ลงฟิกมาเหอะ ใครก็ได้
กุว่าจริงๆฟิก มาซายะ เรย์กะ ก็ไม่ใช่น้อยนิ
แต่กุขออาริมะ เรย์กะ เหอะ
ลงฟิกมาเหอะ ใครก็ได้
กุว่าจริงๆฟิก มาซายะ เรย์กะ ก็ไม่ใช่น้อยนิ
แต่กุขออาริมะ เรย์กะ เหอะ
ขอฟิก พรีสสสส🙏
หาอ่านตอนเก่าๆได้จากไหนบ้างวะ อ่านที่แมวดุ้นทำไมมีแค่ถึงตอนที่ 39
เจอละ
อีกกี่ปีก็จะรอ
จะเข้าปีเสือแล้วท่านฮิจะมาสานต่อคอลเลคชั่นนักษัตรของเจ้าแม่มั้ยค้าา
โม่งตะปิดก่อนท่านฮิกลับมาไหม
วันนี้เลขสวยเลยอัพฟิค 22/02/2022
Dirty Talk เป็นเรื่องคู่ขนานกับ Dirty Mind
https://namelessfiction.food.blog/dirty-talk-1/
Password Hint : ชูุสุเกะคิดว่าเรย์กะเหมือนสัตว์อะไร
ขอบคุณโม่งฟิกจ้า
เหมือนคุ้นๆว่ามีลิ้งสรุปสั้นๆว่าตอนไหนเกิดเหตุการณ์ไรขึ้น แต่ลองหาๆดูละไม่เจอ ใครมีบอกหน่อยจิ
หรือขอเลขตอนที่เรย์กะหยิบพัดขึ้นมาขู่พวกชมรมกีฬาให้หงอก็ได้จ้า แงแง
>>393 อะ กูแปะให้ เอามาจากสารบัญข้างบน
https://docs.google.com/document/d/1UguFV_kxXTf8eTV9Cwp1x-70rqdZbYf0NHYfDw6Df7g/edit
คิดถึงฟิคนี้เลยไปเขียนมาลง
KimiDolce ~after story (เกอิชา) >>>/webnovel/7425/664-670
--------------------------
ทันทีที่ลงจากรถได้ ฉันก็ออกแรงวิ่งโดยไม่หันกลับไปมองด้านหลัง จุดประสงค์คือต้องการไปให้ไกลจากเอ็นโจให้ได้มากที่สุด ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนตัวเองเป็นสัตว์ตัวเล็กๆที่พยายามหนีจากการไล่ล่าของนายพรานที่พยายามทำร้าย
…..ฉันกลัว
ฉันวิ่งเข้าไปในสถานีรถไฟ ข้างในนั้นมีคนแน่นหนา น่าจะเป็นเกราะกำบังสายตาให้ฉันได้ ถ้าเผื่อหมอนั่นจะวิ่งตามมา
วิ่งไปได้ซักพัก ซี่โครงก็รู้สึกเจ็บร้าวและส่งเสียงประท้วงถึงความเหนื่อยล้า ลมหายใจเองก็หอบรวนไปหมดจากความเหนื่อยที่ต้องออกแรงวิ่ง ฉันหลบเข้าไปในห้องน้ำเพื่อจะหยุดพักและสงบสติอารมณ์จากเรื่องที่เกิดเมื่อครู่นี้ ความกลัวเอ่อล้นในจิตใจจนต้องยกสองแขนขึ้นมากอดตัวเองที่กำลังสั่นเทาเอาไว้
ทีแรกฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นด้วยซ้ำ แต่พอเห็นความเซ้าซี้น่ารำคาญก็เลยอดที่จะแหย่เล่นไม่ได้ การทำให้เอ็นโจให้หัวเสียก็ถือเป็นกิจกรรมโปรดของฉันอย่างหนึ่งเหมือนกัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอ็นโจก็แสดงออกอย่างเห็นได้ชัดว่ารังเกียจหรือขยะแขยงฉัน ฉันคิดว่าถ้าทำแบบนั้นไปก็คงจะถูกผลักออกหรือแสดงอาการต่อต้านรุนแรงให้เห็น แล้วฉันก็จะคอยหัวเราะหรือถากถางให้หมอนั่นรู้สึกขุ่นเคืองหนักขึ้นไปอีก
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเอ็นโจจะจูบฉันกันล่ะ
จูบแรกของฉันต้องมาเสียไปให้ศัตรูคู่อาฆาต ฉันไม่มีวันให้อภัยตัวเองในเรื่องนี้เลย แต่จะโทษใครก็ไม่ได้นอกจากความโง่ของตัวเองที่เอาตัวไปเสี่ยงกับการประชดประชันแบบนั้น
และฉันก็คงประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไป ฉันสู้แรงไม่ได้เลยสักนิด ไม่ว่าฉันจะทุบหรือดิ้นรนขัดขืนยังไงก็สลัดไม่หลุด ถ้าหมอนั่นคิดจะข่มขืนฉันก็คงทำได้ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก เปิดประตูห้องน้ำออกไป ส่องดูความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก ลิปสติกที่ทามาเลือนไปหมดแล้วจากเรื่องเมื่อครู่ และมีรอยเลอะที่มุมปากเป็นทางยาว คงมาจากการที่ฉันใช้หลังมือถูปากตัวเองไปมาเพื่อจะลบเลือนสัมผัสที่ได้จากการจูบ
มือฉันสั่นไม่หายตอนที่เอื้อมลงไปหยิบกระดาษทิชชู่และลิปสติกจากกระเป๋าถือ ฉันต้องบังคับไม่ให้มันสั่นในขณะที่ทาลิปสติกลงบนปาก แต่ก็ทำได้ยากเย็นเต็มทน
ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร
ฉันบอกตัวเองซ้ำๆให้ลืมเรื่องนั้น จิกเล็บเข้ากับต้นแขนเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยก่อนออกจากห้องน้ำ ขายังคงสั่นอยู่ในขณะที่ต้องก้าวเดินออกไป ความคิดแย่ๆผุดขึ้นมาในหัวอยู่ตลอดว่าถ้าเกิดหมอนั่นดักรออยู่ข้างนอกจะทำยังไงดี
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น เอ็นโจไม่ได้ตามมาในสถานี มันทำให้ฉันรู้สึกหายใจได้โล่งขึ้นมาก ฉันแตะบัตรเข้าสู่ชานชาลาและก้าวขึ้นไปบนรถไฟเมื่อมาถึง
ตอนนี้คนบนรถค่อนข้างบางตาเพราะไม่ใช่เวลาเลิกงานหรือเลิกเรียน ฉันให้ทิวทัศน์และผู้คนรอบข้างไหลผ่านไป พยายามจะไม่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น และโยนทุกสิ่งทิ้งไว้ด้านนอกชั่วคราวเมื่อฉันต้องผ่านรั้วและกำแพงสูงหนาของเรือนจำกลางโตเกียวเข้าไปในนั้น
การพบท่านพ่อในคราวนี้ก็ไม่ได้มีอะไรคืบหน้าไปมากเท่าไหร่ ท่านพ่อดูเคร่งเครียดจนไม่ถามไถ่ฉันด้วยเรื่องทั่วๆไปเล็กน้อยแบบที่เคยทำเหมือนอย่างทุกครั้ง เข้าสู่ใจความสำคัญเลย ซึ่งนั่นคือเรื่องของท่านอิมาริ
เมื่อท่านพ่อรู้ว่าฉันยังไม่สามารถมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับท่านอิมาริได้ก็ถูกตำหนิ ฉันไม่มีข้อแก้ตัวใดๆทั้งสิ้น ได้แต่ยอมรับคำตำหนินั้นเอาไว้ มันเป็นความผิดของฉันเองที่ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนถึงป่านนี้
หมดเวลาเยี่ยม ฉันออกมาจากที่ตรงนั้นด้วยความรู้สึกหดหู่ ส่วนหนึ่งก็เพราะคำตำหนิที่เรื่องง่ายๆแค่นี้ฉันก็ไม่สามารถจัดการได้ มันทำให้ฉันรู้สึกแย่ที่เป็นคนไม่ได้เรื่องเหมือนอย่างตอนนั้น
ความทรงจำเก่าๆไหลย้อนเข้ามาในหัว ความรู้สึกในตอนนี้มันเหมือนตอนที่ฉันถูกเคี่ยวกรำอย่างหนักในการฝึกซ้อมเพื่อลงแข่งเปียโนตอนประถม ท่านแม่คอยควบคุมกำกับอย่างใกล้ชิด และสั่งให้คุณครูที่มาสอนสามารถลงโทษฉันได้ตลอดถ้าเกิดว่าทำผิดพลาด
“คุณเรย์กะ ตรงนี้เล่นผิดอีกแล้วนะคะ”
“ขอโทษค่ะ ท่านแม่”
“แค่โน้ตง่ายๆไม่กี่ตัวยังจำผิด ขืนปล่อยให้ไปแสดงทั้งๆแบบนี้บนเวทีจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกันล่ะคะ คุณเรย์กะไม่นึกถึงตระกูลคิโชวอินว่าจะต้องอับอายต่อหน้าคนหมู่มากเลยหรือคะ”
“ขอโทษค่ะ”
ฉันสลัดเรื่องเก่าๆออกไปจากหัว ดึงตัวเองให้กลับมาสู่ปัจจุบัน คิดทบทวนข้อผิดพลาดกับเรื่องที่เกิด
อันที่จริง ถ้าคืนนั้นไม่มียัยทาคามิจิหรือเอ็นโจโผล่มา ป่านนี้ทุกอย่างคงเรียบร้อยไปแล้ว
สองคนนั้นเป็นตัวมารขัดขวางฉันในทุกเรื่องจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอ็นโจ ไม่รู้จะตามจองล้างจองผลาญฉันไปถึงไหน
แถมตอนนี้ท่านอิมาริก็ค่อนข้างงานยุ่งมาพบฉันไม่ค่อยจะได้เหมือนเมื่อก่อน ฉันไม่รู้ว่านี่คือสัญญาณว่าเขาจะเบื่อฉันแล้วหรือไม่ ฉันรู้จักเขามาเกือบปีแต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้าในความสัมพันธ์และจะปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ฉันบีบมือตัวเองไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกอย่างเตรียมตัวเตรียมใจในแผนการขั้นต่อไปที่จะมาถึง
.
.
.
.
การทำงานของฉันเริ่มต้นในช่วงเย็นเหมือนอย่างทุกที ฉันแต่งตัวออกจากที่พักเดินทางมายังร้าน และได้รับการแจกกระดาษที่บอกรายชื่อลูกค้าเอาให้แต่ละคนก่อนเวลาเริ่มงาน จะได้รู้ว่าจะต้องพบกับใครและรับมือได้ถูก
จากการทำงานมาเกือบสองปี และมีลูกค้าประจำมาจองตัวสม่ำเสมอ ฉันก็ไม่ต้องไปเป็นตัวแถมพ่วงไปกับเหล่ารุ่นพี่และได้รับการปฎิบัติอย่างเท่าเทียมเหมือนเป็นเกโกะอีกคนหนึ่ง ไม่ใช่เด็กฝึกหัดอีกต่อไป
ในคืนนี้ฉันมีผู้จองตัวแค่รายเดียวและกินเวลาไปจนถึงเลิกงาน แต่ชื่อของผู้จองที่ปรากฎอยู่บนนั้นทำให้ฉันเบิกตาค้าง
คนที่มาจองชั่วโมงของฉันในคืนนี้ก็คือเอ็นโจ
ฉันเหลือบมองผู้ชายคนนั้น รู้สึกหวาดระแวงอยู่ไม่น้อยว่าจะมาไม้ไหน แต่ก็ต้องทำเป็นยิ้มแย้มต้อนรับแขก ถ้าไม่มีใครนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วยฉันคงวิ่งหนีออกไปจากตรงนี้แล้ว
เอ็นโจไม่ได้ให้ความสนใจอะไรกับฉันเป็นพิเศษ ไม่ได้พูดคุยหรือแสดงท่าทีเหมือนว่ารู้จักฉัน อันที่จริงหมอนั่นคุยแต่กับโอก้าซังเสียเป็นส่วนมากด้วยซ้ำ และตอนนี้ยัยนั่นก็กำลังบรรยายสรรพคุณของฉันให้ฟังเพื่อเพิ่มฐานลูกค้า
“อีกเดี๋ยวก็จะถึงเวลาทำพิธีเอริคาเอะของฮิเมะแล้วนะคะ”
“อื๋อ เอริคาเอะนี่คืออะไรหรือครับ”
“พูดง่ายๆก็คือพิธีเปลี่ยนปกเสื้อของไมโกะน่ะค่ะ ฮิเมะของเราจะกลายเป็นเกโกะเต็มตัวแล้ว” โอก้าซังหัวเราะป้องปาก แล้วทำท่ากระซิบกระซาบ แต่ได้ยินกันทั้งห้อง “ถึงเวลานั้นก็สามารถมีดันนะซังเป็นของตัวเองได้แล้วนะคะ”
ฉันแกล้งทำเป็นยกชายกิโมโนปิดบังใบหน้าด้วยความเขินอาย แต่จุดประสงค์จริงๆแล้วก็เพื่อไม่อยากสบตากับเอ็นโจที่มองมาทางนี้ ส่วนยัยนั่นก็ยังพล่ามเกี่ยวกับพิธีต่อไปเรื่อยๆ พร้อมทั้งเชิญเอ็นโจมาร่วมงานเฉลิมฉลองของฉัน
หมอนั่นยิ้มน้อยๆ ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เวลาที่เอ็นโจจองตัวฉันไว้ก็ได้หมดลง แต่งานในคืนนี้ฉันก็สิ้นสุดไปด้วยเหมือนกันเพราะไม่มีใครมาจองต่อ ก็ถือว่าดีที่ได้เลิกงานเร็ว
ฉันเหนื่อยและอยากพักผ่อนจะแย่อยู่แล้ว ขนาดไม่ได้คุยอะไรมากมายเท่าไหร่ แต่การเผชิญหน้ากับเอ็นโจแล้วต้องระแวดระวังตัวตลอดเวลานี่มันกินพลังงานชะมัด
“รบกวนให้เธอไปส่งผมที่รถหน่อยได้มั้ยครับ”
“ได้สิคะ ไม่มีปัญหาเลย” โอก้าซังยิ้มแย้ม รุนหลังฉันให้ไปกับเอ็นโจแบบไม่ถามความคิดเห็นฉันเลยสักคำ “ไปสิจ๊ะ ฮิเมะ”
ฉันได้แต่เกร็งไปหมด ตอนที่พวกเราเดินไปด้วยกันตามทางเดินที่สว่างด้วยแสงจากโคมไฟ เหลือบมองเอ็นโจที่เดินอยู่ข้างๆกันด้วยสายตาหวาดระแวง รู้สึกอึดอัดจนอยากจะวิ่งหนีไปให้พ้นๆ
ภาพในวันนั้นปรากฎขึ้นมาในหัว ถ้าเกิดว่าหมอนั่นจะทำแบบนั้นอีก ฉันจะทำยังไงดีนะ
ระยะทางจากร้านไปที่ลานจอดรถนั้นสั้นมาก นิดเดียวก็เดินถึง แถมยังเป็นที่โล่งที่ใครต่อใครก็เดินผ่านมาได้ ถ้าเกิดว่าเอ็นโจจะทำมิดีมิร้ายฉัน ก็สามารถตะโกนขอความช่วยเหลือได้
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น และฉันที่กำลังจะโล่งใจ เอ็นโจก็เปิดประตูรถแล้วหยิบถุงใบหนึ่งออกมา
“ผมมีของจะให้”
เอ็นโจยื่นถุงกระดาษสีขาวใบใหญ่มาตรงหน้าฉัน ในถุงมีกล่องหลายใบซ้อนกันอยู่
“นี่คืออะไรคะ” ฉันลองกะน้ำหนักดู มันไม่ได้มีน้ำหนักมากมายเท่าไหร่นัก แต่ก็หนักเกินกว่าจะเป็นพวกเครื่องประดับแบบที่ท่านอิมาริชอบเอามาฝากฉันอยู่ดี
“อุปกรณ์ป้องกันตัวแล้วก็พวก smart watch” เอ็นโจอธิบายหน้าตาเฉย แต่ฉันกระพริบตากับคำตอบที่ไม่คาดคิด “หยิบกล่องบนสุดขึ้นมาสิคุณคิโชวอิน”
ฉันหยิบเอากล่องที่ว่านี่ขึ้นมาเปิดดู บนกล่องสกรีนโลโก้ของแบรนด์อุปกรณ์ไอทีและแบรนด์เครื่องหนังเก่าแก่ที่ฉันรู้จักดี ข้างในเป็นนาฬิกาสายหนังสีน้ำตาลอ่อน แต่ฉันก็รู้ราคาของมันว่าแพงแค่ไหน
เอ็นโจสอนวิธีการใช้แบบคร่าวๆให้ว่าต้องใช้งานอย่างไร และตั้งค่าให้มันเชื่อมต่อกับมือถือของฉันเอาไว้ด้วยกันเป็นพื้นฐานเบื้องต้น และให้ฉันไปจัดการต่อด้วยตัวเองตามคู่มือ
กล่องที่เหลือก็เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัวของผู้หญิงแบบพกพาใส่กระเป๋าได้ง่าย อย่างสเปรย์พริกไทยหรือพวกกริ่งขอความช่วยเหลือ
“คุณเอาของพวกนี้มาให้ฉันทำไมคะ”
“ไว้ป้องกันตัวไง...ถ้าเกิดว่ามีใครมาทำรุ่มร่ามกับคุณก็ใช้มันได้เลย” เอ็นโจมองฉัน ทำหน้าตาดูเคร่งเครียดนิดๆ “ขอโทษด้วยนะ แต่ช่วยยื่นแขนมานี่หน่อยสิ”
ฉันทำตามแบบงุนงง เอ็นโจจับข้อมือฉันไว้ ไม่ได้รุนแรงแต่ก็แน่นหนาแบบฉันสลัดแล้วไม่น่าจะออก
“ดูนะ ถ้ามีคนมาจับข้อมือคุณแบบนี้ คุณก็ต้องบิดแขนเข้าหาตัวแบบนี้…” หมอนั่นพลิกข้อมือฉันแบบช้าๆ “แล้วมันก็จะหลุด เห็นมั้ย”
“..….”
