Last posted
Total of 894 posts
ช่วงนี้กูซื้อกล้วยหอมกลับบ้านอาทิตย์ละหวีเลยแหละ เอาไว้แดกอิ่มเร็วๆตอนเย็นกลับบ้านเพื่อรักษาเวลาเล่นเกมไว้ T<>T ตื่นเช้ามานี่สบายอยู่นะอิอิ
สำหรับกูมื้อเย็นถ้าจะให้ได้สารอาหารครบราคาถูกคงเป็นสุกี้ทะเลตามร้านอาหารตามสั่งว่ะใส่ผักเยอะๆ จานละไม่เกิน 40
ไอ้เหี้ยพิมผิด ทะเล 45 T T
การย้ายงานบ่อยๆนี่ทำให้โปรไฟล์ดูแย่มากป่าววะ ถ้าจะย้ายควรจะทำงานไปนานเท่าไหร่แล้วค่อยย้ายดี
ตอนนี้กูอยู่มาได้ปีครึ่งแล้วรู้สึกเบื่อมากกับทั้งคนทั้งงาน อะไรที่เคยดูดีตอนเข้ามาแรกๆก็กลายเป็นว่ากูมองผิดไปเองเกือบทุกอย่าง
กูอยากจะไปเต็มทนแล้ว แต่ยังกลัวอยู่+ติดห่วงอะไรหลายอย่างเลยยังไม่กล้าเท่าไหร่
ก่อนจะออกก็ออกแบบดีๆล่ะ
บางที่มีโทรไปถามที่ทำงานเก่าด้วยว่าคนนี้เป็นยังไง ออกทำไม ตรงตามที่คนสมัครพูดไหม
\วันศุกร์แล้วโว้ย/
\เงินออกด้วยเว้ย/
ไอ้สัส กูตกภาค ก. อีกล่ะ
ทำไหมแม่งให้สอบซ่อมภาษาอังกฤษได้แค่อย่างเดียววะแม่ง
เสียใจว้อยยยยยย ( ; _ ; )
คิดสิว่าโชคดี ที่ตกไอ้ที่แก้ไขได้
กูตกความรู้ทั่วไป-ภาษาไทยอะ แม่งไม่มีให้สอบซ่อมว่ะ ( ; w ; )
อังกฤษนี่เคี้ยวหมูเลยเหอะ นั่งทำ 15 นาทีก็เสร็จ
กูไปสอบโทอิคยังจะดูยากกว่าอีก
กูตกรอบก่อนไฟนอล เจอเด็กผมขาวๆถือสเก็ตบอร์ด ซวยสัด
กูตกรอบสอบไฟนอล เจอเด็กผมเหลืองหัวชี้ๆ ถือดาบใหญ่ใส่มาเทเรียขี่นกสีเหลืองมาสอบ ซวยสัด
กูตกตั้งแต่รอบแรกเลยว่ะ เผลอไปกินน้ำส้มของลุงที่ไหนไม่รู้ ขี้แตกวิ่งไม่ไหว
มีใครรู้แนวข้อสอบปีหน้าบ้างวะ? คือกูทำอาหารไม่เป็นไง ถ้าต้องมาทำอาหารให้อีฮันเตอร์เลิศรสแดกอีก ซวยชิบหาย
กูว่ากูจะไปสอบปีหน้า ต้องเตรียมตัวไงวะ ที่ไหนมีติวเตอร์เน็นดีๆ บ้าง
แต่ไม่เอาอ.อุ๊ นะดูท่าจะไม่เวิร์ก สอนเน็นผ่านวีดีโอเนี่ย
นี่กูยังหาสนามสอบไม่เจอเลยสัด
กูได้ไปแข่งแย่งคลอธเปกาซัสกับไอ้เด็กญี่ปุ่นหัวชี้ๆ ว่ะ ผอมกระหร่องแบบนี้เสร็จกูแน่
เหี้ยแม่งมีคนตื้อกูทำ amway หน้าตบกะบาลชิบหาย
นิ่งๆไปมันก็ไปหาคนอื่นต่อเอง
โดนเหมือนกัน ตื๊อฉิบหาย
เดี๋ยวนี้เวลาเจอกูบอกให้คนชวนออกค่าสมัครให้ว่ะ บอกคุณก็ได้ผมเป็น downline ด้วยไง พอผมทำได้กำไรเมื่อไรจะคืน
เห้ยเพื่อนโม่ง มีเรื่องจะปรึกษาหวะ ตำแหน่งหัวหน้าแผนก IT ใน รพ.ขนาดกลางแห่งหนึ่ง มีคนในแผนกยุ 3-4 คน นี่จะดีปล่าววะ แล้วมันจะมีโอกาศโตอีกปล่าว
ปล.ตอนนี้กูเป็นโปรแกรมเมอร์ยุใน บ ใหญ่แห่งหนึ่ง พวกมึงว่ากูสมควรย้ายไหมวะ
กูมองว่าไม่
ไม่ อยู่ที่เดิมดีกว่า
ยกเว้นว่าโรงบาลใกล้บ้านมึงที่ต่างจังหวัดอะไรแบบนี้
ทำไมวะเพื่อนโม่ง
เอ่อลืมบอกไป บ ใหญ่ที่ว่านี้คือมันไม่มีโอกาศโตอีกแล้ว เหมือนมีดีแค่ชื่อมันอะ แต่กูกลัวไปทำ รพ แล้วงานมันไม่ค่อยตรงสายแล้วไปนั่งไปวันๆ เดี๋ยวโง่ลง ยังไงก็ขอบใจสำหรับคำตอบนะ
กูเดาว่าบริษัทมึงน่าจะทำงานตรงกับสิ่งที่ทำได้ แต่มันเริ่มตันแล้ว มึงเลยเริ่มมองหาอย่างอื่น
ถ้ามึงบอกว่าบริษัทตอนนี้มึงตันแล้วมึงจะลองโรงพยาบาลก็ได้ แต่กูมองว่าแผนกที่ไม่ตรงกับงานหลักของบริษัท
ยังไงก็ลูกเมียน้อย เป็นชนชั้นสอง อาจจะมีข้อดีตรงสวัสดิการโรงพยาบาลดี เงินดี งานน้อย
ซึ่งถ้ามึงชอบอะไรแบบนั้นมากกว่าการไปเจองานหนักงานยาก บางทีไปโรงพยาบาลก็อาจจะเหมาะกับมึงมากกว่า
กู 39 นะ กูเป็นปกม.นะ กูยังมี passion และอยากทำงานที่มันมี challenge อยู่ (กูยังอายุน้อยด้วยแหละ)
เพราะงั้น เป็นกู ถ้าบ.เดิมตัน กูก็ย้ายบ.แค่นั้น
ขอบใจมากเพื่อนโม่ง กูค้นพบทางสว่างแล้ว
พอเปลี่ยนเวรแล้วเวลานอนปั่นป่วนจังเฮ้ยยยยย ชีวิตชิบหายหมดแล้ว
แม่ครับผมขอโทษ สัญญาว่าจะไม่รับเวรดึกอีกแล้ว
ทำงานเป็นกะแม่งเสียสุขภาพจริงๆ กุว่ามันก็สบายนะ แต่ระยะยาวโอกาสสุขภาพไม่ดีเยอะ นอนไม่เป็นเวลา
กุทำประมาณ 5 ปี พอย้ายไปเข้าออฟฟิสไทม์ รู้สึกได้เลย
สมัย ม.ปลาย ตูนอนเป็นเวลา มีนอนช่งวตี2แบบนับครั้งได้ ตอนนั้นชอบดูบิ๊กซีนีม่าตอนดึกๆ พอเข้ามหาลัยเวลานอนก็เริ่มเละเทะ ปี1ยังไม่เป็นไรมาก พอเข้าปี2เริ่มนอนดึกติดๆกัน พอปี3ก็เริ่มนอนไม่เป็นเวลาและ พอปี4 ปี5(กูเปอร์) แม่งกลายเป็นมนุษย์ค้างคาว นอนทั้งวันแล้วตื่นตอนกลางคืน ชั่วโมงเรียนตอนเช้ามันไม่มีไง ไปเรียนก็ตอนบ่าย แถมมีคอมพ์มีเน็ตแรงๆให้เล่น ดึกๆกูเลยไม่หลับไม่นอน พอมาทำงานปีแรกก็มีปัญหา นอนน้อยทั้งคืนแล้วต้องมานอนต่อตอนเย็น บางวันก็หลับในที่ทำงาน ยังดีว่ากูทำงานเกี่ยวกับเด็กเลยมีเวลาพักในที่ทำงานได้ นี่กูเพิ่งมานอนเป็นเวลาเมื่อตอนเดือนที่แล้วเองเนี่ย
แต่คิดอยู่นะว่าอยากทำงานโรงแรม กูเคยทำพาร์ทไทม์เป็นเด็กเสริฟเลยรู้ว่าอาหารของคนทำงานโรงแรมคือของเหลือจากบุพเฟ่ แต่ถึงจะใช้คำว่าของเหลือแม่งก็อร่อยอยู่ดีวะ 5555 มีของดีๆให้กินทุกวันแม่งดีกว่ามนุษย์เงินเดือนอีกวะถ้ามองมุมนี้
อยู่ดีๆไปเที่ยวของบริษัทกูจากเดิมที่บอกว่าจะไปพักกันเฉยๆ อยู่ดีๆมาบอกว่าต้องจับเล่นละครกับแต่งตัวแฟนซีไปงาน
แถมแต่งตัวไม่ดีหรือไม่แต่งไปแม่งก็จะให้เต้นลงโทษ เห็นกูเป็นเด็กปี 1 เข้ารับน้องหรือไงวะเนี่ย?
แล้วตอนนี้งานกองท่วมหัวเหลือเวลาอีกแค่ 2 อาทิตย์ก่อนจะไปเที่ยว คิดว่าคนอื่นว่างมากอยากสนุกกับกิจกรรมป่วยๆพวกนี้นักหรือไงวะ
เหี้ยจริงๆ
ก็ทำไปให้มันจบๆ แต่งตัวนี่ไม่ต้องหรูมาก โดนเต้นลงโทษขึ้นมาก็เต้นไปให้มันผ่านๆไป ไม่ต้องแสดงสีหน้าไม่พอใจ เดี๋ยวจะพวกรุ่นพี่หรือหัวหน้างานหมั้นไส้ข้อหาไม่ให้ความร่วมมือ จากประสบการณ์ของกูนะ เวลาอยู่ที่ทำงานทำตัวให้เงียบที่สุด มีคุยก็คุยเท่าที่จำเป็นพอ เงียบๆติ๋มๆดูไม่มีพิษภัย ใครสั่งอะไรมาก็ใช่ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่านแล้วจะสบายเชื่อกู
พรุ่งนี้กูมีธุระต้องใช้แอร์พอร์ตลิงค์ เห็นรูปคนค้างบนสถานีแล้วเสียวเลย
กูทำงานโรงงานแสนไกล แต่นั่งรถบริษัทมา กูว่าชีวิตยังดีกว่าพวกทำงานในเมืองว่ะ ตื่นเช้าแต่หลับในรถได้ รถติดสายก็ไม่ต้องห่วง
กูมีสัมภาษณ์งานบ่ายนี้ เมื่อวานไปส่องในเว็บมา รับตำแหน่งเดียว แต่แห่กันสมัครไปแล้วเกือบสามร้อย
โลกนี้แม่งเชี่ยโหดร้าย............
นักบินเหรอวะ
>>58 ไม่ได้โลก...ประเทศไทยว่ะ
พักนี้พวกวิศวะจะร้องหน่อย เพราะเกิดปัญหามาตั้งแต่น้ำท่วม+การเมืองยาวๆมา แล้วค่าแรงก็ขึ้นเป็น 300 มันต้องลดคนงาน แล้วลงเครื่องใหม่มาแทนที่คนงาน พอพวกต่างประเทศจะลงเครื่อง เค้าเห็นค่าแรงก็ไปหาลาว พม่า อินโด แทนหมดละ
วิศวะนี่ผลิตออกมายาวๆตั้งแต่หลาย10ปีก่อน จนมาถึงตอนนี้มันเลยล้น แนะนำให้หาลู่ทางอื่นเผื่อไว้เลย
>>60 อันที่จริงต้องพูดว่าทุกสายงานที่ไม่ใช่สายแพทย์ว่ะ วิศวะนี่ก็จบเยอะเหมือนกัน ถ้าไม่เก่งจริง มีเกรดสวยๆจากมหาลัยก็หางานอยาก ส่วนคณะที่ไม่ใช่สายวิทยาศาสตร์ นี่จบกันเพียบ ทั้งรัฐศาสตร์ นิติ ศิลปศาสตร์บัณฑิตเกลื่อนเมือง เวลาหางานก็แห่กันสมัครเข้าไป เปิดแค่ 2-3ตำแหน่งแห่มาสมัครกันเป็นพัน งานราชการยิ่งโหดหนักเข้าไปใหญ่ เปิดไม่กี่ร้อยตำแหน่ง พวกผ่านภาค ก. แห่มาสมัครเป็นหมื่น ส่วนบัญชี เศรษฐศาสตร์ การเงิน การตลาด ถ้าเกรดไม่สวยหรือไม่ได้จบมอดังก็ลำบากว่ะ ได้ยินมาว่า BIG4 บัญชี รับแต่จุฬา ธรรมศาสตร์ เกษตร
>> 61 มึงพูดซะกูบรรลุเลยว่าสามร้อยกูยังจิ๊บๆ
วันนี้คุยกับพี่คนสัมภาษณ์ก็พูดกับเค้าไปตรงๆ เมื่อคืนเห็นจำนวนคนสมัครผมแม่งเจี๊ยวฝ่อเลยนะ
พี่เค้าบอกส่วนมากที่สมัครมาไม่ค่อยถึงรีควายเม้นเค้ากัน สกรีนมาสัมภาษณ์จริงๆไม่เยอะหรอก
พูดจากรุ้มกริ่มให้ความหวังแบบนี้ผมก็แย่สิครัช
>>62 กูเคยผ่านประสบการณ์ตรงนั้นมาแล้วไง สมัยเพิ่งเรียนจบเปิดเน็ตหาหน่วยงานสอบ ยังไม่ผ่าน กพ. ก็หาตำแหน่งพนักงานราชการสอบเอา กระทรวงดังๆในกรุงเทพ เปิดตำแหน่งมา 2-3 ตำแหน่ง พวกแม่งแห่กันมาครึ่งพัน พอกูไปหาตำแหน่งงานในจังหวัดบ้านนอกก็มีมาสอบเกือบร้อย(รับตำแหน่งเดียว) วันจริงมาสอบ40กว่าเหลือสัมภาษณ์ 11 คน วันนั้นกูไปสัมภาษณ์ตัวคนเดียว คนอื่นแม่งแห่มาทั้งครอบครัว กูรู้สึกสมเพชและเห็นใจในเวลาเดียวกัน สมเพชที่จบ ป.ตรีแล้วแต่เวลาสัมภาษณ์งานต้องให้พ่อแม่ตามมาคอยให้กำลังใจ แต่ในอีกมุมก็สำนึกได้ว่า ป.ตรีของกูมันเป้นแค่ของเกลื่อนเมืองที่ใครๆก็มี แค่งานตำแหน่งเดียวพวกแม่งทำยังกะเป็นโอกาสทองในชีวิต ...........อืมแต่มันก็โอกาสทองจริงๆนั้นแหละ ถ้าได้งานทำก็สัญญาระยะยาว 3-4ปี สบายไปพักใหญ่ ส่วนกูผ่านสัมภาษณ์แต่ไม่ได้ถูกเรียก ทุกวันนี้ทำงานอยู่จังหวัดชานเมือง
>>63 ไอ้ฟีลโอกาสทองนั่นกูเข้าใจนะ
ทุกคนคงมีกันทั้งนั้นแหละไอ้งานที่ว่า โหกราบละของานนี้ขอกูเหอะ แบบอยากได้เหี้ยๆ แถมก็คาดหวังเหี้ยๆ
กูผ่านตรงนั้นมาละ สัมภาษณ์อันแรกของกูเอง เป็นบริษัทยิ่งใหญ่สุดอลัง
แต่คนสัมภาษณ์แม่งแทบจะฝังกูลงดินแล้วเอารองเท้าเซฟตี้กระทืบซ้ำรัวๆ
แม่งพูดมาแต่ละอย่างทำให้กูรู้สึกโง่แล้วโง่อีก โง่มากที่บังอาจมาสมัครงานบริษัทมึง ใจสลายเหี้ยๆอ่ะแม่งตอนนั้น
กูเริ่มดราม่าละกูขอโทษ ฮือ
อ่านแล้วกูรู้สึกผิดที่อยากเปลี่ยนงานเลยว่ะ คือตอนนี้กูรู้สึกแย่แบบเหี้ยๆกับงานที่ทำอยู่
แล้วก็ว่าจะออกเร็วๆนี้เพราะกูรู้สึกว่างานใหม่หาไม่น่ายาก สงสัยกูต้องคิดใหม่ให้เยอะๆหน่อย - -
>>66 มึงก็ไปสัมภาษณ์ที่ใหม่ก่อน บอกกับที่เก่าว่าญาติเสีย หรือพ่อแม่ป่วยต้องลากิจไปดูแล ถ้าผ่านสัมภาษณ์ที่ใหม่เรียกตัวก็ค่อยลาออก ส่วนเรื่องงานใหม่หาไม่ยากมันขึ้นอยู่กับโปรไฟล์มึงว่าเทพแค่ไหน งานในไทยมันหายากแต่ไม่ใช่กับคนเก่งที่บริษัทไหนก็อยากได้ตัว ถ้าคิดว่าตัวเองมีดีพอก็ออกมาหาที่ใหม่เลยเพื่อนโม่ง แต่ถ้าไม่มั่นใจก็ใช้ที่ทำงานเก่าเก็บEXPไปก่อน
>>64 ไอ้เหี้ย ขอกอดทีสัส เพิ่งผ่านอารมณ์นี้มาสดๆร้อนๆ ไอ้คนสัมภาษณ์มันทำให้กูรู้สึกว่ากูไม่เจียมกะลาหัวมากที่ไปสมัครบ.มัน แต่กูก็โง่จริงล่ะที่ใฝ่ฝันอยากเข้า ถ้ากูฉลาดคงไม่หลงใฝ่ฝันถึงบ.เหี้ยๆแบบนี้ เซ็งสัส บริษัทมันก็ใช่จะใหญ่โตอะไรนะ แต่ปฏิบัติกับกูได้เหี้ยสัสเกิดมาสัมภาษณ์งานมากี่ที่ไม่เคยพบเคยเจอ
>>69 ที่เหี้ยกว่าคือหลังสัมภาษณ์ บริษัทลูกของแม่งโทรมาหากู
สมัครมาตำแหน่งนี้ๆ กำลังจะเปิดสัมภาษณ์ไม่ทราบสะดวกวันไหนบลาบลา คุยไปคุยมาแม่งเหมือนเพิ่งรู้ว่ากูจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ไง
แม่งเข้าโหมด เดี๋ยวติดต่อกลับไปนะคะ ทันที
อีเหี้ยยยยยยย กูโมโห แบบฟอร์มบ้าบอที่มึงให้กูกรอกกับเรซูเม่กูนี่มึงได้อ่านก่อนโทรมาบ้างป่ะวะ
กูบายตลอดกาลกับบริษัทนี้และบรรดาเครือ
มันเป็นงานของ HR เดี๋ยวกูมาต่อตอนค่ำๆ
มึงอย่านะ กูรู้ว่า HR ส่วนมากแม่งฟาย เพราะกูก็ตบตีกะพวกมันมาบ่อยๆ หลังๆ กูเลยมาเป็นเองแม่งเลย กูไม่เคยทำเหี้ยๆ กับผู้สมัครเพราะนายของกูสอนว่าหากผู้สมัครผ่านสัมภาษณ์ก็เป็นบริษัทเดียวกับเรา แต่ถ้าไม่ผ่านสัมภาษณ์ ก็ยังเป็นลูกค้า (potential) ของเรา อย่าไปทำอะไรให้เขาก่นด่าได้นะเว้ย
นานๆทีจะเจอ HR ความคิดหล่อๆแบบมึงนะ
คือจากที่ได้ยินมานะ งานHR คือกรองคน บางทีตำแหน่งขาด 2-3 คน มีคนกรอกใบสมัครเป็นร้อยพวกแม่งก็เรียกมาสัมภาษณ์เยอะๆเข้าไว้ก่อน ที่ผ่านจริงๆก็ตามตำแหน่งว่าง ที่เหลือก็ถูกเก็บเป็นสต๊อกของแผนก
จากประสบการณ์ส่วนตัวของกูเอง เคยมี HR ของ CP เรียกสัมภาษณ์ ตั้งแต่ช่วงก่อนสอบปลายภาค ตอนรับสายครั้งแรกกูโคตรดีใจเลย แต่วันจริงก็ไม่ได้ไปสัมภาษณ์เพราะกูมีนัดสาว แล้วบอกพี่เค้าไปว่าวันนั้นมีธุระด่วนขอเป็นวันหลังละกัน หลังจากกูเรียนจบแล้วก็รู้สึกเสียดายนะว่าวันนั้นน่าจะตัดสินใจไปสัมภาษณ์กับ CP แต่กูคิดว่าก็ไม่ต่างอะไรมากเท่าไร เพราะเด็กปี 5 เกรด 2 กว่าๆ ติดF มา4ตัวแบบกูโปรไฟล์มันก็ไม่ได้สวยขนาดว่าจะมีบริษัทดังอยากได้ตัว กูเลยรู้ ณ บัดนั้นว่างาน HR อยากหนึ่งคือเรียกคนมาสัมภาษณ์เก็บเข้าสต๊อก
นี่กู >>70 นะ เรื่องเก็บสต๊อกกูเข้าใจนะ อันนี้กูไม่โกรธ
ไม่ติดต่อมา ไม่รับเด็กใหม่ไม่มีประสบกาณ์ กูเข้าใจ
ที่เคืองคือคนที่โทรมาหากู เค้าตั้งใจจะสัมภาษณ์ของตำแหน่งที่กูสมัครไปโดยเฉพาะ บอกตารางเวลาสัมภาษณ์ของทางนั้นมาเรียบร้อยละ แต่เสือกไม่ดูโปรไฟล์กูก่อนโทรมาไง
อย่างงี้มี HR ไว้ทำเหี้ยไรวะ ไม่ใช้เครื่องโทรอัตโนมัติ ใครกรอกเบอร์ไว้ก็แม่งโทรกวาดแม่งให้หมด
เข้าไปก็เจอแต่สังคมบิ๊กเนมนะ
ปวดหัวจะตายห่า นอนไม่พอ เข้านอนเกือบตีสอง ตื่นหกโมงเพื่อจะไม่มาทำงานสาย ตอนนี้ปวดตาจะตายห่าแล้ว ง่วงก็ง่วง แต่ตอนบ่ายพี่ก็จะลากเข้าไปประชุมกับลูกค้าด้วย
เข้าใจว่าพี่หวังดีอยากจะให้ได้ exp เยอะๆ แต่พี่ครับบบบ ผมเป็นแค่เด็กพาร์ทไทม์นะะะะะะ ถ้าร่างกายปกติก็จะดีใจอยู่หรอก แต่ตอนนี้แม่งจะได้เข้าไปขายขี้หน้าหลับให้ลูกค้าเห็นอะดิ
ทำให้จิตใจเข้มแข็งทนดราม่าได้วะ วันนี้กูไปมีเรื่องกับแม่บ้าน เถียงกันอยู่ซักพักกูต้องยอมขอโทษจบเรื่องเอง
ไม่งั้นบ่อน้ำตาแตกแน่ ตอนขอโทษนี่น้ำตาปริ่มๆแล้วนะเนี่ย จนตอนนี้ยังเอามาคิดอยู่เลย
>>81 สำหรับกูถ้ากูไม่ได้ทำไรผิดจะดราม่าหนักแค่ไหนก็ทำไรกูไม่ได้ว่ะ แต่ถ้ากูผิดกูจะขอโทษทันทีไม่มีต่อปากต่อคำโดนด่าก็จะน้อมรับ
ทำใจให้สบายอย่าเก็บไปคิดมันก็เหมือนมึงกำถ่านร้อนๆ แล้วไปขว้างใส่คนอื่นมึงก็คือหนึ่งคนที่โดนแผดเผาไปด้วย
You will not be punished for your anger but you will be punished by your anger
-Buddha
ไม่รู้จะคุยกระทู้ไหนดี
กูโดน add friend request จากใครก็ไม่รู้
หาสายความสัมพันธ์ไม่เจอ แถมเป็นเฟซเปิดใหม่อีก
ปกติเพื่อนโม่งจะทำยังไงกันมั่ง
แอบส่องก่อน ไม่รับ
ไม่รับ กูเป็นประเภทไม่รับคนไม่รู้จัก ต่อให้มีสายสัมพันธ์แบบเป็นเพื่อนของเพื่อน แต่พิจารณาดูแล้วไม่อยากคบด้วยก็ไม่แอด
>>86 มันมีอย่างนึงคือเคยเรียนที่เดียวกับกู
แต่ก็นึกไม่ออกว่ากูไปรู้จักคนสวยแบบนั้นตอนไหน
ลองกดดู friend list ไปเรื่อยๆ แล้วก็ยังหา mutual friend ไม่ค่อยจะเจอ
อย่างน้อย กูก็แอดเพื่อนมหาลัยไปตั้งเยอะแล้ว
อยากจะลองรับดูว่ามาไม้ไหน
ในไทม์ไลน์ที่ public ก็ไม่เห็นจะขายสินค้าอะไร
แต่อีกใจก็ไม่อยากจะต่อความยาวอะไร ขี้เกียจแหละ ว่าง่ายๆ
พอทำงานแล้วไม่อยากเข้าสังคมเยอะ รู้สึกแม่งเรื่องมาก พอเลิกเข้าเฟซบุ๊คไปเลยรู้สึกดีขึ้นมาก ทุกวันนี้ที่ทำงานไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากูมีเฟซบุ๊ค
