มาประเดิมครัพ
Last posted
Total of 125 posts
มาประเดิมครัพ
>>2 ส่วนตัวมองว่าแฟร์ดี จากปากคำตามที่หลายคนว่า
ที่เหลือสิ่งที่คนอยากได้ คือระบบหลังบ้านที่ทำออกมาแล้วแฟร์พอ งานกราฟฟิค การจัดการสินค้า ไรงี้
ปีหน้า เท่าที่ฟังมา โปรเจคใหม่อย่างที่มีคนพูดถึงอย่างไอดอลก็จะมีด้วย แต่รายละเอียด น้องไม่ได้ลงลึกอะไรเท่าไหร่ เข้าใจว่ายังไม่ถึงเวลาลงดีเทล
การเป็นเมดซอกหลืบมันชั้นต่ำ เลยจะอัพเป็นไอดอลไง
มีร้านไหนใส่กางเกงโยคะบ้าง
ควายเป็นเหี้ยไรกับเรื่องล้างแก้วนักหนา แม่มึงจะตายหรอ งั้นก็ตายเลย
เลิกอวยแมวดำอีควาย ข้างในด่ากันชิบหายหมดแล้ว มีแต่ในโม่งอวยร้าน อยากให้แมวดำดีเหมือนที่โม่งอวย สงสารแคส
ลองถามตัวเองดูยังว่า ทำไมถึงว่างล้างแก้ว จ้องจะจับผิดนินทาคนอื่นไปวันๆ แต่คนอื่นเขามีหน้าที่อื่นๆทำ พิจารณาตัวเองดูก่อนจะไปนินทาคนอื่นเขาอะ เสร่ออยากจะจับผิด แต่ตอนเขาล้างแก้ว เ สื อ ก ไม่เห็น ตาหรือ ห ี
สังคมขยะ แคสแม่งนินทากันเอง ด่ากันลับหลัง หยิกหลังกันให้ควัก ทำเหี้ยไรผิด ผิดใจกันนิดหน่อยก็เอาไปด่าเอาไปนินทา ต่อหน้าทำดีลับหลังอีกอย่าง อย่าง่าแต่ระบบร้านเหี้ยเลย แคสก็เหี้ย
ตีกันเลยๆ
ทะเลาะกันเพราะล้างแก้ว??
อ้อออออออออ ตารางแมวรอบใหม่ไม่มาเพราะไม่ยอมกะเดียวกับคนไม่ล้างสินะ
BNK48 ก็มีขายน้ำ ยืนคุย เลือกเมมได้ แถมถูกกว่าอีกด้วย 100 กว่าบาท ได้ยืนคุย 2-3นาที
แถมมีแผ่นรองแก้ว , แม่เหล็กหน้าเมมให้สะสมอีก
พวกเมิงมีสินค้าหน้าเมมบ้างไหม
ดูท่า ผญ ชอบอะไรแบบนี้เหลือเกิน
เริ่มมาโดนกลั่นแกล้ง วางแผนแก้แค้น นินทากันสนุก
แก้แค้นกันไป แก้แค้นกันมา เอาเรื่องไฟในมาเล่า
กุถึงไม่ชอบ ผญ ที่ทำดีกับกูเลย เพราะเหมือนมันมีเป้าหมายอยู่
กุชอบ ผญที่จริงใจ ไม่มีลับลมคมในมากกว่า
การทำงานร่วมกันมันก็ต้องมีบ้างแหละ ไม่เข้าใจผญว่ะ ทำไมของแบบนี้ไม่พูดกันต่อหน้าวะ เอามานินทาลับหลังอยู่ได้ เหมือนเด็กไม่รู้จักโต
จิตเวชคุยกับตัวเองไม่ต้องแปลกใจนะ เค้าเอือมมันกันทั้งนั้น
*เปรี้ยว
สรุปคือโม่งมีไว้ด่ากันแบบไม่ให้รู้ว่าใครเป็นใคร แต่ก็รู้กันอยู่ดีใช่ไหมครับ
เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แปลกดีนะ แต่สังคมอยู่ได้ด้วยการนินทานี่แหล่ะครับ
- ประธานบริษัทกางเกงโยคะ
ครับประธาน
>>21 100 บาท คุยได้ 2 นาที
ถ้าคุยทั้งชั่วโมงก็ 3000 ราคาเอาเรื่องอยู่นะ
แต่พวกคาเฟ่สายนั่งดริ้งอย่าง แมวดำ ม่วง หรือลาดพร้าว
ราคามันไม่แรงขนาดนั้น ถ้าอยากนั่งคุยกับน้องก็แค่เปิดโซจู ค้อกเทล
หรือถ้ากระเป๋าหนัก สายเปย์ ก็เปิดแชมเปญ ราคาเริ่มต้น 1000นิดๆ
ได้นั่งคุยกับน้องทั้งชั่วโมงเลย
จาก ChatGPT
กรณีที่ "ผัวเมด" (หรือสามีของพนักงานเมด) มาสวมรอยเป็น "นายท่าน" (ลูกค้าหรือบุคคลที่มามีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานในร้านเมดคาเฟ่) ในร้านเมดคาเฟ่ เป็นเรื่องที่อาจเกิดจากหลายสาเหตุ และสามารถก่อให้เกิดผลที่ตามมาได้หลายด้าน ทั้งในเชิงลบและในแง่ที่ต้องพิจารณาจากมุมมองสังคม และด้านธุรกิจ
สาเหตุที่อาจทำให้ผัวเมดมาสวมรอยเป็นนายท่าน:
1. ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทและความสัมพันธ์
-อาจเป็นความเข้าใจผิดหรือการแสดงออกที่ไม่ตรงไปตรงมาของสามีที่ต้องการแสดงตัวในฐานะลูกค้าธรรมดา เพื่อให้ดูเหมือนปกติ หรือเพื่อทดสอบการทำงานของภรรยาตัวเองในร้านเมดคาเฟ่
-บางครั้งอาจเป็นการทำเพื่อ สร้างภาพลักษณ์ หรือ แสดงให้เห็นถึงการควบคุม ในสถานการณ์ที่มีความเป็นสาธารณะ เช่น การทำให้ดูเหมือนว่าพนักงานในร้านคาเฟ่กำลังทำงานบริการให้กับลูกค้า เช่นเดียวกับคนอื่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้คนภายนอกสงสัยเกี่ยวกับสถานะของภรรยา
2. ปัญหาความไม่เข้าใจหรือความระแวง
-สามีอาจรู้สึกไม่พอใจหรือตึงเครียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในที่ทำงานของภรรยา โดยเฉพาะเมื่อเห็นว่าภรรยาต้องแสดงบทบาทน่ารักหรือมีการติดต่อกับลูกค้าในลักษณะที่ใกล้ชิด