“ลองทำดูสิ”
เอ็นโจสาธิตให้ดูอีกหนึ่งรอบแล้วให้ฉันทำตาม ทำอยู่หลายรอบจนได้ประสิทธิภาพที่น่าจะพอใจ หมอนั่นก็ปล่อยมือฉันออก
“พอคุณสะบัดข้อมือหลุดแล้ว จะใช้จังหวะนี้ฉีดสเปรย์พริกไทยใส่หน้า หรือจะเล่นงานจุดอ่อนตามที่ต่างๆก็ได้” ว่าแล้วเอ็นโจก็ชี้ไปตามตำแหน่งต่างๆบนใบหน้าและลำตัวของตัวเอง “จุดพวกนี้คือจุดอ่อนหมด แต่ที่เล่นงานง่ายสุดก็แถวๆตา…”
“เดี๋ยวๆๆ นี่มันอะไรกันคะ”
“ท่าป้องกันตัวแบบพื้นฐาน...อันนี้คือท่าไอคิโด้” เอ็นโจจับมือฉันขึ้นมาอีกหน แล้วขยับไปในทิศตรงกันข้าม “ที่จริงมันมีอีกหลายท่า แต่เอาแบบรวบรัด ท่านี้ก็ง่ายที่สุดเหมือนกัน”
ยืนบิดข้อมือกันอยู่แบบนั้นจนฉันสามารถบิดแขนเอ็นโจไพล่ไปด้านหลังได้ก็เป็นอันจบหลักสูตรแบบเร่งรัด หมอนั่นนวดข้อมือตัวเองไปมา แต่ท่าทางเหมือนจะพอใจ
“จำไว้นะว่าคุณต้องมีสติ อย่าลนลาน”
“ทำแบบนี้เพื่ออะไรคะ”
ฉันจ้องหน้าเอ็นโจพร้อมกับขมวดคิ้ววิเคราะห์สาเหตุไปด้วย
อย่าบอกนะว่าอีตานี่มาสอนฉันเพราะรู้สึกผิดขึ้นมาน่ะ
“เรื่องวันนั้นน่ะ….” อยู่ๆเอ็นโจก็พูดขึ้นมาเหมือนกับอ่านใจฉันออกและก้มหัวลง “....ต้องขอโทษด้วยนะ ผมไม่ควรทำแบบนั้นเลย”
ฉันเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกผิดคาดที่คนแบบหมอนี่ยอมขอโทษออกมาได้ง่ายๆ
“ช่างเถอะค่ะ...มันไม่สำคัญหรอก” สายตาของฉันเลี่ยงมองไปทางอื่น “ฉันก็มีส่วนผิดเหมือนกัน ถือว่าเราหายกันไปก็ได้”
“ถึงคุณคิโชวอินจะบอกว่าอย่างนั้น แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่เคลียร์น่ะ ถ้าไม่ทำอะไรซักอย่างคงอึดอัดแย่” เอ็นโจเงยหน้าขึ้น สีหน้าดูสำนึกผิด “เพราะงั้น...คุณคิโชวอินจะต่อยผมก็ได้นะ”
“เอ๋ ไม่ต้องถึงขนาดนั้น…”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเกรงใจหรอก ทำเถอะ”
“...จะไม่เก็บเอามาคิดบัญชีย้อนหลังแน่นะคะ”
“ผมเชื่อใจไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ”
เอ็นโจช้อนสายตามองฉัน ท่าทางหงอยๆแววตาโศกเศร้าแบบนั้น ถ้าผู้หญิงที่เป็นแฟนคลับหมอนี่มาเห็นเข้าคงยอมสยบแทบเท้า
“ต้องให้พูดออกมาจริงๆเหรอคะ”
“.....”
“เอาเถอะ ถ้าท่านเอ็นโจเสนอเรื่องนี้มาด้วยตัวเอง ฉันก็ไม่ขัดค่ะ”
เอ็นโจหลับตาลง ยื่นหน้ามาเพื่อให้ฉันต่อยได้ถนัดๆ
ถึงฉันจะต่อยหน้า แต่ก็คงไม่มีแรงพอที่จะทำให้เจ็บหนักได้ ฉันจึงรวบรวมแรงทั้งหมดใส่ลงไปในหมัดขวา พุ่งตรงไปที่ท้องน้อยเอ็นโจสุดแรงเกิด
พอได้ต่อยก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันที ถึงจะไม่ทั้งหมดแต่ก็รู้สึกดีขึ้นจากเมื่อครู่นี้โข
“เท่านี้ก็ถือว่าหายกันแล้วใช่มั้ยคะ ท่านเอ็นโจ”
ฉันก็ไม่รู้ว่าที่ฉันต่อยไปจะทำให้เอ็นโจเจ็บมากน้อยแค่ไหน หมอนั่นเอาแต่กุมท้อง พยักหน้าหงึกๆแบบไม่ส่งเสียง ก็คิดว่าคงแรงพอดูที่จะทำให้พูดไม่ออกได้
..ก็นายเป็นคนสอนฉันเองนี่นะ เรื่องจุดอ่อนผู้ชายน่ะ
“งั้นฉันต้องขอตัวก่อนล่ะค่ะ” ฉันเข้าไปใกล้ๆเอ็นโจ พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ฉันไม่อยากเห็นหน้าท่านเอ็นโจอีก หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีกนะคะ”
เอ็นโจไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ได้แต่ก้มหน้าเอามือกุมท้องอยู่แบบนั้น
ฉันเดินกลับเข้าไปข้างใน รู้สึกสบายอารมณ์กว่าตอนเมื่อครู่ ถึงหมัดนั่นจะชดเชยความแค้นไม่ได้ แต่ก็ทำให้ความขุ่นมัวที่สะสมมาหลายวันจางหายไปได้บ้าง
เทียบกับเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมด หมอนั่นโดนแค่นั้นยังน้อยไปด้วยซ้ำ
.
.
.
.
การนัดหมายของฉันกับท่านอิมาริมีขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ท่านอิมาริมารับฉันจากหน้าที่พักเช่นเคย มาพร้อมดอกกุหลาบและลิลลี่ช่อใหญ่ ฉันแกล้งทำกระเง้ากระงอดเล็กน้อยที่เขาไม่มาหาในหลายๆเดือน ท่านอิมาริก็หัวเราะแล้วหยิบกล่องเครื่องประดับขึ้นมา
“นี่พอจะแทนคำขอโทษให้เรย์กะจังได้รึเปล่าเอ่ย”
ครั้งนี้ก็เป็นสร้อยสีเงินเส้นบาง ตรงกลางมีจี้ไพลินเม็ดเล็กๆน่ารักล้อมกรอบด้วยตัวเรือนแพลตตินั่มเป็นรูปหัวใจ มูลค่ามันน่าจะสูงพอตัว ทำเอาฉันใจชื้นขึ้นมานิดหน่อย
ถ้าหากเขาไม่มีเยื่อใยกับฉันแล้ว คงไม่ลงทุนซื้อของแพงขนาดนี้ให้
“ท่านอิมาริคะ ฉันเคยบอกแล้วนี่นาว่าไม่ต้องซื้ออะไรแบบนี้ให้ เปลืองเงินเปล่าๆนะคะ”
“ไม่ได้หรอกจ๊ะ ก็ไม่ได้มาหาเรย์กะจังตั้งหลายเดือนนี่นา” ท่านอิมาริยิ้ม มองสร้อยที่ย้ายไปอยู่บนคอของฉัน ท่าทางจะพึงพอใจ
เราคุยกันมาจนถึงร้านอาหารที่ท่านอิมาริได้จองไว้ในวันนี้ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นชั้นสูงและเก่าแก่แบบที่มีไว้บริการคนระดับ VIP เท่านั้น ฉันรู้สึกว่าคนใน Pivoine ก็มาที่นี่กันบ่อยๆอยู่นะ
พนักงานต้อนรับสูงวัยในชุดกิโมโนดูจะคุ้นเคยกับท่านอิมาริเป็นอย่างดี เพราะเห็นเขาพูดคุยด้วยท่าทีสนิทสนมในระหว่างที่เดินนำทางไปยังห้องที่จองไว้ เป็นห้องส่วนตัวที่มองเห็นสวนญี่ปุ่นที่ตกแต่งอย่างงดงามในยามราตรี ประดับตกแต่งด้วยไฟที่ส่องสว่างให้บรรยากาศหรูหรา อาหารก็เลิศรสสมเป็นร้านชั้นหนึ่ง
ทุกอย่างทำให้ฉันเหมือนย้อนกลับไปในวันที่ยังเป็นคุณหนูของตระกูลคิโชวอิน แต่แค่ชั่วคราวเท่านั้น
ฉันรู้ดีว่าหลังจากที่ท่านอิมาริไปส่งถึงที่พัก สิ่งเหล่านี้ก็จะเสื่อมสลายไป เหมือนเวทมนต์ของซินเดอเรล่าที่หายไปตอนเที่ยงคืน ต้องกลับไปเป็นสาวใช้ก้นครัวอย่างที่เป็นมา
ดังนั้นฉันก็ควรจะรีบจับเจ้าชายให้ได้ เพื่อจะได้ใช้ชีวิตหรูหราสุขสบายในปราสาทตามเดิม เอาสถานะของคุณหนูคิโชวอินกลับคืนมาอีกหน
หลังทานอาหารเสร็จ ท่านอิมาริก็พาขับรถชมเมืองอีกเล็กน้อย เขาไม่ได้แตะตัวฉันมากไปกว่าการจับมือนิดๆหน่อยๆตอนที่พาฉันลงจากรถไปชมวิวเมืองโตเกียวจากที่สูง แต่ฉันแทบไม่ได้สนใจจะดูวิวเลยเพราะมัวแต่คิดแผนการณ์ในหัวว่าจะทำอย่างไรต่อจากนี้
“หนาวเหรอจ๊ะ เรย์กะจัง” ท่านอิมาริถามฉันเมื่อเห็นฉันกระชับผ้าคลุมไหล่ผืนบางเอาไว้แน่น “เอาเสื้อฉันไปใส่ก่อนได้นะ”
“ท่านอิมาริจะไม่หนาวเหรอคะ”
“ที่จริงก็หนาวนะจ๊ะ แต่ฉันเป็นผู้ชายแค่นี้ทนได้อยู่แล้วล่ะ” เสื้อสูทถูกถอดออกมาแล้ววางบนไหล่ฉัน ได้กลิ่นหอมของน้ำหอมผู้ชายลอยขึ้นมาเตะจมูก เป็นกลิ่นที่หรูหราราคาแพงเหมาะสมกับบุคลิกของเขา
การเอาใจใส่ที่อ่อนโยนแบบนี้ ถ้าฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเขาคงตกหลุมรักไปแล้ว
แต่ก็ดี…ยื่นโอกาสให้กันได้ง่ายๆแบบนี้ก็ต้องคว้าไว้ล่ะ
ฉันสวมกอดท่านอิมาริไว้แนบแน่น ให้เนื้อตัวเบียดแนบชิดไปในทุกสัดส่วน นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาเขินอายอีกแล้ว ฉันจะต้องจับผู้ชายคนนี้ไว้ให้ได้
“ถ้าทำแบบนี้ จะอุ่นมั้ยคะ”
“เรย์กะจัง” ท่านอิมาริดูจะตกใจเล็กน้อย แต่ฉันทำเป็นเมินไม่สนใจอาการนั้น ยังคงยืนกอดเขาต่อไป
“ไม่อุ่นเหรอคะ”
“....”
ในความเงียบที่ไหลผ่านไป ท่านอิมาริยกมือขึ้นมาแตะหลังฉันเบาๆเป็นการกอดตอบ พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า
“เรย์กะจังขี้อ้อนจังเลยนะจ๊ะวันนี้”
“เพราะฉันคิดถึงท่านอิมาริน่ะสิคะ” คำตอบโกหกแบบเห็นๆ ฉันไม่รู้ว่าเขาจะจับได้หรือไม่ แต่ฉันก็คิดว่าตัวเองค่อนข้างเล่นละครได้แนบเนียนอยู่ “คิดแต่เรื่องท่านอิมาริอยู่ตลอดเวลา ท่านอิมาริไม่มาหาฉันเหงามากเลยล่ะค่ะ”
“ฉันก็อยู่ตรงนี้แล้ว เรย์กะจังไม่ต้องเหงาไปหรอกนะ” มือเขาลูบหลังฉันไปด้วยในขณะพูด ทำเหมือนปลอบโยนเด็กที่กำลังงอแง
ฉันรู้ว่าเขากำลังจะปฏิเสธ ฉันต้องชิงรวบรัดพูดต่อไม่ให้เขาพูดคำนั้นออกมาได้
“ท่านอิมาริคะ เราก็รู้จักกันมาแบบนี้เกือบปีแล้วนะคะ” ใบหน้าฉันแนบลงกับอกของเขา กระชับอ้อมกอดให้แนบแน่นกว่าเดิม “สำหรับท่านอิมาริแล้ว ฉันเป็นอะไรเหรอคะ”
“เรย์กะจังก็คือเรย์กะจังยังไงล่ะจ๊ะ เป็นเจ้าหญิงน้อยที่น่ารักของฉัน”
“ถ้าฉันจะบอกว่า ฉันไม่อยากจะอยู่ในสถานะของน้องสาวเพื่อนอีกต่อไปแล้ว ท่านอิมาริจะใจร้ายกับฉันมั้ยคะ”
“....”
“ฉันชอบท่านอิมาริค่ะ” ฉันช้อนสายตามอง จับชายเสื้อเขาไว้ “ให้ฉันเป็นของท่านอิมาริจะได้รึเปล่าคะ”
ท่านอิมาริแย้มรอยยิ้มที่ดูลำบากใจ จับมือฉันไว้แล้วบีบเบาๆไม่ได้รุกล้ำมากไปกว่านั้น
“เรย์กะจังเมาแล้วล่ะ ฉันจะพาไปส่งที่พักนะ”
“ฉันมีสติดีค่ะ” ฉันจ้องหน้าเขาด้วยสายตาแน่วแน่ “ทำไมคะ หรือว่าฉันไม่คู่ควรที่จะเป็นผู้หญิงของท่านอิมาริ”
“.....”
“เราคบกันแบบไม่ผูกมัดก็ได้นี่คะ ท่านอิมาริแค่มาหาฉันบ้างฉันก็ดีใจแล้ว แล้วฉันก็จะไม่ไปเรียกร้องหรือวุ่นวายอะไรในชีวิตด้วย”
“เรย์กะจัง…”
“หรือเพราะฉันเป็นน้องสาวเพื่อนเหรอคะ ท่านอิมาริถึงมองฉันแบบผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้”
“....”