ในโลกนี้มีพวกงานแนววิเคราะห์หรือวิจัยสังคมไหมวะ พอดีช่วงนี้ศึกษาสังคมศาสตร์มากๆเข้ารู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับงานพวกนี้มาก
จะราชการหรือเอกชน ในไทยหรือ ตปท. ก็ได้ เพราะตอนนี้กุแค่อยากรู้ว่ามีตลาดงานพวกนี้รึเปล่าก็เท่านั้นแหละ
มีนะ พวกบริษัทรับทำ research, market survey ไง
>>91 เป็นงานลักษณะไหนนะ ที่เกี่ยวกับสังคม นึกไม่ค่อยออก
แต่ถ้าเป็น Insight ที่มีต่อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ในสังคมต่างๆ พวกนี้ตลาดต้องการเยอะเลย ส่วนใหญ่จะไปอยู่สายเอเยนซี่ไว้สำหรับขายงาย อย่างเวลาจะออกโปรดักท์สินค้ามา 1 ตัว จะต้องเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ อย่างงาน research ต้องละเอียดมากเพื่อ Support งานขายโปรเจค (บางงาน 100 ล้าน 1,000 ล้าน) จึงต้องการคนเก่งและมีประสบการณ์มาก
แต่ถ้าไปสังคมสงเคราะห์ ในไทยง่อยมากเพราะหน่วยงานที่ทำเรื่องพวกนี้จริงจังมีน้อย ถ้าทำเพื่อการกุศลช่วยเหลือสังคมก็มีเยอะแยะ แต่ถ้าจะหวังเติบโตในสายงานนี้น่าจะยาก
>>94 งานแบบนั้นมันไม่ใช่ของนักวิจัยตลาดหรอกเหรอ? ถึงการวิจัยสังคมจะได้ข้อมูลที่ละเอียดรอบด้านมากกว่าก็เถอะ แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นการหว่านแหที่กว้างเกินไป แถมยังต้องเอามาทำดัดแปลงเพื่อให้นำมาวิเคราะห์การตลาดด้วย (พอดีไม่แน่ใจว่าระเบียบขั้นตอนการวิจัยสังคมกับของการตลาดมันเหมือนกันรึเปล่าน่ะ)
โดยส่วนตัวที่ชอบและสนใจคือการวิจัยเชิงคุณภาพอย่างวัฒนธรรม การเมืองอะไรพวกนี้มากกว่าน่ะ
>>95 ก็วิจัยตลาดนั่นแหละ เพรากูไม่รู้ว่าวิจัยสังคมไปเพื่ออะไรได้อีก
วิจัยสังคม
- เพื่อธุรกิจ ขายของได้มากขึ้น
- เพื่อทางการเมือง ก็ต้องไปทำกับพรรคการเมือง
- เพื่อแก้ปัญหาสังคม ก็ต้องไปแนว NPO ไม่ก็รัฐบาล
- เพื่อทางศาสนา ไปอยู่พวกศูนย์ปฏิบัติธรรม
กูนึกออกแค่นี้ ถ้าอยากทำเพื่อก้าวหน้าเรื่องรายได้ก็ต้อง 1-2 เท่านั้น แล้วพวก 3-4 ทำเป็น Hobby แทน
แต่ทั้งนี้สายงานนี้ยากมากเพราะไม่ใช่แค่เข้าใจสังคมแต่ยังต้องสามารถวางกลยุทธ์และ Execute ให้เกิดออกมาอย่างเป็นนามธรรมได้ด้วย
ง่วงสัด ฝนตกแล้ว
ฝนไม่ตกกุก้ง่วง กุละอยากกลับไปเรียนอนุบาลจะวิชานอนกลางวัน
http://pantip.com/topic/32606376 << เด็กตอนนี้เรียนหนักชิิบหาย ชักสงสารแล้วซิ
เรื่องของเด็ก กูหลุดพ้นละ ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ
ทำไมกูต้องทนเรียนคณะที่ไม่ชอบ เพื่อจบไปเป็นเซรารี่แมนที่กูเกลียดด้วยวะ
ประเทศนี้แม่งเหี้ยชิบหาย
มึงโบ้ยประเทศได้ไงวะ โดนบังคับมึงควรโบ้ยแม่มึงนะ
แล้วเป็นเชี่ยอะไรมึงถึงจะชอบล่ะ
>>99 ประเทศไทยก็งี้แหละ ดัดจริตต้องทำเป็นสอนอะไรล้ำ(แต่ผิดหมด) แล้วก็ม่เคยโทษตัวเองกันหรอกนะ อีพวกคุณครูนี่ ดีแต่ขู่ให้เด็กทำตามคำสั่ง อย่าเถียง ทรงผมเหรอ กิจกรรมที่สนใจเหรอ เครื่องแบบเหรอ เวลาว่างเหรอ พวกครูจัดไว้ให้หมดล้ว พวกมึงเป็นเด็กไม่ต้องคิดหรอก
สุดท้าย โตมาก็เป็นไอ้โง่ไอ้ควายแบบที่เห็นทุกวันนี้ มาสอนเด็กยุคต่อไปให้เป็นไอ้โง้ไอ้ควายต่อไป
ไอ้พวกกาก ชีวิตล้มเหลวแม่งก็โทษอย่างอื่นหมดแหละ โทษประเทศ โทษสังคม
กูเรียนกากๆ ขี้เกียจเรียน ยังมีปัญญาทำงานได้เงินเดือนเกือบแสน
แน่จริองมึงก็ออกไปทำเองอย่างมาร์คซัคเคอร์เบิร์กไปเลย สัส
ยังไม่ได้ทำงานอ่ะ ไม่อยากทำ
มีใครสักคนกล่าวไว้ ถ้าเมิงไม่ค้นหาเป้าหมายตัวเองแล้วลงมือทำ เมิงก็จะโดนคนอื่นจ้างไปทำเป้าหมายเขาจนวันตาย
กูคือ(หนึ่งใน)โม่งที่เคยมาบ่นเรื่องไปเที่ยวของแผนกนะ ไปๆมาๆกูโดนจับให้มาอยู่กลุ่มนึงที่กูไม่ค่อยสนิทแล้วแม่งก็จะโชว์เต้นกับร้องเพลงกัน
ซึ่งกูก็ไม่ถนัดแล้วก็ไม่ได้เห็นด้วยกับกิจกรรมนี้ตั้งแต่แรกแล้ว พวกแม่งก็เปลี่ยนใจไปๆมาๆแบบว่าอยากแข่งกับกลุ่มอื่น
กูก็รำคาญเลยบอกไปเลยว่ากูไม่ถนัดเต้นกับร้องเพลง กูไปช่วยทำฉากหลังกับคุมไฟตอนพวกแม่งเต้นกันพอนะ
พวกมันก็อึ้งๆไป กูก็ยังงงนะว่านี่คือยอมรับแล้วรึยัง แต่กูก็ทำเบลอไปละ เสร็จแล้วพวกแม่งก็ดันเสือกนัดซ้อมวันที่กูไม่ว่างต่ออีก
พวกแม่งก็ทำเป็นกระแนะกระแหนว่ากูไม่ให้ความร่วมมือ แต่คิดว่ากูคงทำเบลอยาวๆละ กูถือว่าไม่ใช่เรื่องงานแม่งไม่มีสิทธิมาบังคับกู
ยังแอบเสียวอยู่นะว่าจะโดนแบนลับหลังรึเปล่า ถึงกูใกล้จะออกอยู่แล้วแต่ก็เสียดายเพราะอย่างน้อยก็ยังอยากจะจากกันด้วยดีมากกว่านี้
ไม่ได้เข้ามาทักทายโม่งซาลาลี่นานแหละ ครั้งล่าสุดคือมาถามเรื่องเรียนโท ตอนนี้เรียนได้จะจบเทอมหนึ่งแหละ แม่งเหนื่อยดีว่ะพวกนาย ทั้งทำงานทั้งเรียนไปด้วย กุอยากจะโดดบ้างอะไรบ้างแต่ถ้ากุโดดเนื้อหาแม่งก็พลาดอีก ส่วนงานถ้ากุหยุดงานมันก็จะไปกองในวันถัดไปอีก ตอนนี้กุอยากหยุดนอนยาวๆซัก1-2วันมากว่ะ ไม่รู้จะทำยังไงดี ต้องรอวันหยุดราชการถึงได้หยุดนอน ใจกุตอนนี้นะ อยากพัก อยากนอน อยากเล่นเกม อยากไปดูหนังโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
มาบ่นแค่นี้แหละ เหอๆ
>>108 กูว่ามึงโดนลับหลังเละแน่ๆ มึงไม่ผิดหรอกแต่เลือกวิธีการที่ได้ไม่ถูก ยังไงมึงต้องเข้าใจว่าสังคมออฟฟิสมันเป็นยังไง มึงไปทำตัวแตกแยกต่อให้มึงไม่ผิดแต่ก็ไม่ส่งผลดีมึงในหลายๆด้านแน่ๆ มีอีก 108 ที่จะปฏิเสธหรือเลี่ยงที่จะเต้นแทนการจะไปยินกรานว่าจะไม่เต้นท่าเดียว ฉะนั้นต่อให้ตอนนี้มึงก็จะ Register ว่ามึงเป็นประเภทงานหรืออะไรที่ไม่ชอบก็จะหาทางหนี ไม่อยากทำ
กลับกันถ้ามึงสามารถเสนอไอเดียที่สามารถช่วยทั้งทีมได้เช่น เล่นเกมวัดดวงแทน หรืออาจเป็นคนทำเบื้องหลัง ไล่นัดคนนั้น Organize ให้ มึงก็จะดูให้ความร่วมมือ แถมยังแสดงออกได้ถึงภาวะผุ้นำได้อีกด้วย
เรื่องจริงของคนไทยที่ไม่ค่อยแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องอื่นๆ ฉะนั้นถ้าเราเป็นที่พึ่งในเรื่องอื่นๆได้ ในเรื่องงานก็จะเป็นที่ได้รับการไว้วางใจจากคนรอบข้างได้เช่นกัน
กูเหนื่อยสลบบบบบบบเมื่อเช้าตื่นตีสี่
>>112 กูไม่ทันนึกถึงเรื่องจะมีคนมองว่ากูเป็นพวกเกี่ยงงานจริงๆแฮะ แต่สงสัยจะไม่ทันแล้วล่ะ
พูดถึงตัวกิจกรรมของกลุ่มตอนแรกก็โหวตกันแล้วว่าจะเกมหรือการแสดงน่ะ
แต่สุดท้ายโหวตแพ้ไปหน่อยนึงโดยที่กูยังแอบรู้สึกว่าคนคุมการประชุมมันจงใจเชียร์ของตัวเองจนน่าเกลียด แถมให้โหวตตอนทุกคนมึนๆเพื่อจะได้ชนะด้วย
ตอนนี้พวกงานเบื้องหลังอะไรที่ช่วยได้กูก็พยายามช่วยๆไป ไม่รู้พวกนั้นจะโอเคกันมั้ย
แต่ไอ้กิจกรรมนี้ทำกูเฟลพอควรเลยนะ เพราะกูอยู่บริษัทฝรั่งแล้วยังอุตส่าห์นึกว่าจะหนีกิจกรรมแนวๆนี้ได้แล้วซะอีก
ยังดีที่กูโดนต้องไปทำกิจกรรมแนวเดียวกันของอีกกลุ่มควบด้วย แต่อีกกลุ่มทำเล่มเกมแทนซึ่งกูช่วยงานเบื้องหลังได้เต็มๆแล้วความร่วมมือกับบรรยากาศกลุ่มก็โอเคมากด้วย
กูเบื่อซีเนียร์คนนึงที่ทำงานมาก
โคตรขี้เสือก(โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว) เรื่องงานนี่ตัวเองทำผิดไม่เป็นไร แต่ของคนอื่นนี่ต้องรีบเข้าไปด่า
ตัวเองอู้งานเอาแต่คุยเรื่องไร้สาระเป็นชั่วโมง แต่น้องคนอื่นแค่หยิบมือถือขึ้นมาก็ปรี่เข้าไปด่าแล้ว
ขนาดคุยเรื่องสัพเพเหระก็จะยึดความคิดตัวเองเป็นศูนย์กลาง ค้านแทบทุกความเห็นของทุกคนที่ตัวเองมีอคติ แต่ถ้าชอบใครถูกใจใครนี่โคตรอวย
น่าหงุดหงิดชิบหายคนแบบนี้
อยากลาออก
รอที่ใหม่อยู่
เคยลั่นวาจาว่าถ้าเงินเดือนไม่ขึ้น (หลังจากผ่านมาปีครึ่ง) จะลาออก ไปบ่นเปรยๆ กับเพื่อนตอนไปกินข้าว
วันต่อมาบอสอัพเงินเดือนให้เลย แม่งมีพลังหูทิพย์หรือเปล่าวะ (;__;)
หาที่ใหม่ไว้แล้วว่ะ แต่รอพี่ในแผนกคลอดก่อน+ สิ้นปีรับโบนัส
แอดเฟซเพื่อนร่วมงาน บอส ลูกค้ากันป่าววะ กูมีเพื่อนร่วมงานมาขอแอดเฟซ กูเลยให้เฟซที่ไม่เคยโพสต์อะไรเลยไป ชอบมาเลียบๆเคียงๆถามด้วยว่าไม่เห็นกูออนเฟซเลย
กูไม่ชอบสายตาของแม่บ้านออฟฟิซเลยว่ะ เหมือนแม่งจ้องจับผิดอะไรกูสักอย่าง
พี่โม่งขอถามไรหน่อย พอดีไปสมัครงานพาร์ททามที่หนึ่งมา เขาบอกไว้ว่าถ้าภายในวันxxเขาไม่โทรไปหาแสดงว่าไม่ได้งานนะ
แล้วถ้าผ่านวันxxไปแล้วกูโทรไปถามเขาว่า ตอนนี้กูไม่ได้ทำแล้วใช่ไหม ถ้ามีตำแหน่งว่างให้เรียกกูได้นะ
เขาจะมองว่า
กูแม่งพูดไม่รู้เรื่องบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้สิวะ
หรือ
กูกะตือรือร้นอยากทำงานดี รับไว้พิจารณาละกัน
ลังเลอยู่ว่าจะโทรไปดีไหม ตื่นเต้นว่ะ
อ้าวอ่านผิดโทษที สรุปผ่านวันไปแล้วสินะ เดินหน้าเถอะว่ะ หาที่อื่น บางทีเราก็พลาดอะไรไปเพื่อไปเจอสิ่งที่ดีกว่า อย่ามัวไปยึดติดกับคนที่ไม่เห็นค่าเรา
แค่งานพาร์ทไทม์เอง ไปหาที่อื่นเถอะ
กูทำงานเป็นล่ามบ.ยุ่นแห่งนึงว่ะ การงานกูถือว่าค่อนข้างโอเคในระดับถึงกูจะยังไม่แม่นพวกศัพท์สุภาพกับเจ้านายเท่าไร
ทีนี้กูมีปัญหา QCวิศวะ บริษัทกูแม่งทำงานได้ชุ่ยมาก
แบบคือกูทำงานเป็นชิ้นส่วนรถยนต์แล้วอี QC นี่มัน Make Data ขึ้นมา แล้วส่งไปยังลูกค้า
ตอนนี้ผลคือชิ้นงานแม่งถูกลูกค้าเคลมกลับมา แล้วตรวจไปตรวจมาถึงรู้ว่าไอ้ห่านี่แม่งไม่ได้วัดสเปคค่าอะไรเลย
แบบพอสอบถาม มันก็บอกว่าไม่ได้จบด้าน QC มาโดยตรง
โอ๊ย กูจะเป็นลมกับมัน แล้วมันทำงานมาเป็นปีๆ นั่งกินเงินเดือนกินแรงเค้าเนี่ยนะ
พอดีกูเป็นล่ามที่ต้องจับHR ควบคู่ไปด้วย
คือกูอยากถามว่า อยากจะเอาไอ้ห่านี่ออกจากงานมาก กูควรทำยังไงดีวะ นายญี่ปุ่นกูแม่งก็ใจดีมาก
บอกว่าเราต้องคอยพาเขาไปด้วยกัน
นายก็แม่งคือมันทำงานได้แย่ขนาดแบบคนในแผนกเดียวกันยังระอา....
พอดีไอ้ห่านี่มันเคยไปอบรมรุ่นแรกที่ญี่ปุ่นกับเขาด้วย
แบบได้เห็นสันดานมันจริงๆ
กลับไทยนี่กูไม่อยากแปลห่าอะไรให้มันเลยว่ะ
>>136 >>138 >>139
ใบ้สั้นๆเกี่ยวกับยางรถยนต์แต่ที่ผลิตเป็นส่วนในรถว่ะ
แต่เกี่ยวกับยางคือใหม่ๆตอนกูแม่งก็เพิ่งทำงานที่แรก
งงหมดทัั้ง PO FIFO FMEA PPAP ศัพท์เทคนิคแต่ละอย่าง
ค่าแกปงี้แล้วแบบกูไม่ได้จบวิศวะมาโดยตรงก็ต้องเรียนกันใหม่หมด
ตอนแรกกูนึกว่า PO มันจะเกี่ยวกับการผลิตอะไรซะอีก
เพราะตอนแรกเค้าจะให้กูรับผิดชอบ
กูถึงได้มาบ้างอ้อ มันคือ Purchase Order นี่เอง
อ้อฝากถึงพวกมึงที่เป็นวิศนวะเวลาแปลเห็นใจล่ามบ้างด้วยนะ
ตอนซัดพวกศัพท์เทคนิคนี่กูงงเป็นตาแตกเลย
คือไกดฺ์มาให้พวกูหน่อยว่ามันคืออะไรไม่ใช่คาดหวังว่าพวกกูเป็นวุ้นแปลภาษาจะแปลได้ทุกเรื่องนะ
อ้อต่อเรื่องไอ้ QC คนนั้น
บ.นี้คนญี่ปุ่นคือยาซาชี่มาก แต่ข้อเสียก็ดูเค้าไว้ใจคนไทยมากไปว่ะ
แบบเลี้ยงจ่ายทุ่มดีมากๆ
แต่สิ่งที่ตอบแทนให้นายญี่ปุ่นคือการทำงานกากๆของไอ้ QC คนนี้ว่ะ
ลูกน้องมันแม่งก็พอกัน แบบนายใจดีเท่าไร ก็พยายามจะอยากได้ค่าแรงๆเยอะ
แต่ทำงานไม่ตั้งใจกันเลยว่ะ
กูไม่ค่อยชอบที่คิดว่าบ.ญี่ปุ่นรวยแล้วจะแบบอยากใช้อะไรก็ใช้
อยากให้เลี้ยงอะไรก็เลี้ยง คือกว่าเค้าจะมีเงินทุนให้ เค้าก็ต้องคาดหวังว่าเราจะทำงานดีใช่มั้ยวะ
แต่ไอ้เหี้ยนี่แม่งงานก็ชุ่ย พอตัวเองจะทำผิดก็ปัดสวะไปให้Production มั่ง
ญี่ปุ่นไม่ส่งฟอร์มาให้มั่ง คือแม่งไม่คิดว่าที่ทำงานพลาดจะเป็นความผิดตัวเองมั่งเลยว่ะ
แบบพอเรื่องแดงว่ามันเมคผลก็โทษว่าเพราะเครื่องมือวัดไม่ดีมั่ง ถุ้ย
แบบProductionเค้ายังทำงานละเอียดกว่ามึงเลย
พอกูลงไปแปลคือมันจะหาเรื่องไม่วัดไม่เช็คงานที่ลูกค้าระบุ
โดยหาว่าก็ญี่ปุ่นเค้าไม่เช็ค
พอญี่ปุ่นดันมีเสือกเช็คจริง มันก็หาว่าเครื่องมือที่ไทยไม่พร้อมบ้าง
แบบมึงก็ทำไปก่อนสิวะ ห่ารากมาก
นี่เกิดมาทำงานที่แรกกูเพิ่งเคยเจอ QC ชุ่ยสุดๆขนาดนี้ว่ะ
เออพวกมึงลองแลกเปลี่ยนงาน QC หน่อยสิวะ กูอยากรู้ความเป็นไปว่า QCจริงๆเขาทำอะไรบ้างว่ะ
ใครเคยเจอมีขายในไทยบ้่างป่ะ
http://www.kikkerland.com/images/winsol/1200_520x400.jpg
mechanical music box set ไม่เห็นในไทยว่ะ
แต่ amazon มีขายอยู่ 16.99$
http://www.amazon.com/Kikkerland-Make-Your-Own-Music/dp/B000HAUEFY
แนะนำให้ลอง forwardit ไม่ก็ shipville ดู
forwardit คือฝากซื้อพร้อมส่ง
shipville คือคล้ายๆ เทนโซ เจ้าของเดียวกันกับ forwardit
โม่งๆทั้งหลายที่เคยบ่นเรื่องไปเที่ยวของบริษัทนี่เป็นไงกันบ้าง ของกูต้องไปอาทิตย์หน้าแล้ว ฮือ...
>>147 กูเคยไปเที่ยวกับบริษัทตอนพฤษภา ไม่เชิงเที่ยวซะทีเดียวหรอก มีอบรมนิดหน่อย ไปพัก โรมแรมแถวหัวหิน1คืน ซึ่งสำหรับกูทริปนี้เหมือนแค่ให้กูมากินอาหารดีๆ กับนอนบนเตียงนุ่มๆแค่นั้นว่ะ วันแรกถึงที่พักแดกข้าว อาบน้ำเปลี่ยนชุด มาอบรมตอนเย็น อบรมเสร็จแดกข้าว แดกเสร็จจบกลับไปนอน หัวหน้ากับพวกรุ่นพี่กูไปแดกเบียร์ริมหาดกัน ส่วนกูนั่งเล่นมือถืออยู่แถวล็อบบี้ ท่าทางจะติดลมกันด้วยว่ะ คืนนั้นหัวหน้ากูไม่กลับห้องปล่อยกูนอนสบายคนเดียวเลย ตอนเช้ามาปลุกกูแต่เช้าแล้วบอกว่า รถจะออก10โมง จะนอนต่อก็ได้แต่ตื่นมาเก็บห้องจัดของกลับให้ทันล่ะกัน(ยังกะพ่อลูก)เดี๋ยวพี่จะกลับก่อน ขากลับแวะแดกข้าวที่ริมหาด มีแวะซื้อของที่ระลึกด้วย
>>148 กูอยากบอกว่า อย่าคาดหวังกับการพาไปเที่ยวของบริษัทเลยว่ะ ให้คิดซะว่า ไปกินฟรีกับเปลี่ยนที่นอนก็พอ เพราะเพื่อนร่วมทริปคือเพื่อนร่วมงาน ไหนจะลุงๆป้าๆในแผนก ไหนจะรุ่นพี่ที่ ไหนจะหัวหน้างาน ความรู้สึกมันไม่เหมือนไปเที่ยวกับเพื่อนที่เฮฮากันได้เต็มที่หรอก ยังไงมันก็ต้องมีการวางตัวและรักษามารยาทไม่ต่างอะไรกับตอนทำงาน ไอ้ที่กูเล่าไว้ข้างบนนี่คือกูโชคดีนะที่หัวหน้ากูปล่อยกูให้อยู่ตามสบายไม่ลากมาแดกเบียร์ด้วย กูเวลาอยู่ในที่ทำงานกูทำตัวเงียบๆติ๋มๆ เป็นเด็ก Nerd ไง เหมือนชอบอยู่คนเดียวอยู่แล้ว พอมาเที่ยวพี่แกเลยปล่อยกูตามสบายในห้อง
>>149 อืมจริง ประมาณว่ามีงานอะไรกูต้องเด่นไว้ก่อน แล้วถ้ามึงอยู่ในทีมกูมึงต้องเด่นตามกูด้วย จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะแม่งเป็นหัวหน้า เคสกูนี่โชคดีหน่อยหัวหน้าทีมกูไม่ค่อยเรื่องมาก ธีมงานมันคือผีๆไง แกก็โยนครีมกันแดดมาให้กูแล้วบอกว่าทาให้มันขาวๆก็พอ ส่วนหัวหน้าอีกคนของกูแต่งเต็มเป็นแม่นาก
กูเพิ่งกลับมาจากเที่ยวเองว่ะ เดี๋ยวนี้อายุมากแล้วมั้ง พอต้องมานั่งคลำทางหาแผนที่ ขึ้นรถเมล์หลงไปหลงมาแล้วรู้สึกไม่ค่อยเอ็นจอย
ครั้งหน้ากูว่าจะไปกับทัวร์แล้วว่ะ ขึ้นรถทัวร์สบายๆ มีไกด์ดูแล นี่กูสูญเสียจิตวิญญาณของวัยรุ่นไปหรือยังวะ...
