MDM มาได้แค่นี้แล้ว ไม่ตายแต่ก็เลี้ยงไม่โต แต่ถ้าพลาดหนักๆซักทีก็ตายได้เลย คำว่าไม่ตาย และอยู่รอดมาได้นาน เกิดจากรายได้ของร้านกว่าร้อยละ 90 มาจากลูกค้าขาจรทั้งสิ้น ดังนั้นใครจะอยู่ ใครจะไป ต่อให้รุมเกลียดร้าน มันก็จะประคองตัวมันไปได้เรื่อยๆ
แม้จะไม่มีขาประจำเลย ร้านก็จะยังไม่ปิดกิจการ
แต่ทว่าที่เลี้ยงไม่โตนั้น เกิดจากพฤติกรรมของพนักงานที่ไล่แขก เผลอไม่ได้ เอะอะๆ ก็จะขายของที่ลูกค้ามิได้ประสงค์จะซื้อแต่แรกเริ่ม พอขายไม่ได้ก็งัดวาทะศิลป์จนถึงลูกล่อลูกชนทุกรูปแบบ เมื่อเป็นเช่นนั้น ชุดความคิดของพนักงานในนั้น 100%++ จึงมิได้มุ่งหวังการขยายฐานลูกค้า หรือการสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจ จะสังเกตได้ว่าทางร้านออกอีเว้นท์มามากมายก็เพื่อบีบเอายอดจากลูกค้ากลุ่มเดิมๆ อีกทั้งยังมุ่งไปทางการกระหน่ำขายสินค้าที่มิได้จำเป็นต่อการดำรงชีวิต แต่ก็ยังไม่หนักเท่าการบีบเอายอดขายสินค้า ที่ลูกค้ามิได้มีเจตนาจะทำการซื้อแต่แรกเริ่ม และเป็นพนักงานเหล่านี้เอง ที่อาศัยสายสัมพันธ์ (แบบฝันๆ) จนถึงความหน้าบางของลูกค้าบางคนที่ปฏิเสธ
ไม่เก่ง ในการบีบเอายอดขาย
ผลจากการกระทำดังกล่าว
1. เป็นการทำลายทรัพย์ลูกค้าขาประจำแบบอัตราเร่ง
2. เป็นการไล่แขกใส่ลูกค้าขาจรทุกจำพวก ที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนมาเป็นขาประจำ
นี้จึงเป็นบทสรุปคร่าวๆได้ว่า ร้านนี้ มาได้แค่นี้แหละ และจักต้องบริหารกิจการแบบบริหารเงินสดในลักษณะเข้ากระเป๋าซ้าย ออกกระเป๋าขวาอยู่ร่ำไป สภาพพนักงานแต่ละคนคือเรียกได้ว่า มิอาจดำรงอยู่ในตลาดงานที่คนทั่วไปอยู่ได้ (ทำมาหากินแบบคนปกติ) อาจเป็นเพราะ บริษัทนี้จ่ายเงินเดือนแบบ overrated มากๆ และงานสบายกว่าที่อื่นมากๆ เทียบกับตำแหน่งเดียวกัน ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ร้านไม่เดือดร้อนหรอก ต่อให้ขาประจำกระเป๋าหนักจะแบนร้าน แต่ร้านจะเดือดร้อนหนักแน่ กับไอ้พฤติกรรมไล่แขกของพวกพนักงาน โดยเฉพาะที่กระทำกับขาจรทั้งหลาย ระวัง จะได้ปิดกิจการแบบไม่ทันตั้งตัว
ปล. เจ้าของร้านไม่ว่าอะไรหรอกที่ผมพิมพ์ไปแบบนี้ แต่ถ้ามีพนักงานคนไหนไม่พอใจที่ผมพิมพ์อะไรแบบนี้ ผมก็ยินดีแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการให้พนักงานคนนั้นโดนไล่ออกด้วยข้อหาบางอย่าง