หลังยุติสงครามกับซ่งใต้ พระนางโตเรกีนได้พยายามหาเสียงสนับสนุนให้โอรสของพระนางขึ้นครองราชย์โดยมีคู่แข่งคือ พระนางซอกัจตานิ ชายาหม้ายของโตลุย ที่มีเจ้าชายมองเก เป็นผู้ชิงตำแหน่ง
สำหรับเหตุผลที่ทำให้ทายาทของโตลุยกลายมาเป็นคู่แข่งกับทายาทของโอกาไดนั้น เกิดจากเมื่อครั้งที่จอมข่านโอกาไดเสด็จกลับจากทำสงครามกับต้าจินไม่นานก็ล้มเจ็บด้วยโรคประหลาดที่หมอนานาชาติทั้งมองโกล ฮั่น คิตัน เติร์ก ก็จนปัญญารักษา จึงทำพิธีเชิญเทพมาเข้าร่างทรง และได้คำตอบว่า อาการประชวรครั้งนี้ เกิดจากพระเคราะห์หนัก ทางแก้มีเพียงต้องให้ญาติที่ใกล้ชิดที่สุดมาดื่มน้ำมนต์ ที่ปลุกเสกแล้ว หาไม่ อาการของจอมข่านโอกาไดอาจรุนแรงถึงสวรรคต
และเนื่องจากพระญาติที่ใกล้ชิดที่สุดของจอมข่านที่ยังเหลืออยู่ มีเพียงพระอนุชาโตลุย ที่เป็นน้องชายร่วมพ่อแม่เดียวกันเท่านั้น โตลุยจึงยอมดื่มน้ำสะเดาะเคราะห์ และเพื่อตอบแทนตวามเสียสละนี้ โอกาไดให้สัญญาว่าจะให้โตลุยและทายาทได้สืบบัลลังก์ต่อจากพระองค์แต่ไม่กี่วัน ต่อมา หลังพิธีสะเดาะเคราะห์ โตลุยก็ป่วย อาเจียนเป็นเลือดและตาย
โอกาไดทาบทาม ซอกัจจานิ ชายาหม้ายของโตลุยให้แต่งงานกับกูยุค โอรสองค์ใหญ่ของพระองค์ แต่นางปฏิเสธ ซอกัจตานิเป็นหลานสาวของโตริลข่าน อดีตผู้นำเผ่าเคเรอิท พ่อบุญธรรมของเจงกีสข่าน นางจึงนับว่ามีอิทธิพลมากพอสมควรและทำให้จอมข่านไม่อาจฝืนใจนางได้
พระนางซอกัจตานิ มีโอรสสี่องค์เรียงลำดับ คือ มองเก กุบไล ฮูลากู และ อาริบัค ในเวลานั้น มองเกเพิ่งเข้าวัยหนุ่ม ส่วนกุบไลยังเป็นวัยรุ่น ขณะที่โอรสอีกสององค์ ยังเป็นเด็ก แต่ด้วยสัญญาของจอมข่านที่ให้กับโตลุย จึงทำให้มองเก โอรสองค์ใหญ่ของนาง มีสิทธิสืบทอดตำแหน่งจอมข่าน หรือ คาร์กาน ด้วย
พระนางซอกัจตานิ มีความสนิทสนมกับ บาตู ข่านแห่งโกลเดนท์ฮอร์ด ขณะที่พระนางโตเรกีน นอกจากจะมีกำลังสนับสนุนจากเหล่าแม่ทัพและขุนนางแล้ว ยังได้ รับการสนับสนุนจากเหล่าสมาชิกตระกูลชากาไต ข่านผู้ปกครองเอเชียกลาง
ทั้งนี้ นับแต่จอมข่านโอกาได สวรรคต พระนางโตเรกีนได้ใช้อิทธิพลและเลห์เพทุบายกำจัดฝ่ายตรงข้ามอย่างโหดเหี้ยม ไม่เว้นแม้แต่เชื้อสายราชตระกูลของเจงกีสข่าน จนสุดท้าย ก็สามารถทำให้ กูยุค โอรสของนางขึ้นเป็นจอมข่าน ได้สำเร็จในปี ค.ศ.1246
แม้ฝ่ายตรงข้ามของพระนางโตเรกีนจะถูกกำจัดอย่างโหดเหี้ยม แต่พระนางซอกัจตานิกับโอรส ได้รับความคุ้มครองจากบาตูข่านจึงยังปลอดภัย แต่ก็ต้องอยู่อย่างระวังตัวตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม ความฝันจะมีอำนาจสูงสุดของพระนางโตเรกีนต้องจบลง เพราะหลังกูยุคขึ้นครองราชย์ พระ องค์ได้ยึดอำนาจจากพระมารดารวมทั้งประหารฟาติมา คนสนิทของพระนางและเมื่อจอมข่านกูยุคครองราชย์ได้แปดเดือน พระนางโตเรกีนก็สิ้นพระชนม์
สงครามระหว่างมองโกลกับซ่งใต้ ได้สงบลงในช่วงนี้เนื่องจากกูยุคให้ความสนใจกับการขยายอำนาจไปทางตะวันตกมากกว่า
หลังจอมข่านกูยุคสวรรคตในปี ค.ศ.1248 พระนางโอกุลคามิชพยายามหนุนโอรสของนางกับกูยุคขึ้นเป็นจอมข่าน ทว่าครั้งนี้ ชัยชนะตกเป็นของพระนางซอกัจตานิ ที่โอรสของนาง คือ มองเก ได้ขึ้นครองราชย์ในปี ค.ศ.1251 โอกุลคามิชร่วมมือกับชีเรมุน หลานชายของโอกาได วางแผนกบฏแต่ล้มเหลว หลังการต่อสู้อย่างดุเดือดและจบลงด้วยการประหารเชื้อพระวงศ์และแม่ทัพที่อยู่ฝ่ายของตระกูลโอกาไดและชากาไต โดยเชื้อสายของโอกาไดนั้น หมดอำนาจอย่างสิ้นเชิง ขณะที่กลุ่มเชื้อสายชากาไตถูกจำกัดอำนาจเหลือในเขตของตนแถบพื้นที่เอเชียกลางเท่านั้น