มึงสูญเสียจิตวิญญาณของวัยรุ่นไปแล้ว กลายเป็นแค่ซาลารี่แมนธรรมดาๆในกระทู้วันศุกร์
กูค้นทั่วแล้ว ยังไม่เห็นว่าจะพูดตรงไหนดี ขี้เกียจตั้งกระทู้ใหม่ด้วย
กูไปงานวันเสาร์ที่ผ่านมามา สาวๆ ในงานที่ดูได้จนถึงขั้นดูดีนี่เยอะนะ ซักสี่ในห้าได้เลย
สมัยนี้สาวๆ ดูแลตัวเองดีเยอะว่ะมึง ถึงไม่สวยก็ดูดีล่ะ หมดยุคสาวโอตะเชยเฉิ่มใส่ฮู้ดแบกเป้แล้ว
ไม่รู้จะถามไหนยัดมู้นี้มั่ง
กูไป IT Mall Fortune มา ร้าน Yamazaki สาขานั้นมันมีไทยากิขาย อร่อยดีว่ะ
แต่กูดูสาขาอื่นไม่เห็นมีไทยากิขายเลย มี Yamazaki สาขาไหนมีไทยากิขายมั้ยวะ
นอกจากสาขา IT Mall
>>156 >>>/lounge/196/ ไม่มีคนเปิดประเด็นนานละ
ทำงานๆ
โทอิคฟังได้เกือบเต็ม อ่านได้ครึ่งเดียว สมควรเอาไปโชว์ดีมั้ยหวา
890 ยังเป็น NEET อยู่เลย
>>162 ระดับ 890ถ้าเพื่อนโม่งเลิกคิดเป็น Neetมันก็ง่ายๆเลยนะ โปรไฟล์หรูกกว่าพวก ป.ตรี ธรรมดา ถ้านึกอะไรไม่ออกก็สมัครงาน Call center ภาษาอังกฤษ เงินเดือนมากกว่าหมื่นห้าแน่นอน หรือไม่ก็ครูสอนภาษาตามสถาบันสอนภาษา พนักงานเติมเงินแลกเหรียญที่ BTS ก็ได้ กูเคยเห็นพูดกับฝรั่งอยู่เค้าน่าจะรับคนที่สปี้กอิงลิชได้คล่องๆหน่อยล่ะ ขอให้โชคดี
>>163 ขึ้นอยุ่กับสายงานที่ต้องการด้วยว่ะ
อย่างกูจบป.ตรีกฎหมาย แต่ไม่จบเนติ์ ลองไปสอบโทอิคเพิ่มคุณค่าในชีวิตดู
ได้มา 915 คะแนน ยังต้องเตะฝุ่นร่วมปีกว่าเลยนะมึง นี่ขนาดกูร่อนเรซูเม่ไปเกือบร้อยบริษัทแล้วนะ
ประเทศนี้ จบสายกฎหมายมาแต่ถ้าไม่มีตั๋ว หรือจไม่จบเนติ์ มึงก็แค่สวะตัวนึงดีๆนี่เองแหละ
กู 970 ก็ยังนีทเหมืิอนกันฮือออ
โทอิคมันแค่อ่าน-ฟังนี่ การันตีความสามารถในการสื่อสารไม่ได้หรอก กูเคยสอบเอาโบนัสก็ได้ 800 หน่อยๆ ไม่เห็นจะรู้สึกว่าตัวเองพูดกะฝรั่งคล่องเลยวะ
นีทนี่เลือกงานแล่ะ ถ้าไม่เลือกยังไงก็หาได้ ซึ่งกุก็ไม่ได้ว่าไรคนเรามันต้องเลือกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว บางคนมีที่บ้านซัพพอร์ตก็เลือกได้จนกว่าจะพอใจ อย่างกุบ้านจนก็ต้องรีบๆ เลือกไม่มีสิทธินีทนาน แต่โทอิค800-900ยังตกงานนี่ไม่ใช่แระ อย่างโม่งบนถ้าตัดใจยอมไปทำสายงานอื่นก็หางานได้สบายๆ แต่มึงมุ่งมั่นในสายนั้นก็เรื่องมึง ไม่ได้ว่าไร
มันไม่ใช่แค่เรื่องโทอิคหรอก ทุกงานมันก็มีรีไควร์เมนท์ของมัน อะไรที่มันผิดที่ผิดทางมันก็เปล่าประโยชน์
>>167 TOEIC 800-900 ถ้าไม่เลือกงานนี่มีเพียงเลย อย่างน้อยๆไปหย่อนเรซูเม่ตาม รร.สามดาวมันก็ต้องผ่านกันบ้างล่ะ 555 แต่คนเราพื้นฐานไม่เหมือนกันอย่างที่เพื่อนโม่งบนๆพูดมานั้นแหละ จะให้โม่งจบกฎหมายข้างบนไปทำงานรร. ถ้าไม่จำเป็นต้องรีบมีเงินเดือนจริงๆเค้าคงไม่เอา ยอมเสียเวลาเลือกงานหน่อยดีกว่า
>>167 มึงไม่เข้าใจกูเลยยยย
ข้อสอบกูทำทันทุกข้อ ฟังรู้เรื่อง อ่านเข้าใจ แปลออก ไวยากรณ์ได้ แต่เหตุผลล่ะ? ฟังออกเพราะดูหนังซาวด์แทรกแล้วมันคุ้นๆ ไวยากรณ์เพราะรูปประโยคมันคุ้นๆ อ่านได้เพราะอาขีพกูต้องหาความรู้จากเวบนอกเพราะเวบไทยมันไม่มี
แต่ก็แค่นั้น ชีวิตจริงกูฟังฝรั่งพูดไม่ทัน ต้องให้เค้าพูดช้าๆ คุยโต้ตอบแค่พอถูไถ อ่านเมลเข้าใจในทันที แต่กว่าจะตอบแค่สั้นๆได้ต้องงมเป็น 10 นาที
ไหนมึงลองบอกซิว่าสกิลแบบนี้เอาไปทำงานที่ต้องใช้ภาษาโดยเฉพาะได้อาชีพไหนมั่งวะ
อืม กูก็ 800 กลวงๆ พยายามอัพสกิลอยู่ ลำพังแค่คะแนนมันเหลือเฟือสำหรับงานที่ทำอยู่ แต่ถ้าจะไปต่อ ยังไงก็ต้องขวนขวายเพิ่มว่ะ
พวกมึงได้เยอะกันจัง กูนี่ให้ผ่าน 600 ก็หืดขึ้นคอแล้ว
>>170 ถ้ามึงมีความคิดแบบนี้แล้วเป็นนีทกูไม่แปลกใจเลยนะ กูบอกเลย เด็กจบใหม่ไร้ประสบการณ์มันก็กากกันเกือบทุกคนทั้งนั้น ถ้ามึงคิดว่าต้องรอให้เก่งก่อนค่อยทำงานชาตินี้มึงก็ไม่ได้ทำงานว่ะ ตอนกูเรียนจบเริ่มทำงานกูยังสงสัยเลยว่าแม่งรับกูมาทำกากอะไรวะ กูคุยกับเจ้านายของตัวเองไม่รู้เรื่องด้วยซ้ำ 55+ แต่กูก็ค่อยๆ พัฒนาตัวเองเอา ตอนนี้แค่เจ้านายอ้าปากกูก็พอเดาได้แล้วว่าเจ้านายจะพูดอะไร มันมีอยู่แล้วบ.ที่รับเด็กจบใหม่โดยที่รู้ว่าช่วงแรกๆ เอามามันก็ไม่ค่อยทำประโยชน์ห่าอะไรให้กับบ.หรอก แต่เขาก็ให้โอกาสให้เวลาเราพัฒนา ส่วนบ.ที่เห็นเด็กจบใหม่แล้วเบ้ปากไม่รับเลยมันก็มี โดนปฏิเสธงานก็อย่าไปเสียกำลังใจ หาที่อื่นต่อไป แต่กูก็แอบเข้าใจอารมณ์เฟลเวลาโดนปฏิเสธนะ มันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีคุณค่า รู้สึกกลัวที่จะไปโดนที่อื่นปฏิเสธอีกซ้ำๆ แต่โดนบ่อยๆ เข้าเดี๋ยวก็ชินเองว่ะ กูโดนจนกูเริ่มจะเป็นมาโซแล้วเนี่ย55
ลืมบอกไป กูเป็นอีกคนหนึ่งที่คะแนนโทอิคสูงแต่ชีวิตจริงภาษาอังกฤษกากหมามาก ตอนนี้ก็ยังกากอยู่ แต่อาศัยว่าเริ่มคุ้นเคยกับเนื้องาน คุ้นเคยกับเจ้านายแล้ว เลยสื่อสารกันได้ไม่มีปัญหาละ แต่กูก็ยังดูหนังอ่านซับอยู่เลยเหอะ
>>174 เอิ่ม ยังไงดี กูคือ >>166 กับ >>170 นะ คือกูไม่ได้เป็นนีทอะเพื่อนโม่ง ไม่ได้จบใหม่ด้วย จบมาก็ได้งานเลย ตอนจบไม่ได้สอบโทอิค มาสอบเอาโบนัสหลังจากทำงานมาหลายปีแล้ว แล้วก็พบว่าข้อสอบแม่งไม่ได้วัดเหี้ยอะไรเลย ใครรับเข้าทำงานจากคะแนนอย่างเดียวโดยไม่ทดสอบเพิ่มเองนี่พลาดชัดๆ เห็นคุยเรื่องนี้กันกูแค่เข้ามาช่วยยืนยันเฉยๆ
คือมึงเอาหลายเม้นมารวมเป็นโม่งในจินตนาการโม่งเดียวซะแล้วล่ะ โม่งนีทแม่งยังอ่านอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้
กูขอถามความเห็นหน่อย คือกูออกตัวก่อนว่างานนี้กูผิดเต็มๆ และไม่ควรได้รับการให้อภัยใดๆทั้งนั้น แต่กูก็รู้สึกว่าตัวเองเสียหายว่ะ
คือเมื่อครู่นี้กูแอบทานอาหารบนรถไฟฟ้าเว้ย (กูไม่แก้ตัวว่ากูแม่งเลวระยพบัดซบมาก แต่กูหิวจริงๆ ไม่มีเวลากินข้าวเย็น ต้องรีบไปอีกที่นึง เออแต่มันไม่ใช่ข้อแก้ตัวกูรู้) แล้วทีนี้เว้ย มีผู้หญิงอ้วนคนนึงนั่งข้างๆมานั่งทีหลังกู พอเขาเห็นกูแอบกินข้าวปั้น แกก็พยายามชักไอโฟนออกมาเลย ทำเป็นเอียงซ้ายเอียงขวา กดเล่นเกม เออแต่กูรู้แหละว่าแกพยายามถ่ายรูปกู
ซึ่งทีแรกกูก็เฉยๆ เพราะกูรู้ว่ากูผิดจริง กูก็เลิกกินละ อาย เอาเศษพลาสติกมาห่อ แต่เขาแม่งก็ไม่หยุด พยายามจะถ่ายหน้ากูให้ได้ กูทนไม่ไหวเลยบอกเขาไปว่า เออ ถ้าจะถ่ายก็ถ่ายเถอะครับ แต่ถ้าจะแชร์ภาพรบกวนเซ็นเซอร์หน้าผมนิดนึง ผมขอโทษ แต่ผมยังไม่ได้ทานข้าว เขาก็ค่ะๆ พยักหน้าๆ
เสร็จแล้วต่อมาเขาก็ส่งภาพกูให้เพื่อนดูในไลน์ แบบหน้ากูเต็มๆเลย กูแม่งก็นะ.... ก็ขอเขาบอกว่าเซ็นเซอร์หน้าหน่อย มันเสียมารยาท เขาก็บอกว่าไม่แชร์ค่ะไม่แชร์ แค่ส่งภาพให้เพื่อนดูเฉยๆ.... กูก็ไม่รู้จะว่าไง ก็นั่งซึมไปตลอดทาง เป็นวันที่กูซวยหลายเรื่องมาแต่เช้าแล้ว มาไอ้เรื่องข้าวปั้นนี่แหละ ทำให้กูซึมจนหมดอารมณ์ทำอะไรแล้ว
แบบนี้พวกมึงว่าเขามีสิทธิ์ทำไหมวะ... คือกูรู้ว่ากูผิดนะ และกูไม่แก้ตัวด้วยเรื่องที่กูแอบแดกข้าวปั้น แต่กูไม่ชอบให้ใครมาถ่ายหน้ากูโดยไม่รับอนุญาตเหมือนกันว่ะ กูจะไม่แอบกินอีกแล้ว...OTL
คือมึงผิดที่กิน แต่กูว่าเขาแม่งก็ไม่มีสิทธิ์ถ่ายป้ะวะ จะบ่นพิมพ์เป็นตัวอักษรอะไรก็ว่าไป
กูล่ะแม่งหน่ายกับไอ้นิสัยแบบนี้ของคนสมัยนี้(บางและหลายคน) นึกจะถ่ายใครก็ถ่าย แถมบางทีเอาไปแปะว่อนในเน็ท คนนะไม่ใช่ต้นไม้ข้างถนน
มึงผิดที่กินอาหารบนรถไฟฟ้า คนถ่ายผิดที่ตั้งใจประจานคนอื่นเพื่อสนองความใคร่ตัวเอง
อย่าเครียดนะ ; - ; แต่อีนั่นเหี้ยจริง เป็นกุกุตะคอกใส่แล้ว ทำตัวเป็นมนุษย์กล้อง ฮีโร่มากมั้ง
ประเทศไทยไม่มีวัฒนธรรมที่ว่าห้ามถ่ายรูปคนอื่นโดยไม่รับความยินยอม แต่มีวัฒนธรรมที่ว่าต้องช่วยกันประจานคนทำผิดกฏ
ถ้ามึงผิดเองแล้วมึงจะมาบ่นแต่แรกทำไม??? มแทนที่จะยอมรับความผิดของตัวเอง ตีโพยตีพายโทษคนถ่ายรูปมึงแล้วมาหาพวกในบอร์ดโม่วซะงั้น ไอ้ตุ๊ด
>>184 เรื่องพูดเตือนนี่มึงจำไอ้คดีโรงหนัง ที่คนหันไปเตือนแล้วไอ้เหี้ยนั่นมันต่อยแล้ววิ่งหนีไม่ได้รึไง บางทีเราก็ไม่อยากเสี่ยงโดนต่อยฟรี แต่ก็ไม่อยากปล่อยพวกมนุษย์ปลวกลอยหน้าลอยตาทำเรื่องเหี้ยๆ ในสังคมอย่างไม่สะทกสะท้าน บอกก่อนกูไม่ได้ร้อนตัวเพราะกูไม่เคยถ่ายรูปถ่ายคลิปใคร แต่เห็นพวกชอบบอกให้เตือนดีๆ ทีไรรู้สึกแม่ง...โลกสวยชะมัด คนที่กล้าทำอะไรทรามๆในสังคมมันก็บ่งบอกนิสัยได้ระดับหนึ่งอยู่แล้ว จะมั่นใจได้ไงว่าจะไม่โดนมันต่อยเอา
มันก็ต้องดูขนาดกันด้วยว่ะว่าข้ามรุ่นกันมากรึเปล่า แต่ในเม้นบนๆนั้นมันมนุษย์ป้า ไม่น่าถึงขั้นลงไม้ลงมือเต็มที่วีนแตกเรียกร้องความสนใจจาก ผู้โดยสารข้างๆ
>>184 มึงคิดอย่างนั้นจริงเหรอวะ
คนส่วนใหญ่ที่ทำผิด ก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ควร
คนที่ไม่สนใจจะทำตามกฎ จะยอมทำตามคำเตือนของคนอื่นจากใจจริงซักกี่คนวะ
คนที่ทิ้งขยะบนพื้น ถึงมึงจะเตือนไปตอนนี้ คราวหน้าตอนไม่มีใครเห็นมันก็ทิ้งขยะที่พื้นอยู่ดีล่ะว่ะ
จะมีคนกลับตัวกลับใจได้ซักกี่คนกัน
คนที่มีมโนธรรมประจำใจ เขาจะไม่ทำเรื่องเหี้ย ๆ ตั้งแต่แรก ไม่ใช่รอมีคนเห็นก่อนแล้วค่อยหยุดทำ
วิธีคิดก็เหี้ยแล้ว เห็นคนผิดต้องถ่ายมาประจาน
เห็นคนผิดมึงก็ไปบอกเขาดีๆสิวะ น้องครับๆ พี่ครับๆ เค้าห้ามทานอาหารบนรถไฟฟ้าครับ เพราะถ้าพี่/น้องทำ มันจะมีคนทำผิดตามๆ พี่/น้อง มาเรื่อยๆนะครับ พี่ว่า/ผมว่า น้องทนแป็ปนึงแล้วค่อยทานตอนออกจากรถแล้วดีกว่านะครับ
อะไรแบบนี้สิวะ คือพูดกันดีๆ มีเหตุผล ถ้าอีกฝั่งยังมีสมองกับความละอายเค้าก็เลิกทำเอง ถ้าเค้าเถียงกลับโวยวายก็เลิกยุ่ง
Point ของกูคือ ถ่ายรูปประจานไม่ได้ช่วยเหี้ยไร ถ้าอยากทำให้สังคมมันดีขึ้นจริง มึงก็ต้องทำเอง
ส่วนตัวกูว่า ถ่ายรูปไว้เผื่อกรณีที่โดนทำร้ายร่างกายอ่ะโอเค แต่ไม่ใช่ไปเม้าหมอยกับเพื่อน ไม่ได้เหี้ยไรขึ้นมานอกจากช่วยตัวเองน้ำแตก
>>197 แล้วมีวิธีดีกว่าการเอาคนมาเสียบประจานกลางเนตมั้ยล่ะวะ มัวแต่หดหัวกลัวโดนต่อย มิน่า สังคมเลยไม่มีใครกล้าลุกขึ้นมาสู้ในสิ่งที่ถูกต้อง
ไม่ต้องมาด่ากู เพราะกูเคยเตือนคนไม่ข้ามถนน คนแซงคิวมาเยอะแล้ว อะไรที่กูพอจะทำให้มันดีขึ้นได้กูก็ทำว่ะ พูดดีๆสุภาพๆไม่ต้องออกอาการมากก็พอ
ถ้าเห็นใครยกโทรศัพท์จะถ่ายกู ไม่ว่ากูจะทำอะไรผิดหรือไม่ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นใคร โดนกูต่อยหน้าแหกแน่นอน
แล้วก็คงจะมีคนที่คิดแบบกูด้วย ระวังตัวไว้ จะถ่ายก็ถ่ายไป แต่อย่าให้รู้ล่ะ
>>199 ไม่ใช่นะ;_; หนูแค่ไม่ได้แดกข้าวเย็นจนทนไม่ไหวจริงๆ หนูสำนึกผิดด้วย
แต่กูก็ไม่ชอบให้ใครถ่ายรูปไปแชร์โดยไม่ขออนุญาตว่ะ กูว่ามันล้วงความเป็นส่วนตัวกูเกินไปอะ กูบอกเขาไปแล้วด้วยว่าถ่ายอะถ่ายไปเหอะ กูผิดจริงๆ แต่ถ้าจะแชร์อะให้เบลอหน้าด้วย มันผิดมารยาทเกิน แต่เขาไม่ฟัง...แชร์หน้ากูชัดกว่าข้าวปั้นกูอีก
แสดงว่าไม่ค่อยฉลาดเท่าไรสินะ
เป็นกู กูซื้อเสร็จแดกเลยแล้วค่อยลงรถไฟฟ้า
วัดญี่ปุ่นมีมิโกะปะ
มิโกะตัวจริงน่ารักแบบในกาตูนป่าว
มิโกะตามศาลเจ้า ส่วนมากเด็กพาร์ทไทม์ทั้งนั้น ก็หน้าตาบ้านๆ
http://i.imgur.com/ahwVmV2.jpg
จะไปหวังเจอน่ารักแบบในการ์ตูนนี่ยากว่ะ
กูสงสัยไอ้คนถามมากกว่า มันเข้าใจอะไรเกี่ยวกับมิโกะปัจจุบันผิดแน่ๆ
คิดว่ามิโกะทำหน้าที่อะไรฟะ เป็นคนทรงหุ่นเทวะเรอะ!!!
ถ้าในการ์ตูน ก็มักเป็นลูกสาวหลานสาวเจ้าอาวาส
ถือไม้กวาดกวาดใบไม้แล้วพบรักกับไอ้หนุ่มต่างถิ่น
ถ้าเป็นตูนโป๊ ก็จะได้เยิ้บกันในศาลเจ้า
เข้าใจว่าแบบนี้อยู่มั้ง?
ความฝันสลายเลย
ถ้ามีบุญพอ มึงจะได้เจอมิโกะสวยๆ
หลังจากทำบุญไปห้าสิบเยนที่อาซากุสะ วันต่อมาก็ได้เจอมิโกะคนนึงที่ศาลเจ้าเมจิ เป็นมิโกะสาวแว่น น่ารักมาก
ครั้งต่อมา เจอมิโกะที่ศาลเจ้ายาซากะที่กิอง ดูไม่ค่อยสาวแล้ว แต่สวย
ก็นั่นล่ะ ไปญี่ปุ่นมาสามรอบ เข้าศาลเจ้าสักยี่สิบสามสิบที่ได้ ที่จัดว่าต้องตาจริงๆ ยังมีแค่สองครั้ง
แต่ไม่เป็นไร ครั้งต่อไปก็จะตามหามิโกะสวยๆ ต่อไป
ถ้าเจอมิโกะสวยๆขอเค้าถ่ายรูปได้ป่ะ จะเอาไว้ชักว่าว
เรื่องเสื่อมๆรบกวนไปkarmaเหอะ กูเอียน
วันนี้วันศุกร์แล้วสัส
ใครลาศุกร์มั่ง?
ทำงานพฤหัส ศุกร์ เสาว์นี้
เหี้ย
วันศุกร์แล้วว้อยยยยยยยยยยย
มะกี่มีผู้ ญ นั่งอยู๋กับพื้น นานชั่วโมงกว่าๆ
เป็นพวกมึงจะทำไง
มีรถสองคันจอดอยู่ติดๆกัน รถธรรมดา2คนสีดำ กระจกมืด
มันนั่งระหว่างกลาง
ไม่เห็นหน้า
กูยืนดูแบบเหี้ยๆกะเพือน
ก็ไม่มีใครช่วย
ลุกมาแล้วล้มลุกแล้วล้ม
แต่ตอนนี้มันเดินไปและ
กูอ่านสองรอบ...ถึงพอเข้าใจ ตอนแรกเข้าใจว่ามีคนดำ แล้วผู้หญิงนั่งตรงกลาง ในรถ คนดำขนาบข้าง (แต่เอ๊ะตะกี้มึงบอกนั่งกับพื้นกูเลยงงหนัก หรือคนดำแม่งนั่งกับพื้น ขนาบข้างด้วยวะ)
มึงเปลี่ยนคำว่า รถธรรมดา2คนสีดำ เป็น สีดำ ไปเลยก็ได้นะ จะได้ไม่งงกับที่มึงพิมพ์ " ั" ตกไปด้วย
อีกอย่าง นั่งระหว่างรถ นี่รถจอดรถยังไง หน้า-หลังติดกัน หรือ ข้างๆ ติดกัน
ที่เกิดเหตุอยู่แถวๆไหน ทำไมมึงถึงยืนดูอยู่ตรงนั้นเป็น ชั่วโมง
ระหว่างรถที่จอดนี่หันหน้าอยู่ ข้างๆรถติดกัน ผู้หญิงนั่งหันหลังอยู่ระหว่างกลางตรงล้อหน้ารถ ที่เกิดเหตุอยู่แถวที่จอดรถแฟลตดินแดง
ตอนนั้นยืนคุยกับเพื่อนอยู่
แน่ใจนะว่าคน
วันนี้ไม่หยุด พรุ่งนี้ไม่หยุด ฮือๆ
วันหยุดแปลว่าอะไรวะ เปิดพจนานุกรมไม่เห็นเจอ ;_;
วันนี้ไม่หยุด พรุ่งนี้ไม่หยุด มะรืนนี้กูก็ไม่หยุด
สัปดาห์นี้ ศุกร์สิ้นเดือนและฮัลโลวีน
ไปอมรมสอบใบขับขี่ ใส่ชุดนักเรียนได้มั้ยครับ? ผมอยู่ม.ปลาย
ในเน็ตมันมีคนนึงบอกว่าใส่กางเกงขาสั้นเลยเข่าไปแล้วเค้าไม่ให้สอบอะ
พูดถึงใบขับขี่นี่ถ้ากุโดนตำหนวดยึดไป(หลายปีแล้ว)
นี่กุต้องทำไงก่อนวะ ทำใหม่ได้เลยหรือเปล่า?
เห็นเค้าว่าจะเปลี่ยนเวลาอบรมเป็นสามวันแล้วด้วยนะ ใครยังไม่ได้ทำก็รีบไปเหอะ เสียเวลาโคตรๆ
เห็นว่าสอบปฎิบัติแต่ละที่มาตรฐานก็ไม่เท่ากัน อย่างตรงขนส่งจตุจักรนี่แม่งใช้เซนเซอร์เลย เกินปุ๊บตกปั๊บ ไม่มีอลุ้มอล่วย
กูแนะนำนั่งแท๊กซี่ไปหนองจอก ง่ายดี
โทษทีลืมบอก ของกูนี่คือเมื่อสามปีก่อนนะ
>>235 ใส่กระโปรงหรือกางเกงแล้วมันเกี่ยวห่าอะไรกับการทำใบขับขี่วะ
แล้วอยากรู้ว่าเปลี่ยนเป็นอบรม3วันแล้วมันได้เหี้ยอะไรขึ้นมา... สุดท้ายก็บรรยายแต่เรื่องที่กูรู้กันอยู่แล้วป่าววะ สมัยกูทำใบขับขี่5ปีก่อน ไอ้การบรรยายห่านี่มันเหมือนแม่งไอ้การอบรมนี่เป็นการเฉลยข้อสอบก่อนสอบให้พวกโง่ที่ไม่ได้อ่านหนังสือมาอะ= = กูแม่งนั่งหลับไปกาข้อสอบยังได้เต็ม ไม่เห็นว่ามันจะมีประโยชน์อะไรเลย
http://pantip.com/topic/32771929
เหี้ยโม่งไหนแต่งงานไปแล้วต้องทำแบบนี้จริงหรอวะ กูทนไม่ได้นะเว้ย
>>238 แล้วแต่คนมั้ง พ่อกูเงินเดือนน้อยกว่าแม่นะ น้อยมาตลอดเพิ่งจะมาเยอะกว่าตอนก่อนเกษียณ เริ่มงานกรมเดียวกัน อายุราชการใกล้ๆกันด้วย แต่เรื่องของนี่ของใครของมัน แม่กูไม่เคยยึด ส่วนอีกครอบครัว เป็นของอาจารย์กู แกเป็นตำรวจยศพันตรี แกบอกว่าได้เงินใช้เดือนละ 7000 อยากได้เพิ่มต้องขอเมีย เมียแกเป็นอัยการ
เรื่องเงินนี่ละเอียดอ่อนจนเป็นสาเหตุให้หย่ากันได้ ไอ้ผู้ขายที่มาเล่า(แบบติดตลก)คงทำความเข้าใจกับฝ่ายหญิงเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนแต่งแล้วล่ะ
กูเป็นพ่อบ้านกูก็ถือatmของเมียนะ แบบจะเอาไรจะกินไรร้านไหนโทรสั่งกูไปได้ทุกที่ทำให้กินได้ทุกอย่าง
ใช้ส่วนตัวซื้อการ์ตูนซื้อนิยายกูใช้เงินค่าฟรีแลนซ์ ยกเว้นเดือนไหนงานน้อยก็เงียบไว้แล้วตอดใช้ของนางนิดๆหน่อยๆ
ประสบการณ์ของแต่ละคนจะหล่อหลอมให้เรามองเรื่องเดียวกันในมุมมองที่ต่างกันว่ะ ถ้ามึงเคยเจอผู้หญิงเหี้ยใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไม่รู้จักเก็บออมแถมยังมาหลอกแดกมึงขอโน่นขอนี่ มึงก็จะมองว่ามันเลวร้าย เรื่องไรกูไม่ให้หรอก กูหาเองกูใช้เอง
แต่ถ้ามึงเจอผู้หญิงแบบแม่กูแบบที่พ่อกูเจอ มึงก็จะมองไปอีกแบบ อย่างพ่อกูนี่คือยัดเยียดเงินให้แม่กูเป็นคนบริหารเลย โดยที่แม่กูไม่ได้ขอหรือไม่ได้สั่ง (ความจริงบ้านกูพ่อเป็นใหญ่ ยกเว้นเรื่องเงินที่พ่อยกให้แม่บริหารหมด) เงินเก็บออมทุกบัญชีเป็นชื่อแม่หมด รถไอติมผ่านหน้าบ้าน 20 บาทพ่อกูยังไม่มีเลยต้องมาขอแม่ กูขำมาก แต่แม่กูแม่งประเสริฐสัส ปีปีนึงกูแทบไม่เคยเห็นแม่ใช้เงินกับอะไรส่วนตัวเลย มีแต่จ่ายในครอบครัวของกินของใช้ กูนี่อย่างเหี้ยอ่ะ ไม่ได้ความดีของแม่มาซักอย่าง เอาจริงๆ กูว่าแม่กูเสียสละเพื่อครอบครัวมากเกินไปด้วยซ้ำจนกูไม่อยากเป็นแบบแม่กู กูอยากมีชีวิตเพื่อตัวเองมากกว่านั้น กูเลยโสดซะ
สรุปใครจะทำแบบไหนมันก็แล้วแต่มึง แล้วแต่เมียมึงล่ะนะ มันไม่มีสูตรตายตัวหรอก
กูไม่มีลูก เลยกะกันส่วนหนึ่งไว้สำหรับป่วยไข้ ส่วนอีกส่วนใช้แม่งให้หมดเกลี้ยงเลย
หมดยากว่ะถ้าไม่เกิดเหตุอะไรร้ายแรงกับบ้านเมืองมาก อสังหาริมทรัพย์มีพอสมควรยังเอาไปขายกินได้ แต่หาที่ฝากขายไม่เจอว่ะ.......
