Last posted
Total of 477 posts
เลสแตทขายดีปะวะ กูสงสัยว่าทำไมเอาเล่มสองมาพิมพ์ก่อนซะงั้น ถ้าเริ่มที่เล่มแรก มีคนรู้จัก ตามหาหนังสือมาบ้างแล้วจากหนัง น่าจะขายดีกว่านี้ นี่เงียบเชียว
>>290 กูไม่เห็นด้วยที่ว่าโม่งวรรณกรรมฝรั่งเป็นส่วนน้อย กูถามคำนึง ที่ผ่านมามึงชวนคุยหรือตอบกลับอะไรที่เกี่ยวกับวรรณกรรมฝรั่งบ้าง กูสังเกตหลายรอบแล้วว่าแทบไม่มีคนคุยกันเลย ต่อให้เปิดมาเรื่องไรก็ตาม ขอแค่มีคนตอบมันก็คุยกันเองละ แต่นี่ไม่คุยกันแล้วบ่นว่าเป็นคนส่วนน้อย จะให้โทษใครดี
>>288 มาก็ดี กูหางานของชอง ปอล ซาร์ทที่งานหนังสือรอบที่แล้วไม่เจอ มึงมีร้านที่ขายหนังสือนอกแนะนำมะ ถ้ามีร้านที่ขายbeing and timeด้วยก็ดี อ่านคู่กับงานของซาร์ทท่าจะมันส์
เฮ้อ ก็ใช่ว่าทุกคนจะนั่งเฝ้าบอร์ดทุกวันนี่จ้ะ บางคนถึงอยากคุยแต่เข้ามาเจอที่มึงคุยกันเค้าก็ไม่ไล่ตาอ่านกันแล้วจ้า สรุปมึงเอากระทู้นี้ไปเถอะจ้ะ เดี๋ยวคนที่เหลือเค้าหาที่อยู่กันได้เองเนอะ
แทนทีคุยกันประเด็นเหมือนกันเยอะๆ จะแยกไปอีกกระทู้ แต่ไม่ไป แถมพอคนอื่นจะแยกไปก็ไม่ให้เค้าไปอีก เพื่ออะไร ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
>>294 bookdepository ไหมเพื่อนโม่ง แต่เข้าไปเช็คดูแล้วก็ไม่มีซาร์ตอะนะ หลังๆกูซื้อของออนไลน์ซะเยอะเพราะไม่มีเวลา/ขี้เกียจไปร้านนี่แหละ ร้านขายหนังสือภาษาตปท.ในไทยที่ไปก็มีแค่ดาสะร้านเดียว (เพราะมันใกล้แหล่งอาหารดี) นอกจากนั้นก็สั่งๆบนเน็ตเอา
อนึ่ง ตอนนี้อยากได้ the BFG เล่มภาษารัสเซียมาก ของดาห์ลเล่มอื่นๆแบบภาษารัสเซียก็ได้ จะเอามาฝึกภาษา แต่พลิกทั้งเน็ตแล้วยังไม่เจอ ถ้าใครพอจะชี้พิกัดให้ได้นี่จะขอบคุณอย่างยิ่ง
>>276 มันมีจองหน้าร้านน่ะใช่ แต่ร้านดันมีขายแบบไม่ต้องง้อคนจองไงมึง เลยเป็นเรื่อง มันขายกันให้กับคนไม่ได้จองกันโต้งๆเลย (แสดงว่า แจ่มใสส่งเกินล็อตจอง กะส่งให้ขาย หรือกูเข้าใจผิด) กูเข้าใจว่า ถ้าจองผ่านร้าน ร้านก็ควรมีหนังสือพอดีกับยิดจองสิ เพราะมันลิมิเต็ด แถมขึ้นเพจว่า ไม่มีขายทั่วไป .... กูมองแบบกลางๆ ไม่ได้ด่ามันมาแต่ต้นด้วย เพิ่งมาเสพข่าว แต่กูคิดส่าเคสนี้แจ่มแม่งไม่บริสุทธิ์ใจกับลูกค้าแน่นอน
อีกอย่างส่วนต่างราคา 200 บาทคืออะไร แล้วทำไมทีตอนจองไม่ให้ลูกค้าใช้ส่วนลดล่ะ เงินส่วนต่างซื้อนิยายได้เล่มหนาๆอีกเล่มเลยนะมึง กูว่ามันเข้าข่ายเจตนาทำธุรกิจเอาแต่ได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยล่ะ
>>/290 >>>/subculture/2322 ตั้งละ
ใครเป็นตัดสินว่ามันนอกกระแส แค่คนคุยในนี้ไม่เยอะมันก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีใครสนใจ ถ้ามึงบอกว่านอกกระแส กระแสมันเป็นอะไรที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เพราะงั้นเนื้อหาในกระทู้ใหม่มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆเหมือนกัน แล้วแบบนี้จะแยกไปทำไม
จริงๆกูไม่เห็นด้วยกับการแยก เมื่อก่อนคุยแม่งสารพัด แจ่มใส สแตมเบอรี่ นิ้วกลม ดอกปอบ แรบบิท กัลฐิดา มุราคามิ เฮสเส อูโก เจเคโรลิ่ง ดอลสตอย โกวเล้ง กิมย้ง บลา บลา ก็ยังอยู่กันได้ โม่งในมู้นี้ก็อ่านกันหลายแนว คุยอะไรก็คุยไป อย่าลิดรอนสิทธิ์ อยากให้คนพูดวรรณกรรมยุโรปเยอะๆควรเปิดประเด็น ไม่ใช่รอคนมาป้อน แล้วช่วงนี้นิยายรักจีนมันบูม คนจะพูดถึงเยอะก็ไม่แปลก กูก็คุยบ้าง อ่านบ้าง นิยายยุโรปอันไหนที่กูได้อ่านแล้วกำลังพูดถึงกันอยู่ กูก็ตอบ บางทีกูก็จุดประเด็นเอง มีคนตอบบ้าง ไม่มีคนตอบบ้าง กูก็ไม่ได้ว่าอะไร ฟังพวกมึงคุยกันก็เพลินดี
ถ้าอยากแยกกระทู้จริงๆ กูมีอย่างนึงที่สงสัย
อาทิตย์ที่แล้ว กูอ่านหนังสือเด็กของเยอรมันเรื่อง Für immer (forever) ของ Kai Lüftner กับ Katja Gehrmann
เปิดมาคือมีเด็กคนนึงถือว่าวสีแดงอยู่กับแม่เล่าว่า ทุกอย่างเป็นอย่างเดิม ทางเดินไปอนุบาลเป็นอย่างเดิมเดิม ตลาดเป็นอย่างเดิม แต่ก็ไม่เหมือนเดิม มีอะไรที่เปลี่ยนไปแล้ว แล้วก็พูดว่าตัวเองเป็น Zurückgebliebener ซึ่งแปลเป็นศัพท์ทั้งคำคือคนปัญญาอ่อน
หน้าถัดๆไป ตัดไปเป็นภาพเด็กทำว่าวสีแดงอยู่กับพ่อ พ่อนอนบนเตียง ก็คือป่วยนั่นแหละ แล้วหน้าต่อๆไปก็คือฉากฝังศพพ่อ สรุปว่า Zurückgebliebener ต้องเอามาแยกเป็นสองคำ ก็คำ zurück (back) กับ geblieben (stay) แปลว่าคนที่ยังยืนอยู่ข้างหลัง ขณะที่คนที่รักเขาตายจากไปแล้ว
แล้วทีนี้เด็กก็เริ่มเล่าไปเรื่อยๆ ว่า für immer มันนานมาก มันนานกว่าหนึ่งชั่วโมงในคลินิกหมอฟัน หนึ่งชั่วโมงตอนเก็บห้องนอน พูดเรื่องผู้ใหญ่ที่มาทำเป็นตลกให้เด็กหายเศร้า หรือมาแสดงท่าสงสารอะไรที่มันไร้ประโยชน์ แล้วจบตรงที่เด็กพูดว่า พ่อของเขาไม่ได้หายไปไหน ส่วนหนึ่งของพ่อยังอยู่ในตัวเขานั่นแหละ โดยมีว่าวสีแดงตัวนั้นเป็น symbol สายใยของเขากับพ่อ อย่างพวกสายป่านว่าวอะไรงี้
(นิทานตัวจริงๆเศร้ามาก แต่กูเล่าเท่าที่จำได้ กูขอโทษ..)
ทีนี้ ถ้าอ่านนิทานเด็กเยอรมัน นิทานเด็กต่างประเทศเยอะหน่อย จะเห็นว่ามันมี theme เรื่องความตายเยอะมาก เรื่องพ่อแม่ LGBT หรือพ่อแม่ที่หย่าร้างกันก็ด้วย ของเยอรมันนี่ก็มีเล่มนึงที่เด็กเล่าว่าตัวเองมีพ่อสองคนงี้
กูก็สงสัย ว่าไทยมีไหมสมัยนี้ พวกนิทานเด็กที่พูดถึงความตาย หรือพูดถึงหัวข้อที่ผู้ใหญ่พยายามกีดกันจากเด็ก แต่มันเป็นสิ่งที่เจอทุกวันอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน เพราะตอนเด็กๆกูก็จำได้แค่พวกนิทานหนูนิดไม่อยากทำเหี้ยอะไรเลย กับนิทานปลูกฝังให้เป็นเด็กดีอะไรแบบนั้น มีแค่เรื่อง ไอด้ากับยาวิเศษ ที่พอจะจำได้ว่าเกี่ยวกับเอดส์
กูอยากได้ความเห็นจากทั้งฝั่งคนที่อ่านวรรณกรรมตะวันตก แล้วก็วรรณกรรมเอเชีย ถ้าแบบนี้ กูควรเปิดประเด็นคุยในกระทู้ไหน?
ถ้ากูเปิดประเด็นในกระทู้ตะวันตก (หรือนอกกระแสอย่างที่ว่า ซึ่งกูว่ามันไม่นอกกระแสเลย..) แล้วมีคนมาถกเรื่องนิทานไทยด้วย มันก็จะไม่ตรงกับกระทู้นั้นหรือเปล่า และถ้ากูเอาเรื่องนี้ไปคุยในกระทู้นิยายไทย แล้วกูยกตัวอย่างนิทานตะวันตกเยอะๆ มันก็จะไม่ตรงหัวข้อกระทู้เหมือนกันใช่ไหม
จริงๆมันมีประเด็นอีกหลายอย่างนะเรื่องนี้ แต่เอาแค่นี้ก่อน ขอโทษที่ยกตัวอย่างยาวไปหน่อย
ส่วนตัวกูก็คือ อะไรก็ตามที่คิดว่าเปิดในนี้แล้วไม่มีคนตอบภายใน 30 เม้น(หลุดหน้าแรก) ควรจะมีโอกาสให้คนที่ไม่ได้มาส่องทุกวันได้เห็น กูจะไปเปิดกระทู้นั้น
>>287 แปลดีมั้ย เอ สำหรับกู อ่านรู้เรื่อง บรรยายความหื่นกามของฮัมเบิร์ตออกมาได้สวยนะ แต่น่าขยะแขยงในความหมาย ก็โอเคอยู่ เดี๋ยวกลับบ้านกูลองเทียบประโยคภาษาไทยที่แปลออกมากับภาษาต้นฉบับให้ซักนิดแล้วตัดสินเอาละกันว่าเป็นยังไง
>>302 เย็ดเข้ นี่นิทานเด็กจริงเหรอ กูรู้สึกประเด็นมันหนักมาก จนนิทานเด็กไทยเป็นนิทานโลกสวยไปเลย
ศรีธนนชัยมันเป็นนิทานเด็กป่ะวะ นึกไม่ออกว่ะ ขอกลับบ้านไปคุ้ยดูก่อนละกันว่ามีวรรณกรรมสำหรับเด็กของไทยเรื่องไหนเล่นประเด็นนี้บ้าง
แถมจาก >>302 ให้นิด อันนี้เป็นโฆษณาหนังสือเล่มนี้จากสำนักพิมพ์ https://youtu.be/jQi9KKUgDkU
เพลงที่ใช้โปรโมทก็เศร้าแล้ว ซึ่งชื่อเพลงคือ Colors of the Truth..
หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือสำหรับเด็กอายุห้าขวบขึ้นไป มีรูปประกอบเต็มหน้า มีคำบรรยายหน้าละไม่กี่บรรทัด ในคลิปจะมีประโยคแรกในหนังสืออยู่ ก็คือ
»Ich fühl mich manchmal, als ob ich fallen wurde.«
»Und es hört nie auf.«
"บางครั้งผมก็รู้สึกเหมือนว่าผมกำลังร่วงตกลงไป"
"และมันไม่เคยหยุด"
>>306 เพราะมันดูแฟนตาซี+คำว่านิทานมั้ง อะไรที่มันมีอภินิหารเฟี้ยวฟ้าว เจ้าชาย เจ้าหญิง เวทมนต์ มันก็จะถูกเหมาว่าให้เด็กดูหมดนั่นล่ะ
นิทานกริมม์เนื้อหาเลวร้ายสัสๆ ยังกลายเป็นนิทานก่อนนอนให้เด็กฝรั่งในยุคก่อนเลย บางเรื่องตัวเอกเป็นเด็กน้อยเช่นฮันเซล เกรเทล คงคิดกันว่าเด็กมักจะใสๆไร้เดียงสามั้ง แต่ในเรื่องก็ฆ่าคนกันได้หน้าตายเฉย แถมอยู่แบบแฮปปี้กันดี ไม่มีสำนึกผิดกันด้วย แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ก็เป็นเด็ก เอาวัวไปขายแลกถั่ว ปีนไปเจอยักษ์ เลยขโมยของเขามา และอ้างว่าสมควรแล้วที่จะถูกขโมย เจ้าของเขามาทวงคืนก็ไปฆ่าเขาซะงั้น สโนไวท์ของกริมม์เป็นเด็กอายุแค่เจ็ดขวบ แต่หลับนอนกับพ่อตัวเองแบบชู้สาว บลา บลา พอเรื่องพวกนี้มาถูกปรับให้ซอฟท์ลงโดยดิสนีย์ ก็คิดกันไปเองว่าพวกนี้เป็นของสำหรับเด็ก บางคนก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้นฉบับจริงๆแม่งโหดแค่ไหน
>>269 จะได้เข้ากับนางเอกผู้มีชะตาอาภัพไงมึง นางเอกบัดซบพระเอกก็ต้องรุ่งโรจน์
>>305 ผ่าท้องน้องตัวเองไม่น่าจะสำหรับเด็กนะมึง แต่ทำไมกลายเป็นนิทานในบทเรียนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
จะว่าไปนิทานไทยก็มีที่มาจากพวกวรรณคดีนั่นแหละว่ะ พระเอกมีเมียหลายคน เอาไม่เลือกตั้งแต่คน ยักษ์ กินรี จระเข้ นี่มันได้แรงบันดาลใจมาจากเทพซุสรึเปล่าวะ
น่าจะแยกเป็นคลาสสิคแทนนอกกระแสนะ
นอกกระแสมันแยกยาก เด่วลวิตรและป้าหลินมาแจมนอกกระแสอีก
สำหรับกู กูว่ามู้นอกกระแสมันจะถูกปล่อยตกไปแทนมั้ยวะมึงถ้าพวกมึงไม่คุยกันอ่ะ
>>312 เทพอินเดียไม่น่ามาจากพวกกรีกปะวะ ดูจากเวลาแล้วมันยังไม่น่าจะติดต่อกัน แต่ของเปอร์เซียกับอารยันไม่แน่
ว่าไปพวกหนังสือเด็กไทยกูรู้สึกมันย้ำๆอยู่กับที่จังเลยวะ ว่าไงดีของฝรั่งมันก็มีปลูกฝังเรื่องอื่นกันแล้ว อย่างข่าวอันหนึ่งที่อกประมาณว่ามีคนเขียนให้ตัวละครหญิงมีความสามารถเป็นอัศวินอะไรแบบนั้นประมาณอยากยกเลิกความเชื่อในนิทานเดิมๆที่เจ้าหญิงจะต้องรอเจ้าชายอย่างเดียว หรืออันหนึ่งที่กูไปเจอ(ตอนนั้นยังไม่พิมพ์มีแค่เรื่องย่อแต่กูก็ไม่แน่ใจว่ามันสำหรับเด็กมั้ย)เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าชายที่ชอบแต่งหญิงกับสาวตัดเสื้อผ้าคือมันน่าสนใจและมีประเด็นมากกว่าทำตัวเป็นเด็กดีอะไรแบบนี้วะ
>>314 อันนี้กูคิดว่า เพราะนิทานเด็กเป้าหมายหลักๆของมันก็คือปลูกฝังเด็กให้เป็นไปในทิศทางที่อยากให้เป็น เนื้อหามันจึงย่ำอยู่ที่เดิม อาจารย์ของกูเคยพูดว่าการอ่านวรรณกรรมก็คือการอ่านมนุษย์ ซึ่งนิทานก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ถ้าสังคมโดยรวมมันเปลี่ยนไป วรรณกรรมก็จะเปลี่ยนตาม หรือบางทีก็เป็นวรรณกรรมที่เปลี่ยนสังคม แต่น้อย ไม่ค่อยเกิดแบบนั้นขึ้นหรอก
ซึ่งวงการหนังสือเด็กของไทยมันยังไม่พัฒนาไปถึงจุดนั้น และมันต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะพัฒนาไปให้เป็นอย่างโลกตะวันตกได้ เรายังไม่ค่อยให้ความสำคัญกับหัวข้อเรื่องมนุษย์ แนวคิดหลักๆในสังคมไทยต่อเด็กยังเป็นคำว่า "หล่อหลอม" หล่อหลอมในแง่เคาะออกมาให้เป็นพิมพ์เดียวกัน ให้มีค่านิยมเดียวกัน วรรณกรรมสำหรับเด็กและเยาวชน (ที่ไม่ใช่แจ่มใส) ในไทยจึงเป็นไปในแง่นั้นด้วย
จริงๆ กูว่าที่นี่วัฒนธรรมการที่มีเรื่องไหนคุยเยอะๆ แล้วแยกไปตั้งใหม่เป็นเรื่องปกติมากเลยนะ ในห้องฟุเอง ขนาดห้องหนังสือพอมันด่า สนพ มากๆ เข้ายังลงเสียงให้แยกออกไปเลย คืออะไรที่มีคุยกันเยอะๆ ก็แยกออก แล้วมันจะร้างไม่ร้างเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที จะมีก็มู้นี้แหละ เหมือนจะแยกก็ไม่แยกซะที
กูขอลงเสียงว่าอยากให้แยก จะเอาจีนออกหรือเอาหนังสือตะวันตกออกก็ว่าไป ถ้ามันจะร้างกูก็อยากเห็นด้วยตาตัวเองว่าจะร้างมั้ย น่าสนใจดีออกว่าถ้าลองแยกออกมาจะเป็นยังไง
>>314 เทพกรีกกับเทพอินเดียคล้ายกันหลายองค์เลยนะ น่าจะมาจากความเชื่อสายเดียวกันของพวกอารยันก่อนจะกลายเป็นเปอร์เซียและกรีกมากกว่า ศาสนาของกรีกและศาสนาพราหมณ์เป็นความเชื่อของชาวอารยันเหมือนกัน แต่ชาวอารยันมีหลายเผ่า พวกที่อพยพมาอินเดียทำสงครามชิงพื้นที่กับดราวิเดียนก็อีกเผ่าหนึ่ง พวกกรีกก็เป็นอารยันอีกเผ่าหนึ่ง พอยึดครองอาณาจักรอินเดียได้ก็ตั้งศาสนาของตัวเองและกลืนความเชื่อพื้นเมืองผสมเข้าไปด้วย เอาเทพองค์ที่คล้ายกันๆก็เช่น พระยม-ฮาเดส พระสมุทร-โพไซดอน พระกามเทพ-อีรอส เป็นต้น เทพไหนที่ไม่เหมือนกัน คือเทพที่กลืนกับความเชื่อดั้งเดิมของพื้นเมืองเข้าไป เช่นพระพิฆเนศ เป็นเทพหัวช้างของดราวิเดียน ถูกกลืนศาสนาและลดบทบาทความสำคัญแทนที่
มู้นอกกระแสเลือกได้ยังวะว่าจะเอาอะไร นิยายจีน ฝรั่ง หรือไทย แต่ไทยนี่เหมือนจะเข้าข่ายนินทาสำนักพิมพ์&นักเขียน มากกว่าสับรายละเอียดหนังสือว่ะ
ถามแบบ KY โม่งให้ราคาประกวดนิยายเอนเธอร์ในเด็กดวกแค่ไหนครัช
โหวตนิยายรักจีนแยกสาขาอีก1
กูขอขัดนิด มีใครพอจะแนะนำนิยายแนวพีเรียดย้อนเวลาของไทย แนวๆทวิภพ บุพเพสันนิวาส ได้มั่งวะเพื่อนโม่ง
>>323 สองฝั่งคลอง พีเรียดช่วงรัชกาลที่เจ็ด พระเอกนางเอกเป็นคนธรรมดา ไม่สวยไม่หล่ออะไรมาก มีช่วงดราม่าอยู่เยอะ แต่เรื่องนี้คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วจริงๆ
จากฝัน สู่นิรันดร พระเอกย้อนยุคไปสมัยร.หก เจอนางเอกที่เป็นคนในสมัยนั้น
รากนครา พีเรียดทางเหนือก่อนราชวงศ์ของพม่าจะล่มสลาย ฝั่งนางเอกคือเมืองเล็กๆที่ต้องส่งบรรณาการให้ทั้งสยามทั้งพม่า
ปริศนา พีเรียดร.เจ็ด พระเอกนางเอกหัวสมัยใหม่ทั้งคู่ แนะนำให้ดูละครเพราะพี่ติ๊กเป็นท่านชายพจน์ได้หล่อมาก
กูkyแป๊บ ตอนนี้กูอยากอ่านนิยายที่บรรยายได้เห็นภาพ เข้าถึงความรู้สึกในสถานการณ์กับตัวละครว่ะ อย่างเรื่องน้ำหอมมนุษย์ก็ได้ที่เขียนได้รู้สึกถึงกลิ่นเลย อยากได้พวกอารมณ์ประมาณอ่านการ์ตูนปลามรณะของอิโต้ จุนจิแล้วรู้สึกเหม็น ขยะแขยงอะไรงี้ได้อะ หนังสือแนวอะไรก็ได้ ช่วยแนะนำกูที