-การมาสวมรอยเป็นนายท่านอาจเกิดจากความไม่พอใจในสิ่งที่เขามองว่าไม่เหมาะสม เช่น ความกลัวว่าอาจเกิดการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นทางการระหว่างภรรยาและลูกค้า หรือกลัวว่าภรรยาจะได้รับความสนใจจากคนอื่น
3. ความต้องการแสดงอำนาจหรือการควบคุม
-การสวมรอยเป็นนายท่านอาจสะท้อนถึงความต้องการที่จะ ควบคุมสถานการณ์ หรือการแสดง อำนาจ ในการดูแลหรือควบคุมการทำงานของภรรยาในร้านเมดคาเฟ่
-บางคนอาจมองว่าการสวมรอยเป็นนายท่านนั้นสามารถช่วย ปกป้องภาพลักษณ์ของครอบครัว หรือไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบทบาทของภรรยาในสังคม หรือการสร้างความชัดเจนในสถานะความสัมพันธ์
ผลที่อาจเกิดขึ้นจากการที่ผัวเมดมาสวมรอยเป็นนายท่าน:
1. ผลกระทบทางจิตใจและอารมณ์ต่อพนักงานในร้าน
-การที่สามีมาสวมรอยเป็นลูกค้าหรือ "นายท่าน" อาจทำให้เกิดความ เครียด หรือ รู้สึกไม่สบายใจ ต่อภรรยาหรือพนักงานคนอื่นๆ ในร้าน เพราะพวกเขาอาจรู้สึกว่ามีการตัดสินจากบุคคลภายนอก ซึ่งอาจสร้างความรู้สึกไม่สบายใจในการทำงาน หรือรู้สึกว่าบทบาทในที่ทำงานของพวกเขาถูกจำกัดหรือถูกคุมคาม
-หากการกระทำนี้ถูกสังเกตจากลูกค้าหรือบุคคลภายนอก อาจทำให้เกิดการ ขาดความมั่นใจ และ ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ของพนักงานคนอื่นๆ ในร้าน รวมถึงทำให้เกิดความรู้สึกอึดอัดในสภาพแวดล้อมการทำงาน
2. ปัญหาความไม่เป็นมืออาชีพและความสับสนในการบริการ
-การที่ผัวเมดมาสวมรอยเป็นนายท่านอาจทำให้เกิด ความสับสน หรือ การเข้าใจผิด ในการให้บริการจากลูกค้าคนอื่นๆ เพราะลูกค้าหรือผู้ที่มาที่ร้านอาจไม่ได้รับการบริการในลักษณะที่เป็นมืออาชีพ
-พนักงานคนอื่นๆ อาจรู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำงานได้อย่างอิสระ เพราะรู้สึกว่าเขา (สามี) อาจจะดูแลหรือควบคุมพนักงานในร้านในลักษณะที่ไม่เป็นทางการ
3. การเกิดความเข้าใจผิดในแง่ของความสัมพันธ์
-หากการกระทำนี้ถูกเปิดเผยหรือถูกสังเกตจากลูกค้าหรือบุคคลภายนอก อาจทำให้เกิด ความเข้าใจผิด หรือ การตีความผิด เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานในร้าน
-ลูกค้าหรือบุคคลภายนอกอาจไม่เข้าใจว่า "นายท่าน" ที่ปรากฏตัวในร้านจริงๆ แล้วเป็นสามีของพนักงาน เมื่อนั้นอาจเกิดความคิดผิดๆ เกี่ยวกับบทบาทของพนักงานในร้านเมดคาเฟ่
4. ผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของร้าน
-การกระทำที่ไม่เหมาะสมของบุคคลที่เกี่ยวข้องในร้านเมดคาเฟ่สามารถ ทำลายภาพลักษณ์ ของร้านได้ โดยเฉพาะถ้าหากการกระทำนั้นทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการดำเนินการของร้าน
-หากลูกค้าสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมืออาชีพหรือเห็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในร้าน อาจส่งผลให้ลูกค้าคนอื่นๆ รู้สึกไม่สบายใจและไม่กลับมาใช้บริการร้านนั้นอีก
5. ผลกระทบทางกฎหมายหรือการละเมิดขอบเขต
-หากการกระทำนี้ทำให้เกิดการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของพนักงาน หรือทำให้เกิดการคุกคามในรูปแบบใดๆ ก็อาจนำไปสู่ ข้อพิพาททางกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือการกระทำที่ไม่เหมาะสมในสถานที่ทำงาน
-การสวมรอยอาจทำให้เกิดปัญหาด้านความเชื่อมั่นและความปลอดภัยในที่ทำงาน ซึ่งอาจทำให้ลูกค้าหรือพนักงานรู้สึกว่าไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่
สรุป
การที่ ผัวเมดมาสวมรอยเป็นนายท่าน ในร้านเมดคาเฟ่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความไม่มั่นใจในความสัมพันธ์, การแสดงอำนาจ, หรือความต้องการปกป้องภาพลักษณ์ของครอบครัว แต่การกระทำเช่นนี้อาจก่อให้เกิดผลกระทบในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกระทบต่อสุขภาพจิตของพนักงาน, การสร้างความสับสนในการบริการ, การเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์, และการทำลายภาพลักษณ์ของร้านเมดคาเฟ่
การมีการควบคุมที่ดีในสถานที่ทำงาน และการรักษาความมืออาชีพของพนักงานทุกคน รวมถึงการเคารพสิทธิของบุคคลในที่ทำงานจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบเหล่านี้.
