เราคุยกันมาจนถึงร้านอาหารที่ท่านอิมาริได้จองไว้ในวันนี้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงและเก่าแก่แบบที่มีไว้บริการคนระดับ VIP เท่านั้น ฉันรู้สึกว่าคนใน Pivoine ก็มาที่นี่กันบ่อยๆอยู่นะ
พนักงานต้อนรับสูงวัยในชุดกิโมโนดูจะคุ้นเคยกับท่านอิมาริเป็นอย่างดี เพราะเห็นเขาพูดคุยด้วยท่าทีสนิทสนมในระหว่างที่เดินนำทางไปยังห้องที่จองไว้ เป็นห้องส่วนตัวที่มองเห็นสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งอย่างงดงามในยามราตรี ประดับตกแต่งด้วยไฟที่ส่องสว่างให้บรรยากาศหรูหรา อาหารก็เลิศรสสมเป็นร้านชั้นหนึ่ง
ทุกอย่างทำให้ฉันเหมือนย้อนกลับไปในวันที่ยังเป็นคุณหนูของตระกูลคิโชวอิน แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น
ฉันรู้ดีว่าหลังจากที่ท่านอิมาริไปส่งถึงที่พัก สิ่งเหล่านี้ก็จะเสื่อมสลายไป เหมือนเวทมนต์ของซินเดอเรล่าที่หายไปตอนเที่ยงคืน ต้องกลับไปเป็นสาวใช้ก้นครัวอย่างที่เป็นมา
ดังนั้นฉันก็ควรจะรีบจับเจ้าชายให้ได้ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายในปราสาทตามเดิม เอาสถานะของคุณหนูคิโชวอินกลับคืนมาอีกหน
หลังทานอาหารเสร็จ ท่านอิมาริก็พาขับรถชมเมืองอีกเล็กน้อย เขาไม่ได้แตะตัวฉันมากไปกว่าการจับมือนิดๆหน่อยๆตอนที่พาฉันลงจากรถไปชมวิวเมืองโตเกียวจากที่สูง แต่ฉันแทบไม่ได้สนใจจะดูวิวเลยเพราะมัวแต่คิดแผนการณ์ในหัวว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้
“หนาวเหรอจ๊ะ เรย์กะจัง” ท่านอิมาริถามฉันเมื่อเห็นฉันกระชับผ้าคลุมไหล่ผืนบางเอาไว้แน่น “เอาเสื้อฉันไปใส่ก่อนได้นะ”
“ท่านอิมาริจะไม่หนาวเหรอคะ”
“ที่จริงก็หนาวนะจ๊ะ แต่ฉันเป็นผู้ชายแค่นี้ทนได้อยู่แล้วล่ะ” เสื้อสูทถูกถอดออกมาแล้ววางบนไหล่ฉัน ได้กลิ่นหอมของน้ำหอมผู้ชายลอยขึ้นมาเตะจมูก เป็นกลิ่นที่หรูหราราคาแพงเหมาะสมกับบุคลิกของเขา
การเอาใจใส่ที่อ่อนโยนแบบนี้ ถ้าฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเขาคงตกหลุมรักไปแล้ว
แต่ก็ดี…ยื่นโอกาสให้กันได้ง่ายๆแบบนี้ก็ต้องคว้าไว้ล่ะ
ฉันสวมกอดท่านอิมาริไว้แนบแน่น ให้เนื้อตัวเบียดแนบชิดไปในทุกสัดส่วน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเขินอายอีกแล้ว ฉันจะต้องจับผู้ชายคนนี้ไว้ให้ได้
“ถ้าทำแบบนี้ จะอุ่นมั้ยคะ”
“เรย์กะจัง” ท่านอิมาริดูจะตกใจเล็กน้อย แต่ฉันทำเป็นเมินไม่สนใจอาการนั้น ยังคงยืนกอดเขาต่อไป
“ไม่อุ่นเหรอคะ”
“....”
ในความเงียบที่ไหลผ่านไป ท่านอิมาริยกมือขึ้นมาแตะหลังฉันเบาๆเป็นการกอดตอบ พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“เรย์กะจังขี้อ้อนจังเลยนะจ๊ะวันนี้”
“เพราะฉันคิดถึงท่านอิมาริน่ะสิคะ” คำตอบโกหกแบบเห็นๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจับได้หรือไม่ แต่ฉันก็คิดว่าตัวเองค่อนข้างเล่นละครได้แนบเนียนอยู่ “คิดแต่เรื่องท่านอิมาริอยู่ตลอดเวลา ท่านอิมาริไม่มาหาฉันเหงามากเลยล่ะค่ะ”
“ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว เรย์กะจังไม่ต้องเหงาไปหรอกนะ” มือเขาลูบหลังฉันไปด้วยในขณะพูด ทำเหมือนปลอบโยนเด็กที่กำลังงอแง
ฉันรู้ว่าเขากำลังจะปฏิเสธ ฉันต้องชิงรวบรัดพูดต่อไม่ให้เขาพูดคำนั้นออกมาได้
“ท่านอิมาริคะ เราก็รู้จักกันมาแบบนี้เกือบปีแล้วนะคะ” ใบหน้าฉันแนบลงกับอกของเขา กระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นกว่าเดิม “สำหรับท่านอิมาริแล้ว ฉันเป็นอะไรเหรอคะ”
“เรย์กะจังก็คือเรย์กะจังยังไงล่ะจ๊ะ เป็นเจ้าหญิงน้อยที่น่ารักของฉัน”
“ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันไม่อยากจะอยู่ในสถานะของน้องสาวเพื่อนอีกต่อไปแล้ว ท่านอิมาริจะใจร้ายกับฉันมั้ยคะ”
“....”
“ฉันชอบท่านอิมาริค่ะ” ฉันช้อนสายตามอง จับชายเสื้อเขาไว้ “ให้ฉันเป็นของท่านอิมาริจะได้รึเปล่าคะ”
ท่านอิมาริแย้มรอยยิ้มที่ดูลำบากใจ จับมือฉันไว้แล้วบีบเบาๆไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้น
“เรย์กะจังเมาแล้วล่ะ ฉันจะพาไปส่งที่พักนะ”
“ฉันมีสติดีค่ะ” ฉันจ้องหน้าเขาด้วยสายตาแน่วแน่ “ทำไมคะ หรือว่าฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้หญิงของท่านอิมาริ”
“.....”
“เราคบกันแบบไม่ผูกมัดก็ได้นี่คะ ท่านอิมาริแค่มาหาฉันบ้างฉันก็ดีใจแล้ว แล้วฉันก็จะไม่ไปเรียกร้องหรือวุ่นวายอะไรในชีวิตด้วย”
“เรย์กะจัง…”
“หรือเพราะฉันเป็นน้องสาวเพื่อนเหรอคะ ท่านอิมาริถึงมองฉันแบบผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้”
“....”
“ถ้าเป็นเพราะท่านพี่ล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันจะอธิบายกับท่านพี่เอง แล้วฉันก็โตแล้วนะคะ จะคบหากับใครมันก็เรื่องของฉัน ท่านพี่ไม่เกี่ยว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ท่านอิมาริมองฉันยิ้มๆ “ฉันเป็นผู้ชายไม่ดีต่างหาก เรย์กะจังไม่ควรข้องแวะกับฉันมากไปกว่านี้หรอกนะ”
“ฉันก็ไม่ใช่เด็กดีหรอกนะคะ”