>>325 กลาย คาฟกา บรรยายความซึมเศร้า ความมืดหม่นหดหู่ ความหวังออกมาได้ดีมาก
โลลิต้า บรรยายทรวดทรงองค์เอวของสาวน้อยและอยากเย็ดได้หื่นกามในภาษาที่สวยสัสๆ
บาเกะโมโนกาตาริ ทุกประโยคแม่งแทบเห็นเหตุการณ์ลอยมา ฉากบรรยายกางเกงในลองหาอ่านดูได้ กูเคยเห็นมีคนแปล ถ้าติดใจก็สั่งซื้อหนังสือเลย มีลิขสิทธิ์แล้ว
กูคนตั้งมู้นอกกระแสเอง ยอมรับว่าเสี้ยวนึงคือประชด เหตุผลก็ตาม >>286 มีคนยกประเด็นนี่มาหลายทีแล้ว แล้วทุกครั้งก็ตกไปเพราะเหตุผลเดิมๆว่าทำไมไม่ชวนคุยล่ะ เลยคิดว่า โอเค ถ้าการขอให้แบ่งพื้นที่ให้คนอื่นมันยากขนาดนั้น คนส่วนน้อยก็ออกไปเองเลยก็ได้
กูโหวตนิยายรักจีนเหมือนกัน เพราะเป็นส่วนที่ใช้พื้นที่ในกระทู้กระทู้นี้มากที่สุด จากมาตรฐานของห้องอื่น ควรจะมีกระทู้ของตัวเอง
ถ้าคราวนี้แยกสำเร็จก็ถือว่ากระทู้ที่กูตั้งได้ทำหน้าที่ของมันแล้ว เดี๋ยวกูแจ้งลบเองเลย แต่ถ้าไม่สำเร็จก็แสดงให้เห็นว่าคนอ่านหนังสือที่มีภาพว่าเป็นปัญญาชนนั้นที่จริงก็อีโก้สูงแบบนี้แหล่ะ
กูว่าช่วงไหนอะไรบูมก็พูดถึงเรื่องนั้นเยอะหน่อยเท่านั้นแหละ ถ้าอะไรบูมต้องตั้งกระทู้ใหม่หมด ป่านนี้มิมีกระทู้ดอกปอบ กระทู้ลวิตร์ไปแล้วรึ
>>330 ถ้าเรื่องไหนพูดบ่อยๆ ปกติก็แยกไปเองนะ และนิยายรักจีนมันมีออกมาเรื่อยๆ มีประเด็นสำนักพิมพ์มันมีศักยภาพแยกออกไปเองแต่แรกแล้ว ก็เหมือนตอนคนบ่น เบี่ยงไปฟุอีกละๆ ช่วงต้น ตอนหลังก็จับแยกไป ทู้ก็ยังอยู่ได้ กูว่าที่นี่มันเป็นงี้ตลอด มีทู้นี้ที่แปลก ให้เหตุผลว่าอะไรบูมก็พูดเยอะ
ในห้องมังงะอนิเม มันจะมีทู้ที่คุย winter anime (จริงๆ แยกเป็น Fall ไรเลยด้วย 555) เรื่องไหนคุยเยอะๆ มันก็แตกหน่อไปเอง บางทู้จบไปแล้วก็คือจบ (อย่าง AZ Free! มันก็เงียบไปละ) ก็หลักการเดียวกันน่ะแหละ
กูว่าพวกมึงที่ออกมาร้องเย้วๆ รำคาญเพื่อนร่วมห้อง นี่แหละที่น่ารำคาญ
จะหนังสือแนวไหนสัญชาติอะไร ถ้ามันมีคนพิมพ์มาคุยมันก็ตรงกับชื่อห้องอยู่ดี เรื่องที่มึงไม่รู้จักก็อ่านข้ามๆไปก็ได้ เสือกมีบางคนคิดว่ารกหูรกตาเพราะตัวเองไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
ทีกูบางเรื่องกูไม่รู้จักกูยังอ่านข้ามๆได้ ไม่ก็อ่านไว้ประดับความรู้ไม่เห็นต้องตีโพยตีพายว่า ทู้นี้มีแต่ขยะอย่างโน้นอย่างนี้ กูว่าไอ้พวกที่พิมพ์แบบนี้แหละที่น่ารำคาญ
จากที่กูอ่านมา ห้องนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว เนื้อหาไม่ได้โฟกัสที่หนังสือแล้วแต่วินาทีนี้กลายเป็นถกดราม่ารสนิยมที่ต้องการของคนบางกลุ่ม ซึ่งถ้ามันสำคัญขนาดนั้นมึงก็เข้ามาหาเรื่อยคุยบ่อยๆสิวะ เรื่องที่ตัวเองสนใจไม่มีคนสนใจหรือถกกัน มึงก็พยายามยกมาคุยหน่อย จะโทษกลุ่มอื่นว่ารำคาญๆมันก็ไม่ใช่เรื่องนะเว้ย
อืม คนอื่นไม่รู้นะ แต่กูไม่ได้รำคาญอะไร ที่โหวตว่าควรแยกเพราะชินกับมู้อื่นๆ เวลาคุยเรื่องไหนเยอะๆ มากเข้า เขาจะแยกไปอีกมู้ต่างหากเลย ในความรู้สึกกูคิดว่าเป็นแนวทางที่ดีเพราะ 1. มีคนคุยเยอะแปลว่าเนื้อหามีศักยภาพพอตั้งห้องแยกได้ 2. ดูไม่รบกวนคนไม่สนใจเนื้อหาดังกล่าว จึงเห็นว่าแยกออกไปก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร
อย่างอนิเมที่กูยกตัวอย่างเองถ้าคิดแบบที่ข้างบนว่า แปลว่าเวลาคุยอนิเมเรื่องไหนเยอะๆ ก็ไม่ควรตั้งซ้ำเหรอ คนไม่คุยอนิเมเรื่องอื่นแปลว่าเขาผิดที่ไม่เข้ามาคุยบ่อยๆ ส่วนตัวไม่คิดอย่างนั้นนะ
แต่ถ้าส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นแบบนี้ต่อกูไม่ขัดข้องอะไร ถือว่าได้ออกความเห็น 55
เคยมีเหตุการณ์แบบนี้ในห้องเกมนะ พวกที่คุยเกมนั้นๆ(fate GO)เยอะๆตอนแรกก็ลีลาไม่ยอมออกไปตั้ง จนต้องมีคนตั้งให้
เป็นไงล่ะ ปัจจุบันนี้หัวข้อเกมนั้น ซัดไปสามกระทู้แล้ว
กูโหวตให้แยก
>>334 ถ้าแยกเพราะเนื้อหากูก็ไม่ว่าอะไร กูก็โหวตแยกไปแล้ว>>326 แต่กูไม่เห็นด้วยที่บางคนอยากให้แยกเพราะมีเนื้อหาที่ตัวเองไม่ชอบ
อย่างโม่งคนนึงไปบ่นว่าเบื่อเพราะไม่ชอบนิยายจีนเลยคุยไม่รู้เรื่อง แบบนี้กูว่าไม่ใช่ อย่างสมัยฟุยังรวมในห้องอนิเมะก็เหมือนกัน
มันก็อยู่ในกระทู้ดีๆ ยังมีคนไปป่วนไล่ไปที่อื่นเพราะตัวเองไม่ชอบฟุ ขนาดแยกห้องยังบอกว่าตัวBมันเกะกะ เอาให้มันอยู่ต่ำๆ หน่อย
เอาจริงๆ ตอนนี้กูเห็นว่ามันมีเนื้อหาที่บางพวกไม่ชอบมากกว่า ถึงได้ออกมาโวยกันบ่อยๆ แต่พอบอกให้คุยดันไม่คุย เด็กน้อยดีแท้
ที่กูโหวตแยกเพื่อตัดปัญหานะ ถึงแม้กูอยากให้แยกวรรณกรรมฝรั่งออกไปมากกว่า โทรลจะได้ย้ายตามไปด้วย
>>336 เวลาคุยไม่ค่อยได้มองไอพี 55+ เออ เข้าใจเหตุผลมึงนะ กูโฟกัสไปที่ปกติมู้อื่นๆ เขาทำยังไงมากกว่า เลยว่าจีนน่าจะออกไปมากกว่า ก็น่าคิด ถ้าเอาจีนออก กูว่ามู้คุยหนังสือจีนไปได้แน่ แล้วห้องนี้จะร้างสัสมั้ย ก็อยากเห็นนะ แต่กูแอบเดาว่าแฟนตาซีจะเด่นขึ้นมาแทน แล้วทีนี้จะมีคนบ่นอีกมั้ยแฟนตาซีเยอะไปแล้ววว เหี้ยจริงๆ
กูมองว่าเรื่องของหนังสือมันก็เรื่องของหนังสือ ทำไมต้องแยกหมวดกันด้วยว่ะ คือถ้าแยกหมวดมันจะเห็นชัดเลยว่ามู้ไหนวิ่งมู้ไหนไม่วิ่ง ในเมื่อเป็นงี้ก็คุยมุ้เดียวต่อไปไม่ดีกว่าเหรอวะ? คุยกันมา 14 มู้แล้วเสือกพึ่งอยากแยกเนี่ยนะ
>>329 แต่ข้างบนก็มีคนพูดถึงโลลิต้า คาฟกา ดอลสตอย นิยายเยอรมัน วรรณกรรมยุโรปอื่นๆ ทำไมไม่ตอบเขาบ้างล่ะ ในเมื่อเขาก็พยายามจุดประเด็นวรรณกรรมยุโรปแล้ว ก็มีโม่งพยายามถกเรื่องความเชื่อ ศาสนา คติแฝงในนิยาย มาบ่นว่าเป็นคนส่วนน้อยขอแยกไปเองไปเพื่อ?? โม่งวรรณกรรมยุโรปมีเยอะในกระทู้นี้นะ ไม่ใช่คนส่วนน้อย
>>339 กูมองว่าเหมือนกระทู้ anime คือเรื่องไหนคุยเยอะบ่อยก็ควรตั้งแยก คือก็เป็นเรื่องหนังสือแค่แยกเป็นชนิดเฉพาะ(เหมือนการแยก a/z ออกไป) กูว่าการที่กระทู้หนึ่งจะร้างรึเปล่ามันไม่จุดที่ควรสนใจวะ เอาจริงกูว่ามันก็มีเรื่องคุยอาจไม่แอคทีฟเท่ามีเรื่องพีคแบบตอนมีนิยายจีนอยู่แต่ก็ไม่ตายหรอกวะ
ปล.ถึงเที่ยงพรุ่งนี้ค่อยมาสรุปยอดปะมึง
พวกมาร้องแย้วๆไม่ให้แยกนี่แม่งไอ้พวกสมองกลวงประเภทผีเฝ้ากระทู้ อยากอ่านทุกเม้น ทุกบรรทัดสินะ
เอาง่ายๆ คนอ่านหนังสือที่แท้จริงแม่งไม่อ่านนิยายแจ่มใส นิยายจีนตาหวาน นิยายแฟนตาซีงี่เง่าหรอก
ระดับสูงแบบพวกกูอ่านแต่วรรณกรรมคลาสสิค พวกยุโรป รัสเซีย อเมริกัน เท่านั้นแหละ
ถ้ากูอยากอ่านแต่ความเห็นคุณภาพ กูจะต้องเสียเวลามาอ่านเม้นขยะของพวกมึงหรอไง
แยกง่ายๆเลยคือ 'มู้คนอ่านหนังสือที่แท้จริง' กับ 'มู้ติ่งเห่อหมอยเค้าอ่านอะไรกูก็อยากตามอ่าน' จบ.