“ถ้าเป็นเพราะท่านพี่ล่ะก็ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันจะอธิบายกับท่านพี่เอง แล้วฉันก็โตแล้วนะคะ จะคบหากับใครมันก็เรื่องของฉัน ท่านพี่ไม่เกี่ยว”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” ท่านอิมาริมองฉันยิ้มๆ “ฉันเป็นผู้ชายไม่ดีต่างหาก เรย์กะจังไม่ควรข้องแวะกับฉันมากไปกว่านี้หรอกนะ”
“ฉันก็ไม่ใช่เด็กดีหรอกนะคะ”
ฉันเขย่งเท้าขึ้น กดปากลงบนริมฝีปากของท่านอิมาริ ทำตัวเป็นสาวน้อยใจกล้าขโมยจูบเพื่อนของพี่ชายที่ตัวเองเพิ่งสารภาพรัก
ท่านอิมาริไม่ได้จูบตอบกลับมา เขานิ่งสนิท มือที่ลูบหลังฉันอยู่ก็ค้างไว้อยู่แบบนั้น ทำเอาฉันรู้สึกเสียความมั่นใจไปเล็กน้อย
...หรือต้องทำมากกว่านี้นะ จะเอาไงต่อดี ให้จับหน้าอกเลยจะดีมั้ยนะ มันจะดูไม่งามรึเปล่าสำหรับคุณหนูกุลสตรีอย่างฉัน
ฉันคำนึงถึงขั้นตอนต่อไปในหัวและถอนริมฝีปากออก เมื่อเงยหน้ามองก็ท่านอิมาริยังคงยิ้มอยู่เช่นเคย แต่แววตาที่มองมาแบบอบอุ่นได้เปลี่ยนไปแล้ว
“เรย์กะจังเล่นซนแบบนี้ เป็นเด็กไม่ดีจริงๆนะ”
มือท่านอิมาริลูบไล้ไปตามใบหน้าของฉัน หลังมือแตะที่ข้างแก้มฉันอย่างแผ่วเบา ในขณะที่อีกมือโอบกระชับรั้งให้เข้าหาตัว
“ไม่ได้เล่นซนซักหน่อย ฉันจริงจังนะคะ”
ใจฉันเต้นระรัวอย่างลิงโลด ในที่สุดฉันก็สามารถทำให้แผนการบรรลุไปได้อีกขั้น ที่เหลือก็ต้องพยายามสุดความสามารถในการรั้งเขาไว้ อาจจะด้วยเรื่องเซ็กส์หรืออะไรก็ช่าง ฉันต้องเก็บเกี่ยวจากเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“จูบแบบนั้นน่ะ มีแต่เด็กๆเท่านั้นล่ะจ๊ะที่ทำ”
“ก็ฉันไม่เคยจูบใครนี่คะ”
ไม่ได้โกหกซักหน่อย ฉันไม่เคยไปจูบใครก่อนจริงๆนี่ เว้นแต่ที่เอ็นโจมาจูบฉันเองนั่นไม่นับ
ท่านอิมาริหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าลงมาหาฉัน กระซิบเสียงนุ่มทุ้มข้างหู
“งั้นฉันก็เป็นคนแรกของเรย์กะจังสินะ ดีใจมากเลยล่ะ”
ปลายจมูกเขาค่อยๆไล่จากข้างใบหูมาที่แก้ม พรมจูบเบาๆลงบนผิวเนื้อทุกที่ที่ริมฝีปากลากผ่าน ทุกอากัปกริยาล้วนแต่ลื่นไหลเป็นธรรมชาติ ริมฝีปากที่ทาบทับลงมานั้นร้อนผ่าว เมื่อฉันเผยอปากออก ปลายลิ้นเขาก็สอดเข้ามาแตะกับลิ้นของฉัน ขบเม้มแล้วงับริมฝีปากล่างของฉันเบาๆ บดเบียดคลึงเคล้าอย่างไม่เร่งร้อน
จูบของท่านอิมาริเชี่ยวชาญและชำนาญ ต่างจากจูบเก้ๆกังๆของเอ็นโจลิบลับ
ฉันอ่อนระทวยไปกับรสจูบที่วาบหวามจนแทบจะยืนไม่อยู่ มือท่านอิมาริแตะเข้าที่หัวไหล่ ค่อยๆไล่ไปตามแผ่นหลังของฉัน ความร้อนวูบวาบพุ่งขึ้นมาในอกก่อนจะไปรวมอยู่ตามที่ต่างๆที่ถูกสัมผัส
“คืนนี้อยู่กับฉันนะ เรย์กะจัง” ท่านอิมาริมองฉันด้วยสายตาหวานเชื่อม
เมื่อฉันพยักหน้า เขาก็พากลับมาที่รถและขับไปในทิศทางที่ไม่ใช่ทางกลับที่พักของฉัน
ที่ที่เขาพามาคืออพาร์ทเมนท์สุดหรูย่านรปปงหงิ ในห้องตกแต่งอย่างหรูหรามีรสนิยม แต่ฉันไม่มีเวลาชื่นชมความสวยงามของมันมากนักเพราะทันทีที่เข้ามาด้านใน ท่านอิมาริก็ก้มลงมาจูบฉันอย่างดูดดื่ม
ฉันโอบรอบคอของเขาในขณะที่ถูกอุ้มขึ้นในท่าอุ้มเจ้าสาวและพาไปที่เตียง ท่านอิมาริคุกเข่าลงตรงหน้าแล้วบรรจงถอดรองเท้าส้นสูงออกให้อย่างนุ่มนวล ทำเหมือนฉันคือเจ้าหญิงที่เขาจะทนุถนอม
นี่คงคล้ายกับซินเดอเรล่าที่สวมรองเท้าแก้วก็สามารถไปงานเลี้ยงเต้นรำกับเจ้าชายเพื่อขยับฐานะ แต่ฉันถอดรองเท้าออกเพื่อจะขึ้นเตียงกับผู้ชายเป็นการหนีจากความลำบาก
ท่านอิมาริจูบฉันอีกหน สอดลิ้นเข้ามาแตะสัมผัสกับลิ้นของฉันแล้วค่อยๆเกี่ยวกระหวัดอย่างไม่เร่งร้อน ค่อยๆละเลียดชิมรสจูบจากริมฝีปากของฉัน เมื่อหนำใจก็ค่อยๆไล่ระริมฝีปากลงมาตามต้นคอ จูบเหนือเนินอกและทิ้งร่องรอยไว้ ล้วงมือเข้ามาใต้กระโปรงและลูบไล้แถวๆต้นขา เขาคลายอ้อมกอดออกเพื่อจะถอดเสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่
ร่างกายท่อนบนของท่านอิมาริสมบูรณ์แบบด้วยกล้ามเนื้อดูคล้ายกับพวกนายแบบตามหน้านิตยสาร มันก็คงแน่นอนอยู่แล้วที่ผู้ชายอย่างเขาจะดูแลตัวเองให้มีรูปร่างที่ดูดีอยู่เสมอ ท่านอิมาริยิ้มบางเบาก่อนจะทาบทับตัวเองลงมา ให้ร่างกายเปล่าเปลือยสัมผัสกับผิวเนื้อของฉัน อุณหภูมิจากผิวหนังมนุษย์ที่สัมผัสแนบชิดให้ความรู้สึกร้อนผ่าว
ตอนนี้ฉันมีเพียงแค่ชุดชั้นในปกปิดร่างกายอยู่ มือเขาขยับยุกยิกอยู่ด้านหลัง ปลดตะขอบราฉันออกได้ง่ายๆบ่งบอกว่าทำมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ริมฝีปากร้อนผ่าวประทับจูบลงมาบนเนินอกฉันอีกหน เตรียมสลัดบราที่แสนจะเกะกะนี่ออกไปจากตัวของฉัน
เสียงมือถือที่ดังขึ้นทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก ฉันเลิกคิ้วขึ้น นึกแปลกใจกับคนที่โทรมาในเวลานี้ ส่วนท่านอิมาริขมวดคิ้ว ท่าทางจะหัวเสียนิดหน่อยแต่ก็หันมายิ้มให้ฉัน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเหมือนจะตัดสายทิ้ง แต่ดูชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นชื่อหน้าจอ เขากดรับในทันทีแสดงว่าเป็นสายที่สำคัญ
ท่านอิมาริเดินออกไปนอกห้องเพื่อคุยโทรศัพท์ สักพักก็กลับมา
“เดี๋ยวฉันมานะเรย์กะจัง” เขาคว้าเสื้อที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมาสวม กลัดกระดุมแบบลวกๆแล้วออกไปจากห้องอีกหน
ฉันนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียงอยู่แบบนั้น นึกทบทวนกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
ท่านอิมาริเชี่ยวชาญจริงๆนั่นล่ะ ขนาดฉันที่ไม่ได้มีใจรักใคร่เขาเท่าไหร่นัก ก็ยังรู้สึกเคลิบเคลิ้มเหมือนจะหลอมละลายไปกับจูบนั่น เขาชำนาญซะขนาดนี้ เซ็กส์ครั้งแรกของฉันคงจะไม่เลวร้ายนักหรอก
แต่ผ่านไปนานพอสมควรก็ยังไม่เห็นเขากลับมาซักที ฉันนึกเป็นห่วงนิดหน่อยก็เลยสวมเสื้อผ้าแล้วเดินไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ได้ยินเสียงพูดคุยไม่ได้ศัพท์ดังมาจากห้องรับแขก ก็คิดว่าคงจะมีแขกมาหา อาจจะเป็นเจ้าของสายโทรศัพท์เมื่อครู่นี้
คนที่มาคือท่านพี่
สองคนนั้นอยู่ในห้องรับแขก รายล้อมไปด้วยเอกสารเกลื่อนโต๊ะ บนพื้นก็มีกระเป๋าเอกสาร คงเป็นเรื่องงานหรือเรื่องธุรกิจยากๆที่ฉันไม่เข้าใจ
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะ” ท่านอิมาริก้มลงเซ็นเอกสารแล้วส่งคืนให้ท่านพี่ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ไม่หรอก พอดีเป็นงานด่วนที่ต้องใช้ลายเซ็นท่านรองประธานด้วยน่ะ”
“อย่าบอกนะว่าจะเอากลับไปทำต่อที่ห้องอีก” ท่านอิมาริเลิกคิ้ว “มันดึกแล้ว เอาไว้ทำพรุ่งนี้ก็ได้น่า”
“ไม่เป็นไร เหลือแค่นิดเดียว เดี๋ยวทำต่ออีกหน่อยก็เสร็จ”
ท่านพี่เก็บของลงแฟ้มเหมือนกำลังจะกลับแล้ว ฉันจึงคิดจะกลับไปรอในห้องเหมือนเดิม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินประโยคหนึ่งที่ทำให้ต้องหันขวับ
“ตอนนี้นายกับเรย์กะไปถึงไหนกันแล้ว”
“เอ่อ...ก็….”
“ทำไมถึงอ้ำอึ้งล่ะ” ท่านพี่เลิกคิ้วขึ้น “หรือว่า….”
“ยังหรอก” ท่านอิมาริกระแอมไอ
ท่านพี่เงียบไปพักหนึ่ง แล้วหันไปจัดเอกสารลงแฟ้มต่อ
“จะทำอะไรก็ทำ แต่ระวังตัวไว้ให้ดีๆ เพราะนายคงสลัดยัยนั่นหลุดได้ยากแน่”
“นั่นสินะ” ท่านอิมาริยิ้มขื่นๆ
ฟังจากบทสนทนา เหมือนท่านพี่จะรู้ความเคลื่อนไหวของฉันจากท่านอิมาริตลอด ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามแบบนี้
ฉันก็เคยคิดไว้อยู่แล้วว่าท่านอิมาริคงจะบอกเพื่อนเขา แต่พอมาได้ยินเองจากปากของสองคนนั้นกลับรู้สึกเหมือนถูกหักหลังอย่างไรชอบกล
“ยังไงก็อย่าพลาดให้ท้องมาล่ะ ฉันไม่คิดว่าคนแบบนั้นจะยอมจบที่เซ็กส์แค่ไม่กี่ครั้ง เธออาจจะใช้เด็กมาเป็นข้ออ้างเพื่อผูกมัดนายก็ได้ นายก็รู้นิสัยยัยนั่นดีนี่”
“เรื่องนั้นฉันรู้น่า”
ฉันแหงนเงยหน้าพิงกับผนัง รู้สึกหัวใจเจ็บหนึบไปหมด
ถึงฉันกับท่านพี่จะไม่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนัก แต่การที่ต้องมาฟังพี่ชายแท้ๆพูดจาดูถูกดูแคลนให้ได้ยินซึ่งๆหน้าก็ออกจะทำให้รู้สึกเจ็บปวดอยู่ไม่น้อย
ท่านพี่พูดถึงฉันเหมือนเป็นคนอื่นคนไกล ไม่ใช่น้องสาวของเขา พูดว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าไม่อายเที่ยวเร่จับผู้ชาย และผู้ชายคนนั้นก็กำลังจะหาทางเขี่ยฉันทิ้งตอนเบื่อแล้ว โดยมีพี่ชายของฉันมองแบบสมเพช
และเพราะมันเป็นความจริง ฉันถึงได้เจ็บปวดขนาดนั้น
หลายๆครั้งที่คิโชวอิน เรย์กะเจ็บปวด เธอผ่านมันมาได้ยังไงนะ….
...ก็ออกไปอาละวาดจนกว่าจะสาแก่ใจ จนกว่าศัตรูของเธอจะย่อยยับน่ะสิ
“สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ท่านพี่”
ฉันเดินออกจากมุมที่ซ่อนไปปรากฎตัวต่อหน้า สองคนนั้นดูตกใจเอามากๆ
“เรย์กะจัง”
“อิมาริ” ท่านพี่หันไปขมวดคิ้วใส่ “นี่มันอะไร”
“คือว่า…”
“ก็อย่างที่เห็นนั่นล่ะค่ะ” ฉันเชิดหน้าขึ้น “ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองในห้องหับมิดชิดยามวิกาลกำลังจะทำอะไร ท่านพี่ไม่รู้เหรอคะ”
ท่านพี่จ้องฉันอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันไปมองท่านอิมาริ พูดเสียงราบเรียบ
“ออกไปก่อนอิมาริ ฉันมีเรื่องจะคุยกับน้อง”
น้อง...งั้นเหรอ
ฉันแค่นหัวเราะเมื่อได้ยินคำนั้น ส่วนท่านอิมาริหันมองพวกเรา แววตาดูเป็นกังวล แต่ก็เดินออกไปจากที่ตรงนั้น
“เธอกับพ่อคิดจะทำอะไร”
ไม่ต้องมีการอารัมภบททักทายอะไรกันให้เยิ่นเย้อ ดูท่าทางเขาก็ไม่อยากจะเสียเวลาคุยกับฉันมากนักหรอก
“จำเป็นต้องรายงานท่านพี่ด้วยเหรอคะ” ฉันกระแทกเสียงใส่ เน้นย้ำคำว่าท่านพี่อย่างจงใจ “ปกติก็ไม่เคยจะใส่ใจที่บ้านอยู่แล้ว จะอยากรู้ไปทำไม”
“ฉันจำเป็นต้องรู้ เพราะเธอกำลังจะพยายามก่อเรื่องที่จะทำให้ฉันต้องมาเดือดร้อนในภายหลังน่ะสิ”
“ฉันก็ตั้งใจทำมาหากินสุจริตเลี้ยงตัวเองอยู่นะคะ ไม่ได้ก่อเรื่องเดือดร้อนอะไรให้ใครซักนิด” ฉันส่งยิ้มหวานให้ท่านพี่ “อีกอย่าง การที่ฉันจะคบหาดูใจกับเพื่อนของท่านพี่จนมาถึงขั้นนี้ ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรนี่คะ”
“พูดจาตลกดีจังเลยนะ คิดว่าการที่อิมาริพูดจาหวานๆหรือซื้อของแพงๆให้ทุกครั้งที่ไปหาคือการคบหาแล้วเหรอ” ท่านพี่หัวเราะ น้ำเสียงแฝงแววขบขัน “อิมาริไม่เคยจริงจังกับใคร หมอนั่นก็จะนอนกับเธอแค่ไม่กี่ครั้งแล้วทิ้ง เธอจะไม่ได้อะไรจากมันหรอก”
ฉันสะดุ้งเมื่อสบตาเข้ากับท่านพี่ ก่อนจะก้มลงมองหัวเข่าตัวเองเพราะไม่อยากทนเห็นว่าถูกมองแบบสมเพชขนาดนั้นได้
เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านพี่ ก็เหมือนฉันตัวหดเล็กลง แบบเดียวกับตอนเป็นเด็กที่ไม่สามารถทำอะไรได้เมื่อถูกขัดใจ สิ่งที่ทำได้มีเพียงแค่แผดเสียงร้องไห้ใส่ก่อนจะวิ่งไปฟ้องให้ผู้ใหญ่มาจัดการ อ่อนแอจนไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ด้วยซ้ำ
“แค่นั้นเหรอคะ ที่ท่านพี่พยายามจะบอก” ฉันกำชายกระโปรงตัวเองไว้แน่น พยายามบังคับไม่ให้เสียงสั่น “แล้วยังไงคะ ฉันจะนอนกับใครหรือโดนใครทิ้งมันก็เรื่องของฉันรึเปล่า ท่านพี่เกี่ยวอะไรด้วยล่ะ”
“ฉันคงไม่คิดจะยุ่ง ถ้าเธอไม่คิดจะใช้อิมาริในการช่วยวิ่งเต้นคดีของพ่อ”
ฉันสะดุ้งเมื่อได้ยินคำพูดนั้น ทำไมท่านพี่ถึงได้…
“ดูทำหน้าเข้าสิ คิดว่าทำไมฉันถึงรู้น่ะเหรอ คนอย่างเธอน่ะเดาไม่ยากหรอก”
“....”
“เธอคงคิดสินะว่าจะใช้อิทธิพลของอิมาริช่วยเหลือพ่อ แต่เรื่องนี้อิมาริไม่ช่วยเธอหรอก ฉันถึงได้เตือนว่ามันเสียแรงเปล่า แถมทำให้เธอดูเป็นผู้หญิงไร้ยางอายเที่ยวอ้าขาให้ผู้ชายไปทั่วอีกต่างหากล่ะ”
ขอบตาฉันร้อนผ่าวเหมือนน้ำตากำลังจะไหลจนต้องจิกเล็บเข้ากับฝ่ามือเป็นการห้ามตัวเอง ฉันจะร้องไห้ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด ถึงจะพ่ายแพ้แต่ก็จะแสดงความอ่อนแอต่อหน้าศัตรูไม่ได้
“อย่างนั้นเหรอคะ”
ฉันเงยหน้าขึ้น แย้มรอยยิ้มให้ท่านพี่เหมือนว่าไม่ยี่หระต่อคำดูถูกนั้น
“ถ้าท่านอิมาริช่วยอะไรไม่ได้ในเรื่องนี้ ฉันก็ไม่มีธุระจะคุยด้วยอีกแล้วล่ะค่ะ” ฉันลุกขึ้นจากโซฟา แกล้งทำเป็นค้อมหัวให้ “ยังไงซะ ผู้ชายรวยๆก็ไม่ได้มีแค่ท่านอิมาริคนเดียวนี่คะ ถ้านอนกับคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็คงเจอคนที่ทำให้ความต้องการของฉันเป็นจริงได้เอง”
“พูดจาได้ไร้ยางอายดีนะ” รอยยิ้มของท่านพี่ยิ่งบาดลึก “ถ้าท่านแม่มาได้ยินคงเป็นลม ลูกสาวที่เลี้ยงมาเป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่ง พูดออกมาว่าจะเที่ยวเร่ไปนอนกับคนนั้นคนนี้ ...หรือว่าท่านแม่สั่งสอนให้เธอทำแบบนี้ล่ะ”
“....”
“เวลาที่เจอคนรวยๆ สองคนนั้นคงจะบอกเธอรีบเอาตัวไปประเคนให้เหมือนที่ทำกับเจ้าเด็กคาบุรากินั่นสินะ”
“อย่าพูดถึงท่านพ่อกับท่านแม่แบบนั้นนะคะ!!”
“แล้วฉันพูดผิดตรงไหน” ท่านพี่ยังคงพูดด้วยน้ำเสียงรื่นเริงกับว่าพูดเรื่องสนุกสนาน “เธอเข้าไปทำงานนี้หลังจากติดต่อกับพ่อ ให้ฉันเดานะว่าพ่อคงบอกให้เธอไปทำงานที่มันเปลืองตัวกว่านี้ แต่ติดอยู่ที่เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะก็เลยเป็นเด็กนั่งดริงค์หรือสาวโฮสเตสไม่ได้ เธอก็เลยต้องทำอาชีพนี้แบบเลี่ยงไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ ก็สาวแคชเชียร์หรือพนักงานร้านอาหารทั่วไปคงแทบไม่มีโอกาสเจอกับคนรวยๆนี่นะ”
เมื่อถูกขุดคุ้ยสิ่งที่ปิดบังไว้ออกมาเปิดเผย ความรู้สึกอับอายก็ปรากฏขึ้นและแผ่ขยายไปทั่วร่างจนรู้สึกชาวาบเหมือนถูกตบหน้า
“นี่ก็ถูกอีกใช่มั้ย”
ท่านพี่เท้าคางมองฉันยิ้มๆ แต่สายตาเขาเต็มไปด้วยเย็นชา ทำเหมือนฉันคือศัตรูที่ต้องบดขยี้ให้ย่อยยับ ไม่ใช่น้องสาวของเขา
ความรู้สึกหลากหลายตีกันประดังประเดอยู่ในอก ต่อให้ฉันอยากเสแสร้งว่าไม่เป็นอะไรต่อคำพูดเหล่านั้น แต่คราวนี้ฉันคงเก็บมันไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
“ใช่ ถูกหมดทุกอย่างเลยล่ะ”
ฉันสบตาเข้ากับท่านพี่ ความขมขื่นแล่นปราดไปทั่วทั้งตัวจนรู้สึกจุกแน่นไปหมด
“ถึงจะถูก ก็แล้วไงล่ะ”
เมื่อได้พูดแล้ว คำพูดก็ไหลพรั่งพรูออกมาไม่หยุดเหมือนเขื่อนที่ถูกทำลาย ฉันตะโกนใส่ท่านพี่อย่างไม่คิดจะกลัวเกรงอีกต่อไปแล้ว
“ฉันหน้าไม่อายแล้วยังไงล่ะ!! ฉันไม่ได้มีสมองหรือเก่งกาจที่จะทำธุรกิจพันล้านเหมือนท่านพี่ซักหน่อย คนโง่อย่างฉันก็คิดได้แค่จับผู้ชายรวยๆเพื่อหนีจากชีวิตแบบนี้เท่านั้นล่ะ”
ท่านพี่ยังคงจ้องฉันพร้อมกับรอยยิ้มบางเบา ยิ่งกระพือความโกรธให้สุม
“ทำเป็นเหยียดหยามฉันอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ท่านพี่ก็ไม่เคยทำอะไรให้ท่านพ่อกับท่านแม่ภาคภูมิใจเลยไม่ใช่เหรอ เสียแรงที่เกิดมาในตระกูลคิโชวอินจริงๆ”
“เธอคิดว่าฉันอยากจะเกิดมาในครอบครัวแบบนี้อย่างนั้นเหรอ”
รอยยิ้มที่ท่านพี่มักมีประดับใบหน้าอยู่เสมอหายไปแล้ว
“ถึงจะเป็นครอบครัวแบบนี้แต่ก็เลี้ยงคุณให้เติบโตมาอย่างสุขสบายตั้งหลายสิบปีไม่ใช่เหรอ” ฉันเหยียดยิ้มดูถูก “ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลคิโชวอิน คุณจะยังเชิดหน้าชูคอใช้ชีวิตหรูหราสูงส่งขนาดนั้นได้ยังไง ตอนนี้คุณก็ต้องอยู่ในสถานะคุกเข่าขอความเมตตาจากคนอื่นเหมือนกันนี่ เราก็ไม่ต่างกันนักหรอก”
ฉันถอดสร้อยที่ท่านอิมาริสวมให้เมื่อตอนเย็น ขว้างมันใส่หน้าท่านพี่เต็มแรง จี้ไพลินกระแทกบริเวณคิ้วคงเจ็บน่าดู แต่ฉันไม่สนใจ
“เอาคืนไปเลยนะ!! แล้วก็ไปบอกเพื่อนของท่านพี่ด้วย อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!!!”
