เห็นมีคนถามว่าด้อมไทรกันในมู้ที่แล้วคือด้อมอะไร ไม่ใช่ด้อมเกม ด้อมอนิเมต่างหาก (มีมังกะด้วยมั้ยนะ ถ้าจำไม่ผิด แต่น่าจะเรียกได้เพราะช่วงนี้มีอนิเมภาคใหม่ฉายอยู่ 555) กูเห็นลายเส้นสวย ตลค.ชายก็หล่อใช้ได้ ดูน่าจะแมสได้อยู่
มึงแค่เด็กที่ไม่รู้จัก ส่วนพวกที่รู้จักเรียกแก่55555
Tri อ่านว่า ไทร นะมึง ความหมายก็3แหล่ะ แต่กุขำที่สมัยก่อนมีเถียงกันว่าออกเสียงยังไงระหว่าง ไท กับ ไซ(แบบต้นไทร) 55555
คนรู้จักก็อายุไม่ใช่น้อยล่ะ กุบอกเลย 5555 ถ้าไม่ใช่สายตามดูตูนเก่า
เพิ่งรู้ว่าฮิตเลอร์นี่มีด้านติสด้วยว่ะ เป็นศิลปินรักในการวาดรูป รักในศิลปะสุดๆจนปั้นศิลปินดังในยุคนั่นมาเยอะ สายอนุรักษ์ศิลปะสายเก่าที่เอามาประยุกต์ซะจนดังกว่าเดิม แต่ก็เกลียดศิลปะแบบใหม่จนต้องกวาดล้างเพราะมองว่าอนาจารไร้รสนิยม เป็นมังสวิรัติที่โคตรเคร่งแบบด่าคนแดกเนื้อว่าต่ำตม มีแนวคิดต่อต้านนายทุนอีกต่างหาก
เชี่ย องค์ประกอบคุ้นๆคล้ายโว้กสมัยนี้เลย ที่มีโม่งเคยล้อว่าพวกเกสตาโปคงไม่เกินจริง555
S class มีประเด็นดราม่าอินเซส
คิดถึงสมัยอ่านฟิคค้ำคอร์แล้วไม่มีคนมาตื่นรู้ใส่ชะมัด.... กูเป็นประเภทใครอยากอ่านก็อ่านไป รู้ว่ามันคือเรื่องผิดแยกแยะได้ก็พอ สมัยนี้แค่มีเนื้อหาพวกนี้ก็โดนด่าไปยันชาติหน้าละ 555
แต่ s class มันไม่อินเซสโว้ยยยยย กูไม่ชอบเรื่องนี้กูยังรู้เลย (เพราะเพื่อนอ่าน 555) คนมันจิ้นกันเอง
ต่อยอดชื่อกระทู้ หวีดอยากได้เป็นเมียคือคุกคาม แต่อยากได้เป็นผัวคนละกรณีกันค่ะ
เพื่อนโม่ง วันนี้มีประกาศทำลุคอัพ (หรือที่ชอบเรียกกันว่านั่งจ๋อง) HP กับ FB ด้วยว่ะ มึงว่าจะมีโว้กลุกมาห้ามคนซื้อคนหวีดอีกมะ
เห็นคนรีผ่านตามาเรื่องยินกับชิโฮะน่าจะเคยเยกันไปแล้ว ทุกคนดูเข้ามากรีดร้องบอกมันเปโดนะคะๆๆๆๆๆๆ กูนี่งงเบย มันก็แค่การวิเคราะห์เฉยๆป่ะวะไม่ใช่อฟช. ชิโฮะนางก็โตแล้วในระดับหนึ่ง ไม่ใช่วัยโลลิแบบไฮบาระ อีกอย่างคู่ที่ไวป์นี้แม่งขมแต่อร่อยสัส รักในรอยแค้น รักแทบบ้าพอเขาไปจากตัวเองก็เป็นบ้าจะล่าตัวเธอกลับมาให้ได้ ท้อกสิกนะ แต่อร่อยชิบหาย ไปด่ายินเปโด เอาจริงๆมันจะเคยมีฟีลอื่นนอกจากคิดฆ่าคนบ้างป่ะเหอะ 5555555
>>17 กูคิดมาตลอดว่าคู่ยินไฮบาระไดอะล็อกโคตรละครยุค80 555555555555 ประเภทพระนางยอมทนรอหนาวๆอยู่คนละชานชาลารถไฟแล้วหากันไม่เจอน่ะ ประโยคที่อยู่ในละครน้ำเน่าอย่างขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องรอหนาวๆในที่แบบนี้ มาใช้ในสถานการณ์ที่ยินเอาปืนจ่อหัวเชอรี่จะยิงทิ้งอยู่แล้ว กูก็ว่าร้าวจะตาย (ใช่ กูชอบความท็อกซิก55555555555)
ว่าไป เคยเห็นลือเหมือนกันนะว่าหลังๆ อาจปรับบทให้ไม่มีอะไรในกอไผ่เพราะยินแก่ไปสำหรับไฮบาระ แต่ถ้าเป็นงั้นจริงก็เสียดายที่ปูมาชะมัด
ไททันกลับมาฉายต่อละ พอเข้าดูยากกระแสฉอดก็เงียบตามเลย555 ฟินมากที่ด้อมกูสงบสุขดีหวีดได้สบายใจ ใครอยากเก็บบรรยากาศอิ่มๆดูเมะจบแล้วคุยกันด้อมแบบชิวๆก็ต้องทำกันตอนนี้แหละวะที่นักฉอดยังมุดไปดูไม่ได้ สะอาดตาสัสๆ
เออจะว่าไปงี้สินะการคัดกรองคนดูที่ว่า พอไม่ได้ดูฟรีง่ายๆแบบลงยูทูปลงบิลิ พวกสายฉอดเลยเลิกสนไปเองต่างจากซีซั่นก่อนที่ตามจิกแทบจะเรียลไทม์
เออ เหลือแต่ต้องมารำคาญพวกตำรวจด้อมกันเองตรวจจับชิป เบียดเรือแทน กูเห็นแอคฝั่งอินเตอร์บ่นอยู่เนืองๆ 555
>>20 เออจริง ตอนมังงะจบก็ด่ากันแรงมาก555 กูจำได้ว่าด่ามิคาสะด้วยปะเชิงมาแมนๆเป็นตัวแทนเฟมินิสต์ไม่ง้อผู้ดูดีละเชียว สุดท้ายมาอาลัยอาวรณ์ร้องไห้ให้พนะเอกเนี่ยนะ เหี้ยขนาดนั้นยังจะหลงมันอีกเหรอ กี้ดก้าด ขึ้นอย่างหงส์ลงอย่างหมา
แม่งเห็นกูเกาหัวเลย ไปอ่านเวอร์ชั่นไหนมาถึงตีความแบบนั้นได้วะ อียูมีร์ยังน่าด่ากว่าอีกโดยราชาทรีตเหี้ยแต่ยังรักเขายอมทนเป็นทาสยันวันตาย ถึงแม่งน่าจะเป็นเพราะป่วยมากกว่าก็เหอะ
>>22 มิคาสะมันชัดเจนมาตั้งแต่ต้นเลยนะว่ามันรักชอบเอเรน แต่มันก็มีฉากให้เห็นว่าเอเรนตายนางก็มูฟออนต่อได้ ไม่ได้จะตายตามหรืออะไรด้วย ไอ้พวกด่านี่มันไปอ่านสปอยอะไรมาชัวร์เพราะถ้าดูก็จะเข้าใจว่าทำไมมิคาสะทำแบบนั้น ไม่ใช่คาแรคเตอร์แนวๆไม่ง้อผู้ชายนะเว้ย
ส่วนอียูมีร์นี่มันเป็นทาสอะ โดนทรีตเหี้ยยังไงแต่ความเป็นทาสก็สลัดไม่หลุดคือความภักดีต่อเจ้านาย ไม่มีหัวคิดหรืออะไรทั้งนั้นนอกจากรับใช้เจ้านาย นายสั่งให้ทำอะไรก็ทำหมด ขนาดได้พลังไททันมายังวิ่งกลับไปหาเจ้านายคืออีราชาเหี้ยเลย ต้องเห็นมิคาสะตัดบ่วงความรักตัวเองแล้วมูฟออนเลยคิดว่ากูต้องเอาอย่างอีนี่บ้าง ไม่งั้นบ่วงนี้ก็ไม่จบ
>>24 จริง มันมีเหตุผลลงจัวหมดทั้งมิคาสะกับยูมีร์ว่าทำไมเลือกเวย์นี้ เหมือนสร้างมาเป็นคู่ตรงข้ามกันอะ มิคาสะคือทาสที่เลือกลุกขึ้นตัดบ่วงจากเอเรนได้สำเร็จ ส่วนยูมีร์คือทาสที่ไม่ยอมลุกขึ้นสู้แม้จะได้พลังเทพมาก็ตาม มิคาสะก็มีพลังเทพแต่ลุกขึ้นเองด้วยใจสู้ล้วนๆแบไม่พึ่งพลังเลย ส่วนยูมีร์กลายเป็นพลัง=บ่วงที่แน่นหนากว่าเดิม กลายเป็นทาสยันจิตวิญญาณไปแล้ว ตอนเอเรนมาดึงสติเหมือนจะดี แต่คนที่ทำให้มูฟออนได้จริงๆคือมิคาสะนี่แหละ
>>25 หรือพวกแม่งจะคิดว่าการไม่ง้อผู้ชายคือไม่สนไม่แคร์ไม่แลเลย ขออยู่เป็นโสดสวยๆไปทั้งชีวิต โอ้ว ไม่นะแคเรน เธอจะตีความโง่ๆแบบนี้ไม่ได้
ไม่ง้อผู้ชายของมิคาสะคืออะไรที่ผู้ชายทำได้กูก็ทำได้แถมเทพกว่าด้วย ไม่งอมืองอตีนรอความช่วยเหลือแต่กูจะลงมือทำเอง มันไม่ง้อผู้ชายในเวย์นี้ แต่มิคาสะมันก็ยังมีความรักในหัวใจอยู่ นางรักเอเรนแต่ก็ไม่ได้รักแบบหูหนวกตาบอด คนที่รักมาเปลี่ยนไปในทางเลวร้ายไปต่อหน้าไม่ให้ร้องไห้จะให้ลุกขึ้นมาร้องหมอลำซิ่งเหรอวะ
>>26 สมองพวกนั้นคิดอะไรซับซ้อนไม่เป็นเลยชอบให้บอกแบบยัดปากอะ ภาษานิยายคือ tell ล้วนๆ ไม่ show ให้คิดตามเลย รับแต่สิ่งที่คนเขียนป้อนให้เท่านั้น เรื่องแบบนี้เห็นบ่อยกับนิยายเบียวหัดเขียน แต่ถ้าลองอ่านด้วยสติคิดตามแล้วจะมีเรื่องไม่สมเหตุสมผลเต็มไปหมด โดยเฉพาะพวกโม้ว่าฉลาดมากแต่วางแผนโง่เหี้ยๆ มันก็ตามสมองคนเขียนอะนะ แต่มันก็จะมีคนอ่านที่สมองประมวลไม่ได้ คนเขียนบอกไงก็เชื่อตามนั้นหมด
นักฉอดส่วนใหญ่ก็แบบนี้ รับแต่สิ่งที่คนอื่นคายมาให้โดยไม่เคี้ยวเอง เลยประมวลผลผ่านสมองไม่เป็น แล้วที่รับมาก็เป็นเศษเสี้ยวที่ไม่ย่อยอีก มันเลยรับอะไรผิดๆ แบบที่เห็นนี่ละ
>>26 หญิงแกร่งที่พวกคิดคือนอกจากไม่ง้อผู้ชายต้องไม่กลับไปกินของเก่าด้วยปะวะ555 แบบเอเรนมันเหี้ย ถึงมันเคยทำตัวดีใส่มึงแต่มันเหี้ยทำโลกเกือบชิบหาย มิคาสะมึงควรมูฟออนตั้งแต่ตัดหัวแล้วปะ จะมานั่งเฝ้าหลุมศพทำไมทุกวัน แล้วยังจะไม่ทิ้งผ้าพันคอแถมร้องไห้ให้อีก
พวกมองโลกแบนๆอะมีแค่ขาวกับดำ คนชั่วต้องได้รับกรรมแบบไม่ได้ผุดได้เกิด คนดีก็ต้องได้การสรรเสริญจนสูงส่ง เป็นผู้ตื่นรู้ด้วยยิ่ง +10 แต้มบุญ
>>25 ขอเมนท์ถึงมิคาสะอีกหน่อย กูว่าแยมแม่งเขียนนิสัยตัวละครนี้ออกมาได้ดีมากเลยนะ สมกับเป็นนางเอกในใจแยมจริงๆ นิยามสาวแกร่งทั้งนอกและในของแท้ คนชอบด่าว่านางบ้าเอเรน คือนางรักของนางเพราะเอเรนช่วยชีวิต มอบความหมายในการมีชีวิตอยู่ แต่นางก็ไม่ได้หน้ามืดตามัวรักหลงแต่เอเรนไม่เอาใคร หลายๆครั้งอยู่ในสถานการณ์แบบต้องเลือกทำหน้าที่กับเอเรน นางก็ทำหน้าที่รับผิดชอบของนางให้จบก่อนแล้วค่อยไปหาเอเรน ไม่ได้ทิ้งทุกอย่างมาแล้วเอาเอเรนมาก่อนแบบที่โดนด่า
นิสัยนี้ก็มีให้เห็นมาเรื่อยจนถึงตอนจบที่แสดงออกชัดว่ามิคาสะก็เลือกทำหน้าที่และความถูกต้องก่อน เอเรนทำเรื่องเลวร้ายมาก ถึงจะรักยังไงแต่นางก็เลือกที่จะลงมือฆ่าเอเรนด้วยตัวเอง ถ้านางบ้าเอเรนไร้สมองเอาแต่ตามตูดเขาจริงป่านนี้นางเป็นเยเกอริสไล่ฆ่าพวกอาร์มินที่จะมาขวางแผนเอเรนไปนานละ นางรู้ไงว่าสิ่งที่เอเรนทำอยู่มันไม่ถูกต้อง นางก็แค่ต้องทุ่มกำลังเพื่อหยุดมันให้ได้ นี่อะความเข้มแข็ง สมควรโดนยกย่องในจุดนี้ด้วยซ้ำ แต่กลายเป็นโดนด่าว่าหลงคนเหี้ยจนหยดสุดท้าย ก็คนเขารักมาเป็นสิบปีแถมยังต้องฆ่าเองกับมือจะให้ตัดใจไม่คิดถึงเลยมันก็ยากนะเว้ย
>>28 ยูมีร์นี่เหยื่อจริงๆ ถึงแม่งจะดูหงุดหงิดจนน่าด่าก็เหอะ555 แต่มีเหตุผลรองรับอะโดนกดขี่เป็นทาสขนาดนั้นไม่แปลกถ้าจะเชื่อฟังยันตาย แล้วโดนราชาทำเมียถึงจะสั่งหวังเอาพลัง แต่โดนผู้ชายที่สูงสุดในดินแดนยอมเอาทาสอย่างเราเป็นเมียนี่ก็อัปเลเวลชีวิตไปอีกขั้นนึงละ เหมือนซินเดอเรลล่าอะจากสาวก้นครัวสู่เจ้าหญิง เลยยิ่งยึดติดไปอีกจนไม่เข้าใจความสำคัญของพลัง เพราะทาสมันโง่อยู่ละด้วย คิดไม่ถึงหรอกว่าพลังจะทำให้เหนือกว่าราชาได้
>>31 แต่กูแอบเซ็งตอนจบที่แม่งดึงเข้าเรื่องรักๆใคร่ๆแบบที่ปล่อยหมูเพราะเรียกร้องความสนใจจากราชาว่ะ รู้สึกอีนี่ครีปปี้ชิบหาย 555555555
ถ้าแม่งให้เหตุผลเรื่องอิสระและความเป็นทาสโดนกักขังเลยอยากลองทำอะไรแบบนี้ดู ถึงจะทำตัวเองซวยแต่ก็รู้สึกโอเคที่ได้ทำ แล้วก็มาโดนตรวนความเป็นทาสล่ามแบบสลัดไม่หลุดอีก กูจะโอเคมากๆกับเหตุผลแบบนี้ แต่แม่งเสือกให้เหตุผลแบบ...ก็นุอยากให้เขามองอ่าาาา เลยเรียกร้องความสนใจซักหน่อย ปล่อยหมูให้ดูเลย อิอิ เขาวิ่งตามมาด้วยล่ะดีจัง senpai notice me อันนี้กูแดกจุด 555555
>>30 จริง แยมเขียนคาร์ตลค.หญิงแกร่งได้ดีหลายตัวเลย อย่างฮิสทอเรียนี่เปิดมาแรกๆดูสาวใส พอขึ้นเป็นราชินีก็มีพัฒนาการขึ้นดูเด็ดขาดสมมงควีน แอนนี่ก็ผันจากฝั่งร้ายมาฝั่งดี สตอรี่ก็ส่งว่าเออทำไมถึงแกร่งขนาดนี้
เอาจริงพวกเฟมไม่ควรด่าเรื่องนี้เลยเหอะ เขียนตลค.สาวๆออกมาได้ดีมีมิติทุกตัว ไม่ขายเซอร์วิสเกร่อๆอย่างที่ชอบบ่นกันด้วย ไม่มีเนิฟบทอวยผู้อีก มีบทบาทให้ทั้งตัวหลักตัวรอง
หรือเอาใจชาวเพศทางเลือกก็มี อย่างฮันจินี่แทบจะเรียกนอนไบเลยได้ปะ รูปร่างหน้าตาดูกลางๆไม่หญิงไม่ชาย บทก็ฉลาดเลยเป็นมันสมองของทีมช่วยซัพชิบหาย ในมังงะใช้คำพูดกลางๆไม่ระบุเพศด้วยปะ ไม่เอาไปโหนกันแบบน้องวันพุธเหรอว่านี่ตัวแทนชาวเรา555
>>32 กูเงิบเหมือนกันพอรู้เหตุผล555 เอาน้ำตากูคืนมา ตอนแรกเล่าแบบน่าสงสารมีคนทำหมูหลุดแล้วโดนโยนให้เป็นแพะรับบาป คือเป็นทาสโง่ได้ไม่แปลกก็ไม่ได้รับการศึกษาอะนะ แต่นี่ไปปล่อยหมูอยากเรียกร้องความสนใจจากราชา แต่บังเอิญราชาเหี้ยไปหน่อยเลยไม่ได้สั่งลงโทษเบาๆแค่ตัดมือหรือทิ่มตา แต่ไล่ล่าเป็นหมูไปเลยจ้า555
>>34 กูว่าแยมเขียนเรื่องรักๆใคร่ๆของชายหญิงได้ห่วยชิบหาย เอเรนมิคาสะนี่ยังพอทำเนา เป็นพระเอกนางเอกก็มีโมเมนต์หวานๆอยู่บ้าง แต่คู่อื่นๆคือบ่ได้เลย โดยเฉพาะอียูมีร์ปล่อยหมูเพื่อเรียกร้องความสนใจ แยม...มึงนะมึ้งงงงง