โม่งที่ตั้งกระทู้อยากแยกตอนแรก กูเปิดประเด็นถามแล้วที่ >>302 ก็ตอบกูหน่อยสิ จะปล่อยกูพูดคนเดียวอีกแล้วหรอ คราวนี้จะพูดว่าไม่ได้เข้ามาเช็คทุกวันไม่ได้แล้วนะ
การงอแงประชดแบบนี้มันเด็กมากเลย และอีกเรื่องคือกูอยากรู้ว่ามีโม่งที่คุยเรื่องวรรณกรรมฝั่งตะวันตกบ่อยกว่า genre อื่นๆ แล้วอยากแยกออกไปคุยวรรณกรรมตะวันตกที่กระทู้อื่นเยอะไหม
อย่างน้อยที่สุดนะ ไม่ใช่กูล่ะคนนึง กูอ่านตะวันตกมากกว่าแบบอื่น แต่กูไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องแยก มันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น กูชอบบรรยากาศที่มันมีวรรณกรรมหลายประเภทอยู่ในที่เดียวกัน ถ้ากูต้องแยกออกไปคุยเรื่องวรรณกรรมตะวันตกที่กระทู้แยกอย่างเดียวโดยไม่ได้ฟังความเห็นของคนที่อ่านวรรณกรรมประเภทอื่นๆต่อหัวข้อที่กูคุยเลย กูก็คงรู้สึกว่ามันจืดๆ และกูก็คงไม่ได้เข้าไปคุยในกระทู้นั้น กูชอบการที่วรรณกรรมประเภทต่างๆกันมันได้สัมผัสกันมากกว่า กระทู้วรรณกรรมตะวันตกแบบแยกเดี่ยวๆถ้ามีจริงมันไม่ตอบโจทย์กูนะ
แต่ก็นั่นแหละ อันนี้มันเป็นแค่ความเห็นกูคนเดียว คนอื่นๆอาจมีความเห็นต่างไปสิ้นเชิงจากนี้ก็ได้ กูเองก็อยากฟัง (อ่าน) เหตุผลของแต่ละคนนะ
>>302 กูเห็นนิทานเด็กที่กระทรวงศึกษาของไทยแนะนำให้เด็กวัย 3-6 ปี มีปลาบู่ทองอยู่ในลิสต์ด้วยว่ะ ตามความเห็นกูมันไม่ใช่นิทานเด็กแล้วนะ คนจัดเรทมันเอาอะไรคิดวะ พูดเรื่องความตาย การให้ร้ายคนอื่น โลกสีหม่นๆของเอื้อยกับอ้ายที่โตมาในครอบครัววิปริต
ไม่เกี่ยวกับวรรณกรรมนะ แต่กูนึกถึงเรื่อง monster มันมีคนเขียนนิทานภาพสำหรับเด็กอยู่ในเรื่อง เป็นภาษาเยอรมันมั่ง ภาษาเช็คมั่ง แต่ละเรื่องแม่งอย่างโหด จนกูแบบ...นี่นิทานสำหรับเด็กเหรอวะ ตัวอย่างก็นิทานเรื่องปีศาจไร้ชื่อ
http://www.oknation.net/blog/storyman/2011/08/24/entry-2
เนื้อหามันรุนแรงจนกูไม่คิดว่ามันเป็นนิทานเด็กเลยนะ
กูเห็นด้วยกับโม่งเยอรมัน
ปลาบู่ทองกูจำฉากตกลงไปในกระทะน้ำเดือดๆกับพระราชาสั่งประหารอีอ้ายแล้วเอาศพไปทำปลาร้าส่งให้แม่อีอ้ายกิน กินกันไปมา เจอหัวอีอ้ายในหม้อ ก็อ้วกแตกอ้วกแตนกันไป รู้สึกฉากจบโหดๆแบบนี้ไม่มีในหนังสือเรียนมั้ง
ปลาบู่ทอง ศรีธนญชัย เป็นนิทานที่ไม่ควรให้เด็กอ่านว่ะ โหดเกิน
กูขอเสนอนางสิบสองด้วย ตอนเด็ก ฉากควักลูกตา แล้วไม่มีไรแดกต้องแดกลูกตัวเองนี่โหดสัส ตอนปลาบู่ทองเคยอ่านนิทานแบบมีภาพประกอบนางเอกตกลงหม้อตายนี่ฝังใจไปเลย
สังข์ทองก็มีนะฉากเฉือนใบหู เฉือนจมูก ก็แรงอยู่ แต่อันนี้จะนึกถึงซินเดอเรลล่าฉบับดั้งเดิมด้วย
เรื่องแยกห้องกูว่าตอนเที่ยงมานับเสียงแล้วสรุปเหตุผลของทั้งสองฝั่งไว้แล้วกัน กูโหวตไปแล้วเมื่อคืน
ศรีธนญชัย กูเคยอ่านตอนเด็ก ฉากผ่าไส้น้องที่เป็นทารก ทำเอากูช็อคติดตาไปเลย แถมเล่มนั้นเป็นนิทานมีภาพประกอบสวยงามด้วยนะเว้ย ที่สำคัญมันอยู่ในห้องสมุดสำหรับเด็ก
ใจนึงกูก็ไม่อยากให้แยกนะ เพราะอย่างที่โทรลคุงบอกนั่นแหละ กูเป็นพวกอ่านทุกเม้นท์ ตอนที่รู้จักมู้นส.ใหม่ๆ กูก็ไล่อ่านเก่าๆ จนครบนะ ปกติกูอ่านแต่แฟนตาซี ที่โทรลคุงพูดหมายถึงกูหมดเลย 55555 แต่สนุกดีเวลาอ่านพวกวรรณกรรมต่างๆ ที่กูไม่รู้จักนะ ถึงจะไม่ค่อยตอบเพราะไม่รู้จักแต่กูก็อ่านเม้นท์พวกมึงอยู่นะสหายโม่ง
ส่วนอีกใจนึงก็บอกแยกๆ ไปเถอะ เพราะกูรำคาญพวกที่มาเย้วๆ บอกให้แยกตลอดเลย 😂
ทีงี้ล่ะมู้วิ่งกันเร็วชิบหายเลย กูเสนอให้แยก เพราะไลท์โนเวล + นิยายฟุก็ไปกระทู้นึงแล้ว แต่ถ้าแยกก็แยก category ให้ชัดๆ แบบห้องสมุดไปเลยได้มะ ขอเสนอเป็น "ห้องตำหนักนิยายจีน" (กำลังภายใน + มากกว่ารัก + ห้องสมุด) "ห้องวรรณกรรมตะวันตก" (แวร์เธอร์ระทม คาฟคา วรรณกรรมคลาสสิค etc.) "ห้องวรรณกรรมตะวันออก" (นัตสึเมะ เคียวโกะคุ มุราคามิ) แยก "วรรณกรรมไทย" ให้อีกห้องเลยด้วยเอ้า
ที่อยากให้แยกนี่ไม่ใช่อะไรนะ จะได้พิสูจน์ให้เห็นกันชัดๆ ไปเลยว่าไม่เกินสามเดือนแม่งก็ต้องยุบรวมมาอยู่มู้เดียวกันอยู่ดี
ไอ้จะแยกไปหมดก็สุดโต่งเกิ๊นนนน ไอ้เรื่องคุยรวมๆ น่ะเมื่อก่อนห้องฟุก็เป็น ตอนโดนเตะไปห้อง BL ใหม่ๆ ก็มีพูดประปรายบ้างชอบบรรยากาศรวมๆ มากกว่า สุดท้ายพอแยกออกมา แต่ละกระทู้ที่แยกหัวข้อมันก็รันเป็นระบบระเบียบดี กระทู้จุดเริ่มอารายธรรมมันก็ไม่ได้ร้างถูกเปลี่ยนเป็นห้องมังงะอนิเมะไป แต่โอเคเคสห้องฟุนั่นเป็นเพราะสถานการณ์บีบให้มันกลายร่างเป็นแบบนั้น
กูคิดว่ามึงไม่ต้องใจเร็วด่วนได้จะแยกมันทุกอันหรอก หรือจะประชดประชันก็แล้วแต่นะ ในมุมมองกูคือถ้าในห้องๆ นึงเนื้อหาที่คุยเกินครึ่งเริ่มมีแต่เรื่องนี้ ก็แยกออกไปเหอะ สมมติห้องจีนออกไป แล้วมีกลุ่มนิยายประเภทอื่นคุยเรื่อยๆ จนมีศักยภาพแยกออกไปอีกก็ว่ากัน กูคิดว่าเป็นไปตามกลไกก็โอเคนะ
อนึ่งเห็นมีคนหยิบเรื่องลวิตร์ กูทดสอบไปดูมู้ที่แล้ว เซิร์จคำว่า ลวิตร์มีอยู่ 5 คำเอง แล้วพอไล่ดู มีการคุยอยู่แค่ 4 ครั้ง จาก 1000 รีพลาย กูว่ามันไม่ใช่หัวข้อที่คุยบ่อยขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าแฟนตาซีไทยอาจจะหยิบมาเอ่ยบ่อยจริงมั้ยอันนี้ไม่ว่างจะพิสูจน์.....
