่าน และแรงกดดันว่า เชี่ย นิยายที่มีกำลังลดลงเรื่อยๆ สองอย่างนี้จะบังคับให้มึงแต่งต่อไปเอง ถ้ามีเหลือเยอะก็ค่อยๆ แต่งเนิบๆ 3 วัน 1 ตอนยังได้ แต่ถ้ามีแค่เท่ากับขั้นต่ำ ก็ต้องปั่นเพิ่มเพื่อหนีจากเส้นตายรายวันที่มึงกำหนดไว้ แต่ถ้ามึงวางแผนว่าท้ายๆ จะอัพนิยายน้อยลงก็อาจพอไหวอยู่
https://www.dek-d.com/member/profile/heejin/writer อยากลองอ่านนิยายพี่เว็บดูมั้ย อตินมาเองเลยนะ
วันนี้ไม่มีดราม่ามันส์ๆเบย
ใครยังตามมู้สับลูเสียอยู่บ้าง รอบนี้มันยังสับอยู่เลยว่ะ ประหลาดแท้
อยากเห็นโม่งมี Critical Thinking ว่ะ
กราบ1 กราบ2 กราบ3
สวัสดีครับ ท่านโม่งผู้เจริญซึ่งมากไปด้วยปัญหา ช่วงนี้ข้าน้อยอยากเห็นการสับแบบกระตุกจิต กระชากใจจัง
>>979 กลัวจะออกมาเป็นแบบนี้ดิ https://www.youtube.com/watch?v=Yfu6G3f8Xxc
https://www.dek-d.com/board/view/4053990/
เนี่ย มีกระทู้มาพอดีเลย
ช่วงนี้รู้สึกว่าเขียนนิยายไม่สนุกเลยว่ะ เปิดมาตอนแรกนี่กูว่าดีมากนะ แต่พอผ่านมาบทที่สามสี่ห้ามันดูเนือยๆ เหมือนไม่ค่อยไปไหน คงเพราะกูต้องปูเรื่องเยอะด้วยมั้ง กลัวนักอ่านเบื่อจัง
เออ กูสงสัยอย่างนึงนิยายใหม่มาแรง เค้ามีเงื่อนไขยังไงวะถึงไปโผล่หน้านั้น
คนอ่านเท่าเดิม แต่คนเม้นประจำหายว่ะ เศร้า กู 0 คอมเม้นมา 5 ตอนติดละ...
สรุปนี่มีชื่อมู้ใหม่ยังเนี่ย
อภิมหาเด้า
นิทานเด็กดีบทที่ 39 (DDN XXXIX) ภาคปิดเทอมทั้งทีทำไมยังเงียบจังวะ สงครามหมีขาว-ดอกทานตะวันจะเป็นยังไงก็ไม่สำคัญ สำหรับโลกของเด็กดีคือสงครามตัวเองกับนิยาย THIS NOVEL OF MINE
ไม่สิ เอางี้ดีกว่า เปลี่ยนชื่อ
นิทานเด็กดีบทที่ 39 (DDN XXXIX) ภาคสงครามหมีขาว-ดอกทานตะวันเป็นเหตุคนแห่ย้ายถิ่นฐาน แต่นักเขียนแห่ย้ายไปเว็บอื่นๆ เพราะการตลาดของเด็กดีติดกับดัก Baby Boomers ไปแล้ว(ว่ะ)
ถมดิครับรออะไร
เด็กดีล่มค่ะ
ปิดมู้ให้นักเขียน dek-d ทั้งหลายนะคะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.