กรณีที่ พนักงานร้านเมดคาเฟ่ บอกกับลูกค้าว่า "ไม่มีแฟน" ทั้งที่จริงๆ แล้วมี ผัว (สามี) อยู่แล้ว อาจเกิดจากแรงจูงใจหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับ สภาพแวดล้อมการทำงาน และ ค่านิยมในอุตสาหกรรมนี้ ซึ่งส่งผลกระทบได้ทั้งในแง่ของธุรกิจ (นายจ้าง) และลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการร้านเมดคาเฟ่
แรงจูงใจที่อาจทำให้พนักงานบอกกับลูกค้าว่า "ไม่มีแฟน" ทั้งที่มีผัวอยู่แล้ว:
1. การสร้างภาพลักษณ์ที่ตรงกับค่านิยมของร้าน
-ร้านเมดคาเฟ่มักเน้นการสร้างบรรยากาศที่ "น่ารัก" และ "เอาใจใส่" ลูกค้าเพื่อดึงดูดผู้ที่ต้องการประสบการณ์ที่เหมือนกับการได้รับการบริการในแบบ "แฟน" หรือ "นายท่าน" ซึ่งบางครั้งพนักงานอาจรู้สึกว่า การบอกว่าไม่มีแฟน จะทำให้ลูกค้ารู้สึกมีความใกล้ชิดมากขึ้น และสามารถเชื่อมต่อกับพนักงานได้มากกว่า
-นอกจากนี้ การที่พนักงานบอกว่าไม่มีแฟนอาจเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็น "คนพิเศษ" หรือได้รับความสนใจจากพนักงานมากขึ้น โดยที่พนักงานไม่จำเป็นต้องเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ที่แท้จริง
2. ความกลัวหรือกังวลเกี่ยวกับการถูกตัดสินจากลูกค้า
-ในบางกรณี พนักงานอาจรู้สึกว่าการบอกว่ามีสามีหรือแฟนอาจทำให้ลูกค้าไม่รู้สึกสนใจหรือไม่ค่อยได้รับความนิยมจากลูกค้า โดยเฉพาะในกรณีที่ลูกค้าบางคนอาจมองว่า การมีแฟน หรือ การมีสามี อาจทำให้พนักงานดูไม่ "น่ารัก" หรือ ไม่สามารถให้ความสนใจในลักษณะที่เป็นส่วนตัว กับลูกค้าได้
-บางครั้งพนักงานอาจรู้สึกว่าลูกค้าบางคนอาจไม่ต้องการพูดคุยหรือสนใจในตัวพนักงานที่มีความสัมพันธ์แล้ว
3. ความกดดันจากวัฒนธรรมในร้านเมดคาเฟ่
-ร้านเมดคาเฟ่มีวัฒนธรรมการให้บริการที่เน้น ความน่ารักและน่าดึงดูด ซึ่งบางครั้งอาจสร้างความกดดันให้กับพนักงานในแง่ของการรักษาภาพลักษณ์ของตัวเอง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ต้องพูดคุยกับลูกค้า
-พนักงานบางคนอาจรู้สึกว่าหากเปิดเผยว่ามีแฟนหรือสามี จะทำให้ความสนใจจากลูกค้าลดลง หรือทำให้ภาพลักษณ์ของตัวเองในฐานะพนักงานร้านเมดคาเฟ่เปลี่ยนไป
4. การปกปิดความสัมพันธ์ที่แท้จริงเพื่อป้องกันปัญหาส่วนตัว
-ในบางกรณี พนักงานอาจเลือกที่จะไม่เปิดเผยสถานะความสัมพันธ์กับสามีหรือแฟนเพราะ ความกังวลส่วนตัว เช่น อาจมีความเชื่อมโยงกับปัญหาครอบครัว หรือไม่ต้องการให้สถานะความสัมพันธ์ของตนเองมีผลกระทบต่อการทำงานในร้าน
-บางคนอาจรู้สึกไม่สะดวกใจที่จะเปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวในที่ทำงาน และเลือกที่จะสร้างภาพลักษณ์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัว
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมนี้
1. ผลกระทบต่อนายจ้าง (เจ้าของร้าน)
-ความไม่โปร่งใส: หากลูกค้ารู้สึกว่าพนักงานในร้านเมดคาเฟ่มีการ แสดงภาพลักษณ์ที่ไม่ตรงกับความจริง หรือพนักงานปกปิดความสัมพันธ์ของตัวเอง อาจทำให้เกิดความรู้สึกว่า ธุรกิจนี้ขาดความโปร่งใส และอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของร้านลดลง