ฉันวิ่งกลับเข้าไปในห้องนอน หยิบกระเป๋าและรองเท้าของตัวเองออกมา ท่านอิมารินั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ไกลจากแถวๆนั้น พอเห็นฉันก็รีบลุกขึ้นมาหา ยื่นมือมาเหมือนจะโอบประคอง
“เรย์กะจัง”
“ฉันจะกลับแล้วค่ะ รบกวนท่านอิมาริกดลิฟท์ให้ทีนะคะ”
ถึงจะไม่อยากพูดกับผู้ชายคนนี้แค่ไหน แต่การที่ฉันจะออกไปจากอาคารนี้ได้ก็ต้องมีคีย์การ์ดในการเข้าออกและกดลิฟท์ ท่านอิมาริดูจะเข้าใจและไม่ซักถามอะไรมาก เดินนำหน้าฉันออกมาจากห้อง
ในลิฟท์มีแต่ความเงียบที่น่าอึดอัด ฉันยืนคนละมุมกับท่านอิมาริ แตกต่างจากตอนขามา เขาเหลือบมองฉันเป็นระยะๆ สีหน้าดูเป็นกังวล
เมื่อไปถึงทางออก ฉันก็หันมาโค้งหัวให้
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมาค่ะ ต่อจากนี้เราก็อย่าเจอกันอีกเลยนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนสิจ๊ะ นี่ก็ดึกแล้วมันอันตราย ถ้ายังไงให้ฉันไปส่งนะ” เขาชูกุญแจรถให้ดู
“ช่างฉันเถอะค่ะ”
“แต่ว่า…”
สายตาของท่านอิมาริดูจะเป็นห่วง แต่ฉันไม่มีอารมณ์มาพิจารณาอะไรอีกแล้ว แค่คิดว่าผู้ชายคนนี้ข้องเกี่ยวกับท่านพี่ ฉันก็รู้สึกขยะแขยงขึ้นมา
“หนวกหู!!”
“เอ๋!!”
“บอกว่าหนวกหูไง ไอ้คนไร้ประโยชน์เอ้ย!!!” ฉันสะบัดมือที่พยายามยื่นออกมาหา และตะโกนใส่หน้าเขา “ฉันไม่น่ามาเสียเวลากับคุณเลย รู้งี้เลือกคนอื่นซะยังจะดีกว่า อย่างน้อยเขาก็คงพอทำอะไรให้ฉันได้บ้าง”
“...เรย์กะจัง”
“นี่ล่ะค่ะตัวตนจริงๆของฉัน” ท่านอิมาริยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น มือที่ยื่นออกมาชะงักค้างอยู่ในอากาศ “ในเมื่อรู้แล้วก็อย่ามายุ่งเกี่ยวกันอีกเลยค่ะ”
ฉันเปิดประตูออกไปจากตรงนั้น ก้าวเท้าเร็วๆเกือบจะเป็นวิ่งไปที่ถนน ใช้หลังมือปาดน้ำตาที่ไหลออกมา
รองเท้าส้นสูงราคาถูกที่ใส่วิ่งแค่เล็กน้อยแค่นี้ส้นก็หักพาฉันเกือบจะล้มลงไปที่พื้น ฉันเดินโซเซไปที่ม้านั่งแถวนั้นเพื่อพักขา แค่นยิ้มให้ตัวเองเมื่อมองรองเท้าพังๆข้างนั้น
ยังไม่ทันเที่ยงคืน แต่เวทมนต์ของซินเดอเรล่าก็เสื่อมสลาย
ฉันมองเงาสะท้อนของตัวเองในกระจกร้านค้าที่ปิดให้บริการ ภาพในกระจกแสดงให้เห็น สารรูปของคิโชวอิน เรย์กะในตอนนี้ช่างดูไม่ได้เอาซะเลย ผมเผ้ายุ่งเหยิง ที่หางตาและแก้มยังมีคราบน้ำตาติด ดีที่ใช้เครื่องสำอางแบบกันน้ำ มันก็เลยยังไม่ละลายเพิ่มความเละเทะมากไปกว่านี้
ทำทุกอย่างพังอีกแล้ว
ความรู้สึกเสียใจผุดขึ้นมา ฉันไม่น่าทำอะไรลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบนี่เลย ฉันควรจะอดทนนั่งสงบเสงี่ยมอยู่ในห้องรอท่านอิมาริกลับไปหา ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปอย่างที่ควรเป็น ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ฉันก็เป็นนังโง่ที่ใช้แต่อารมณ์ไม่ใช้สมองอยู่เรื่อย
เป้าหมายที่ควรจับไว้ให้ได้ก็หายไปแล้ว จากนี้คงต้องเริ่มต้นหาคนใหม่ จะเป็นใครก็ได้ เจ้ารุ่นน้องที่ซุยรัน นักธุรกิจ นักการเมือง ผู้ชายคนไหนก็ได้ที่ร่ำรวยและมีอิทธิพลที่ผ่านเข้ามาในชีวิต คราวนี้ต้องห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด ต่อให้ฝืนใจแค่ไหนก็ต้องทำ
ฉันถอดรองเท้าอีกข้าง หักส้นข้างที่ยังดีอยู่ออกแล้วสวมกลับเข้าไปใหม่ ท่าเดินยามเมื่อใส่รองเท้าพังๆแบบนี้คงจะแปลกไปบ้าง แต่ในเมืองที่เร่งรีบและทุกคนสนใจแต่เรื่องของตัวเองเช่นนี้ คงไม่มีใครจะมาสนใจฉันนักหรอก
เหลือบมองนาฬิกาข้อมือที่เอ็นโจให้ฉันมา มันบ่งบอกเวลาห้าทุ่มสี่สิบสองนาที ก็ยังดีที่รถไฟยังไม่หมดเที่ยว จะได้ไม่ต้องเตร็ดเตร่ข้างถนนหรือไปฆ่าเวลาที่ร้านเน็ตเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าแท็กซี่
ฉันลุกขึ้นยืน กระชับผ้าคลุมไหล่ผืนบางไว้ให้แน่น ก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อลมเย็นๆปะทะร่างกาย ก้าวขาลงบันไดของรถไฟใต้ดินที่ตอนนี้เกือบจะร้างผู้คน เมื่อรถไฟมาถึงก็ก้าวขึ้นไป ทิ้งความหรูหราและแสงไฟจากรปปงหงิเอาไว้ไม่หันกลับไปมองเหลียวหลังเหมือนอย่างที่วิ่งจากท่านอิมาริมา
--------------
ไม่ได้เขียนฟิคนี้นานมาก แต่รู้สึกอยากอ่านเลยเขียนต่อ
กรี๊ดดด จุ๊บนะโม่งฟิค โคตรเยียวยาเลยถึงอ่านจบแล้วกูจะอยากร้องไห้กับเจ้าแม่ก็เถอะ จะเป็นไงต่อวะ
แต่เขียนดีมากกก อ่านเพลินสุดๆ
โม่งฟิคมาแล้ววว ดีใจ
คำพูดท่านพี่นี่ฟังแล้วจี๊ดแทนเลย ส่วนท่านอิมารินี่ก็ไม่ทิ้งลายจริงๆ ดีที่โดนขัดซะก่อน
ในนี้มีใครเก็บกระทู้แกทแพทเชื่อมโยงมุมมองของเอ็นโจ ที่เขียนโดยคนญี่ปุ่นไว้ไหมอ่ะ ในกระทู้มันจะเขียนบอกไว้ทำนองว่า ตอนที่ 27 เรย์กะไปทัศนศึกษา เล่นกับกระต่าย แล้วเอ็นโจก็มองมาที่เรย์กะ (จากบทพูดของสาวๆที่กรี๊ดว่า ท่านเอนโจมองมาทางนี้) นับว่าเป็นครั้งแรกที่ "กระต่าย" โผล่ออกมา กระต่าย(และเอ็นโจ)โผล่มาอีกตอนที่เท่าไหร่บ้าง วิเคราะห์คำพูดท่านไอระเกี่ยวกับเอ็นโจ
หลักๆ คือเป็นกระทู้รวบรวมหลักฐานว่า เอ็นโจ สนใจเรย์กะขนาดไหน อะไรเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่บ้าง มีรายละเอียดปีกย่อยเล็กๆ ที่แทบไม่เป็นที่สังเกตอะไรบ้าง หรือตอนที่เท่าไหร่ เชื่อมไปหาตอนที่เท่าไหร่อะไรงี้
ที่หาไม่ใช่อะไร อยากแต่งฟิคเอ็นโจ ติดที่ว่าไม่ได้อ่านเรื่องนี้นานมากแล้วและอ่านทวนเองคงมีตกหล่น เพราะเรื่องนี้มันไม่ได้เขียนเล่าเรื่องที่ "นักเขียน" อยากเล่า แต่เป็นเรื่องที่ "เรย์กะ" อยากเล่าหรือบ่น แล้วท่านเรย์กะนี่เหมือนเหม็นขี้หน้าเอ็นโจแรงมาก เวลามีบทถึงเอ็นโจทีไรมันจะชอบตัดไปอย่างรวดเร็ว(และแทบไม่ให้รายละเอียดอะไรเลย) เหมือนเรย์กะไม่อยากให้เรารู้ว่าจริงๆ เกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่ก็ตัวเรย์กะพยายามปฏิเสธและทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อ่ะ (ผิดกับตอนที่บรรยายถึงคาบุรากิมาก อันนั้นคือพอเลิกกลัวแล้วเริ่มสนิท(...น่าจะเรียกว่าชินและรับมือเป็นแล้วมากกว่า) ท่านเรย์กะก็คือไม่เกรงใจละ ตั้งใจเผาเต็มที่มาก555+)
>>406 เอาแบบสนใจมองจริงๆหลังจากมีชื่อออกมาในตอนที่ 6 ก็คือตอนที่ 10 ขึ้นไป ฮีเริ่มพูดคุยด้วยการทักเรย์กะละว่าเป็นเด็กที่เต้นวอลซ์กับท่านพี่ในงานเลี้ยง เห็นเรย์กะกินมาการองก็มากินด้วย(ซึ่งตอนหลังก็เฉลยออกมาแล้วว่าเอ็นโจไม่ชอบของหวาน แต่กินเพราะอะไรก็ยังไม่บอกสาเหตุ) แล้วก็นั่งจ้องเรย์กะที่จ้องมาซายะอยู่ เพราะเรย์กะบอกหันไปก็สบตากับเอ็นโจเข้าให้พอดี แถมเอ็นโจรู้ว่าเรย์กะมองมาซายะอยู่บ่อยๆ แปลว่ามองอยู่ตลอด (ทุกครั้งที่เรย์กะหันไปมองสองหนุ่มก็จะสบตากับเอ็นโจตลอดนะ) แล้วก็ผลุบๆโผล่ๆมาช่วยนิดหน่อยตอนสาวๆรุมซักไซร้ในตอน 21 เพราะรู้ว่าเจ้าแม่ต้องลำบากแน่นอน ตอนเจ้าแม่เป็นกรรมการนักเรียนไปห้องคาสึรางิคนเดียวก็รู้ว่าเจ้าแม่หายไปและตามมาแทบจะทันที ถ้าไม่สนใจคือปล่อยให้นางมาคนเดียวก็ได้ คิดว่านางน่าจะจัดการเองได้สบายๆ
อันนี้ฝากไว้ให้กวนกาวนิดหน่อย อาจจะไม่เกี่ยวหรือไม่เชื่อมโยงอะไรกันก็ได้ แต่ตอนม.2 งานโรงเรียน ห้องเรย์กะเสนอให้ทำคาเฟ่ เอาเอ็นโจเป็นจุดขาย แต่โดนล้มโครงการเพราะสาวๆไม่อยากให้"ท่านเอ็นโจของห้องเรา"โดนรุมล้อม พอม.4 เรย์กะไปกินลาเต้อาร์ทที่คาเฟ่กับไอระ ม.5 ห้องเอ็นโจทำคาเฟ่เลย แถมทำลาเต้อาร์ทด้วย ไม่รู้ว่าพี่แกเสนอตัวเองด้วยรึเปล่า เพราะไม่น่าจะมีใครไปบอกให้เอ็นโจมาเทกาแฟเอนเตอร์เทนลูกค้าได้นะ ถ้าไม่เต็มใจจะทำเอง
แต่ถ้ามองแบบไม่จิ้น คาเฟ่มันก็เรื่องพื้นๆในงานโรงเรียนอะ เอ็นโจก็สมาชิกของห้องคนนึง ต้องช่วยงานห้องอยู่แล้ว พอมีความสามารถด้านบาริสต้าก็ช่วยๆกันไป เรย์กะเป็นเพื่อนก็เทกาแฟให้หน่อยเป็นการเซอร์วิสเพื่อนเหมือนที่ทำให้มาซายะน่ะ
>>407 แต๊งมากมึง ความจำดีจังวะ เดี๋ยวสอบเสร็จกูต้องไปทวนพร้อมจดบันทึกบ้างละจะได้ไม่ลืมบ่อยๆ เผื่อจะค้นพบอะไรเพิ่มด้วย
เอาจริง ประเด็นกับเอ็นโจมันมีหลายเรื่องอ่ะ แต่แต่ละเรื่องคือถูกตัดไม่ก็ถูกเบลอโดยท่านเรย์กะหมด มีน้อยที่ท่านเรย์กะจะเล่าถึงเอ็นโจแบบเด่นๆ ขนาดเรื่องหิ่งห้อยที่เด่นมาก ท่านเรย์กะยังทำเป็นไม่มีอะไรแล้วรีบเอาหิ่งห้อยไปปล่อยแบบรีบๆได้เลย
ฟีลแบบ เออ คนที่เจ้าบทเจ้ากลอน ความรู้ทั่วไปกว้างขวางแบบท่านเรย์กะจะไม่รู้ความหมายแฝงของการให้หิงห้อยจริงๆหรอ... กูมั่นว่ารู้แน่ แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ละติดฟิตเตอร์ต้องโดนกวนอยู่แน่ๆ ใส่เอ็นโจแบบที่ทำมาตลอด
>>408 ประเด็นเกี่ยวกับเอ็นโจนี่นางชอบพูดตามหลังอะ อย่างเรื่องยูกิโนะยกชามาให้ นางก็มีเสริมๆไปว่าน้องเขาเป็นเด็กดีจัง ยังไม่เคยเห็นเอ็นโจยกชาหรือรินชาให้ใครทั้งนั้น หรือรู้ว่าเอ็นโจไม่กินขนม อยู่ในห้องสโมสรก็กินแต่ชา ถ้าไม่มองหรือสังเกตบ้างก็ไม่รู้หรอก เพราะความสนใจซัก 80% ในเรื่องที่บรรยายออกมาพุ่งไปที่คาบุซะหมด แต่การที่บอกแบบนั้นก็แสดงว่า นางก็รู้เรื่องของเอ็นโจเยอะนะ อยู่ที่จะพูดหรือไม่พูดออกมาแค่นั้น
แต่ส่วนมากเวลานึกถึงเอ็นโจก็นึกแค่แป๊บเดียวจะรีบตัดฉับไม่พูดถึงอีก ผิดกับคาบุที่นางบ่นเรื่อยเจื้อยในใจตลอด แถมรู้รสนิยมคาบุดีทุกอย่างกระทั่งยี่ห้อชอคโกแลตที่ชอบแล้วเอาไปเป็นของฝากตอนไปเยี่ยมบ้าน แต่กับเอ็นโจนางไม่เคยให้อะไรตรงๆแบบระบุเจาะจงว่าให้เจ้าตัวเลย ต้องไปให้คนอื่นก่อนแล้วค่อยไปถึงมือเอ็นโจอีกที ส่วนคาบุกับยูกิโนะได้ของจากนางเยอะแยะ ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆคาบุก็เป็นพระเอกไปแล้วป่ะ สนใจกันซะขนาดนี้ 55555
>>409 อย่างที่กูว่าแหละมึง เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่นักเขียนอยากเล่า แต่มันคือเรื่องที่ท่านเรย์กะอยากเล่า ถ้าอันไหนนางไม่เล่าก็แทบไม่รู้เลย ต้องตั้งใจสังเกตรายละเอียดยิบย่อยเอาเอง 5555+
ช่วงแรกๆ นางก็ตัดเหมือนเอนโจนี่แหละ แต่เหมือนหลังๆ คือท่านเรย์กะก็คือไม่กลัวคาบุละอ่ะ นินทาในใจได้แบบสบายใจ คงรู้ว่านินทาไปคาบุก็อ่านใจไม่ได้หรอกว่ากำลังแซะอะไรอยู่ แต่ถ้าไปนินทาเอ็นโจนี่ ต่อให้ไม่พูดออกไปอีกฝ่ายก็รู้เหมือนอ่านใจได้ กับคนที่รับมือไม่ได้ท่านเรย์กะผู้ที่คิดว่าจิตใจตัวเองเปร๊าะบ๊างเปราะบางก็คงอยากเลี่ยง 55555+
คงไม่ได้อ่านต่อแล้วใช่มั้ย
อยากอ่านเรื่องนี้ต่ออ่ะ
ยังรองานดอกไม้ไฟ นี่มันอีเวนท์หวานแหววในการ์ตูนโชโจเลยนะเว้ย ดูดอกไม้ไฟด้วยกัน อาจจะมีสารภาพรักแต่โดนเสียงดอกไม้ไฟกลบไรงี้
กลับไปย้อนอ่าน ช่วงวาคาบะอวดชุดเครื่องแบบที่เจ้าแม่ให้นี่แม่งอย่างดาร์ก มีความเยาะเย้ยเต็มที่ว่าไอดอลที่เธอใฝ่ฝัน ทำยังไงก็ไม่ได้เข้าใกล้ แต่ฉันได้เขามาครองย่ะ มีความขิงสุดอะไรสุด จะประกาศว่าฉันนี่ล่ะเมียเขา คนอื่นอย่าเจ๋อก็โคตรเหมาะ ถ้าเป็นแนวยูริสองคนนี้ก็เป็นแฟนกันเรียบร้อยกันไปนานแล้วป่ะ 555555
นี่กำลังแอบคิดว่าคุณหนูที่ไหนมาแอบแต่งนิยาย เป็นไดอารี่ชีวิตตัวเอง ส่วนตอนที่300 ผู้แต่งไปงานดอกไม้ไฟ โดนสารภาพรักแล้วกระซิบข้างหูว่า ผมรู้นะว่าแอบเอาชีวิตจริงไปเขียนใช่ไหมล่ะ ฮิโยโกะ และแล้วชีวิตของคนเขียนก็มีความสุขกับความรักจนไม่มีเวลามาแต่ง5555// มโนศาสตร์
เพื่อนๆ นิยายในเว็บแมวดุ้นหาย ใครมีให้โหลดบ้างอ่ะฮืออ ว่าจะกลับมาอ่านเพราะคิดถึงแต่หายไปแล้ววว
เข้าสารบัญตลคไม่ได้ง่ะ ;^; มีใครรู้บ้าง
อยากได้ฟิก กะนายตัวสำรอง กุว่าโมเม้นดีๆมีได้อีก
อยากอ่านฟิคที่ความจำเสื่อมอีกอ่ะ ชอบๆๆ
คิดถึงเจ้าแม่เรย์กะ
อ่านๆไปเจ้าแม่นี่คิดยังไงกับสองหนุ่มวะ กับคาบุนี่ให้ฟีลเพื่อนไม่คิดอะไรมาก แต่นางก็ทำตัวคล้ายๆกับเป็นกิ๊ก(?)นิดๆ แบบตอนที่รู้ว่าวาคาบะไปเที่ยวที่ดีๆเก๋ๆกับคาบุแต่นางดันต้องมาร้านราเม็งทั้งที่เป็นผู้หญิงเหมือนกัน คือนางหวังให้คาบุทรีตนางแบบวาคาบะเรอะ แถมยังไปสมมติว่าตัวเองจะทำกับข้าวมาให้กินอีก ถ้าคาบุมันบอกว่าอยากกินนางจะทำมาให้ว่างั้น??
