จักรพรรดิจินอายจงระดมทหารและชาวเมืองร่วมแสนคนเข้าสู้ แต่พ่ายแพ้ย่อยยับ จึงนำกำลังทหารที่เหลือทิ้งเมืองไคฟง ถอยไปตั้งมั่นที่ไช่โจว
เมื่อได้เมืองไคฟงแล้ว โอกาไดจึงเสด็จกลับคาราโครัมโดยมอบงานที่เหลือให้พระอนุชาจัดการ
หลังราชสำนักซ่งใต้อทราบว่า ทัพมองโกลทำลายทัพใหญ่ของต้าจินและทำให้จักรพรรดิจินอายจงต้องทิ้งเมืองไคฟง ซ่งใต้จึงขอเป็นพันธมิตรกับมองโกล โดยฝ่ายมองโกลได้ตกลงจะมอบดินแดนของอาณาจักรจิน ตั้งแต่เมืองไช่โจวลงไป ให้กับซ่งใต้เป็นการตอบแทน
ในปี ค.ศ.1233 หลังเป็นพันธมิตรกับมองโกลแล้ว ซ่งใต้ได้ส่งแม่ทัพเมิ่งกงนำทหารหนึ่งแสนโจมตีกองทัพจิน ที่นำโดยแม่ทัพหวูเซียนจนย่อยยับ
จักรพรรดิจินอายจงส่งสาส์นไปเตือนราชสำนักซ่ง ว่า อย่าไว้ใจพวกมองโกล เพราะวันใดที่ไม่มีต้าจินเป็นศัตรูร่วมกันแล้ว พวกมองโกลจะหันมาจัดการกับซ่งใต้
ราชสำนักซ่งไม่สนใจคำเตือน และสั่งให้แม่ทัพเมิ่งกงนเคลื่อนทัพไปสมทบกับทัพมองโกลเข้าปิดล้อมเมืองไช่โจว ที่มั่นสุดท้ายของพวกหนี่เจิน
แม้จะสิ้นหวัง แต่ทั้งทหารและชาวเมืองไช่โจวก็ได้ต่อสู้ป้องกันเมืองอย่างสุดกำลัง ทว่าสุดท้าย ทัพพันธมิตร มองโกล-ซ่งใต้ ก็สามารถตีเมืองแตก จักรพรรดิจินอายจงปลงพระชนม์ชีพองค์เอง หลังทราบว่าทัพข้าศึกเข้าเมืองได้แล้ว ซึ่งการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ คืิอวาระสุดท้ายของอาณาจักรจิน
หลังอาณาจักรจินล่มสลาย มองโกลได้ยกเมืองไช่โจวและอาณาเขตทางใต้ลงไปให้ซ่งใต้ ก่อนยกทัพกลับ ในปีรุ่งขึ้น คือ ปี ค.ศ.1234 จอมข่านโอกาไดมีบัญชาให้ส่งทัพใหญ่บุกตะวันตกเพื่อช่วยบาตูขยายอาณาเขตโดยกองทัพสายนี้จะบุกไปถึงยุโรปตะวันออก
ในปีเดียวกันนั้น เมื่อเห็นว่าทัพมองโกลถอยข้ามแม่น้ำหวงเหอไปแล้ว ซ่งใต้จึงเคลื่อนพลขึ้นเหนือเข้ายึด ลั่วหยาง ฉางอาน และเปี้ยนเหลียง หรือไคฟง ทว่าเมืองทั้งสามได้ถูกทัพมองโกลปล้นชิงและเผาทำลายไปนานแล้ว โดยแต่ละเมืองเหลือประชาชนเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น ซึ่งยากเกินกว่าซ่งใต้จะบูรณะหรือดูแล