จากตรงนี้จะเป็นการเปรียบเทียบคู่ขนานระหว่างฉากในแต่ละราวด์ vs R7
[ภาพทิลใน R6 และภาพทิลใน R7 เทียบกัน]
>เริ่มจากตรงนี้ ทิลดูเหมือนเขาได้ยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ใน R6 เขาโศกเศร้ากับมินจีเหมือนเจ้าบ่าวที่เพิ่งสูญเสียเจ้าสาวไป (และดูเหมือนการเสียดสีพอตัว เพราะใน R6 อีวานแต่งตัวเหมือนเจ้าสาวที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์) ทิลดูหมดแรงใจที่จะสู้ เหมือนเขาสูญเสียแสงสว่างของชีวิตไป (มินจี)
ถึงอย่างงั้น การกระทำของอีวานดูเหมือนจะปลุกเขาให้ตื่นจากความมึนงง และนัยน์ตาของเขาก็ปรากฎแสงขึ้นมา
การเศร้าโศกต่อความตายของอีวานที่ทิลมีแตกต่างไปจากวิธีที่เขาเศร้าโศกเพื่อมินจี ในแบบที่อีวานมอบลมหายใจของชีวิตใหม่ให้กับเขา
ใน R7 นั้นชัดเจนว่าทิลโศกเศร้าเพื่ออีวาน แต่วิธีที่เขาแสดงออกมาคือรูปแบบของความโกรธที่ต้องการจะสู้กลับ เพื่อที่จะมีชีวิต
[ภาพทิลมองมินจีถูกพาตัวไปใน R5/ภาพทิลถูกลูก้าย้ำเตือนถึงอีวาน]
>แต่การแก้ปมนี้ของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร ทิลสิ้นหวังเสียใจระหว่าง R5 ตอนที่มินจีถูกพาตัวไป และเขาทำหน้าแบบเดียวกันในตอนที่ถูกภาพของอีวานย้ำเตือนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวทีที่แล้ว
ต้นเหตุความโศกเศร้าเสียใจของทิลใน R5/R6 คือมินจี แต่ใน R7 มันกลับกลายเป็นอีวาน
[ภาพทิลตอนเด็กใต้ฝนดาวตกตอนนึกได้และกำลังจะหันหลังกลับ/ภาพทิลใน R7 ที่นัยน์ตามีจุดสีแดงแบบอีวาน]
>ธีมของ R7 คือความเสียใจ
ทิลพยายามจะก้าวข้ามผ่านมันไปแต่อดีตกลับหลอกหลอนเขาในแบบที่ขื่นขมที่สุด ความเสียใจที่ใหญ่ที่สุดของเขาโผล่ขึ้นมาให้เผชิญหน้าอีกครั้ง เน้นย้ำว่าเขาไม่เคยก้าวผ่านมันไปเลย เขาแค่ทำเหมือนว่ามันไม่เคยมีอยู่ เพื่อที่จะไม่ต้องยอมรับความรู้สึกที่ยากจะคลายในวันนั้น
แต่ตอนนี้มันสายไปแล้ว และไม่ว่าเขาพยายามจะหลอกลวงตัวเองยังไง เรื่องที่อีวานจากไปแล้วก็จะไม่เปลี่ยน
และนั่นคือสิ่งที่หลงเหลืออยู่ ความเสียใจ