แม่งเขียนเยอะแล้วเหมือนกูเป็นคนขี้เถียงเลย -.,-
แยะยิบย่อยมากระวังร้าง+รกบอร์ดนะ แนะนำว่าค่อยๆแยกไปดีกว่า แบบพวกวรรณกรรมตกวันออกตะวันตก (กูจะโดนพวกคนอ่านแนววัยรุ่นหาว่าเหยียดมั้ยวะเนี่ย) ที่มันต้องใช้เวลาค่อยๆคุยน่ะ น่าแยก เพราะพวกนี้คุยไม่ค่อยทันคนอื่น แล้วก็จะโดนกลบหมดในเวลาไม่นาน
กูโม่ง >>356 ที่แนะนำให้แยกเป็นหมวดๆ ไปนะ จริงๆ ส่วนหนึ่งกูก็ประชดด้วย อีกส่วนหนึ่งก็คืออยากเห็นเหมือนกันว่าแยกห้องออกไปแล้วจะได้เนื้อหาลุ่มลึกละมุนละไมมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า บ่องตง ตอนช่วงที่กระทู้หนังสือที่นี่ฟัดๆ กันน่าเบื่อกูยังหนีไปอ่านกระทู้นิยายฟุ ทั้งๆ ที่ตัวกูไม่ใช่คนอ่าน Y แต่ฟุยังวิจารณ์หนังสือได้กว้างขวางและน่าอ่านกว่าทางนี้เลย ซึ่งกูไม่ได้ว่าอะไรนะ เพราะทุกอย่างมันย่อมมีช่วงขึ้นๆ ลงๆ อยู่แล้ว แต่กูอยากเห็น potential ของการแยกกระทู้ออกไปแหละ อีกอย่างหนึ่งคือถ้าแยกไปจริงๆ ไอ้พวกที่ชอบร้องแรกแหกกระเฌอให้แบ่งแยกก็ช่วยหุบปากแล้วอุทิศตนให้กระทู้ของมึงมั่งนะ รำคาญชิบหาย
เอิ่ม กูขอถามแทรกหน่อย นิยาย the dragon heart ผลึกใจมังกรของสถาพรนี่น่าซื้อไหม เห็นเขาลดราคา
กู>>325 นะ
ขอบคุณพวกมึงมาก >>327>>328 แต่ทั้งหมดนั่นกูอ่านหมดแล้วอะ 55 สิบคดีบาปนี่แหวะจริงอะไรจริง เห็นภาพจนเสียวจู๋ทั้งๆที่กูก็ไม่มี..แต่อันนี้มันโหดแบบวิปริตดีนะ ช่างสรรหาวิธีจัดศพมาก ส่วนกลายมันเศร้าซึมจริงว่ะ บรรยากาศหดหู่แม่งลอยมาเหมือนไอทึมๆเลย อ่านจบละหดหู่ตาม 555
เออจะว่าไป กามนิตนี่ก็แปลดีนะ ใช้คำได้สวยมากเลย เห็นภาพชัดดีเหมือนกัน ถึงแค่บางกิริยาจะบรรยายไปได้เกือบหน้ากระดาษเลยก็เถอะ55
แต่ยังไงถ้ามีอะไรแนะนำได้อีกรบกวนด้วยนะะ กูอยากอ่านนน
เออ เรื่องแยกมู้อะ กูเฉยๆนะ เพราะก็อ่านเพลินๆดี ตอนแรกกูไม่ได้อะไรกับนิยายจีนมาก เห็นพวกมึงพูดกันก็ดูน่าสนใจดี55 บางทีกูว่าคุยกันคละๆไปงี้ก็ได้นะ อารมณ์เหมือนเปิดโลกทัศน์ดี ถ้ากูจะไม่โอก็เรื่องนินทาสนพ.หรือตัวบุคคลนี่แหละ กูว่ามันควรไปคุยที่เน็ตวอชมากกว่า
กุเป็นโม่งคุยนิยายจีนนะ เห็นพวกมึงว่าว่าขยะแล้วใจเสียเลยว่ะ ...
เมื่อก่อนมู้นี้บ่นนักเขียน นักแปลกับสนพ.บ่อยพอๆ กับตัวหนังสืออีกนะ อีกอย่าง กูว่ามันเกี่ยวกันวะ มึงจะพูดถึงหนังสือโดยไม่พูดถึงคนแต่งไม่ได้หรอก อย่างมึงคุยเรื่องคาฟก้าแล้วบอกว่าเขียนเพราะทะเลาะกับพ่อ กูควรไล่คนที่คุย"เรื่องส่วนตัว"แบบนี้ไปnetwatchปะละ
กูแวะมาบอกว่ากูคือคนที่เลิกอ่านเลิกตอบกระทู้นี้เพราะเริ่มคุยกันแต่แนวที่กูไม่อ่าน พอชวนคุยก็โดนลากกลับเรื่องเดิม
กระทู้มันดีตรงที่พิมพ์ทิ้งไว้ได้ สามารถกลับมาอ่านได้ แยกหมดที่คนสนใจไว้ ผ่านตามาเห็นหรือว่างมาอ่านก็ตอบได้
แล้วพวกที่ไม่ชอบบางเรื่องแล้วโวยวายว่าทำใมไม่คุยเรื่องที่กูชอบนี่ไม่มาเฟียกว่าเหรอวะ งอแงเป็นเด็กน้อยมาหลายรอบละ แยกห้องเพราะเนื้อหาเยอะอะไรก็ว่ากันไป แต่นี่มันเหมือนขับไล่เพราะตัวเองไม่ชอบมากกว่า
กูเห็นโม่งวรรณกรรมฝรั่งก่อหวอดมาตั้งหลายครั้งละ พอมีคนเปิดมาให้คุยดันไม่คุยกันเอง เป็นความผิดของคนอื่นเหรอไงที่ไม่คุยกับมึง จริงๆ ถ้ามึงอยากคุยย้อนก็คุยได้ บางครั้งกูเห็นคนย้อนเป็นร้อยค.ห. น่าเบื่อวะ
กูอ่านวรรณกรรมได้ทุกชาตินะ ฝรั่งกูก็อ่าน ไทยก็อ่าน ญี่ปุ่นก็อ่าน จีนก็อ่าน ตอนนี้กำลังไล่อ่านพวกwuxiaกับxianxia นิยายเกาหลีกูก็อ่าน กูไม่ขอให้ทุกคนใจกว้างหรืออะไรนะ แต่ทำใมเวลาเจอเรื่องที่ตัวเองไม่ชอบคือต้องขับไล่อย่างเดียววะ
>>369 ไอ้พวกสมองกลวงอยากอ่านทุกอย่างที่คนอื่นคุยกันมันไม่เข้าใจประเด็นนี้หรอก
ขนาดให้แยกพวกแฟนตาซี แจ่มใส นิยายจีนรักออกไปเพราะคนคุยเยอะพอที่จะแยกได้แล้วมันยังไม่ฟังเลย
อยากให้พวกง่าวนี่ลองกลับไปอ่าน 2-3 มู้แรกดูว่าเค้าคุยกันยังไง มันจะได้รู้ว่าตัวเองเหมือนคนป่าชาวเขาเข้ากรุงแค่ไหน
เปรียบเทียบเหมือนไอ้พวกคนจีนชนบทมาเที่ยวเชียงใหม่แล้วขี้ลงท่อระบายน้ำนั่นแหละ
เอาละใกล้เที่ยงแล้ว สรุปที่อ่านส่วนใหญ่คือแยกนิยายรักจีนออก
เออ เมื่อก่อนคนที่ชอบโวยวายไม่ทำไมไม่คุยเรื่องนั้นนี้ส่วนใหญ่ก็โทรลนะ แยกให้ออกด้วย
เดี๋ยวนี้กูก็ไม่ได้เข้ามากระทู้นี้แล้วล่ะ เพราะกูไม่ได้อ่านนิยายจีนกับเด็กดีแล้ว เลยเชิร์จหารีวิวอ่านบนเน็ตเอาแทน
เที่ยงละ สรุปน่าจะราวนี้
ฝั่งอยากให้แยก คะแนนเสียงเน้นไปที่ให้เอาห้องจีนออกเหตุผล
- ปกติมู้อื่นๆ คุยอะไรเยอะๆ เขาก็แยกตัวออกไป ทำตามแนวทางนี้แหละ
- อยากเห็นเหมือนกันว่าแยกห้องออกไปแล้วจะได้เนื้อหาลุ่มลึกละมุนละไมมากขึ้นกว่าเดิมหรือเปล่า
- รำคาญโทรล อยากรู้ แยกๆ ออกมาหนีแม่ง
- อยากให้แยกเพราะเริ่มคุยกันแต่แนวที่ไม่อ่าน
ข้อ แยกเพราะมีเนื้อหาที่ตัวเองไม่ชอบ ไม่นับโทรล :p
ฝั่งไม่อยากให้แยก
- ชื่อมู้มันหนังสือก็คุยอะไรก็ได้ไปสิ
- ชอบบรรยากาศที่มันมีวรรณกรรมหลายประเภทอยู่ในที่เดียวกัน
- ได้อ่านพวกวรรณกรรมต่างๆ ที่ไม่รู้จัก
- ไม่ได้เป็นเรื่องร้ายแรงขนาดต้องแยก
มีประเด็นอื่นกันอีกมั้ย
เท่าที่ดูคนออกเสียงอยากให้แยกเด่นกว่า โดยให้ตั้งห้องจีน ฝั่งจีนตกลงโอเคมั้ย ถ้าโอเคพวกมึงก็คิดจะตั้งชื่อมู้อะไร หอสมุดตำหนักจีนไรงี้?
ส่วนตัวกู แยกไปกูก็คงอ่านทั้งสองทู้ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไร คือกูคิดสลับกับฝั่งที่ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ขนาดต้องแยก กูมองเป็นจะแยกออกไปไม่เห็นจะเป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายกูอ่านทั้งสองที่อยู่ดี ถ้าเนื้อหาน่าสนใจ 55
จริงๆแล้ว ก็แค่ลองไปตั้งกระทู้แยกดูหรือเปล่าวะ ถ้าแยกแล้วไปไม่รอด สุดท้ายมันก็กลับมาคุยตรงนี้อยู่ดี
พวกมึงนี่พิลึกนะ รักการอ่าน แต่แบ่งแยกกันดีแท้ บอกคนอื่นเป็นขยะ แต่การทำแบบนั้นมันไม่ดีมึงก็รู้ ถ้ามึงสรุปอะไรยังไง มีกฏอะไร ทำไมไม่ขียนจั่วหัวไว้เลยเล่า ว่า ถ้าไม่ใช่พวกเดียวกะกุ มึงห้ามเสือก
กุชอบตรงนี้เพราะกุไม่ต้องชวนคุย กุไม่รู้จักพวกมึง แต่ชอบความสนใจของพวกมึงมาก แค่กุอ่านที่มึงๆ บ่นกุก็ตัดสินใจเลือกซื้อหนังสือได้ แต่มาหลังๆ ทะเลาะกันบ่อยไปมั่ย
ฟุแม่งน่าสงสารเลย แต่กุไปอ่านฟุ เขายังแลกเปลี่ยนบ่นดีกว่าพวกมึงอีก บอกแบบนี้กุคงโดนเหมาด่า แต่กุก็อยากพูดนะ ด่าได้
มึงทุกคนรักการอ่าน ตัดวายย้ายไปห้องอื่นแล้ว ตัดห้องนิยายจีนเพิ่มคงดี คิดแล้วจัดการ มึงจะตีกันทำไม
ใครเห็นต่างออกไป
ใครคุยนิยายที่กุไม่ชอบออกไป
คุยเยอะไปคุยที่อื่นรก
ถ้าตั้งมู้ใหม่แล้ววันนึงเกิดมีนิยายแนวอื่นที่ไม่ใช่ที่มึงชอบบูม มึงก็รู้สึกขัดหูขัดตามาไล่เขาอีกใช่ป่ะ
>>385 agree
คือถ้าเป็นห้องอื่นถ้ามีคนบ่นว่าเริ่มคุยประเด็นนี้เยอะไปแล้ว ไม่ว่าจะใช้คำพูดยังไงจะโทรลหรือหลอกด่าก็ช่าง คนที่คุยกัน(ส่วนใหญ่)ก็จะเห็นด้วย และเริ่มชวนกันตั้งชื่อห้องใหม่ มีกระทู้นี้แหล่ะที่บอกว่าเพราะไม่มีคนคุยเลยมีแต่เรื่องที่อยากคุย
>>386-387 ไม่ใช่แบ่งแยก แต่อยากให้มองว่ามันคือการแบ่งพื้นที่ให้ประเด็นอื่นบ้าง เหมือนที่กูบอกใน >>286 อะ แต่พวกที่มาเพื่อด่าเพื่อโทรลอย่างเดียวก็มี ก็มองข้ามๆไป
>>379 เสริมเรื่องกลัวรกบอร์ดที่มีคนถามละกัน ห้องนี้กระทู้น้อยอยู่แล้ว มีเพิ่มอีก 2-3 กระทู้ไม่ดันกระทู้อื่นตกหรอก แต่ถ้ากระทู้หนังสือขยายตัวมากถึงระดับหนึ่ง เดี๋ยวตอนนั้นก็ค่อยเสนอตั้งห้องใหม่ /literature ก็ได้ เวบนี้มันเป็นแบบนี้อยู่แล้ว
สรุปแล้วเอาไง จะกำหนดเวลาเพิ่มเพื้อคุยกันให้เคลียก่อนมั้ยหรือจะประกวดชื่อตั้งเลย?