ส่วนเอ็นโจ เหมือนจะไม่อยากยุ่ง พูดถึงก็น้อย แต่เวลาได้ยินข่าวเอ็นโจกับผู้หญิงทีไรนางนอยด์หรือไม่ก็โมโหทุกที กับคาบุที่มีข่าวไปซื้อของให้ผู้หญิงนางยังกล้าไปถาม แต่กับเอ็นโจนางไม่ถาม ตัดบททุกอย่าง อันนี้คือรำคาญ ไม่อยากข้องเกี่ยวหรืออะไร แต่ตอนเขามาชวนไปดูดอกไม้ไฟก็วิ่งไปเลือกชุดทันทีเลยนี่นา หรือกระตือรือร้นเพราะยูกิโนะ 55555555555555555
Vtuberคนใหม่นิจิซันจินี่ดูแล้วนึกถึงท่านเรย์กะเลย
แต่โรคกระเพาะนี่เป็นจริงนะ ถึงขนาดเอาภาพส่องกล้องมาเปิดให้ดู....
55555555555555555555555555555555555555ใครเค้าเอาของแบบนี้มาอวดกันวะ55555555555555555555555555555
>>440 เป็นสตรีมเมอร์ที่ใช้ตัวการ์ตูนแทนตัวเองอ่ะ ลองดูไหม กำลังจะไลฟ์เลย
https://www.youtube.com/watch?v=gIdJ0Gn9O24&ab_channel=壱百満天原サロメ/HyakumantenbaraSalome
อยากได้คนที่รวมแปลงานแฟนอาร์ตทั้งหมดของคุณ @marudori_kenkyo มาก หยาดน้ำชะโลมใจของผม
เฝ้ามองเเละเป็นกำลังใจให้ อยากช่วยเหลือเมื่อเธอต้องการ เหมือนเอ็นโจนิดๆอะ อยากให้คนเขียนกลับมาตอนนี้เริ่มเห็นภาพซ้อนทับเเล้ว
https://twitter.com/rakugaki_toka/status/1534134418126012416?t=-Tp_yEzxXXkb8M2eDCo0gg&s=19
จิงมึง ยิ่งดูท่านซาโลเมะแล้วยิ่งคิดถึงท่านเรย์กะ
อย่างน้อยเขียนอีกตอนฉากขึ้นเรือแล้วตัดจบเลยก็ได้ท่านฮิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิิ
จำได้ว่าอ่านเรื่องนี้ครั้งแรกตอนม.4 จนตอนนี้กุเรียนจบปี 4 เรียบร้อย ตอน 300 ก็ยังไม่มา
ป่านนี้ลูกท่านฮิกี่ขวบแล้ววะ
กูอ่านตั้งแต่มอต้นตอนนี้เข้ามหาลัย ถึงจะรู้ว่าไม่มีหวังแล้วแต่ก็อยากมามู้นี้อยู่ ฮึก เรือคาบุเรย์กะของกูยังอยู่ดีนะ
จะว่าไปถามจริงๆนะมีใครตามฟิค คู่หูทะลุมิติมั้น 51ตอนในสารบัญนี่จบรึยัง ผมรู้สึกมันยังคาคาใจ
จบแล้วแต่ไปต่อได้อีก
ท่านซาโลเม่คือฮิโยโกะเซนเซย์มาเดบิวต์ปะ มีใครถามไปยัง 😭😭😭😭😭
กูพึ่งมาเห็นพวกมึงคุยเรื่องซาโลเมะเหมือนท่านเรย์กะ ตอนกูเห็นโมเดลกับฟังเสียงครั้งแรกกูนึกถึงท่านเรย์กะจนตามซาโลเมะเลยมึง ช่วยคลายความคิดถึงไปหน่อย ฮือ
แต่ถ้าท่านฮิจะเป็นวี ก็ต้องเลือกคาร์ท่านเรย์กะป่ะวะ
สรุปท่านซาโลเมะเนี่ยแหละคือท่านฮิ ซู๊ดดดดดดดดดดด
แต่นิสัยคล้ายเยอะนะ พวกของจุกจิก หรือ พวกน้ำขนม มีพูดถึงเป็นไดอารี่เลย
ว่าจะมาลงฟิคแต่พอจะโพสต์โม่งแม่งติดคำต้องห้ามซึ่งกูก็ไม่รู้ว่าคำไหน แต่ก็ขี้เกียจแก้ เพราะกูก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำไหนมันคำต้องห้ามที่โดนระบบกรองคำไป
เอาเป็นว่ากูจะย้ายไปลงใน readawrite แทนแล้วกันนะ คงเอาฟิคที่กูเคยเขียนในนี้ไปลงด้วยแล้วก็อัพที่นั่นไปเลย
ในรี้ดกูจะลงเรทอะไรดีวะ จะว่า 18+ มันก็ไม่ใช่ฟิคที่จะซั่มกันทุกตอน แต่มีเรทมั้ยคือมีชัวร์ๆ 5555555555
ถ้าเสินมันไม่กรองคำในเว็บกูก็คงลงในนี้ต่อไปว่ะ มันสะดวกสำหรับกูไม่ต้องยุ่งยาก ขึ้นบนดินแบบลงรี้ดแล้วลำบากชิบหาย กูต้องคีพคาร์น่ารักสุภาพ กูไม่ได้อยากเปิดโม่งเลยแต๊ๆ ต้องหารูปประกอบปก ซึ่งกูก็ไม่อยากไปเอาแฟนอาร์ตใครมาใส่อะ เดี๋ยวมันผิด LC ที่ยังไม่ได้ลงนี่ไม่ใช่อะไรนะ หารูปอยู่
อีกอย่างถ้ากูใส่เรท 18+ แต่เขียนมาสิบกว่าตอนยังไม่มีเรทซักแอะ กูกลัวพวกมึงจะผิดหวังกัน 5555555555555
หรือจริงๆท่านฮิจะจำพาสเวิสไม่ได้จริงๆ
(ยังรออ่านฟิคใหม่ๆเสมอนะเว้ย)
ไม่ได้แวะมานาน พอเข้ามาเห็นวงน้ำชาอยู่มาจนถึงครั้งที่32แล้วจะร้องไห้ //สาวกเจ้าแม่ยังอยู่กันเหนียวแน่นมาก
คิดถึงมากเลย ตอนนี้ไปเจอมังงะบางเรื่องก็เริ่มเห็นภาพหลอนเป็นเจ้าแม่เรย์กะเข้าไปทุกที
กูหานางเอกที่ถูกจริตแบบเจ้าแม่ยังไม่ค่อยเจอเลย ประเภทคุณหนูเริ่ดหรูแต่ข้างในรั่ว ชอบคาแรคเตอร์แบบไอ้บากะรากิกับจอมมารเอ็นโจด้วย พวกหล่อเสียของทั้งหลาย อยากเห็นพวกฮีไปเดทแล้วสมหวังในรักจะแย่อยู่ละ
การรอคอยที่แสนยาวนานของจริง
คิดถึงเรื่องนี้ชะมัด
เหงาแท้ คิดถึงเจ้าแม่ว่ะ
https://twitter.com/K00S_/status/1562369874814459904?t=_hSBPtzEeaMciUGLvCwPRA&s=19
อันนี้แม่งโคตรเหมือนเจ้าแม่เลย 5555555
เผื่อใครอยากฟังเพลง นางร้องเพลงดักแก่เยอะมาก https://youtu.be/-mHkg7tA83Q
กินส้มตำเลยอะ🤣
มุงแงท่านเรย์กะ คิดถึงเสมอนะะะะ
มาเกาะบอกคิดถึงท่านเรย์กะด้วยยย เดือนนี้จะครบรอบปีที่เท่าไหร่แล้ววะ TT
ยังคิดถึงท่านเรย์กะ
อีก 5 วันจะถึงวันครบรอบของพวกเราแล้วใช่เป่านะ...
มันคือกี่ปีแล้ววะ
จะ 4ปีแล้ว
5ปีผ่านไป...ไม่เคยรออะไรนานขนาดนี้มาก่อน
มึงว่าลูกท่านฮิเข้าร.ร.ยังวะ เผื่อจะเจียดเวลามาเขียนต่อ
กุอ่านตอนกุเรียนมหาลัย ตอนนี่กุเตะฝุ่นมาสองปี ก็ยังไม่มีตอนใหม่ เหี้ย เอ๊ย ชาติหน้าเกิดใหม่ขอให้มีตอนใหม่นะครับ
คิดถึงนะเรย์กะจัง
คิดถึงจัง ท่านฮิมาแวะบอกข่าวสักนิดก็ยังดี หายไปเลยแบบนี้มันคาใจ ฮือๆ
คถมู้ คถโม่งแปล คถท่านฮิ
ไปดูในแมวดุ้นตอนหายหมดเลยแหะเกิดไรขึ้นนิ
กูลงฟิคเรย์กะเกอิชาในรี้ดไปละ จากนี้คงไปลงในนั้นถาวรเลย มันจะได้สะดวกขึ้น เวลาเขียนเรทก็จะได้ไม่ตะขิดตะขวงใจด้วย
https://www.readawrite.com/a/acd95459947bc21b2996b320c058bf26?preview=1
https://ทวิต.com/marudori_kenkyo/status/1609783874808315906?t=axIBKrJDBlxRuFt_sx0shQ&s=19 สวัสดีปีใหม่เพื่อนโม่ง นวยังลงรูปอยู่ เราก็ยังมีหวังได้!
คิดถึงเจ้าแม่จัง อ่านคั้งแต่มอต้นจนปี1แล้ว🥲 ว่าแต่มีใครบอกบุญได้ไหม มันเคยมีเรื่องที่คล้ายๆกับเรื่องนี้ แต่ทั้งนางเอกแล้วก็นางร้ายทะลุมิติมาเหมือนกัน แล้วพ่อก็เอาเมียน้อยซึ่งก็คือแม่นางเอกเข้าบ้าน แล้วตัวเอกกับแม่ก็โดนขังไว้หลังบ้าน มีวันนึงตัวเอกก็พยายามหนีมาบอกตา ว่าตัวเองกับแม่โดนขังไว้ จำได้ว่ามีฉากตัวเอกของเราข้ามไฟแดงทั้งที่เด็กมากด้วยๆๆ ช่วยด้วยยยย จำไม่ได้้้อยากกลับไปอ่านอีกครั้งจัง
https://www.facebook.com/100044561703999/posts/705464600948924/?sfnsn=mo&mibextid=Np5ng4
เห็นแล้วนึกถึงท่านเรย์กะ
อ่านตั้งแต่ตอนเรียนจบใหม่ๆ จนตอนนี้ได้เป็นผจก.ละ ท่านเรย์กะไม่กลับมาแล้วเหรอออ
คิดถึงท่านเรย์กะโคตรๆ TT
กุอ่านท่านเรย์กะตั้งกะม.1ม.2 ตอนนี้ปี1ละ กุคิดถึงเรื่องนี้มาก แวะๆมาดูมู้นี้เสมอ เผื่อจะมีอัพเดตว่าตอนใหม่มางี้ โฮร
เพื่อนห้องนี้มีใครอ่าน By a slight mistake ไหม
เหลือจะเชื่อว่ามู้นี้ยังแอคทีพ5555
ใกล้วาเลนไทน์แล้ว กูก็หวังให้แกมาลงต่อพร้อมตอนเจ้าแม่ไปเดทกับเอ็นโจนะ ฮึก หวังมากเกินไปมั้ย
คิดถึงเรื่องนี้เลยเขียนต่อ
https://namelessfiction.food.blog/dirty-talk-2/
Password Hint : เรย์กะให้ของกินอะไรกับเอ็นโจให้เอาไปแบ่งกับยูกิโนะ
จริงๆแอบอยากเขียนมุมมองเจ้าแม่ด้วย แต่ยังนึกชื่อเรื่องไม่ออก จะชื่อไรดีวะ 555555555
ช้อคที่ยังมีคนแอคทีฟอยู่ จากใจโม่งม.ต้นเมื่อตอนนั้นจนตอนนี้ปี 1 แล้ว กูยังรออย่างมีความหวังแบบลมๆแล้งๆอยู่นะ55555555555
เข้าไปดูไฟล์สารบันไม่ได้ เลยหาพาสไม่เจอ โม่งช่วยที
https://twitter.com/L6gAsLgg6eNQ6Ko/status/1641065997758271495?t=xkQMTOpStW2nai1NGmwjMw&s=19
เห็นละนึกถึงชูสุมอยกับเรย์ตัน 555555
หาอ่านจากไหนกันอ่ะ อยากไประลึกความหลัง แมวดุ้นมีแค่30กว่าตอนเอง
หาพาสไม่เจอ ช่วยที
รักเจ้าแม่ตลอดไป
คำใบ้พาสคือของกินที่เจ้าแม่ชอบเอามาปัดเป่ามารอะ ฟิคโครตดีโครตเด็ดล้ำค่าดีเลิศอันดับหนึ่ง มาแต่งต่อนะมึงกุรออ่านอยู่ ฟิคมึงคือน้ำหล่อเลี้ยงโม่งทุกคนในนี้
ยังระลึกถึงท่านเรย์กะเสมอมา
กลับมาอ่านฟิคคาบุรากิ x เรย์กะทะลุมิติ คืองานดีไม่เสื่อมคลาย คิดถึงเจ้าแม่มาก
จำได้รางๆ ว่าโม่งแต่งฟิคเรื่องนี้เหมือนเคยมาตอบในมู้ไหนสักมู้ว่าไม่มีแรงเขียน เพราะเจ้าแม่ไม่ออกตอนต่อใช่ป่าววะ
กูขอแว็บไปดูสารบัญฟิคอย่างมีความหวังแปบ เผื่อมาต่อแล้ว
ไม่ได้เข้ามานาน พวกมึงยังเหนียวแน่นกันดีจัง 555555555555555555
เข้ามาเช็คอิน 06/07/66
มีตัวละครนึงในลูกโอชิที่ออกมาทีไรกูแอบขำทุกที เสือกชื่อเดียวกับคาบุซะด้วย ทั้งคาบุรากิ มาซายะ มาทั้งชื่อทั้งนามสกุลจนกูแอบคิดว่าคนเขียนลูกโอชิมันจงใจป่ะวะ 5555555555
เข้ามาตกใจที่พวกมึงยังแอคทีฟ นึกว่าเจ้าแม่ออกตอนใหม่แล้ว
เมื่อไหร่เจ้าแม่จะอัพ กูรอตอนสามร้อยเหมือนจะขาดใจ
ชอบการเอากิโยตินมาเป็นบทลงโทษ งานดูดอกไม้ไฟจะมาถึงไหมนะ
https://youtu.be/zQQsn0-6gNE
กูคิดถึงโหม่งมู้นี้ว่ะ โหม่งเจ้าแม่มีแต่คนน่ารัก กูไม่ได้เข้าโหม่งนานมาก ลองไปไถๆ ฟอรั่มอื่น เจอแต่เรื่องปวดสมอง
ต้องหาของหวานตามเจ้าแม่มากินเยียวยาละ
คิดถึงเจ้าแม่เหลือเกินนนนน กุคิดถึงเรือของเจ้าแม่กับหลายสิ่งอย่าง คิดถึงการชิปแบบไม่ต้องกลัวโดนคนอื่นถล่ม โลกภายนอกโหดร้ายชิบหาย บางเรื่องกุชิปสลับโพยังโดนด่า ก็กุอยากชิปอ่าาาา ฮือออออ
สู้เจ้าแม่ไม่ได้ ชิปเจ้าแม่กับอาหารยังไม่ผิด TT
ชิปกับคานก็ไม่ผิดมึงง
รอเจ้าแม่ตั้งแต่ยังไม่เข้ามหาลัย ยันตอนนี้ที่กุทำงานละ ตอนที่ 300 ก็ยังมาไม่ถึง
เหยยยย จะกลับมาอ่านใหม่ทำไมตอนในแมวหายล่ะ เขาปิดทำไมมมมม
เข้าใจว่าลิ้งก์ไฟล์ตอนมันหายจากไฟล์รวมสารบัญมั้ย (หรือมีเหตุผลที่เขาตั้งใจเอาออกรึเปล่าวะ)
ขอเอาลิ้งก์เดิมที่มันหายไปมาแปะให้นะ เผื่อใครยังอยากย้อนอ่าน
https://drive.google.com/drive/folders/1i5duDkGG5JidA4nLmCRGMTcOipUzIj36
เขาจะมาต่อไหม หมายถึงอ.ที่เขียน
วันฮาโลวีน กูมีฟิคคู่เอ็นโจ×เรย์กะมาเสิร์ฟค่ะ แน่นอนว่า r18 //ปิดตาขวยเขิน
https://www.readawrite.com/a/eac2f7631db303466e8c976bc232f0dc
เข้ามาส่องเพราะกูคิดถึงเจ้าแม่กับเพื่อนโม่งมู้นี้ รอวันที่ปาร์ตี้น้ำชาจะกลับมาคึกคักอีกนะ
ต่อให้ผ่านมาแปดปีกูก็จะรอคอยตลอดปัยยยย ตอนนี้เริ่มอ่านใหม่อีกรอบละ ตั้งใจว่าจะลองจดฉากที่เอ็นโจมองเรย์กะดู ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเริ่มมองตั้งแต่ประถมเลยมั้ง
คนแต่งเรื่อง หายไปเหรอ
ตราบใดที่ยังไม่สิ้น ชั้นก็จะรอต่อ
นี่กูรอตอนใหม่มาหกปีแล้วหรอเนี่ย…
กูต้องรอลูกท่านฮิบวชใช่มั้ย ท่านฮิถึงจะหมดห่วงแล้วมาอัพอีเวนต์งานดอกไม้ไฟให้กูอ่านซักที