กูรายได้น้อยกว่าคุณ(ว่าที่)สามีแล้วไม่อยากก้าวก่ายกันเลยต่างคนต่างใช้ อะไรตรงกลางก็หารๆกัน แต่บางเรื่องเค้าก็เสนอตัวออกให้
อะไรที่ไม่เยอะมากในชีวิตประจำวันกูก็พยายามจะเสนอตัวออกบ้าง แต่เค้าไม่ค่อยรับเท่าไหร่
ปล. กูผู้ชาย ส่วนคุณสามีผู้หญิงนะ 555
บ้านกูจะถอนเงินสดใส่ไว้ในกล่องเดือนละหมื่น เป็นเงินคนละส่วนกับค่าใช้จ่ายfix (น้ำ ไฟ เน็ต ส่วนกลาง ของใช้ประจำบ้าน บลาๆๆ)
เงินกล่องจะมีไว้สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ใครจะใช้ก็หยิบไปเลยไม่ต้องบอก ซึ่งปกติมันจะพอ แต่ถ้าไม่พอก็ต้องมาคุยกันว่าไปจ่ายเยอะตรงไหน
ส่วนของใหญ่ๆแพงๆจ่ายทีเป็นพันอย่างเครื่องใช้ไฟฟ้า กินข้าวนอกบ้าน เติมน้ำมัน ก็รูดเดบิทเอา
เพลีย ร่างบทสัมภาษณ์ไว้ใช้กะสมัครงานใหม่ไม่ออกเลย
มีที่เคยสัมภาษณ์แล้วจำมาจนถึงวันนี้ คุยกันถูกคอดีมาก ทางนั้นบอกว่าพี่อยากให้น้องได้คุยกับเจ้าของบริษัทอีกซักรอบนะ เดี๋ยวพี่นัดอีกที...แล้วแม่งก็ไม่เคยโทรมาอีกเลย ปฏิเสธได้หล่อมากไอ้สัด
>>250 กูไม่ละอ่อน แต่กูก็ตอบแบบเป็นตัวของตัวเอง แต่ไม่ใช่เหี้ยก้าวร้าวหยาบคายหรืออวดเก่งอวดดีนะ คือกูตอบตามความจริงทุกคำถาม ตอบแบบที่กูคิด อะไรได้กูก็บอกได้ อะไรไม่ได้กูก็บอกไม่ได้ ดีกว่าตอแหลใส่กันเหี้ยอะไรก็ได้ครับพี่ดีครับนายหมด สุดท้ายพอไปทำจริงก็อยู่ไม่ไหว ประสาทแดก ลาออกมาเสียเวลาหางานใหม่อีก โปรไฟล์ดูไม่ดีอีก
แต่ไม่แน่ว่ะ ถ้าอายุมากๆ เริ่มหางานยากแล้วกูอาจจะต้องตอแหลไว้ก่อนเพื่อให้ได้งานก็ได้มั้ง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้กูว่ากูยังอยู่ในฐานะผู้เลือก ไม่ใช่ผู้จำยอมต้องถูกเลือกฝ่ายเดียว
จากประสบการณ์ของกูนะ 3ที่แรกของกู ไม่ผ่านสอง เพราะตอบสัมภาษณ์ตรงเกินไป เป็นตัวของตัวเองเกินไป แต่อันนี้เข้าใจว่าเป็นแบบ>>251 พูดไว้ คือเจ้าหน้าที่สัมภาษณ์เค้ามองว่าคนนิสัยแบบนี้คงไม่เข้ากับองค์กรเค้า เค้าเลยไม่เลือก
ส่วนงานที่ทำอยู่ ณ ปัจจุบัน นี่พูดตามตรงเลยว่าได้งานเพราะตอแหล วันสัมภาษณ์นี่กูว่ากูชิงออสก้าร์ได้เลย อู้ยอยากทำมาก Born to be เพื่อสิ่งนี้ เกิดมาเพื่องานนี้ อันนี้เพราะพี่คนที่ชวนกูเค้าบอกมาว่าถ้าอยากได้งานให้ใช้คำว่าอยากทำ อย่าให้คำว่าลอง เพราะมันจะแสดงความไม่แน่นอนออกมา
ปกติโมงเก็บไอดี รหัส แอคเค้าไว้ในไหนกัน พวกไอดีเกม ไอดีเมล์พวกนี้ หรือจำเอาหมดเลยว่ะ
กูค่อนข้างขี้ลืม เขียนใส่กระดาษหายชัวๆ ใส่ลงเมล์ก็ไม่ชัวอีก มีที่เก็บที่ไหนดีๆบ้างไหม
1Password
เขียนใส่กระดาษแล้วยัดเก๊ะ เสียบไว้ในซองเอกสาร ยัดไว้ในหนังสือปกแข็ง
กูใช้ password ยาวจากปัตตานีถึงเชียงใหม่ แล้วสมองไม่ฉลาดพอจะจำ
พิมพ์ลงโน้ตแพด zip แบบตั้งพาสแล้วส่งเข้าเมลตัวเองทุกเมล พาสปลดzipคือพาสที่ใช้บ่อยสุด
ใส่ทุกอย่างลง 1Password มาได้ประมาณ 7 ปี พาสทุกอย่างสุ่มเอาหมด ความยาวสูงสุดที่แต่ละเว็บจะให้ใส่ได้ (เฉลี่ยแล้วประมาณ 30 ตัวอักษร) ตอนนี้จำรหัสผ่านได้อันเดียวคือรหัสที่ใช้ปลดล็อก ไฟล์ฐานข้อมูลเข้ารหัสด้วย AES 256 แบคอัพไว้ 4 สถานที่ ใน 4 ประเทศ (ไทย, สิงค์โปร, อังกฤษ, อเมริกา) ไม่รวมก็อปปี้ฐานข้อมูลที่อยู่ในมือถือ โน๊ตบุ๊ค ฯลฯ การเข้าถึงแบคอัพทั้งหมดต้องใช้รหัสผ่านที่อยู่ใน 1Password และ 3 ใน 4 ที่เข้าถึงได้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตต้องใช้ 2FA ควบคู่
พวกมึงเป็น CIA หรอวะเก็บซะ
พวกมึงจะยุ่งยากทำไมนักหนาลองใช้โปรแกรม KeePass ดิ
แต่ก่อนกูก็ใช้มาสเตอร์พาสเวิดอันเดียวแล้วแมร่งมีปัญหาบ่อยเวลาเว็บแมร่งบังคับเปลี่ยนพาสเวิด
เพื่อนกูเลยแนะนำตัวนี้มา ก็ใช้ง่ายดี
สิ้นเดือนแล้ว แฮปปี้ฮัลโลวีน
วันนี้วันเงินเดือนออก ฮัลโลวีน และวันศุกร์สิ้นเดือน ลาก่อนการจราจร...
กูไม่กลัวรถติด เพราะงานทำไม่ทัน ได้ออกจากออฟฟิซอย่างเร็วก็คง 4 ทุ่ม
ควรดีใจดีมั้ยวะ...
คนทั่วไปเงินเดือนออกกันสิ้นเดือนเหรอวะ กูทำงานมาหลายที่ก็ออกประมาณ20กว่าๆ หมดทุกที่ จ่ายค่าบัตรเครดิต ค่าห้อง และหนี้ทั้งหลาย สิ้นเดือนนี่คือตังค์หมดแล้วสัส
กูออกวันที่ 30 ว่ะ
วันนี้แม่งเหี้ย รถไฟฟ้าแม่งคนก็เบียด เบียดเหี้ยๆ ตรงกลางที่เป็นที่ว่างแม่งก็ไม่เข้าไปกันนะ แม่งก็ปล่อยไว้เตะตระกร้อเหรอออ สัสสสส
กว่าจะได้ขึ้นก็ขบวนที่ 5 เลยย โอ้ยๆ
มาถึงแถวบ้านก็โบกแทกซี่มาราธอน 8 คันไม่รับ ฟรัคคคค เป็นเหี้ยไรรรร ส่งรถหราาาา ส่งรถก็อย่าจอดดิว่ะสัสสสสส จอดทำควยไรรรร
เมื่อวานนี้เรียกแท็กซี่ 50 นาทีกว่าจะได้รถ
ไม่อยากเชื่อว่าพวกนี้ยังจะหน้าด้านมาขอขึ้นราคาได้อีก
กูก็อยากได้ Uber จริงๆเฮะ แม่งส่งรถชิบหอย
กูเจอแท็กซี่เหี้ยทีไรก็อยากขับรถให้มันเก่งๆ ทุกที แต่ในเมืองนี่รถแม่งโคตรติด ที่จอดรถก็หายากชิบหาย....
อีเหี้ยแท็กซี่เช็คเรทติ้ง คนยืนโบกเป็นตับ เปิดไฟว่างขับผ่านชิวๆ บางคันก็แวะถามทีละคนแล้วก็ไม่ไป ชีวิตเลือกได้เหี้ยๆ
กูเคยโบกรถตรงอังรีดูนัง จะต้องไปสัมมนาที่ฮอลิเดย์อินน์ตรงสีลม กูไม่ชินทางเลยให้แท๊กซี่นำ แม่งพากูวนไปไหนไม่รู้ กูก็ไม่รู้ทาง แต่ค่าแท๊กซี่แม่ง 120 บาท พอกูประชุมเสร็จมาขึ้นรถเมล์ที่ผ่านมาบุญครอง เท่านั้นล่ะมึงเอ้ยยยยยย กูเจ็บใจมากเพราะมันแค่เลี้ยวขวาจากอังรีแล้วตรงไปเลย อย่างมากไม่เกิน 80 บาทถ้ารถติด จากนั้นเวลากูไปไหน กูเปิดแผนที่ดูก่อนเลย พากูอ้อมโลก แล้วกูก็นั่งนิ่งๆไม่ท้วงอะไรเลยนะ เจ็บใจชิบหาย
http://pantip.com/topic/32787502
เหล่าซาลารี่มังเอ๋ย จงสิ้นหวังกันซะ
ก็มันจริงนี่หว่า ทำไปก็มีแต่เจ้าของบริษัทรวย จะเอาแต่ยอด ไม่ได้มองชีวิตพวกกูเลย จะให้กูทำงานงกๆรอรับเงินจากมันไปตลอดชีวิตเหรอ ไม่อ่ะ
แต่สุดท้ายพอมาเปิดกิจการเองก็เจ๊งบ๊งเพราะยังไม่ทำงานจนเชี่ยวมากพอ
คนไทยก็งี้แหละเอ่ะอะเหี้ยไรแม่งก็เอาแต่จะรวยทางลัด ตราคนทำงานประจำว่าโง่ เสียเวลาชีวิต สู้ไปเล่นหุ้นดีกว่า ขายตรงดีกว่า บลาๆ ถ้าแม่งง่าย GDP ประเทศนี้คงไปไกลละ กูล่ะเบื่อพวกห่า กูไม่รู้หรอกว่าพ่อมึงจนแล้วสอนลูกรวยไหม แต่ถ้ามึงเชื่อไอ้เหี้ยนั่นทุกคำที่แม่งพูดล่ะก็ มึงนั่นล่ะจะโดนสอนให้จน
ปล กูไม่ได้พลาดพิงใครหรือ หนังสือเล่มไหนนะ พ่อรวยสอนลูกจน อิอิ
ปล2 best seller พ่อมึงดิสัส
พ่อรวยสอนลูก มันเน้นไปให้ลงทุนนี่หว่าแถวแอบด่าพวก self employed อีก
>>281 จะลงทุนมันต้องมีทุน ไอ้ความคิดจะให้เงินทำงาน สร้าง passive income ฟังดูสวยหรูพวกขายตรงชอบใช้ไว้ล้างสมอง แต่ passive income มันก็ไม่ได้สร้างง่ายๆแค่หาดาวน์ไลน์ วิธีสร้างมันต้องสะสมทุนไปเรื่อยๆ>>>>จะสะสมทุนเร็วๆ>>>>ต้องมีเงินเดือนสูง>>>>เงินเดือนสูงต้องทำงานที่ได้ค่าตอบแทนสูง พวกหมอ วิศวะ ผู้พิพากษา อัยการ ผู้สอบบัญชี นักบิน ไม่มาทำขายตรงเพราะแค่งานประจำของพวกเค้ามันก็ทำเงินเยอะอยู่แล้ว อันนี้ไม่นับหมอบางคนที่เป็นต้นสายนะ
ไอ้สัส ลูกค้าปากหมา หัวควย กะหรี่ อีดอก ไอ้เหี้ย มึงมาเสือกเรื่องส่วนตัวกูทำไม มึงเอาเงินมา กูให้ของไป แค่นี้ได้มั้ยวะ ถามซอกแซกเหี้ยๆแบบนี้มิน่าสามีมึงถึงทิ้งมึงไปไง
ออกมาทำเองก็เจ๊ง เดี๋ยวพ่อแม่ก็ช่วยเองอ่ะ ได้ร้อยเสียล้านไรงี้
ไม่รู้จะถามมู้ไหน ถามมู้นี้ละกัน ใช้ Firefox มันอัพเดทไปเมื่อ 2-3 วันก่อน อยู่ดีๆแม่งก็มีขีดดำๆหลายๆอัน เป็นแนวตั้งกระพริบขึ้นมาตรงด้านขวาของจอ
จะเป็นที่จอก็ไม่ใช่ เพราะพอปิดหน้าต่างไปก็ไม่เป็น ลองเอาลูกศรเมาส์ลากไปทับขีด ลูกศรก็ทับมันด้วย มันเป็นอะไรวะ ใครรู้มั่ง แม่งน่ารำคาญชิบ
http://i.imgur.com/Wmtp3Jm.jpg
หงุดหงิดว่ะสัส ขอคำปรึกษาหน่อย คือกูเป็นนักศึกษาปี4กำลังจะจบละแล้วช่วงนี้มีอาจานจะเกษียนแล้วสาขาก็จัดงานเลี้ยงโดยทำบัตรออกมาขายคนที่จะไปงาน ส่วนตัวกูกูไม่อยากไป ไม่ว่างด้วย เลยว่าจะไม่ซื้อแต่อยู่ๆอาจานก็มาบังคับให้ซื้อบัตรทุกคนเพราะกูยังเรียนอยู่ แบบนี้กูจะทำไงดีวะ ถามแต่ละคนเค้าก็บอกว่าต้องซื้อเพราะอาจานบังคับจะมาไม่มาก็ได้แต่ต้องจ่าย แล้วกูรู้สึกแบบ อิเหี้ยไม่แฟร์มากๆแบบนี้มันต่างจากการรีดไถกันตรงไหนวะ กูควรจะมีสิทธิ์เลือกป่ะว่ากูจะใช้เงินของตัวเองไปกับอะไร แม่ง อยากจัดงานให้กันทำไมต้องบังคับนักเรียนให้ควักเนื้อเพื่อเค้าวะ กูไม่ได้อยากมีส่วนร่วมอะไรด้วยเลยนะ กะอาจานคนนี้กูก็แทบไม่ได้คุย ไม่ได้รู้จักสนิทสนมไรมากมาย ทำไมกูเลือกไม่ได้วะ กูต้องทำไงวะ ต้องยอมจ่ายจริงๆหรอ
บัตนสนเท่ห์ลงพันทิปโลด
กรีดรถตามราคาบัตร
กดmuteคนในทวิตไปคน เนื่องจากนิสัยเหมือนเพื่อนร่วมงานที่เกลียดขี้หน้า เห็นทีไรแม่งนึกว่ามันมาเล่นทวิต
อา... งานประจำมันมีผลต่อการใช้อินเตอร์เน็ตจริงๆ
>>289 แม่งกูโม่งคนเดิมขอมาต่อ คราวนี้แย่กว่าเดิมอีกคณะกูจะเก็บเงินเพิ่มค่าเหี้ยไรไม่รู้ตรวจสอบไม่ได้ รวมๆแล้วเกือบพัน เห็นว่าเป็นค่ากิจกรรมที่ผ่านมาแล้วพวกกิจกรรมที่รุ่นน้องเล่นสนุกกันอ่ะ จริงแท้แค่ไหนก็ไม่รู้เพราะตรวจสอบเหี้ยไรไม่ได้เลย แล้วที่เหี้ยคือกูไม่ได้เคยร่วมกิจกรรมที่ว่านี่เลยจ้า เพราะตอนเค้ามีกิจกรรมกันกูต้องไปฝึกงานแล้วจะมาเก็บเงินย้อนหลังกู ไม่ว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมกิจกรรมต้องจ่ายหมด กูทำไงได้บ้างวะ เกรงใจเพื่อนด้วยเพื่อนเป็นคนรวมเงินแล้วแถมคนอื่นๆก็ดูไม่มีปัญหากัน ไม่อยากทำตัวมีปัญหาแต่กูก็ไม่อยากจ่ายว่ะ รู้สึกมันไร้สาระและหาประโยชน์อันใดไม่ได้ เหมือนเอาเงินไปโยนให้คนอื่นใช้อ่ะแต่ตัวเองจะแดกแกลบอยู่ละ เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะ
งั้นก็คิดไปว่าเป็นภาษีสังคม
โม่ง เวลาเราหางานจากพวกเว็บฝากงานในเน็ตแล้วส่งเมลล์สมัครงานไป มึงคิดว่าทางบริษัทเค้าจะได้รับเมลล์เราจริงๆป่าววะ กูส่งไปสามบริษัทไม่มีที่ไหนติดต่อมาซักที่ เหมือนกับไอที่กูส่งไปมันหายไปเฉยๆอ่ะ เมลล์ทั้เค้าให้ส่งก็เหมือนเป็นเมลล์ของเว็บฝากงานด้วย แต่พอกูส่งพอร์ตไปที่บริษัทที่กูหาเจอจากที่อื่นที่ไม่ใช่เว็บฝากงาน เค้าก็ติดต่อใช้เวลาไม่ถึงวัน กูสงสัยมากว่าทำไมไม่มีใครติดต่อมาเลย คุณสมบัติกูตรงกีบที่เค้าระบุไว้ทุกอย่างแถมพอร์ตก็ไม่ได้แย่นะ หรือว่านี่เป็นเรื่องปกติ
อย่าลืมว่าถ้าเป็นตำแหน่งดีๆ ตัวเลือกเขาก็จะเยอะตามไปด้วย แล้วโอกาสที่มึงจะโดนเลือกจาก 100คนที่คุณสมบัติเหมือนกันก็ยิ่งน้อย
เพราะอย่างนี้เขาถึงให้หว่านresume
กูไม่ชอบระบบนี้กูเลยไปหาบริษัทที่เขากรองคนด้วยการสอบแทน ก็หากันต่อไป
เออ อีกอย่าง เว็บฝากงานมันจะชอบเอาข้อมูลมึงไปขายนะโม่ง กูนี่ฝากไปทีได้ประกันกับขายตรงโทรมาเพียบ
จะสมัครงาน Walk-in ดีกว่าว่ะ
เมื่อวานมีเอกสารมาส่งที่ออฟฟิสกู บอกส่งให้พี่Aหน่อย ทีนี้อีพี่Aไม่อยู่
กูเลยเซ็นต์รับแทน วันต่อมาหัวหน้ากูเดินมาด่ากูบอกว่ากูรับเอกสารพี่Aไว้
ทำไมไม่เอามาให้ เพราะหัวหน้ากูก็โทรไปด่าต้นทางว่าทำไมไม่ส่งมาซักที
เค้าเดินมาเจอที่โต๊ะพี่Aเอง คราวหลังมีเอกสารมาส่งก็เปิดดูด้วยว่าส่งถึงใคร
ปล.กูคนละแผนกกับพี่A
ปล.2 กูผิดอะไรวะ
ปล3.เป็นพวกมึงจะเปิดดูของที่ไม่ได้ส่งถึงเราไหม
ปล.4 ดีออก
บอสด่า คือ บอสรักนะมึง ถ้าบอสเงียบเนี่ย มึงเตรียมโกย
ศุกร์ทั้งที ทำไมไม่มีใครมาต่อกระทู้เลยแว้ๆๆๆๆๆๆๆ
กูเพิ่งเงยหน้าขึ้นมาจากงานเี่ย อีเหี้ย งานเยอะสัด
วันศุกร์แบบนี้...มาตั้งกระทู้ที่นี่.....
บางทีกูก็คิดนะว่ากูนี่แม่งโครตเหงาเบยยย5555
กูอยากรู้อย่าง
อยู่มหาลัยแล้วอ่านภาษาอังกฤษไม่ได้นี่เป็นเรื่องปกติไหม?
ย้ำว่าอ่าน
ถ้า ม. เกรดล่างๆหน่อยไม่แปลกอะนะ เคยเจอเหมือนกัน เด็กฝึกงานราชภัฏอย่างอื่นโอเคดีหมดแต่ภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย
คงไม่ได้เป็นทุกคน แต่ก็น่าจะเยอะอยู่
กูเอง314 ที่พูดนี่หมายถึงเพื่อนในห้องกูอ่ะ
แม่งอ่านกันไม่ออกเลยซักนิดเดียว
เวลาอาจารย์สั่งให้อ่าน ต้องลำบากกูนี่เขียนคาราโอเกะให้พวกแม่ง
สัส
กูอยู่ม.ดังขี้โม้ด้านการเมือง คณะสายวิทย์ รอบๆตัวยังมีคนเข้าใจภาษาอังกฤษระดับอ่านนิยายได้น้อยมากเลย
ถ้านับในภาคกูมี 7-8 คนจากร้อยกว่าคนในชั้นปีด้วยซ้ำ ทั้งๆที่สไลด์วิชาภาคแม่งก็ eng ล้วน
คณะกูก็มีเก็บค่าแดกเหล้าเคล้าเสียงเพลงในมหาลัย(หรือที่พวกแม่งเรียกกันว่าสร้างคอนเนกชั่น) เก็บไปเป็นพันเหมือนกัน ก็จ่ายไป คณะมันเล็กไม่อยากมีปัญหา แต่คนที่น่าสงสารสุดกูว่าคือเหรัญญิกว่ะ ต้องเดินทวงเดินเก็บไม่พอ ต้องเจอเพื่อนหลบหน้าเจอเพื่อนโอดโอยไม่อยากจ่ายเงินใส่เกือบร้อยคน อีคนจ่ายยังเจอเหฯ ตามทวงแค่คนเดียว555
อังกฤษนี่กูเทียบกับเพื่อน ม.ปลายกูแล้วกูห่วยแตกมาก แกรมม่าตกร่องศัพท์ในหัวน้อยพูดไม่ได้ แต่อย่างน้อยกูก็ดูหนังดูยูทูบอ่านฟิคนิยายวัยรุ่นอ่านข่าวพอรู้เรื่อง... พอขึ้นมหาลัยแม่งเหมือนโลกใหม่เลยมึง คือกูได้อยู่เซคเก่ง ไม่อ่านหนังสือไปสอบก็ได้เต็ม,เกือบเต็ม(ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะ อ. สอนดีด้วยละ) ที่อนาถที่สุดคือเพื่อนกูเล่นเกม(ในมือถือ)มันมีอธิบายภาษาอังกฤษ มี Hint ภาษาอังกฤษให้ กูไม่ชัวร์ว่าเพราะเห็นเป็นภาษาอังกฤษเลยไม่อ่าน หรืออ่านแล้วหรือแปลไม่ออก เลยต้องมาสะกิดถาม กูเสนอโทรศัพท์กูให้มันยืมไปใช้เป็นดิกก็ไม่เอา เออดีค่ะ555 (กูเรียนคณะออกแบบ ไม่มีวิชาไหนที่เรียนเป็นอังกฤษล้วนเลยยกเว้นอังกฤษ ตอนนี้เลยยังไม่มีผลกระทบอะไร)
พิมพ์ระบายจบแล้วกลัวโม่งแตกมากเลยเนี่ย บอกทีโม่งกูยังอยู่ดี
>>323 กูเห็นด้วยว่ะ หาคอนเนคชั่นในร้านเล่าเหมือนกับการพูดว่าอยากเจอผู้ชายดีๆเป็นพ่อของลูกแต่ไปหาผู้ชายตามผับ
ส่วนเรื่องภาษาอังกฤษ ตอนนี้ยังไม่เห็นผลชัดเจนมาก ถ้าไม่ได้ทำงานสายอาชีพที่ต้องใช้ภาษาโดยตรงอย่างล่าม โรงแรม Call center ถ้าพูดอ่านฟังไม่ได้เลยมันแค่ดูโง่ในสายตาหัวหน้า แต่ไม่มีผลกับการทำงาน แต่หลังเปิด AEC เด็กที่จบมาแล้วไม่ได้ภาษานี่มีปัญหาแน่นอน
เรื่องนิยายนี่อย่าว่าแต่นิยายภาษาอังกฤษเลย แค่นิยายแปลยังแทบไม่มีใครอ่านเลย
ตอนกูบอกเพื่อนว่ากูชอบอ่านนิยาย เพื่อนกูทำหน้าamazingมากแล้วถามว่ามึงอ่านไปได้ไงวะตัวหนังสือเยอะขนาดนั้น
.....มันแปลกตรงไหนวะ กูเริ่มเชื่อแล้วว่าคนไทยแม่งอ่านหนังสือไม่เกินปีละ6บรรทัดจริงๆ
ที่ออฟฟิซกู นอกจากกูกับหัวหน้ากูไม่มีใครอ่านหนังสือเลย จากพนักงานร้อยกว่าคน
กูอยากระบาย กูโดนคนในที่ทำงานยืมเงิน 2 คนติดกันแล้วว่ะ
พูดถึงนิยายกูก็แอบเซ็งตัวเองว่ะ แต่ก่อนเด็กๆกูชอบอ่านหนังสือแท้ๆ
โตมาเหมือนมันยุ่งๆนู่นนี่นั่นไปเรื่อยจนไม่ค่อยได้อ่าน พอว่างก็ดันไม่รู้สึกอยากขึ้นมาดื้อๆ
เมื่อกี้อ่านนิยายสั้นๆจบไปเล่มนึงรู้สึกเป็นอะไรที่ใช้พลังงานเยอะมากและไม่ค่อยสนุกกับมันเท่าไหร่
หนังสือหอบมาจากงานหนังสือก็เหมือนซื้อมาวางไว้เฉยๆ
อยากกลับไปเป็นคนอ่านหนังสือเยอะๆได้เหมือนแต่ก่อนจังเลยว่ะ
>>330 กูก็เป็นนะซื้อหนังสือมาแล้วอ่านได้ไม่กี่หน้าไม่กี่ตอนก็วางเก็บ คือสมัยเด็กๆหน้าที่มันมีแค่เรียนไง เวลาว่างเหลือเยอะ สมัยก่อนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงก็ยังไม่มีด้วย(กูรุ่น 90's) พอโตขึ้นมีงานทำความรับผิดชอบมันก็มากขึ้น ไม่ได้ขอเงินพ่อแม่ใช้แต่ต้องหาเงินเลี้ยงตัวเอง แล้วLoopมนุษย์เงินเดือนมันก็ไม่เอื้อต่อการอ่านหนังสือ เช้าตื่นมาเตรียมตัวไปทำงาน เย็นเลิกงานเดินทางกลับห้อง/บ้าน กินข้าวเย็นเสร็จก็ต้องรีบนอนเพื่อเก็บแรงไว้ทำงานวันต่อไป เวลาที่จะมาอ่านหนังสือจริงๆเหลือไม่ถึงสองชั่วโมง ไหนจะมีอินเตอร์เน็ต หรือทีวีดาวเทียมเป็นตัวเลือกอีกต่างหาก ทั้งความรู้และความบันเทิงแทบจะแทนที่หนังสือได้เลย หุ้น การเงินการลงทุน สารคดีความรู้รอบตัว ละคร ซีรี่ย์
สำหรับกูนะคิดว่าจะเลิกซื้อหนังสือแล้ว เก็บไว้อ่านทีเดียวตอนที่ลาออกจากงาน แบบว่าระหว่างหางานใหม่ก็เอาหนังสือมาอ่านคั่นเวลาไปเรื่อยๆ
วันนี้คนที่ยืมเงินกูมันไม่มาทำงาน มันท่าจะลาออก ควย
มึงทำงานวันอาทิตย์?