แต่กลับกัน กูว่าแยมเขียนพาร์ทคู่ชายชายได้ดีมาก แบบเคนนี่อูริ เออวินรีไว ไม่ได้มาชงโรแมนติคอะไรนะ แต่จะเห็นการอุทิศทุ่มเท ความไว้เนื้อเชื่อใจ การรักษาคำพูดอะไรพวกนี้ในตัวคู่ชายชายหมด ซึ่งมันเหนียวแน่นมากจนน่าหวีด แต่คู่ชายหญิงเลิฟไลน์เบายังไม่พอ ฉากที่ควรคิดว่านี่ล่ะมันต้องตกหลุมรักกันในฉากนี้ก็ดันไม่มีอีก กูงึด
ดูเรื่องยากแล้วตีความไม่ได้ นักฉอดคิดแบนเกินไปแล้ว นี่ก็เพิ่งเจอทวิตคนแปะบทความแสตนดาร์ดเรื่องเปลี่ยนคำในงานโรอัลด์ ดาห์ลว่าปัญหาคือบางคนที่โว้กมองเท็กซ์แบนมาก มองทุกอย่างเป็นขาวดำไปหมด ทั้งที่การวิจาณ์คือคค.สร้างสรรค์อย่างนึง อะไรนี่แหละ
ว่าจะเอามาเล่าในมู้ที่แล้ว มันมีทวิตนึงเค้าลงเกี่ยวกับรายการไรซักอย่างที่มีคนสัมว่าถ้าเกิดไม่มีผชบนโลกแล้วตะรู้สึกยังไง มีคนตอบว่ารู้สึกปลอดภัยเพราะไม่มีคนมาทำร้ายหรือคุกคามไรซักอย่างนี่แหละ คือเกทนะว่าผชบางคนทำร้ายหรือคุกคามผญจริงๆ แต่กูว่ามันเดินไปหน่อย เหมือนไม่เคยเจอผญด้วยกันทำร้ายหรือคุกคามอ่ะ ง่ายๆเช่นรุ่นพี่ผญนัดตบรุ่นน้องไรงี้
>>37 เวลามีข่าวเหตุการณ์ผู้หญิงเดินกลับบ้านคนเดียวแล้วโดนฉุดไปข่มขืน มึงนึกถึงเพศไหนก่อนว่าเป็นผู้ก่อเหตุอ่ะ กูถามง่ายๆเลยนะ แล้วสถิติที่เกิดเหตุการณ์ข่มขืนทำร้ายในพื้นที่เปิดหรือที่สาธารณะไม่ว่าในไทยหรือในเทศ เพศไหนเป็นผู้ก่อเหตุเยอะสุดรู้บ้างป่ะ ไม่ต้องไปตามดูสถิติจริงจังก็น่าจะตอบได้แบบไม่ต้องกลัวผิดเลยใช่ป่ะล่ะ ถ้าถามง่ายๆแบบนี้ คนก็จะไม่ค่อยนึกว่าผู้ก่อเหตุเป็นผู้หญิงหรอก(แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี มันมีแหละแต่น้อยมาก) พวกคนที่ตอบแบบนั้นคือพวกที่โดนcatcallเวลาเดินในที่สาธารณะ หรือโดนผู้ชายจ้องแบบจะกินหัวหรือเดินตามก่อกวนลวนลามแค่เพราะแต่งตัวเซ็กซี่ไปหาเพื่อน เขาก็คงพูดถึงผู้ชายที่ทำเหี้ยแบบนั้นที่ทำให้การเดินออกจากบ้านแม่งดูอันตรายดูน่าอึดอัด แต่ไม่ได้พูดถึงพ่อเขาที่ไม่ได้ทำไรไม่เีกรอกมั้ง ถ้ามึงคิดลำบากใจที่เห็นคอมเมนท์แบบนั้น กูแนะนำให้ทำแบบที่พส.หลายคนบนทวิตแม่งทำอ่ะ ใส่นอทออลเอาเองเลย55555
กูก็คิดว่าต้องใส่นอทออลเอาเองจริงๆนั่นแหละ เพราะมันก็จริงที่ว่าไม่ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่จะคิดไปแล้วว่าหมายถึงพวกไม่ดี
>>39 *เพิ่มเติมว่าน้อยมากในวงเล็บ หมายถึงถ้าเทียบเปอร์เซ็นต์ของผู้ชายเป็นผู้ก่อเหตุ มากว่าเปอร์เซ็นต์ที่ผู้หญิงเป็นผู้ก่อเหตุ(ข่มขืน ฉุดทำร้านผู้หญิงด้วยกันในที่สาธารณะ หรือที่มึงยกตัวอย่างมาแบบรุ่นพี่ลากไปตบงี้)ไปเยอะมาก) ไม่ได้หมายความว่าน้อยแบบสองสามคน อันนั้นไม่จริง
*แก้พิมพ์ผิดข้างบน แต่ไม่ได้พูดถึงพ่อเขาที่ไม่ได้ทำไรไม่ดีหรอกมั้ง
มัมหมีท่านนึง ด่าคนชงผช.มีกี
มัมหมีท่านเดิม เรียกเมนเบบี้เกิร์ล น้องเป็นเด็กผุหยิง ผูกโบว์หอมหัวมั้วะๆลูกสาวของแม่
เห็นพวกมึงคุยเรื่องไททันกูเลยอยากแจมหน่อย คือกูเมนแจน ตอนจบที่มิคาสะอุ้มเด็กมาที่หลุมศพเอเรนกับผู้ชายที่คล้ายๆแจน กูไม่ได้ชิพคู่แจนคาสะเพราะทีแรกคิดว่ายังไงมิคาสะก็รักเอเรนมาก พระเอกนางเอกก็ต้องคู่กันแล้วแจนมันจะเอาตรงไหนไปแทรก แต่ถ้าผู้ชายคนนั้นคือแจนกูก็ดีใจไง แจนมันก็คนดี รักมิคาสะเงียบๆของมันไม่เคยมาตามตื๊อหรือทำอะไรให้หนักใจ แต่คนชิพเอเรนมิคาสะคือร้อนหีมากๆที่คาดว่าแจนจะได้คู่มิ สารพัดจะเบลมแจน จ้องรอสอยเมียเพื่อนมั่งล่ะ ตัวผู้ชายคนนั้นไม่ใช่แจนแต่เป็นอาร์มินมั่งล่ะ เด็กก็ไม่ใช่ลูกมิคาสะแต่เป็นลูกเพื่อน คือพวกนี้แม่งต้องไม่ยอมรับความจริงขนาดไหนวะ หนักๆเข้าคือด่ามิคาสะ จะไม่ยอมให้มิคาสะไปมีชีวิต ต้องมานั่งเศร้าเฝ้าหลุมศพเอเรนอย่างเดียวเลยเด่ะ อายุแค่เท่าไหร่เองแต่ต้องอยู่แบบนั้นไปห้าสิบหกสิบปีต่อจากนี้แม่งโคตรเปล่าเปลี่ยวเลยนะ มิคาสะมีความสุข มีลูกหลานห้อมล้อม ใช้ชีวิตอิสระตามที่เอเรนต้องการแล้วมันไม่ดียังไง เอเรนฆ่าคนไปเยอะแบบล้างโลกขนาดนั้นจะให้มันมาจบเป็นคู่รักในบั้นปลายชีวิตของมิคาสะนี่ไม่มีทางเลยนะ ผู้ชายคนนั้นอาจจะไม่ใช่แจนก็ได้ แต่ถ้าเป็นแจนแล้วมันจะเสียหายยังไงถึงต้องกุเรื่องมาหลอกตัวเองสารพัดขนาดนั้น
>>44 ทีแรกกูไม่ได้ชิพไง แต่ถ้าเป็นแจนกูก็โอเค มันรักของมันมานาน เก็บไว้ในใจเงียบๆ ไม่เคยปริปากหรือทำอะไรให้ลำบากใจ ตอนนี้กูเลยเอ็นดูมิแบบลูกสะใภ้ แจนชอบใครกูก็ชอบด้วย 5555555555
ให้มิคาสะมีความสุขทีเถอะ บั้นปลายชีวิตก็มีลูกหลานห้อมล้อม อยู่จนแก่เฒ่า กูว่าเป็นแจนน่ะเหมาะสมแล้ว ใครจะมาใจกว้างกับการที่เมียตัวเองยังคิดถึงแฟนเก่าทุกลมหายใจ พาไปเชงเม้งที่หลุมแฟนเก่าตลอด ใส่ผ้าพันคอลงโลงไปด้วยกัน มีแต่แจนนั่นล่ะที่เข้าใจ มิคาสะมูฟออนไม่จมปลักกับความเศร้า เก็บเอเรนไว้ในความทรงจำแล้วใช้ชีวิตเพื่อตัวเองมันก็ดีแล้วนี่หว่า
ผู้ชายที่ใจกว้างก็ไม่ได้มีแค่แจนป่าว มิคาสะอาจจะมีลูกกับใครซักคนที่ไม่ยึดติดอดีตและเคารพความรู้สึกของนางก็ได้
>>48 มันก็ไม่ได้บอกว่าเป็นแจนนี่ แต่ถ้าเป็นแจนก็ดีไง เพราะแจนมันก็เป็นผู้ชายที่โอเคคนนึง
กูไม่ได้อะไรกับคู่นี้มากหรอก แต่สมเพชพวกไม่ยอมรับว่ามิคาสะจะมีผัวมีลูก ต้องไปนั่งมุแง้สึมเส้าหน้าหลุมเอเรนจนกว่าจะตายตามไป แต่งเรื่องมาหลอนตัวเองว่านั่นลูกเพื่อน เด็กรับมาเลี้ยง
>>49 เป็นมังสวิรัติ ไม่ใช่วีแกนดิ คงจำสลับกันแหละ แต่แม่งก็สุดโต่งพอกันถึงขั้นมีคนร่วมโต๊ะกินเนื้อสัตว์ จะเอดุเขตใส่ว่ามึงรู้เปล่ากว่าจะเป็นเนื้อในจาน สัตว์มันต้องทรมานขนาดไหน
อาจจะเพิ่งมาเป็นตอนตั้งนาซีนะแหละ เพราะใช้เป็นโฆษณาชวนเชื่อด้วยว่าท่านผู้นำเราสูงส่งเพราะแดกผัก ชาวอารยันที่ท่านผู้นำปลื้มก็กินผัก แต่กินจริงๆนะไม่ใช่หลอกลวง ตอนตรวจศพยังพบเศษผักในฟันหรือกระเพาะนี่แหละ
ด้อมเกนชินจะไปสุดที่ตรงไหน ล่าสุดชาวอินเตอร์ต้องมาอธิบายกันเองว่าไซโน่นาริเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ใช่วัยรุ่น ถึง appearance จะดูเด็ก แต่โตแล้ว มีงานมีการทำแล้ว
เยสเข้ มีคนไปลองดีกับป้าเจเคอีกละวะ กูละขำ555 ต้นเหตุ่ในไทยคือมีเพจนึงเต้าข่าวว่าป้าเอาพรีวิลเลจใช้กฏหมายปิดปากนักกิจกรรมที่ด่าป้าว่านาซีเพราะเหยียดเพศ แย่มาก เลยมีอีกเพจนึงตีข่าวแบบไล่ไทม์ไลน์มาเลยว่านักกิจกรรมที่ว่ามีนไปเปรี้ยวตีนใส่ป้าก่อน ตอดมาเรื่อยๆจนสุดท้ายป้าองค์ลงเพราะด่าว่าป้าคือนาซีนี่แหละ สำหรับบ้านเขานาซี=หนึ่งหนึ่งสองบ้านเรา แรงจนคนอื่นยังมาช่วยปราม พอป้าเถียงกลับแบบมีอารยะว่ามึงควรหยุดท้าทายทนายกูนะ รอบตัวมึงไม่มีใครสะกิดเลยดิ ดันปั่นด่ากลับไม่เลิก สุดท้ายโดนหมายศาลสไนเปอร์ไปดิมาทวิตขอโทษหงอยๆให้โดนเพจนั้นเอามาโหนว่าป้าแม่งกลั่นแกล้งชาวคอมมูเราว่ะ
มีใครเห็นนักฉอดแซะผู้ชายเลิกกับแฟนเก่าก่อนไปจีบคนใหม่บ้าง ที่เขาเลิกเพราะรู้สึกชอบคนใหม่ถึงได้เลิกกับคนเก่า แล้วยังทิ้งเวลาเป็นปีๆ เพื่อจีบแล้วได้คบกัน
สรุปตอนนี้นักฉอดต้องการให้คนในสังคมคบหาดูใจกับใครเพื่อยึดติดแล้วไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนใจตลอดกาลเหรอฟะ นอกใจก็ด่า เลิกรักแล้วเลิกกันไปก็โดนด่า คงไม่ต้องมีแล้วมั้งวิชาสังคมวิชาจิตวิทยาต่างๆ เนี่ย มนุษย์ควบคุมจิตใจได้ดั่งหุ่นยนต์สินะ
เอาไรกะด้อมเยี่ยวม่วงวะ มีแต่เด็กเห่อหมoยเล่น คนสติดีๆ เค้าเล่นเกมกันเงียบๆ ไม่มานั่งด่ากันจะเป็นจะตายในทวิตหรอก
>>61 เรื่องนาซีคือการเสื่อมค่าของคำ พอใช้บ่อยในเรื่องไม่เป็นเรื่องความร้ายแรงในความหมายก็ถดถอยลงจนแทบไม่มี ในไทยตอนนี้สลิ่มก็กลายเป็นคำว่าติ่งอะไรอย่างหนักหรือคนที่เห็นต่างไปแล้ว ทุกคนเป็นสลิ่มได้หมด สมเจียมยังโดนด่าเป็นสลิ่มเพราะด่าพิธาเลย บางคนก็ภูมิใจที่เรียกตัวเองเป็นสลิ่มค่ายสลิ่มพรรคสลิ่มอะไรก็ตามที่ตัวเองติ่ง ย้อนกลับไปแค่ปีที่แล้วมึงไม่มีทางได้เจอคนใช้สลิ่มแทนตัวแบบนี้หรอก สลิ่มแท้ยังไม่ใช้เลย
>>54 ก็ไม่ได้ผิดอะไรหรอก มองจากฝั่งแฟนใหม่ก็ดูเป็นสตอรี่โรแมนติคดี เขาทำเพื่อชั้นขนาดนี้เลยนะ ยอมเลิกกับแฟนที่คบกันแล้วทิ้งช่วงไปเป็นปีเพื่อไม่ให้คนมาด่าว่าชั้น แต่ระหว่างนั้นในใจเขามีแต่ชั้น นี่คือรักแท้.... แต่มองจากมุมแฟนเก่ามันคงเสียความรู้สึกสุดๆอะ ระหว่างคบกับกูอยู่มึงมองหาคนอื่น พอเจอคนนั้นแล้วก็บอกเลิกกูทันทีเลยเหรอ แล้วที่ผ่านมาคืออะไร สถานการณ์มันไม่ใช่การที่เลิกกันไปแล้วเจอคนใหม่หลังจากเลิกกัน แต่มันคือการเจอในระหว่างคบกับแฟนคนนี้อยู่ มันก็จะดูน่าเกลียดอยู่น่ะ
แต่เอาเถอะ เราไม่รู้แบ็คกราวน์ ไม่รู้แฟนเก่าหรือคนนั้นมีปัญหาอะไรกันก็คงพูดได้แค่เนื้อหาที่เขาอยากให้รู้ตรงนั้นเอง ส่วนไอ้พวกพูดด่าแบบล้ำเส้นไประวังได้ครุฑมาเที่ยวบ้าน
>>65 บังเอิญเจอ แต่มีคนนี้เข้ามาอยู่ในใจแทนที่แฟนที่กำลังคบกันอยู่ในเวลานั้น มันก็คือการมองหาคนอื่นนั่นล่ะว่ะ เพราะคุณไม่ได้จดจ่อกับแฟนของคุณอีกแล้ว ถ้ามองแต่แฟนตัวเองจะมีคนอื่นเข้ามาในใจได้ยังไง นี่ไม่เรียกมองหาอีกเหรอ
ถ้าไม่รักหมดรักก็ควรทำตั้งแต่ยังไม่มีใครเข้ามาในชีวิต มันก็เรื่องปกติที่จะเลิกกัน ไม่ใช่เจอคนใหม่ระหว่างคบกันก็รู้สึกไม่รักแฟนแล้วเลยรีบมาบอกเลิกเพื่อจะไปกับคนใหม่
>>62 ก็จริง พอเวลาผ่านไปมันก็เลยไม่ขลังเท่าเมื่อก่อนละ จากนาซี=ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ กลายเป็นนาซี=เหยียดเผ่าพันธุ์ชนชั้น กลายเป็นคำที่มครก็เอาไปใช้แบบิดความหมายกันละต่างจากเมื่อก่อนคือคำต้องห้าม ตอนนี้รัสเซียยังเอาไปด่ายูเครนเพื่อหลอกคนในประเทศว่านี่คือพวกนาซีที่เรากำลังสู้งด้วยเพื่อปลดปล่อยพี่น้องเรา หรือคำว่าเฟมนาซี ที่ไว้ใช้ด่าพวกทำตัวโว้กจนเกินเบอร์แบบไล่ล่ากะล้างบางนั่นแหละ อีกขั้นของเฟมทวิตที่แปลว่าเฟมปลอมปสด.เฉยๆ
>>66 อ่านแล้วสงสัย แสดงว่าถ้ามีแฟนอยู่แล้วแต่เกิดปิ๊งคนอื่นต้องทำไงอ่ะ คือแปลว่าไม่ซื่อสัตย์แต่แรกอยู่แล้วใช่มั้ยอ่ะ คือในความคิดกู ความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ขนาดนั้นอ่ะ แล้วไอ้เรื่องหมดรักไม่หมดมันก็ไม่ได้รู้ตัวกันง่ายขนาดนั้น ไม่รู้ด้วยว่าคบไปอีกห้าวันเจ็ดวันแล้วเกิดไปปิ๊งคนอื่นตอนไหน จะไปเลิกกันก่อนหน้านั้นเพราะคาดว่าจะไปปิ๊งคนอื่นในเร็วๆนี้มันก็ไม่ใช่ว่าจะเดาง่ายขนาดนั้น
สำหรับกูแค่รู้ใจตัวเอง เลิกกับคนเก่าแล้วไปคบคนใหม่ให้มันถูกต้อง ไม่ไปนอกใจระหว่างที่ยังไม่เลิกกันก็ดีแล้ว
>>69 ก็ใช่ไง มีแฟนอยู่แล้วแต่ไปรักคนอื่นก็คือไม่ซื่อสัตย์ มึงงงอะไร ไม่เคยมีแฟนว่างั้น???
