เราไม่เชื่อว่าผู้ใหญ่ไม่มีอะไรจะสอนเด็กรุ่นใหม่นะ คือผมก็ทำงานสอน ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอะไรจะสอน และคนเรียนก็โอเคกับสิ่งที่เราจะสอนเยอะนะ (เปิดรอบทีไรก็เต็มเร็วนะ)
แต่คือการจะสอนอะไรใครมันต้องมีความใส่ใจในบริบทของคนเรียนอ่ะครับ ตั้งแต่ประสบการณ์ที่ต่างกัน บริบทสังคมที่แตกต่างกัน ความพร้อมที่แตกต่างกัน จังหวะเวลาที่แตกต่างกัน
ประสบการณ์ต่างกัน บริบทต่างกัน แปลว่าคุณต้องเข้าใจแก่นของสิ่งที่คุณจะสอน แล้วรับฟังบริบทที่มันเกิดขึ้นที่ต่างไปจากเดิม แล้วปรับให้มันตรงกับปัจจุบัน
สมมติเราอาจจะคุ้นเคยกับการไปสมัครงานแบบต้องเดินไปเจอเจ้านาย แต่สมัยนี้ไม่มีใครทำแบบนั้นแล้วมีแต่ส่งอีเมล์ แก่นคือการแสดงความจริงใจ ตรงนี้สอนกันได้ สอนในแก่นที่ว่าการแสดงความจริงใจมันเวิร์ค แต่จะบอกว่าต้องเดินไปยื่นใบสมัครต่อหน้าบริษัทไปหากล่องยื่นใบสมัครให้เจอก็อาจจะไม่เวิร์ค
นี่คือตัวอย่างการปรับแก่นให้เข้ากับบริบท
ความพร้อมต่างกัน ลองนึกถึงคุณไปสอนแคลคูลัสให้เด็กอนุบาลแล้วพอเขาเรียนไม่เข้าใจไม่ฟังก็บอกว่าเด็กมันสอนไม่ได้…… ใช่เหรอ
จังหวะเวลาต่างกัน ผมเห็นหลายคนชอบมากในการสั่งสอนเวลาที่ตัวเองหงุดหงิด หรืออีกฝั่งหงุดหงิดไม่พอใจ แต่เวลาปกติเวลาที่คนสบายๆ พร้อมจะรับคำสอน ตัวเองมีสติดีที่จะครุ่นคิดวิธีการถ่ายทอด ดันไม่สอน เอ้อ…. เอาสิ การสังเกตจังหวะเวลาที่เราพร้อมจะถ่ายทอด คนพร้อมจะรับ ก็สำคัญ
พูดง่ายๆ นะ ถ้าคุณชุ่ยกับการสอน คนเขาไม่รับก็ไม่แปลกครับ (และไม่ได้แปลว่าถ้าไม่ชุ่ยแล้วเด็กมันจะฟัง แต่แปลว่าถ้าชุ่ยอ่ะโอกาสฟังน้อยมาก)
ไอ้ที่สอนว่าเต้นกินรำกินไม่เวิร์ค ถ้าเข้าใจแก่นว่ามันคือประสบการณ์ของเรา เราเจอคนทึ่ทำแล้วเวิร์คน้อยในยุคเรา เราเลยเห็นว่าโอกาสมันน้อย แล้วรับฟังว่าความน่าจะเป็นในยุคปัจจุบันต่างกันยังไง มันก็สอนกันได้อ่ะครับ
(จริงๆ ยุคนี้จะสอนว่าเรียนปริญญาสูงๆ จะให้ได้งานผมว่ายังต้องอัพเดทตัวเองเลยว่าในอนาคตอาจจะไม่ใช่ เพราะรูปแบบของโอกาสมันต่างจากเดิม แต่แก่นที่ว่าการศึกษากับใบยืนยันบางอย่างช่วยสร้างโอกาสยังจริงอยู่ครับ แค่รูปแบบมันอาจจะต่างจากเดิม)
ฟังดูเหมือนยากมาก จะทำยังไงให้สอนเด็กมันได้วะ ต้องเข้าใจแต่ผมว่านะ หลักๆ คือสอนไปรับฟังไปอ่ะครับ แล้วก็ปรับมาอัพเดทตัวเอง
ไม่ใช่สอนแล้วคาดหวังว่าเขาจะทำตามโดยไม่เถียง
มันสอนยากมากๆ ก็ต่อเมื่อเราพยายามจะรักษาอีโก้ของเราอ่ะครับ
แต่ผมสอนไม่แคร์มากไง เด็กมันย้อนเกล็ด ถ้ามันย้อนแล้วฟังขึ้นก็ดี บอกไป เอ้อ พี่ผิดว่ะ เอ็งเจ๋งดีว่ะ เอ็งอนาคตไกลนะเนี่ยฉลาดเห็นจุดที่พี่พลาดด้วย ดีๆๆๆ
ถ้ามันย้อนแล้วไม่ใช่ ก็บอกไปว่าอะไรที่ไม่ใช่
ถ้าเราวุ่นก็บอกว่าเอ้อพี่ว่าไม่ใช่แต่ยังไม่มีเวลาอธิบายว่ะ แค่นี้เอง
ถ้าสอนแล้วไม่รับ ก็เข้าใจธรรมชาติว่าเวลาอาจจะไม่ถูก เขาพร้อมเขาก็คงจะรับเอง หรือถ้าเขาไม่ได้เกิดมาเพื่อเรียนรู้จากเรา ก็แค่ยอมรับ
ผมว่ามันไม่ยากนะ ถ้าเราไม่ยึดอีโก้เกินไปอ่ะครับ
แต่ถ้าเราพยายามหาว่าสอนยังไงให้ไม่หน้าแตก สอนยังไงให้ไม่โดนเด็กมันย้อนเกล็ดตั้งคำถาม อันนี้อ่ะยาก ผมว่ายากมากๆ ยากสุดๆ ผมก็ไม่มีคำตอบให้
ผมก็หน้าแตกหรือโดนเด็กมันย้อนประจำ (และในทางกลับกัน ที่บอกหน้าแตกบ่อยๆ เงี้ย ผมเปิดคอร์ส ไปทอล์ก จัดมีทอัพอะไรทีไรก็เต็มตลอดนะครับ มีคนชอบมาฟังเราไปย้อนเกล็ดเราไป เอ้ออออ)
แต่นั่นแหละ การไม่ยึดอีโก้ก็ยากครับสำหรับหลายๆ คน ผมก็เช่นกัน