มาละ วิเคราะห์โดยพส.อินเตอร์ ซอสใน >>109 จ้ะ อาจจะแปลห้วนนิสแต่หาอ่านออริจินอลได้ สนุกมาก
[แปลโดยโม่ง ถ้ามีคนเอาไปลงที่ไหน แสดงว่าไม่ใช่กุ ถถถถถ]
>ความเห็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทิลต่ออีวานและมินจีที่เปลี่ยนไปในแต่ละรอบการแข่ง :
มินจีเป็นเหมือนตัวตนที่ทิลยกไว้ขึ้นหิ้ง มองเป็นความรักที่ไม่อาจเอื้อม เป็นเทพธิดาที่ตัวเองศรัทธา [ภาพมินจียื่นมือมาหาทิลในเพลง R6]
และเพราะแบบนั้น ทิลสร้างตัวตนของมินจีขึ้นเป็นตัวตนสมบูรณ์แบบที่ไร้ตำหนิ ทำให้รู้สึกรักมินจีได้ง่ายขึ้นจากภาพที่ตัวเองมอง: เทพธิดาผู้เลิศเลอไร้ที่ติ
เขาตกหลุมรักเธอเพราะความงดงามและอ่อนโยน แต่ทิลไม่รู้จักเธอดี กลับกันนั่นก็เป็นตัวช่วยให้เขาสามารถทุ่มความรู้สึกทุกอย่างให้เธอได้เต็มที่เพราะระยะห่างนี้
>กลับกัน อีวานเสมือนคนที่ทำให้ทิลอยู่ในโลกความเป็นจริง ทิลสนิทกับอีวานมากกว่าทุกคน ทั้งทิลและอีวานต่างก็ห่วยแตxในการแสดงความรู้สึกของตัวเเองออกไป แต่ทั้งสองคนกลับจริงใจต่อกันที่สุดเวลาอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างระหว่างทั้งสองไม่มีมารยาซับซ้อนมาขวาง จะเห็นทั้งสองแสดงอารมณ์มากที่สุดก็ตอนที่อยู่ด้วยกัน [ภาพทิลตอนเด็กนั่งเขียนเพลงโดยมีอีวานนั่งมองโน้ตด้วยอยู่ข้างๆ]
แต่สำหรับทิล ความรู้สึกแบบนี้อาจจะทำให้รู้สึกกลัว เราเห็นในฉากฝนดาวตก เห็นสีหน้าดีใจของทิลจนกระทั่งมันเปลี่ยนไป เสมือนกับว่าจู่ๆความเป็นจริงก็คว้ามาจับตัวเขาไว้
มันเป็นความฝันชั่วคราวที่งดงามจนเขาลังเล ไม่สามารถยอมรับความรู้สึกนี้ได้และสุดท้ายก็วิ่งหนีมันไปในที่สุด แต่ทิลเติบโตมาโดยถูกพรากสิ่งต่างๆไปจากตัวเอง ดังนั้นเขาจะทำอะไรได้อีก
>ถ้าการมองเห็นคือการยอมรับ งั้นถ้าเลือกที่จะไม่มอง ก็แสดงว่ามัน "ไม่มีอยู่" ถูกไหม?
ถ้าเขาไม่ยอมมองมันตรงๆ เขาก็ไม่จำเป็นต้องรับมือกับความรู้สึกสับสนนี้ใช่ไหม?
ทิลหลอกลวงตัวเองสองครั้ง(**โดยการไม่มองตรงๆ) : ความรู้สึกของเขาต่อมินจี และความรู้สึกของเขาต่ออีวาน [ภาพทิลนั่งกินข้าวในโรงอาหารโดยมีอีวานมองอยู่]