ถ้าไม่ใช่เรื่องซีเรียสมากกูจะอ่านแบบskimmingไปนะ คืออ่านผ่านๆไม่ลงรายละเอียดมาก เอาแค่ประโยคสนทนากับบทอธิบาย ตัดบทบรรยายทิ้งไปเกือบหมดเลย วิธีนี้ใช้กับพวกLNก็ได้ เพราะมันไม่ค่อยมีบรรยายอยู่แล้ว
ถ้าอ่านเอาจริงก็อ่านไปแปลไปรวดเดียวทั้งparagraphเลย เจอคำไหนที่ไม่รู้ก็เดาจากรูปประโยคว่าน่าจะแปลว่าอะไร พอจบparagraphแล้วค่อยมาดูอีกทีว่ามันแปลว่าอะไร ถ้าไม่เจอศัพท์ยากไปวิธีนี้ทำให้อ่านได้ไวมาก แทบไม่ต่างจากอ่านภาษาไทย
วิธีนี้มีประโยชน์อีกอย่างคือทำให้เราเข้าใจศิลป์ของภาษามากขึ้น เพราะภาษาประกอบด้วยศาสตร์คือไวยกรณ์ และศิลป์คือศัพท์/ความหมาย การเข้าใจคำศัพท์ใช้มากกว่าความจำ มันต้องใช้ความเข้าใจความหมายที่สื่อมาด้วย ดั่งที่วิทเตนสไตน์กล่าวในปรัชญาภาษาธรรมดาว่าความหมายคองคำคือเจตนาของผู้พูด
วิธีนี้ช่วยลดภาระการจำศัพท์ได้ส่วนหนึ่ง แต่ข้อเสียคือถ้ามึงไม่เปิดดิคมาเทียบภายหลัง บางทีศัพท์ที่จำในหัวมึงจะความหมายคลาดเคลื่อนได้ วิธีนี้มีดีคือทำให้อ่านได้เร็วและต่อเนื่อง แต่อาจขาดความแม่นยำไปบ้างถ้ามึงรู้ศัพท์น้อยไป แต่ถ้ารู้ศัพท์เยอะแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ คิดซะว่าอ่านหนังสือเหมือนดูหนัง อ่านความหมายของประโยค/between the lineให้เหมือนอ่านภาษากายในหนังก็พอ