>>17
ลุ่มถูกเร่งขึ้นมา ซึ่งนี่แหละคือกำแพงหนาๆ ที่ขวางกั้นไม่ให้ซิสเต็มเครื่องเสียงทะยานไปถึงจุด top performance ของมัน จนเมื่อได้ Venom PS10 เข้ามาปลดล็อคให้นี่แหละ ผมถึงได้รู้ว่า จริงๆ แล้วซิสเต็มที่ฟังดีอยู่แล้วของผมมันสามารถขยับคุณภาพขึ้นไปได้อีกไกลเลย.!!!
Venom PS10 ไม่ได้แสดงอาการของผลข้างเคียงใดๆ ออกมาให้ได้ยินเลยตลอดการใช้งานอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะทดลองเสียบแบบไม่ครบรู หรือทดลองเสียบเข้าไปจนเต็มจนไม่เหลือรูเสียบ หรือแม้แต่ทดลองเสียบอะแด๊ปเตอร์ 2 ขาที่ไม่แยกกราวนด์ลงไปก็ไม่ส่งผลกับอุปกรณ์ตัวอื่นๆ และไม่ทำให้ผลโดยรวมของเสียงแย่ลงด้วย สุดยอดมาก.!! แสดงว่ามันเสียบได้ทุกอย่างจริงๆ
ในช่วงท้ายๆ ของการทดสอบผมลองเอา Venom PS10 ไปทดลองใช้กับชุดดูหนังที่ห้องรับแขก โดยเสียบทีวีกับแอมป์สองแชนเนลที่ใช้ดูหนัง–ฟังเพลง เสียงกับภาพก็ออกมาดีกว่าเสียบปลั๊กจากตัวเครื่อง (ทีวี, แอมป์) เข้าไปที่เต้ารับบนผนังเยอะมาก แสดงว่า วงจรฟิลเตอร์ของ Venom PS10 มันทำงานไปไกลถึงระดับเมกกะเฮิร์ตแน่ๆ (ในสเปคฯ ระบุว่าสามารถกรองสัญญาณรบกวนตั้งแต่ย่านความถี่ 100kHz – 30MHz ลงไปได้มากกว่า 24dB)
สรุป
จริงๆ แล้ว ปลั๊กพ่วงหลายๆ ตัวในท้องตลาดก็มีความสามารถในการรองรับการจ่ายกระแสไฟ (หรือยอมให้กระแสไหลผ่านอย่างสะดวก) ได้เยอะ แต่ที่พบว่าบางตัวมีอาการที่ทำให้เสียงอั้นเหมือนจ่ายกระแสไม่ทันเวลาเสียบแอมป์หรือเสียบเครื่องเสียงหลายชิ้นพร้อมกันก็คงจะมาจากการออกแบบฟิลเตอร์ที่ใช้ในการกรอง noise ที่ยังไม่ดีพอ กับอีกอย่างคือประเภทของ “เบรคเกอร์” ที่ใช้ก็น่าจะมีผลเยอะ
หลังจากใช้งานมาเดือนกว่าๆ ผมรู้สึกว่า คุณภาพเสียงมันไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปจากวันแรกมาก มีอิ่มและเปิดขึ้นแน่ๆ แต่ไม่มาก แสดงว่าเทคนิคพิเศษที่ชื่อว่า KPIP ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าไม่ต้องเบิร์นฯ ก็ให้เสียงดีตั้งแต่แรกเหมือนผ่านการเบิร์นฯ มาแล้ว มันน่าจะได้ผลจริงตามที่เขาว่า เพราะผมรู้สึกว่าเสียงมันเปลี่ยนไปน้อยมาก รู้สึกถึงเสียงของซิสเต็มที่ดีขึ้นตั้งแต่นาทีแรกๆ ที่เสียบใช้งาน