ข้าพเจ้าถวายคำนับ เชิญเสด็จ ทรงจ้องข้าพเจ้าด้วยพระเนตรดุเดือด
“ตาประยูร แกเอากับเขาจริงๆ พระยาอธิกรณ์ประกาศบอกฉันไม่เชื่อ ฉันตั้งชื่อทำขวัญให้แกเมื่อเกิด ฉันเลี้ยงแกมาตั้งแต่เด็ก โกรธฉันที่ไม่ไปเผาศพพ่อแกใช่ไหม”
ข้าพเจ้าให้ ร.อ.ประเสริฐ สุขสมัย ร.น. ถือปืนกลทำหน้าที่อารักขา เข้าห้องประทับ แล้วปิดประตูห้องดังลั่น ทรงจ้องมอง...พอสำนึกได้ ข้าพเจ้าวางปืน ก้มลงกราบขอพระราชทานอภัย
“พวกแกต้องการอะไร ต้องการปาลิเมนต์ มีคอนสติติวชั่นใช่ไหม” ข้าพเจ้ากราบทูล “ใช่”
“แล้วมันจะดีกว่าที่เป็นเวลานี้หรือตาประยูร” เมื่อได้ความข้าพเจ้าเรียนจบรัฐศาสตร์จากปารีส “อ้อ มีความรู้มาก แกคงรู้จักโรเบียสเปียมารา และกันตอง เพื่อนน้ำสบถฝรั่งเศสดีแน่”
ในที่สุดมันผลัดกันเอากิโยตีนเฉือนคอกันทีละคน
จำได้ไหม ฉันสงสารแก ฉันเลี้ยงแกมา นี่แกเป็นกบฏ รอดจากอาญาแผ่นดิน ไม่ถูกตัดหัว แต่จะต้องถูกพวกเดียวกันฆ่าตาย แกจำไว้”
พล.ท.ประยูร จำรับสั่งนี้ไว้ไม่นาน เมื่อได้อ่านใบปลิวแถลงการณ์คณะราษฎรเขียนโดยปรีดี บอกแนวโน้มรัฐบาลใหม่...คำ “ศรีอารยะ” มีนัยที่รู้และขอร้องกันไว้ หมายถึงคอมมิวนิสต์
ไม่เพียง พล.ท.ประยูร จะเลือดขึ้นหน้า 1 ใน 4 ทหารเสือ พระยาทรงสุรเดช...ก็โกรธขึ้งปึงปัง ความขัดแย้งเรื่องนี้มีผลให้ พระยาทรงเป็นคนแรกที่ถูกเนรเทศ