ตอบในฐานะ SA นะครับ เรื่อง Set สำคัญกับการออกแบบระบบมาก เพราะปัจจุบันการเขียน Software จะให้ความสำคัญกับ Bussiness Rule มากกว่าการ Modeling ถ้าคุณอยากเขียนซอฟแวร์ในระดับลึกมันไม่ใช่การใช้ Api ชาวบ้านอีกต่อไป มันคือการสร้าง Architect ครับ
.
Set มีบทบาทยังไง การที่จะเขียนโปรแกรมให้ตอบโจทย์ Bussiness เราจะต้องมี Context กับ Operation ให้เหมาะสม ดังนั้นการเขียนโปรแกรมที่ Generic มาก ๆ ที่ชอบทำกันเนี่ย มันไม่ใช่ผลดีกับระบบ เราต้องแบ่ง Context ของระบบให้แก้ปัญหา Bussiness ให้ได้
.
แล้วอะไรจะใช้คำนวณว่าเราออกแบบ Class ได้ตรงความต้องการของระบบไหม คำตอบคือ Set ครับ
.
เช่น
A { x | ILoginService }
หมายความว่า เราสนใจ Elements ของ ILoginService
.
ทีนี้เรา Specific ได้แล้วว่าอะไรคือ Service ที่กำลังพัฒนา ต่อมาที่เราต้องเช็คคือสิ่งที่อยู่ใน Set มีความสำพันธ์กันอย่างไร
.
สมมติ A { LineLogin, FacebookLogin }
สมมติมี Service อยู่สองตัว ทีนี้เราหาความสำพันธ์ของมัน
.
ถ้ามันเป็น Isolation เคสเพราะนี้เป็น A+B ก็คือ
ต่อมาเราก็สนใจที่ตัว Elements ของ set ค่อยๆ ไล่ไปทีละตัว
.
การออกแบบ Class เราต้องนึกถึง 1. Relationship, 2. Multiplication, 3. Communication
.
ทีนี้เราสนใจลึกลงไปอีก step
เช่นผมสนใจ A { x | FacebookLogin }
.
ทีนี้ Set ของเราจะเป็น Aggregation ของ FacebookLogin
.
ดังนี้ FacebookLogin { TokenValidator, SendValidRequestEvents } ( ของจริงเยอะกว่านี้ นี่แค่ยกตัวอย่างมา 2 อัน )
.
ทีนี้ความสัมพันธ์มันเป็น AB คือ Existence Dependency ถ้าตัวไหนพังก็พังทั้ง Service
.
Event ของสองตัวนี้เป็นแบบ Sequence คือต่อกัน
คือ Validate input แล้วค่อยส่งไป Server
ทีนี้เราก็มาวิเคราะห์ว่าจะใช้ Pattern ไหนในที่นี้ใช้ Middleware Pattern เพราะ Flow input เป็นแบบ Sequence
.
เราก็ไล่ออกแบบไปเรื่อยๆ ตามนี้ ซึ่งความยากคือ Entity ของระบบมันมี Invariant ต่างกัน Aggregate ต่างกัน Concurrency ก็ต่างกันอีก
.
ในโลก Software คือความยากมันไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์ มันคือ Concept มหาศาล หลากหลาย Principal แต่ที่ผมจะบอกคือเรื่อง Set เนี่ยมันทำให้เรามองเห็น Domain ที่กำลังจัดการอยู่ให้ชัดขึ้น ทีนี้เราจะมอง Dependency ออก มอง Communication ออก ที่เหลือก็ไปว่ากันที่ Pattern กับ Persistence
.
ถ้าคุณแยก Domain ไม่ออก อย่าพูดถึง Design Pattern เลย ปนกันมั่วแน่นอน
ไอ้สูตร Set ที่คุณเรียนกันตอนม. ปลายนี่แหล่ะ เคสที่มันได้ใช้
.
Cohesion กับ Coupling ก็ Set
ถ้าระบุ Set ไม่ได้ Object มันก็คุยมั่วไปหมด หา Boundary ไม่เจอ
.
จริงๆ ยังมีมากกว่านี้อีก ผมยกตัวอย่างแค่ Service เดียวเอง เผื่อพอเป็นไอเดียว่าคณิตศาสตร์มันไม่ใช่แค่ผูกกับการแก้สมการอย่างเดียวมันมีมุมมองอื่น ๆ ด้วย
.
Code ที่แก้สมการในระบบมันคือ Behavior ของ Class กับของ Service ที่เราสนใจแค่นั้นเอง ว่าจะแก้ยังไง ไม่ใช่แค่หน้าที่ของ Dev แต่หมายถึงการสื่อสารระหว่าง Dev กับ Domain Expert ในด้านนั้น ๆ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา
.
สุดท้ายกับคำถามที่ว่า “เป็นโปรแกรมเมอร์ใช้คณิตศาสตร์กี่ %”
1. Empirical Expression
2. Numerical Expression
นี่แหล่ะสองสิ่งที่คุณจะใช้