ไอ้เรื่องหมดรักนี่มันรู้ตัวง่ายมากเลยนะ อย่างเมื่อก่อนชอบกินข้าวไข่เจียวฝีมือแฟน มึงรักเขาอยู่มึงก็ว่าอร่อยอยากกินทุกวัน แต่พอมึงหมดรักเขา อะไรก็รำคาญ ขวางหูขวางตาไปหมด เลิกทำมาให้กูแดกซักทีได้มั้ย กูเกลียดไข่เจียว ช่วงนี้คือเกิดการนอกใจกันง่ายแล้วเพราะคนเก่าไม่ซาบซ่าเท่าคนใหม่ที่เข้ามาทำให้หัวใจตื่นเต้น วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือบอกเลิกนั่นล่ะ แต่คนที่อยู่ในสภาพแบบนี้ก็คือจะดูเหี้ยๆหน่อยเพราะมึงเป็นฝ่ายนอกใจก่อน
>>71 ความคิดครอบห่าไร ความซื่อสัตย์มันเป็นพื้นฐานของแฟนกันอยู่แล้วป่ะ หรือมึงคบแฟนอยู่ดีๆแล้วเจอคนใหม่ปุ๊บมึงบอกเลิกแฟนเพื่อคบคนใหม่เลยเพราะคนใหม่ดีกว่า ถ้ามึงมีแนวคิดงี้กูขออวยพรให้มึงเป็นฝ่ายโดนทิ้งด้วยเหตุผลนี้เองนะ
กูมีแฟนกูก็ซื่อสัตย์กับแฟนคนเดียวป่ะวะ ใครเข้ามาก็ไม่เคยสน มันคือเรื่องปกติ ถ้าหมดรักแล้วก็บอกเลิกกันให้เรียบร้อยไม่ใช่เอาอีกคนมาเป็นเหตุผลว่ามีเขาเข้ามาอยู่ในใจแทนเธอ อันนี้คือรับไม่ได้ แต่ไม่รักกันแล้วก็ปล่อยไปไม่ได้อยากรั้ง
>>73 มีเหตุผลสุดๆ เลยจ้า แช่งให้กูโดนทิ้งเฉย 5555555 คือมึงเป็นคนนอกในเหตุการณ์นี้อ่ะมึงรู้ได้ไงว่าเค้ารู้ตัวแต่แรกว่าหมดรักแล้วคบอีกคนคั่นเวลา มึงรู้ได้ไงว่าหลังไมค์เค้าไม่เคลียร์อะไรกัน ถ้ามึงซื่อสัตย์กับแฟนกูก็ยินดีด้วยกับชีวิตรักของมึง แต่มึงไม่สามารถเอาความคิดมึงไปตีกรอบชาวบ้านได้ไงว่ามึงต้องทำงี้ๆ ไม่งั้นคือมึงนอกใจกูนะ
เพราะสำหรับกู(และคิดว่าคนอื่นๆ ก็คิดแบบนี้)คือถ้ารู้ตัวว่ามีคนอื่นในใจแล้วหรือไม่ได้รักแล้วก็บอกเลิกให้เรียบร้อยไงค่อยไปคบกับคนอื่นไม่ใช่การคบซ้อนที่ละสองสามคนอ่ะ เพราะถ้าคิดแบบมึงที่ว่าสนใจคนอื่น = นอกใจทันที ชาตินี้มึงก็รักได้คนเดียวทั้งชีวิตอ่ะ
>>75 งั้นกูถามหน่อยสิว่า คบกับแฟนอยู่ มีคนเข้ามาในชีวิตกลายเป็นว่าไม่สนใจแฟนไปแล้ว เอาแต่คิดถึงคนนั้น แบบนี้คือนอกใจมั้ย ก็มึงมีแฟนอะ แต่มึงคิดถึงคนอื่น ความรู้สึกบังคับไม่ได้ก็จริงแต่มึงก็ยังมีแฟนอยู่ ไม่สนใจคนที่คบด้วย นี่เรียกนอกใจป่าววววววววววววววว
กูไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของดาราคนนั้นกับแฟนเลยนะ เอาพื้นฐานคนทั่วไปนี่ล่ะ บนๆกูก็บอกไปแล้วไงว่ากูไม่รู้หรอกว่าแฟนดาราคนนั้นเขาเคลียร์หลังบ้านอะไรกันยังไง บอกมาแค่นี้รู้แค่นี้ก็พูดได้แค่นี้เฉยๆ ไม่ได้มโนแทนอะไรเลยว่าเขาจะมีความสัมพันธ์ดีหรือไม่ดีต่อกัน
ส่วนไอ้เรื่องการแก้ปัญหาด้วยการบอกเลิกเวลาไม่รักกันแล้วนั่นคือสิ่งถูกต้อง ดีกว่าทนคบคาราคาซังกันไปให้พังหนักกว่านี้
>>73 แต่ที่มึงอธิบายมา การมีคนใหม่เข้ามาในใจมันก็คือเหตุผลที่หมดรักกับคนเก่าปะ
เรื่องของคนสองคนมันเป็นเรื่องจังหวะกับโอกาสเลยบางคนเลิกกันไปก็วนกลับมาคบแล้วหวานกว่าเดิมก็มี บางคนคบคนเดียวแล้วอยู่ยาวๆก็มี หรือบางคนมาเจอตอนมีอายุแล้วก็มี
กูไม่ได้ถึงกับบอกว่าการกระทำของเขาดี 100% นะแต่การเลิกกับคนที่คบอยู่เพราะเห็นอีกคนแล้วรู้สึกใช่กว่าบางครั้งมันก็ดีกับฝ่ายที่ถูกบอกเลิกที่จะได้เปิดโอกาสให้ตัวเองเจอคนที่ใช่กว่าเหมือนกันด้วยมั้ย
มันก็จะคล้ายๆกับเคสหมดแพชชั่นน่ะแหละ ทีแรกก็ด่ากันชิบหายเลยกว่าจะเข้าใจความเป็นจริง
สำหรับกูสิ่งที่น่าเป็นห่วงในเคสแบบนี้คือถ้าคนบอกเลิกพูดไม่ชัดเจนคนที่ถูกบอกจะเสีย self-esteem มากๆเพราะตัวเองก็ดูแลเขาดีอยู่แล้วและก็จะโทษตัวเองแทน
>>77 มันก็ตอบยากนะเพราะความสัมพันธ์ของคนเรามันไม่เหมือนกัน ไอ้เรื่องหมดรักเนี่ยมันก็ใช้เวลาพอตัวอยู่นะ เป็นความเหนื่อยความท้อกสิกสะสม วันนึงความรู้สึกก็จางหายไปเอง บางคู่ก็อยู่กันเฉยๆไม่มีความรักอะไรต่อกันรอวันเลิก บางคู่รักกันอยู่ดีๆเจอคนใหม่ที่เข้ากันได้ดีกว่าก็ไปกับเขา บางคู่ทะเลาะกันแรงๆมีความท้อกสิกใส่กัน เจอคนใหม่ก็รู้สึกโอเคกว่า แต่เหตุผลหลักๆคือมึงมีใจให้คนอื่นในระหว่างคบกับคนนี้อยู่ไง แบบนี้ถือว่านอกใจกัน ประเด็นมีอยู่แค่นี้เอง กูก็ไม่เข้าใจว่าข้างบนมันว้อแตกเรื่องอะไร แล้วกูพูดผิดตรงไหนว่านี่คือการนอกใจ หรือมันไม่คิดว่าเป็นการนอกใจวะ 5555555
ทางแก้ที่ดีที่สุดก็คือเลิกกันให้จบๆ ชัดเจนในความรู้สึก เพียงแต่คนเป็นแฟนเก่าถ้าได้ยินเหตุผลประมาณนี้ เลิกมันก็จะจี๊ดๆหน่อยว่ากูดีไม่พอหรืออะไร แฟนถึงไปรักชอบคนอื่นในระหว่างคบกัน
>>79 กูว่ามึงเข้าใจคำว่านอกใจผิดแล้วนะ ถ้าเอานิยามมึง ไอ้เคสที่แอบกิ๊กแอบคุยกันลับหลังแฟนแต่ยังไม่ได้ไปเย้กันนี่ไม่ถือว่านอกใจใช่ป่ะ ก็ยังไม่ได้เย้กันนี่นา แค่คุยกันเฉยๆ ถึงแฟนจะอยู่ข้างๆก็คิดถึงแต่คนนั้น แบบนี้จะเป็นการนอกใจได้ไง เนอะๆ
หวีดดาราในระหว่างมีแฟน ถ้าไม่ได้คิดจะเอาดารามาทำผัวทำเมียมันก็ไม่ได้นอกใจ หวีดพอให้ชุ่มชื่นหัวใจเฉยๆว่าเขาหล่อเขาสวยแสดงหนังดีร้องเพลงเพราะ กูงงตรรกะมึงมากเลยนะ มาโทรลป่ะเนี่ย
อีสัส กูถึงกับต้องไปเปิดพจนานุกรมหาความหมายของคำว่านอกใจ 55555555555555555
นอกใจ (v) be unfaithful, ประพฤติไม่ซื่อตรงต่อกันระหว่างคนที่เป็นคู่รักกัน
นอกใจ = มีความรู้สึกดี ชอบ รัก ใคร่ เสน่ห์หา กับ คนอื่นที่ไม่ใช่คู่ครองของตัวเอง
อะ เลือกเอาละกันว่าความหมายไหน
กูว่าคนในกระทู้นี้ความคิดแปลกดี การที่มีใจให้คนอื่นทั้งที่ยังคบกับแฟนอยู่ ก็คือการนอกใจแล้วป่ะ ไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์กับแฟนว่ายังดีหรือไม่ดีเลยนะ ส่วนไอ้ที่พากันไปเย้บมันคือนอกกายเฟ้ย
>>83 กูรู้ว่าเคสนั้นมันไม่ได้พูดคุยเกินเลยแถมไปเลิกกับแฟนแล้วรักษาระยะห่างไปเป็นปีเพื่อมาจีบคนใหม่ แต่ประเด็นการนอกใจมันอยู่ตรงที่ ก่อนหน้านั้น"คบกับแฟนอยู่" แล้วทีนี้ "มีคนใหม่เข้ามาเลยรู้ตัวว่ารักคนใหม่มากกว่า" ก็เลยบอกเลิก มึงมีใจให้คนอื่นฉันท์ชู้สาวในระหว่างที่มีแฟนมันก็คือนอกใจแล้ว มันคือการไม่ซื่อสัตย์กับแฟนที่คบกันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ได้เกี่ยวว่าจะไม่มีความสัมพันธ์ทางกายหรือทางใจอะไรกันเลย ซึ่งมันคนละเรื่องกับการหวีดดาราที่พยายามยกมานะ มึงเจอหน้าดาราที่มึงหวีดแล้วรู้สึกรักมากอยากได้เป็นผัวนะคะ มึงก็เลยกลับไปบอกเลิกแฟนแล้ววิ่งตามจีบดาราป่ะล่ะ
ถ้าไม่นับเป็นการนอกใจกูถามกลับละกันว่ามึงคบกับแฟนอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างมึงกับแฟนในตอนนั้นเป็นไงไม่รู้ล่ะ แต่แฟนมึงดูสนใจคนใหม่ที่เข้ามาในชีวิต ไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันแม้แต่คำพูดหรือการกระทำ แต่ไปไหนแฟนมึงก็มองแต่เขา ทั้งที่สองคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ไม่ไปคุยหรือไปกินกันลับหลัง แค่แฟนมึงไม่สนใจมึงอีกต่อไปแล้ว ในหัวมีแต่เรื่องเขาคนนั้นทั้งๆที่ยังคบกับมึงอยู่นี่ล่ะ อันนี้เรียกนอกใจมั้ย ถ้าไม่ใช่ก็โอเค นิยามคนเราไม่เหมือนกัน
คลับมันเดย์วันนี้เดือดจังวะ กูหาขนมรอก่อน
แต่สงสัยถ้าเขารู้ตัวว่าชอบคนใหม่ตอนระหว่างคบ เขาก็เลิกกับคนเก่าก่อน เว้นช่วงอีกปีถึงค่อยมีใหม่ พวกมึงจะเรียกนอกใจอะไรแล้วแต่ แล้วมันไม่โอเคกับคนเก่าหรอวะ ส่วนตัวกูถ้าแค่ไปแอบชอบเองไม่ได้สานสัมพันธ์วู้ว้าวอะไรกับคนใหม่ก่อนเลิกก็โอเค คนเก่าจะได้ไม่เสียเวลาชีวิตด้วย มันไปต่อไม่ได้แล้วนี่ งงว่ะ กูไม่ได้ตามประเด็นนี้นะ อันนี้พูดถึงดาราใช่ป่าววะ
การมีใจให้คนอื่นระหว่างคบกับแฟนอยู่ก็คือนอกใจนั่นล่ะ ต้องยอมรับในจุดนี้ก่อน แต่สิ่งที่ตามมาหลังจากนี้มันอยู่ที่การแก้ปัญหานี้ยังไง จะปรับความเข้าใจกับแฟนปัจจุบันแล้วตัดใจจากคนนั้น จะหมดรักหมดใจบอกเลิก จะยื้อไว้แล้วทนอยู่ หรือจะทำตัวเหี้ยๆให้เขาออกจากชีวิตไปเองจะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองผิดที่เป็นฝ่ายนอกใจก่อน ซึ่งกรณีนี้กูก็เห็นว่ารู้ตัวว่าไม่ได้รักก็รีบๆเลิกให้เขาเจอคนใหม่ดีกว่ามาคาราคาซัง เป็นวิธีที่แฟร์ที่สุดในการแก้ปัญหาแล้ว
อ่าว กูชักงงล่ะนะ นี่พูดถึงคู่จิ๊บcกับแฟนฝรั่งชื่อนิ*ลัสกันป่ะวะเนี่ย
กูมาเจอคนตรรกะแบบการมองหาคนอื่นกับคุยเผื่อทั้งที่มีแฟนและแอบทำถือว่ายังไม่นอกใจ ว้าวสัสเลย อีคนสันดานชอบนอกใจมันคิดกันแบบนี้นี่เอง กล้าจะมาปกป้องว่าคนคิดแบบตัวเองไม่ผิดในนี้ด้วย5555
ส่วนตัวกูว่าการที่เราไปสนใจคนอื่นตอนที่ยังมีแฟนมันก็เรียกว่านอกใจจริงนะมึง
ฉอดแต่งแก้เคล็ดก็มา มีคนอึ้งว่าเห็นข่าวเด็กแฝดโดยพ่อแม่จับแต่งแก้เคล็ดเพราะถือว่าเป็นผัวเมียกัน เลยมาแต่งหลอกๆแก้เคล็ดไงไม่งั้นจะมีใครคนนึงป่วย กลายเป็นเปิดประตูผีเกียมโดนเอกุเขตกันได้เลยว่านี่อินเซส555 ตอนนี้ตีกันระหว่างเอจแกปอะคนไม่รู้ไม่ผิดอย่ามาโซตัส กับแม่งข่าวก็บอกชัดว่าแต่งแก้เคล็ดไม่ได้แต่งกันจริง ๆ ยังอึ้งไรอีกนี่กูเกิ้ลก็มีไม่ไปค้นหา มาร้องไรในทวิตวะ
>>92 กูก็ว่างั้นล่ะ ตรรกะของการคบกันเป็นแฟนแบบบาร์ต่ำสุดเลยคือไม่นอกใจป่ะวะ นอกใจน่ะมันเหี้ยจะพยายามมาบอกว่านี่ไม่ใช่การนอกใจไปเพื่อ?? ก็ใจไม่ได้อยู่กับแฟนที่คบกันอีกต่อไปแล้วนี่ล่ะที่เรียกว่านอกใจ แต่ในเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้แล้ว การยุติความสัมพันธ์เลิกกันไปคือทางแก้ปัญหาที่ดีที่สุด ไม่จำเป็นต้องไปอวยอะไรขนาดนั้นเพราะมันก็เรื่องเบสิคเลย หรือจมปลักอยู่กับความเหี้ยมานานแบบคบซ้อน แทงกั๊ก พอมีคนทำอะไรตรงไปตรงมาแบบเลิกเลยทันทีที่หมดรักก็เลยต้องยกย่อง
สำหรับกุ มันฟีลแบบนอกใจ แต่ไม่นอกกาย คือไม่ได้มีคสพกับคนที่มึงกำลังหวั่นไหวนะ ระหว่างที่ยังมีแฟน ไม่ได้ไปจีบ ระหว่างคบแฟน แต่มึงก็แอบสนใจเขามากกว่าแฟนใช่ไหม
ต่อให้สุดท้ายขอเลิกกัน เพราะชอบคนอื่นมากกว่า มันก็เข้าอีหรอบเดิม รักเราไม่มั่นคงพอ มันคือนอกใจน่ะแหละ เพียงแต่คนที่บอกเลิกก่อน เพื่อไปจีบคนใหม่ มันยังดีกว่าคนทำตัวแอบคบซ้อน ดีกว่าแค่หน่อยนึง จีบอีกคน แล้วให้แฟนเป็นของตาย สุดท้ายค่อยมาเลิก แล้วจะยิ่งเลวขั้นสุด ถ้าตอนมันแอบจีบหรือแอบคบซ้อนระหว่่งที่คบแฟน คนรอบตัวมันรู้ และเห็นด้วยกับพฤติกรรมนี้
Ky ขอคั่นหน่อยที่คุยกันอยู่นี่เคสเดียวกักะนสดวายที่นอกใจเเฟนไปกินผัดไทยกันปะรึม่ไใช่
ในนกฟ้าเห็นดราม่า แต่งแก้เคล็ด
น่าจะไม่เข้าใจคำว่าแต่งแก้เคล็ดจริง มันแต่งหลอกดวงแล้วแยกย้ายตามปกติ จัดพิธีเฉยๆไม่มีผลทางกฏหมายด้วยซ้ำ แต่งแก้เคล็ดไม่เท่ากับโยนเด็กใส่ห้องให้ได้กันโว้ย อะไรที่เขาทำแล้วสบายใจ ไม่เดือดร้อนชาวบ้านก็ให้เขาทำไปเหอะว่ะ
>>104 แต่ข่าวมันก็ออกครบนะว่าทำทำไม ทำไปเพื่ออะไร ทำไมยังมีผู้ตื่นรู้มากรี๊ดๆว่าดักดานหรืออินเซสอีกวะนั่น
ถ้าให้เทียบสมัยนี้ก็คงประมาณพวกมูอะ ตั้งวอลเปเปอร์เสริมดวง มีหินเสริมพลัง บนว่าได้นั่นนี่แล้วจะแจกเงิน คือมันก็เป็นเคล็ดความเชื่อในแบบนึงนั่นแหละ ตราบใดที่ยังไม่ทำให้ใครเดือดร้อนแบบลัทธิพระบิดา ก็อย่าไปยุ่งกับเขา
กลัวคนเลียนแบบ คิดว่าแต่งได้จริงเลยจะทำบ้าง?
อ่านประเด็นที่พวกมึงคุยกันเรื่องนอกใจแล้วแอบรู้สึกอิหยังวะนิดๆ
นอกใจ
ว. ไม่ซื่อตรงต่อสามีหรือภรรยาด้วยการคบชู้สู่สาว.