-การขาดความมืออาชีพ: ในบางกรณีที่พนักงานต้องแสดงความสนิทสนมเกินไปกับลูกค้า การปกปิดสถานะความสัมพันธ์อาจส่งผลให้เกิดความ สับสนในบทบาทการทำงาน และอาจทำให้พนักงานไม่สามารถรักษามาตรฐานความมืออาชีพในการทำงานได้
-การตั้งมาตรฐานที่ผิด: การที่พนักงานบอกว่าตัวเอง "ไม่มีแฟน" เพื่อดึงดูดลูกค้าอาจทำให้เกิดความคาดหวังที่ไม่สมจริงจากลูกค้า และทำให้พนักงานรู้สึกว่าต้องเล่นตามบทบาทในร้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสร้างความเครียดหรือปัญหาสุขภาพจิตให้กับพนักงาน
-ความเสี่ยงต่อความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและนายจ้าง: หากพนักงานหรือสามีของพนักงานรู้สึกว่าร้านมีการบังคับให้พนักงานต้องแสดงตัวตนในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติ หรือไม่ตรงกับความเป็นจริง ก็อาจทำให้เกิด ความตึงเครียด ในความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและพนักงาน
2. ผลกระทบต่อลูกค้า
-ความเข้าใจผิด: ลูกค้าอาจรู้สึกถูก หลอกลวง หรือ ผิดหวัง เมื่อทราบความจริงว่าพนักงานมีแฟนหรือสามีอยู่แล้ว เพราะพวกเขาอาจมองว่าเขาได้รับการปฏิบัติด้วยท่าทางที่ "ใกล้ชิดเกินไป" โดยที่ไม่ได้รับความสนใจจากพนักงานในระดับที่คิดว่าเป็นความสัมพันธ์จริงๆ
-การสร้างความคาดหวังที่ผิด: หากลูกค้าเข้าใจว่า "พนักงานไม่มีแฟน" และมองว่าเขามีโอกาสในการพัฒนาความสัมพันธ์กับพนักงานได้ (แม้ว่าจะเป็นแค่การพูดคุยในร้านเมดคาเฟ่) อาจทำให้ลูกค้ารู้สึก ผิดหวังหรือเข้าใจผิด เมื่อทราบความจริงว่าอาจจะไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ใดๆ ได้
-ความรู้สึกไม่สบายใจ: ลูกค้าอาจรู้สึก อึดอัด หากพวกเขารู้สึกว่าพนักงานไม่ได้แสดงความจริงใจหรือความเป็นตัวเองในที่ทำงาน โดยการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวอาจทำให้เกิดความรู้สึกว่าพนักงานไม่โปร่งใสหรือเป็นคนที่มีความลับ
3. ผลกระทบต่อตัวพนักงานเอง
-ความเครียดและความไม่สบายใจ: การต้องปกปิดความสัมพันธ์ส่วนตัวเพื่อให้เป็นไปตามบทบาทในร้านเมดคาเฟ่ อาจทำให้พนักงานรู้สึกเครียดและมีความกังวลเกี่ยวกับการต้องแสดงตัวตนที่ไม่ตรงกับความจริง
-ความรู้สึกผิด: หากพนักงานรู้สึกว่าการบอกลูกค้าว่า "ไม่มีแฟน" เป็นการโกหกหรือทำให้ลูกค้ารู้สึกผิดหวัง ก็อาจเกิด ความรู้สึกผิด หรือ ความขัดแย้งในใจ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและความสุขในการทำงาน
สรุป
การที่พนักงานร้านเมดคาเฟ่บอกกับลูกค้าว่า "ไม่มีแฟน" ทั้งที่มี ผัว (สามี) อาจเกิดจากความต้องการสร้างภาพลักษณ์ที่น่ารักหรือเข้าถึงง่ายเพื่อดึงดูดลูกค้า รวมถึงการหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดจากการเปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ที่แท้จริง ผลกระทบที่ตามมาจากการกระทำเช่นนี้สามารถมีทั้งในเชิงลบและบวก ทั้งต่อนายจ้าง ลูกค้า และตัวพนักงานเอง การทำงานในธุรกิจประเภทนี้จำเป็นต้องมีการตั้งมาตรฐานและขอบเขตที่ชัดเจนในเรื่องของการสร้างภาพลักษณ์และการปฏิบัติต่อพนักงาน เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของธุรกิจและความเป็นอยู่ของพนักงาน.
