อย่างที่บอก คนด่าร้าน เกลียดร้าน มีร้อยละเท่าไหร่ล่ะที่ปฏิบัติตามกฎองค์กรจริงๆ ปฏิบัติตามสัญญาจ้างจริงๆ ส่วนค่าจ้าง ก็จ่าย overrated ไปแล้วนิ ขึ้นชื่อว่าบริษัท มันก็หาประโยชน์ทั้งนั้นเพราะวัตถุประสงค์การจัดตั้งคือเพื่อหากำไรสูงสุด เพื่อเพิ่มความมั่งคั่งให้แก่ผู้ถือหุ้น เรื่องทำนู่นนี่นั่นเกินกว่าเมด ก็ต้องถามว่าอะไรคือเกิน อะไรคือไม่เกิน แล้วก็ต้องถามต่อว่า ค่าจ้างที่ยุติธรรมในสายตาของ คนที่ไม่ใช่คนทำงานปกติทั่วไป มันต้อง ชม.ละเท่าไหร่ เดือนละเท่าไหร่ ค่าคอมต้องเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้น ผมเชื่อว่าคนจำพวกนี้แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้ไปแล้ว ด้วยการให้ลูกค้าขาประจำไปเปย์่ส่วนตัว และที่สำคัญ ตัวเลขไม่โกหก ค่าแรงต่อ ชม. ของร้านนี้ สูงกว่าค่าแรงในอุตสาหกรรมร้านอาหาร ถ้าเทียบกับตำแหน่งเดียวกัน อย่างมีนัยยะสำคัญ เลยต้องบอกมาไง คำว่าไม่กดค่าแรง มันคือต้อง ชม. ละเท่าไหร่ถึงจะเรียกว่าไม่กด และทำหน้าที่ไม่เกินเมด คือต้องทำยังไงที่ว่าไม่เกิน และหากมองว่าเรื่องทั้งหมด มันไม่ยุติธรรมอยู่ดี
ง่ายมาก!!! อย่าเซ็นสัญญาจ้าง!!! อย่าเข้ามาทำแต่แรก หันหลังไป ไปทำร้านข้างๆ
บอกว่าทำเกินกว่าเมด ร้านอื่นก็ทำเยอะเหมือนกัน งานประจำในจักรวาลหลัก ก็ทำเกินหน้าที่แทบทั้งนั้น เพราะมันคือธรรมชาติของคนทำงาน ที่ต้องรู้จักทำงานเชิงรุก ย้ำว่า ธรรมชาติของคนทำงาน ไม่มีหรอก คนจักรวาลหลักที่งงกับเรื่องพวกนี้ ไม่มีหรอก คนทำงานที่งงกับเรื่องพวกนี้ ไม่มีหรอก คนที่ไม่เคยทำผิดกฎจรรยาบรรณของร้านร้ายแรงจะงงกับเรื่องพวกนี้ ก็เหมือนคนในจักรวาลหลักทั้งหลาย ตามบริษัทต่างๆมากมายก่ายกอง ทึ่เช้าชามเย็นชาม เข้ามาสมัครในบริษัทด้วยการเป็น Gold Diggers, Routiner ไปๆมาๆ ก็มาตั้ง Rumour Union ในบริษัท หัวข้อโปรดที่ชอบพูดคือ งานหนักเงินเดือนน้อย!!!!!