มันก็ตัดสินกันง่ายๆ แค่ถ้าเขาไปแอบคบหากันตอนยังคบแฟนเก่าโดยปิดไม่ให้แฟนเก่ารู้มันก็เป็นการนอกใจ แต่ถ้าเลิกกับแฟนเก่าก่อนมันก็ไม่ใช่ปะ
นอกจากนี้ความรู้สึกดี/ชอบ/รักต่อคนอื่น มันเป็นสิ่งที่เราเกิดกับคนอื่นได้อย่างไม่มีจำกัดคน ไม่ใช่ว่า เรารู้สึกรัก A ไปแล้วเราจะไม่รู้สึกรัก B C D E ได้อีก ต่อให้เรามีความรู้สึกรัก/ชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเรา แต่การเลือกจะไม่ไปสานความสัมพันธ์ลับหลังโดยที่แฟนไม่รับรู้อย่างนั้นต่างหากที่ถือว่าเป็นการไม่นอกใจ (อันนี้เพื่อกรณี polyamory หรือ open relationship ด้วยแล้วกัน) ส่วนเคสนี้ที่รู้สึกว่าชอบแฟนใหม่มาก ทำให้คบกับแฟนเก่าต่อไม่น่ารอดเลยขอเลิกกับแฟนเก่าก่อนก็ค่อนข้างโอเคนะในมุมมองกู (แค่ค่อนข้าง) ฝืนยื้อต่อสุดท้ายก็อาจจะจบที่เลิกกันอยู่ดี+เสียเวลาไปอีกเท่าไหร่ไม่รู้ ถ้าจะไม่โอก็คงมีแค่แฟนเก่าเนี้ยแหละที่น่าจะรู้สึกแย่หน่อย ก็ขึ้นกับคนต้นเรื่องว่าพูดคุยยังไงบอกเลิกยังไงเลิกกันด้วยดีไหม
อีกอย่างการคบกันเลิกกันความจริงแม่งก็เป็นเรื่องของพวกเขาอะนะ คนเรามันร้อยพ่อพันแม่ บางอย่างเราอาจมองว่าไม่ดี แต่พวกเขาโอเค ถ้าทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่แล้วก็คนต้นเรื่องมันโอเคที่ลงเอยแบบนี้มันก็คงไม่มีปัญหา บางคู่เลิกกันเพราะเห็นตรงกันว่าเข้ากันไม่ได้ จบกันด้วยดีกลับมาเป็นเพื่อนกันมันก็มี ไม่ใช่ว่าพอคบกันแล้วมึงต้องอยู่ด้วยกันไปตลอดจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะนอกใจถึงจะเลิกได้นะ
>>107 กูมองว่าการไปรู้สึกรักชอบในเชิงชู้สาวกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนคือการนอกใจว่ะ ซึ่งในเคสนี้เขาก็ให้สัมภาษณ์เองว่าเขา love at first sight กับตัวผู้หญิงคนนี้เองเลยจนต้องบอกเลิกแฟนเพื่อมาคบ การที่คนเรามีแฟนอยู่แต่ยังตกหลุมรักคนอื่นอย่างจริงจังขั้นเจอหน้าแล้วหลงรักมึงว่ามันไม่ใช่การนอกใจจริงดิ แล้วเคสที่มึงบอกมันคนละเรื่องกับการมีความรู้สึกดีๆหรือความรักในรูปแบบอื่นๆให้คนอื่นนะ มึงกำลังเอามาปนกันรึเปล่า
มีความรู้สึกดีๆให้คนนึง = ไม่ต้องพัฒนาความรู้สึกนี้ไปเป็นความรักแบบชู้สาวก็ได้ อย่างการชื่นชมคนนี้ว่าทำงานเก่งจัง คนนี้ดูพึ่งพาได้ คนนี้กริยามารยาทนุบนิบน่ารักไปหมด แต่ถ้ารู้จักยับยั้งชั่งใจไม่สานต่อความรู้สึกมันก็ไม่ใช่การนอกใจป่ะ ไม่งั้นกูคงต้องตกหลุมรักทุกคนที่ทำให้กูใจเต้นตั้งแต่ปากซอยบ้านยันที่ทำงานเพียงเพราะเขามาทำให้กูรู้สึกดี
อีกอย่างไอ้เรื่องรู้ตัวว่าไม่สามารถไปต่อกับแฟนคนนี้ได้เลยบอกเลิกมันคือวิธีแก้ปัญหา ไม่ได้สามารถลบล้างความผิดที่ไปหลงรักผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่แฟนได้ด้วยการบอกนี่ไม่ใช่การนอกใจเพราะบอกเลิกเลยทันทีที่รู้ตัว นี่มันรู้ตัวว่ากำลังนอกใจเลยบอกเลิกจะได้ไม่ต้องมาทนทรมานกันไปทุกฝ่ายต่างหาก
กูรู้สึกเหมือนมีคนกำลังพยายามทำให้การไปรู้สึกรักคนอื่นมากกว่าแฟนที่คบกันเป็นเรื่องถูกต้องด้วยการบอกว่ามันไม่ใช่การนอกใจอยู่นะ ไอ้เรื่องคบกันแล้วก็ไม่นอกใจอย่างการไม่มองคนอื่น ไม่ไปรักชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนมันควรเป็นบาร์ต่ำสุดในการคบกันแบบแฟนเลยไม่ใช่เหรอ พวกพยายามมาดีเฟนด์ว่ารักชอบคนอื่นมากกว่าแฟนไม่ใช่การนอกใจ พอมึงมีแฟนมึงก็จะมองคนอื่นเปรียบเทียบกับแฟนตลอดเลยหรออออ มึงมองหาใครอยู่ตลอดเวลาทั้งที่มีแฟนว่างั้น เจอใครที่ดีกว่า สวยหล่อกว่าก็พร้อมจะสลัดแฟนทิ้งแล้วไปหาเขาแทนงั้นสิ ถ้าแฟนคนนี้ไม่โอเคแล้วคบต่อทำไม ทำไมต้องให้คนเข้ามาใหม่กระตุ้นให้รู้ตัวว่ากูไม่รักแฟนกูแล้ว กูรักคนเข้ามาใหม่มากกว่า
รักชอบคนอื่นมากกว่าแฟนคือนอกใจค่ะเตง แต่อยู่ที่มึงจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงและแบบไหน จะบอกเลิกให้จบเพราะรู้แล้วว่าใจไม่อยู่กับแฟนอีกต่อไปแล้ว จะแก้ปัญหาด้วยวิธีเหี้ยๆแบบคบซ้อนหรือโกหกหลอกลวง หรือจะตัดใจแล้วหันมาปรับความเข้าใจกับแฟน ซึ่งการบอกเลิกตอนที่รู้ว่าตัวเองไม่ได้รักแฟนแต่รักคนอื่นมากกว่าก็เป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้วไง ทำถูกแค่เรื่องนี้เท่านั้นล่ะ
ขอสอบถามเพิ่ม จากคีย์เวิร์ดหลักที่ว่ารักหรือคนอื่นมากกว่าแฟนตัวเองก็ถือว่านอกใจแล้ว ถ้าคนอื่นที่ว่าคือศิลปิน/ไอดอล/ดาราถือเป็นการนอกใจเหมือนกันมั้ย? อย่างเคสที่คุยกันก็ปิ๊งดารา หรือแม้แต่เคสที่ติ่งจนแฟนตัวจริงรู้สึกถึงการปฏิบัติชัดเจนจนเกิดคำถามว่าระหว่างคนที่เธอติ่งกับเค้าจะเลือกใครด้วย (อันนี้มองรวมถึงตอนท้ายทั้งเคสแบบได้คบและไม่ได้คบแต่ติ่งต่อด้วยนะ ) ถ้าเป็นนี้มองกันว่ายังไงอะ
>>112 เคสที่ชอบดาราจนแฟนหึงมันก็มองได้ในแง่ว่าไปแสดงออกแบบไหนให้เขาเห็น ชอบมากเอาแต่พร่ำเพ้อหาดาราคนนั้นจนละเลยแฟนรึเปล่า หรือแฟนมันงี่เง่าไปเองว่าห้ามไปสนใจใครมากกว่าฉัน
แต่ไอ้เคส 24 มันคือการแบบ เจอหน้าแล้วตกหลุมรักคนนี้จนต้องไปเลิกกับแฟนเพื่อมาตามจีบ มันเป็นคนละอย่างกับการกรี๊ดดาราข้างบนนะ จุดร่วมคือชื่นชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเหมือนกัน แต่แฟน 24 เลือกจะสานต่อความรู้สึกนี้ไปในทางโรแมนติค ส่วนไอ้กรี๊ดๆดาราแบบที่ติ่งทั่วไปกรี๊ดมันก็เป็นแค่การกรี๊ดของแฟนคลับเฉยๆ เป็นเรื่องของความชอบส่วนตัว ไม่ได้คิดจะไปเป็นแฟนกับดาราคนนั้น ก็ฟีลเดียวกับผู้ชายชอบวงดนตรี ชอบนักฟุตบอลเมสซี่ โรนัลโด้ ก็ชอบไง คลั่งไคล้เทิดทูนความเก่งความเท่ แต่อยากเป็นผัวเมสซี่มั้ยล่ะ จุดต่างมันอยู่ตรงนี้ไง
>>113 งั้นขอถามเพิ่ม ไม่ต้องมองไกลระดับติ่งคนนอกประเทศนะเอาแค่ชาติเดียวกันนี่แหละ
ถ้ามีเหตุการณ์ A ติ่งศิลปิน/นักร้องคนนึงมานานแต่ A ก็คบกับแฟนหวานกันดีมาตลอด วันนึง A รู้ว่าเมนตัวเองโสดเพิ่งเลิกกับแฟน A เลยบอกเลิกกับแฟนตัวเองเพื่อมาจีบเมนตัวเอง ถ้าเป็นเคสนี้มองว่าอย่างไร
>>116 ถ้า A ไปถึงระดับที่รู้ข่าวเมนตัวเองเลิกกับแฟนปุ๊บ A ก็ทิ้งแฟนปั๊บเพื่อตามจีบเมนมัน หวังอยากเป็นแฟนกับเมนก็แปลว่ามีแต่เมนอยู่ในใจมานานแล้วป่ะวะ มันก็แปลว่า A คิดนอกใจแฟนมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แฟน A ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรกับ A มากเท่าไหร่เพราะดูจะทิ้งได้ง่ายๆเพียงเพราะ A รู้ว่าเมนโสดแล้ว ถ้า A รู้จักยับยั้งชั่งใจหรือมีเยื่อใยกับแฟนคงไม่ทิ้งแฟนง่ายๆเพื่อตามคนที่ตัวเองคลั่งไคล้มาตลอดแบบนั้นหรอก
>>115 สำหรับกู ไม่อิงนิยามใดๆ ถ้าแฟนกูรักคนอื่นแล้วบอกกูเพราะอยากถอย คือขอเลิก โดยที่ไม่ได้แอบไปคุยไปนอกกายคือไม่ผิด คนเรามันห้ามความรู้สึกกันไม่ได้หรอก ไม่รักแล้วก็คือไม่รัก มันเป็นสิทธิของเจ้าตัวโดยชอบธรรม เพราะถ้ากูรู้สึกรักคนอื่นมากกว่าแฟนที่คบอยู่ กูก็จะทำเหมือนกัน กูอาจจะไม่ได้มองความรักว่ามันเป็นการครอบครองอีกฝ่ายให้รักกูคนเดียวตลอดไป เพราะกูเชื่อว่าความรู้สึกคนเรามันบังคับกันไม่ได้ แต่อย่าเห็นแก่ตัว ทำเรื่องลับหลังกันก็พอ
สำหรับกู รักกับเงี่ยนมันคนละเรื่อง ไอ้ที่แบบชอบอีกคนเพราะเงี่ยนแล้วไปแอบคุยแอบเยกันอันนี้กูว่าผิด แต่สำหรับคนที่ถ้ารู้ตัวว่าความรู้สึกเปลี่ยนไปแล้วขอถอยก็เข้าใจได้ ถามว่าเจ็บมั้ย มันเจ็บแหละ แต่กูว่าเขาไม่ผิด ไม่ได้นอกใจ เพราะนอกใจสำหรับกูคือไปคุยไปสานสัมพันทั้งที่ยังมีกูอยู่ แต่ถ้าแค่คิดหรือรู้สึก กูไม่รู้สึกว่าถูกนอกใจ และไม่อยากให้ใครมาบอกว่าการทำแบบนี้มันผิด ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุดแล้วในเวลาที่ความรู้สึกมึงเปลี่ยน จะฝืนคบกันต่อเพื่อความซื่อสัตย์ในมโนไปทำหอกอะไร ดีกว่ามาหาเรื่องให้เลิกกัน หรือทนอยู่ด้วยกันไปวันๆทั้งที่ไม่รักกูแล้ว แบบนั้นกูเรียกเหี้ย ทำคนอื่นเสียเวลา
แต่ละคนที่ออกมาพูดเรื่องบาร์ต่ำบาร์สูง มีแฟนอยู่แล้วห้ามมองคนอื่นห้ามรู้สึกกับคนอื่นเลยนี่เคยมีแฟนหรือเคยรู้สึกรักชอบจริงๆจังๆมั้ย เอาความคิดแบบในอุดมคติมายกเป็นบาร์ต่ำสุดแล้วแผะผ้ายคนอื่นว่า นอกใจๆๆๆนี่มึงเคยออกมาเจอโลกบ้างมั้ยเนี่ย คสพ.ของมนุษย์มันไม่ได้มีแค่คนสองคนชอบกันเป็นแฟนกันนะมึง ถ้าอย่างกรณีที่รักคนนึงอยู่แล้วเขามีแฟนอยู่แล้ว เราทำอะไรไม่ได้นอกจากหักใจแต่ยังรักเขาอยู่ ความรู้สึกรักมันไม่ใช่ปากบอกว่าโอเค อินี่มีแฟนแล้วกูมูฟออนละกันเสร็จแล้วก็เลิกรักได้เลยนะ ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ป้อนข้อมูลใส่ข้อมูลออกก็จบหรือเป็นเกมที่แค่รีเซตเกมก็เริ่มใหม่ได้นะมึง แล้วระหว่างนั้นลองเปิดใจไปคบคนอื่น มีความชอบพอกันคสพ.ไปด้วยกันได้ดี แต่ถามว่าในใจยังรักคนนั้นอยู่มั้ยก็ยังรักอยู่แต่ไม่ได้คิดไปสานต่อกับเขา แต่ต้องใช้เวลาเยียวยา แต่คือเขาข่ายที่พวกมึงพูดไง ถ้ามีแฟน => ในใจรักคนอื่น = นอกใจ งั้นแบบนี้ก็เรียกนอกใจด้วยเหรอ พวกมึงแปะป้ายคนอื่นกันจากความคิดอุดมคติของตัวเองกันง่ายๆแบบนี้เลยอะนะ ถ้ามีผัวแล้วโดนบังคับให้ออกจากงานหาเลี้ยงตัวเองไม่ได้ ผัวแม่งท็อกซิกสัส อยากเลิกก็เลิกไม่ได้ติดเรื่องลูกเรื่องเงิน วันนึงมีคนยื่นมือมาช่วยเหลือแล้วเราเกิดความรู้สึกรักเขาแต่ไม่ได้ไปสานต่ออะไร เก็บไว้ในใจแค่นั้นก็เรียกนอกใจเหรอ ความรัก ความรู้สึก สภาพแวดล้อมของแต่ละอย่างมันเอาบาร์ต่ำสุดอย่าง มีแฟนแล้วห้ามมองคนอื่นห้ามรักคนอื่นไม่งั้น = นอกใจมาใช้ไม่ได้ปะมึง
>>118 ก็เขาไม่สนมึงแล้ว ไม่รักมึงแล้ว รักคนอื่นนอกจากมึงตอนที่ยังคบกับมึงก็นั่นล่ะที่เรียกว่านอกใจและมันผิด ความรู้สึกเปลี่ยนไปไม่จดจ่อกับมึงอีกต่อไปแล้วไง การบอกเลิกก็คือการแก้ปัญหา กูก็ไม่ได้บอกว่าห้ามเลิกให้ฝืนทนคบนี่หว่า กรณี 24 มันดีตรงที่รู้ตัวเร็วเลยรีบบอกเลิกก่อนที่อะไรๆจะเลวร้ายขึ้น
มึงมองไม่ผิดก็เรื่องของมึง แต่สำหรับกูคือผิด เพราะกูถือว่าบาร์ต่ำสุดของการคบกันในรูปแบบแฟนและคู่ผัวตัวเมียคือการซื่อสัตย์และไม่สนใจใครอีกนอกจากคู่ตัวเอง คนที่ห้ามความรู้สึกไม่ได้นั่นล่ะผิด แต่ผิดมากผิดน้อยคืออีกเรื่อง ไม่งั้นแต่งงานไปก็มาระแวงว่าผัวกูจะไปรักแรกพบกับใครตลอดเวลารึเปล่า กูต้องมาทนฟังคำบอกเลิกจากแฟนทุกคนที่เข้ามาในชีวิตเพราะเขาเจอใครที่ดีและเข้ากันได้มากกว่าใช่มั้ย มันก็มีคำถามต่อว่าในเมื่อกูไม่ดีแล้วจะคบกับกูทำไม กูไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น และกูคิดว่าจะไม่ทำแบบนั้นกับใคร ถ้าจะหมดรัก หมดใจ อยากเลิกก็ให้เป็นสิ่งที่มาจากความรู้สึกกูเองที่สะสม ไม่ใช่มาจากการที่กูเจอใครที่ถูกใจกว่าก็ไปกับเขา กูมีมาตรฐานชีวิตคู่แบบนี้ล่ะ แต่กับคู่อื่นก็ไม่รู้
มึงเคยอ่าน yumi cell ป่ะ ในเรื่องมันมีตอนที่นางเอกกับแฟนคนนึงคบกัน แฟนคนนั้นทำร้านกาแฟมั้ง มีเด็กลูกจ้างคนหนึ่งเข้ามาในชีวิต สองคนนี้ยังไม่มีอะไรเกินเลยกัน ไม่คุยไม่แชทอะไรนอกเวลางานด้วย เป็นลูกจ้างที่ใกล้ชิดสนิทกันดี แฟนนางเอกเริ่มเห็นว่าลูกจ้างคนนี้น่ารักจัง แต่ไม่ได้จีบหรืออะไรเลยนะ นางเอกก็ไม่ค่อยมีเวลาให้แฟนเพราะทำงานและเพิ่งย้ายงาน เด็กลูกจ้างก็แอบชอบแฟนนางเอกมากจนลาออกเพราะกลัวจะไปแย่งแฟนคนอื่นเข้า แต่ยังแอบโทรหาตอนเมาว่าชอบคุณค่ะ แฟนนางเอกก็เอาแต่คิดเรื่องเด็กลูกจ้างคนนั้นไม่หยุด จนนางเอกต้องบอกเลิกเอง สถานการณ์คือไม่มีอะไรเกินเลยแม้แต่นิด ไม่ได้จีบได้หยอด แต่ในหัวเขามีแต่เรื่องคนคนนั้นไม่สนนางเอก อันนี้มึงนับเป็นนอกใจมั้ย หรือไม่ใช่เพราะไม่ได้ไปเยไปแอบคุยแอบกิน แค่คิดถึงแต่เธอคนนั้นจนไม่สนใจแฟนที่คบกันอยู่อีกต่อไปแล้ว ก็เนี่ย ตรงตามคำพูดมึงเลยว่าไม่ได้ไปสานสัมพันธ์กัน
>>119 อย่างน้อยกูก็มีผัวแล้วอะนะ ก็หวังให้ผัวซื่อสัตย์กับกูเหมือนที่กูทำไง ถ้าทำไม่ได้ก็แยกย้ายมูฟออนไปแค่นั้น บางคนกูก็ว่าแปลกๆนะ เหมือนไม่อยากได้คู่ครองที่ซื่อสัตย์กับตัวเอง ต้องแอบมองหาคนอื่นที่ดีกว่าแล้วพร้อมจะตีจากได้ทุกเมื่อถ้าเขาเจอคนนั้นแล้ว ก็รู้ไงว่าความรู้สึกมันเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ แต่อย่างน้อยกูก็อยากได้คนรักที่ซื่อสัตย์กับกูป่ะ หรือมึงไม่อยากได้วะ โอ้ ใจกว้างสุดๆ
>>120 อันนี้สำหรับกูเรียกรู้สึกแย่ แต่ไม่ได้แปลว่าแฟนนอกใจ เราไม่จำเป็นต้องแปะป้ายความผิดให้คนอื่นเวลาที่เขาขอเลิก สำหรับกูคนเราถึงจะรักกันแค่ไหน แต่มันก็ต้องมีพื้นที่ส่วนตัว สิทที่จะรักจะชอบใครในการตัดสินใจของตัวเอง สุดท้ายต่อให้แต่งงานมันก็ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับความรู้สึกนั้นได้อยู่ดี กูไม่ได้ห้ามให้ใครเสียใจ แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับการแปะป้ายความผิดให้คนอื่นแบบนี้ ในเมื่อเขาไม่ได้ทำอะไรลับหลังเรา หรือไม่ได้ทำอะไรที่สื่อถึงการนอกใจ แค่คิดอ่ะ กูว่ามันไม่ผิด
>>120 สริมอีกหน่อย กูไม่ได้ใจกว้าง แต่กูคิดตามหลักความเป็นจริงของคนเราอ่ะ ว่าเรื่องนี้มันห้ามกันไม่ได้ การที่เราเริ่มชอบคนอื่นที่เข้ากับเรามากกว่ามันเกิดขึ้นได้ แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะเป็นการมองหาคนอื่นใหม่ๆไปเรื่อยๆ เข้าใจมั้ย คบกันเพราะรักกัน แต่พอสถานการณ์มันเปลี่ยนเจอคนที่ใช่มากกว่าเลยขอแยกทาง มันคนละอย่างกับพวกคบเผื่อเลือก ที่กููว่ามันไม่ผิดแต่เหี้ยมากๆ เป็นการคบที่ไม่บริสุทธิ์ใจต่อกันอ่ะ ไอ้สัสแบบนั้นกูก็โคตรเกลียดเลย กูว่ามึงคงหมายถึงอย่างหลังป้ะ ที่มึงว่าผิดอ่ะ