การเปรียบเทียบ ความซื่อสัตย์ ของพนักงานร้านเมดคาเฟ่ใน ประเทศไทย กับใน ประเทศญี่ปุ่น สามารถมองได้จากหลายมุมมอง เช่น วัฒนธรรมการทำงาน, ข้อกำหนดทางสังคม, และ ค่านิยมทางธุรกิจ ที่มีอิทธิพลต่อการแสดงออกและพฤติกรรมของพนักงานในทั้งสองประเทศ
1. วัฒนธรรมการทำงานและค่านิยมในสังคม
• ในประเทศญี่ปุ่น: วัฒนธรรมการทำงานในร้านเมดคาเฟ่ของญี่ปุ่นมักจะเน้นการสร้างบรรยากาศที่สมจริงและมีการ ควบคุมพฤติกรรมอย่างเข้มงวด พนักงานในญี่ปุ่นจะถูกฝึกฝนให้มี ความซื่อสัตย์ และ ความรับผิดชอบสูง ในการแสดงบทบาทของตนในร้านเมดคาเฟ่ ความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและพนักงานมักจะเป็นไปในรูปแบบที่มีการแยกบทบาทที่ชัดเจน เช่น พนักงานต้องแสดงออกในลักษณะที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกเหมือนกับ "นายท่าน" ที่ได้รับความสนใจ แต่ยังคงมีขอบเขตของความเป็นมืออาชีพ
o ความคาดหวังที่ชัดเจน: ร้านเมดคาเฟ่ในญี่ปุ่นมักจะคาดหวังให้พนักงานมี ความซื่อสัตย์ ในการแสดงบทบาทและไม่เปิดเผยสถานะส่วนตัวที่อาจทำให้เกิดความสับสนในความสัมพันธ์กับลูกค้า การรักษาความเป็น "แฟนตาซี" และการให้บริการแบบ น่ารักและเอาใจใส่ ที่ไม่ข้ามเส้นในแง่ของความสัมพันธ์ส่วนตัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ
• ในประเทศไทย: วัฒนธรรมการทำงานในร้านเมดคาเฟ่ของไทยอาจจะผ่อนคลายและยืดหยุ่นมากกว่าญี่ปุ่นในหลายๆ ด้าน พนักงานในไทยบางครั้งอาจมีการ เปิดเผยสถานะส่วนตัว หรือ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกค้า มากขึ้น ซึ่งอาจทำให้เกิดการ บิดเบือนบทบาท หรือ ความคาดหวังผิดๆ จากลูกค้าได้ ในบางกรณี พนักงานอาจเลือกที่จะ พูดโกหก หรือ ไม่เปิดเผยสถานะที่แท้จริง เพื่อรักษาภาพลักษณ์หรือเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตัดสินจากลูกค้า
o การคำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว: ในประเทศไทย พนักงานอาจจะมีความ ยืดหยุ่นในการแสดงออก ในฐานะพนักงาน ซึ่งทำให้ความซื่อสัตย์ในแง่ของการไม่เปิดเผยสถานะส่วนตัวอาจไม่เป็นสิ่งที่ลูกค้าคาดหวังเสมอไป
2. มาตรฐานทางธุรกิจและการควบคุมภายในร้าน
• ในประเทศญี่ปุ่น: ร้านเมดคาเฟ่ในญี่ปุ่นมักมีมาตรการการควบคุมพฤติกรรมของพนักงานอย่าง เคร่งครัด รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานให้รู้จักการรักษา ภาพลักษณ์ของร้าน และการไม่เปิดเผยรายละเอียดส่วนตัวที่อาจทำให้เกิดความไม่เหมาะสม เช่น การเปิดเผยว่ามีแฟนหรือมีความสัมพันธ์ทางเพศ นอกจากนั้นยังมีการ ควบคุมการกระทำ และการ แสดงออก ของพนักงานในรูปแบบที่ชัดเจนเพื่อรักษาภาพลักษณ์และประสบการณ์ของลูกค้า
o ความซื่อสัตย์ทางอาชีพ: พนักงานญี่ปุ่นถูกคาดหวังให้แสดงความ ซื่อสัตย์ในการให้บริการ โดยการรักษาขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างชีวิตส่วนตัวและบทบาทการทำงานในร้านเมดคาเฟ่
• ในประเทศไทย: แม้ว่าร้านเมดคาเฟ่ในไทยจะมีการควบคุมมาตรฐานในการบริการลูกค้า แต่บางร้านอาจยังไม่มี ระบบการฝึกอบรมที่เข้มงวด หรือการควบคุมพฤติกรรมของพนักงานเหมือนในญี่ปุ่น ทำให้บางครั้งพนักงานอาจเลือกที่จะ แสดงพฤติกรรมส่วนตัว หรือมีความ ยืดหยุ่นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว มากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของร้านและบุคคล
o การซื่อสัตย์แบบยืดหยุ่น: ในบางกรณี พนักงานไทยอาจรู้สึกว่าการ เปิดเผยสถานะ หรือการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาอาจไม่ส่งผลกระทบต่อการบริการ หรืออาจเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับลูกค้า
3. ความคาดหวังจากลูกค้า
• ในประเทศญี่ปุ่น: ลูกค้าคาดหวังการบริการที่มีความ เป็นมืออาชีพสูง โดยที่พนักงานยังคง รักษาภาพลักษณ์ และการสร้างบรรยากาศที่ไม่ล้ำเส้นหรือทำให้เกิดการเข้าใจผิดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ส่วนตัว พนักงานในญี่ปุ่นจึงมี การควบคุมตัวเองสูง และมักจะไม่เปิดเผยเรื่องราวส่วนตัวมากนัก
