>>840 มึงนั่นแหละไม่มีเหตุผล คนอื่นเขายกตัวอย่างมาโครมๆ ก็จะบอกว่าคนอื่นเขาฝังหัว คนพูดลอยๆกูก็เห็นมีแต่มึงคนเดียวนี่แหละ ถ้าจะแย้งเรื่องราคาควรได้ไม่เท่ากันนับตามปริมาณงานที่ผลิตได้ ไม่มีใครเถียงหรอกว่างานนิยายผลิตได้เยอะกว่า มันเลยได้ราคาถูกกว่า แต่ถ้ามึงจะมาวัดความเหนื่อย มันก็ขึ้นกับความถนัดไง ก็แย้งมาดิ ว่าคนอื่นเขาพูดผิดตรงไหน ไม่ใช่เอะอะมาหาว่าคนอื่นไม่มีเหตุผล ความคิดฝังหัว ถามจริงโลกหมุนรอบตัวมึงเหรอ คนทำงานมันก็ต่างกันไปป่าววะ จนกูสงสัยเลยนะว่ามึงเคยทำงานทั้งสองสายป่าววะ หรือมโนเอาตามความคิดตัวเองอย่างเดียว เห็นแล้วนึกถึงนักวาดการ์ตูนเบียวๆที่ชอบคิดไปเองว่างานการ์ตูนหนักกว่านิยายเพราะโปรเสสเยอะๆ ทั้งที่ไม่เคยทำงานนิยายแบบดีๆ ที่ไม่ใช่แฟนฟิคขายติดตลาดด้วยซ้ำ มึงทำอันไหนเหนื่อยกว่าก็เรื่องของมึง แต่ไม่ต้องมาตัดพ้อหรอกว่างานอื่นได้เงินเยอะกว่าง่ายกว่า ทั้งที่ก็ยังทำได้ไม่ดีพอที่จะพูด เป็นใครฟังเขาก็เหม็น เพราะมันมีคนตั้งเยอะที่พยายามแทบตายเพื่อจะเขียนงานที่พวกมึงว่าง่ายให้มันจบ ตอนแรกกูคิดว่ามันง่ายกว่าและตลาดกว้างนั่นแหละถึงลงไปทำ แต่ทำจริงแล้วแม่งเรื่องวนเขียนไม่จบด้นไม่ได้ยิ่งกว่าการ์ตูนเพราะใช้ภาษาล้วน ลำบากต้องไปเรียนการเขียนบทจากพวกภาพยนต์นู่นถึงจะเขียนจบได้แบบไม่อิหยังวะ สรุปกูจับอันไหนก็มีจุดยาก แต่มันยากคนละแบบ แล้วอันไหนร่างพังกว่ากัน ก็คนละจุดอีกอ่ะ กูเขียนนิยายนิ้วล็อกไปละรอบหนึ่งเพราะพิมพ์ในโทรศัพท์บ่อย ส่วนหลังปวดตอนทำงานการ์ตูน แล้วไอ้เรื่องที่บอกว่างานการ์ตูนก็เพิ่มขั้นตอนจากนิยายมาอีก เพราะงั้นการ์ตูนยากกว่า มันก็เหมือนกับบอกว่าคนเรียนภาพยนต์เรียนยากกว่าคนเรียนวรรณกรรมนั่นแหละ มันคาบเกี่ยวกัน แต่ไม่เหมือนกันขนาดนั้น คนที่ชอบพูดแบบงานนี้ยากกว่าๆ แล้วเทียบแพะกับแกะ กูเห็นมีแต่พวกไก่อ่อนไม่มีประสบการณ์แต่อยากโชว์ภูมิกันทั้งนั้นเหอะ
กูไปละ ไม่อยากพูดกับกำแพง พวกชอบมโนว่าตัวเองเหนื่อยกว่าเพื่อน มึงมันก็พอๆกันกับคอมเมนท์ปสด.ที่บอกว่าโลกเท่ากันแบบเมากาวนั่นแหละ