อันนี้มันเรื่องส่วนตัวคนอื่น คู่ใครพอใจยังไงก็พอใจยังงั้นไปสิ จะไปบังคับขี้หน้าว่าเขานอกใจทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลยได้ยังไง การกระทำก็ว่าไปอย่าง แต่นี้จะเข้าไปฉอดจิตใจคนอื่นที่เขาคิดในหัวตัวเอง กูว่ามันเกินไปนะ
เทียบกับไอดอลข้างบนแล้วกูรู้สึกถึงคำว่าคนละมักกะโรนีขึ้นมาเลย ถ้าบาร์ต่ำถึงขั้นห้ามมองใครเลยการชอบไอดอลน่าห.อ.ม.ก็ต้องผิดด้วยสิ
>>121 ก็ดูเป็นเคสบายเคสไป ถ้าต่างฝ่ายต่างยินยอมจบความสัมพันธ์เองเพราะรู้ว่าไปไม่รอด ต่างคนต่างแรงและงี่เง่าใส่กัน เลิกเพราะหมดรักไปแล้วเลยบอกเลิก มันจะไปแปะป้ายว่าอีกฝ่ายผิดได้ไง
แต่ถ้าเลิกเพราะมีใครซักคนเข้ามาในชีวิตของเขา เราไม่ใช่สิ่งที่เขาเอาไว้เป็นอันดับแรกๆที่มีความสำคัญกับเขาอีกต่อไปแล้ว มีคนนั้นสำคัญกว่ามาแทนที่ของเราไป ถึงจะยังไม่เกินเลยไม่ทำอะไรลับหลัง แต่อันนี้คือต้องด่า คุณปล่อยให้ใครเข้ามามีอิทธิพลในใจกว่าเราแล้วจะคบเราเป็นแฟนทำไมอะ คุณก็ไปคบกับใครที่คุณเห็นว่าดีและคุณให้ความสำคัญกว่าไปสิ บอกไปแล้วว่ากูไม่ได้ใจกว้างขนาดนั้น ทางออกในเรื่องนี้ก็คือเลิกไง กูก็งงว่ากรณีนี้มันไม่ผิดยังไง ก็มึงเป็นคนโดนกระทำชัดๆ เพราะแฟนมึงเป็นฝ่ายเริ่มก่อน มึงมีสิทธิ์จะด่ามัน แต่ไม่อยากด่าก็เรื่องของมึง เป็นกูกูด่า 5555555555
>>123 โง่ป่ะเนี่ย ตีความไม่ออกเหรอว่ากูหมายถึงอะไร ชอบไอดอลแล้วกระสันอยากได้ไอดอลคนนั้นเป็นเมียเป็นผัวจนตัวสั่นด้วยมั้ย แบบเคสเมสซี่น่ะ ผู้ชายคลั่งไคล้เมสซี่ มีเสื้อมีโปสเตอร์บินไปดูบอลที่เมสซี่เตะ นั่นมันก็ความชอบของเขา แต่ถ้าคิดจะเอาเมสซี่เป็นผัวอยู่ทุกลมหายใจก็อีกเรื่องนึงละ คนละมักกะโรนียังไง
ห้ามมองใครมันหมายถึงห้ามมองในเชิงชู้สาวโว้ย ไอ้ประเภทมองแล้วเออ น่ารักดี ชื่นชอบ ติดตามผลงาน เป็นแฟนคลับซัพพอร์ตอยู่ไกลๆ แล้วก็ผ่านเลยไปไม่ได้คิดอะไรต่อ กับมองว่าน่ารักดี อยากได้เป็นเมียจังคับ คิดถึงคุณคลั่งไคล้คุณแต่ผมมีแฟนอยู่แล้วอ่า แต่ก็ชอบคุณมากกว่าแฟนอีกนะครับ มึงไปตีความว่ายังไงเนี่ย เกิดมาไม่รู้จักความรักแบบแฟนกับรักดารานักร้องเหรอถึงแยกไม่ออกว่ามันเป็นคนละอย่างกัน 55555555555555555
กูถามจริงนะเทียบว่ามีแฟนแล้วแต่ชอบดาราไอดอลว่ามันถือว่านอกใจไหม คือคนเรามันแยกรูปแบบความรักไม่เป็นขั้นนี้ละอ่อ กูหายสงสัยละทำไมนักฉอดแม่งเห็นคำว่าพี่น้องรักกันละมันยัดคำว่าอินเซสทันที
หรือคนส่วนใหญ่เดี๋ยวนี้ชอบไอดอลคือชอบแบบเป็นเจ้าของเป็นแฟนมโนว่าเป็นเมียเขาเลยคิดว่าคนอื่นก็คิดงี้
>>125 กูก็มโนไอดอลเป็นผัวอยู่บ่อยๆนะ ไปดูคอนผัวก็ขับรถไปส่งบางทีก็ไปดูด้วยกัน แต่กูก็ไม่ได้อยากเอาไอดอลมาทำผัวจริงๆอะ มีคนข้างๆดีอยู่แล้วจะไปมองหาใคร ไอดอลมันก็แค่อาหารตาให้เจริญตาเจริญใจป่ะ กูล่ะเชื่อเลยที่มีคนเอาเคสดาราไอดอลมาถามว่าชอบดาราเป็นการนอกใจมั้ย ไม่รู้โง่จริงหรือปั่นหรือโทรล แต่โง่ระดับนี้คงแค่โทรลแหล่ะ มองโลกในแง่ดีว่าใครจะโง่ขนาดนั้นวะที่จะแยกการติ่งไอดอลกับการนอกใจแฟนไม่ออก
>>126 กูก็หวังว่ามันแค่โทนล ไม่ควรมีคนโง่ขนาดนั้นอยู่จริง555
เออ ละที่บนๆ มีบอกว่าถ้ามันคิดไปแล้วห้ามไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่มีงรู้คนเดียวในใจในหัวมึงอะ แฟนจะไม่มีทางรู้แน่นอนหากมึงไม่เริ่มแสดงออกไง ถ้าในเมื่อมันยังเป็นแค่ความคิด คนอื่นจะไม่มารับรู้กับมึงแน่ๆ แต่ถ้ามึงออกอาการจนทำให้รู้ก็แสดงว่าไม่ห้ามตัวเองไม่ได้ตัดแต่ต้นลม
อีประเภทน้อยใจแฟนมีเล็กมีน้อยแต่จริงๆก็ยังรับได้ พวกนี้ก็ควรเลิกฟูมฟายไปเที่ยวเล่าร้องไห้ให้เพื่อนมึงปลอบนะ ทำเพื่อนเป็นหมา
นี่ห้องซับคัลเจอร์หรือห้องปัญหาหัวใจในไลฟ์สไตล์วะเนี่ย
ขอให้เวลามีแฟนมึงไม่ต้องเจอคนตีความการคบกันแบบอีกฝั่งละกัน ฝั่งนึงก็มองการตกลงคบกันเป็นสัญญาที่ต้องปฏิยัตตามเคร่งครัด อีกฝั่งก็มองการคบกันเป็นกานทดลองเปิดปสก.ชีวิตถ้าไม่เข้ากันหรือเจอชอยซ์อื่นก็เลิก ก่อนคบกันไม่คุยกันดีๆนี่มีปัญหาที ปวดหัวตาย 55
>>137 ใช่ ถ้าไม่ทำก็คือยังไม่ผิด แต่สำหรับเรื่องความรักถ้ากูเจอแบบนี้กูคงขอให้ห่างกัน ดูใจตัวเองกันมากกว่า ว่าแค่หวั่นไหว หรือมึงเจอคนใหม่ที่ชอบจริงๆ ใดๆคือ การบอกตรงๆมันดีนะสำหรับกู มันให้เรามีสิทธิตัดสินใจ และไม่หลอกลวงเราอ่ะ คือถ้าใจมันไปแล้วมันก็คือไปแล้วไง บอกตรงๆสำหรับกูคือถือว่ามึงไม่อยากทำผิดกับกู เพราะงั้นกูถึอว่ามันไม่ใช่การนอกใจ ก็แค่การตัดสินใจของคนเราเวลาที่ใจมันเปลี่ยนอ่ะ สำหรับกูมันทำอะไรไม่ได้ และไม่มีใครผิดด้วย
คือกูมีภาพจำว่าการนอกใจก็คือลงมือทำไปแล้วน่ะนะ เวลาดูหนังหรือดูข่าวอะไรพวกนี้ พอมีข่าวว่านอกใจจะเป็นแบบลงมือปฏิบัติไปแล้วหมดเลย ไม่เคยเจอกรณีแบบคิดอย่างเดียวก็ถือว่านอกใจน่ะ 555
พอรู้ว่ามีคนคิดแบบนี้ก็เปิดโลกเหมือนกัน แบบ เออ กูจะได้จำไว้ว่าแบบนี้คือนอกใจด้วย
แต่ใดๆอยากให้คุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันดีๆ อย่าแซะ อ่านๆไปบางคนจะเหมือนนักฉอดที่มานินทากันในนี้แล้วเนี่ย
>>138 กูมองว่ามันนอกใจเพราะถือเรื่องความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานของชีวิตคู่ไง ใดๆคือมึงไม่ได้ให้ความสำคัญกับกูอีกต่อไปแล้ว ไปสนคนอื่นมากกว่าก็คือนอกใจ
พวกนอกใจเนี่ย ทีแรกก็แค่คิดไง คิดเฉยๆ ไม่มี้ไม่มีอะไรจริงจริ๊งงงงงงง ก็แค่คิดป่ะ แต่พอความรู้สึกนั้นมันเกิดขึ้นในใจแล้วมันไม่มีทางอยู่นิ่งๆหรอกว่ะเพราะมันผ่านด่านความยับยั้งชั่งใจมาหมดแล้ว มันก็จะเข้าสู่ด่านต่อไปคือปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับจะเป็นตอนไหนและยังไง พอรู้ตัวมันก็ไปคบกันแล้ว มนุษย์มันไม่ได้อดทนกับสิ่งเร้าขนาดนั้น เช่นเมียอยู่บ้านแรกๆคบกันก็น่ารักดี แต่งงานกันไปอ้วนแล้ว ไม่สวย ขี้บ่น หุ่นไม่ดี แก่ก็แก่ พอมีสาวหน้าใสเข้ามาในใจก็เริ่มเปรียบเทียบเมียกับน้องหน้าใสละ เริ่มเบื่อเริ่มเห็นเมียเกะกะลูกตา เจอน้องหน้าใสทุกวัน น้องพูดคะขาออดอ้อนไม่บ่นแบบอีเมียแก่ ไปกับน้องหน้าใสดีกว่า อยู่ด้วยแล้วเพลิดเพลินเจริญใจ พวกเคสนอกใจก็เริ่มจากการที่มีพื้นที่ในใจให้คนอื่นมากกว่าแฟนตัวเองทั้งนั้นนะ
>>137 กูคิดใกล้เคียงกับมันนะว่าถ้าคุยกันได้แล้วไม่ลงมือทำก็พอ รับไม่ได้ก็เลิกกันหรือห่างกันซักพักให้คิดได้คือดีกับทั้งคู่แล้ว ความรักไม่ใช่เรื่องถูกหรือผิดฝ่ายเดียวซักหน่อย ให้คุมความคิดแบบนั้นจะหาผัวหรือพระกัน แต่คนเราก็ตั้งสเป็คได้ไม่ผิดนะ กูแค่ไม่คิดว่ากูคุมความอยากความเงี่ยนในใจได้ก็ไม่คิดว่าจะมีแฟนที่คุมใจหรือสายตาได้หมด คงเพราะงี้มั้งกูถึงดูหนังโป๊กับแฟนได้ กูกับมันบอกหมดว่าชอบแบบไหนแล้วเปิดโลกกันและกันด้วย เล่าให้เพื่อนฟังมีแต่คนไม่เข้าใจ
>>140 slipy slope ไปมั้งว่าทำอย่างนึงแล้วจะทำไปสุดโต่งทั้งชีวิต นึกถึงอ.แนะแนวที่เคยด่ากูเลยว่าใส่ยกทรงสีแล้วโตไปจะแรดขายตัวเล่นหนังโป๊ กูจำมาถึงวันนี้เลยว่าวันนั้นร้องไห้หนักขนาดไหน คิดแต่พอดีว่าคนเรารู้ลิมิตว่าอะไรควรทำไม่ควรทำเถอะ
>>140 กูไม่รู้ว่ามึงคือคนเดียวกับความเห็นบนๆที่บอกว่าแค่คิดถึงคนอื่น = นอกใจ รึเปล่านะ แต่แนวคิดแบบนี้อ่ะค่อนข้างโลกแคบ และเพ้อเจ้อมาก
เหมือนหลักการของมึงไม่ได้รันอยู่บนความเป็นจริงอ่ะ มันขาดความเข้าอกเข้าใจ และมองอะไรด้านเดียวเพื่อตอบสนองศีลธรรมความเป็นคนซื่อสัตย์ในอุดมคติ มึงสร้างข้อปฎิบัติขาว-ดำขึ้นมา โดยขาดการประยุกต์ใช้หลักการอื่นๆ ทำให้มึงไม่สามารถมองคนให้เป็นคนจริงๆได้ เหมือนมึงมองมนุษย์เป็น AI ที่ถ้าทำตามคำสั่งที่ถุกป้อนไว้ได้ = ดี ทำไม่ได้ = เลว อะไรแบบนั้น ถ้ามึงไม่สามารถเปิดรับแนวคิดอื่น และมองให้กว้างโดยพยามทำความเข้าใจปัจจัยอื่นได้ มึงจะไม่มีวันเข้าใจโม่งที่มึงกำลังเถียงด้วย และมึงจะมองว่ามันกำลังหาข้อแก้ตัวให้กับพวกนอกใจตลอดไป
>>143 ต่อ
ประเด็นอย่างแรกที่ฝ่ายที่บอกว่าคิดถึงคนอื่น = นอกใจ ควรทำความเข้าใจคือ “ปกติแล้วมนุษย์ไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของตัวเองได้ 100%” มีแค่การกระทำเท่านั้นแหละที่มึงสามารถควบคุมได้ พวกที่บอกว่าพอมีแฟนแล้วก็ไม่รู้สึกกับคนอื่นอีกเลย ไม่ได้หมายความว่ามึงสั่งให้มึงหยุดรู้สึกได้นะ มันเพราะว่ามึงยังไม่เจอคนที่จะทำให้มึงรู้สึกได้ขนาดนั้นมากกว่า มึงเลยคิดว่าตัวเองควบคุมใจไม่ให้ไปชอบใครได้แล้วก็เอาเรื่องนี้มาขิงชาวบ้านว่าตัวเองซื่อสัตย์เหลือเกิน
ในความเป็นจริงแล้ว เวลามึงชอบใครซักคน สมองที่ทำหน้าที่ที่เกี่ยวข้องก็จะเริ่มถูกกระตุ้นซึ่งจะนำไปสู่การหลั่งฮอร์โมนออกมา และนั่นก็คือปัจจัยที่ทำให้มึงรู้สึก positive กับคนนั้น มันก็เป็นที่มาของรักแรกพบน่ะแหละ การที่มึงคิดถึงคนนั่นบ่อยมันก็คือการกระตุ้นสมองมึงทำให้มึงมีความสุข แต่พอถูกกระตุ้นด้วย trigger เดิมๆซ้ำๆ วันนึงมันก็จะไม่รู้สึกอะไรอีก นั่นก็คือจุดอิ่มตัวของคู่รักอ่ะ พอวันนึงเจอคนใหม่เป็น triggers ตัวใหม่ กระบวนการนี้ก็จะเกิดขึ้นอีก มึงไม่สามารถหยุดตัวเองไม่ให้รู้สึกได้หรอก แค่ห้ามไม่ให้คิดถึงยังทำไม่ได้เลย ไม่งั้นเราจะต้องมองหาสิ่งเบื่ยงเบนอื่นเพื่อให้หยุดคิดหรอวะ แต่มึงสามารถหยุดตัวเองไม่ให้กระทำได้นี่คือมากสุดที่มนุษย์จะทำได้แล้ว
แนวคิดในอุดมคติของมึงมันคือการบอกว่ากระบวนการทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นคือความเหี้ย ถ้ามันเกิดขึ้นในขณะที่มีคู่อยู่แล้วแม่งจะทำให้คนๆนั้นคือคนไม่ซื่อสัตย์ แต่การมีคู่ไม่ใช่ตัวล๊อคความรู้สึก มันไม่ได้เป็นปัจจัยที่มีผลกระทบโดยตรงต่อร่างกายด้วยซ้ำ ไม่ว่ามึงจะมีคู่หรือไม่ กระบวนการนี้ก็ยังคงเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาอยู่ดี การที่มึงแปะป้ายคนอื่นที่เผลอใจแต่ยังไม่ได้กระทำอะไรว่าเป็นคนไม่ซื่อสัตย์ มันเลยดูเป็นเรื่องเพ้อเจ้อที่ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยไงล่ะ เพราะมึงสามารถควบคุมฮอร์โมนและกระบวนการในสมองมึงได้หรอ เพราะสารเคมีพวกนี้แหละคือต้นเหตุของอารมณ์ในมนุษย์ มึงสามารถสั่งให้ตัวเองไม่เศร้า ไม่รัก ไม่สุขได้รึเปล่า ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าไปพูดว่าคนที่คิดถึงคนอื่นเค้าไม่ซื่อสัตย์ จะพูดแบบนั้นได้มันต้องมีการกระทำเกิดขึ้นแล้ว เหมือนบอกว่าคนปวดฉี่เป็นคนเฮงซวยไม่ได้ ถ้ามันยังไม่ไปฉี่รดกำแพงบ้านคนอื่นอ่ะ อธิบายแบบนี้จะเข้าใจขึ้นมั้ย
>>142 ลืมใส่น้อทออลให้แคร่ะ โทดด้วยน้า
ใดๆก็คือการใส่ยกทรงสีๆเป็นสิ่งไม่ดีและผิดตรงไหน มีใครเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการใส่ยกทรงสีแรงๆ เทียบได้เหรอกับการมีพฤติกรรมที่ออกนอกลู่นอกทางไม่ซื่อสัตย์กับคนรักในปัจจุบันของตัวเอง
และกูก็ไม่เห็นความจำเป็นต้องมาดีเฟนด์หาข้อแก้ตัวให้พฤติกรรมไม่ดีของคนที่ไม่ซื่อสัตย์กับแฟน นอกจากว่าคนดีเฟนด์ก็มีแนวโน้มที่จะทำแบบนั้นอยู่แล้วในอนาคต เลยต้องมาปลอบใจตัวเองว่าเราไม่ผิด ก็ไม่รักแฟนแล้วไง ที่อยู่กันไปทุกวันนี้ก็แค่รอเจอคนที่ดีกว่า พอเจอแล้วก็บอกแฟนว่าเราไม่ชอบเธออีกแล้วอ้ะ เราขอเลิกกับเธอไปกับคนนั้นนะ แต่ระหว่างนั้นเราไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่คิดรักเขามากกว่าเธอเฉยๆ ไม่ได้ถือเป็นนอกใจน้าเตง
>>143 เอางี้ กูน่ะถือว่าชีวิตคู่ก็ต้องมีความซื่อสัตย์เป็นพื้นฐานต่อกันอยู่แล้ว มันไม่ใช่เงื่อนไขที่ควรปฏิบัติเวลาเป็นแฟนกันเหรอ ไม่ได้แบ่งขาวแบ่งดำอะไรเลยซักนิด พูดแปลกๆชิบหาย ดูรับได้กับการนอกใจจัง มีแนวโน้มจะนอกใจแฟนด้วยป่ะเนี่ยเราน่ะ เพราะบอกว่าความซื่อสัตย์กับแฟนเป็นเรื่องอุดมคติที่ขาดความเข้าอกเข้าใจ จะให้กูเข้าใจอะไรดี อ๋อ เราเข้าใจนายนะที่นายไปชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง นายไม่ได้ทำอะไรผิด ใครๆก็เผลอใจให้คนอื่นกันได้ แต่นายไม่ได้ทำอะไรนี่นา ก็ไม่ถือว่าผิดไง ให้เข้าใจแบบนี้ป่ะ หรือต้องให้กูอวยด้วยว่านายทำดีแล้ว ทำตามกลไกธรรมชาติไง ไม่ซู่ซ่ากับคนรักอีกต่อไปแล้วก็หาคนอื่นที่ทำให้ใจเต้นเหมือนเจอรักแรกพบไปเรื่อยๆ ก็กลไกธรรมชาติอ่าาาาาาาาาา
ไอ้เรื่องคิดถึงคนอื่นมันก็มีหลายลิมิตไง ถ้าแค่คิดธรรมดาไม่ได้มีเชิงชู้สาวเลยใครมันจะมาหึงหวง คนหึงหวงนี่ต้องประสาทแดกขนาดหนักมากเลยนะ แต่ไอ้ความคิดที่มาเบียดบังพื้นที่ในใจจนคนที่คบกันอยู่หมดความหมายนี่ พ้มว่ามันแปลกๆนะครับจ่า
สุดท้ายนี้กูอวยพรให้มึงเจอคนรักที่ซื่อสัตย์กับตัวมึงละกัน จะได้ไม่ต้องมาดีเฟนด์การชอบคนอื่นของแฟนตัวเองว่ามีเงื่อนไขที่ควรเข้าใจอีก เห็นใจนะ เจอคนที่ไม่สามารถจะซื่อสัตย์กับคู่ครองได้ เห็นคนนั้นคนนี้ก็ชอบไปทั่วมันก็เหนื่อยหน่อย
กู555555 กูคุยกับคนแบบนี้ไปเพื่ออะไรวะ กูผิดเองที่ไปเถียงมึง 555555 พอเหอะประเด็นนี้ มึงมันไม่เข้าใจที่กูพูดเล้ย โยงไปนู่น กูขอให้กูไม่เจอแฟนแบบมึงละกัน โชคดีกับความรักกันทุกคน 55555
