>>454 ต่อจากข้างบน กูมารีวิวสีน้ำมันให้
สีน้ำมันถ้าแม่งชอบก็จะชอบเลย ถ้าเกลียดก็จะเกลียดเลย (ซึ่งกูเป็นประเภทหลัง) ข้อดีของสีนี่คือแม่งต้องใจเย็นโคตรๆ ลงแก้ซ้ำยังไงก็ได้ถ้าสีมันยังไม่แห้ง แต่ข้อเสียก็คือข้อเดียวกัน อย่ารีบนะมึ๊ง ไม่งั้นงานพังเด้อ
สำหรับเทคเจอร์คือเวลามึงลงเสร็จนะ มันจะเรียบเนียนเป็นผืนเดียวกับเฟรมผ้าใบเวอร์ตอนแห้ง แถมการแก้งานก็แก้ได้เรื่อยๆ ประมาณสามเดือน (ถ้ามึงใช้สีหนืดแบบหนืดจากหลอด) ส่วนตัวกูว่าเสน่ห์ของสีมันอยู่ตอนที่บีบๆ จากหลอดแล้วใช้เกรียงผสมนี่แหละ เหมือนมึงกำลังกวนอะไรสักอย่าง แต่กูใจร้อน กูเลยชอบเทลินซีดเยอะๆ แล้วปาดอย่างเมามันจนสีด่างบ่อย
ส่วนอุปกรณ์เหนาะๆ กูแจกแจงให้ พู่กัน เกรียงผสมสี จานสีแบบมีฝาปิด (แนะนำแฟ้มเอกสารแบบใสมีฝาปิด) ลินซีด (ผสมสีให้แห้งเร็วและหนืดน้อยลง) สีน้ำมัน น้ำมันสน (ล้างพู่กัน) จริงๆ มันมีน้ำยาล้างเฉพาะแล้วแต่แพงชิบหาย และต้องใช้แก้วล้างแบบแก้วด้วยนะ ในการใส่น้ำมันสน แล้วถ้าอยากจะจุกจิกเพิ่มหน่อยตอนล้างพู่กัน (ล้างยากเหี้ยๆ กูคอนเฟิร์ม) ก็ต้องใช้ตะแกรงลวดอลูมิเนียมพับๆ หยอดลงไปเพื่อขูดสีพู่กันออกอีก
ความจริงไอ้สีน้ำมันเนี่ยมันไม่ได้เสี่ยงมะเร็งหรอก เสี่ยงตอนมึงล้างพู่กันในน้ำมันสนแล้วตะกอนมันอยู่ในนั้น ฟุ้งออกมาเว้ย แต่พังสุดคือกลิ่นน้ำมันสนนี่แหละ เสี่ยงต่อการจมูกพังชิบหาย ปัจจุบันกูก็ต้องใช้อยู่ แต่ด้วยปัญหาทางบ้านอจ.กูเลยยอมให้ใช้สีอะคริลิคแทน
ปล. กูเมนสีน้ำ ขอ+1 ตรงทุกอย่างมีผลกับงานหมด แต่หลังๆ กูเริ่มเอาสีโปสเตอร์มาใช้ผสมกันบ้างละเพื่อสร้างเลเยอร์หนาๆ และกูเกลียดสีโปสเตอร์....