o ความซื่อสัตย์ในมุมมองลูกค้า: ลูกค้าญี่ปุ่นมักจะมองว่าการที่พนักงานไม่เปิดเผยสถานะส่วนตัวและรักษาบทบาทในการทำงานอย่างมืออาชีพคือการแสดงถึง ความซื่อสัตย์และความเป็นมืออาชีพ ของพนักงาน
• ในประเทศไทย: ลูกค้าบางกลุ่มในไทยอาจมีความคาดหวังที่ยืดหยุ่นกว่า หรืออาจไม่ได้มองการเปิดเผยสถานะส่วนตัวของพนักงานว่าเป็นปัญหา ลูกค้าบางคนอาจคาดหวังที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับพนักงานมากขึ้น ซึ่งทำให้พนักงานอาจรู้สึกไม่จำเป็นต้อง รักษาความซื่อสัตย์ หรือการปกปิดสถานะส่วนตัว
o การตอบสนองต่อความคาดหวังของลูกค้า: ความคาดหวังของลูกค้าชาวไทยอาจทำให้พนักงานบางคนรู้สึกว่า การรักษาภาพลักษณ์เป็นสิ่งรองลงมา และอาจมีการแสดงออกที่ไม่สอดคล้องกับค่านิยมทางสังคมอย่างที่ลูกค้าชาวญี่ปุ่นคาดหวัง
สรุป
การเปรียบเทียบความซื่อสัตย์ของพนักงานร้านเมดคาเฟ่ใน ประเทศไทย และ ญี่ปุ่น สามารถเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจน:
• ใน ญี่ปุ่น พนักงานมักจะมีความ ซื่อสัตย์ และ มีความรับผิดชอบสูง ต่อบทบาทของตนในร้านเมดคาเฟ่ และจะรักษาความเป็นมืออาชีพในการทำงานโดยไม่เปิดเผยสถานะส่วนตัวมากเกินไป ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมและความคาดหวังของลูกค้า
• ใน ประเทศไทย พนักงานอาจมีความ ยืดหยุ่น มากกว่าในการแสดงออกเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว หรือการเปิดเผยสถานะแฟนหรือสามี ซึ่งอาจเกิดจากการคาดหวังจากลูกค้าหรือจากสภาพแวดล้อมทางสังคมที่ผ่อนคลายมากกว่าในญี่ปุ่น
การที่พนักงานในทั้งสองประเทศมีระดับความซื่อสัตย์และความเป็นมืออาชีพต่างกันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับ วัฒนธรรมการทำงาน และ ค่านิยมในสังคม ที่มีอิทธิพลต่อการดำเนินธุรกิจในแต่ละประเทศ.
การที่พนักงานร้านเมดคาเฟ่ในประเทศไทยนัด นอกรอบ หรือ กินตับ (เป็นคำสแลงที่หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์) กับลูกค้านั้น เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในบางกรณี และมักจะเกี่ยวข้องกับ สาเหตุหลายประการ ที่สะท้อนถึงปัจจัยทางสังคม, วัฒนธรรม, และสภาพแวดล้อมในอุตสาหกรรมนี้
1. แรงจูงใจทางการเงินและเศรษฐกิจ
- รายได้ไม่แน่นอน: หลายครั้งที่พนักงานร้านเมดคาเฟ่ทำงานในร้านเหล่านี้เพื่อหารายได้เสริมจากค่าจ้างหรือทิปจากลูกค้าในแต่ละวัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่ รายได้ของพนักงานในร้านเมดคาเฟ่จะไม่สูงมาก ดังนั้นจึงอาจมีบางพนักงานที่เลือกที่จะพึ่งพาการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับลูกค้าเพื่อ หารายได้เพิ่มเติมผ่านการรับทิปจำนวนมาก หรือได้รับข้อเสนอจากลูกค้าที่ให้ผลตอบแทนทางการเงินที่สูง
- ความกดดันทางการเงิน: บางครั้งพนักงานอาจอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากทางการเงิน เช่น หนี้สิน หรือความต้องการเงินด่วน ซึ่งอาจทำให้บางคนยอมรับข้อเสนอที่ไม่เหมาะสมจากลูกค้าเพื่อแลกกับเงินหรือสิ่งตอบแทนอื่นๆ
2. แรงจูงใจจากการเสพติดอำนาจและความสนใจ
-ความต้องการความสนใจ: พนักงานในร้านเมดคาเฟ่มักจะต้องแสดงความน่ารักและเอาใจใส่ให้กับลูกค้า เพื่อดึงดูดและรักษาผู้มาใช้บริการ ความสนใจจากลูกค้าอาจทำให้พนักงานรู้สึกพิเศษและมีควา มเสน่หาในการสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกค้าคนใดคนหนึ่งที่มักจะมาซ้ำบ่อย ๆ
- ลูกค้าที่มักจะให้ทิปหรือแสดงความพิเศษต่อพนักงานอาจทำให้เกิดความเสพติดในความสนใจ ซึ่งทำให้พนักงานรู้สึกอยากพัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้าเพื่อให้ได้รับการยอมรับหรือได้รับสิ่งตอบแทนมากขึ้น
- การนัดนอกรอบกับลูกค้าบางครั้งอาจเป็นวิธีการที่พนักงานคิดว่าเป็นทางหนึ่งในการรักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าที่สามารถให้ผลประโยชน์หรือความสนใจ