จะแยกก็แยกไปเถอะ แต่กูพูดเลย ต่อให้จีนออกไปมันก็จะมีคนบ่นไม่พอใจว่าทำใมไม่คุยเรื่องที่มันชอบอีกนั่นละ
อีกนิดนะ กูว่าอันนี้มันต่างจากห้องอนิมังกะที่แยก"เรื่อง"ไม่ใช่"genre"แบบตอนนี้วะ กูเห็นแค่แยกการ์ตูนไทยออกไป แต่ส่วนใหญ่ก็ไปคุยในแม่บ้านนักวาดซะมากกว่า
เอ้า ถ้างั้นลองแยกห้องนิยายจีนออกไปก่อนเป็นการทดลองมั้ย กูขอคำนิยามไปเลยได้มั้ยว่าเป็นตำหนักนิยายจีนที่รวมทั้งหมดทั้งนิยายกำลังภายใน หวานแหววสไตล์มากกว่ารัก ดุเดือดเลือดผล่านห้องสมุด รวมถึงนิยายจีนยุคใหม่พวกที่คุณเบียร์แปลแบบคนขุดสุสาน นักฆ่า ฯลฯ นั่นด้วย
>>389 +1 มึงตรงสุดท้ายถ้าประชากรที่อ่านหนังสือเล่นมากขึ้นเรื่อยๆ เดี๋ยวมันก็พัฒนามีห้อง /literature เองแหละซึ่งจะมีมั้ยขึ้นกับ potential ของเนื้อหาที่คุยกัน ปกติบอร์ดนี้มันพัฒนาไปแบบนั้นนะ จริงๆ กูว่าบอร์ดนี้มันน่าสนใจตรงมึงสามารถออกความเห็น ถกเถียงแล้วพัฒนาทู้แตกหน่อกันได้เองว่ะ
กูเห็นมันตั้งห้องหนังสือนอกกระแส ตั้งแต่เมื่อวานละ
ใครรู้ตัวว่าเป็นคนกลุ่มน้อย มึงไปเลย ไอ้พวกที่ดัดจริตว่าอ่านแต่นิยายประเทศอื่น นิยายบ้านตัวเองบอกว่าเป็นขยะน่ะ
กูขอเสนอ กลุ่มคนที่ควรแยกออกไป คือ กลุ่มที่ไม่ยอมรับเพื่อนร่วมห้องว่ะ
พวกนิยายภาษาต่างประเทศ อังกฤษ เยอรมัน กลุ่มนี้มีทัศนคติและจุดยืนต่างกับคนในห้องมาก (มันทำตัวสูงส่งจนกูไม่อยากจะคุยกับมันละ)
ห้องนี้ชื่อ มหกรรมหนังสือแห่งบอร์ดโม่ง
สำหรับกูไม่ว่าแนวไหนก็ตรงกับชื่อห้อง มึงจะแบ่งแยกทำส้นอะไร คนอื่นเขาก็อยู่กันดีๆ มึงรำคาญคนอื่นมึงควรเดินออกไป ไม่ใช่ไล่ให้คนอื่นไปที่อื่น !
>>398 แล้วตกลงจะโหวตกันข้ามคืนหาอะไรวะเนี่ย -____- งั้นบอกมาเลย หนังสือจีนจะไม่ย้ายกูจะอยู่ตรงนี้ไม่ไปโว้ยยย
กูไม่อยากเหมาคนอ่านนิยายจีนเลยนะ แต่กูชักเอือมๆ กูว่าหลายความเห็นที่เขาว่าแยกไปก็ดีเขาคุยกันดีๆ นะ แต่ทำไมชอบเอาความเห็นโทรลมาเป็นข้ออ้างว่าพวกมึงโดนแบ่งแยก พวกมึงโดนไล่จังงง งอลล์
>>398 กูว่าต้องแยกแยะนะ เท่าที่อ่านมา กูว่าโม่งวรรณกรรมเยอรมันตัวจริงนี่เป็นของจริงคืออยู่เงียบๆ ไม่ไปวอแวใคร มีเรื่องมาก็คุย แต่ก็จะมีโทรลล์รสนิยมสูงส่งไปถึงดาวพลูโตชอบออกมาแขวะใครๆ ซึ่งกูไม่อยากให้ค่ามัน ถ้ามันอยากคุยจริงมันคงแยกกระทู้ไปแล้ว ไม่ดักรอแขวะคนอื่นเรื่อยๆ หรอก
>>399 กูนับเสียงโหวตมึงเป็นหนึ่งเสียงนะ แต่ถ้าเสียงส่วนใหญ่ว่าไงมึงก็ช่วยปฎิบัติตามด้วยละกัน
>>401 เออก็นับๆ ไปแหละ กูแค่เซ็ง ข้างบนกูช่วยสรุปให้แล้วเสียงส่วนใหญ่ออกไปทางย้าย แต่เหมือนจะไม่จบอยู่ดี เลยจะตั้งกติกามาหาพ่อมึงทำไม อยากให้ยืดเวลานับกันก็บอก หรืออยากนับเสียงเป็นจริงเป็นจังก็นับละกัน
กูบอกเลยมันจะเหมือนเดิมไม่อะไรหรอก แต่กูเซ็งที่เสียงออกมาแล้ว เสือกมาบ่น โวยวายกันต่อ แทนที่จะจบๆ เรื่องนี้แล้วคุยหัวข้อที่ควรจะเป็นเสียที ฮ่วย
กลุ่มวรรณกรรมตะวันตกมีปัญหาคือคุยไม่ทันนะ อย่างน้อยก็ทางนี้คนหนึ่งล่ะ คือเวลามีคนเปิดประเด็นก็อยากคุย แต่สมองกูไปไม่ทันชนกลุ่มใหญ่ในห้อง แถมพิมพ์ตอบทีก็ยาว รู้ตัวอีกทีก็โควทข้าม 10-20 rep แล้ว (อย่ามาแขวะกันว่าเป็นเรื่องลุ่มลึกละมุนละไมหรือหาว่าทำตัวสูงส่งอะไรเลย ขอร้องล่ะ) โดยส่วนตัวกูน่ะอยากขอแยกออกไปเองมากกว่าด้วยซ้ำ
ขอทำนายล่วงหน้า
กูมองไอ้พวกบ่นคนอื่นขยะว่าเป็นโทร์ล ถ้าพวกมึงสปอยล์โทรล
สักพักพอมีห้องนิยายจีน มันก็จะมีประเด็นนี้อีก ... ไอ้พวกโทร์ลที่มักจะไม่พอใจคนอื่นที่รสนิยมต่างจากตัวเอง มันจะด่านิยายแฟนตาซีว่าเด็กดวก(ส่วนใหญ่นิยายแฟนตาซีที่ตีพิมพ์ลงเด็กดีกันเยอะ).. ก็จะไล่ให้มีห้องนิยายแฟนตาซีอีกต่อ
มึงเชื่อกู กูว่ามีมาแน่
เอ้า งั้นกูสรุปให้ก่อน โม่งนิยายจีนคิดว่าไงมั่ง ในกรณีที่แยกออกไป กำหนดให้ชื่อกระทู้ใหม่คือ ตำหนักหอสมุดจีน คำจำกัดความ นิยายวรรณกรรมจีนทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นคลาสสิคแบบสามก๊ก ซ้องกั๋ง ความฝันในหอแดง นิยายกำลังภายในกระบี่มังกรหยก หวานแหววสไตล์มากกว่ารัก ดุเดือดเลือดผล่านห้องสมุด รวมถึงนิยายจีนยุคใหม่พวกที่คุณเบียร์แปลแบบจอมโจรขุดสุสาน นักฆ่า ฯลฯ
ตกลงจีนไปหมดเลยเหรอ ตอนแรกมันนับแค่นิยายรักจีน แต่โอเค ไปหมดก็ไปหมด กูอ่านได้ทุกแนวอยู่ดี
่จริงๆ พวกมึงอาจจะหลงประเด็น โทรลที่จุดประเด็นรอบนี้มันแขวะตอนที่คุยนิยายเด็กดวกกันอยู่ว่าที่นี่กลายเป็นขยะแบบเด็กดวก แต่ทำใมวกกลับมาเรื่องแยกนิยายรักจีนก็ไม่รู้
กูโม่งจีนนะ กูไม่อยากให้แยก กูอยากเห็นโทร์ลดิ้น หึหึ
>> 0egShLtJR กูเห็นมึงตัวตั้งตัวตีโยน กลุ่มนิยายจีนออกไปชอบกลนะมึง ไล่ๆอ่านข้างบนแล้ว เหมือนมึงพยายามชี้นำมากๆ
>>415 จากที่นับ ก็ตั้งละกัน
>>>/subculture/2325/
มาๆ กลับมาคุยนิยายกันต่อเถอะ เดี๋ยวกูขอหาประเด็นแปบ
พวกพระเอกนางเอกตัวร้ายในนิยายที่พวกมึงชอบสุดๆ คือใครกันบ้าง กูนึกชื่อไม่ออกแต่ชอบนิสัยประมาณนี้
พระเอก - หล่อ----ท่ดๆ ชอบพระเอกนิสัยแบบคนธรรมดาแต่ไม่ง่อย
นางเอก - เรียบร้อยบอบบางแต่จิตใจเข้มแข็ง ไม่ก็ราชินีไปเลยอย่างโรเซเลียจากชมรมจอมมาร
ตัวร้าย - โคตรหล่อ(...) ชอบแบบที่ร้ายแต่มีเหตุผลน่ะนะ
อนึ่งสำหรับกู กูพอละ คนอื่นเขาอยากให้กลับมาคุยปกติแล้ว กูอยากคุยเรื่องหนังสือแล้วด้วย จะไม่คุยประเด็นนี้อีกละ ข้างบนก็ขอโทษที่ยังจะเถียงไม่จบ
ไอ้พวกชาวจีนชนบทยังคงออกมาดิ้นเย้วๆไม่ให้แยกอย่างเคย
แค่เหตุผลที่ต้องแยกยังทำความเข้าใจไม่ได้ ระดับสติปัญญาก็เหมาะสมกับสิ่งที่มึงอ่านแล้วแหละ
ไม่แยกก็ไม่เป็นไร ขอมองอย่างสมเพชอยู่ไกลๆ เย้วๆ เย้วๆ
ทำไงดีวะ กูรู้สึกว่ากูแก่จนมาถึงจุดที่กูอ่านหนังสือ non-fiction และสารคดีสนุกกว่าอ่านนิยายห่วยๆ แล้ว กูกลัวว่าถ้าปล่อยไว้แบบนี้กูจะเป็นคนแก่ที่ขาดจินตนาการว่ะ...