คิดถึงเจ้าแม่ชิบหายเลย
แปะสำหรับเป็นไอเดียของAUมะหมา https://x.com/saturday28april/status/1749090562110828757?s=46
กุอ่าน บันทึกสังเกตการณ์คุณคู่หมั้นผู้ประกาศตัวเป็นนางร้าย แล้วไวป์มันนึกถึงท่านเรย์กะกับเอ็นโจวเลยว่ะ55555 แบบสังเกตอีกฝ่ายแล้วบอกว่ารีแอคชั่นน่าสนุกไรงี้ นางเอกผมหลอด ชอบทำตัวเด๋อๆเหมือนกันด้วย ทำตัวเป็นกามเทพสื่อรักอีก โอ้ย อ่านไปอ่านมาแล้วก็คิดถึงท่านเรย์กะ🥲
ใครมีนิยายเรื่องไหนแนะนำบ้าง กูขอฟีลแบบท่านเรย์กะเลย สวยเสียของ วันๆของฉันกับของกินงี้ รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เมคเฟรนด์ท่าเดียวงี้ กองอวยแบบกูใช้ชีวิตลำบากดี ชอบ
OGwNRD2y
mJZts4KU
เห้ยยยยยยย!!!!!? เจ้าแม่ออกตอนที่300แล้วพวกมรึงงงง!!!!!!!!! 😭😭😭😭🥳🤯😍😍🥰🥰🥰🥰🥰
กุล้อเล่น5555555555555555555555555555555+XD ORZ
กูก็ แวบมาดูซักหน่อย เห้อ คิดถึงสมัยคึกคัก กูรอเจ้าแม่อยุ่บนคานจนท้อแล้วเนี่ย
นิยายที่เริ่มเขียนเมื่อ11ปีที่แล้ว และไร้การสานต่อมาจะ7ปีแล้ว
ใครเขียนภาษาญี่ปุ่นเป็นช่วยไปเม้นให้แจ้งเตือนท่านฮิเด้งเล่นๆ จะได้ไหมนะ เผื่อจะนึกได้ว่ามีเรื่องนี้อยู่ 7 ปีแล้ว ลูกเข้าประถมแล้วมั้ง 😂
มีคนเอาเจ้าแม่ลงรอรด้วย เห็นเขาค่อยๆอัพเดตแล้วคิดถีง https://www.readawrite.com/a/3b0b39c57bbaeb28128439350b2b1ff7
ตอนใหม่มายัง กูหลับไป1ปี
ช่วยด้วยค่ะ มีคนมาต่อฟิคนี้ไหมคะหาไม่เจอ ตอนนี้ใจจะขาดรอน ๆ 😭
กาลครั้งหนึ่งในฝัน ตอนพิเศษ 2.2
ชิบหายแล้วกู มาอะไรตอนตลาดวายอะ มีใครมาช่วยแปะหน่อยได้ไหม คุ้น ๆ ก็ยังดี กาวให้เลยก็ขอบคุณมากค่ะ
กูเป็นโม่งใหม่ที่เข้ามาครั้งแรก 6 ปีที่แล้วแล้วเพิ่งจะเข้ามาอีกที ขอบคุณฟิคกาวทั้งหลายมากนะมึง เยียวยากูดีจริง ๆ
พวกมึงกาวกันเก่งมาก ตั้งแต่เรือเล็ก ๆ ไปจักรวาลยานแม่ลำใหญ่โต มีหลายกาแล็กซีมิติโลกคู่ขนานแตกขยายแยกย่อยไปเยอะแยะเลย กูรักพวกมึงนะ
((มันคงจะดีถ้ามีตอนต่อของฟิคที่ชะงักไป หรือกาวใหม่ ๆ ที่งอกเพิ่มมา กูบอกเฉย ๆ นะมึง))
จู่ ๆ ก็คิดถึงท่านเรย์กะขึ้นมา
ฟิคเกมบัดดี้ค่ะ (เอ็นเรย์) ใครว่าง ๆ หลงเข้ามาอ่านก็โชคดีนะ
กูแค่คนรอฟิคคนนึง ระหว่างนั้นก็อยากลองเอากาวมาเสิร์ฟบ้าง.. ตอนแรกก็จะสั้น ๆ แต่งไปมา เห้ย ยาว แล้วมันสูบเวลาชีวิตจริงด้วย กูยิ่งซาบซึ้งโม่งฟิคเข้าไปใหญ่ โฮ ขอบคุณน้า กูไม่ได้ตั้งใจจะกดดันนะTT
มือใหม่ อ่านแล้วติดขัดหลุดคาร์ง่วงนอน กูขอโทษษ
(คิดซะว่าเป็นฟิคในโลกคู่ขนานนะ)
------------
วันนี้เปิดเทอมวันจันทร์ ฉันตื่นและลุกขึ้นจากเตียงนุ่มฟูอุ่นสบายด้วยอารมณ์แจ่มใส แสงแดดอ่อนส่องเข้ามาผ่านหน้าต่าง ฉันเปิดม่านมองออกไป อากาศใช้ได้เลย เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับวันแห่งการเริ่มต้นอย่างวันเปิดเทอมนะ
แหม ถ้าวันแรกมันผ่านไปได้ดีเสียอย่าง ฉันก็เหมือนได้รับพรให้ใช้ชีวิตตลอดเทอมได้ราบรื่นไร้ปัญหาแล้วล่ะนะ
วันนี้ก็ม้วนผมเกลียวได้สมบูรณ์แบบ ทานข้าวเช้าแสนอร่อยแล้วก็โบกมือลาท่านพี่ที่ไปทำงาน ส่วนฉันก็ขึ้นรถไปโรงเรียน ท่านพี่เนี่ยหมู่นี้งานยุ่งประชุมด่วนสุด ๆ เลย กลับไม่ทันอาหารเย็น เช้าก็ไม่เห็นหน้า แต่วันนี้กลับได้อยู่ทานมื้อเช้าด้วยกัน จิตใจฉันยิ่งผ่องใสกว่าเดิม ดีจังเลยน้า~
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านเรย์กะ"
อรุณสวัสดิ์ค่ะ ทุกคน
อายาเมะจังและคิคุโนะจังทักทายฉัน เราเดินมาด้วยกันพลางวี้ดว้ายแลกเปลี่ยนถึงปิดเทอมที่สนุกสนาน
"ถ้าได้อยู่ห้องเดียวกันอีกก็ดีสิคะ"
"นั่นสิน้า~"
"ปีนี้จะมีโชคได้อยู่ห้องเดียวกับท่านคาบุรากิและท่านเอ็นโจบ้างไหมน้า" อายาเมะจังเอามือกุมแก้ม
ปีนี้จะไร้โชคโดนจับไปอยู่ห้องเดียวกับสองคนนั่นไหมนะคะ
ที่ผ่านมานี่ก็เคยมีดวงตกบ้าง แต่ถึงจะแย่ยังไงคงไม่หวยออกไปอยู่ห้องเดียวกับคู่หูตัวปัญหานั่นหรอกนะ มีหวังแค่อาทิตย์เดียวหัวฉันคงขาวโพลนไปถึงโคนแน่ ๆ อัปมงคล!! ฉันรีบสะบัดหัวไล่ความคิดชั่วร้ายออกไป
พวกเรายืนกันอยู่หน้าบอร์ดประกาศห้อง เป็นอันว่าลัคกี้! ฉันได้อยู่กับแก๊งค์หน้าเดิม ๆ 2-3 คน อ๊ะ นั่นชื่อซาโตมิคุงนี่นา ปีนี้ก็คงรับบทหัวหน้าห้องเหมือนเดิมสินะ ฝากตัวด้วยนะคะ
ส่วนพวกตัวละครหลักและคู่หูนั่นกระจายกันอยู่คนละห้องเลยล่ะ อุฮุฮุ ปีนี้น่าจะสงบสุขดีจริง ๆ
"ดีจังเลยนะคะท่านเรย์กะ ที่พวกเราได้อยู่ห้องเดียวกันอีก" เซริกะจังพูดอย่างร่าเริง
"ฉันก็ดีใจค่ะ ฝากตัวด้วยนะคะคุณเซริกะ คุณคิคุโนะ คุณรุเนะ" หน้าเดิม ๆ ทั้งนั้นเลย ไม่ต้องโดดเดี่ยวเป็นหมาหัวเน่าแล้ว ฉันยิ้มแย้มรับคำ
พวกเราย้ายเข้ามาเกาะกลุ่มคุยเจื้อยแจ้วในห้องฉัน เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาคาบแรก
"เหงาจังเลยค่ะ ฉันโดนดีดออกไปอยู่คนเดียวเลยละ" อายาเมะจังตีหน้าเศร้าสร้อย มุมปากยกยิ้มนิด ๆ
"อ้าว ฉันเห็นนะคะ จนถึงตอนนี้คุณอายาเมะยังไม่หุบยิ้มเลย" เซริกะจังทำสายตาหยอกล้อ
"อิจฉาจังเลยค่ะ ถ้าฉันได้อยู่ห้องเดียวกับท่านเอ็นโจบ้างคงแสนวิเศษ" รุเนะจังทำท่าเคลิบเคลิ้ม
"ฮิฮิฮิ ไว้ฉันจะเอามาเล่าให้ทุกคนฟังบ่อย ๆ นะคะ ฮุฮุฮุฮุฮุ"
นั่นละ อายาเมะจังขาอวยเอ็นโจปีนี้ก็ได้อยู่ห้องเดียวกับเจ้าตัวไป หัวเราะคิกคักท่าทางมีความสุข ยินดีด้วยนะคะ
วันนี้เพิ่งเปิดเทอมวันแรกน่าจะเลิกเร็ว นี่ ๆ เราไปหาคาเฟ่น่ารัก ๆ นั่งจิบโกโก้กินขนมกันเถอะน้า
"ท่านเรย์กะรู้หรือเปล่าคะ ฉันได้ยินมาว่าเทอมนี้อาจารย์จะจัดอีเว้นท์พิเศษ สำหรับระดับชั้นเราโดยเฉพาะด้วยละค่ะ!"
"ตายแล้ว อันนั้นใช่ไหมคะ ฉันตื่นเต้นจริง ๆ เลย!"
"ฉันน่ะ ถ้าเป็นเขาจะทำยังไงดีคะ แค่คิดก็จะวูบแล้ว ไม่ไหวแน่ ๆ ค่ะ!"
อันนั้นน่ะมันอะไรเรอะ ที่แน่ ๆ ทำไมถึงฟังดูอันตรายจังเลยล่ะ... เอ๋ แต่ถ้าโรงเรียนเป็นคนจัดละก็ไม่เป็นไรมั้ง
"อีเว้นท์อะไรหรือคะ ฟังดูน่าสนใจจังเลย"
"ไขปริศนา หาคู่ หรือเมทที่แท้จริงของตัวเองค่ะ! ฉันได้ยินว่าเพื่อสานสัมพันธ์อันดี หน้าที่เราต้องคอยดูแลเทคแคร์คนในคำใบ้ แล้วก็สืบหาเมทของเราไปด้วย สุดท้ายก็เฉลยตัวออกมา! แล้วทั้งคู่ก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน... อา ถ้าท่านคาบุรากิเป็นเมทของฉันจะทำยังไงดีคะ แค่คิดก็..."
ทุกคนวี้ดว้ายฝันหวานว่าตัวเองจะเป็นเมทของคาบุรากิ หรือเอ็นโจ ส่วนฉันนั่งอึ้ง
นั่นมันเล่นจับคู่บัดดี้นี่นา ที่ซุยรันนี่มีกับเค้าด้วยเหรอ!? ถึงจะว่าเพื่อสานสัมพันธ์อันดีก็เถอะ ถ้าคนธรรมดาจับได้ pivoine ขึ้นมา จะไม่ถูกว่าทำตัวไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอางั้นเหรอ ว่าไป สมมุติฉันเกิดจับได้วาคาบะจังขึ้นมา แล้วเรื่องทุกอย่างเกิดแดงขึ้นละก็ สถานะทางสังคมฉันจะเป็นยังไงล่ะ...
ฉันเครียดเกินไปหรือเปล่า โอกาสตั้ง 1 ในหลายร้อยที่จะไปโดนวาคาบะจังนะ อ๊ะ แก๊งค์คุณซึรุฮาระก็ไม่เอาเหมือนกัน... กรี้ด ถ้าไปโดนพวกคาบุรากิเข้าล่ะ ถ้าต้องเที่ยวแอบเอาขนมของขวัญไปให้ละก็ได้เกิดข่าวลือแปลก ๆ กันพอดี! แถมน่ากลัวด้วย พวกนี้ก็ไม่เอานะ!
"ท่านเรย์กะคะ ตาเบิกค้างอยู่นะคะ..."
"ช่วงนี้ตาแห้งน่ะค่ะ ขอโทษนะคะ" ฉันยิ้มอ่อน คุ้ยยาหยอดตามาหยอด
ไม่ได้การ มันคงไม่มีแต่เรื่องเลวร้ายอย่างนั้นหรอก คิดไปคิดมานี่มันออกจะโรแมนติกอยู่นะ ตัวฉันที่เป็นเมทกับคุณสุภาพบุรุษที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...
"สายัณห์สวัสดิ์ครับ คุณคิโชวอิน" เขาคนนั้นยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
"เอ๋ ไม่จริงน่า..." ตัวฉันอุทานให้กับโชคชะตาซึ่งเล่นตลก
"ครับ เหมือนกับพรหมลิขิตเลยนะ ผมกับคุณ...เราต่างก็เป็นคู่กันมาโดยตลอด เพียงแต่ไม่รู้สึกตัว..." เขาหัวเราะอย่างอ่อนหวาน แววตาที่จับจ้องนั้นทำให้รู้สึกจั๊กจี้บอกไม่ถูก
"คุณเป็น... เมทของฉันงั้นหรือคะ"
"เสมอมาเลยครับ คุณเรย์กะ"
สุ้มเสียงอบอุ่น คุกเข่าพร้อมยื่นช่อดอกไม้น่ารัก ประดับตุ๊กตาสัตว์มีขนตัวเล็กไว้ด้านบน ตัวที่ฉันเคยถักให้เป็นของขวัญคนที่ฉันเป็นเมท...
"ตอนที่ผมรู้ว่าเป็นคุณ ผมไม่อาจห้ามความรู้สึกเป็นสุขที่แสนอ่อนหวานนี้ ไม่ให้เอ่อล้นขึ้นมาได้เลยละครับ"
"กรุณาได้ไหมครับเรย์กะ ให้ผมได้เป็นเมทของคุณต่อไป ที่ไม่ใช่ในความหมายเพื่อน แต่เป็นคู่ชีวิตของคุณ"
ฉันรับช่อดอกไม้นั้นขึ้นมา ดวงตาชุ่มไปด้วยน้ำตา แล้วเราก็สวมกอดกัน ให้สิ่งนั้นเป็นคำตอบแทนที่เสียงที่ตอนนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์จนไม่อาจเปล่ง
"ท่านเรย์กะคะ ตาแห้งอีกแล้วนะคะ..."
"แหม ช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นแล้วสินะคะ น่าอายจังเลย ฉันค่อนข้างอ่อนไหวกับอากาศหนาวน่ะค่ะ โฮะโฮะโฮะ" ฉันคุ้ยหายาหยอดตาอีกรอบ
.
.
.
นี่ได้จริง ๆ ด้วยล่ะ เช้านี้ก็มีเลือกหัวหน้าห้องและกรรมการ แน่นอนฉันไม่เสนอตัว ซาโตมิคุงกลับคืนสู่ตำแหน่ง อาจารย์มาพูดเข้าเกมบัดดี้ และฉันก็ได้รับคำใบ้มาใบนึง สวัสดีจ้ะฤดูใบไม้ผลิของฉัน!
ว่าแต่ไอนี่มันยังไงกันน่ะ ฉันลองเลียบ ๆ เคียง ๆ ถามเพื่อนถึงคนในคำใบ้ ส่วนใหญ่ก็พอจะชี้ตัวกันได้ในทันที แสดงว่ามันง่ายปานนั้นเลยสินะ แล้วทำไมของฉันถึงคลุมเครืออย่างนี้อยู่คนเดียวล่ะ!
" ไม่อาจมองหานอกรั้วท่านศึกษา
ไม่ลวงตาพาพลัดพรากห่างหนีหาย
ไม่ปิดกั้นทำใจให้สบาย
สิ่งถวิลหาส่องสว่างท้ายปลายอุโมงค์ "
จะบ้าเรอะ นี่มันปริศนาปัญหาเชาว์แล้วไม่ใช่เหรอ!? จะใช้ไอ้นี่ตามหาคนที่ฉันเป็นเมทได้ยังไงไม่ทราบยะ
มีปัญหา! ของมีตำหนิไม่ผ่านคิวซี! ฉันต้องไปฟ้องอาจารย์ คนคนนั้นที่น่าสงสารน่ะ หากฉันจะปล่อยเลยตามเลยก็คงได้ เพราะเขาก็ไม่รู้จักฉัน หรือยังไงฐานะฉันก็คือ pivoine
แต่ แต่แค่ลองจินตนาการถึงจิตใจของเขา... รอแล้ว รอเล่า ใครกันนะที่เป็นเมท อ๊ะ จะมีอะไรแอบวางไว้ในตู้รองเท้าหรือเปล่านะ ฮะฮะ อ้าว วันนี้ก็ไม่มี... สงสัยคงเป็นคนขี้อายนะ
รอฉันเก้อไปวัน ๆ พอถึงตอนเฉลยตัวตนกลับไม่มีใครเลย... ขอโทษนะ ฉันก็หาเธอไม่เจอเหมือนกัน! ใครกันน่ะ!?
