ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า Stereo คืออะไร Mono คืออะไร Mono ก็คือเสียงที่อยู่แค่ตรงกลางส่วน Stereo มันก็คือเสียงสองข้างซ้ายกับขวาที่ไม่เหมือนกันคอนเสปมันก็ง่ายๆเลยมันก็คือการเอาเสียง Mono ที่มันไม่เหมือนกันมาทำการ Localize ทำการ Pan ให้มันออกซ้ายออกขวาก็แค่นั้นแหละซึ่งในการอัดเสียงมันก็มีแบบทั้งอัดแบบ Mono ก็คือไมค์ตัวเดียวแทรคเดียว แล้วก็แบบ Stereo ก็คืออัดสองไมค์พร้อมกันสองแทรคแล้วเอาไป Pan ซ้ายกับขวาซึ่งก็อย่างที่บอกเลยว่าแท้จริงมันก็คือ Mono สองแทร็คที่ไม่เหมือนกันแล้วเอาไป Pan ซ้ายขวาแค่นั้นเองไม่มีอะไรซับซ้อนเลย ดังนั้นมันไม่เกี่ยวเลยว่าต้องใช้คอมทำ เพราะระบบเสียง Stereo มันมีมานานกว่าครึ่งศตวรรษโน่นแล้วสมัยก่อนไม่มีคอมเขาก็ใช้ระบบ Analog ล้วนคืออัดเข้า Tape Reel จากนั้นก็เอามากด Playback แล้วใช้บอร์ด Mixer และอุปกรณ์ Outboard Gear ต่างๆในการผสมเสียงจัดการเสียง ส่วนเวลาอัดแยกก็ไม่มีอะไรมากหรอกก็แค่อัดทับซ้อนลงไปที่เทปนั่นแหละจะอัดทับกันเป็นร้อยครั้งก็ไม่มีใครว่าหรอก เพียงแต่ในเชิงการ Edit เสียงการ Quantization มันไม่ได้ละเอียดระดับ Millisecond หรือ Microsecond แบบในคอมพิวเตอร์เหมือนสมัยนี้ดังนั้นเขาถึงบอกไงว่าศิลปินหรือนักดนตรีมือปืนห้องอัดต้องซ้อมกันหนักมากๆเพราะจะต้องเล่นให้ผิดพลาดน้อยที่สุด เพราะมันพลาดแค่นิดเดียวมันก็ต้องอัดใหม่ทั้งยวง สิ้นเปลืองเวลาแถมสิ้นเปลืองงบอีกเพราะ Tape Reel ม้วนนึงแม่งโคตรแพง ในขณะที่เดี๋ยวนี้มันสะดวกสบายขึ้นเยอะอัดพลาดแค่นิดดียวมันก็อัดเจาะซ่อมทีละจุดได้ ขนาดอัดทีละโน้ตเอาไปตัดแปะกันจะเป็นคอร์ดทำทีละคอร์ดทีละพยางค์จนกลายเป็นเพลงก็ยังทำได้ เพราะเดี๋ยวนี้คนทำเพลงกันจนเกร่อเพราะอุปกรณ์ถูกลงราคาจับต้องได้เอาทั้งสตูดิโอยัดลงคอมเครื่องเดียว แถมความรู้ How to ต่างๆมันก็หาง่ายพวกแม่งออกมาขายคอร์สสอนกันเกลื่อนเน็ต แถมไม่พอมันยังมีพวก Software โกงๆที่มันมี่แค่ปุ่มเดียวหมุนปุ๊ปเสียงแม่งดีเลย มีหนักกว่านี้อีกคือทำเป็นเสียงไลนืเครื่องดนตรีเป็น Loop สำเร็จรูปมาให้เลยก็มี ดังนั้นเดี๋ยวนี้ไม่ต้องคนมีความรู้ไม่ต้องคนเรียนด้านนี้มาเดี๋ยวนี้ก็ทำเพลงได้ ซึ่งมันก็ไม่แปลกหรอกที่เดี๋ยวนี้มันจะมีพวกมือสมัครเล่นอยากจะมาเติมเต็มความฝันตัวเองซึ่งถ้าว่ากันตามตรงว่าการ Performance หรือความรู้สกิลก็ไม่ได้ดีพอที่จะใช้ในการทำเพลงได้จริงหรอก แต่มันอาศัยพวกทางลัดตัวช่วยพวกนี้แหละโกงกันจนตลาดเศรษฐกิจวงการแทบจะพินาศเพราะตัดราคากันดิ่งลงเหวไปเรื่อยๆนี่แหละ จนมีอยู่ช่วงนึงที่พวกทำบีทกันเกร่อๆเรียกได้ว่าช่วงนั้นคือยุควงการทำเพลงถึงจุดตกต่ำขนานแท้เพราะเพลงในชาร์ตช่วงนั้นมันมีแต่พวกเพลง Sound Production ห่วยๆชุ่ยๆเต็มไปหมดเลยแล้วพอมันยิ่งดังคนมันก็ยิ่งแห่กันมาทำตาม แต่ไม่ได้ศึกษาอะไรให้มันดีเลยสักแต่ทำอย่างเดียวแล้วก็แข่งกันตัดราคาจนเป็นดราม่ากันอยุ่พักนึงเลย