เรื่องนอกใจพอดี ข่าวนักพากย์ซกร.มาจากไหนอีกวะ ที่คนมาบอกว่าภรรยาให้อภัย กูเห็นละแหม จะไม่อภัยได้ไงก่อน ก็รู้เห็นช่วยปิดกันจนไปหลอกคนมาสิบปีสิบห้าปีอะนะแค่โป๊ะแตกเลยโดนฟ้อง
>>143 กูไม่คิดว่ามันคิดผิดนะ ถึงกูจะไม่เห็นด้วยกับมันเพราะคิดว่าการจำกัดความคิดมันทำไม่ได้แล้วไม่ควร ถ้ามันไม่ไปฉอดใส่คนอื่นว่าห้ามคิดอะไรมันก็คิดแล้วคุยออกมาได้หมด
เรื่องนี้กูคิดดูแล้วก็เหมือนดูหนังโป๊ที่กูเล่า อันนี้เรื่องเพศร้อยเปออยากฟัคแน่นอนไม่ใช่แค่ชื่นชมแบบไอดอลละ มีทั้งคนรับได้รับไม่ได้แต่ส่วนใหญ่ตอนนี้จะบอกว่าเป็นเรื่องธรรมชาติดีกว่าไปมีอะไรกับคนอื่นจริง คนรับไม่ได้กูไม่คิดว่าผิด แค่ควรคบคนที่คิดเหมือนกันมากกว่า
>>145 คุยดีมาตั้งนานทำใมหัวร้อนซะงั้น แล้วมึงไม่เข้าใจที่กูพูดเรื่อง slipy slope จริงเหรอ กูมิงว่ากูไม่ผิดมึงก็คิดว่าไม่ผิด แต่ครูคิดว่าผิดไงเพราะใส่สีแบบนี้ครูมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความแรดแต่เด็ก ก้าวขาออกมาข้างเดียวแล้วจะไปจบที่การเป็นกระหรี่ เหมือนที่มึงมองว่าแค่คิดถึงคนอื่นสุดท้ายก็ต้องไปมีเซ็กแน่นอนไม่วันนี้ก็วันหน้าไม่มีทางหยุดแค่นี้ ทำใมมึงต้องมองคนว่าต้องบริสุทธิ์ทุกอย่างขนาดนั้น ก้าวออกมาก้าวเดียวก็ไม่ได้ แค่คิดในใจแล้วไม่กระทบกับการกระทำก็ไม่ได้
แต่ก็อย่างที่กูพูด มึงคิดไรก็คิดไปเถอะ กูไม่คิดว่ามึงคิดผิด อย่าไปฉอดใส่คนอื่นก็พอ ตอนนี้มึงใกล้มากแล้วละ
ไหนๆก็คุยเรื่องนี้แล้ว เพื่อนโม่งช่วยกูคิดคำปลอบใจเพื่อนกูที เพื่อนกูโดนคล้ายๆกับหัวข้อที่พวกมึงกำลังพูดกันเลย โดนแฟนบอกเลิกเพราะจะไปคบกับเพื่อนสนิทเพื่อนกูเอง แฟนมันบอกว่าพอเที่ยวกลุ่มด้วยกันบ่อยๆแล้วเผลอหวั่นไหวกับเพื่อนคนนั้นเหี้ยไรก็ไม่รู้ ใจกูนี่อยากยุให้เลิกคบทั้งคู่แต่กลัวมันรับได้แล้วกูจะเป็นหมาแทนชิบหาย555555 หรือกูเงียบปากไปเลยดีกว่าวะ
เพื่อนโม่ง กูคือ >>112 นะ คือกูสงสัยเพิ่มนิดนึงจากที่กูยกมา ถ้าเกิดคนหลักต้นเรื่องอยากได้เมนตัวเองเป็นผัว/เมีย อยู่ตั้งแต่ตอนโสดจนเริ่มมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นตามงานต่างๆ (แต่ยังไม่คบนะ) จู่ๆมีคนเข้ามาจีบและก็คบเป็นแฟน อย่างนี้จะถือว่าเมนนางโดนนอกใจมั้ย และถ้านี่อยู่ในช่วงเหตุการณ์ที่ยกมาใน >>116 คำถามคือ เพื่อนโม่งมองความสัมพันธ์นี้ยังไงกัน
>>149 เพื่อนโม่งลองหากิจกรรมอื่นๆหรืออยู่ปรับทุกข์กับเพื่อนคนนี้ให้มากขึ้นดูมััย คอยสังเกตและให้กำลังใจในส่วนที่เพื่อนกำลังทุกข์พอ อย่าปล่อยให้เพื่อนรู้สึกดาวน์หรือรู้สึกผิด ส่วนคนนี้ถ้ามันไม่ดี ศีลไม่เสมอกันจริงวันนึงเดี๋ยวก็เลิก จากใจคนวงนอกที่เคยเห็นเพื่อนเตือนเพื่อนและเพื่อนก็กลายเป็นหมามาแล้วน่ะนะ
>>149 บอกมันไปว่ามึงไม่โอเค ขอเวลาทำใจ อย่ามาหวานกันต่อหน้าให้เห็น ถ้ายังเห็นแก่ความสัมพันธ์ดีๆที่เคยมีกันมาก็ให้ไว้หน้ากันด้วย เอาจริงเป็นกูคงขอห่างและเลิกสนิทนะ เพราะมันคงทำไม่ได้ เข้าใจนะว่าความชอบห้ามกันไม่ได้ แต่ความรู้สึกของเรายังต้องใช้เวลาจัดการเหมือนกัน ถ้าเวลาผ่านไปชั่งน้ำหนักแล้ว ความเสียใจมันมากกว่ามิตรภาพที่มีให้กัน กูแนะนำว่าแยกทางกันไปเลยดีกว่า ส่วนคำปลอบใจ เชื่อกูเถอะว่าคนที่จากเราไปทุกคน มันต้องมีบางอย่างที่ไม่ลงตัวกับเรา ไม่จากวันนี้ ก็อาจจะมีวันหน้า และมันไม่ใช่แค่มึงเสียคนรัก แต่มึงกำลังได้โอกาสได้เจอคนที่พร้อมจะรักมึงในอนาคตและเข้ากับมึงได้มากกว่าคนนี้ เพราะกับคนนี้มันเป็นไปไม่ได้แล้ว ปล่อยมือกันไปให้ตัวเองได้เจอคนใหม่ๆ อาจจะดีกว่า
ขอ KY แปปพอดีไปอ่านเจอข้อความหนึ่งมาที่เข้ากับสถานการ์ณกระแสฟอกขาวชิปผ่านหน้ากระดาษมากๆ คือ " คนส่วนใหญ่เหมือนลืมไปแล้วว่า 'การชิป' ไม่ใช่คสพที่คุณเห็นดีเห็นงามด้วย แต่แค่เป็นคสพที่คุณอยากรู้ตอนต่อของมันเฉยๆ "
>>149 อืม...ยากเลย ก็ปลอบไปตามที่เห็นว่าเพื่อนของเพื่อนโม่งไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก สองคนนั้นมต่างหากที่เป็นฝ่ายที่ทิ้งเพื่อนของเพื่อนโม่ง พยายามพูดเป็นกลางอะจะได้ไม่หมาทีหลัง
>>148 ก็ใส่นอทออลให้แล้วไงมึง ที่กูบอกว่าไอ้พวกนอกใจก็เริ่มจากความคิดกันทั้งนั้นมันไม่จริงตรงไหนอ่าเตง คนที่มีความยับยั้งชั่งใจถึงคิดแล้วเขาก็ไม่ไปต่อไง แต่พวกนอกใจคือคิดแล้วทำต่อเลย แต่ไอ้ความคิดนี่ล่ะขึ้นอยู่กับมึงจะคิดไปในทางไหน มีแฟนแล้วแต่พอเจอน้องหน้าใส เจอหนุ่มหล่อตรงสเป็คก็คิดอยากสานสัมพันธ์เป็นผัวน้องเขาด้วยอะไรด้วยมั้ย ปัญหานอกใจมันไม่เกิดหรอกถ้ารักและซื่อสัตย์กับแฟนมากพอ
แต่แหม กูก็ไม่ได้มองทุกคนต้องบริสุทธิ์ขนาดนั้นป่ะ ไม่งั้นกูคงคิดว่าผัวกูได้เมียเป็นดารา av ไปหลายสิบคนแล้ว และกูก็ต้องไปตามหึงสาวพวกนั้นเหมือนพวกประสาทแดก ก็มันว่าวกับหน้าอีนี่คิดว่าเป็นเมียในมโนมัน แต่อันนี้กูก็ไม่ได้นับว่ามันนอกใจไงเพราะมันแป๊บๆก็จบ ว่าวไปเหอะกูจะได้ไม่เหนื่อย แต่เคสที่กูพูดคือคนที่ปล่อยให้คนหนึ่งเข้ามาอยู่ในใจแทนที่แฟน สานต่อความรู้สึก เอาแต่คิดเรื่องคนนั้นจนแฟนที่คบกันไม่มีความสำคัญอีกแล้ว เข้าใจไรยากจัง วู้
>>149 โอ๋เอ๋นะ เรื่องแบบนี้พูดไปถ้าเขากลับมาดีกันทีหลังมึงจะเป็นหมาเอาน่ะ คอยปลอบใจเพื่อนพาไปเที่ยวไปอะไรดีกว่า ของแบบนี้ต้องให้เจ้าตัวคิดได้และตัดสินใจเองว่าจะเอายังไง มึงแค่ให้กำลังใจกับอยู่ข้างๆรับฟังเพื่อนดีกว่า เอาให้เพื่อนมึงรู้ว่ายังมีคนให้ความสำคัญอยู่
>>149 ไม่ต้องพูดไรเคสนี้มาก แค่ชวนมันไปเที่ยวหรือทำอะไรไม่ให้ฟุ้งซ่านกับเรื่องที่เกิดก็พอ ไม่ต้องปลอบมาก มันจะดูเหมือนโอ๋ เพราะใจคนนั้นยากแท้หยั่งถึง บางคนพอเราปลอบมาก ก็ไม่ชอบก็มี หลักๆคือ ชวนหากิจกรรมไรทัน และถ้าเป็นเพื่อนในกลุ่ม หรือมึงสนิทกับคนที่โดน มึงก็อาจคอยไปอยู่เป็นเพื่อนเขาบ้างบางที เพื่อเหงา
เห็นหลายคนบอก เพื่อนที่ดี ควรเตือนกันนะ แต่ใช้ไม่ได้กับทุกเคส เพราะถ้าสุดท้ายโอเคกันหมด มึงจะโดนหาว่าไปเสี้ยมหรือยุ แต่เวลาเพื่อนด่าก็ไม่ต้องไปแนวร่วมมาก เพราะเดี๋ยวมันอาจเกิดการย้อนเกล็ด แบบวันนึงเขาดีกันขึ้นมา จะเอาที่เคยคุยกันมาเม้าแทน
>>145 มันไม่ได้แปลกหรอก มึงแค่ไม่ยอมรับความเป็นจริงและอยากใช้ชีวิตฝันหวานในโลกอุดมคติอันเพ้อเจ้อมากกว่าเลยไม่สามารถเข้าใจในหลายๆอย่างที่กูพูดถึงไปได้
อย่างแรกที่มึงไบแอสจนอ่านไม่แตก กูไม่ได้พูดว่าความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่ขาดความเข้าใจ แต่กูพูดถึงเกณฑ์ของมึงที่กำหนดว่าแบบไหนคือความซื่อสัตย์ต่างหากที่มันขาดความเข้าใจ อย่าเพิ่งเอาบรรทัดฐานของตัวเองมาเป็นเกณฑ์กลางว่าการที่กูไม่เห็นด้วยกับมึงแปลว่ากุสนับสนุนความไม่ซื่อสัตย์ คู่รักมันควรจะซื่อสัตย์ต่อกันอยู่แล้วแต่หัวข้อที่เถียงกันอยู่ตอนนี้คือ "การคิดถึงคนอื่นในขณะที่มีแฟนแล้ว != ไม่ซื่อสัตย์"
อย่างที่ 2 มึงถามว่าแล้วมึงต้องควรเข้าใจอะไร ต้องเข้าใจหรอที่ไปชอบคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนตัวเอง ฯลฯ ใช่ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่มึงควรทำความเข้าใจว่ามนุษย์เราไม่สามารถควบคุมความรู้สึกนึกคิดตัวเองได้ ทุกสิ่งทุกอย่างมีที่มาที่ไป มีตัว trigger มันคือเรื่องปกติที่คนเราสามารถรู้สึกดีกับคนอื่นในตอนที่เรามีแฟนแล้ว จะอยู่ในเลเวลไหนนั่นก็อีกเรื่อง แต่การมีแฟนไม่ได้ทำงานแบบยาคุมที่จะเข้าไปขัดขวางการทำงานบางอย่างของร่างกายได้ เพราะมันคือกระบวนการที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เหมือนมึงห้ามไม่ให้รู้สึกหิว ไม่รู้สึกหดหู่ ไม่ได้ มนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่สับสวิตปุ๊บจะหยุดกระแสไฟฟ้าในสมองได้ มึงต้องเข้าใจข้อเท็จจริงตรงนี้ก่อน และต้องแยกให้ออกจะหว่างสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ กับการกระทำที่ควบคุมได้ มันไม่ใช่เรื่องของการได้รับผลกระทบอย่างที่มึงตอบ >>142 ด้วยซ้ำนะ เพราะถ้ามึงเอาเรื่องของผลกระทบต่อผู้อื่นเป็นหลักเกณฑ์ดี-เลว การที่คิดถึงคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนมันกระทบอะไรใครล่ะ ในเมื่อแค่คิดถึงแต่ไม่ได้กระทำ งั้นทำไมมึงถึงแปะป้ายว่านี่คือการไม่ซื่อสัตย์ นี่คือพฤติกรรมที่ออกนอกลู่นอกทาง ในเมื่อยังไม่มีพฤติกรรมใดๆเกิดขึ้น มีแค่ความคิดที่อยู่ในหัวเท่านั้น
แล้วความชอบมีหลายระดับที่มึงอ้างถึง มึงแน่ใจหรอว่าถ้ามึงชอบคนนึงในฐานะเพื่อนตอนแรก มันจะไม่มีวันที่จะพัฒนาเป็นคนรักได้ ในวันแรกมึงอาจมีระดับความสัมพันธ์ที่เริ่มต้น แต่ไปๆมาๆนานเข้าเจอเหตุการณ์อะไรที่ส่งให้มึงเกิดความประทับใจขึ้นสุดๆ วันนึงมึงก็อาจจะอยากได้เค้ามาอยู่ในชีวิตก็ได้ แต่สมมติมึงมีแฟนแล้วและรักแฟนมากพอที่จะไม่อยากเสียเค้าไป มึงก็อาจจะหาทางหลีกเลี่ยงจากคนนั้นเพื่อไม่ให้มึงรู้สึกดีมากไปกว่านี้ แต่ถามว่ามึงหยุดคิดถึงเค้าได้ทันทีเลยมั้ย กูตอบเลยว่าไม่ได้ แต่ถ้าตามตรรกะมึง มึงก็จะบอกว่านี่แหละคือการนอกใจ การมีพฤติกรรมที่เรียกว่าไม่ซื่อสัตย์ เพราะว่า "คิดถึงคนอื่นในแง่คนรักไปแล้ว ทั้งๆที่มีแฟนอยู่" ต่อให้พยายามหลีกเลี่ยงยังไงมึงก็จะบอกว่านี่คือไม่ซื่อสัตย์ เพราะคนที่ซื่อสัตย์ในเกณฑ์ของมึงจะต้องไม่มีวันมีความรู้สึกในแง่คนรักกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเลย แค่รู้สึกก็คือนอกใจ ตรงนี้ไงที่กูบอกว่ามันเพ้อเจ้อไม่อยู่บนหลักความเป็นจริงมากๆ เพราะมึงเสือกโฟกัสกับเคมีธรรมชาติที่ควบคุมไม่ได้ มากกว่าสิ่งที่ควบคุมได้อย่างพฤติกรรมไง
>>148 กูไม่ได้บอกว่ามันผิด กูหมายถึงแนวคิดมันคับแคบไม่อยู่บนความจริง คือแม่งจะใช้เกณฑ์แบบนี้กับตัวเองก็ไม่เท่าไหร่หรอก เรื่องของมัน แต่มันเสือกมาแปะป้ายว่าคนที่ไม่ได้ทำอย่างมันคือคนที่คิดจะนอกใจ ไม่ก็เป็นพวกไม่ซื่อสัตย์ แล้วก็ยกว่าแนวคิดตัวเองคือบาร์ต่ำสุดของคู่รักโดยไม่เข้าใจห่าไรเลย มันก็เด๋อๆอยู่
>>149 พูดถึงขั้นนี้แล้วดีแล้วที่ออกปากก่อนเลิก เรื่องนี้จัดการความรู้สึกยากทุกฝ่ายละ แต่กูแนะนำว่าไม่ว่าเพื่อนมึงจะทำใจได้ไม่ได้ก็ควรคุยกับเพื่อนคนนั้นก่อนซักครั้ง อนาคตไม่ว่าไงอาจยังเป็นเพื่อนกันอีก ต่อให้ไม่อยากคบเพื่อนคนนั้นแล้วกูก็คิดว่าการคุยมันลดปมในใจได้นะ
ถามลึกหน่อยละกันว่าเพื่อนในกลุ่มมึงคิดยังไง กูไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นใจมั้ยถึงไปชอบ แต่ถ้าไม่ทำไรเลยแล้วโดนชอบเองทางนั้นก็มีปัญหาเหมือนกันนะ ก็แบบที่กูบอกละว่าถ้าเพื่อนของมึงยังเห็นแก่ความเป็นเพื่อนก็ควรเปิดใจกันซักครั้งรวมถึงเพื่อนในกลุ่มด้วยก็ดี ไม่งั้นเพื่อนในกลุ่มมันจะวางตัวไม่ถูก เพื่อนมึงอาจจะมองหน้าไม่ติดกับทั้งกลุ่มก็ได้ไม่ใช่แค่กับคนนั้น
>>155 นอทออลก็โอเคแล้วเนอะ กูต้องดูสีเว็ปเลยว่าเล่นอะไรอยู่
>>160 เก็ตละ แต่สำหรับกูคือถ้ามันไม่ฉอดคนอื่นแบบตอนนี้มันจะคิดยังไงตั้งบาร์ยังไงก็ตามสบายเถอะ มันเป็นเรื่องของคนสองคน มันฉอดมากูไม่เจ็บแต่ไม่ได้แปลว่ากูอยากให้คนรอบตัวกูมองว่ากูเป็นคนเหี้ยแบบที่มันฉอดอะ ถ้าไม่ใช่โม่งกูไม่เอาเรื่องนี้มาคุยหรอก
สุดโต่งขนาดนี้ถ้าไปดูหนังแนว in the mood for love แล้วไม่ดูไปอ๊อกไปเลยเหรอ 55
เรื่องนอกใจยังไม่จบอีกหรอ
>>162 ในความเห็นกู ความรักมันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างคลุมเครือไม่ชัดเจนมากเท่าไหร่อะ มันขึ้นอยู่กับตัวของคนคนนั้นเลยด้วยซ้ำว่าจะนิยามว่าความรู้สึกนั้นว่าเป็นความรักไหม อย่างเช่นกรณีนี้ที่คนต้นเรื่องบอกว่าเจอหน้าครั้งแรกก็ตกหลุมรักเลย ถ้ามึงเจอแบบเดียวกันกับคัวเองมึงอาจจะมองว่าตัวเองรู้สึกหลงไหลในรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเฉยๆ ก็ได้ ทั้งๆ ที่มึงกับคนต้นเรื่องเกิดความรู้สึกเดียวกัน บางทีมึงกับโม่งอื่นที่เถียงๆ กันอยู่ แม่งก็อาจจะคล้ายๆ แบบนี้ก็ได้ ฝั่งโม่งอื่นก็มองว่าไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันคือความรักนะ บางครั้งมันก็เกิดประเดี๋ยวประด๋าว รู้สึกรักคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนแต่เก็บไว้ในใจไม่ไปสานสัมพันธ์ลับหลังแฟนมันก็ไม่ถือว่านอกใจหนิ แต่ตัวมึงอาจมองไอ้ความรู้สึกรักของโม่งอื่นว่านั้นไม่ใช่ความรักหรอก = มึงไม่ได้เกิดความรู้สึกรักคนอื่นนอกจากแฟน = ไม่นอกใจ ความรักใคร่ในเชิงชู้สาวมันต้องเป็นแบบนี้ๆ เท่านั้นนะ แบบอื่นไม่ถือว่าเป็นรักในเชิงชู้สาว สุดท้ายมันจะกลายเป็นว่า พวกมึงเถียงกันทั้งชาติ ดันโอเคกับการมีความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน แต่ว่าเสือกเรียกต่างกันเลยตีกันไปซะชิบ (แต่ถ้าไม่ใช่แบบนี้มึงก็ไปเถียงกันต่อเถอะ)
ส่วนกูยังคิดเหมือนเดิมจากใน >>107 นอกใจ คือ ไม่ซื่อตรงต่อสามีหรือภรรยาด้วยการคบชู้สู่สาว ถ้ามึงแค่เกิดความรู้สึกขึ้นในใจ แต่ไม่ได้ไปลักลอบคบชู้ตอนคบกับแฟนอยู่กูก็มองว่าไม่นอกใจ
