พอจะหันกลับไปแว้ดใส่อีตาเจ้าเล่ห์ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ต้องให้รู้กันบ้าง ฉันน่ะไม่ใช่ยัยผู้หญิงง่าย ๆ โง่เง่า ที่จะให้พวกนายจิกหัวใช้หรือปั่นหัวเล่นเหมือนเป็นตัวตลก อะไรก็ได้ยังไงก็ได้หรอกนะ! ฉันว่ามันผิดพลาดที่พวกนายน่ะแหละ ขอพาลหน่อยเหอะ
ทันเห็นใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนยิ้มเหมือนทุกทีได้แปปเดียว อื๋อ? หรือออกจะดูเปราะบางกว่าปกตินะ
ยังไม่ทันได้แน่ใจ พริบตาภาพตรงหน้าก็วูบหายไป ห้องอันสว่างไสวดับลงในฉับพลันราวกับใครกดชัตดาวน์
ทุกอย่างดำมืดไปหมด
-----------
เมื่อสายตาเริ่มปรับตัวกับความมืดที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ได้ ก็พบว่า
ฉันยืนอยู่คนเดียวในห้องสโมสร
กะ...เกิดอะไรขึ้น?! ไฟดับงั้นเหรอ แต่นี่เพิ่งบ่ายแก่ ๆ ทำไมถึงมืดขนาดนี้ หรือว่าฉันจะสลบไป...?
"...ท่านเอ็นโจ...ท่านคาบุรากิ" เมื่อกี้นายยังอยู่ตรงนี้นี่ ไม่เอา อย่าเล่นกันแบบนี้นะ ไม่ตลกเลยนะ
พอตั้งสติพิจารณาดูอีกที ถึงจะคล้ายกันก็เหอะ ที่นี่มันห้องสโมสรของชั้นเปอติต์นี่นา...
ฉันขนลุกเกรียว นอกจากสถานการณ์ที่ดูไม่ชอบมาพากลแล้ว ความมืดที่เงียบงันและน่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนี่รบกวนฉันมากที่สุดเลยล่ะ
หรือว่าฉันเจอของดีเข้าให้แล้ว... นี่น้ำตาไหลของจริงล่ะนะ
มือถือ มือถือ!! มะ ไม่มี... ฉันวางเอาไว้ในกระเป๋าในห้องสโมสร บ้าเอ๊ย จากนี้จะพกติดตัวตลอดเวลาค่ะ
ไม่ ฉันคงจะฝันไปมากกว่า ไปกระแทกหัวใส่โต๊ะดีกว่าจะได้ตื่นจากฝันร้ายนี่
แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นแสงค่อย ๆ สว่างขึ้นจากหางตา
ไฟฉาย?! คน?! ฉันรอดแล้ว!!!
เอ๋?
ฉันชะงักกึก ช็อคค้าง นั่นมัน....
ต้นแหล่งของแสงนั้นค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาผ่านประตู เป็นเด็กผู้หญิงผมม้วนหรูเริ่ดหน้าตาจิ้มลิ้ม ราวกับถูกปั้นขึ้นมาอย่างปราณีต อายุไม่เกิน 7-8 ขวบ สวมชุดนักเรียนประถมซุยรัน เหมือนฉันสมัยป.1 ไม่มีผิดเพี้ยน
ที่จริงฉันควรจะหวาดกลัวสถานการณ์ที่สุดแสนจะแปลกพิสดารนี่ แต่ไม่รู้ทำไม ราวกับไม่ใช่ความรู้สึกของฉันเอง
กลับรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
พอกะพริบตาอีกที ตัวฉันก็เปลี่ยนอิริยาบถ กลายเป็นว่ามานั่งบนเก้าอี้ซะงั้น ส่วนมินิเรย์กะก็นั่งอยู่กับโต๊ะที่ไกลออกไปหน่อยทางซ้ายมือ
ฉันไม่ได้นั่งคนเดียวด้วย ตอนนี้ในห้องสโมสรเหมือนมีร่าง เลือนรางดูพร่ามัวอยู่กันตรงนั้นตรงนี้ ส่วนเก้าอี้ตรงหน้าฉันนี่มัน... คาบุรากิ??