กูล่ะอิจฉาไอ้พวกไม่ต้องทำงานวันอาทิตย์
กุหยุดวันพุธ
กูทำงานอยู่เนี่ย
กู 333 กูเป็น laber ว่ะกูลืมไปว่ามันมู้หนุ่มสาวออฟฟิต
กูอิจฉาพวกมีงานทำ
>>338 มู้นี้ไม่จำกัดว่าต้องเป็นหนุ่มสาวออฟฟิซหรอก จะWhite collar หรือ Blue collar ก็มนุษย์เงินเดือน
ใช้เงินจากนายจ้างดำรงชีพเหมือนกัน ประเด็นจริงๆของมู้นี้คือพื้นที่สำหรับคนที่เรียบจบมีงานทำแล้ว เข้ามาคุยกัน
>>339 จบ วุฒิ อะไรมา ถ้าอยากมีงานทำจริงๆ งานมันหาไม่ยากนะ ถ้าไม่เกี่ยงเรื่องประเภทของงานหรือรายได้ สมัคร 7-11 หรือร้านสะดวกซื้ออ่ะง่ายสุด
ตอนนี้กูกำลังมีความคิดจะย้ายงานว่ะ งานเดิมกูไม่ตรงสาย แต่ทำแล้วมันสบายดี สบายทั้งตัวงาน สบายทั้งจิตใจ กูเคยคิดหลังเรียนจบว่าถ้าทำงานไม่ตรงสายจะลองทำงานที่มันอยู่กับเด็กๆ แล้วกูก็ได้งานที่อยู่กับเด็กๆจริงๆ ปีแรกกูมีความสุขดีนะ วันๆไม่ต้องทำอะไรมากดูแลเด็ก เวลาว่างก็ค่อนข้างเยอะ ตื่นเช้ามามีข้าวกินที่โรงอาหาร พักเที่ยงก็เช่นกัน จานละ30 แต่คุณภาพดีกว่าร้านข้างนอกที่จานละ 40-50อีกว่ะ ทำงานไป1ปีนอนเป็นเวลามากขึ้น จากเดิมสมัยมหาลัยนอนตี1-ตี2 ซักพัก ตี3ตี4 ซักพักนอนตอนพระอาทิตย์ขึ้น แล้วสุดท้ายก็เป็นคนนอนเช้าตื่นเย็น พอกลับมานอนตอนกลางคืนได้แปปเดียวก็วนกลับมานอนดึกใหม่ แต่เพราะกูได้งานเลยต้องปรับตัว นอนเป็นเวลา สุขภาพดี เพื่อนร่วมงานก็ไม่มีปัญหา พี่ๆในที่ทำงานเมตตากูดี ทุกอย่างแม่งโอเคหมดยกเว้นเงินเดือน จนช่วงเด็กๆปิดเทอมกูได้กลับบ้านที่ต่างจังหวัด ตอนนั้นก็มาคิดนะว่าทำงานแบบนี้มา1ปีแล้วน่าจะลองกลับไปทำงานสายกฎหมายดู เพราะงานเดิมไม่ตรงสาย เงินเดือนน้อย ถึงงานมันจะสบายแต่ก็สบายแค่ปัจจุบันไงมึง ให้อยู่เป็นพี่เลี้ยงเด็กยาวๆมันก็ไม่ไหวว่ะ แต่จะออกมาหางานใหม่แม่งก็ลำบากอีก ไหนจะย้ายห้อง ไหนจะค่าเดินทางที่มีเพิ่มขึ้นมา(งานเดิมของกูตื่นเช้ามาเดินไปถึงบริษัทได้) ไหนจะเรื่องค่าอาหารที่ไม่มีข้าวดีๆราคาถูกๆให้กินอีก
ตอนนี้กูเลยคิดว่าจะอยู่ต่อไปอีกซัก1ปี รอสอบใบอนุญาตว่าความให้ผ่าน แล้วค่อยกลับไปอยู่บ้าน อย่างน้อยถ้ามีใบฯตัวนี้ก็ไปขึ้นทะเบียนทนายขอแรงที่ศาลได้ เดี๋ยวแม่งก็มีคดีมาให้เรื่อยๆเอง ถึงค่าแรงไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าอดแดกแถมได้เก็บประสบการณ์ไปด้วย
วันนี้คนที่กูกลัวว่ามันจะลาออกแล้วเบี้ยวหนี้กูมันมาทำงานแล้วว่ะ มันสุขภาพแย่ชิบ กูเลยไม่ทวงเงินมัน ใจอ่อนชิบ
หนี้ก็ส่วนหนี้ สุขภาพก็ส่วนสุขภาพ ทวงหน่อยก็ดีมึง
343 กูไม่ทวงมันเพราะมันจิตใจย่ำแย่ว่ะ เออ มึงพอแนะนำรองเท้าผ้าใบสำหรับเดินทำงานได้มั๊ยวะ กูใส่แบบผ้าใบนักเรียนแล้วเจ็บตีนชิบ มันต้องใส่สีดำว่ะ
เน้ เน้ พี่ ป้า น้า อา โม่งทั้งหลาย ปกติวุฒิ ม.6 ทำงานอะไรได้มั้ง บิบิ
โรงงานไม่ต้องนะ กูเข็ดละ กับ 7-11 ไม่เอาอะ
กูจบ ปตรี กำลังทำงานห้าง ค่าแรงรายวัน เหนื่อยสัส แถมเสี่ยงหักเงินโคตรเยอะ กูเคยทำโลตัส ระบบดี คนเหี้ย กูลาออก 2 รอบ พอจะสมัครใหม่เพราะตัวเหี้ยไม่อยู่ แม่งยามไม่ให้เข้า สัส ถ้ามึงอยากทำงาน วุฒิไม่สำคัญว่ะ สำหรับบ้านนอก แค่มีคนรู้จัก คนค้ำก็พอ เออ กูขอบใจ เดี๋ยวกูลองมองรองเท้าใหม่
กูแนะนำงาน ที่กูนึกเอาเองว่ากูเล็งๆ ไว้ เด็กปั๊ม เด็กร้านเครื่องเขียน ร้านหนังสือ ร้านเช่าหนังแผ่น งานพวกนี้เบา เสี่ยงน้อย แต่เงินก็รายวันนะ
งานเบา ผ่านมาหมดแหละ......... ล่าสุดงานโรงงาน
กูอยากทำงานเป็นนักพัฒนาชุมชนจังวะใครเคยทำมั่งเป็นไงวะ
http://pantip.com/topic/32855729
โม่งรุ่นนี้คงผ่านลูกเสือมาทุกคน อยากรู้จริงๆมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ
สมัยกุเรียนมันก็สนุกสนานดี เข้าค่ายได้ก้อไฟหุงข้าวเองจริงๆ มันก็สนุกดีนะ ทำไมมันต่อต้านกันจัง
>>353 ไอเดียดี แต่ปฎิบัติเหี้ยไง แนวคิดคือฝึกเด็กให้มีนิสัยของทหารบางอย่าง ไม่เน้นรับคำสั่งแบบเอาเป็นเอาตาย ให้มีวินัย เสียสละ อดทน เหี้ยบึ้มอะไรนั่น แต่กลายเป็นว่าวิชาลูกเสือกลายเป็นของหาแดกของโรงเรียนไป ให้ซื้อโน่นซื้อนี่เก็บตังค่าเข้าค่าย เด็กแม่งไม่ได้เรียนห่านอะไรเลย เสียเวลา เสียเงิน ไม่ได้เรียนรู้อะไร หลายคนก็เลยรู้สึกไร้ประโยชน์
พอลองๆอ่านหลายความเห็นกุเริ่มพอเข้าใจ เพราะรร.มันสอนแบบขอไปทีสินะ
กุโชคดีรร.กุให้ความสำคัญ เพราะงั้นสอนแบบจัดเต็ม พวกไม่พลองสามง่ามไม่ต้องซื้อเอง เป็นของกลางเบิกใช้(อยากได้ส่วนตัวด้วยซ้ำไป 55)
ออกค่ายทุกปีตั้งกะ ป5 - ม.3 ปีไหนงบเยอะก็ออกตจว. กางเต้น เล่นน้ำตก เดินทางไกล ปีไหนงบน้อยก็ตั้งค่ายในรร.เอา
ได้ทำบ้านต้นไม้ เก็บไม้ก่อไฟ หุงข้าวหม้อสนาม ก็สนุกไปอีกแบบ
แต่ในกระทู้นั้นเหมือนมันด่ากันผิดจุดว่ะ น่าไปด่าคนสอน รร. ที่ไม่ตั้งใจ แต่ก็นะ เพราะไม่รู้ว่าที่ดีๆเป็นยังไงมั้ง
ลูกเสือมันก็สนุกของมัน ได้ไปเข้าค่าย เล่นกับเพื่อนไรเงี้ย
แต่ไอ้ที่ควรแก้จริงๆ มันต้องไปแก้ที่กระทรวงศึกษาก่อนเลยอันดับแรก คอรัปชั่นกันตั้งแต่หัว ยันมาระดับปลีกย่อย แต่ละ รร.เลยแดกกันกระจายแบบนี้
อย่าข้ามไปเรื่องการเมืองเลย เดี๋ยวมู้แตกเปล่าๆ กูอัดอั้นมาทั้งชีวิตล่ะ เห็นคนโง่บริหารบ้านเมืองแล้วคันปากยิบๆ
พวกมึงกลับไปร้องเพลงปลุกใจ 3เวลาหลังอาหารเลยมึง จะได้รักชาติ
(เราจะทำอย่างซื่อตรง....... จงมั่นใจและศรัทธา)
เมาคลีล่าสัตว์ เพลงแม่งโหดชิบหาย เอามาสอนลูกเสือได้ไงวะ
ถลกหนังแชร์คานให้หมด เย็ดเข้
กูลืมหมดแล้วเพลง จำได้แต่ลูกเสือไม่จับมือขวา
ทำไมไม่จับมือขวาวะ?
เพราะมือขวาถืออาวุธอยู่ ปล่อยก็โง่แล้ว
เลยเกิดการแถที่เจ๋งโคตร มือซ้ายนั้นใกล้หัวใจมากกว่าฉะละล่า
มือขวามันถือไม้ง่าม หรือทำวัทยาหัตถ์อะไรสักอย่างอยู่ไม่ใช่เหรอ
มือขวาใช้ชักว่าวกัน มือขวาใช้ชักว่าวกัน
วันนี้กูกลับมาบ้าน กูเห็นมอไซป้สยแดงมาจอดทับที่จอดอีแก่ที่กูยืมขี่ประจำ บ้านกูอยู่กันสามคน มอไซห้าคันแล้วสัส ครั้งที่แล้วแม่วออกรถให้กู กูอ้างว่ารถสั้น ตอนนี้เป็น้วฟตัวใหม่ กูจะอ้างว่ากูอยากได้ซีบีอาร์สิงร้อยห้าสิบ โอนชื่อกูด้วย ควย ปากบอกว่าไม่มีจะแดก กูก็ประหยัด เก็บเงินเดือนอย่างดี เพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียเงินกับกู นี่มัยอะไรวะ สัส
พวกมึงมีมุกที่ใช้ปฏิเสธพวกโทรศัพท์ขายประกันเจ๋งๆ ป่าววะ พักนี้มาบ่อยสัดกูชักรำคาญละ
จริงๆ กูก็สงสารนะพวกนี้แม่งจะขายได้ซัก เท่าไหร่กัน ต้องทำเป้า เพื่อความอยู่รอด แต่ก็นะกูไม่อยากทำว่ะ
"สวัสดีครับ ว่างหรือเปล่าครับ"
"ไม่ว่างครับ"
>>369 ความจำเป็นกับความเห็นใจมันคนละส่วน ที่สำคัญคือ ถ้ายังไม่มีครอบครัวไม่มีลูกอย่าซื้อเลยมึง ถ้าตัวคนเดียวแล้วตายห่าขึ้นก็ไม่มีใครสุูญเสีย ยกเว้นว่าพ่อแม่มึงไม่เงินบำนาญ แต่ก็นั้นแหละ เงินค่าประกันไม่กี่แสนคงช่วยแค่ปลอบใจได้ปีสองปี ซื้อประกันผลตอบแทนจริงๆได้สูงกว่าฝากธนาคารนิดหน่อย ยิ่งถ้าเป็นแบบจ่ายปันผลจ่ายบำนาญนี่ไม่คุ้มว่ะ กว่าจะไปถึงจุดนั้นได้เงินเฟ้อแม่งแดกไปหมดและ เอาเงินไปเล่นหุ้นคุ้มกว่า ซื้อหุ้นตัวที่มันปันผลดีๆบริษัทมันคงให้ผลตอบแทนดีกว่าประกันเยอะ
กู 367 กูถามพ่อว่าซื้อให้หูเรอะ เขาบอกซื้อให้กูขี่ รถอีแก่กูโทรมจริง แต่ทำไมชอบซื้อรถเล็กให้กูวะ กูขายาวมาก สกูปีที้ซื้อให้ครั้งที่แล้วดข่ากูชนบังลมเลย ครั้งนี้เอาเวฟไอเงินสดมา กูน่ะอยากได้ซีบีอาร์ แม่งบวกอีกไม่กี่หมื่นก็ได้มาล่ะ พ่อแม่กูพอเข้าโหมดมีเงินทีไร แม่งหน้ามืกทุกที
ปล กูขี่รถไปทำงานไกลพอสมควร
ไม่เอาครับ แล้ววาง
ถ้าเจอพวกมือใหม่งี่เง่ามาบ่นไม่ฟังหน่อยเลยหรอ ก็ใส่แม่งเลยว่าโทรมาหาหลายรอบแล้ว เป็นเหี้ยไรวะ เสียเวลากันทั้งฝั่งผมแหละคุณ 9ล9 etc
พอรู้ว่าประกันกูวางเลย ไม่ตอบไม่เถียงไม่ฟังอะไรทั้งนั้น เสียเวลา
กูเป็นนีทเว้ยกำลังอยู่ในช่วงรอเรียนต่อ ทีนี้รุ่นพี่ที่รู้จักกันเค้าก็มาขอให้ไปช่วยงานโปรเจ็คที่เค้าทำอยู่ กูก็เออๆไหนๆก็อยู่ว่างๆ คืองานมันต้องทำนอกสถานที่เยอะไง บางทีกูก็ต้องเข้าบางทีก็ไม่ต้อง แล้วแต่ปริมาณงานที่แพลนไว้แต่ละวัน แต่รุ่นพี่กูคือไม่เคยบอกแพลนเหี้ยไรกูก่อนเลยไง แบบสมมติต้องการตัวกูก็ไลน์เรียกเลย อีกครึ่งชั่วโมงมาออฟฟิตหน่อยสิ อีเหี้ย คือกูพึ่งตื่นคราบน้ำลายยังเต็มแก้มกูอยู่เลย บางทีก็เกริ่นกูก่อน พรุ่งนี้เจอกันเช้านะเว้ย กูก็แหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ตีห้า (คือบ้านกูอยู่ไกล จะเดินทางอะไรต้องเตรียมตัวก่อนนาน) แล้วพอกูจะคอนเฟิร์มกับเฮียแม่งเฮียเสือกบอกวันนี้ไม่ตเองเข้าละมึง
คือกูนอยด์ไงไอเหี้ย กูเข้าใจว่าแผนงานโปรเจ็คบางทีมันมีเปลี่ยนกันได้ แต่นี่คือไม่มีแพลนเหี้ยไรให้กูเลย กูก็ต้องวางแผนชีวิตตัวเองนะสัด ไม่ใช่เห็นเป็นรุ่นน้องที่สนิทกันเลยมาทำแบบนี้ได้
กูเล่าเรื่องนี้ให้แม่กู กูโดนสวดอีก แม่งทำไมกูไม่มีความอดทน attitude แย่แบบนี้ จบมาไม่มีที่ไหนเค้าจะรับกูทำงานหรอก อีเหี้ย แค่บ่นกูยังไม่มีสิทธิ์เลยเหรอวะ
มึงำงไปช่วยงานเขา เท่ากับเขาไม่ได้ฝากความหวังกับมึงมาก เพลาๆ หน่อยก็ได้น่า
มีงานอะไรไม่ต้องออกนอกบ้านมั่งวะ
กูเกิดอาการเกือบจะเป็นนีทหละไม่อยากออกบ้านไปข้างนอก รำคาญอยู่บ้านมีความสุขไม่เสียเงิน
กูเป้นช่างทอง + เป้นนี๊ดด้วย เลยสบายพอดีที่บ้านเป็นโรงงาน กิน อยู่ ทำงาน เสร็จสรรพ
วันศุกร์แล้ว
ย้ายออฟฟิศใหม่ แอร์เย็นชิบหายยย
การทำงานที่บ้านนี่มึงต้องมีวินัยการทำงานกับการควบคุมตัวเองสูงมากนะถึงจะทำได้
มันดูสบายก็จริง แต่ไม่ได้ง่ายเลยนะ
เย็นนี้กูมีนัดแดกข้าวกับลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทด้วยว่ะ เหมือนตัวเองได้ก้าวเป็นมนุษย์เงินเดือนเพิ่มไปอีกขั้น
>>387 มันไม่ใช่แค่นั้นด้วยน่ะสิ เวลาอยู่ออฟฟิศคือเดินเข้าออฟฟิศงานเริ่ม เดินออกจากออฟฟิศจบงานวันนั้นแค่นั้น
แต่การทำงานที่บ้านมันไม่มีสถานที่เป็นเส้นแบ่งชัดเจนอีกต่อไป ต้องควบคุมตัวเองให้ได้ว่าเมื่อไหร่ที่ทำงาน เมื่อไหร่ที่จะหยุดทำ
ถ้าทำไม่ได้เวลาชีวิตส่วนตัวจะหายไปหมดเลย เสียสุขภาพจิต
ไอ้สัสเลิกงานต้องไปงานศพลูกค้าอีก
เลิกงานก็หลังเวลางาน ผมไม่อยากเจอพวกคุณเลย เจอมาทั้งวันแล้ว พรุ่งนี้ก็ต้องเจออีก เสียเวลาหลังเลิกงานอันมีค่าของผมที่จะเอาไปวาดภาพ ประกอบอะไรๆที่ค้างไว้ ฟังเพลงที่ซื้อๆมา ไม่เจอได้มั้ยวะครับ เวลาของผมแพงมากนะ ผมอาจจะตายตอนอายุ45ก็ได้ ดังนั้นอะไรที่ไม่ใช่สาระผมก็ไม่อยากเสียเวลาให้เลย แค่15วินาทีใน1ปีก็ยังมากเกินไปด้วยซ้ำ
(บ่น)
วันนี้กูโคตรท้อเลย โดนหัวหน้าสั่งสอน กูทำงานละเอียดเกินไป กูเป็นคนน้ำตาไหลง่ายว่ะ เกือบไปแล้ว กูคิดว่ากูจะลาอก ปต่กูก็ไม่อยากเป็นคนตกงานแบมือพ่อแม่กิน หูกำลังก้าวข้ามไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่แล้วว่ะ เฉพาะมโนของกูนะ
399 ก็ว่าจะปรับปรุง กูไม่อยากให้เหตุผลของกูเป็นใหญ่ สุดท้ายกูลาออกมาอีก แม่งแต่มันบีบหัวใจกูชิบหาย หน้ากูร้อนจนมีน้ำตาง่าย นี่มันไม่มีทางแก้เรอะ คนอื่นมาเห็นกูสภาพนี้คงแย่ ไม่นับลูกค้าด้วย
>>398 มึงต้องเดินทางสายกลางบ้าง
ลองคิดเล่นๆ ถ้ามึงทำงานละเอียด เมื่อไหร่มึงจะหยุด? จนกว่าจะพอใจในผลงานใช่ไหม?