>>425 มึงชอบเหมือนกูเลย เรื่องนี้เรียลสุดๆแล้ว พระเอกสุดโต่งดีว่ะ ตอนดีคือดีใจหาย ตอนเข้าโหมดร้ายนี่จัดเต็มอำมหิตถึงขั้นเลว
สำหรับเรื่องนี้ เล่มจบของกูคือ เล่ม9 เล่ม10 อ่านแล้วกูไม่ยอมรับ เหมือนนักเขียนมันตัดจบแบบประชดชีวิต
เห็นว่า ที่จีนนักเขียนมันเขียนเสร็จแล้วหายตัวไปด้วย
>>420 ใช่มั้ย สาวน้อยจิตใจเข้มแข็งนี่หาโคตรยากเลย ใครหาเจอบอกกูด้วย ตอนนี้กูเจออยู่แค่เรื่องเดียว แต่บทนางไม่ค่อยเยอะแถมเป็นLNอีก
>>425 >>431 กูไม่ค่อยปลื้มพระเอกเหี้ยเท่าไหร่ โดยเฉพาะไปเหี้ยกับนางเอก (ถ้ามี) เช่นเรื่อง *าริ* มาเฟียมึงเขาเหี้ยมากมั้ยสหายโม่ง
>>429 กูเข้าใจนะ ตอนนี้กูก็เริ่มหานิยายอ่านไม่ค่อยได้แล้ว แนวเรื่องนู้นก็ไม่ถูกจริต อิแนวที่ถูกจริตก็เขียนออกมาได้เหี้ย ส่วนแนวที่เกลียดแต่ดันขายออกก็โผล่มายุบยับ พูดตรงๆ ว่างานหนังสือปีนี้นอกจากไปเก็บนิยายเก่าๆ ที่ยังไม่จบ กูยังไม่รู้ว่าจะซื้ออะไรเพิ่ม
>>434 เออ กูก็เป็นว่ะ เดี๋ยวนี้ตามเก็บแต่การ์ตูนด้วยซ้ำ แย่ตรงที่มันทำเอากูไม่มีนิยายอ่าน กูเลยห่างๆการเขียนไปเยอะ สมัยเด็กกูอ่านนิยายเยอะอยู่ถึงมันจะห่วยจะเห่อหมอยก็เถอะ แต่ยอมรับนะว่ามีส่วนช่วยในเรื่องสำนวนการเขียนบ้างแถมช่วงนั้นเขียนอะไรก็ลื่นว่ะ ปัจจุบันเน้นการ์ตูน เวลาคิดในหัวมันเลยออกมาเป็นภาพๆฉากๆมากกว่าคำบรรยายหรือตัวอักษรซะอีก ก็อยากจะหานิยายมาอ่านแต่เลือกที่ถูกใจไม่ได้ซะที เฮ้อ
เรื่องรสนิยมมันสอนกันไม่ได้หรอกครับ เหมือนหมากำลังกินขี้แล้วเราโยนเพ็ดดีกรี หมามันก็ยังเลือกกินขี้อยู่ดี
คนที่อ่านนิยายเด็กดี นิยายแจ่มใส ต่อให้โยนข้างหลังภาพ คู่กรรม เจ้าชายน้อย ไปให้มันอ่านมันก็ไม่อ่าน
เพราะคนมัน Shit taste ครับ
สตาร์บัคมันแพง มันหรู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอร่อย กูอ่านหนังสือเพื่อความบันเทิง อ่านเพื่อผ่อนคลาย
กูอ่านเอารส ไม่ได้อ่านเอาเรื่อง กูไม่ได้อ่านเพื่อต้องเอาแง่คิดที่แฝงอยู่ในนั้น
บางทีกูก็อยากกินเผ็ดๆ บางทีกูก็อยากกินเค็ม บางทีกูก็อยากหวานๆ
มึงไม่จำเป็นต้องเสือกเอาไม้บรรทัดของมึงมาตีกรอบให้คนอื่น
ไม่จำเป็นเอาอาหารที่มึงคิดว่าอร่อยมาบังคับเขากิน เผลอๆเขาอาจจะกินจนเบื่อจนอยากถ่มถุยแล้ว
มึงแม่งเหมือนลุงคนนึงที่อยู่ สนพ ผีเสือ เลยว่ะ #น่าเบื่อ
+++++++++++++
ป.ล. คู่กรรมนี่นะ...หึ // มองบน //แคะเล็บ
ป.ล. 2 ขอโทษที่กุให้ทานโทรล
พูดถึงเจ้าชายน้อย กูเข้าไม่ถึงจริงๆว่ะ เคยยืมของเพื่อนมาพลิกๆดูแป๊บเดียวจบ แล้วก็พูดได้แค่ "อืม แล้วไง" ใครช่วยอธิบายทีว่ามันมีดียังไง มันตีความได้ว่ายังไงบ้าง
ก็ไม่แปลกใจเท่าไรหรอกครับที่ปัจจุบันแจ่มใสทำรายได้รวมเป็นล้าน รสนิยมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่บังเอิญว่าพวกรสนิยมต่ำมันเยอะกว่า ทุกอย่างก็เป็นไปตามกลไกทางเศรษฐศาสตร์ คนนิยมของต่ำมีเยอะก็ผลิตนิยาย Shit taste ออกมาเยอะๆ
ดูตัวอย่างได้ง่ายๆจากนิยายจีนแนวรักโรแมนติก คุยกันเยอะจนคนอื่นรำคาญแต่ไม่มีซักเม้นที่จะกล่าวถึง "ความฝันในหอแดง" ซักคน
แค่นี้ก็บอกได้เลยครับคนอ่านนิยายจีนในกระทู้หนังสือรสนิยมต่ำตมขนาดไหน ของต่ำยกมาคุยกันได้เยอะแยะแต่ของสูงกลับไม่รู้จัก
non-fictionกูแนะนำของสนพ.open world ดีทุกเล่ม ส่วนopen bookค่อนข้างเฉพาะทางกว่าหน่อย สนพ.คบไฟก็ดี แต่ออกหนังสือใหม่น้อยมาก มติชนกูอ่านแค่ส่วนปวศ.อื่นนอกจากไทยกับวิทยาศาสตร์ กูรู้สึกว่ามติชนมีอคติกับปวศ.ไทยมากไป ศิลปวัฒนธรรมไม่ค่อยน่าอ่านเมือนเมื่อก่อน
พูดแล้วนึกออก ไอ้หนังสือวิถีแห่งอำนาจบูเช็กเทียนของมติชน กูโคตรเสียดายเงินเลย บอกตรงๆ ว่าซื้อจากสนพ.ขี้ก็อปอย่างยิปซียังรู้สึกดีกว่าอีก แม่งเขียนได้ขยะสัด เน้นคำ เว้นบรรทัด จัดรูปแบบได้ห่วยมาก ที่เหี้ยสุดคือแม่งใช่ref. 3 อันหลักๆ ซึ่ง 2/3 อันแม่งเป็นนิยายกับการ์ตูน โคตรพ่อโคตรแม่เหี้ยเลย แม่งกล้าเรียกตัวเองว่าหนังสือปวศ.ได้ไงวะ เอาการ์ตูนมาเป็นref. สัส ถ้าไม่เสียดายเงินกูเอาหนังสือไปปาใส่บูธงานหนังสือแม่งแล้ว refที่แม่งอ้างมาบางอันก็อ้างมาผิด อ้างสุยล่วนมาดันเขียนชื่อคนเป็นฉีมังกัง แต่ในสุยล่วนมันชื่อฉีเม่ากง ชื่อก็กลับไปกลับมา ไม่มีมาตราฐานเหี้ยไรเลย
เรื่องนี้ทำให้กูรู้ชัดๆ ว่าสนพ.นี้ไม่มีคนรู้ภาษาจีน เพราะหนังสือเรื่องนี้ไม่มีref.ภาษาจีนมาแม้แต่น้อย ยกเว้นจะแปลจากภาษาอื่นมาอีกทอด อย่างเจิ้งเหอกับ 100 สิ่งประดิษฐ์จีนที่แปลจากภาษาอังกฤษถึงค่อยน่าเชื่อถือ กูผิดหวังกับมติชนมาก และไม่คิดจะซื้อหนังสือเกี่ยวกับจีนของมติชนเลย
กูกำลังอยากซื้อซีรี่ส์ His Dark Materials ของ Philip Pullman มาอ่าน แต่รีวิวใน kindle ที่ไม่ดีก็ดูจะวิจารณ์โหดพอดู หลายคนบอกประมาณให้กูซื้อเล่มแรกอ่านก็พอ แต่มันเป็นซีรี่ย์กูก็อยากซื้อให้ครบว่ะ มีใครในนี้เคยอ่านครบไหมวะ พอจะรีวิวให้กูหน่อยได้ไหม
>>442 ความฝันในหอแดงมันมีดีที่ภาษาสวยกับสะท้อนวัฒนธรรมในยุคนั้น แต่นอกนั้นไม่ต่างจากนิยายแจ่มใสหรอก หนังสือเรื่องนี้ดังได้เพราะแหกประเพณีจีนหลายอย่าง ตั้งแต่ให้ตัวเอกเป็นผู้หญิง มีตัวละครเอกหลายคน และมีความนัยที่เสียดสีสังคมศักดินาสมัยนั้น เรื่องนี้ลึกที่การเล่นคำภาษาจีนและอุปมาอุปมัยที่สะท้อนสังคมและการเมือง แต่ถ้ามองแค่เนื้อหา มันก็นิยายเย็ดซ่อนเงื่อนเท่านั้นละ
>>448 เฮอะ กูอ่านหนังสือที่บอกกลายๆ ว่าร.6เป็นเกย์มาตั้งนานแล้ว เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ด้วย อ.คนนึงที่ศิลปากรก็เคยพูดที่งานสัมนาเมื่อหลายปีก่อนว่าประเทศไทยก็มีเกย์มาตั้งนาน เจ้านายเชื้อพระวงศ์ก็เป็น คนที่เห็นชุดลูกเสือแล้วเงี่ยนก็เป็นเรื่องสมควร ตอนหลังกูถึงรู้ว่าแกพูดเป็นนัยว่าคนออกแบบคิดลึกด้วย เรื่องแค่นี้เด็กๆ วะ กูอ่านนิยายฝรั่งบอกว่าพระณารายน์เป็นเกย์เพราะชอบรูปพระเจ้าหลุยส์ยังอ่านแล้วขำทั้งวันเลย
กูไม่อยากให้อาหารโทรลนะ แต่แบบแม่งเถียงได้โง่เกิน
ถามหน่อยปืน เหล็กกล้าและเชื้อโรคกูได้ยินมาว่ามันมั่วๆ มโนอะไรขึ้นเองจริงมั้ย คือกูเล็งซื้อในงานอยู่ อีกเรื่องก็ประวัติศาสตร์หินได้นะ
กูรู้แหละว่ากูกำลังฟีดโทรล แต่กูสงสัยจังว่าเราจะวิจารณ์หนังสือเล่มหนึ่งโดยที่ไม่ไปเหยียดอีกเล่มไม่ได้เหรอวะ หรือว่าแค่อยากเอามัน ได้ด่าคนอื่นแล้วฟินน้ำแตก คีย์บอร์ดตอนนี้ไม่รู้ขาวขุ่นไปหมดหรือยัง
คือขนาดกูไม่อ่านนิยายพวกแจ่มใสหรือนิยายจีนกูเจอคอมเมนต์โทรลกูยังสะดุดตาเลย ถ้าจะถกหนังสือที่เป็นหนังสือชั้นสูง(อย่างที่โทรลชอบพูด) แต่ใช้ภาษาเหยียดแถมถ่อยขนาดนี้มันจะทำให้หนังสือชั้นสูงที่ว่าดูด้อยค่าลงไปอีกหรือเปล่าวะ
กูเคยเห็นว่าคนจะเอาหนังสือที่ใกล้เคียงกันมาเปรียบเทียบกันเพื่อให้เห็นภาพง่ายขึ้น อันนั้นกูเข้าใจนะ
แต่กูอ่านเม้นต์โทรลแล้วอารมณ์เหมือนเวลากูเจอติ่งเกาหลีไร้สติปกป้องวงตัวเองแล้วด่ากราดคนอื่นแบบโง่ๆเลย ใครเห็นต่างก็ไม่ได้คิดจะอ่านว่าเขาเห็นต่างเรื่องอะไร ประเด็นไหน ใช้วิธีตีขลุม stereotype ไปว่าเขาต้องเป็นแบบที่ตัวเองคิด แล้วก็กดหัวทุกๆคนที่เห็นต่างจากตัวเอง คิดว่าใส่โม่งแล้วใครก็ตรวจไม่เจอเหรอ
อย่างเนี่ย ไอ้คนว่าหนังสือมติชนก็เขียนชัดๆว่าว่าเพราะ reference ในหนังสือมันดูไม่น่าเชื่อถือ แปลเรียกชื่อกลับไปกลับมาดูไม่ค่อยมีมาตรฐาน ก็ไปว่าเขาว่าเป็น royalist เฉยเลย สรุปว่านี่มูหนังสือหรือมูการเมือง แบบนี้กูฟ้องแอดมินให้แบนได้ยัง?