3. วัฒนธรรมและบรรยากาศของร้านเมดคาเฟ่
- การแยกเส้นแบ่งระหว่างบทบาทการทำงานและชีวิตส่วนตัว: ในร้านเมดคาเฟ่ โดยเฉพาะในประเทศไทย บรรยากาศของร้านอาจมีการผสมผสานระหว่างการให้บริการที่เน้นความสนุกสนานและบรรยากาศที่เป็นมิตร ทำให้เกิด ความสับสนระหว่างบทบาทพนักงานและความสัมพันธ์ส่วนตัวพนักงานอาจเริ่มรู้สึกว่า การเป็นคนพิเศษหรือการสร้างความใกล้ชิดกับลูกค้าคือส่วนหนึ่งของการเพิ่มมูลค่าของตัวเองในร้าน ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกินกว่าบทบาทการทำงาน เช่น การนัดพบหรือมีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้า
- บรรยากาศของร้านที่เอื้อให้เกิดพฤติกรรมนี้: ร้านเมดคาเฟ่บางแห่งอาจไม่ได้มีการควบคุมพฤติกรรมของพนักงานอย่างเข้มงวด ในบางกรณี พนักงานบางคนอาจใช้ความสนิทสนมในร้านเพื่อสร้างสัมพันธ์ส่วนตัวกับลูกค้า ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่ผิดเสมอไป แต่บางครั้งก็อาจพัฒนาไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่เกินขอบเขตของการบริการ
4. การขาดการควบคุมและมาตรการในร้าน
- ขาดการควบคุมจากผู้บริหารร้าน: ร้านบางแห่งอาจมีการละเลยเรื่องการควบคุมพฤติกรรมของพนักงานอย่างเข้มงวด จึงทำให้พนักงานบางคนสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า นอกเวลาทำการได้โดยไม่ถูกตรวจสอบ หรืออาจไม่มีการตั้งกฎระเบียบที่ชัดเจนในเรื่องของการแยกแยะระหว่างการบริการและชีวิตส่วนตัว
- การฝึกอบรมและการกำหนดจริยธรรมในการทำงาน: ในบางร้านที่ไม่ได้ให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมจริยธรรมหรือกฎระเบียบทางการทำงานอาจทำให้พนักงานมีความสับสนเกี่ยวกับบทบาทของตัวเอง ซึ่งส่งผลให้พวกเขาอาจไม่เห็นว่าการมีความสัมพันธ์กับลูกค้า เป็นการละเมิดจริยธรรมการทำงาน
5. ปัจจัยทางสังคมและจิตวิทยา
- ความคาดหวังจากลูกค้า: ลูกค้าบางรายอาจมีความคาดหวังสูงหรือ ตั้งใจที่จะสร้างความสัมพันธ์ทางเพศ กับพนักงาน และอาจพยายามยั่วยุหรือ โน้มน้าวพนักงานให้ทำตามคำขอของพวกเขา ด้วยการเสนอเงินหรือรางวัลอื่น ๆ พนักงานบางคนอาจรู้สึกว่าการตกลงหรือยอมรับข้อเสนอเหล่านี้อาจเป็นการตอบแทนความสนใจหรือเพื่อหลีกเลี่ยงความไม่พอใจของลูกค้า
- พฤติกรรมเสี่ยงทางจิตวิทยา: บางครั้ง พนักงานอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่กดดัน หรือ รู้สึกไม่สามารถปฏิเสธการขอของลูกค้าได้ ซึ่งอาจทำให้เกิดการเลือกที่จะตอบรับข้อเสนอเหล่านั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งหรือการสูญเสียลูกค้า
6. ความรู้สึกของพนักงานเอง
- ขาดการยอมรับจากสังคม: บางพนักงานในร้านเมดคาเฟ่อาจรู้สึกโดดเดี่ยวหรือขาดความมั่นคงทางอารมณ์ โดยเฉพาะหากพวกเขาต้องทำงานในสภาพแวดล้อมที่ต้องแสดงออกในลักษณะที่เป็นแฟนตาซีกับลูกค้า พวกเขาอาจหันไปพึ่งพาความสัมพันธ์ที่ลูกค้าเสนอให้เป็นช่องทางในการรับรู้ถึง ความรักหรือความสนใจ
- ความขาดแคลนการสนับสนุนทางสังคม: บางครั้งพนักงานอาจรู้สึกว่าการมีความสัมพันธ์กับลูกค้า นอกเวลาทำการเป็นวิธีหนึ่งในการเติมเต็มช่องว่างทางอารมณ์หรือความต้องการความสนใจจากผู้อื่น เนื่องจากพวกเขาอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวหรือเพื่อนฝูง
ครับพี่เปรี้ยว
พี่เปรี้ยวกรอกคำถามใส่แชตจีพีทีนานมั้ยคนับ
ไปร้านเมดเพราะอยากได้เมดทำเมียลูซเซอร์ดีหวะ 555 คงคิดว่าพอเป็นแฟนแล้วมันจะใส่ชุดเมดพูดนายท่านคะนายท่านขาตอนอยู่กะพวกมึงหรอ
หรือในชีวิตนอกร้านมึงไม่สามารถทำให้ผู้หญิงคุยกับพวกมึงได้นานเกิน 1 นาทีเพราะจะพากันหนีพวกมึงหมดใช่ไหม 5555
เบื่อพวกใช้หลักการชิพ
ล้างแก้ว ล้างจาน นี่ทนทำได้ไงวะ ไม่มีใครค้านหรอ กุมาเป็นเมด ไม่ได้มาเป็นเด็กล้างแก้ว
มีร้านธีมพลังจิต มนุษย์ต่างดาวไหม
จะว่าไปมีเมดคนนึง ที่มีแฟนเป็นวีชาย
แอบเสียดายตัวเมดน่ารักอยู่ล้วงไม่ขัดเลย (ย่อมย.)