ฉันตัดสินใจอยู่คอยไปปรึกษาอาจารย์หลังเลิกเรียน ส่วนพวกเซริกะจังไปสนุกสนานกันต่อที่คาเฟ่เปิดใหม่ใกล้สถานี...
อาจารย์ช่วยฉันตรวจสอบคำใบ้ เขาก็งงเหมือนกัน เหมือนว่าของคนอื่นจะระบุลักษณะเด่นชัดรายตัวบุคคลไปเลย หากใครดูจะชี้ตัวยากหน่อยก็มีใบ้ห้อง ใบ้ที่นั่ง ความชอบ สุดจะยกมาเพื่อให้ชี้ตัวให้ได้น่ะ
พวกคำใบ้ทั้งหมดนี่ก็ทำโดยซินแสมีชื่อเสียงที่เชิญมาจากประเทศจีน เห็นว่าหาตัวจับยากกว่าจะตกลงทุกอย่างลงตัวนี่นัดหมายกันเป็นปี ๆ เพื่อความเป็นสิริมงคลสูงสุดแก่นักเรียน เห็นว่าหลักฮวงจุ้ย ชะตา อะไรยุ่งยากก็ไม่รู้ทำให้ต้องไล่ดูข้อมูลนักเรียนทีละคนแล้วหาคนที่เหมาะสมต่อกันด้วยล่ะ จะว่าไปตอนฉันได้คำใบ้นี้มามันก็ไม่ใช่การสุ่มจับอย่างที่ฉันคาดไว้นี่นา
ประเด็นสำคัญอยู่ที่โรงเรียนไม่มีข้อมูลเก็บไว้ เพราะหลังจากซินแสทำพิธีและส่งมอบเสร็จ ก็ลอยละล่องหนีหายไปเลย พอตรวจสอบก็พบว่าไม่มีเอกสารยืนยันใครคือใครแต่ก็ทำอะไรไม่ได้...
ทางสุดท้ายคงต้องรอทุกคนเฉลยตัวกันหมด เฉลยก่อนเฉลยหลังมันก็ทำลายจุดประสงค์การเล่นเกมนี้ไม่มากก็น้อย แต่ให้กระทบน้อยสุดฉันคงต้องปล่อยเลยตามเลย ขอโทษนะ เจ้าคนปริศนา.. ฉันพนมมืออยู่ในใจ
ห้องสโมสรเวลานี้คนเบาบาง ฉันเสียเวลาในห้องพักอาจารย์เสียนานสองนาน ทุกคนคงไปเที่ยวไปสนุกสนานกันหมดแล้วล่ะ จิบชานั่งกินมาการองคนเดียวบรรยากาศซึมเซาชะมัด
ซอสราสเบอร์รี่อร่อยตัดเลี่ยนดีจังน้า กินเพลิน ๆ เติมไขมันให้พุง เฮ้อ ขออีกสักชิ้นก็แล้วกัน
"สวัสดี คุณคิโชวอิน ขอนั่งด้วยได้ไหม"
"สวัสดีค่ะ ท่านเอ็นโจ" อยู่ด้วยเรอะ
ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ย้ายก้นมานั่งข้างกันหน้าตาเฉย ฉันยังไม่อนุญาตเลยเฟ้ย
-----------------------------
ตัดฉึบฉับ มีต่อนะ ไม่เร็วก็ช้า
ขอบคุณสำหรับฟิคอร่อยๆนะ คิดถึงท่านเรย์กะมากเลย
รออ่านอยู่น้าา
คิดถึงท่านเรย์กะ
/เข้าแถวรอฟิคด้วยคน คิดถึงเหมือนกันค้าบ
ต่อบัดดื้อ คืออ กูทำไรลงไป จากตอนแรกแค่อยากแต่งแบบเรย์กะไปล่าท้าผีเฉย ๆ 55555555
------------
"เฮ้ ฉันยังพูดไม่จบเลยนะชูสุเกะ ช่างเถอะ เธอมาก็ดีคิโชวอิน" คาบุรากิเดินมาจุ่มโซฟาตัวตรงข้าม
เอ๋ ไม่ดีหรอก มีอะไรอีกล่ะ เค้าไม่อยากฟังนะ "สวัสดีค่ะ ท่านคาบุรากิ"
"อา ฉันเพิ่งพูดถึงเรื่องวันนี้ไป ทายซิ ฉันได้ใคร" คาบุรากิทำจมูกฮึดฮัดอย่างตื่นเต้น แขนยันโต๊ะ มุมปากกระหยิ่มยิ้มย่องจ้องมา
เหมือนหมาเลย
ท่าทางน่าหมั่นไส้ชะมัด จะมีใครอีกล่ะทำให้เจ้าเด็กนี่เป็นเอามากขนาดนี้ เออ ก็ไม่เกินความคาดหมายเท่าไหร่หรอก พวกนายน่ะคู่แท้กันอยู่แล้วนี่
"ท่านเอ็นโจหรือคะ"
"ทาคามิจิ วาคาบะต่างหาก!"
"นั่นจงใจใช่ไหมน่ะ คุณคิโชวอิน"
"เอ๋ งั้นหรือคะ คุณทาคามิจิสินะคะ ต้องขออภัยด้วยค่ะ โฮะโฮะโฮะ"
โฮะโฮะโฮะโฮะ ขอโทษน้า ตายจริง เป็นวาคาบะจังไปได้ยังไงกันเนี่ย ฉันนี่แย่จริงเชียว ดังนั้นนะ เลิกจ้องฉันแบบนั้นได้แล้วเอ็นโจ มันน่ากลัวนะ
"ท่านคาบุรากิจะใช้โอกาสอันน่ายินดีนี้ทำอย่างไรต่อไปงั้นหรือคะ" มากกว่านี้ชักจะอันตรายเอา ฉันผู้มีหัวใจนกกระจิบจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
คาบุรากิถอนหายใจ แล้วกลับมาพูดอย่างกระฉับกระเฉง
"ฉันวางแผนเอาไว้แล้ว ด้วยดอกไม้และจดหมายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกของฉัน ในนั้นจะบรรยายการกระทำของเธอรายวันว่าทำไมเธอถึงมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร นี่ ฉันได้ไอเดียมาจากตอนประถมนั่นละ ถ้าส่งให้ทาคามิจิได้อ่านทุกวัน ความรู้สึกของฉันมันต้องส่งผ่านไปถึงเจ้าตัวได้ในที่สุดแน่นอน!"
คาบุรากิทำหน้าแบบ ไงล่า นี่มันสุดยอดไปเลยไหมล่ะ เหมือนเห็นประกายวิ้ง ๆ สดใสออกมาเลยละ
"อย่าทำตัวเป็นหูดบนร่างกายเขาอย่างนั้นสิคะ..." เกือบจะโพล่งคำว่าสตอล์กเกอร์ออกมาแล้วไหมล่ะ เจ้าบ้าสตอล์กเกอร์
เอ็นโจที่ก่อนหน้านี้ทำหน้ายิ้ม ๆ เสมองนู่นนี่ คล้ายจะแสดงออกว่า "ผมไม่เกี่ยวนะ" ก็พ่นหัวเราะพรืด
"ผมก็บอกแล้วไงไม่ไหวหรอก มาซายะนี่คิดอะไรด้านเดียวจริง ๆ เลยน้า"
"อะไรเล่า พวกนายเห็นว่ามีอะไรที่ดีกว่าก็พูดมาสักทีสิ" คาบุรากิหน้ามุ่ย
ทำเป็นพูด "อืม~ นั่นสิน้า" แล้วก็หันมาทางนี้
"คุณคิโชวอินมีความคิดดี ๆ บ้างหรือเปล่าครับ" รอยยิ้มนั่นปลอมเปลือกสิ้นดี หมอนี่จงใจแบ่งเหาใส่หัวฉันอีกแล้วค่า! ฉันหาใช่กุนซือของพวกนายนะยะ
นาทีนี้ในห้องสโมสรเหลือแค่เราสามคน สองคนนี้เดินมาแจมโต๊ะฉันจากที่นั่งหลบมุมหลังต้นไม้ มุมอับสายตาพอดี ฉันถึงได้ไม่เห็นในทีแรก
อดคิดไม่ได้ว่าแกว่งเท้าหาเสี้ยนซะแล้ว อา กลิ่นของความวุ่นวาย...
"ฉันมีคำแนะนำแค่อย่างเดียวค่ะ อย่าทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ ที่จริงท่านเอ็นโจน่าจะถนัดเรื่องพวกนี้มากกว่าฉันนะคะ แทนที่จะปรึกษาฉันผู้อ่อนประสบการณ์ ท่านเอ็นโจที่มนุษย์สัมพันธ์ดี ทำทุกอย่างได้ราบรื่นด้วยรอยยิ้มละไมเป็นที่หลงใหลของทุกคนน่ะ จะต้องเป็นที่ปรึกษาที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าฉันแน่นอนค่ะ"
"เอ๋ ไม่จริงสักหน่อย คุณคิโชวอินยังคุยกับคุณลุงขายยากิโทริได้คล่องปร๋ออย่างยอดเยี่ยมเลยนี่นา จนเขาแถมให้ตั้ง 2 ไม้แน่ะ ผมทึ่งมากเลยนะ"
เฮื่อ!! ระ รู้ได้ยังไง!?
"มาซายะเล่าให้ฟังน่ะ ท่าทางน่าสนุกดีนะ" ปากไม่มีหูรูดจริง ๆ คาบุรากิ!!! นี่นายไปเหลาอะไรไว้แค่ไหนกัน
"เทคนิคการสำรวจตลาดว่าด้วยการผันแปรตามสถานการณ์ในการติดต่อกับผู้คนในร้านรวงสินะ ทำเอาฉันคิดว่าเธอเป็นคนประหลาดไปเลยล่ะ แต่มันก็ยอดเยี่ยมจริง ๆ" ท่องทำไม หุบปากแล้วก็ลืมมันไปซะ! นายนั่นแหละคนประหลาด จะหาเรื่องกันใช่ไหม
"ก็คุณคิโชวอินน่ะเป็นคนขยันขันแข็งนี่นา" อุกรี้ด ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่มานี่น่าโมโหชะมัด ประชดกันใช่มะ ล้อเลียนเห็น ๆ คิดล่ะสิว่าฉันมันยัยผู้หญิงเห็นแก่กินน่ะ! หนอย นี่ยัวะแล้วนะ
ฉันยืนขึ้นกะจะไปตักขนมอบเพิ่ม เดินหนีมาจากเจ้าพวกนั้นเพื่อสงบสติอารมณ์ คาบุรากินี่บ้าแท้ ๆ เอ็นโจก็ดีแต่ผลักความบ้ามาสุมหัวฉัน ใต้รอยยิ้มจอมปลอมนั่นเจตนาร้ายดำมืดแฝงไว้เต็มไปหมดไว้ใจไม่ได้
มันมีอะไรผิดพลาดกันนะ บ้าอย่างนั้นกลับเป็นพระเอกมีนางเอกอย่างวาคาบะจัง จอมมารนั่นก็มีคนรักเป็นตัวเป็นตนอย่างคุณยุยโกะ
ที่สำคัญทั้งคู่ยังป๊อปปูลาร์! ฉันนี่แห้งแล้งไม่มีใคร! เอาแค่ ผู้ชายที่กล้าสบตาด้วยยังแทบไม่มีเลย
นะ น้ำตามายามัน...
ความหวังอันน้อยนิดกับฤดูใบไม้ผลิแสนริบหรี่ที่จะมาในฐานะคนในคำใบ้ก็เพิ่งถูกดับไป เพราะหากันไม่เจอ!
อ๊ากกกกก ยิ่งคิดยิ่งโมโห อยู่ ๆ ความผิดหวัง เสียใจ แค้นเคืองทั้งปวงก็ถาโถมเข้าใส่ อย่างฉันนี่มันสมควรแล้วสินะกับตำแหน่งหัวหน้าหมู่บ้านคานทองอันทรงเกียรติ
ระหว่างสาปแช่งพร้อมบ่นอุบโลกอันไม่ยุติธรรม ก็พลันรู้สึกถึงสัมผัสที่สะกิดเบา ๆ บนไหล่
"นี่ คุณคิโช-"
พอจะหันกลับไปแว้ดใส่อีตาเจ้าเล่ห์ด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่าน ต้องให้รู้กันบ้าง ฉันน่ะไม่ใช่ยัยผู้หญิงง่าย ๆ โง่เง่า ที่จะให้พวกนายจิกหัวใช้หรือปั่นหัวเล่นเหมือนเป็นตัวตลก อะไรก็ได้ยังไงก็ได้หรอกนะ! ฉันว่ามันผิดพลาดที่พวกนายน่ะแหละ ขอพาลหน่อยเหอะ
ทันเห็นใบหน้าหล่อเหลาเปื้อนยิ้มเหมือนทุกทีได้แปปเดียว อื๋อ? หรือออกจะดูเปราะบางกว่าปกตินะ
ยังไม่ทันได้แน่ใจ พริบตาภาพตรงหน้าก็วูบหายไป ห้องอันสว่างไสวดับลงในฉับพลันราวกับใครกดชัตดาวน์
ทุกอย่างดำมืดไปหมด
-----------
เมื่อสายตาเริ่มปรับตัวกับความมืดที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ได้ ก็พบว่า
ฉันยืนอยู่คนเดียวในห้องสโมสร
กะ...เกิดอะไรขึ้น?! ไฟดับงั้นเหรอ แต่นี่เพิ่งบ่ายแก่ ๆ ทำไมถึงมืดขนาดนี้ หรือว่าฉันจะสลบไป...?
"...ท่านเอ็นโจ...ท่านคาบุรากิ" เมื่อกี้นายยังอยู่ตรงนี้นี่ ไม่เอา อย่าเล่นกันแบบนี้นะ ไม่ตลกเลยนะ
พอตั้งสติพิจารณาดูอีกที ถึงจะคล้ายกันก็เหอะ ที่นี่มันห้องสโมสรของชั้นเปอติต์นี่นา...
ฉันขนลุกเกรียว นอกจากสถานการณ์ที่ดูไม่ชอบมาพากลแล้ว ความมืดที่เงียบงันและน่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกนี่รบกวนฉันมากที่สุดเลยล่ะ
หรือว่าฉันเจอของดีเข้าให้แล้ว... นี่น้ำตาไหลของจริงล่ะนะ
มือถือ มือถือ!! มะ ไม่มี... ฉันวางเอาไว้ในกระเป๋าในห้องสโมสร บ้าเอ๊ย จากนี้จะพกติดตัวตลอดเวลาค่ะ
ไม่ ฉันคงจะฝันไปมากกว่า ไปกระแทกหัวใส่โต๊ะดีกว่าจะได้ตื่นจากฝันร้ายนี่
แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นแสงค่อย ๆ สว่างขึ้นจากหางตา
ไฟฉาย?! คน?! ฉันรอดแล้ว!!!
เอ๋?
ฉันชะงักกึก ช็อคค้าง นั่นมัน....
ต้นแหล่งของแสงนั้นค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามาผ่านประตู เป็นเด็กผู้หญิงผมม้วนหรูเริ่ดหน้าตาจิ้มลิ้ม ราวกับถูกปั้นขึ้นมาอย่างปราณีต อายุไม่เกิน 7-8 ขวบ สวมชุดนักเรียนประถมซุยรัน เหมือนฉันสมัยป.1 ไม่มีผิดเพี้ยน
ที่จริงฉันควรจะหวาดกลัวสถานการณ์ที่สุดแสนจะแปลกพิสดารนี่ แต่ไม่รู้ทำไม ราวกับไม่ใช่ความรู้สึกของฉันเอง
กลับรู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน
พอกะพริบตาอีกที ตัวฉันก็เปลี่ยนอิริยาบถ กลายเป็นว่ามานั่งบนเก้าอี้ซะงั้น ส่วนมินิเรย์กะก็นั่งอยู่กับโต๊ะที่ไกลออกไปหน่อยทางซ้ายมือ
ฉันไม่ได้นั่งคนเดียวด้วย ตอนนี้ในห้องสโมสรเหมือนมีร่าง เลือนรางดูพร่ามัวอยู่กันตรงนั้นตรงนี้ ส่วนเก้าอี้ตรงหน้าฉันนี่มัน... คาบุรากิ??
ทุกร่างดูเหมือนขยับไปตามจังหวะของตัวเอง เอ่อ พูดคุย จับกลุ่มนั่งจิบชา บอกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร มันพร่าเลือนจนมองไม่ออกเหมือนกับกล้องที่ไม่โฟกัส
หน้าคาบุรากินี่ค่อยชัดขึ้นมาหน่อย หมอนี่ก็ตัวเล็กเป็นเด็กประถมเหมือนกัน.. แถมกำลังเคี้ยวช็อกโกแล- ล่าอย่างเมามัน
ฉันหันไปหาแสงสว่างนั้นอีกที 'เธอ'กำลังมองมาทางนี้
ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคาบุรากิ
ฉากเปลี่ยนไป
แม้จะยังคงมืดอยู่บ้างแต่ก็พอมองออก ที่นี่เป็นฟาร์มปศุสัตว์ และฉันกำลังขี่ม้า ควบคู่กันกับคาบุรากิ
ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่มันก็เพลิดเพลินดี สายลมที่พัดผ่านพลอยทำให้รู้สึกสดชื่น อิสระ โลกดูจะมีสีสันขึ้น ถึงทุกคนจะยังพร่าเลือนอยู่ก็เถอะ
สายตาฉันจับไปที่'เธอ'อีกครั้ง เธอผู้สว่างไสว และก็อีกครั้งที่เธอไม่ได้มองฉัน แต่เป็นมาซายะ
.
.
.