แทบไม่ต่างกัน คนเหล่านี้เข้ามาทำงาน กินแรงเพื่อนร่วมงานไปเรื่อยๆ เนียนๆ ทำถึงจุดนึงก็อัพโปรไฟล์แล้วไปสมัครที่ใหม่ แล้วเรียกเงินเดือนสูงขึ้นเรื่อยๆ เยอะแยะ อย่าว่าแต่ในเมด ไอดอล เลย คนปกติก็มี
อยู่ไปซักพักก็เริ่มต้องหนี เพราะอยู่นานเข้าเกรงว่าคนในองค์กรจะรู้ทัน ว่าตนเองไม่มีความรู้ความสามารถ แต่ก็ถือว่านานพอจนอัพโปรไฟล์ได้แล้ว ทำไปเรื่อยๆ มันก็จะไปตันเมื่อเงินเดือนเริ่มไปหลักหมื่นปลายๆ จนถึงแสนขึ้นไป แล้วคนเหล่านี้ก็จะเริ่ม insecure ยิ่งเห็นว่าเด็กใหม่ เก่งกว่า ขยันกว่า แถมไม่เรียกร้องอะไร ก็หาทางไล่กำจัด เพราะปล่อยไว้ก็คงจะโดนเอามาเทียบ KPI และตนคงโดนเลิกจ้าง
สุดท้ายนี้ก็คงต้องถามคนที่บอกว่าเงินเดือนที่ได้จากเมดไม่ยุติธรรม ก็ต้องบอกชื่อบริษัทมา ว่าบริษัทไหนยุติธรรม แต่ก็ต้องดูเมดว่า
1. เรียนจบอะไรมา
2. ทักษะด้านภาษาระดับไหน
3. มีประสบการณ์การทำงานมาอย่างไร
4. ความสามารถในด้านสื่อสารองค์
5. ข้อนี้ไม่อยากขยี้เลยนะ แต่ขอหน่อย นั่นคือ ความสามารถในการเต้น ในการร้อง (ความแม่นยำในท่า ความอึด ความสวยงามของท่า ร้องเพี้ยนมั้ย พลังเสียงได้ประมาณไหน รู้ๆกันอยู่ 555555 )
6. หน้าตาสวย??? (ก็ต้อง identify มา แล้วเทียบให้เห็นไปเลย เทียบกับพนักงาน 7-11 ชั้นล่างสุดก็พอ ไม่ต้องถึง Starbucks ว่าสวย น่ารักแบบชนะขาดเลยมั้ย เอาหนังหน้ามาวัดกันไปเลย)
ส่วนเรื่องที่บริษัทไม่มีประกันสังคมอย่างทั่วถึง หรืออาจไม่มีประกันกลุ่ม อันนี้ก็ไม่เข้าข้างบริษัทเหมือนกัน และเรื่องค่าคอม ก็ไม่เข้าข้างบริษัทเหมือนกัน
และต่อให้ไม่มีร้านที่ว่ามาเปิดด้านบน ถึงวันนึงไม่นานก็้องยุบสาขาอยู่ดี ร้านที่มีรายได้ส่วนใหญ่จากลูกค้าหน้าเดิม และให้หน้าเดิมๆจ่ายหนักๆ ยังไงก็มีแต่เจ๊งกับเจ๊ง ต้องขอขอบคุณร้านใหม่ด้วยซ้ำ ที่มาช่วยให้ความจริงมันเผยเร็วขึ้น มาเร่งปฏิกิริยาให้ผลแห่งงานมันสะท้อนออกมาอย่างชัดแจ้ง ไม่ต้องเอาร้านเมดหรอก เทียบกับขายตรงแอมเวย์ก็ได้ คนที่มั่นคงและสำเร็จแบบยั่งยืน ก็คือคนที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาืี่ไม่สูงมากนัก โดยขายให้กับลูกค้าเป็นจำนวนมาก ผิดกับพวกที่ยอดทะลุเร็ว เลื่อนขึ้นเร็ว จากการที่เข้าขายเครื่องกรองน้ำ เครื่องกรองอากาศรัวๆ
แต่ผมไม่แคร์นะ ถ้าร้านแม่งจะเจ๊ง ธุรกิจมีเกิดใหม่ มีปิดการเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว และผมก็เข้า MBK อย่างสม่ำเสมอตั้งแต่ 2540 ในตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าจะมีร้านเมด แล้วก็ชอบจังหวัดปทุมธานีอยู่แล้ว ตั้งแต่ตอนเรียนประถม ไม่รู้หรอกว่าเมดจะมาเปิดสาขาในช่วง 66-67 เรียน ทำงานมาทั้งชีวิต ก็ไม่เคยเจอในจักรวาลหลักนะพวกเมด ไอดอล พวกโอตะ พวกกลุ่มนายท่านขาประจำ อยู่ได้ก็อยู่ไป อยู่ไม่ได้ก็ปิดกิจการไป ดี!! ให้เจ้าของร้านไปทำอย่างอื่น ผมก็ตามไปอุดหนุนได้อยู่ดี