แล้วมันจะกินเวลาเท่าไหร่ ถ้าทำงานแบบสั่วๆ ให้ผ่านมันกินเวลา 1 ชั่วโมง แล้วแบบเนี้ยบๆ ไร้ที่ติมันกินเวลา 3 วัน
ลองตั้งเป้าเวลาทำงานไว้ว่าตอนนี้จะต้องทำไอ้นี่ให้เรียบร้อยนะ อย่าเพิ่งให้ความสำคัญกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บางเรื่องมากนัก
http://imgur.com/bdZJL8g
สู้ๆนะมึง
โดนหัวหน้าด่า(แบบมีเหตุผล)ยังถือว่าดีนะ อย่างน้อยก็รู้ว่าตัวเองต้องแก้ไขอะไร ถ้าหัวหน้าไม่ด่านี่คือไม่มีเงาหัวแล้ว
วิธีทำงานของกูคือ 80% ว่ะ พอใจ 80% แล้วถ้ามีเวลาเหลือก็ทำ 80% ของ 20% ถ้ามีเหลืออีกก็ 80% ของ 20% ไปเรื่อยๆ
ทำวิธีนี้แล้วมันจะเห็นจุดที่ควรจะหยุด งานบางอย่างการทำ 20% ที่เหลือมันใช้เวลามากกว่าทำ 80%
ที่กูสับสน เพราะงานของกูคือดูแลสินค้า ถ้ากูไม่เรียงให้ขายง่าย แล้วจะจ้างกูมาทำมะเขืออะไร ให้กูไปช่วยคนนั้นเป็นพิเศษ โบกรถ เป็นยาม หริออะไร นี่แท่งไม่บอกกูเลย ทุกวันนี้ก็ทำของกูเสร็จ กูก็ไปช่วยคนอื่น ในฐานะคนที่หัวหน้าเลือกให้กูเป็นตัวเสริม กูว่ากูก็ไม่อู้นะ วันนึง 11 ชม กูได้นั่งแค่วันละไม่ถึงชั่วโมง ที่จริงกูคงถูกมองว่าอะไรก็ได้ที้ทำให้หาเรื่องให้ได้ก็ได้ว่ะ
คือกูทำงานห้างน่ะ มึงไปห้างมึงอาจเห็น พนง ยืนเล่นมือถือ ลูกค้าอยากถามก็ทำมึน ไม่ก็จับกลุ่มฝอยกัน ก็มันใช้เวลาที่ทำตรงนั้น มาทำงานตัวเอง กลายเป็นว่ากูโดนว่าว่ากูทำงานช้า จริงอยู่ที่ว่าของมันตั้งขายแล้วแป๊บๆ หมด แต่มึงจะไม่ให้กูใส่ใจกับสินค้าของตัวเองเลยรึ
ถ้าจะให้กูยอมรับ กูอยากให้หัวหน้านั่งมองกูทำงานทั้งวันสักวันว่ะ มันจะได้ป้อนคำสั่งกับกูได้
ปกติกูทำงาน100%เลยว่ะ ลูกค้าแม่งยำสินค้ากู ถ้าทำแบบ 404 กูอาจทำแค่ 50% แบบหว่านไปก่อนว่ะ อืมน่าคิด
ลูกพี่โม่งๆ ถามหน่อยงานต่อท่อเงินดีวะ ใน กทม บิบิ
http://pantip.com/topic/32881224
555555555555 ไอ้พวกประเทศยาจก ทำเป็นพูดไปพูดมายกย่องประเทศ ประเทศพวกมึงมันโดนกดขี่มานานแล้วเว้ย เหมือนไอ้ คห.10 มันบอก เป็นเสมียน ไม่กินไม่ใช้ 2 ปี มาเที่ยวได้ 3 เดือน อยู่ไทยมึงเป็นเสมียนนี่แค่ซื้อไอโฟนเครื่องเดียวก็หมดตูดแล้ว ย่ิงถ้าเป็นบริษัทฝรั่ง ญี่ปุ่นนะ แค่บอกจะขอลา 3 เดือนมึงก็โดนไล่ออกแน่นอน
ประเทศไทยมันคุณภาพชีวิตระดับขยะ ไม่มีทางเจริญได้หรอกเพราะถูกล้อมกรอบทั้งสภาพสังคมและวิธีคิด
โม่งคนไหนขี้งกบ้างครับ ผมนี้เงินเดือน 40k++ นั่งรอเมล์ไปทำงาน วันนี้ค่าเดินทางรวม ไม่ถึง 40 บาทแถมเอาปิ่นโตมากินอีก
ขอรบกวนถามพี่ๆโม่งทำงานหน่อย
เมื่อกี้ไปดูกระทู้พันทิบมาเขาถามเรื่องวิธีทำให้ไม่ง่วงเพื่อฝืนทำงานให้เสร็จ คือสงสัยมากว่าถ้าฝืนนอนนี่
มันน่าจะทำให้สมองไม่แล่นไม่ใช่เหรอแล้วอยา่งงั้นจะทำงานได้ยังไง หรือว่างานที่เขาทำเป็นงานไม่ใช้สมอง
แค่ทนๆทำไปให้เสร็จก็พอ? คือสงสัยว่ามันคืองานอะไร งานออฟฟิศเหรอ? แล้วมันไม่ต้องคิดอะไรเลยเหรอ
>>413 ประหยัดกับงกมันต่างกัน งกคือประหยัดในเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือไม่คุ้มที่จะประหยัด เงินเดือน 40000 นั่งรถเมล์ไปทำงานถ้าถึงที่ทำงานเหมือนรถส่วนตัวก็นั่งรถเมล์ดีกว่าประหยัดค่าน้ำมันช่วยเรื่องรถติดด้วย
>>415 ถ้าง่วงแล้วงีบหลับได้ซักพักประมาณ 15 นาทีมันจะดีต่อสมองมากกว่า แต่การทำงานออฟฟิศมันไม่เอื้อให้นอนว่ะ ไหนจะไม่มีเตียงสำหรับนอน ไหนจะโดนหัวหน้าด่าถ้านอนกันโต้งๆ เพราะงั้นเลยมีกระทู้เรื่องต่อสู้กับความง่วงเพื่อทำงานต่อให้เสร็จ
กูอยากลาออกจากงานว่ะ ตอนนี้งานที่กูทำอยู่(ห้าง)มันไม่อำนวยให้กูทนทำต่อไปได้เลย แต่กูไม่อยากกลับไปเป็นคนว่างงาน นอนอ่านการ์ตูนอยู่บ้าน ไม่กี่วันนี้กูจะ28 แล้ว ชีวิตของกูทำไมมันเบนไปจากที่ควรเป็นมากขนาดนี้นะ วุฒิก็มี ความอดทนก็มี แม้ร่างกายไม่ก้ามปู สันดานกูถ้าหุบปากกูก็ใช้ได้ สรุปว่ากูคงอยู่ผิดที่อีแล้วว่ะ อยากแยกบ้านอยู่กับพ่อแม่ชิบหาย เห็นหน้าแล้ว จากที่เหนื่อยก็ยิ่งแย่กว่า กูน่ะมันเจ๊ง ชิบหายหมดแล้ว ทุกคยรอบตัวกูมักยัดเยียดน้ำใจมาให้ และให้กูตอบแทนแบบว่ากูไม่มีจะให้ตลอด เหมือนหาเรื่องให้เลย กูคิดวนไปมาหลายวันแล้วว่ะ ร่างกายก็ช้ำเพราะทำงานแบกหามจนนอนไม่สบายแล้วเนี่ย
กูอาจจะบ่นอิดๆ ออดๆ เฉี่ยวไปเฉี่ยวมานะ แต่ครั้งนี้กูพูดเยอะที่สุดละ กูรู้ตัวว่าอยู่กับพ่อแม่จะมีแต่ชิบหายมานานละ ทำงานกี่ที่ พ่อแม่นี่ล่ะที่ทำให้ความรู้สึกเหี้ยๆในที่ทำงาน ต้องมาบวกเรื่องของคนในบ้านเพิ่มเข้าไปอีก สำหรับกู บ้านที่กูอาศัยเค้าอยู่ มันก็คุกดีๆ นั่นเอง กูไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว มีแต่เงินเดือนที่แล้วราวๆ สองพัน กูไม่อยากทำอะไรแล้ว ร่างกายกูปวดไปหมดแล้ว พอมาเจอวัฒนธรรมในที่ทำงานแบบนี้ กูจะทนได้อีกกี่วัน นี่ก็เพิ่งใจดี ให้เปลี่ยนวันหยุดไป กูทำงานยาวสิบวันเลย
กูตั้งใจทำงาน แต่หัวหน้ามันแฟลกซิเบิ่ลเกินไป กูเลยกะเทือน นี่ก็มีคนย้ายไปทำที่ใหม่ แล้วแผนกที่เค้าทำไว้ก็ยกมาให้กูแบกรับ ทั้งที่กูเป็นแค่ตัวเสริม แต่ตัวหลักที่ขึ้นมาทำแม่งทำหน้าหมี ไม่รู้ ปิดหู ปิดตา ชิบหาย กูมีแววว่ากูจะเหนื่อยมากกว่าเดิมอีก นี่ไม่นับงานที่แผนกกูทร่มีการยัดเยียดน้ำใจให้กู เพื่อรอการตอบแทนแบบกูลำบากใจเสมอ เช่นยืมเงิน ทั้งที่หนี้เก่ายังไม่สะสาง หรือฝช้ให้ช่วยงาน แต่พอมันทำพลาดก็โยนขี้ให้กู
กูเข้าใจว่ามึงต้องว่ากูไม่ดีงั้นงี้ กูยอม แต่กูปวดร้าวไปทั้งตัวแล้ว
เลิกดิ ชีวิตมึงเองจัดการเองสิวะ รอควยอะไร
หัดรู้จักปฏิเสธบ้าง มึง ชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตมึง ไม่ต้องแบกรับไว้ก็ได้
มันใช้งานกูกลายๆ แล้วล่ะ กูตั้งใจจะปฏิเสธทุดอย่างแม่ง ถ้ามันองว่ากูเห็นแก่ตัว กูคงจะเฉยแล้ว แต่เดี๋ยวมันก็ไปตื้อหัวหน้าให้กูโดนจนได้ สัสเอ๊ย มองกูเป็นเบ๊สารพัดรึไงวะ มึงพูดว่างานแผนกกูมีน้อย กูก็ไม่มีสิทธิ์เถียง เพราะมันพูดว่าดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิตย์ตะวันตก มันก็เชื่อกัน
มึงยอมเป็นทาสคนอื่นด้วยตัวมึงเอง ถ้ามึงไม่ทำเค้าก็หาคนอื่นทำ ต่อให้มันไปคุยให้หัวหน้ามึงมากดดัน ถ้ามึงมีเหตุผลพอ งานมึงหนักอยู่แล้ว มึงก็บอกไปดิ จะให้กูทำงานให้คนอื่นก็ได้นะ แล้วงานที่กูทำอยู่นี่จะเอาไง กูไม่ทำแล้ว ทำไม่ทัน ถ้าหัวหน้ามึงโอเค มึงก็ทิ้งงานเดิมเลย ทำงานใหม่ไป สุดท้ายมึงก็ไม่ต้องเหมามาทำคนเดียว มึงก็บอกหัวหน้าไปว่างานที่ไอ้เหี้ยนี่ให้ทำมันไม่ใช่หน้าที่ของมึง แต่ที่มึงทำเพราะหัวหน้ามึงสั่งให้ทำเอง ถ้างานหลักแล้วมึงโดนด่า มึงก็บอกเลยว่าปรึกษาหัวหน้าแล้ว หัวหน้าให้ทำ ไม่ใช่ความผิดมึง
มึงต้องรู้จักต่อรองว่ะ ไม่พูดจะมีใครรู้ป่ะ ไม่รู้จักปกป้องตัวเองมึงก็เป็นทาสไปจนตายเหอะ
วันนี้กูมาทำงานแบบมึนๆ กูลังเบว่าจะไปอีกตึกเพื่อลาออก หรือจะไปทำงาน กูเลือกมาทำงาน กูยังไม่อยากกลับไปนอนเฉยๆ ที่บ้าน
เพราะกูหางานที่ไม่ใช้คนค้ำประกันได้เลยในตอนนี้
>>429 งานที่ต้องใช้คนค้ำประกันนี่จำเป็นต้องเป็นข้าราชการมั้ย ถ้าไม่ เอาบัตรประชาชนพ่อแม่แอบไปถ่ายเอกสาร แล้วปลอมลายเซ็นลงในสัญญาค้ำก็ได้ ถ้างานที่จะได้มันคุ้มพอให้เสี่ยง คือกูเข้าใจว่า HR คงไม่เคี่ยวถึงขนาดมาเช็กประวัติอะไรขนาดนั้นหรอก งานที่กูทำนี่ก็ปลอมลายเซ็นแม่กูมา กูขี้เกียจบอกความจริงไง งานไม่ตรงสายถ้าบอกความจริงพ่อแม่กูจะไม่ปลื้มแล้วบอกว่าอยู่บ้านหนังสือที่บ้านคุ้มค่ากว่า ทั้งที่กูอยากออกมาหางานทำ ปัจจุบันกูทำงานนี้มาจะปีครึ่งแล้ว HR ก็ยังไม่ระแคะระคายอะไรเหนือนเซ็นๆไปตามขั้นตอน ได้เอกสารมาก็เก็บไว้ในประวัติพนักงานแต่ไม่มีการออกไปตรวจ
เซเว่นเอาซีเจ็ด
วันนี้ใช้ไป 99.5 บาทสำหรับค่าข้าวค่ารถว่ะฮะฮ่า เอาข้าวไปกินเองช่างดี
>>410 ประเทศที่เจริญแล้ว ค่าครองชีพสูง ภาษีจ่ายเยอะ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ดีกว่าเพราะค่าแรงก็สูงตาม พอเอาเงินที่ได้จากการทำงานในประเทศที่ค่าแรงสูงมาใช้จ่ายในประเทศที่ค่าครองชีพต่ำมันก็เป็นที่มาของกระทู้นี้นี่แหละ แต่ก็นะ อ่านแล้วก็เอามาเป็นแรงฮึดในการพัฒนาตัวเองดีกว่า
วันนี้เป็นวันที่กูทำงานเป็นวันสุดท้าย กูรู้สึกว่าวันนี้เป็นวันเกิดกู การลาออกจากงานถือเป็นของขวัญที่กูมอบให้ตัวเอง
hbd
โชคดีเพื่อนโม่ง ขอให้ได้งานใหม่เร็วๆ และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้มนะ
กูทำงานวันละ300กว่า เดือนนี้ถ้ามันไม่เล่นกลหักนั่นนี่จนหมด กูก็จะได้ราวๆ เจ็ดพัน กูไม่มีเงินเก็บ และคงไม่มีใครรับกูทำงานอีกนานเลย ถ้ากูยังอยู่กับพ่อแม่ที่กดทับโชคลาภกูอยู่ ช่างมัน กูยังได้เงินเค้าอยู่ กูคงออมเงินให้เข้มงวดขึ้น กูอยากมีวัตถุดิบที่พากูออกไปจากพ่อแม่กูได้ในอนาคต
439 กูบ่นๆ ไปแล้วในมู้นี้ล่ะ ที่ผ่านมา 2 ปี กูไม่เคยสมัครงานแล้วเค้ารับกูเลย เพิ่งมีงานห้างนี่ล่ะที่รับกูมาเสี่ยงตาย กูได้เงินใช้ แต่หักค่ายาแก้หัวล้านกับค่าเน็ต มันก็เหลือเก็บแบบจำกัดจำเขี่ย กูเก็บเงินได้ไม่นาน กูก็หยอดตู้เกมจนหมด ไม่ก็มีคราวซวย เสียเงินทุกที ถ้ากูขี้เหนียวทุกเม็ด กูอาจขยับขยายตัวเองไปที่อื่นได้ว่ะ ปล กูจบ บริหาร สาขาการจัดการครัวและภัตตาคาร แต่กูไม่เคยแม้แต่ทำอาหารกินเองเลย
โม่งซาลารี่มังรุ่นพี่มีคำแนะนำเรื่องการทำงานเป็นทีมให้กูไหม คือกูทำงานกลุ่มแล้วเละตลอด ให้คนอื่นทำกูก็ไม่พอใจ เรียกประชุมก็ไม่ค่อยจะมากัน พยายามช่วยทำนะ แต่ก็เข้าใจกันไปคนละแบบเพราะคุยกันแค่คร่าวๆ งานแม่งไม่ลงตัว ไม่เหมือนที่กูคิด กูเลยยึดงานส่วนใหญ่มาทำเอง แต่อันนี้มันแค่งานเล็กไง ถ้าเป็นโปรเจกต์ใหญ่ๆ นี่กูต้องหยังเขียดแน่ๆ พูดจูงใจยังไงให้เรียกมารวมกัน คุยกัน ออกไอเดีย สรุปงานให้เห็นงานเป็นภาพเดียวกันได้วะ แล้วกูเป็นคนที่อธิบายอะไรแล้วคนอื่นไม่เข้าใจกูเลย คือมีน้อยคนมากที่ฟังกูอธิบายรู้เรื่อง กูควรทำไงดี
(กูมาถูกที่มั้ย... เหมือนมาขัดจังหวะพี่โม่งที่เพิ่งออกจากงาน ; ;)
>>441 ถ้าเป็นซาลารี่มังปัญหาแบบนี้กูว่ามึงควรปรึกษาและขอความร่วมจากหัวหน้างานนะ โดยเฉพาะเรียกประชุมแล้วไม่มานี่กูว่าหนักละ ถ้ามึงเป็นแค่สมาชิกคนนึงเฉยๆตัวมึงเองคนเดียวจะเปลี่ยนมันดูเป็นเรื่องใหญ่เกินตัว
ส่วนเรื่องใช้แค่คำพูดแล้วคนในทีมไม่เห็นภาพเดียวกันเวลาคุยกันกูว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ปัญหานี้ลดได้ด้วยการหาสื่อกลางที่คนจะเข้าใจตรงกันได้อย่างพวกแผนภาพหรือรูปมาใช้
441 กูไม่อยากทำให้มึงคิดมาก แต่กูเชื่อว่าคนในที่ทำงานมึง โดยเฉพาะที่ต้องทำงานกับมึง เขาไม่ชอบหน้ามึง เกลียดมึง ทำงานกับมึงแบบขอไปทีเพื่อให้มันเสร็จๆ ไป แล้วก็ไปรวมหัวกันทิ้งมึง กูคือ 440 ที่เคยทำงานออฟฟิตว่ะ สถานการณ์แบบนี้กูเจอตั้งแต่เรียนมัธยม วิทยาลัย ที่ทำงาน 2 3 ที่ ทางแก้คือเปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน คือลาออก เพราะมันไม่ยอมให้มึงโงหัวขึ้นมาแน่ ไอ้ที่อ้างว่าพูดเหี้ยไร สื่อสารไม่รู้เรื่อง ที่ทำงานที่กูจะไปลาออกนี่ ก็มีกูกับโอตะ 1 ตัว กูทำงานกับมันได้ 2 คน แต่มันกับกูทำงานกับคนอื่น เจอแต่ปัญหา เชี่ย กูไม่น่าเกิดมาเลย
ตามที่กูบอกไปเมื่อวานว่ากูไปทำงานวันสุดท้าย วันนี้กูไปลาออกว่ะ กูอุตส่าหไปที่ตึกใหญ่เพื่อไปฝ่ายบุคคล แม่งเสือกไล่ให้กูมาเจอหัวหน้าที่กูอึมคครึมกับเค้า กูรู้สึกใจหาย แต่ที่ทำให้กูพูดจนน้ำตาไหล เพราะตั้งแต่เมื่อวาน ตอนจะเลิกงาน กูไปยกลัง กูโดนไอ้โอตะมันโยนกล่องใส่กู ตั้งแต่เมื่อวานนี้จนตอนนี้ กูเจ็บแถวซี่โครงเหนือหัวนม จนกูไม่อยากพูดอะไร กูเชื่อเหลือเกินว่ากูลาออกส่วนหนึ่งเพราะกูโดนไอ้โอตะมันทำงานชุ่ยๆ ให้กูแก้ประจำ แถมไปทำงานกับมันทีไร เจ็บตัวทุกที นี่ถ้ามันตีมึนไม่คืนเงินตามที่กูบ่นไปเมื่อก่อนในมู้นี้ กูก็รู้สึกว่า ไอ้โอตะนี่มันจงใจหาเรื่องกู เอาเปรียบกู และทำให้กูต้องลาออก
เออ เมื่อวานวันเกิดกู แม่กูซื้อเค้กวันเกิดให้กูว่ะ พอกูบอกเค้าว่าพรุ่งนี้กูจะไปลาออก ถ้าออกไปสายกูไม่ต้องปลุก แม่กูนี่เงียบเลย แกติแม่กูเป็นตัวตั้งตัวตีที่ยุพ่อให้ชวนลาออกจากงานว่ะ แต่พอกูทำจริงก็เผ่นหนี กูอยาก***แม่กูชิบหาย สัส
กูอ่านเรื่องของมึงแล้วกูเข้าใจเลยว่าทำไมไม่มีคนรับมึงเข้าทำงาน
มึงดูเป็นคนเพี้ยน ๆ เพ้อ ๆ และชอบโทษสิ่งต่าง ๆ รอบข้างว่ะ
พ่อแม่กดทับโชคลาภ อะไรของมึงวะ
มึงได้เดือนละเจ็ดพัน แต่พอหักค่ายาแก้หัวล้านกับค่าเน็ตมึงเหลือแบบจำกัดจำเขี่ย ค่าเน็ตมึงเดือนละเท่าไหร่วะ แล้วยาแก้หัวล้านของมึงนี่ราคาเท่าไหร่
ถ้าเงินเก็บมึงยังไม่มีแล้วมึงจะซื้อยาแก้หัวล้านแพง ๆ ขนาดนั้นทำไม
เงินเก็บไม่มีมึงยังเอาเงินไปหยอดตู้เกมจนหมด เจริญล่ะมึง
มึงสื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง สื่อสารรู้เรื่องแต่กับโอตะ มึงก็ควรจะรู้ตัวแล้วว่ามึงต้องแก้ มึงก็ไม่แก้เอาแต่โทษนู่นโทษนี่ บอกว่าเจอแต่ปัญหา
มึงเลิกเล่นเน็ต เลิกกินยาแก้หัวล้าน เลิกเล่นตู้เกม แล้วลองออกไปฝึกพูดคุยกับผู้คน ไปขยันทำงานจริง ๆ จัง ๆ ดูเถอะ
ม่าย กูพอแล้ว เพราะร่างกายกูต้องพักฟื้นว่ะ ไว้กูมีงานทำ กูค่อยมาคุยในมู้นี้นะ กูย่อยยับหมดแล้ว
นี่คือคนที่บอกว่ามีความอดทนเหรอวะ ทำงานไปได้ไม่เท่าไหร่บอกว่าต้องพักฟื้น อายุก็ยังไม่เยอะแท้ ๆ
ถ้าวันนึงมึงได้งานประจำยาว ๆ ทำต่อเนื่องไปสิบยี่สิบปีแล้วตอนนั้นอายุก็เยอะขึ้นแล้วด้วยมึงจะเป็นยังไงวะเนี่ย
มันอยากขี้เกียจ แล้วหาข้ออ้างให้ตัวเองดูดี แค่นั้นไม่มีอะไรเกิน
คนที่เค้าพิการเค้ายังพยายามและได้ดีกว่ามึงเลย
ถ้าอยากได้ดี ก็ต้องนำพาชีวิตให้ตัวเองได้ดี ไม่ใช่หวังพึ่งคนอื่นแล้วพอไม่ได้ก็มาโทษทุกสิ่ง (นอกจากโทษตัวเอง)
446 มึงอาจจับผสมกันมั่ว เอางี้ กูอธิบายให้
- ถ้าสิ้นเดือนนี้กูไม่โดนหักเงินค่าเสียหาย กูจะได้ราวๆ 7 พัน ปกติเงินเดือนที่นี่น่าจะได้ราวๆ 9 พัน สำหรับพวกจ้างรายวัน พวกบรรจุแล้วมันก็ได้มากกว่านิดหน่อย กูจะบอกให้ ที่นี่แม่งมีคนเสียค่าหวย ค่าข้าวของเสียหายกันเยอะว่ะ เพราะงั้น เงินเดือนของคนที่นี่แม่งได้กันไม่เต็มอยู่แล้ว
- ปกติ กูได้เงินจากพ่อแม่กู อาทิตย์ละไม่กี่บาท คือมันน้อยนะ เฉลี่ยวันละ 1 ร้อยกว่าบาท ซึ่งกูถือว่ากูรับได้ เพราะกูไม่ได้ทำงานนอกบ้าน กูแค่ช่วยงานในบ้าน ในฐานะผู้อาศัยในบ้าน ที่อยากทำตัวเป็นประโยชน์เฉยๆ
- พอกูหักเงินเก็บค่ายาแก้หัวล้าน กับค่าเน็ต มันก็มีกินไม่กี่บาท กูมักโดนพ่อแม่สอนว่า พ่อแม่ให้เงินก็ใช้ไป เงินแค่นี้จะมาเก็บก็ชีวิตลำบากเปล่าๆ แต่กูมีประสบการณ์ไม่ดีกับพ่อแม่กูมานานว่ะ กูเลยพยายามไม่ตามเกมเค้า
- ตลอดมาที่กูตกงาน ย้ายมาอยู่บ้านนอก ทุกครั้งที่พ่อแม่กูทะเลาะกัน กูก็จะเอาเงินส่วนตัวของกูไปสร้างความสุขกับตัวกูเอง แต่เงินเก็บของกูมันหมดไปแล้วว่ะ กูพยายามเก็บเงิน แต่กูก็เจอเหตุการณ์พ่อแม่ทะเลาะกันบ่อย ไม่ก็ข้าวของพัง ต้องควักจ่ายตลอด แน่นอน เงินรายรับแค่นั้นมันจะเก็บได้เรอะ
- กูไม่มีแผนใช้เงิน แต่กูก็อยากมีเงิน เผื่อต้องไปที่ไหนไกลๆ จะได้รับผิดชอบเองได้ เรื่องอนาคตมึงอย่าได้ถาม มันพังไปตั้งแต่กูเรียนวิทยาลัยแล้ว สัส ถ้ามึงอยากรู้ เรื่องมันยาวเว๊ย
- กูรู้ตัวดีว่ากูมันสื่อสารกับคนอื่นไม่รู้เรื่องมาตั้งแต่เด็ก สิ่งเดียวที่กูทำเพื่อเลี่ยงปัญหาสื่อสารไม่เข้าใจ คือใช้ตัวอักษรสื่อสารกับคน ซึ่งมันเป็นของยุ่งยากของคนอื่น ในสังคมที่ทำงาน มันมีคนที่จ้องจะทำลายประสิทธิภาพในการสื่อสารของกู กับคนที่เข้าใจว่ากูพูดไม่ค่อยเก่ง และพยายามรับฟังกู ซึ่งแม่งน่าเสียใจว่ะ ที่กูเจอคนที่คุยเรื่องงานกับกูแบบไม่ดูถูกกู มันมีน้อยเหลือเกิน
- มึงไม่หัวล้านตั้งแต่ 20 มึงจะมาเข้าใจกูได้ยังไง กูโชคดีที่กูไม่ถอดใจ รากผมกูยังไม่ตายหมด ยาที่กินแล้วเงี่ยนแต่ควยเหี่ยว จนเมียนอนตกเบ็ด มีลูกแล้วเสี่ยงลูกพิการ พวกมึงคงไม่กินกัน แต่กูกิน เพราะหลังจากชีวิตคู่กูชิบหาย กูเลือกรักษาร่างกายของกูเอง
- เรื่องไอ้โอตะ ตอนแรกกูทำงานเป็นเด็กใหม่คนเดียว ที่จริงมันมีอีกคน แต่มันเกาะคนเก่ารอดไปแล้ว ส่วนกูโดนทำงานคนเดียว และช่วยแผนกคนอื่น กูช่วยงานไม่คุยเล่นกับคนอื่น เพราะกูอยากช่วยให้เรียบร้อย ให้หมดเวลา และก็กลับบ้านไปซะ จนมามีมันอีกคน คนที่ทำงานทำงานกับมันไม่ได้ เพราะมันอู้ เล่นมากกว่าทำงาน แถมพูดเถียงแทรก ไม่จำเหี้ยอะไรเลย แต่มันชอบมาคุยเล่นกับกู แถมกูก็คุยกับมันได้ด้วย พอมันโดนเนรเทศออกจากแผนกที่มันเป็นตัวเสริม มันก็เลยเป็นตัวช่วยแผนกที่กูเสริมอีกที
- กูรู้ซึ้งว่ามันเป็นยังไง ก็ตอนที่ตัองทำงานกับมัน กูเหนื่อย มีแผลฟกช้ำ ถูกคนเก่ากระแนะกระแหน และพอทำงานกับมันทีไร ก็เหมือนจะต้องตามแก้บ่อยครั้งเกินไป กูน่ะ เสียสถานภาพในที่ทำงานไปแล้ว กูกลายเป็นนวมให้คนเก่ารุมยำว่ะ
- ตอนที่กูพิมพ์ข้อความนี้ กูปวดซี่โครง เพราะกูโดนมันโยนกล่องใส่กู มันเล่นมากเกินไปจนกูเจ็บ อีกหน่อยมันคงแกล้งกระทืบกูด้วยหน้ายิ้มๆ ของมัน วันนี้ยังไงกูก็ทำงานไม่ได้แน่ๆ เพราะเมื่อคืน กูนอนแทบไม่สนิทเลย ปวดซี่โครงจนจะร้องไห้ และมันนี่ล่ะที่เป็นหนี้กู วันนี้ ตอนกูไปลาออก มันหลบหน้ากูไปเลย
ถ้ามึงสงสัยอะไร อย่าจับชนกันเละเลยว่ะ ถามกูสิ
448 449 มึงใจเย็นๆ สิ สัส งานในบ้านนอก มันหาไม่ได้ง่ายๆ กูย้ำเสมอว่า ถ้าไม่รู้จักกัน ไม่มีคนค้ำ ซีสูงๆ เรียนจนมีคุณวุฒิไปก็ไปไหนไม่รอด เซเว่นกูยังทำไม่ได้ ไปสมัครงานที่ไหนกูก็เว้นในช่องบุคคลอ้างอิงทุกที กูถึงได้ไม่มีงานทำ ต้องมาทำงานแบกหามในห้างไง ตอนนี้กูเจ็บ หายใจแรงก็แปล๊บๆ ประกันกูก็เลิกส่งแล้ว กูไม่มีเงินไปโรงบาลหรอกเว๊ย มึงคิดว่ากล่องมันจะปลิวมาโดนกูเองเรอะ แผลตามตัวนี่ใครมันจะอยากมีวะ ตรรกะของกูมันเสียหายขนาดไหนสำหรับการประเมินของมึง กูมันไม่เหมือนพวกมึง ที่นั่งกดคอมพ์ เขียนหนังสือนิดหน่อย ล้อเลียนสาวโต๊ะข้างๆ นั่งรถไฟฟ้า แทีกซี่ กลับไปเล่นฟิตเนส กินข้าวเย็นหรูๆ สารอาหารเพียบ แล้วนอนบนเตียงนุ่มๆ เหี้ย สำหรับคนที่มาเทียบกูกับคนพิการ ถ้ามึงพิการ สังคมจะมองมึงเป็นคนละคน เรื่องนี้ทำไมมึงไม่คิดก่อนพิมพ์อะไรออกมาแบบนี้วะ