ฉันปล่อยให้มันเป็นไป เหมือนกับกำลังเล่นเครื่อง VR อยู่ยังไงยังงั้น แต่ละฉากหมุนเวียนเปลี่ยนผ่านไปเรื่อย ๆ และแม้จะไม่ได้ออกแรงเลยสักนิด แต่ฉันก็เดินไป
นี่งานกีฬาสินะ ฉันยืนอยู่ในเต็นท์กำลังจัดการอะไรสักอย่างกับเครื่องปริ้นท์ ผู้คนเดินกันขวักไขว่ครื้นเครง แต่บรรยากาศกลับดูทะมึนทึมทื่อเสียยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
รอบข้างฉันมีร่างคนหลายร่างชุมนุมกันเต็มแน่นไปหมด แถมยังส่งเสียงหึ่ง ๆ ฟังไม่ได้ศัพท์ออกจะน่ารำคาญ แต่ก็มีคนนึงที่ดูไม่ได้นำพา เธอคนนั้นจัดการงานเอกสารต่อไปอย่างขมักเขม้น
มินิเรย์กะไม่ได้สนใจทางนี้เลยแม้แต่น้อย นี่ตัวฉันเอาการเอางานขนาดนั้นเลยงั้นเหรอเนี่ย
อือ น่าน้อยใจนิด ๆ แฮะ..
...เอ๋?
หลังจากนั้นก็มีฉากตัวฉันถูกกวางที่นาระรุมเตะละ ฉันยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพน่าขันนั่นเก็บไว้ มาดคุณหนูที่ปกติสวมไว้หลุดลอกไม่เห็นชิ้นดีเลยนะ... ก่อนจะเพิ่งรู้สึกตัวว่านี่ทำอะไรลงไปน่ะห๊า?!?!
ได้ยินเสียงขำก๊ากอยู่ข้าง ๆ คาบุรากิกำลังหัวเราะราวกับจะขาดใจตาย
"นั่นมันอะไรกันน่ะ ยัยนั่นดูงี่เง่าชะมัด-" หัวเราะจนสำลัก
"อย่าพูดอย่างนั้นสิมาซายะ น่าสงสารออกนะ"
"ปากว่างั้นแต่นายถ่ายรูปเธอเก็บไว้เนี่ยอะนะ" คาบุรากิขมวดคิ้วจ้องมาทั้งยิ้ม "ส่งให้ฉันด้วย ยูริเอะจะต้องได้เห็น"
.
.
.
เครื่องเล่นเล่นไปเรื่อย ๆ โดยมี'เธอ'เป็นตัวเอก...
ครั้งหรือสองครั้ง ไม่สิ มากกว่านั้น ฉันรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังอมยิ้ม หรือหัวเราะออกมาขณะสังเกตเธอที่กำลังใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ กินขนม คุยเล่น กินข้าว เหม่อลอย หรือทะเลาะกับบรรดาสรรพสัตว์ ส่วนใหญ่จะเป็นนก
แล้วหัวใจที่ซึมกะทือก็เหมือนมีชีวิตชีวาขึ้นมา
โดยไม่รู้ตัว รอบข้างที่เคยมืดทึมอึดอัด ก็กลับมีสีสัน
แต่แล้วก็เย็นเยียบอยู่ช่วงหนึ่ง
--------------
มีต่อน้า พยายามลงทีละ2โพสต์(´;ω;` ) แต่กะผิดแม้งเง้ยยยย
ปล.จะงงกันมั้ยวะ ไม่ต้องห่วงกูก็งง
ช่างน่าเศร้า
ขอบคุณกาวนะเมิง คิดถึงท่านเรย์กะ
โห กูไม่ได้เข้าโม่งมานานมากๆๆๆ ยังมีฟิคกาวอยู่อีกเหรอวะ 555555
https://x.com/wwxwashere/status/1817933629319716869?t=-q_UffaW-hluG8nDLh1K1g&s=19
ไถเจอทวีตนี้แล้วนึกถึงท่านเรย์กะกับโม่งซุยรันขึ้นมาเลย เราจะได้อ่านตอนที่ 300 กันใช่ไหม 😭😭
เราเข้า 6 ปี 9 เดือนจากลาสต์อัปเดตล่ะ
เลขสวยดีนะ
คิดถึงท่านเรย์กะ
https://www.facebook.คอม/share/p/3h89eHQy6LQb2fUX/?mibextid=oFDknk
เห็นละนึกถึงท่านเรย์กะเลย
กู วาด แฟนอาร์ตจากฟิค
https://fanboi.ch/webnovel/7425/981-984/
ขอมอบเป็นเครื่องบรรณาการ เพราะมันก๊าวใจ แบบว่าคนเรามันก็ต้องมีความหวังบ้างใช่ไหมวะ ถ้ามึงว่างๆ หายเหนื่อยก็ลองแวะกลับมาจิบชาที่นี่ได้นะเว้ย กูจะขุดตัวเองจากกองงานวิ่งมาจูบมึง....
https://imgur.com/a/M6VY4NW
ปล. มึงยังจะอัพตอนจบอยู่มั้ยวะ55555 คือพอได้รู้ว่ามีตอนที่ไม่ถูกอัพ กูงี้จั๊กจี้ใจอย่างกับเวลาจำทำนองได้แต่ลืมเนื้อเพลงเลยว่ะ ในนี้มันแปะ word หรือ pdf ได้มั้ย ไม่ไหวไม่ต้องจบสวยก็ได้กูอยากรู้จะเกิดอะไรขึ้นกับฉากต่อไปถถถถถ
ไถอ่านแนวๆนางร้ายเกิดใหม่กาวๆแล้วนึกถึงท่านเรย์กะเลยย้อนกลับมาดู
ตกใจมากที่นี่ยังไม่ร้างแถมมาไกลมาก คนรักเจ้าแม่เยอะจริงๆ
มู้นี้ยังไม่ตาย ดีใจ
ขอบคุณโม่งสายผลิตนะ
ในฐานะ 1 ในโม่งฟิค กุโอเคนะที่จะเอาไปลงรี้ด เพราะอยากอ่านอีกรอบเหมือนกัน แต่ขก.ไล่อ่านตามมู้แล้วอะ
กุว่าคงไม่มีใครว่าหรอกถ้าจะเอาฟิคโม่งไปลง(ขอแค่ไม่เอารายได้อ่ะนะ)
กุชอบฟิคคู่หู่ทะลุมิติสุด แต่เนื้อเรื่องแม่งไม่เดินเลย(บางทีกุอาจจะชอบความฮามากกว่าความหวานมั่ง นึกภาพคนนิสัยแบบเจ้าแม่ไปหวานแววไม่ออกจริงๆ เจอคาบุรากิเตะสะกัดขาตบกกันทั้งชาติน่าจะฮากว่า)
เท่าที่สังเกตุช่วงปี2013นี้แถบจะลงรายวันเลยมั่ง แล้วตั้งแต่ตอนที่200ขึ้นไปก็เริ่มถี่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งช่วง2017นี้แถบจะเดือนล่ะตอนแล้ว
อย่างว่า เขียนฟรีทำกุศลไม่ได้ก่อรายได้ ขนาดคนเขียนHXHนั้นอาชีพหลักแกด้วยซ้ำยังแถบจะลูกผีลูกคน อันนี้เขียนฟรีไม่ใช่อาชีพหลักด้วยซ้ำแค่นี้ก็เหลือแหล่แล้ว
(แต่เสียดายที่ไม่เคยทำหนังสือ นิยายจะ11ปีแล้วปีเล่าถ้าทำหนังสือแบบเฮียวกะ ปกแนวไม่ใช่อนิเมะแล้ววางขาย ปานี้คงมีเทะให้เราดูไปแล้ว
เห็นงี้แต่เรื่องนี้Top10ของเว็ปเลยน่ะ)
คิดถึงท่านเรย์กะฟ่ะ นักอ่านป่านนี้ไปมีลูกกันออกจากหมู่บ้านคานทองกันหมดแล้ว แต่เจ้าแม่กูยังอยู่เฝ้าบ้านเป็นสาวสวยโสดไฮโซที่ไม่มีใครอยู่เลยนะ ชีวิตท่านเรย์กะของกูมีบริวารดีแต่ต้องอาภัพรักจริงๆหรอ
!!! ตอน 300 จงมา !!!
ฟิคคู่หูทะลุมิติกูก็ชอบ ถ่ายทอดความเป็นคาบุรากิได้ไหลลื่นดี แม่งฮา จำได้ชอบฉากต่อเส้นพาสต้ากัน แบบมันไร้สาระสมเป็นคู่หูบ้าบอจริงๆ
ส่วนฟิค a-z ทำกูเคลิ้มรู้ตัวอีกทีกำลังพายเรือคาบุรากิไปซะแล้ว ว่าแล้วก็คิดถึงจัง ถ้าไม่มีวัตถุดิบใหม่ๆ โม่งผลิตก็อยู่ยากอะเน้อ ทุกคนเก่งมากที่ยังอยู่มาขนาดนี้ กูก็จะมีความหวังต่อไปเหมือนกัน...
>>603 ก็ยังอยู่ในหมู่บ้านคานทองเป็นเพื่อนท่านเรย์กะเนี่ย... ว่าแต่ไหนท่านเรย์กะวะ---
เอาเวลาที่เล่นโม่ง พอให้เก็บเงินได้หลาย ๆ แสน
แล้วเอาไปเทรด Forex ได้แล้ว
ผมเทรดไม่กี่วันได้มาแล้ว 450,000
ก็ไปอ่านเจอบนเฟสมาว่าคนแต่งสอบติดราชการญี่ปุ่น เลยแต่งต่อไม่ได้เพราะผิดกฎหมายหารายได้นอกเหนือจากงานราชการ จริงป่ะพวกมึง กูจะได้หายคาใจสักทีว่าคนแต่งหายไปไหน
ว่าแต่แต่งลงเว็บมันได้ตังค์เรอะ
>>606 ส่วนตัวกูว่าไม่น่าใช่ กูไม่แน่ใจเรื่องรายได้จากเว็บเหมือนกัน แต่ทางอื่นคือท่านฮิไม่ได้ขายลิขสิทธิ์อะไรให้ที่ไหนเลยแม้แต่ที่ญี่ปุ่นเอง ถ้าขายนะรายได้มันเยอะชหแน่นอนเรื่องนี้
จากมโน(กาว)ของกูคือมีลูก แล้วต้องทุ่มเทเวลาเลี้ยงลูกเพื่อให้เป็นดาวในวงสังคมไฮโซตามประสาแม่บ้านญี่ปุ่น(?) 555555555555555555
>>606 บ้ามึง แค่เขียนลงเว็บให้อ่านฟรีเฉยๆ ไม่ได้ขาย lc ไม่ได้ติดเหรียญหรือรับโดเนทมันจะมีรายได้ยังไง ตัวจริงนางไม่เคยพูดอะไรเลยด้วยซ้ำ ในเว็บก็มีแต่เนื้อหานิยายไม่มี talk คนเขียน ไอ้เรื่องเป็นข้าราชการ เป็นคุณหนูไฮโซนี่มโนกันเฉยๆ แต่คนดันเชื่อเป็นจริงเป็นจังไม่รู้ไปเอามาจากไหน
>>608 กูว่าเรื่องท่านฮิเป็นคุณหนูไฮโซนี่ เพราะท่านเรย์กะในเรื่องไลฟ์สไตล์อะไรมันดูรวยมาก ไม่เหมือนเรื่องอื่นที่ตะโกนว่า กูรวย!!! แต่อาหารการกิน ของที่ซื้อคือดูรวยอะมึง คหสต. กูนะ
เลยไม่แปลกที่คนจะมโนกันว่าท่านฮิเป็นคุณหนูที่โดนครอบครัวจับได้ว่าแอบมาแต่งนิยายลงเว็บอะ 5555555555556 แต่ก็แนวขำๆกาวๆอะมึง เพราะที่พ่นๆกันนี่ก็ไม่ใช่แฟคกันทั้งนั้นแหละ
จริงๆเค้กของคุณฮิโยโกะคือคุณเรย์กะเอง แล้วตอนนี้โดนเอนจอยคุงจับได้ว่าแอบเอาเรื่องตัวเองมาเขียนนิยายเลยโดนเอาไปแบล๊คเมลไม่กล้าเขียนต่อ
"ท่านเรย์กะคะ ถ้าไม่รีบตื่นตอนนี้จะไปโรงเรียนสายแล้วนะคะ"
ฉันสะดุ้งตื่นรีบคว้านาฬิกาที่มีมูฟวิ่งไดมอนด์กลิ้งอยู่บนแผงหน้าปัดมาดูเวลา สายแล้วจริง ๆ ด้วย!!
ไม่รอช้าฉันรีบเรียกคุณเมดเข้ามาช่วยแต่งตัว ปกติก็ไม่ทำหรอกนะ ก็โตแล้วน่าอายนี่นา แต่ฉันยอมใช้ความกล้าตรงนี้มากกว่าจะต้องแบกหน้าในฐานะคนมาสายเดินเฉิดฉายเข้าไปในห้องเรียนอะนะ!
โชคดีที่คนขับรถมีความสามารถ ถึงโรงเรียนได้ไวกว่าที่คาด ฉันก้าวขายาว ๆ พลางเอามือดุนหัว
...โอย ปวดชะมัด ไม่น่ามัวเลือกเสื้อจนดึกเลย ทั้งที่จริงก็มีแค่ฉัน ยูกิโนะคุง แล้วก็เอ็นโจที่จะไปดูดอกไม้ไฟ ไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันราวกับแต่งตัวไปออกปาร์ตี้ แต่ก็ไม่อยากจะโดนหมอนั่นจับได้เอาอะนะว่าอินี่มันไร้เซนส์ด้านแฟชั่น
พอเรียนเสร็จยังต้องไปรับการเทรนนิ่งสไตล์คาบุรากิที่หลวมตัวตกลงไปอีก เก็บตัวเงียบหลายวันขนาดนี้ก็หมดสิทธิเอาเรื่องปวดกล้ามเนื้อมาใช้เป็นข้ออ้างอีกต่อไป
แต่ฉันไม่อยากฝึกหนักนรกแตกแบบนั้นอีกแล้ว พอบ่นออดๆ ว่า "ยังปวดกล้ามเนื้ออยู่อีกนิดหน่อยค่ะ..." คาบุรากิก็ยอมย่อหย่อนให้ว่า "ช่วยไม่ได้ วันนี้เอาเป็นเมนูเบาๆ
หน่อยก็แล้วกัน"! พูดไปก็ไม่มีอะไรจะเสียนี่เนอะ
ระหว่างนั่งรถกลับบ้านพลางพึงใจว่าโชคดีจังที่วันนี้เอ็นโจไม่อยู่ ไม่งั้นคงโดนจับได้ว่าเป็นโคโระจังไปแล้ว
ก็มีเมลจากเอ็นโจส่งมา
ฉันตกใจจนหลุดเสียงแปลก ๆ อันเป็นกิริยาที่ไม่เหมาะสมออกไป
"สวัสดีตอนเย็นครับคุณคิโชวอิน คอร์สลดน้ำหนักกับมาซายะสนุกดีหรือเปล่า? วันนี้เสียดายจังนะที่ไม่ได้ไปช่วย แต่ผมไปเจอนิยายสนุก ๆ เรื่องหนึ่งมา เรื่องนี้ไง พอจะรู้จักมั้ย? อย่างตอนนี้ก็กำลังนั่งอ่านอยู่เลย อยู่ที่ Storia del Caffè สาขา 42. Warm Rum Chocolate Brownie ของที่นี่อร่อยมากเลยนะ"
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในร้านคาเฟ่สไตล์ยุโรปตกแต่งสีเขียวที่ดูสบายตา ก็พบเอ็นโจนั่งอยู่ก่อนแล้ว ภายในร้านมีคนไม่มากแม้เป็นเวลาเลิกงานก็ตาม เอ็นโจที่นั่งจิบเครื่องดื่มโดยมีพนักงานและสาว ๆ ภายในร้านมองตาพร้อยเมื่อเห็นฉันก็ส่งยิ้มให้
"คุณคิโชวอิน นั่งก่อนสิ" จากนั้นก็มีบริกรหญิงเดินมารับออเดอร์ หลังจากโดนคะยั้นคะยอก็จำใจสั่งเจ้า Warm Rum Chocolate Brownie มาคู่กับกาแฟทั้งที่น่าจะกระเดือกไม่ลง
"ที่นี่บรรยากาศดีจังเลยนะคะ" ฉันโปรยยิ้มเป็นมิตรเป็นการขัดตาทัพ อย่าน่า มืออย่าสั่นสิ
"นั่นสิเนอะ ผมนั่งอ่านหนังสือที่นี่จนลืมเวลาเลยล่ะ"
มาแล้ว
" 'นอบน้อมและหนักแน่น คือคติประจำใจในการใช้ชีวิตของฉันค่ะ' ว่าไง ตกลงคุณคิโชวอินรู้จักหรือเปล่านะ"
ไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวฉันทำหน้าอย่างไรอยู่ ที่แน่ ๆ ในหัวนั้นประมวลผลอย่างหนักจนจะมีควันออกหูอยู่แล้ว
ความเครียดนี้ถ้าโชคดีผมคงหงอกไปแค่กระจุกเดียว แต่ถ้าโชคร้ายคงต้องเริ่มหาซื้อยาย้อมผมชั้นดีตั้งแต่คืนนี้
ยิ่งคิดยิ่งห้ามมือตัวเองขึ้นมาขยี้ ๆ หัวให้ยุ่งเหยิงไปซะยากขึ้นทุกที ฉันนี่โง่จอมโง่! เอ็นโจจับได้แล้ว!! นิยายที่ฉันแอบลงในเว็บออนไลน์
ตอนแรกก็เป็นแค่ไดอารี่ขำ ๆ เท่านั้นแหละ แต่พอเขียนไปเรื่อย ๆ ก็นึกสนุก เปลี่ยนเป็นนิยายไปซะงั้น แต่ก็ยังคงความเป็นไดอารี่คืออิงจากเรื่องจริงของฉันเอง
แล้วฉันก็คิดว่าไหน ๆ ก็แต่งมาสนุกขนาดนี้ ถ้าลงให้คนอื่นร่วมอ่านด้วยจะเป็นยังไงนะ และเพราะไม่คิดว่าคุณหนูซุยรันจะมีรสนิยมการอ่านนิยายเว็บออนไลน์อย่างแน่นอน ลงท้ายก็เลยแค่เปลี่ยนชื่อตัวละครทั้งหมดแล้วก็ลงเว็บให้อ่านฟรีอย่างบ้าบิ่น ที่ผ่านมาก็มีความสุขกับการอ่านคอมเม้นท์ที่สนุกสนานต่าง ๆ ตลอดมาถึงได้ลงอยู่เรื่อย ๆ
แต่เอ็นโจดันมาจับได้อย่างนี้ อา วันนี้คงเป็นวันพิพากษาความตายของคิโชวอิน เรย์กะสินะคะ ท่านพี่คะ วันนี้น้องบอกรักท่านพี่หรือยัง ลาก่อนนะคะ ท่านแม่ ท่านพ่อ
เอ็นโจยังคงมองฉันยิ้ม ๆ ฉันก็ได้แต่สั่งเสียในใจอย่างกล้าหาญ
ยังไม่ได้กินบราวนี่เลย...
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.