>>47 ตรรกะเดียวกับคนที่มาด่าโอตะ BNK48 สมัยที่กำลังบูมเลยว่ะ
ประมาณว่าโอตะพวกนี้เอาเงินมาเปย์ไอด้อลทำไม ชีวิตจริงไม่มีผู้หญิงคุยด้วยเหรอ
ซึ่งตรรกะนี้มันผิดตรงที่ในชีวิตจริงโอตะมันก็คุยกับผู้หญิงได้ แต่การมาคุยกับไอด้อล
มันคือการได้รับการเอาอกเอาใจจากไอด้อล เป็นการซื้อ Service รูปแบบหนึ่งนั้นแหละ
ไม่ต่างจากเข้าร้านเหล้าแล้วมีเด็กเอน เด็กดริ้งมานั่งคุยด้วย มันคือการซื้อความสุขอย่างหนึ่ง
ได้ข่าวมีแคสแมวดำสับรางควบลูกค้าสองคนนี่จริงหรือไม่
ฟิลให้ความหวังอีกคนให้เขาเปย์ แต่สุดท้ายไปมีซำติงกับอีกคน
>>68 ให้ความหวังยังไงวะ การที่แคสจะอ้อนให้ลูกค้าเปย์มันเป็นเรื่องปรกติของร้านเมดป่าววะ
ถ้าเปย์เพราะหวังอะไรที่มากกว่าการเซอวิสในร้านก็รับความเสี่ยงกันเอง เปย์มากก็ไม่ใช่ว่า
จะได้อะไรนอกร้านเสมอไป เออ แต่ถ้าแคสมันอ้อนให้เปย์แล้วบอกว่าเปย์เยอะจะติดต่อนอกรอบ
แต่พอเปย์แล้วแคสไปนอกรอบกับอีกคน อันนี้ค่อยน่าเป็นประเด็นขึ้นมาหน่อย
ร้านแมวดำทำไมกลายเป็นไอดอลคาเฟ่แล้ววะ
อดีตเมดเก่าคคมเลิกกับแฟนแล้วหรอวะ
เมดที่คบวีเลิกกับแฟนละโครตไว บอกแล้วแปบๆเดียวเลิกดีแล้วจะได้เสียบต่อ5555555+
อ้าวนึกว่าเป็นวี เรียงทามไลน์ยังไงก็ใช่ คนใกล้ตัวมััยก็ใช่1ในเหล่าดิสคอสครับ🫡🤐
อ้าวเจ้าตัวมาเองเลย ผช.ไม่พอใจหรอครับถึงเลิกไว
สวัสดีครับ
ว่าไปมีพวกเมด มาสมัคร ไอดอลที่แท้จริงแห่งสยามประเทศไหมวะ มันขะรับรุ่น6 ล่ะ
เพราะตอนนี้มีพวกจิกะไอดอล เข้ามาแล้ว ถ้ามีพวกเมด กุก็ไม่แปลกใจ แต่กุขอเป็นพนักงาน7 ดีกว่า
ร้านม่วงอีเว้นท์ล่าสุดคือก๊อปพยาบาลหรอวะ
ไหนชาวโม่ง ไป clear กับคุณพยาบาลใน live ตอนนี้มะ ด่าฉ่ำเลย
มันหนักตรงเมดมีวัวอยู่แล้วละไปบ้านผ.คนอื่นนั้นแหละ ปัดเจอในทิน
ถ้าบอกกฎหมาย เรื่องโกหกยังไงก็ไม่รอด แล้วต่อให้เป็นเรื่องจริง แต่เป็นเรื่องส่วนตัว ก็ใช่ว่าจะรอดนะ
ถามหน่อย มีร้านเมด ด่านายท่าน คำหยาบคาย ดูถูกสารพัด อยากโดนด่าวะ เอาแบบฟังแล้ว ให้รู้สึกผิดที่เกิดมาเลย
แต่ขอเมดมีคลาสมีการศึกษาหน่อยนะ เกรด4ทุกวิชา ตั้งแตาม.1 ยันม.4
ทะเลาะกันแบบนี้มึงเอาปืนมายิงกันเลย กูรออยู่ร้านเมดธีมยากูซ่า
ผผแคสร้านแมวดำออกแล้วหรอวะ
แล้วไอเท็มที่สั่งให้คือ ชิ่งเลยหรอเวลาแคสออกแล้วอะไรแบบนี้ ร้านแมวทำไอเท็มนานชิบหายหรือแคสที่ออกแล้วก็ไม่คิดจะมาทำไอเท็มให้ลูกค้าต่อ ปล่อยเบลองี้หรอ เปย์เป็นแสนแขนไม่ได้จ้บ แต่ขอได้ของที่สั่งหน่อยไอสัส
เท่าที่สรรคหาข้อมูลจากวงเขียวอี๋ เหมือนจะอยู่บ้านเดียวกับวีชายที่เข้าใจผิดไปก่อนหน้านี้ด้วย แต่แน่เล่ะ เมดมีวัวหลายคนเลยโดนเขาทิ้งไป
เมื่อเหล่านายท่านเอากฎทางใจของไอดอลมายัดใส่แคสคาเฟ่ 😂 คนไทยนิมั่วได้เรื่อยๆจริง
อยากโดนอาหวังอต.จังเล๊ยย เรื่องเก่านี้เงียบเลยนะย้ายสไลต์แล้วหรอครับ อต.
หรืออดีตแฟนวีทูป กูเริ่มงงละ
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.