ทุกร่างดูเหมือนขยับไปตามจังหวะของตัวเอง เอ่อ พูดคุย จับกลุ่มนั่งจิบชา บอกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร มันพร่าเลือนจนมองไม่ออกเหมือนกับกล้องที่ไม่โฟกัส
หน้าคาบุรากินี่ค่อยชัดขึ้นมาหน่อย หมอนี่ก็ตัวเล็กเป็นเด็กประถมเหมือนกัน.. แถมกำลังเคี้ยวช็อกโกแล- ล่าอย่างเมามัน
ฉันหันไปหาแสงสว่างนั้นอีกที 'เธอ'กำลังมองมาทางนี้
ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคาบุรากิ
ฉากเปลี่ยนไป
แม้จะยังคงมืดอยู่บ้างแต่ก็พอมองออก ที่นี่เป็นฟาร์มปศุสัตว์ และฉันกำลังขี่ม้า ควบคู่กันกับคาบุรากิ
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่มันก็เพลิดเพลินดี สายลมที่พัดผ่านพลอยทำให้รู้สึกสดชื่น อิสระ โลกดูจะมีสีสันขึ้น ถึงทุกคนจะยังพร่าเลือนอยู่ก็เถอะ
สายตาฉันจับไปที่'เธอ'อีกครั้ง เธอผู้สว่างไสว และก็อีกครั้งที่เธอไม่ได้มองฉัน แต่เป็นมาซายะ
.
.
.
ฉันปล่อยให้มันเป็นไป เหมือนกับกำลังเล่นเครื่อง VR อยู่ยังไงยังงั้น แต่ละฉากหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปเรื่อย ๆ และแม้จะไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด แต่ฉันก็เดินไป
นี่งานกีฬาสินะ ฉันยืนอยู่ในเต็นท์กำลังจัดการอะไรสักอย่างกับเครื่องปริ้นท์ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ครื้นเครง แต่บรรยากาศกลับดูทะมึนทึมทื่อเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
รอบข้างฉันมีร่างคนหลายร่างชุมนุมกันเต็มแน่นไปหมด แถมยังส่งเสียงหึ่ง ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ออกจะน่ารำคาญ แต่ก็มีคนนึงที่ดูไม่ได้นำพา เธอคนนั้นจัดการงานเอกสารต่อไปอย่างขมักเขม้น
มินิเรย์กะไม่ได้สนใจทางนี้เลยแม้แต่น้อย นี่ตัวฉันเอาการเอางานขนาดนั้นเลยงั้นเหรอเนี่ย
อือ น่าน้อยใจนิด ๆ แฮะ..
...เอ๋?
หลังจากนั้นก็มีฉากตัวฉันถูกกวางที่นาระรุมเตะละ ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพน่าขันนั่นเก็บไว้ มาดคุณหนูที่ปกติสวมไว้หลุดลอกไม่เห็นชิ้นดีเลยนะ... ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่านี่ทำอะไรลงไปน่ะห๊า?!?!
ได้ยินเสียงขำก๊ากอยู่ข้าง ๆ คาบุรากิกำลังหัวเราะราวกับจะขาดใจตาย
"นั่นมันอะไรกันน่ะ ยัยนั่นดูงี่เง่าชะมัด-" หัวเราะจนสำลัก
"อย่าพูดอย่างนั้นสิมาซายะ น่าสงสารออกนะ"
"ปากว่างั้นแต่นายถ่ายรูปเธอเก็บไว้เนี่ยอะนะ" คาบุรากิขมวดคิ้วจ้องมาทั้งยิ้ม "ส่งให้ฉันด้วย ยูริเอะจะต้องได้เห็น"
.
.
.