กูอยากได้บรรยากาศถกเรื่องหนังสือมากกว่า ก่อนหน้าช่วงมู้แรกๆมันจะมีโม่งเยอรมันอยู่นะกูจำได้ ตอนนี้กูไม่รู้คนนั้นอยู่ไหม กูว่าเขารีวิวน่าสนใจดี ทำให้กูอยากหาหนังสือหลายเล่มมาอ่านเลย
>>451 ปวศ.กินได้อ่านสนุกมาก อ่านแล้วรู้เลยว่าพืชพรรณธัญญาหารของเรามีที่มายังไง
ส่วนปืนนี่พูดยาก มันก็มีเหตุผลและทฤษฎีของมันรองรับ ปวศ.กินได้กับเรื่องนี้อ้างอิงกันได้ในบางตอน กูเลยไม่แน่ใจว่ามันเชื่อถือได้แค่ไหน แต่เรื่องนี้อิงHistorical materialismเยอะมาก ทุกอย่างในปวศ.มนุษย์แทบถูกกำหนดด้วยวัตถุกับสิ่งเร้าภายนอกหมดเลย
มติชนมีปัญหากับปวศ.ไทยเหรอวะ กุอ่านนายใน มันก็ไม่ได้อคตินะ ออกจะเสนอแบบตรงไปตรงมา แค่ป่าวประกาศออกมาไม่ได้เท่านั้นล่ะว่าคนคนนั้นเป็นเกย์
>>444 สวัสดีโทรลคุง กุ440ไปแดกยันฝรั่งเศสที่แกลอรี่ราฟาเย็ด ยังสู้ร้านง่อยๆข้างทางในลียงไม่ได้เลย
ดีหน่อยคือมีแก้วลิมิเตทมาขายโละถูกๆไม่กี่ยูโร ลืมไปเมืองนอกเขาไม่ค่อยแดกตาร์บัค
++++++++++++++++++++++++
- ความฝันในหอแดง...แม่งเอ้ยยย มึงเคยอ่านจริงๆป่ะวะเนี่ย
- มติชนกุชอบอ่านพวก ซีรีย์ เกลือ เครื่องเทศ ไรพวกนี้
แนวประวัติศาสตร์จีนนี่กุอ่านของสุขภาพใจเล่มใหญ่ๆที่มันชอบเอามาลดราคา ตัวหนังสือเล็กผิดกับขนาดเล่มมาก =__=
>>455 ก็เป็นความเห็นเขาไงมึง ก็เขาอาจจะไม่ชอบสไตล์นั้น(กูบอกก่อนว่ากูอ่านมติชน กูชอบแนวทางนี้ แต่รสนิยมทางการเมืองของกูกูขอไม่พูดถึง) แล้วมันหมายความว่าเขาต้องฝักใฝ่การเมืองขนาดนั้นปะ บางคนอาจจะไม่ชอบวิธีนำเสนอ(ภาษา/แนวการเขียน) ก็ได้ มึงต้องถกแบบลากการเมืองมาเกี่ยวเหรอ จำเป็นไหมล่ะ อย่างเนี่ยมึงเถียงแบบโคตรไม่มีซัพพอร์ตเลย บอกแค่มึงมองว่ามติชนโอเค เท่ากับ ใครมองว่าไม่โอเคก็มีปัญหา
ไอ้คนที่เขาไม่ชอบเขายังให้เหตุผลมาเลย ว่าเออ ตัวอย่าง บูเช็กเทียน ref ไม่ดีหรืออะไรก็ว่าไป เอาเป็นหลักฐานว่าทำไมเขาไม่ชอบ
มึงก็เอาตัวอย่างมาสิ ว่าที่มึงว่ามันโอเคมึงโอเคกับจุดไหน คนอ่านก็จะได้ตัดสินกัน บางคนไม่เคยอ่านมติชนก็จะได้ไปลองหาอ่านด้วย ต่อยอดกันไป
ถ้ามึงอ่านหนังสือมาเยอะมึงก็น่าจะรู้ใช่ไหมว่าถกกันดีๆมันทำยังไง นี่มึงจงใจเป็นโทรลอย่างเขาว่ารึเปล่า กูถามตรงๆเลย
ก็มองผ่านๆไป
>>443 คือแบบกูรู้สึกว่า มันไม่ได้โคตรดีพเต็มไปด้วยสัญลักษณ์และการเปรียบเปรยอันเสียดแทงแบบที่คนอื่นเค้าชมกัน คือกูอาจโง่เองก็ได้เลยมองไม่ออก เลยอยากได้คนช่วยชี้ให้หน่อยว่ามันมีอะไรที่กูข้ามไปบ้าง เขียนแบบนี้เหมือนกูโทรลเลย แต่กูสงสัยจริงๆนะ
>>447 ธุลีปริศนาใช่ปะ กูชอบนะ ดีพกว่าเจ้าชายน้อย(<-- เกรียน) โทนเรื่องเล่ม2เป็นต้นไปจะอึมครึมต่างจากเล่มแรกเยอะ ถ้าชอบเล่มแรกในแบบที่หนังนำเสนออาจเกลียดเล่มหลังๆได้ คนที่แนะนำมึงว่าให้ซื้อแต่เล่มแรกก็อาจเพราะงี้มั้ง
มติชนมันเน้นเสียดสีนะ บางครั้งก็น่ารำคาญ อคติก็แล้วแต่จะมองวะ ส่วนตัวกูว่ามันจงใจแซะบางเรื่องมากไป โดยเฉพาะหลังยุคลุงตู่
ที่กูว่าอคติคือเรื่องยุทธหัตถี บางคนฟันธงว่าไม่มีเพราะพม่ามีเขียนว่าตายด้วยปืน แต่ไม่บอกว่าหลักฐานเรื่องนี้แตกเป็น 2 ฝ่าย ฝรั่งที่บอกตายเพราะปืนก็มี ตายเพราะง้้าวก็มี แต่พวกขวางโลกมันถือว่าหลักฐานปฏิปักษ์น่าเชื่อถือกว่าหลักฐานที่เข้าข้างเราเสมอนั่นละ
50 shade.... 5555555555555555555555555555555555555555
// ขอบคุณโทรลคุงกุเข้าใจระดับความคิดละ ขนาดแฟนฟิคโง่ๆของนิยาย
สองชายหนึ่งหญิงอย่างทไวไลท์โชว์เอ้ย Twilight ยังติดอันดับ
เมินๆไปเหอะยิ่งให้อาหารมันยิ่งสนุกนะ
ความฝันในหอแดง กูอ่านจบแล้วกูไม่รู้สึกว่าสนุกเลย กูขอโทษ ส่วนเจ้าชายน้อยกูอ่านตอนเด็กๆ อะ อ่านไม่เข้าใจเลย
ไม่รู้ว่ามีใครเป็นเหมือนกูมั้ย กูเป็นคนที่ประทับใจง่ายๆ กับบทบรรยายที่กูอ่านแล้วรู้สึกว่า 'สวย' ไม่ใช่แค่ใช้คำอลังการนะ แต่กูอ่านแล้วรู้สึกว่าสวยนั่นล่ะ บางทีกูก็ประทับใจเป็นคำๆ อย่างคำว่า 'พร่างพราย' หรือ 'พร่าง' แบบกูรู้สึกว่าบทบรรยายว่า 'ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว' ใช้ 'ท้องฟ้าที่พร่างพรายด้วยดวงดาว' ก็สวย แต่คำว่า 'ท้องฟ้าพร่างดาว' มันสวยกว่า มีใครเป็นบ้างมั้ย//กูแค่อยากระบาย คนข้างนอกไม่มีใครเข้าใจรสนิยมกูเลย หาว่ากูไม่ปกติ 😭
กระเอม เพื่อนชาวหนังสือ พวกเรามีที่ทางของตัวเองแล้ว
https://fanboi.ch/literature/new/
อ้างอิง admin บอกว่าอยากเปิดอยู่พอดี มีคนไปขอจึงเปิดเลย (กรุณาอ่านข้อตกลงก่อนตั้งกระทู้)
>>>/meta/1383/680/
จะย้ายเลยไหม หรือจะให้เต็มก่อน?
เจ้าชายน้อยกุเคยเจอคนอ่านแล้วแบบ ประทับใจมากงู้นงี้
ส่วนกุอ่านแล้ว งงเหี้ยๆ ว่ามันมีอะไร กุเลยสรุปว่า มันคงปรัชญาจนกุเข้าไม่ถึง
ย้ายไปเลยละกัน ไว้เต็มมันอีกนาน
ดูตั้ง be civil ไว้รอก่อนจะตั้งอะไรยังไงไปถกกันที่นู้นละกัน
ฆาตรกรรมสโนวไวท์ไรนี่สนุกปะ เหมือนเคยคุยกัน
https://fanboi.ch/lifestyle/1978/54-55/
ไหนๆก็จะร้างละ ขอแปะหน่อย หนีไปห้องนู้นซะละ 55
Topic has been locked by moderator.
No more posts could be made at this time.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.