เรื่องความซื่อสัตย์ต่อแฟน ระหว่างมึงกับกูน่าจะต่างกัน สำหรับกูเน้นที่การกระทำเป็นหลักอะ กูขอแค่ไม่ปิดบังกันมีอะไรก็พูดคุยกันตรงๆ ไม่โกหกกัน รักษาคำพูดต่อกัน แค่นี้กูก็ถือว่าโอเคแล้ว ส่วนของมึงไปถึงระดับความคิดด้วยว่าต้องรู้สึกรักใคร่เชิงชู้สาวต่อแฟนคนเดียว ถ้ายึดตามแนวคิดมึงกูว่าคู่รักส่วนใหญ่ก็ไม่ซื่อสัตย์แล้ว (นอกจากจะใช้นิยามความรักใคร่เชิงชู้สาวของมึงซึ่งน่าจะจำเพาะเจาะจงมาประกอบอันนี้อาจลดคู่ที่ไม่ซื่อสัตย์ไปได้เยอะ) แต่ใดใดคือ การควบคุมความคิดความรู้สึกตัวเองมันเป็นสิ่งที่ยากในการทำให้สมบูรณ์ 100% ไม่งั้นพวกเราไปถึงนิพานกันได้ทั้งโลกแล้ว
แล้วก็สุดท้าย การคบกันหรือตกลงปลงใจแต่งงานกันไม่จำเป็นต้องรักกันที่สุด มันอยู่ที่ว่าต่างฝ่ายต่างยอมรับในกันและกัน และอยู่ร่วมกันได้ไหม รวมถึงปัจจัยอื่นๆ นอกจากความรักอีกเพียบ
เรานอกใจกันมาจะ 2 คืนละ 5555
https://mobile.นกฟ้า.com/Deffriend_/status/
1633123671815626752 เเทนใจกุมากจากข่าววันนี้
>>163 หนังก็คือหนัง เสพบรรยากาศ แนวคิด การกระทำของคนในเรื่อง ในเรื่องผัวกับเมียสองคู่ห่างเหินเปลี่ยวเหงาจนนำไปสู่การนอกใจคู่ของตัวเอง เริ่มแรกก็แค่สงสัย ระแวงคู่ตัวเอง เจอคนที่เหมือนกันเลยกลายเป็นความเข้าอกเข้าใจแล้วก็กลายเป็นมีความรู้สึกดีๆให้กันและพัฒนามาคบชู้ หนังน่ะมันดูได้ ก็ไม่เห็นจะชักแหง่กๆตรงไหน ก็เข้าใจตัวเอกนะว่าทำไมทำแบบนั้นกัน มันสนุกเพราะเป็นเรื่องของคนอื่น ถามว่าให้เจอจริงๆเอามั้ยก็คือไม่จ้า
>>164 อือๆ ตามนั้นล่ะ นักวิทยาศาสตร์
>>165 ที่กูย้ำแล้วย้ำอีกว่าคิดมองใครในเชิง "ชู้สาว" นอกจากแฟนก็คือการนอกใจในรูปแบบหนึ่ง มันคือการมาแชร์พื้นที่ในใจของเขาไปแล้ว สมมติจากเดิมเขาให้มึง 100 แต่พอน้องหน้าใสซักคนเข้ามาอยู่ข้างในใจ เริ่มแรกมันอาจจะมีแค่ 5 ไม่มีอะไรการันตีว่ามันจะกลับไปเหลือ 0 หรือมันอาจจะพุ่งไป 50 70 90 ก็ได้ แต่ที่ปฏิเสธไม่ได้พอมีใครอยู่ในใจมันจะเริ่มมีการเปรียบเทียบระหว่างมึงกับน้องหน้าใสแล้ว เวลามึงทะเลาะหรือมีปัญหากับเขากลายเป็นแย่กว่าไปเลย มึงไม่ดีเท่าน้องหน้าใส ทำไมมึงขี้บ่น ทำไมมึงไม่สวยแถมอ้วน หลักๆคือเขาไม่ได้ให้ใจมึงมาเต็มร้อยแบบตอนรักกันใหม่ๆแล้วไง
ที่กูพูดก็มาจากประสบการณ์ชีวิตกูเองทั้งนั้น พวกมึงอาจจะเจอคนดีที่แค่คิดเฉยๆแล้วยับยั้งชั่งใจได้นะ แต่กูเสือกเจอแต่คนเหี้ยว่ะ เริ่มแรกก็แค่คิดเฉยๆ ไม่ลงมือทำอะไรเลย ไปๆมาๆแพ้สิ่งเร้าซะงั้น กูเลยไม่รู้สึกว่าต้องไปพยายามทำความเข้าใจพวกนอกใจคิดรักใครมากกว่าแฟนขนาดนั้น ใครอยากทำความเข้าใจก็ทำไปนะ แต่กูไม่ใจกว้างพอ จะด่ากูโลกแคบไรก็เรื่องของมึงเหอะ กูไม่จำเป็นต้องมีเอมปะตี้กับไอ้พวกนอกใจ
สุดท้ายนี้กูจะจบประเด็นนี้ละ ใครพิมพ์ไรมากูจะไม่ตอบอีกละนะ ถึงไอ้ข้างบนมันบอกว่าความซื่อสัตย์เป็นอุดมคติ แต่กูก็เจอผัวที่ซื่อสัตย์กับกูไม่มองใครแบบชู้สาวอีกไง กูกับผัวก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งตามประสาคู่รัก แต่ไอ้เรื่องเอาใครเข้ามาในใจนี่ไม่มีทั้งกูและผัวกู แต่งกันมาจะสิบสามปีแล้วเขาก็ยังเหมือนวันแรกที่คบกัน มีแต่กูนี่ล่ะที่ f บัตรคอนโอปป้าหวีดหนุ่มหล่อไปวันๆ และใช่ค่ะ กูอวดผัว มีผัวดีน่ารักเอาใจใส่ทำไมกูต้องหวั่นไหวกับใครด้วยง่ะ ถถถถถถถถถถถถ
รักดีๆซื่อสัตย์ยังมีบนโลกน้า ขอให้พวกมึงเจอรักดีๆแบบนี้ด้วย
เอาตามตรงคนมันรู้แก่ใจอะว่าที่ทำมันถือว่านอกใจไปยังมันเกินเลยหรือหักหลังแฟนอยู่รึเปล่า แค่ขึ้นกับว่าจะยอมรับไหม ไม่มีใครแหวกสมองมึงมาดูได้อะนะ ส่วนถ้าแฟนมึงระแคะระคายได้ก็แปลว่ามันไม่ได้หยุดอยู่แค่ระดับความคิดแล้ว
ถ้ารู้ตัวว่าเป็นประเภทชอบคนง่ายก็คุยตรงๆกับแฟน ถ้ารับได้สองฝ่ายกับความสัมพันธ์แบบโอเพ่นก็จบ
>>171 มึงรู้ความคิดผัวมึงหมดได้ไง มึงอ่านใจผัวมึงตลอดเวลาไม่ได้ซักหน่อย ถ้ามันไม่แสดงออกให้มึงรู้แต่เคยหวั่นไหวกับคนอื่นระหว่างคบกับมึงขึ้นมาละ ไม่คิดถึงความเป็นไปได้นี้มั้งเหรอ คนเราทุกคนมีความลับทั้งนั้นละ
นอทออลนะ แต่พวกบอกว่าตัวเองเป็นคนดีไม่เคยผิดศีลแม้แต่ในความคิดเนี่ย สมัยนี้พูดไปใครจะเชื่อวะ ไม่ทำจริงกูเชื่อว่ามี แต่ระดับไม่เคยคิดเลยกูไม่เชื่อว่ามีจริงหรือเป็นไปได้วะ อ่านละแบบลูกชั้นเป็นคนดีขึ้นมาเลย
ทำไมอ่านละเหมือนคนมันร้อนตัวเรื่องนอกใจกันเยอะวะ55555
>>172 ไม่กัดจ้า กัดทำไม นั่งข้างๆกูเหรอถึงรู้ ตอนที่พิมพ์กูอาจจะนอนให้ผัวเกาหลังอยู่ก็ได้นะ
>>174 อืม ก็ดูพยายามให้ผัวกูเป็นคนเหี้ยให้ได้เลยนะ มีความพยายามดีในการมองโลกเทาๆแง่ร้าย เห้อออ เรามันดาร์ก ชีวิตนี้มืดหม่นไม่เคยเจอใครจริงใจเลย คนเรามีความลับทุกคน//ขยับปกเสื้อคลุมหันหลังไปเท่ๆ
ก็ไม่รู้หรอกว่าผัวกูไปหวั่นไหวกับใครมั้ย แต่กูก็หวั่นไหวกับผู้ชายหล่อหลายคนอยู่นะ เมื่อไหร่กงยูจะรับกูเป็นเมียก็ไม่รู้ บ่นเรื่องนี้ให้ผัวกูฟังมันด่ากูเพ้อเจ้อตลอด มุแง้
มั่นใจในเรื่องที่ไม่รู้ว่าจริงมั้ยนี่เค้าเรียกคิดไปเองนะเมิง 555
>>174 แถมอีกหน่อยนะ พวกนอกใจน่ะมันจะมีอะไรหลายอย่างหลุดโป๊ะออกมาให้จับได้เองน่ะ เอาแค่ทำตัวแปลกจากเดิมนิดๆหน่อยๆก็จับได้แล้ว มันอยู่ที่จะทำเป็นไม่รู้แล้วแกล้งปล่อยผ่านไปมั้ย อยากรู้ฟีลลิ่งนี้ต้องลองมีแฟนดูนะแล้วจะเข้าใจเอง มาดาร์กหม่นในนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ยกเว้นไปเจอไอ้เคสโลกสองใบที่คบซ้อนหลายๆคนเป็นเวลาหลายๆปีแบบแนบเนียนจริงๆ อันนั้นคือเทพมาก ไม่รู้ทำได้ไงแบบไอ้นายซากุไร แต่มันก็หลุดโป๊ะออกมาอยู่ดีเพราะความลับไม่มีในโลก
>>170 เรื่องความรักมันเอามานั่งกะปริมาณมากน้อยเป็นพื้นที่ในใจ 5 เปอร์ 10 เปอร์ พุ่งไป 50 ไป 100 มันเป็นไปไม่ได้หรอก อย่างที่กูพูดไปแล้ว ว่ามันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่ไม่จำกัด มันไม่มีหรอกที่ ให้มึง 100 แล้วไม่เหลือให้คนอื่นแล้ว หมดแล้ว
ความรักที่เรามีให้แต่ละคนเองมันก็ไม่ได้เหมือนกันไปซะหมด เอาจริงๆ ความรักที่เรามีให้คนคนเดียวกันแต่คนละช่วงเวลายังไม่เหมือนกันเลย แรกเริ่มอาจชอบในรูปลักษณ์ น้ำเสียง รู้สึกกระตุ้นอารมณ์ที่เพศ หรือชอบในลักษณะเด่นบางอย่าง แต่ต่อมาอาจเปลี่ยนไปเป็นความผูกพันธ์ ชอบนิสัยหรือวิถีชีวิต บลาๆ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เหมือนกันว่า ความรู้สึกที่เรามีต่อคนคนนึงมันก็ส่งผลต่อความรู้สึกที่เรามีต่อคนอื่นด้วย
แต่กูก็ยังย่ำแบบเดิมนะ ถ้าคบชู้สานสัมพันธ์กันลับหลังถึงจะถือว่า "นอกใจ" ส่วนถ้าแค่รู้สึกรักชอบพอคนอื่นเฉยๆ ประเดี๋ยวประด๋าวแต่ไม่ได้คิดจะไปคบชู้ อันนี้กูยังไม่ถือว่านอกใจ แต่ถ้าเกิดคิดอยากคบคนนั้นเป็นชู้ลับหลังแฟนอันนี้ "คิดที่จะนอกใจ"
ส่วนไอ้เคสเจอรักแรกพบเลยขอเลิกกับแฟนเก่ากูก็มองว่าไม่ถือว่านอกใจ แต่ถามว่าผิดไหมก็ผิด ที่ทำให้แฟนเก่าต้องเสียเวลาเสียความรู้สึก
ส่วนชีวประวัติมึงที่เจอแต่แฟนเก่าไปมีคนใหม่ซ้ำๆ จนมาเจอผัวดีผัวประเสริฐในปัจจุบันนี่บอกยากเพราะมึงระบุออกมาได้แค่การกระทำที่มึงเห็นตรงหน้ามึงไม่อาจบอกถึงความคิดของพวกเขาได้ แล้วก็ไม่อยากขัดหรอกนะ แต่สุดท้ายสิ่งที่มึงยืนยันได้คือ การกระทำของผัวมึงเท่านั้น ไม่สามารถยืนยันความคิดของผัวมึงได้อยู่ดี (ยังไงก็ตามในความคิดกูก็ถือว่าผัวมึงซื่อสัตย์อะนะ)
กับเอาจริงๆ คำว่า "ชู้สาว" นิยามของมันคือ รักๆ ใคร่ๆ หรือ เชิงกามารมณ์ ถ้าเอาตามนิยามนี้แค่มึงรู้สึกเงี่ยนกับใคร/สิ่งไหน มันก็คือรู้สึกเชิงชู้สาวกับคนนั้น/สิ่งนั้นแล้วนะ = ทั้งมึงและผัวไม่เคยรู้สึกเงี่ยนต่อใคร/สิ่งไหนอีกเลยนอกจากคู่ตัวเองมาตลอด 13 ปี (นอกจากนิยามเชิงชู้สาวของมึงจะเฉพาะเจาะจงกว่านี้อะนะ)
>>179 ยาวไปไม่อ่าน สรุปมาสามบรรทัดพอนะ
>>180 ก็ตามนั้นล่ะ มึงมีนิยามมึง กูมีนิยามกู ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาปรับจูนความคิดอะไรกันด้วยซ้ำเพราะชีวิตคู่ใครคู่มัน กูก็ถือว่ากูบอกมุมมองกู ทัศนคติต่อชีวิตคู่กูเป็นแบบนี้เพราะเจอเรื่องนี้มา แชร์ประสบการณ์นิดๆหน่อยๆ ไม่ได้ทำวิจัยวิเคราะห์พฤติกรรมมนุษย์
สำหรับพวกที่คิดว่าผัวกูนอกลู่นอกทางในใจ คิดไม่ดีไม่งามลับหลัง กูก็รอมันโป๊ะมาสิบสามปีแล้วเนี่ย แม่งยังไม่โป๊ะซักที ขนาดมีประสบการณ์จับโป๊ะแฟนเหี้ยมาหลายหนแล้วนะ ไอ้หมอนี่ซ่อนเนียนเกินรึเปล่าก็ไม่รู้ ถถถถถถถถ
>>176 มึงพูดแล้วกูยิ่งไม่เข้าใจ อันนี้มึงก็บอกเองว่ามึงก็เคยหวั่นไหว แล้วไม่รู้ว่าผัวเคยมั้ย แต่ข้างบนมั่นมากว่าผัวกูดีพร้อมทั้งใจไม่เคยหวั่นไหว=นอกใจมึงแน่ ตกลงเอาไงของมึง
>>178 มึงพูดเองขนาดนี้แล้วยังไม่ยอมรับความเป็นไปได้เหรอว่าผัวมึงก็อาจจะเคยคิด แล้วเรื่องพวกนี้มันอาจจะแค่หวั่นไหวชั่วครั้งชั่วคราวไม่ได้คิดลึกเกินเลยไปกว่านั้น เลยไม่แสดงออกมาให้เห็น แต่มึงนิยามไปแล้วว่าแบบนี้ก็คือนอกใจ แล้วมึงจะรู้หรือบอกได้ไงว่าผัวมึงไม่เคยแม้แต่เสี้ยววินาที ยิ่งพูดยิ่งงงกับมึง
>>181 ในเมื่อรู้ว่านิยามต่างกันแต่ทำใมมึงต้องทำตัวฉอดให้คนอื่นเห็นตรงกับมึงทุกเม็ดด้วยละ พูดงี้แต่แรกก็จบ ไม่มีใครอยากให้ผัวมึงนอกใจหรือเป็นคนเลวเลยนะ มีแต่มึงนี่ละฉอดคนอื่นว่าคิดชั่วไม่เคยเจอผัวดีแบบตัวมึงเอง โจมตีตัวบุคคลตลอด ดูแล้วไม่น่าจะพูดว่าตัวเองเป็นคนดีจากจิตใจไม่เคยมัวหมองได้เลยนะ อวดผัวกับตัวเองขนาดนี้กูนึกว่าอ่านเว็ปโลกสวยเมื่อสิบปีก่อนเลย
>>181 อะสรุปให้ นิยามของความรักเชิงชู้สาวของมึงกับกูไม่เหมือนกัน ของกูมันครอบคลุมไปถึงความรู้สึกประเดี๋ยวประด๋าวด้วย เพราะงั้นกูเลยไม่ถือว่าถ้าเกิดความรู้สึกแบบนี้=การนอกใจ ของมึงดูจะจำเพาะกว่านั้นแถมจาก >>181 >>178 สื่อว่าการมีความรู้สึกรักเชิงชู้สาวต่อคนอื่นมันต้องแสดงพฤติกรรมบางอย่างด้วยถึงจะเรียกว่าความรักเชิงชู้สาว ดังนั้นจากขอบเขตนี้ มึงจะมาไล่ว่าพวกกูสนับสนุนการนอกใจเพราะกูกับมึงนิยามไม่ตรงกันมันไม่ได้
ส่วนอันนี้แถมให้ ที่พวก >>177 มันจะสื่อก็คือ เวลาคนเราคิดอะไรมันไม่จำเป็นต้องมีการกระทำมาประกอบด้วย อย่างบางทีกูยืนเฉยๆ ในสมองกูก็คิดไปร้อยแปดพันเก้าตั้งแต่ ลองกระโดดลงรางรถไฟ อยากเลี้ยงสัตว์จังเลย ถ้าอยู่ๆ ฆ่าคนไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมาจะเป็นยังไง อาหารกลางวันกินอะไรดี ไปยันโดจินโป๊ที่เคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว ความคิดสารพัดสารเพพวกนี้มันผุดขึ้นมาสุ่มๆ ได้นับประสาอะไรกับการคิดถึงคนอื่นในเชิงทางเพศ และทั้งหมดนั้นที่มึงจะเห็นคือกูยืนเอ๋อรอรถไฟอยู่เฉยๆ
>>181 มึงด้อยในเรื่องความคิดเชิงตรรกะรึเปล่าวะ กุว่าไม่ใช่แค่มึงนิยามไม่ตรงคนอื่นหรอก โม่ง>>183 ค่อนข้างจะใจกว้างมากด้วยที่มองมึงในมุมนั่น แต่จากที่อ่านความเห็นมึงมาทั้งหมด เอาแค่ลอจิคของตัวมึงเองยังมีความขัดแย้งกันแปลกๆเลย
มึงปักธงไว้แล้วแน่นอนว่าการที่คิดเชิงชู้สาว = นอกใจ โดยนิยามความคิดเชิงชู้สาวของมึงก็คือแค่เห็นคนอื่นแล้วรู้สึก อยากได้ อยากเอา ถึงจะเป็นแค่ความอยากที่พุ่งขึ้นมาประเดี๋ยวประด๋าวไม่คิดจะทำจริงๆ มึงก็จะเหมาว่านี่คือการนอกใจทั้งหมด เพราะมึงมองว่าถ้าคิดแล้ว เด๋วก็จะต้องไปกระทำแน่นอนในอนาคต หรือไม่ก็การที่เค้าคิดแล้ว เค้าจะแบ่งโควต้าที่คิดถึงมึงไปคิดถึงคนอื่นอีกแน่ๆ และจะนำไปสู่การนอกใจ ทั้งๆที่ตรงนี้มันก็บอกเองว่าการนอกใจคือพฤติกรรมอ่ะ แต่มึงก็ทู้ซี้จะให้ความคิดเป็นการนอกใจให้ได้
ที่มันเถียงกันไม่จบเพราะมึงไม่สามารถทำความเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูดได้ แถมนังอีโก้สูงจัด จับแพะชนแกะเพื่อให้ตัวเองชนะโดยที่พูดแย้งตัวเองอยู่ก็ยังไม่รู้เลย แถมพอคนไม่เชื่อก็หาว่าพยายามป้ายสีผัวมึงไปอีก ที่บอกว่า 13 ปีไม่เคยจับโป๊ะได้ไม่ได้หมายความว่าผัวไม่ทำ มันแค่มึงจับไม่ได้เฉยๆว่ามันเกิดขึ้นจริงมั้ยตะหากเพราะมันอยู่ในหัวผัวมึง มึงผ่าสมองผัวมึงออกมาดูมึงยังไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผัวมึงคิดอะไร ไม่รู้จริงแต่เสือกมั่นหน้ามากเวอร์ ผัวมึงอาจจะแอบไปชักว่_วจินตนาการหาน้องหน้าใสที่ทำงานโดยที่มึงไม่รู้ก็ได้ แต่เค้าแค่รักษาชีวิตคู่กับมึงให้ดีได้ พฤติกรรมที่เคยทำกับมึงยังไงเค้าก็ยังทำเหมือนเดิมเพราะรักมึงแต่แค่เกิดความรู้สึกเสี้ยนต่อคนอื่นมันก็เป็นได้ มึงจะรู้ได้ยังไงหรอถ้าเค้าไม่ได้พูดออกมา มึงอ่านใจผัวหรอ รับบทนางพลังจิตไปอีก
แทนที่จะคิดหาคำมาแขวะ หรือพูดโง่ๆอย่างยาวไปไม่อ่าน กูว่าไปทำความเข้าใจตรรกะของคนตัวเองให้มันนิ่งก่อนเถอะแล้วค่อยมาฉอด แต่ถ้ามึงด้อยเรื่องตรรกะก็ขอให้โชคดีกับการมีชีวิตอยู่ในจินตนาการละกัน
ไม่รู้วันนี้จะมีตอนต่อเรื่องนี้มั้ย แต่ในฐานะที่คุยกันอยู่มู้นี้ กูขอพูดรวมๆหน่อยแล้วกัน
การแลกเปลี่ยนความคิดเป็นสิ่งที่ดี แต่อยากให้รู้ไว้ว่าไอ้การไปชี้หน้าคนที่มีความคิดต่างกันว่ามึงมันชั่ว มึงมันเลว มึงคิดแบบนี้ไปได้ไง มึงต้องคิดแบบกูสิถึงจะถูก ร่วมทั้งแซะทั้งแช่ง มันเหมือนนักฉอด คือถ้าเจอในมู้อื่นกูจะไม่อะไรนะ แต่นี่มันมู้นินทานักฉอด มึงจะกลายเป็นสิ่งที่มึงนินทาไม่ได้ 5555
มันจบตั้งแต่บอกผัวเป็นคนดีห้ามแย้งแล้ว คุยไปก็เท่านั้น
>>184 ในความเห็นกู ความรักในทางชู้สาว ของ >>181 มันดูมากกว่าแค่ประเดี๋ยวประด๋าวอะ เพราะจากที่อ่านๆ ของมันมา มันต้องนำไปสู้การแสดงออกที่พฤติกรรมของคนคนนั้นที่มีต่อแฟนตัวเองด้วย
