สงครามกลางเมืองของจักรวรรดิมองโกล
สำหรับเหตุการณ์ทางตะวันตก หลังจากฮูลากูพิชิตนครแบกแดดและกวาดล้างราชวงศ์อับบาซิดแล้ว พระองค์ได้เข้าโจมตีนครรัฐมุสลิมในซีเรียจนนครรัฐเหล่านั้นถูกพวกมองโกลยึดครองจนหมด จากนั้นฮูลากูจึงสถาปนาอาณาจักรอิลข่านขึ้น
หลังพิชิตซีเรีย ฮูลากูได้ส่งทูตไปอียิปต์ ที่ถูกปกครองโดยราชวงศ์มัมลุคที่เพิ่งก่อตั้งและเรียกร้องบรรณาการรวมทั้งการสวามิภักดิ์
สุลต่านกูตุซแห่งมัมลุคสั่งให้ตัดหัวคณะทูตและส่งกลับไปแทนคำตอบ ทำให้ฮูลากูโกรธมากและเตรียมทำศึกกับอียิปต์
ขณะเดียวกัน เบอร์เก ข่านองค์ที่สี่แห่งโกลเดนท์ฮอร์ด อนุชาของบาตู ผู้สถาปนาโกลเดนท์ฮอร์ดและเป็นข่านองค์แรก ก็ไม่พอใจที่ฮูลากูทำลายนครแบกแดดและสังหารหมู่ชาวมุสลิมจำนวนมาก ระหว่างทำศึกในตะวันออกกลาง เนื่องจากข่านเบอร์เกนั้นนับถือศาสนาอิสลาม นอกจากนี้ พระองค์ยังมีปัญหากับฮูลากู เรื่องดินแดนอาเซอร์ไบจาน ที่เดิมเป็นของโกลเดนท์ฮอร์ด แต่จอมข่านมองเกมีบัญชาให้ส่งมอบให้ฮูลากู ซึ่งแม้จะไม่พอใจ แต่เบอร์เกก็ต้องยอมรับพระบัญชา
อย่างไรก็ตาม เบอร์เกก็ยังไม่ปะทะกับฮูลากูเนื่องจากเห็นว่า ชาวมองโกลไม่ควรมาฆ่ากันเอง พระองค์จึงส่งจดหมายตำหนิฮูลากูไปร้องเรียนต่อจอมข่าน ทว่าจอมข่านสิ้นพระชนม์ก่อนจดหมายจะไปถึง ซึ่งเมื่อภายหลังฮูลากูได้ทราบเรื่องนี้ ก็ขุ่นเคืองมาก
นอกจากนี้ รัฐสุลต่านมัมลุคยังเคยมีสัมพันธ์การทูตกับโกลเดนท์ฮอร์ดรวมทั้งยังเป็นประเทศคู่ค้ากันด้วย อีกทั้งยังเป็นมุสลิมเหมือนข่านเบอร์เก จึงทำให้ข่านฮูลากูเริ่มหวาดระแวง
ในระหว่างนี้เอง ข่าวการสวรรคตของจอมข่านมองเกก็มาถึง ซึ่งตามกฏมณเฑียรบาลแล้ว ฮูลากูต้องกลับไปคาราโครัมเพื่อร่วมพิธีพระศพและเข้าประชุมใหญ่(สภาคูรุลไต)เพื่อเลือกตั้งจอมข่านพระองค์ใหม่
เวลานั้น ฮูลากูเห็นว่า สถานการณ์ในซีเรียยังไม่น่าเป็นห่วงนัก ประกอบกับช่วงฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลง ทำให้มีปริมาณหญ้าและน้ำไม่พอเลี้ยงม้าศึกทั้งหมด พระองค์จึงนำกำลังส่วนใหญ่ของกองทัพมองโกลกลับไปด้วย โดยให้แม่ทัพคิต บูกา สหายสนิทของจอมข่านมองเกพร้อมทหารมองโกล 12,000 นาย อยู่คุมสถานการณ์ในซีเรียร่วมด้วยกำลังพลจากรัฐครูเสดในตะวันออก กลางที่เป็นพันธมิตรของมองโกล
ขณะเดียวกัน เจ้าชายกุบไลที่กำลังนำทัพจากซ่งใต้ ขึ้นเหนือไปคาราโครัม ก็ได้ทราบข่าวว่า พระอนุชา อาริบัค ที่มองเกแต่งตั้งให้เป็นผู้รักษากรุงคาราโครัม กำลังรวบ รวมผู้สนับสนุน เพืื่อชิงตำแหน่งจอมข่าน โดยมีสมาชิกทั้งหมดของครอบคร้วจอมข่านมองเกและสมาชิกของตระกูลโอกาไดกับชากาไตจำนวนมากให้การสนับสนุน
เมื่ิอประเมินสถานการณ์แล้ว เจ้าชายกุบไลทรงเห็นว่า การไปคาราโครัม มีอันตรายเกินไป เนื่องจากขุมกำลังของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่นั่น พระองค์จึงนำทัพไปยังเมืองไคผิงหรือ เมืองซ่างตูที่อยู่ทางเหนือจีน (ปัจจุบันอยู่ในเขตมองโกเลียในของจีน)และจัดประชุมคูรุลไตขึ้น ซึ่งเป็นการประชุมคูรุลไตครั้งแรกนอกถิ่นฐานเดิมของชาวมองโกลในเอเชียกลาง โดยเจ้าชายกุบไลทรงขึ้นเป็นจอมข่าน ด้วยการสนับสนุนจากผู้ติดตามของพระองค์และเชื้อพระวงศ์อีกจำนวนหนึ่ง