>>450
- ค่าหวยเกี่ยวอะไรกับเงินเดือนไม่เต็มวะ
- มึงอายุ 28 ยังขอเงินพ่อแม่นี่วันละร้อยกว่าก็ไม่น้อยแล้ว
กูอายุ 27 กูให้เงินพ่อแม่กูใช้เยอะกว่าที่พ่อแม่มึงให้มึงอีก
- พ่อแม่บอกว่ามึงไม่ต้องเก็บเงินหรอก มึงไม่อยากตามเกมพ่อแม่ แต่มึงก็ไม่เก็บเงินอยู่ดีนี่คืออะไรวะ
- พ่อแม่ทะเลาะกันมันเกี่ยวอะไรกับที่มึงต้องใช้เงินเก็บ เวลาพ่อแม่กูทะเลาะกันกูไม่เห็นต้องใช้เงินเลย
- มึงอยากมีเงินแต่มึงไม่เก็บเงินแล้วมึงก็อ้างนู่นอ้างนี่ เมื่อไหร่มึงจะมีเงินเก็บ แล้วชีวิตมึงพังตั้งแต่เรียนมหาลัยนี่คืออะไรวะ คนที่เขาจบแค่ม.3 ม.6 แต่ตอนนี้เป็นมหาเศรษฐียังมีเลย มึงได้จบปริญญาตรีจะมาบ่นอะไร
- สิ่งที่มึงต้องทำไม่ใช่การหนีปัญหา แต่มึงต้องแก้ปัญหา ไปฝึกสื่อสารกับคนอื่นให้เข้าใจ
- กูเริ่มผมบางจนเห็นหนังหัวตั้งแต่อายุ 24 ซึ่งการผมร่วงตั้งแต่อายุน้อยมันไม่ได้เกิดจากพันธุกรรมแต่เกิดจากฮอร์โมนผิดปกติ มันเป็นปัญหาสุขภาพซึ่งมีสาเหตุจากการกินอาหารไม่ดี ขาดการออกกำลังกาย นอนดึก ไม่ดูแลสุขภาพของกูเองจากการที่กูยังไม่ชินกับงาน ปัจจุบันกูดูแลสุขภาพตัวเองผมกูก็กลับมาดกดำ
มึงเข้าใจอะไรผิดรึเปล่า การรักษาร่างกายไม่ใช่การปล่อยให้ร่างกายพังแล้วกินยานะ มันหมายถึงการรักษาร่างกายที่มีอยู่ให้ดีไม่มีปัญหาต่าง ๆ
ถ้ามึงไม่เลิกโทษสิ่งรอบข้าง คอยหาข้อแก้ตัว แล้วเปลี่ยนเป็นหันมาพัฒนาตัวเอง ชีวิตมึงมีแต่จะจมปลักและเน่าลงเรื่อย ๆ
รอบข้างมันอาจจะแย่บ้าง สังคมมันอาจจะเลวร้ายบ้าง โลกมันอาจจะไม่ยุติธรรมบ้าง แต่มึงจะเอาแต่ด่าสิ่งอื่น ๆ แล้วปล่อยให้ตัวเองเน่าไปโดยไม่ยอมสู้กับมันเหรอวะ
ลึก ๆ แล้วตัวมึงเองก็คงจะรู้ว่าอะไรดีหรือไม่ดีสำหรับมึง มึงจะเลือกที่จะทำหรือมึงจะรักสบายไม่พยายามอะไรต่อไปก็เรื่องของมึงแล้วกัน แต่พวกกูเตือนมึงกันแล้วนะ
ขอบใจที่เตือน ที่มึงพูดมา เป็นประโยนช์กับกูมากกว่าพวกที่พิมพ์ 2 3 บรรทัด อวดเท่ห์ไปยังงั้น
- กูคิดว่ากูทำงานกับพ่อแม่ กูได้วันละเท่าไหร่ กูก็ไม่มีปัญหา เพราะอะไรๆ ก็ฟรี กูชี้ประเด็นไปที่ "กูไม่ได้อยู่แบมือขอเงินพ่อแม่ไปวันๆ แต่กูก็อยากมีรายรับสูงขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะกูอยากทำยอดเงินเก็บให้สูงขึ้น อนาคตของกิจการครอบครัวกู มันง่อนแง่นตามอารมณ์พวกเค้า กุเลยไม่สนใจ อยากหางานทำนอกบ้านให้รู้แล้วรู้รอด"
- เรื่องเงินเดือน กูชี้ประเด็นไปที่ "ที่นี่เงินเดือนน้อยนะ แถมยังโดนหักเงินเดือนโดยกลไกลที่แสนจุกจิกอีกด้วย" และ "ที่นี่รับแทงหวย เครดิตก็ใช้วิธีหักเงินเดือน แต่กูขอโทษที่พูดเรื่องนี้ กูพิมพ์เละเทะไปหน่อย" "ส่วนเรื่องที่ว่าเรียนทำเหี้ยอะไร งานที่กูทำมันไม่เอาวุฒิด้วยซ้ำ กูเขียนไปใน 451 แล้ว"
- มึงคิดว่ามีกินสุทธิไม่กี่สิบบาท มึงอยากให้กูเก็บ หรือกิน กูอยากเก็บ แต่สุดท้ายกูก็กิน "อันนี้กูผิดเองที่ใจไม่แข็งพอ"
- บ้านกู พอเวลาพ่อแม่ทะเลาะกัน บ้านกูนี่ลุกเป็นไฟหลายวัน กูอยากเอาเงินไปหาความสุขบ้างไม่ได้เรอะ เงินเก็บกูส่วนใหญ่ มันคือเงินชดเชยจากที่ที่กูออกมาจากที่เก่า ใน กทม
- กูยอมรับเลยว่ากูไม่มีความกะตือรือร้นที่จะหาเงิน กูไปตลาดนัด เจอคนที่กูเคยเรียนมัธยมแล้วออกไปก่อน เห็นมันทำมาหากิน นับเงินฟ่อนเลย กูเปรียบเทียบตัวเองทีไร กูก็ให้คำตอบกับตัวเองว่า "กุมันพลาดจากจุดนั้น (จุดสมมติ) มานานหลายปีแล้ว เค้าได้ดีก็ควรชื่นชม ส่วนกู ก็ปล่อยให้มันดรอปลงไปจนตายห่าไปเลย" กูมันไม่ดีเอง กูมันเก็บตัวอยู่ในบ้านนาน กูคงต้องพยายามทำอะไรบางอย่าง "ส่วนเรื่องชีวิตกูชิบหายตอนเรียน กูเสือกมามีชีวิตคู่ตอนที่เรียน โอกาสในชีวิตของกูเสียไปหมด" ถ้าพูดกันตามตรง ตอนที่กูเห็นมู้นี้ ตามประสาคนมีงานทำ ก็อยากคุยเล่นบ้าง แต่พอกูกำลังดับ กุก็รู้สึกว่า "คงเป็นประโยชน์กว่ากูปล่อยให้ความคิดของกูวนอยู่ในกะลา โดนถากถางบ้างก็ไม่เสียหาย"
- อือ ถ้ากูไม่เจอพวกพูดจาล้อเลียนความไม่ปกติทางสมองของกู กูคงไม่มีปัญหาในการสื่อสาร ตอนแรกมันก็ให้เกีรติกูนะ เพราะไม่คิดว่ากูมันน่าล้อเลียน แต่พอกูออกอาการ มันก็เล่นกุแล้ว
- กูผมร่วงทางกรรมพันธุ์ อันนี้กูกินยามาหลายปีแล้ว กูยังตัดใจยอมหัวล้านไม่ได้
คือที่มึงพูดมา กูไม่ได้ต่อต้านอะไรเลย เพราะมันเป็นประโยชน์กับกู กูควรขอบใจมากกว่า
>>453 ควย เรียนจบอะไรมาก็ไปสมัครอันนั้นสิวะ มึงจะมาทนทำงานเงินเดือนลูกจ้างรายวันไปทำไม ทำงานบริษัทยังได้ 12000 เลย มึงนี่ขี้แพ้ชิบหายเลย ตัวเองตกลงไปเสือกไม่คิดจะตะกายขึ้นมา ปล่อยตัวเองจมอยู่กับโคลนเน่าๆไป สู้สิวะ ถ้าทำงานบริษัทแม่งระยำต่ำตมขนาดนั้นก็ออกมาค้าขายเลย กาแฟ แซนด์วิช ลูกชิ้นปิ้ง หมูย่าง ข้าวไข่เจียวอะไรก็ขายไป แม่ค้าขายข้าวโพดอบเนยในตลาดนัดแถวบ้านกูวันนึงยังได้กำไรหลายพัน
ถ้าการอยู่บ้านมันไม่มีความสุข กูแนะให้ย้ายออกมาอยู่เองข้างนอก เช่าห้องถูกๆอยู่ไปก่อน พออะไรๆเริ่มดีขึ้นแล้วค่อยขยับขยาย มึงลงทุนกับการหาความสุขมึงมากเกินไปแต่ไม่ลงทุนกับอนาคตตัวเอง เกิดพ่อแม่มึงไม่อยู่แล้วจะทำยังไงวะ มึงไม่ต้องกินเงินเดือน 9000 ไปยันตายเหรอ เลิกโทษสิ่งรอบข้างแล้วพัฒนาตัวเองได้แล้ว และค่าหวยเกี่ยวเชี่ยอะไรกับเงินเดือนมึง มึงเล่นหวยทีเป็นพันใช่มั้ยเลยไม่มีจะแดก ไม่มีเงินเก็บ เลิกซะเหอะ เอาไว้มึงมีเงินพอจะให้รางวัลตัวเองนิดๆหน่อยๆก็ซื้อลอตเตอรี่ซักใบก็ได้ แล้วยิ่งแดกยาจะยิ่งมีผลเสียต่อตับและไตนะเว้ย ควรออกกำลังกาย กินของมีประโยชน์ ไม่นอนดึก อย่าเครียดมาก เท่านี้สุขภาพมึงก็แข็งแรงแล้ว
กูอายุพอๆกับมึง ตอนต้นปียังเป็นนีทขอตังพ่อไปวันๆ
แต่ตอนนี้กูได้เดือนราวๆสี่หมื่น เพราะกูดิ้นรน
ขอให้มึงหาโอกาสของตัวเองไวๆละกัน มันมีทางออกอยู่แล้ว
กูอ่านหมดไม่ไหวนะ ยาวชิบหาย แต่แม่งคล้ายมึงจะเป็นร่างแยกของกูมาก แถมหัวล้านกรรมพันธุ์เหมือนกันอีกสัส 55555
>>452 ผมบางกรรมพันธุ์หรือไม่ต้องให้หมอตรวจและติดตามผล ไม่ต้องคิดเองมโนเอง เบื้องต้นหมอก็จะบอกเหมือนมึงนี่แหละ แต่ถ้าทำทุกอย่างตามที่หมอแนะนำแล้วมันไม่เวิร์คหรือว่าปกติก็รักษาสุขภาพดีอยู่แล้ว ก็แสดงว่ามันเป็นกรรมพันธุ์รักษาให้หายขาดไม่ได้ ทำได้แค่ประคองไม่ให้ร่วงหนักกว่าไม่ทำอะไรเลย หรือถ้าใครรวยก็ปลูกผมห่าอะไรไป ส่วนของมึงไม่ได้เป็นกรรมพันธุ์ก็ยินดีด้วย กูเห็นด้วยในคอนเซ็ปต์ที่ว่าเราต้องรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ไม่ใช่ทำร่างกายพังแล้วแดกยา แต่กูเกลียดชิบหายพวกที่เอะอะก็โบ้ยว่าคนเราเป็นโน่นเป็นนี่เพราะไม่รักษาสุขภาพ โรคมันเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ บางคนแม่งทำตัวเองก็สมควรน่าสมน้ำหน้า แต่บางคนไม่ได้ทำห่าอะไรมันก็เป็นเอง ยังเสือกมาโดนคนซ้ำเติมอีกว่าไม่รักษาสุขภาพ ควยเถอะ ไม่รู้ห่าอะไรแล้วก็มาพูดเหมารวม เกลียดพวกตัดสินคนอื่นง่ายๆ เพียงแค่จากประสบการณ์ของตัวมันเองคนเดียวชิบหาย
กูคิดว่ากูพลาดที่เอาเรื่องของกูมาลงในนี้ กูตั้งใจว่าถ้ากูพอหยิบจับของหนักๆ ได้ กูก็คงอาจกลับไปหางานทำต่อไป ถ้ามีร้าน ห้าง เปิดใหม่ กูก็ต้องไปสมัครอยู่แล้วว่ะ อย่าให้กูไปทำราชการ กู***ข้าราชการเป็นการส่วนตัว
- กูเรียนทำอาหาร เพราะพ่อแม่กูบัญชามา กูชอบคอมพ์ แต่อดไป ปวช กูเรียนการแสดง ถ่ายรูป กูรักทางนี้ แต่กูอดไปนิเทศ กูเอนท์ กูก็ได้แต่ที่ไกลๆ ถ้ากูไม่ติดหีจนลืมเรื่องลาออก กูคงอดวุฒิ ป ตรี นี้ ถ้าจะให้ทำงานตามวุฒิที่เรียน กูเคยทำงานที่ใช้วุฒิ ป ตรี สาขาอะไรก็ได้มาครั้งนึงว่ะ แต่พอมาบ้านนอก มันไม่มีอะไรแบบนั้น มันจะเอาแต่คนค้ำซึสูงๆ เรียนเหี้ยอะไรมาก็ได้ทำงาน ชีวิตครอบครัวกูมันอยู่ไกลจากเส้นสาย กูเลยซวยไป
- กูขออธิบายหน่อย สำหรับการทำงานที่ล่าสุด กูถูกจ้างด้วยค่าแรงที่สูงกว่าคนเก่า แต่คนเก่ามันก็ได้เงินพิเศษอยู่แล้ว คนเก่าที่ทำงานมาหลายปี เค้ามีภาระผูกพันธ์มาจากการที่สินค้าเสียหาย (ซึ่งกูเข้าใจว่า เค้าคงเถียงอะไรไม่ได้ แม้มันอาจจะไม่ใช่ความผิดของเค้า) และเรื่องหวย (กูย้ำว่า กูรู้เรื่องนี้ แต่กูไม่เล่น) ที่ติดไว้เยอะ (เรื่องหวยนี่ ที่โรงแรมที่พ่อกูทำงาน มันถือเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเงินเดือนออก ต้องมีชำระค่าหวยจนซองเงินเดือนบางจ๋อย) ดังนั้น กูซึ่งไม่ได้สร้างความเสียหายกับงาน กูทำงานเบากว่าเพราะกูถูกมองว่าเป็นพวกเบี่ยงเบนทางเพศ (ที่งที่จริงกูไม่ใช่ว่ะ) ถูกจ้างแพงกว่า ได้เงินเดือนเต็มๆ และงานของกู ในบางวัน หัวหน้ามันจะเกณฑ์คนเก่ามาช่วยกูในบางวัน แถมคู่ค้าที่เอาของมาขาย มันเสือกชมการทำงานของกูต่อหน้าพวกคนเก่า ชีวิตการทำงานของกูเลยมีอุปสรรคทับถมมาเรื่อย
- ดังนั้นเรื่องหวย กูไม่ได้เล่น กูอธิบายแล้วนะ กูกินเหล้าไม่ได้ เบียร์นี่กูแทบจะไม่ได้กิน กูติดน้ำอัดลม มันแดกคุ้มกว่า กูเป็นภูมิแพ้ กูแพ้ควันบุหรี่ ยากูก็ไม่เล่น
- เรื่องผมร่วงจนหัวล้าน กูผมร่วงหนักมาก จนหัวล้าน กูตัดสินใจรีบรักษาเพราะกูกลัวรากผมตาย มันบรรจบกับช่วงที่กูจะเลิกกับคู่นอนพอดี ก็เลยซัดยาเต็มที่ จนควยไม่ทำงาน มันก็ยิ่งเร่งให้มันเลิกกับกูง่ายขึ้น กูได้ผมกลับมาจนกูไว้ผมยาวได้มาแล้วรอบนึง แต่กูต้องตัดออกเพราะกูต้องถ่ายรูปหางาน ค่านิยมที่บ้านนอกนี่ยังคงเรโทรว่ะ กูรู็ตัวว่ากูคงอายุสั้น เพราะยาที่กินแม่งพอๆ กับพวกกะเทยเทคยาเลยสัส
ขอบใจว่ะที่พอแนะนำอะไรๆ กับกู ไว้กูมีงานทำกูอาจกลับมาเล่นมู้นี้อีก
เอ่อ กูขอโทษนะที่เล่นกระทู้พวกมึงพังยับเยิน เรื่องของกู กูจะหยุดแล้ว เชิญมึงคุยกันต่อเถอะ
แต่กูย้ำนะเว๊ย กูหัวล้านกรรมพันธุ์ พ่อกูเป็นคนให้มา
lol........
ใครอ่านจบแล้วรู้สึกแบบกูบ้าง
มึงเลือกชีวิตเหี้ยๆแบบนี้เอง มึงบ่นได้ แต่จะให้กูสงสารเหรอ กูฮาว่ะ ตลกร้ายของคนโง่ชัดๆ
เงินเดือนออกละครัช มีความสุขมั้ยครัช
ของกูยังไม่มาครัช รอจันทร์หน้า ;_;
แต่กูสงสารมึงนะ ท่าทางมึงเครียดเยอะ หลายๆอย่างมันก็ต้องแก้ที่ตัวมึงเอง ใครคงช่วยอะไรไม่ได้
ส่วนหัวล้าน ถ้ามันสิ้นหวังจริงๆกูแนะนำให้มึงใส่หมวกว่ะ ใส่จนติดไปเลยก็ได้ พออายุมึงเยอะจนหัวล้าน
เป็นเรื่องธรรมชาติมึงก็เนียนกลืนๆไปเอง ที่มึงบอกว่าสื่อสารไม่รู้เรื่อง กูว่าในกระทู้นี้มึงก็พอจะคุย
รู้เรื่องอยู่นะ ยังไงก็พยายามต่อไป อย่าดูถูกตัวเองให้มากนัก วันไหนมึงอยากบ่นอยากระบายก็ระบายได้
ลงชื่อท้ายความเห็นว่าโม่งหนุ่มหัวล้านก็ได้ กูจะได้นึกออกว่าเป็นมึง
>>458 พ่อมึงหัวล้านตอนอายุ 20 กว่าหรือไง
หัวล้านตอนอายุ 20 กว่ามันไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ ถึงพ่อมึงจะหัวล้านจริงและมึงได้พันธุกรรมหัวล้านมาจริง ที่มึงเป็นอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เพราะกรรมพันธุ์
หัวล้านกรรมพันธุ์จะไปเริ่มแสดงออกตอนช่วงอายุ 40-50
มันก็เหมือนมะเร็งน่ะ ถึงจะเป็นคนที่มีพันธุกรรมมะเร็งก็ไม่ได้แปลว่าถ้าเขาเป็นมะเร็งขึ้นมาจะเป็นเพราะพันธุกรรมอย่างเดียว มันอาจจะเป็นเพราะสาเหตุอื่นก็ได้
>>459 กูอ่านแล้วรู้สึกว่าถ้ามันไม่ได้วุฒิภาวะต่ำมากมันก็คงเป็นโทรลแต่งเรื่องมาฆ่าเวลาเล่น
คนหัวล้านหล่อๆเยอะแยะ กังวลอะไรแค่เรื่องขนหัววะ
คนหล่อหัวล้านก็หล่อ
คนไม่หล่อถึงมีผมมันก็ไม่หล่อ
กูนึกถึงติ๊ก เจษฎาภรณ์ว่ะ โกนหัวตอนเล่น 2499 แม่งยังดูดี
อย่างว่า คนมันหล่อ ไว้ทรงอะไรก็หล่อว่ะ โกนหัวยังดูดีเลย
461 กูไม่ได้โดนหักค่าหวย แต่มันทำให้พวกคนเก่ามันมองกูที่ทำงานได้ค่าแรงเต็มๆ มันมองกูเปลี่ยนไป
ส่วนเรื่องผมบางจนหัวล้าน พ่อกูตอน 30 ก็วิ่งหาเบอร์การ์มอตแล้ว กูน่ะ อายุเกือบถึงพ่อกูในตอนนั้นแล้วว่ะ แต่กูมาร่วงเอาเร็วตั้งแต่กูยังไม่ 20 อันนี้ใครผมดกก็มองกูเหมือนตัวปัญหาว่ะ
ชีวิตกูมันผ่านมาจนวันนี้ มึงมองว่าเป็นเรื่องแต่งของคนโง่ อันนี้มึงคิดได้ตามใจ กูพลาดเองที่เสือกพูดเรื่องงานลึกเกินไป มึงเลยรุมเหยียบสะใจเลย คือ ขอให้มึงอย่ามาตกต่ำจนไปเล่าความทุกข์ให้ใครฟัง เพราะมันทุกคนมันแค่อยากได้อะไรแก้เซ็ง กูขอโทษจริงๆ ที่เอาดรื่องของกูมาให้มึงเหยียบเล่น
กูขอให้มึงหางานใหม่ได้ในเร็ววันละกัน กว่ากูจะหางานได้ นีทเป็นปี เสียเซลฟ์
พวกมึงเคยโดนการเมืองในบริษัทจนถูกบีบให้ออกจากงานมั้ยวะ กูโดนให้ออกสิ้นปีนี้ว่ะ ไม่ได้เครียดอะไรนะเพราะกูมีลู่ทางอยู่แล้ว กูแค่ผิดหวังที่รุ่นพี่กูที่เรียนที่เดียวกัน สนิทกันพอสมควร ขายกูได้หน้าตาเฉย คนตีสองหน้านี่มันเหี้ยจริงๆ
ถึงโม่งสกินเฮด กูไม่เหยียบมึงนะ อย่าเกลียดกู สู้ๆนะมึง ถ้าอยากระบายมาได้อีก
เออ แต่กูว่าโกนหัวก็ดีนะ ถ้าแต่งตัว+บุคลิกดีๆแม่งก็ดูดีได้ ดีกว่าผมหรอมแหรมเสียความมั่นใจ
มึงไม่โดนหักค่าหวยแล้วเงินเหลือเยอะกว่าพวกที่แทงหวยเยอะๆใช่มะ อันนี้มึงควรจะภูมิใจนะ
เรื่องงานกูก็ไม่รู้จะแนะนำมึงยังไง แต่นำให้มึงพัฒนาบุคลิกภาพ ให้ตัวเองมีความมั่นใจ
แล้วมึงก็ลองหาโอกาสให้ตัวเองดูหน่อย ไม่งั้นมึงก็วนเวียนไปมาแบบนี้แหละ มึงจบตรีก็ถือ
ว่าคุณวุฒิไม่น้อยแล้ว อย่าไปกลัว
ตอนนี้เป็นโม่งขึ้อิจฉาว่ะ
ตอนนี้อายุใกล้ 28k เงินเดือน 40k++
แต่เจอคนที่อายุใกล้ ๆ กันแต่ประสบความสำเร็จมากกว่าตัวเองมาก ๆ แล้วรู้สึกด้อยว่ะ
ทั้ง ๆ ที่ก็รู้นะว่าค่าเฉลี่ยรายได้คนในกทม. ก็ประมาณ 20,000 บาทเท่านั้นเอง แต่ก็ยังรู้สึกไม่มีความสุข ต้องดิ้นรนไขว่คว้าให้ก้าวหน้าขึ้นอยู่ดี
กูเลย 25 มาแล้วยังไม่ถึง 20k เลยมึง (...) การที่มึงอยากขึ้นไปอยู่สูงๆไปอีกมันก็ดีนะแต่มีเหตุผลอะไรเป็นพิเศษไหมมึงหรือแค่ว่าอยู่สูงๆแล้วฟินมีความสุข
>>477 น่าจะมี Complex ประมาณว่าขี้อิจฉาเห็นคนอื่นได้ดีกว่าแล้วรู้สึกถูกคุกคาม
คือพ่อแม่เป็นพนักงานบริษัทธรรมดา ๆ อาศัยประหยัดอดออมเลยส่งเข้าโรงเรียนอินเตอร์แพง ๆ ได้
เลยมีเพื่อนเป็นลูกเข้าของธุรกิจรวย ๆ เยอะ เวลาไปเลี้ยงรุ่นที่นี่ ฟังความสำเร็จของแต่ละคนที่ต่อยอดธุรกิจทางบ้าน ในขณะที่ตัวเองยังไม่ค่อยมีอะไรเลย (ตอนนั้นเงินเดือนแต่ 20k++) ก็รู้สึกอิจฉา
>>476 มึงได้เงินเดือนมากกว่ากูตอนอายุเท่ากันอีก ตอนนี้กุอายุ 35 เงินเดือน 70+ ขึ้นมาเท่าตัวตั้งแต่กูเลือกไปทำเฉพาะด้าน แต่ก็รู้สึกว่าไม่พออยู่ดี กูคงขี้อิจฉาเหมือนกันสินะ >_<
ว่าแต่ไอ้โม่งหัวล้านหายไปไหนแล้ววะ กูเข้ามาอ่านช้า จริงไม่จริงไม่รู้ แต่กูขำที่ว่ามันเอาเรื่องมาเล่าที่นี่แล้วก็มาด่าโม่งอย่างเราว่า ทำไมต้องซ้ำเติม โม่งบางคนพิมพ์เพื่อเอาหล่อ ไม่ได้เข้าใจมันเลย เหอๆ
เอ่อ กุว่านะถ้ามันไม่เปลี่ยน Mind Set นะ จะทำอะไรก็คงรุ่งยากว่ะ
>>481 โม่งสกินเฮดนั่นน่ะเรื่องของมันเหอะ แก่ป่านนี้แก้นิสัยยากแล้วล่ะ ตราบใดที่ยังไม่เลิกคิดว่าคนอื่นรังแก โชคไม่เข้าข้าง กรรมพันธุ์มันไม่ดีก็เรื่องของมันแล้ว คนมาจากครอบครัวเหี้ยๆ พ่อแม่เอาไปทิ้งในกระทู้บ่นญาติ ตะเกียกตะกายถีบตัวเองขึ้นมาจากจุดนั้นให้ได้มีเยอะแยะไป มันไม่ได้โชคร้ายอะไรหรอก ทำตัวเองล้วนๆเลยไอนี่
กูจบมาจะครึ่งปียังว่างงานอยู่เลยสาสสส ไม่น่าปฏิเสธงานเพราะไม่ตรงสายเลยวะ แถม 3 ครั้งอีกต่างหาก T^T
สวัสดีเดือนธันวาคมครับ
ใครหยุดวันศุกร์ทำงานวันเสาร์มั่ง
อยากไปทะเลไปเช้าเย็นกลับ โม่งว่าไปศุกร์หรืออาทิตย์วันไหนรถน้อยกว่ากันอ่ะ
ไปวันศุกร์มึงจะติดขาไป ไปวันอาทิตย์มึงจะติดขากลับ ไม่ก็ขับกลับเช้าวันเสาร์ไปทำงานเลย เย้
ถ้าเช้าเย็นกลับ มึงเลื่อนไปอีกอาทิตย์เถอะ เสาร์อาทิตย์นี้เป็น Long Weekend แถมเป็นวันพ่ออีก คนไปเที่ยว คนกลับบ้านเยอะแน่นอน
ตำแหน่ง Human Resource นี่ควรมีสกิลด้านไหนมั่งวะ
บริษัทใคร HR เหี้ยๆมั่ง เล่าวีรเวรหน่อย
เมียเจ้าของบริษัทไปเรียนโทHRแล้วร้อนวิชามาออกกฎหยุมหยิมยิบย่อยแต่อย่างเยอะยาวสองหน้ากระดาษ พวกกูมาคุยกันกูเลยว่าเฉพาะห้องเราข้อไหนทำได้ก็ทำ อย่างงดขาสั้นลากแตะมันไม่หนักหนาก็ทำไป อะไรไม่อยากทำก็ช่างมัน
นางมาตามตำราเป๊ะ โดยไม่มองเลยว่าบริษัทผัวนางคือสำนักพิมพ์ เป็นสำนักพิมพ์เล็กๆไม่ใช่มหาชน มันมีวัฒนธรรมพิเศษของมัน พวกกูเข้าสายออกตรงเวลาแต่ถึงบ้านกูก็เขียนงานจนตีสองตีสาม ต้นฉบับนักเขียนนอกก็ชอบมากลางคืน ส่งมากูก็อิดิตทันทีจนเสร็จ จะมาเข้มเรื่องเวลาก็ไปห้องธุรการนู่น ห้องกองบก.พวกกูไม่สน ไม่พอใจก็ลงโทษมาเลย คืออารยขัดขืนนั่นแหละ
เย้ๆๆๆ วันนี้วันศุกร์ เอากระปุกไปใส่กระเป๋า
กูปรึกษาหน่อย คือกุเป็นอินทีเรีย แต่กูแม่งใช้ 3d ไม่เป็นว่ะ สมัครงานที่ไหนก็เอาแต่ 3d กูเคยควบคุมงานตกแต่งภายในมาสามสี่ปีละ แต่บริษัทใหม่นี่แม่งจะใช้กูทำ 3d ท่าเดียวเลย กูควรไปสมัครงานบริษัทไหนดีวะ บริษัทเล็กแม่งให้กูทำครบวงจร บริษัทใหญ่กูกลัวเขาไม่รับว่ะ
ก็ไปเรียนดิ อย่าน้อยปั้นๆได้ก็พอ ว่าของอยู่ตรงนี้ๆ พอล่ะ ไม่ต้องสวย
https://www.youtube.com/watch?v=5aT9ZmG42N4 << แฮ่กๆๆๆๆๆ
พี่โม่งๆ ทั้งหลายมีใครจบ พวกออกแบบการผลิตแล้วไปทำงานที่ไม่ใช่โรงงานมะ
ตอนนี้ไม่มีความอยากไปเที่ยวไหนเลย อยากพัฒนาความรู้หาทางเพิ่มรายได้อย่างเดียว
มีงานอดิเรกอะไรที่พอหาเงินได้ไหม
>>500 ศึกษาเกี่ยวกับหุ้น เน้นเก็งกำไรก็เสี่ยงหน่อย มือใหม่อาจจะขาดทุนมากกว่ากำไร หรือถ้าเน้นลงทุนระยะยาวกินปันผลก็ความเสี่ยงน้อย แต่กำไรที่ได้ก็ไม่มากเท่าเก็งกำไร
รับถ่ายภาพ.........อันนี้ไม่คุ้ม ไหนจะเวลาที่ฝึกจนเป็นตากล้องมือโปร ไหนจะค่ากล้อง หมดเป็นหมื่นเผลอๆจะถึงแสนกว่าจะโปรฯพอที่จะรับงานได้
เปิดร้านดอกไม้
เพื่อนกูเปิดร้านเหล้าฟะ
อ่อหรือว่าวันธรรมดาต้องจ้างคนมาเฝ้าร้าน แต่แบบนั้นน่าจะเป็นธุรกิจเสริมมากกว่างานอดิเรกแล้วมั้ง
เฮ้ออีกเรื่องเมื่อก่อนเคยคิดว่าถ้าเงินเดือนสูง ๆ น่าจะหาแฟนได้ ตอนนี้ 40k+++ ยังไม่มีคนสนใจเลยแหะ ยังไม้สูงพออีกเรอะ หรือต้องเป็น 80k++ หรือ 100k++ ถึงจะมีผลบ้าง
20k++ กับ 40k++ นี่แทบไม่ต่างกันเลยสินะ
นี้ๆ มีใครจบวิศวะไปทำงานอื่น ที่ไม่ใช่วิศวะมีไหม ??