>>185 กูก็แอบเฟลหน่อยๆ นะ ตอนออกความเห็นเรื่องนี้ มาถึงโดน >>111 แม่งชี้หน้าก่อนเลยว่าเป็นพวกนอกใจ อธิบายอะไรยาวๆ เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่เข้าใจที่กูพยายามสื่อหรือตีความผิด ก็โดน >>181 บอกยาวไปไม่อ่าน แล้วแบบนี้โม่งเรามันจะต่างจากนักฉอดทวิตเตี้ยนตรงไหนวะ
>>187 มันพูดมาตั้งแต่แรกแล้วอ่ะว่าถ้สคิดกับคนอื่นในเชิงชู้สาวตอนมีแฟน ถึงจะไม่ได้ทำอะไรมันก็ถือว่านอกใจแล้ว เหมือนตรรกะมันคือมนุษย์เรามีลิมิต =100 การที่ตกหลุมรักใครคือการคิดถึง 100 แต่ถ้าไปตกหลุมรักอีกคน หรือแค่คิดถึงคนอื่น ตัวเลขตรงนี้จะถูกแชร์ออกไปทำให้แฟนไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจ 100% มันเลยมองว่านอกใจเพราะพื้นที่หัวใจถูกแชร์ให้คนอื่นไปไง ต่อให้ไม่ได้คิดไปถึงขั้นจะกระทำ แต่ถ้าในหัวไม่ได้มีแต่แฟนคนเดียวแล้วมันก็มองว่านอกใจ คือแม่งมองว่าการเป็นแฟนกันคือต้องคิดถึงอีกฝ่ายคนเดียว ห้ามคิดถึงคนอื่นเลย ถ้ามีคนอื่นเข้ามาในห้วงความคิดในเชิงชู้สาวแปลว่ามึงนอกใจละ แบบถ้าเห็นบางคนแล้วรู้สึกเงี่ยนขึ้นมา แปลว่านอกใจละ
Kyแป้บ เห็นทวิตบ่นเลสว่าไม่ชอบชายแท้ก็อย่าทำตัวเหมือนช่ยแท้เวลาจีบสเตรทเด่ะ /สังคมอุดมความขาวสะอาดมั้ยล่ะ 55
>>191 กูอ่านแล้วกูนึกไปถึงกรณีซื้อกินแล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสนับสนุนเลยแฮะ
แบบรักเมียสุดหัวใจ ยกย่องออกหน้าออกตาออกงานสังคมว่านี่คือเมียผม แต่อยากซื้อกินละเมียก็โอเคเพราะอยากเห็นผัวมีความสุขด้านนี้
(สำหรับกูกูไม่มองเรื่องจุดไหนคือนอกใจแล้วนะ เพราะกูว่ามันก็เป็นเรื่องของคนสองคนอยู่ดี สุดท้ายก็มีแค่ 2 คนที่ตัดสินใจอยู่ดี อย่างเคสที่คุยๆกันที่ผ่านมา ถ้าฝ่ายถูกบอกเลิกมีคนคุยซ้อนเหตุการณ์ก็จะดูเป็นอีกแบบเลย
สำหรับคนที่มองว่าแค่คิดก็ผิดแล้วอันนี้กูก็เคารพในความคิดมึงนะเพราะอาจจะเจออะไรมาเยอะ แต่กูอยากให้ระวังไว้นิดนึงอย่าให้มันเลยลิมิตจนกลายเป็นระแวงแล้ว toxic อะ อย่างเพื่อนกูทุกวันนี้คือมีเมียมีลูกแล้วความสุขมันคือการตามไอดอลอะ แต่มันซื้อของ/ไปงานไม่ได้เลยถ้าไม่ลงมาในเมืองเพราะเมียมันเป็นแบบอย่างบนนี่แหละ ของที่เคยซื้อก็ต้องเอาไปเก็บบ้านตัวเอง หมด โซเชียลก็เช็ค)
>>192 สังคมอุดมความหลากหลายเพื่อความเท่าเทียมแต่ชายแท้ต้องอยู่ล่างสุด
>>189 มันมองในแง่ความเป็นไปได้ไง มันมองว่าการเงี่ยนกับดาราหนังโป๊ก็เหมือนการติ่งไอดอลเพราะแม่งเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นไปเห็นสาวสวยที่ทำงานแล้วอยากเอา แปลว่าเมิงนอกใจกุละ ทั้งๆที่การกระทำแม่งก็เหมือนกัน ต่างกันแค่ฝ่ายนึงมันไกลตัวแค่นั้นแหละ ถ้าวันนึงดาราหนังโป๊ย้ายมาเป็นเพื่อนบ้านมีโอกาสให้ปฏิสัมพันธ์กันได้เมื่อไหร่ แม่งก็จะมองว่าการอยากเอาดาราคนนี้คือนอกใจทันที มึงเชื่อกุป่ะล่ะ ตรรกะแม่งก็ย้อนแย้งเข้าตัวเองหมดแต่เสือกไม่รู้ตัว เอาแต่หาว่าคนอื่นแฟนตาซีบ้างล่ะ เป็นพวกนอกใจแฟนมั่งล่ะ
>>191 ใช่ ตรรกะแม่งงี้เลย ถ้ารักกันจริงจะไม่เงี่ยนกับคนอื่น ถ้ารักจริงจะไม่คิดถึงคนอื่น พวกที่หยุดความคิดไม่ได้คือพวกไม่ซื่อสัตย์ เพราะมึงแชร์พื้นที่ของกุให้คนอื่นด้วย แบบนั่นเลย
พระเจ้า ทุกคนคุยแต่เรื่องนอกใจมาอย่างต่อเนื่องเลยนะ นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มู้รันยาวขนาดนี้ ปกติ 2 วันก็เปลี่ยนเรื่องละ อันนี้ถกกันจริงจังมาก
>>195 เชื่อมั้ยว่าถ้านางฉอดผัวเป็นคนดีย์ไม่เรื้อน โม่งคงไม่ลากยาวมาถึงตอนนี้ แล้วเรื่องจะจบด้วยฝั่งนางชนะด้วย ลองน้อนกลับไปอ่านวันแรกๆ ได้เลยว่าโม่งเข้าข้างฝั่งนั้นเยอะกว่า มองว่าคนที่คิดในใจไม่เท่ากับนอกใจผิดปกติด้วยซ้ำ แต่พอคนไม่เห็นด้วยมาคุยกันเยอะขึ้น บทนางฉอดแตกเลยบ้งยกใหญ่ ด่าคนอื่นที่คุยกับนางดีๆ ซะงั้น คนก็เลยยิ่งรุมนางเข้าไปอีก กลายเป็นฝั่งนี้ชนะแทนแบบงงๆ เพราะวันแรกมันก็แทบจบแล้วนะ ไม่รู้พลิกกลับมาด้านนี้ได้ไง แต่ก็สมกับที่เป็นมู้นินทานักฉอด เข้ามาฉอดเองล้มเองในโม่งให้ดูเลย
>>197 ไม่หรอก ถึงนางไม่เรื้อนแต่ตรรกะนางมันไม่ตั้งอยู่บนหลักความเป็นจริง พอโดนจี้ลงลึกนางเลยซัพพอร์ตหลักการตัวเองไม่ได้ไง คือถ้าพูดแบบผิวๆคนส่วนใหญ่ต้องมองกว่าการปันใจไปชอบคนอื่นทั้งๆที่มีแฟนมันดูเหี้ยอยู่ละ กุว่ามันเป็นขั้นของการคิดด้วยอารมณ์อ่ะ แต่ว่าพอถกกันลึกๆ หลักการมันก็จะถูก define ออกมาเป็นเหตุผลมากขึ้น แล้วมันก็จะเริ่มมองเห็นว่ามันดูแย่เพราะเอาอารมณ์ตัดสินภาพรวมแบบผิวเผิน แต่ถ้าใช้เหตุผลมันก็มีความสมเหตุผลอยู่ ต่อให้นางพูดดีแต่สุดท้ายก็แพ้อยู่ดีแหละถ้านางไม่สามารถโต้แย้งจุดที่คนอื่นโจมตีด้วยเหตุผลได้ เพราะหลักการของนางมันคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นไปไม่ได้อ่ะ
แต่เคสนี้แม่งเสือกตอบโง่แล้วยังใช้อารมณ์อีก เลยดูเป็นผีบ้าไปเลย กุว่าตัวนางไม่มี logical thinking เลยเหมือนตีความทุกอย่างตามอารมณ์หมด หลักการไม่ดีอยู่แล้วพอใส่อารมณ์ด้วยก็เลยระเบิดตัวเองไปเลย
>>197 หลักๆ ที่มันมาจบตรงนี้เป็นเพราะทิศทางของหัวข้อสนมนาด้วยอะที่ทำให้มันมาสภาพนี้ เพราะเริ่มที่ไอ้เคสไปหลงรักคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเลยเลิก แล้วไหลไปทางถกกันว่า แค่คิดถือว่าเป็นการนอกใจไหม ซึ่งในมุมของกูนิยามของ "นอกใจ" มันมีการกระทำเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยประกอบกับความคิดของคนเราคนอื่นไม่มีทางรู้ได้เลยถ้าหากมึงไม่แสดงพฤติกรรมที่สื่อถึงความคิดอะไรออกไป เพราะงั้นกูเลยเทไปทางถ้าแค่คิด(รู้สึกตกหลุมรักแรกพบ/ ชอบ/ เงี่ยน ฯลฯ) แต่มึงเลือกที่จะไม่แสดงพฤติกรรมในทางชู้สาวลับหลังคนรักกูก็ถือว่าไม่น่าจะเข้าค่ายนอกใจ ถ้าถามว่าไอ้ต้นเรื่องมันยังผิดต่อแฟนเก่าไหม กูก็มองว่ายังผิดอยู่ที่ทำให้เขาต้องเสียเวลาและเสียความรู้สึก ฝ่ายแฟนเก่ามีสิทธิที่จะรู้สึกแย่และโกรธในเรื่องนี้ สุดท้ายมันก็อยู่ที่ต้นเรื่องกับแฟนเก่าจะคุยปรับความเข้าใจกันยังไงจากกันด้วยดีหรือไม่เผาผี
ส่วนฝ่ายที่ถือว่าแค่คิด=นอกใจ พอถกๆ กันไป มันก็มีการพูดถึงเรื่องการคบกัน/ชีวิตคู่ในมุมมองความเห็นของมันว่า คบกันต้อง"ซื่อสัตย์" ต่อคนรักของตัวเองนะ "ซื่อสัตย์"คือยังไง ก็ต้องห้ามมี"ความรู้สึกรักใคร่เชิงชู้สาว"กับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟน บลาๆ ถ้ามึงคิดหรือรู้สึกขึ้นมา=มึง"นอกใจ" ซึ่งอาจเป็นเพราะกูไปทางวัตถุนิยมด้วย การคิดแบบนี้ในมุมกูมันพิสูจน์ไม่ได้เลยเพราะเราไม่สามารถรู้ความคิดของคนอื่นได้ แถมสุดท้ายเวลาฝ่ายนั้นตัดสินว่าใครนอกใจหรือไม่นอกใจก็จบที่การกระทำอยู่ดี (เช่น >>178 พวกนอกใจน่ะมันจะมีอะไรหลายอย่างหลุดโป๊ะออกมาให้จับได้เองน่ะ / >>181 ผัวซื่อสัตย์13ปี เพราะตัวเองพยายามจับโป๊ะมาตลอดแต่ไม่เคยเห็น ) พอแม่งเผยแนวคิดที่มันไม่สามารถพิสูจน์ได้แบบนี้ โม่งฝั่งกูก็ใส่กันยับเลย ทั้งเพ้อเจ้อ ไม่อยู่ในโลกความจริง ฯลฯ แล้วก็ด่ากันไปด่ากันมาจบที่นางอวดผัว13ปี แต่ก็อย่างที่เห็นว่าสุดท้ายการที่นางตัดสินว่าใครสักคน"นอกใจ"นางก็ไปจบที่ตัดสินจากการกระทำของคนคนนั้นอยู่ดีเพราะในทางปฏิบัตินางอ่านใจคนอื่นไม่ได้ ทำให้ประเด็นนี้ถือว่าฝ่ายกูพลิกกลับมาได้เปรียบจากตอนแรก
>>199 สำหรับกูถ้าพูดถึงในเคสต้นเรื่องกูมองว่าเรื่องนี้ไม่มีใครผิดเลย แต่แน่นอนว่าแฟนเก่าต้องรู้สึกแย่เหี้ยๆ แต่มันเป็นการจบความสัมพันธ์ที่กูมองว่าแฟร์และปกติ ไม่ต่างจากเลิกเพราะหมดรักขึ้นมาเฉยๆน่ะแหละ เพราะถ้ามองว่าผิดที่ทำให้เสียใจ ทุกๆการบอกเลิกมันต้องเสียใจอยู่ละ ต่อให้เบื่อ อยู่ๆอยากเลิกมันก็ทำให้อีกฝ่ายเสียใจอยู่ดีไม่ได้เกี่ยวกับการไปหลงรักคนใหม่หรือเปล่า ยิ่งการบอกว่าทำให้เสียเวลาอันนี้กูมองว่าไม่เม้กเซ้น เพราะการคบกันสำหรับกูมันคือการเริ่มมาเรียนรู้กันในฐานะคนรักเพื่อจะพัฒนาไปเป็นครอบครัวในอนาคต ต่างฝ่ายต่างยอมรับตรงนี้กันแล้ว พอคบกันแล้วรู้สึกว่าวันนี้มันไม่ใช่อีกแล้ว มันก็ควรเลิกกันก็ถูกแล้ว ไม่ควรมีใครมาถูกป้ายความผิดว่าทำให้เสียเวลา เพราะเอาจริงมันก็เสียเวลาทั้งคู่ มันไม่ได้มีใครถูกหลอกให้คบเพื่อมาบอกเลิกอ่ะ
โม่งเจ๊งเหรอวะ
เควาย กุอยากถามเรื่องฟิคหลุดคาร์ พวกมึงชอบกันจริงๆเหรอวะที่คนแต่งยัดนิสัยใครไม่รู้มาใส่ในตัวละครที่มึงรู้จัก
ห่า รอตั้งแต่เที่ยงๆเมื่อวาน เพิ่งได้ 5555
>>202 รวมกลุ่มกับเพื่อนยังชอบก๋วยเตี๋ยวไม่เหมือนกันเลย แล้วขอบเขตoocของแต่ละคนอยู่ที่ไหนมันก็ไม่มีเส้นวัดอีก อย่ามีเลย ถือว่าขอพื้นที่ปลอดนักฉอด;; บางทีเป็นอีกโพก็คนละฟีลเตอร์แล้วอ่ะ สมมุติอฟช.ขายคาร์นิ่งเจ้าเล่ห์ ชิปเปอร์คนหนึ่งใส่ตีมจิ้งจอกร้ายๆ อีกคนบอกแมวน้อยดื้อ วิธีการเขียนมันมีไบแอสความชอบอยู่แล้วอ่ะ ทางแก้ง่ายสุดคือถ้าอ่านแล้วไม่ใช่ก็ปิดทิ้งนั่นแหละ กูเลยอยู่ฝั่งไม่สนับสนุนกับการชี้ว่าใครหลุดคาร์ ด่าฉอดเดอร์ชอบแบ่งกรอบเยอะ เดี๋ยวของเข้าตัวง่ะ แค้นมากก็ต้องผลิตเอง ไม่ก็ไปดูฝั่งปท.อื่นจริตที่ใช่ ถ้าไม่รอดจริงก็ไปคอมมิชชั่นเล้ย
ส่งได้แล้วว่ะ5555 สักที กูมองบนซ้ายขวาอยู่เป็นวัน ทวิตก็ไม่ได้เดี๋ยวนักฉอดพุ่งมาขอให้การศึกษาหน่อยนะคะ
กูก็ไม่ชอบพวกหลุดคาร์นะ แต่อ่านแล้วไม่ชอบก็ปิด และคงไม่ไปด่าคนเขียนหรอก ขณะเดียวกันกูก็เข้าใจคนบ่นว่ะ มันคงอยากบ่นแต่เสือกมีคนอยากบ่นเหมือนกันเยอะเลยรีไปไกล
คือเรื่องหงุดหงิดพวกหลุดคาร์อย่างนึงของกูคือ คนเขียนแม่งเหมือนไม่ได้อยู่ด้อมเหรอวะ ถึงเขียนคาร์เหมือนนี่มึงอ่านตูนหรือดูอนิเมเรื่องเดียวกับกูมาแน่นะ หรือแค่มาเกาะด้อมหาแดกเฉยๆ ชอบจริงแน่นะเว้ย ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมากูคงไม่พูดใส่หน้าใครงี้หรอก 5555555555555555
ทวิตนั้นผิดที่แมสแหละ ก็แค่คนบ่นคนนึงแต่ดันมีคนเห็นด้วยเยอะ ละคนไม่เห็นด้วยก็เข้ามาอีก
โควทกับเมนชั่นของทวิตบ่นนั้นทำให้กูตรัสรู้ว่าคนไทยยุคนี้อ่านหนังสือไม่แตก มักง่าย ภูมิใจกับผลงานหลุดคาร์ยับๆของตัวเอง เจออะไรไม่พอใจพุ่งไปด่าเขาไว้ก่อน
เจอคนแซะว่าทำไมสาววายต้องจ้องจะชิปวายตลอดทั้งที่แนวบีแอลก็มีให้เสพ แต่คนบ่นเป็นสายยูเมะชอบงอกออริไปคู่ตลค.ในเรื่อง
>>209 กูเคยเจอฟิคฝรั่งแม่งขึ้นจั่วเลยว่า ไม่ได้เล่นเกมนะคะ แต่เห็นคาร์จากแฟนอาร์ต/คัทซีนโมเม้นแล้วคาดเดาคาร์เอา เอาว่ะ
พูดถึง คนที่ด่าอฟช.ทำคาร์ooc กูเห็นด้วยแค่เคสที่ไปเป็นทีวีตอนออริ กับ มังงะside storyเท่านั้นว่ะ
กรณีที่ทำนิสัยคาร์บิดจากเดิมจริงๆนะ ไม่ใช่ลายเส้นไม่ถูกใจฟิลเตอร์แล้วด่าอฟช.ooc(เคยเจอในด้อมเกมนึง)
กูรำคาญพวกที่มาชี้หน้าสอนคนอื่นว่าแค่เป็นฟิคก็oocแล้วมากกว่า
>>212 ไม่แปลกใจเท่าไหร่ ยูเมะกับสาววายก็ตีกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว สายยูก็ตัดพ้อ น้อยใจว่าสายนี้ไม่มีใครเข้าใจเลย ในทางกลับกันสาววายมีพวกเยอะไปหมดได้การยอมรับมากกว่า สาววายก็จะแบบแล้วนี่ยูเมะมันเอาตัวละครที่ไม่มีใครรู้จักมาคู่กับตัวละครที่มีจริงไม่มีใครชอบหรอกจิ้นวายผิดตรงไหนบลาๆ ซึ่งคนที่เป็นทั้งคู่อย่างกูก็จะทำตัวไม่ถูกหน่อย
ทำไมจู่ๆมาฉอดวันพีชกันเรื่องขายเซอร์วิส เกิดไรขึ้นวะ
>>218 มีเยอะมากแล้วฟิคก็จะแมสจากคนที่ไม่ได้ตามเรื่องนั้นๆด้วย พวกนี้เน้นหาคู่แมสๆแล้วเอาชื่อไปใส่เพราะมีคนมาอ่านแน่นอน แล้วพวกนี้แหละที่ร้อนตัวกับทวิตเรื่อง OOC แล้วมาว้อแตกว่าแค่เขียนวายก็ OOC แล้ว เพราะมันไม่รู้จักคาร์ด้วยซ้ำว่าเป็นไงเพราะไม่เคยตามเนื้อเรื่อง
บางทีเห็นคาร์ชั่วๆร้ายๆโดนเอามาใส่ในฟิคเป็นอุเคะตัวบางแรงน้อยใสซื่อเรียกเซเมะว่าพี่ฮะๆกูครินจ์เลย
เจอทวิตเอาข่าวพนง.เอาโดนัทไปแจกคนไร้บ้านแล้วโดนไล่ออกมา ต้นทวิตบิกแรงไป น่าจะแค่ตักเตือนก็พอ (ไม่รู้ว่านี่ครั้งแรกรึเปล่าอ่ะ) คนอื่นบางคนก็โยงไปด่าทุนนิยมจ้า ทั้งที่มันควรลงประเด็นเรื่องปริมาณการผลิตอะไรงี้ป่ะ จะมาแนวทุนนิยมทำให้ความเป็นคนหาย ตัวทำโลกร้อน ใช้ของไม่ดีถึงเสียเร็วล่ะสิ บลาๆอะไรก่อน ก็มีคนแย้งนะว่าแล้วถ้าเกิดคนกินป่วยขึ้นมา ใครรับผิดชอบ แล้วทำไมไม่ซื้อไปแจกล่ะ คือเจอหลายคนนี่รักโลกแบบกลวงชิบหาย 55
>>227 ฟิคพวก ooc กูเข้าใจได้นะ แต่ฟิคที่ทั้งooc ทั้งเปลี่ยนชื่อแปลงเป็นชื่อไทยแบบไม่เหลือเค้าเดิมนี้ทำเพื่อไรวะถ้าเป็นauไทยแปลงแบบจงใจจะยังมีความเหมือนเดิมอันนี้กูเข้าใจแบบไมกี้ -> ไม้งี้ แต่ที่เจอคือแปลงแบบไหงแปลงเป็นงี้ได้วะ คือเหมือนจงใจบอกว่าจะเขียนฟิคคู่นี้นะด้วยแต่แปลงแบบนี้กูโคตรงง
>>229 กุมองว่า
การช่วยคนคือ เรื่องดี
ของเหลือทิ้ง food waste เป็นเรื่องแย่
แต่การเอาของซื้อของขายไปแจกโดยพลการ ไม่ว่าจะใกล้หมดอายุหรือไม่ โดยยังไม่ได้ขอหรือรับอนุญาตจากหัวหน้าหรือเจ้าของก่อน ถือว่าคุณทำผิดกฏนะ มองในแง่สินค้า มันเหมือนคุณลักลอบสินค้าบริษัทออกไปโดยพลการ
ส่วนบทลงโทษ เราไม่รู้ว่าเคสนี้เกิดขึ้นครั้งแรกไหม ก่อนจะไล่ออก อาจมีเรียกคุย ตักเตือนไหม เราก็ไม่รู้อีก รู้อีกทีคือใครสักคนเอามาทวิต
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.