วันนี้ไปสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นมา แอร์แม่งแรงมากแสบตา5555
ใครไปสอบมั่งมาเล่าให้ฟังหน่อย กูมาตั้งห้องนี้เพราะกูเป็นซาลารี่แมน
http://pantip.com/topic/32948790
บางทีการเพิ่มเงินเดือนอาจไม่ใช่คำตอบของการหาแฟนนะครับเนี่ย
อีกเรื่องนึง
ถึงเป็นโม่งแต่เราลองมาพูดเพราะกันไหม เช่น ผม คุณ แทน กู มึง แถมลงท้ายต่อด้วยครับแทนวะ อะไรแบบนี้น่ะ
มึงพูดครับก็ไม่ได้มีใครว่ามึงนี่ กูก็ทำบ่อย เวลาเนียนเปลี่ยนไอดี
ไม่อ่ะ กูสุภาพที่พันทิพพอแล้ว กูต้องการหยาบคายที่นี่
จ๊ะตามนั้น
วัยทำงาน เรียนญี่ปุ่นที่ไหนดีครับ
เน้นสาวๆสวยๆเรื่องเดียวพอครับ ไม่หื่นนะครับ
แต่อยากมีพลังบวกในการเรียนน่ะครับ
ออฟฟิซใครต้องเอาต้นคริสมาสมาประดับมั่งวะ ออฟฟิซไม่เห็นจะมีคริสต์ซักคน
เอาออกมาตั้งอย่างมาก 2 อาทิตย์แล้วก็เก็บ คนสั่งไม่ได้ทำ ลำบากคนโดนสั่งต้องมาประดับมาเก็บอีก
แม่งทีเข้าพรรษาไม่เอาเทียนพรรษามาตั้งกันมั่งวะ อยู่ได้ตั้ง 3 เดือน
ของกุหัวหน้าแบกมาเองบอกสีสันๆ แล้วก็จัดไปชั่วโมงกกว่าๆให้กุกับทีมรับงานต่อ สัส กุก็อยากประดับต้นคริสมาสเหมือนกันนะเหวยยยยย
งานปีใหม่บ.กูแม่งโหดสัด แจกiphone 6 6+ สิบเครื่อง
>>511 กูเอง จบวิศวะโรงงานล่อไปตอนเรียนก็ล่อไป 6 ปี กินเที่ยวเล่นจนเปรม
จบมา 11 ปีแล้วไม่เคยทำงานเกี่ยวกับวิชาชีพเลย..
เปิดบ. ซอฟแวร์กับเพื่อน หน้าที่ในนามบัตรคือ marketing ตอนนี้เจ๊งแล้ว กำลังใช้หนี้ที่ทำจุ้น
ตอนนี้ช่วยที่บ้านได้ตังนิดๆ หน่อยๆ
กำลังสมัครงานอยู่ แต่ก็ไม่หวังอะไรมากมายว่าจะพักแบบนี้เป็นลูกจ้างแม่หรือที่ไหนซักปี 2 ปี
ค่อยไปลุยงานของตัวเองใหม่อีกซักที
Merry Christmas~
นี้ๆๆ ส่วนมากโม่งทำงานอะไรกัน เป็นส่วนใหญ่ในนี้
ส่งออก
นำเข้า
ประมวลผล
สถาปนิก
ล่าม
นักศึกษา
พระ
ชู้เลขาเจ้านาย
เกาะพ่อแม่แดก
ขายความฝัน
ช่วยเหลือผู้คน
ทนทุกข์เพื่อผู้อื่น
เจ็บใจฝืนกล้ำกลืน
ขืนใจด้วยKPI
บรรลัยด้วยpolicy
ลาออกด้วยคำหยาบโลน
โหร
ค้าฝิ่น
งานหลักเป็นโม่ง จ็อบเสริมแดกหัวคิวนักแปล
โม่งมีไซต์ไลน์ไหม ขอบริการหน่อย 5555+
กูกำลังจะสมัครที่ใหม่ มันให้กรอกช่องว่าทำไมถึงลาออกจากที่เก่า พวกมึงตอบว่าอะไรกันวะ ขอคำตอบดีๆสร้างภาพหน่อย จริงจังนะ
>>559 เนื่องด้วยอุดมการณ์และปรัชญาในการทำงานของผมและบริษัทxxx นั้นไม่เข้ากัน ส่วนตัวผมต้องการพัฒนาความสามารถและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆเพื่อต่อยอดองค์ความรู้ที่มีให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งลักษณะขององค์นั้นไม่สามารถให้สิ่งที่ผมต้องการได้ ผมเห็นถึงศักยภาพและความสามารถของบริษัท(ที่มึงจะสมัคร)และคิดว่าความรู้และประสบการณ์ทำงานของผมจะช่วยพัฒนาองค์กรให้ดียิ่งขึ้น และอีกทั้งคิดว่าบริษัทน่าจะตอบสนองต่อการต้องการของกระผมได้ดีกว่าที่เก่าแน่นอน ... คุณจ้างผม ผมจะพาคุณพิชิตทิศเหนือ ใต้ ออก ตก
มึง กูเป็นฟรีแลนซ์ ถามหน่อยได้มั้ย คือ มีบริษัทนึงจ้างกูออกแบบภายในเป็นเงินหกหมื่น แต่ทยอยเบิกได้ทีละห้าพันบาท ตอนนี้ก็มีเงินที่บริษัทนี้ติดกูอยู่ราวๆสามหมื่น งานสร้างแล้วจบไปแล้ว แต่บริษัทนี้ยังไม่จ่ายเงินกู พอกูทวงก็ทำหน้ามึนๆว่าจ่ายไปหมดแล้วนี่ แล้วด่ากูด้วยนะ กูไม่หวังจะได้เงินคืนนะ แต่เราทำอะไรกับมันได้มะ กูว่าจะส่งจดหมายไปหน่วยงานราชการที่มันทำงานให้อยู่ บอกว่าบริษัทนี่ติดเงินกู มีเจตนาโกงแน่ๆเพราะหกเดือนแล้วยังไม่จ่าย ไม่มีใบสัญญาว่าจ้างนะ เพราะกูโง่เอง ด่ากูกรณีนี้ได้เลย แต่อยากรู้แนวทางการแก้ไขว่ะ กูจะบุกไปหามันถึงที่พร้อมใบแจ้งความเลยดีมะ มันเอางานกูไปใช้โดยไม่ยินยอมเนี่ย กรณีนี้เราสามารถแจ้งความเรื่องละเมิดลิขสิทธิ์ได้มั้ยวะ อยากรู้
>>561 สถาปนิกเด็กมักจะโดนโกงแบบนี้แหละ สู้ไปก็ยากจะชนะ บริษัทมันใหญ่ มึงเป็นแค่ฟรีแลนส์ตัวเล็กๆ
แนะนำว่างานนี้ยอมเสียค่าโง่ไปก่อน แล้วก็กาชื่อบริษัทมันไว้ ถ้างานหน้าต้องทำงานกับมันอีกก็ระวังเรื่องเงินดีๆ ให้มั่นจ่ายมาก่อนครึ่งนึงแล้วเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรไว้อะไรก็ว่าไป
>>562 กูก็อยากปล่อยไปนะ แต่อยากให้บทเรียนมันบ้าง งานไม่ใช่ต้มมาม่าสามนาทีเสร็จ มาเอาไปง่ายๆแบบนี้ ไม่รู้มีใครโดนโกงมาบ้างและจะมีใครโดนมันโกงอีกบ้าง บริษัทมันไม่ใหญ่หรอก มีเจ้าของ เมียเจ้าของ แล้วพนักงานบัญชีอีกคน แต่ถ้าทำอย่างที่มึงว่า กูคงไม่เสียเวลาชีวิตล่ะ ขอบคุณมากที่ให้คำแนะนำ
>>565 ทำเพจ ลงผลงานไว้ ถ้ามีคนสนใจเขาก็หลังไมค์มาหาเอง ถ้าเก่งภาษา+ฝีมือเจ๋งไปหาตามเว็บต่างชาติหรือบริษัทต่างชาติที่เปิดรับฟรีแลนซ์ กูแนะนำว่าเรียนจบแล้วให้ไปทำงานในไซต์ก่อสร้างก่อน กูผู้หญิงนะ แต่เริ่มต้นเป็นโฟร์แมนอินทีเรียในไซต์งาน มึงจะเจอช่างรับเหมา เจอเซลล์ เจอเจ้าของ เจอปัญหานั่นนี่สารพัด กูได้งานจากช่างซะเป็นส่วนใหญ่เพราะพวกนี้แม่งคอนเนคติ้งเยอะ เดี๋ยวก็ หนูๆ เขียนแบบนี่ให้ลุงหน่อย หรือ ตรงนี้เขามีงาน ลองไปทำกับเขามั้ย แต่มึงทำแล้วต้องเขียนสัญญาแล้วให้มันเซ็นนะ เดี๋ยวพลาดแบบกู สัญญาใจเพราะเห็นรู้จักกัน แต่เสือกดัดหลังกู หอกหัก
มีใครเคยทำงานโรงงานแถง บางปลา ไหม
ถามโม่งหน่อย มึงว่าล่ามโรงงานเงินเดือน22Kนี่น้อยไปมั้ยวะ ไม่มีค่าพิเศษอย่างอื่นให้นะมีแค่ฐานอย่างเดียวแล้วก็โอที
แถมกรูต้องไปอยู่หอด้วย กรูเลยสงสัยว่าล่ามปกติต่ำๆนี่เค้าต้องได้เท่าไหร่วะกรูสึกว่าได้เท่านี้กรูไม่พอแดกไงไม่รู้
>>568 ล่ามญี่ปุ่นใช่ป่าว? ถ้าทำแถวกทม.หรือปริมณฑลจะได้น้อยหน่อยเพราะคนแย่งกันทำ 20k-30k ไม่แปลก แต่พวกโรงงานกันดารๆ ไกลชิบหายไม่ค่อยมีใครอยากทำหรอกมันเลยต้องเอาเงินเดือนมาล่อ มึงควรได้ 35-50k up แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความสามารถมึงด้วย
บางวันกูก็น้ำตาตกในนะ เงินเดือนเยอะแต่ไม่มีปัญญาซื้ออะไรดีๆแดก อาหารในโรงงานแม่งห่วยสัส แค่จะออกไปแดกข้าวกลางวันข้างนอกก็ต้องเขียนใบให้เจ้านายเซ็นอนุญาต แถมไกลสัส กว่าจะขับรถออกไปพ้นความเวิ้งว้างถึงความเจริญที่มีข้าวขาย กว่าจะได้แดก กว่าจะกลับโรงงานแทบไม่ทัน ถ้าห่อข้าวไปก็ต้องแดกข้าวเย็นๆ เพราะไม่มีไมโครเวฟให้ (โรงงานเก่ามี แต่ที่ใหม่ไม่มี) สรุปต้องแดกข้าวเหี้ยๆ อย่างกับข้าวรด.ในโรงงานต่อปัย
อีกนิด รุ่นน้องกูก็มาทำที่เดียวกับกูนี่แหละ จบใหม่แต่มันได้ไปแลกเปลี่ยนญี่ปุ่นมานะ จบมาพร้อมN1เลย จบมาปุ๊บสตาร์ท 40k มันยังทนอยู่ไม่ได้เล้ย กลับไปอยู่ กทม เงินเดือน 30k แระ มันบอกไม่ไหวพี่ชีวิตรันทดชิบหาย ถถถถ
ในนี้มีโม่ง HR มั้ยวะ กุเพิ่งมาทำงาน อยากปรึกษาหน่อย
HR วันๆทำไรมั่งวะ? ทำไมดูวันๆนึงโคตรว่าง ไปยุ่งแค่ช่วงอาทิตย์ปลายเดือน
หรือ HR คนเก่ามันแกล้งไม่ให้งานกุทำวะ มันโดนไล่ออกอะกุมาแทน
แนะนำหน่อย พลีส
ถ้าทำล่ามญปนี่ต้องมีปริญญาป่าววะ หรือแค่มีใบสอบวัดระดับกับฝีมือพอ
>>576 แล้วแต่ที่ด้วยนะ ได้ยินว่าถ้าเป็นพวกนิคมแถวตะวันออก ระยงระยองไรงี้ก็เจริญอยู่ กูไม่เคยไปทำแถวนั้น แต่กูว่าถ้ามึงไปสัมภาษณ์แล้วมึงก็คงดูออกแหละว่ามันประมาณไหน นอกจากเรื่องความเจริญแล้วมันหลายสิ่งว่ะมึง การคมนาคม สังคมโรงงาน ฯลฯ เอาเป็นว่ามึงตัดสินใจดีๆ ก็แล้วกัน ขอให้โชคดี
HR แบ่งเป็น 2 สาย HRM กับ HRD สาย manage กับสาย dev
สาย M จะไม่ค่อยยุ่งถ้าพนักงานไม่ค่อยมีปัญหา วุ่นๆหน่อยก็ช่วงเงินเดือนออก หรือพวกกิจกรรมภายใน
สาย D ยุ่งตลอด เพราะต้องคอยวางแผนในการพัฒนาเสนอผู้บริหาร รวมถึงอบรม เทรนนิ่งต่างๆ
HR เมืองไทยมักเป็น 2 in 1 แต่ทำงานหลักๆเป็น HRM
หาสายSมาเล่นด้วย
เย็นวันศุกร์ อิจฉาซาลารี่แมนทำงาน5วันชิบหอง ;_;
ตอนนี้กระแสคนอยากเป็นเจ้าของกิจการกำลังมาแรง พวกอยากเป็มมนุษย์เงินเดือนนี่จะถือเป็น Hipster ไหมนะ
ไฟดับมาทั้งวันแล้วสัด
แม่งเอ้ย กูเกลียดเพื่อนเพื่อนร่วมงานเหี้ยๆของกูจังเลยเว้ย อีดอกเอ้ย แม่งหน้าที่ที่รับผิดชอบก็แบ่งไว้ชัดเจนอยู่แล้วนะอีห่า กูทำงานไม่ถูกใจก็มาเอางานกูไปเลย เอาไปแก้เองแล้วมาชี้หน้าด่ากูต่อหน้าคนอื่นว่ากูเหี้ย ไม่ช่วยอะไรมันสักอย่าง มันเหนื่อยอยู่คนเดียวกูแล้งน้ำใจ อิสัส กูก็ไม่ได้เอางานไปโยนหรือบังคับให้มันทำนะ งานของกูมันผิดก็ส่งกลับมาแก้ดิวะ ว่าจะให้แก้ตรงไหน นี่หายไปเลยกูไม่รู้ด้วยซ้ำว่างานกูผิดจนมันเอามาด่ากูเนี่ย เสือกเอาไปแก้เองโดยไม่บอกเหี้ยไรเลย แล้วพอมันกระทบกับงานหลักของตัวเองก็มาด่ากู หาว่ากูเลว คือกูจะไปรู้มั้ยอีดอกเอ้ย เวลามีงานมาก็ไม่กระจายชอบหมกไว้ที่ตัวเองคนเดียวไม่บอกไม่กล่าว แล้วพอทำไม่ทันก็ด่าคนอื่นว่าเค้าไม่ช่วยเหลือ พอบอกว่าไม่รู้ก็ด่ากูอีกว่าทำไมไม่รู้จักถาม เอ้าอีห่ามึงพูดง่ายเนาะ สำคัญตัวผิดไปแล้วอีกระหรี่ ทำไมกูต้องถามในเมื่อกูเองก็มีหน้าที่ที่ต้องทำอยู่แล้ววะ แบ่งงานเองก็ได้มั้งต้องรอให้ถามก่อนนี่คิดว่าตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลหรือไง คนต้องมาคอยสนใจมึงเนี่ย ดอกเอ้ยกูอยากตบมึงจังเว้ย ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกก็ทำตัวเหี้ยๆใส่กูมาตลอดจนมาร่วมงานกันก็ยิ่งเหี้ย
คล้ายๆกู ทำงานไปส่งให้คนรับผิดชอบดู เขาโอเคก็นึกว่าจบแต่แม่งดันเอาไปให้คนอื่นแก้อีกต่อ ไม่บอกกูสักคำจะให้แก้อะไรยังไง
ถามแม่งทำไมไม่บอกผม แม่งตอบโง่ๆ ไม่รู้จะให้แก้ยังไงโยนให้อีกคนง่ายกว่า ไอ้ห่ากูก็โดนประเมินต่ำติดดินเลยสิวะ ลาออกแม่งมาละ คิดแล้วยังหงุดหงิดไม่หาย
รำคาญพวกดูบอลว่ะ เห่ากันเต็มnews feedกูเลย
กูไม่ได้บอกมึง กูบ่น เหมือนที่พวกมึงชอบมาบ่นเพื่อนร่วมงานไงล่ะไอ้พวกดูบอล
บอลไทยได้แชมป์แล้ว แอรแอร
กูไม่รำคานบอลนะ แต่กูรำคานติ่งชัปปุยส์ ผู้หญิงครึ่งประเทศอยากเป็นเมียงั้นงี้ หอกเถอะ รุว่าคนชอบเยอะแต่อย่าเว่อให้มาก มันน่ามคาน สมัยนี้ติดนิสัยติดสำนวนกะเทยกันมารึไง อวยอะไรต้องเว่อไว้ก่อน กุเป็นผู้หญิงนะเพราะงั้นไม่ต้องมายัดเยียดข้อหาว่ากุอิจฉาชัปปุยส์ล่ะ
กูว่าเรื่องเชียร์บอลนี่เชียร์ทีมชาติมันก็ดีนะ สนับสนุนเศรษฐกิจรูปแบบนึง
แต่กูฮา ยกเป็นเมสซี่เมืองไทยโรนัลโด้เมืองไทย เป็นเป๊บกวาดิโอล่าเมืองไทย คาซิยาสเมืองไทย ว่ะ เห็นพวกมาโฆษณาแบบนี้ดับมาเยอะละ แต่เพื่อนกูก็ชอบจังเรียกตามแถมเทียบเป็นช๊อตๆเลยนะ ว่าท่าเลี้ยงเหมือน ท่ายิงเหมือน เออกูว่า เวลาคนเตะบอลจะเลี้ยงจะยิง มันก็เหมือนๆกันหมดป่าววะ จะดูให้ใครเหมือนใครมันก็ได้หมดแหละ
แต่ก็เข้าใจนะว่ามันทำมาสร้างกระแส ให้คนดู เป็นการตลาดแบบนึง
ดีว่าได้แชมป์มานะ ไม่งั้นไอ้ที่โม้ๆมานี่หุบตูดกันหมดแน่
กูชอบชนาธิปสัสๆอะแม่งเล่นอย่างดีอะกูนี้แบบ ความหวังบอลไทยไปบอลโลกมันเริ่มส่องแสงออกมาแล้ววะ
กุชอบชนาธิปนะ แต่ไม่ชอบให่้เรียกเมสซี่ เจนี่เลย ดูโคตรสเล่อ กุเรียกชนาธิป หรือ เจ ตลอด ไม่เห็นต้องไปเปรียบกับสตาร์ระดับนั้น
กุเบื่ออีกอย่างที่โวยกันเกินเหตุกรรมการรับงาน โกง เหี้ย จุดโทษลูกเดียวมันพิสูจน์ไม่ได้เลยว่าโกง คนแม่งพลาดกันได้(ภึงจะพลาดทุเรศไปหน่อย แต่เหี้ยกว่านี้ กัลโช่ พรีเมียร์กุก็เห็นมาแล้ว)
จุดอื่นๆในเกมเขาก็ตัดสินปกติ เป่าหมดเวลาก่อนไม่ถึงครึ่งนาทีแม่งก็ยังหาว่ารักษาน้ำใจเจ้าภาพ กลัวเสียหน้านู่นนี้ แม่งเกมตายกลางสนาม ตามอยู่ 2 ลูก เวลาแค่ 20-30 วิ เป่าหมดก่อนแม่งไม่ได้มีห่าอะไรเลย แถมมันเป็นช่วงทดด้วย เป่าหมดก่อนเวลาปกติถ้ามาเลย์นำอยู่ลูกเดียวสิค่อยโวย
สรุป คือ เหมือนพวกร้อยวันพันปีไม่เคยดูบอล มาดูเอาตามกระแสแล้วโวยวายเนี่ย
กลุ้มใจว่ะ กุโม่งที่เพิ่งเข้ามาทำ HR ที่เคยบ่นๆข้างบน
อิ HR คนเก่าแม่ง พาพนักงานสไตรค์ออกเพียบเลย
ปวดกบาลมาก นาทีนี้ คนหายฮวบเลย กุแม่งก็มือใหม่หัดขับ
โคตรเซ็งเลย
ไม่ได้สไตรค์เว้ย
HR คนเก่ามันเอาพรรคพวกเส้นเข้ามาทำงาน พอออกแม่งก็เอาพวกมันออกไป
ระหว่างที่เหลือช่วงเวลาสุดท้ายที่มันยังไม่ครบกำหนดออก มันก็ไปยุคนนั้นคนนี้
เขียนใบลาออกแจกไรงี้เลยเว้ย ปวดกบาลชิบหาย
ที่สไตรค์นั่นกุพิมพ์ผิดเอง ขอโทษทีพวกมึง มันมาเขียนใบลาออกกันเฉยๆ
แต่ออกแบบ ฮวบเลยอะ เป็นสิบคน กุนี่ควานหาพนักงานให้วุ่น โคตรปวดหัว T_T
ไม่ได้ว่านะ แต่โรงงานมึงค่าแรงถูกด้วยป่าว ทำไมมันออกกันง่ายจัง ไม่คิดถึงลูกเมียกันเลยเหรอ หรือ HR คนเก่าดึงตัวไปบริษัทใหม่พร้อมตัวเอง ?
ตอนนี้แรงงานคนไทยแท้ๆ หายาก ลองมองหาต่างด้าวที่เข้าเมืองถูกต้อง ไม่ก็จ้างเอเจนซี่ไปหาที่ประเทศนั้นเลย ไม่ก็ทำโครงการเพื่อนแนะนำเพื่อน ให้ค่าหัวคนสมัครคนละ 500 ถึงจะได้ผลว่ะ
อยู่ๆหัวหน้าบอกว่าสิ้นปีต้องมาพูดเกี่ยวกับปีที่ผ่านมาพรีเซ้นว่าทำอะไรไปบ้างคนละ 5 นาที ปาร์ตี้บริษัทก็โดนบังคับแต่งตัวตามธีมของานอีก
ไม่ชอบอะไรแบบนี้เลยว่ะ...
>>608 ถ้ามันไม่ใช่งานแบกหามขำๆแบบที่>>612 บอก กุว่ามึงเจอปัญหาละนะ ใครจะโง่อยู่ดีๆลาออกจากงานเพราะโดนยุวะ ประวัติก็เสีย ตอนนี้งานมันหาง่ายเหรอ กุว่ามึงลองคุยกับพวกที่ออกดีๆดีกว่าไหมว่ามันออกทำไม มันอาจมีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แล้วพอ HR ออก ก็ออกไปด้วยเลย แล้วไอ้ HR คนแรกมันออกทำไมวะ ไม่รอโบนัสบริษัทมึงเหรอ หรือว่าไม่มีโบนัส?
ถ้าตอนนี้บริษัทมึงยังไม่รีบหาคน กูแนะนำให้มึงใจร่มๆไว้ก่อนว่ะ เดี๋ยวโบนัสออก คนมันก็ออกมาหางานกันมากขึ้นเอง ช่วงนี้คนไม่มีงานบางคนมันก็ถอดใจแล้ว รอหาใหม่ปีหน้าเผื่อได้ตำแหน่งดีๆ หรือบางคนอั้นไว้รอโบนัสก่อน
กูเคยทำงานบริษัทขายประกันรถยนต์แม่งก็ออกกันง่ายๆนะ คือเงินเดือนมันเลยขั้นต่ำมานิดเดียวตัดสินใจไม่ยาก สำคัญคือมันอยู่กันเป็นทีมๆ วันดีคืนดีหัวหน้าทีมทำเรื่อง ก็ไปพูดเอาดีเข้าตัวในทีมให้ลูกน้องเกลียดบริษัทตามมัน แล้วก็ลาออกตามมันไปบริษัทใหม่
กุก็คิดว่าหลังปีใหม่คนคงเข้ามาเยอะขึ้น ส่วนนึงเงินเดือนก็ไม่เยอะจริงๆนั่นแหละ
แต่อันนี้ผบห.กุเป็นคนตกลงอะ
โว่วกลุ้มจัง กุไม่ถนัดสัมภาษณ์คนเลย บอกตรงๆ เครียดกว่าคนมาสัมภาษณ์อีก
การสัมภาษณ์ส่วนนึงมันก็ขึ้นกับหัวหน้างานด้วยป่าว HR ก็มีหน้าที่ถามแบบเบสิคๆ เอง ทำงานอะไร ชอบวิชาไหน เงินเดือนรับได้ที่เท่าไหร่ สวัสดิการราวๆ นี้โอเคไหม หรือไม่มึงก็ไปเรียนวิชา Competency based Interview ก็ได้ ส่วนการสัมภาษณ์ของ HR ที่กูปรามาสว่าห่วย คือการสัมภาษณ์อะไรที่มันโกหกตอแหลได้ ถามทัศนคติ อยากอยู่กับบริษัทจนถึงเมื่อไหร่ มีแฟนหรือยัง จะแต่งงานมีลูกไหม เป็นอะไรที่กูอยากตะโกนใส่ว่า "เสือก" มาก
เหนื่อย เบื่อ อยากเป็นนีท แต่ถ้าเป็นก็จะไม่มีแดก ทำไมเป็นคนมันเหนื่อยจังวะ
>>619 ชอบคำว่า สุนีท ของมึงว่ะโม่ง 555
ตอนนี้กูเป็นนีทอยู่นะ กำลังคิดทบทวนอะไรหลายๆ อย่างอยู่ไง เลยออกมาเป็นนีทซักระยะ โดยส่วนตัวกูไม่แคร์คนนินทาเท่าไหร่ว่ะ เพราะคำนินทามันแดกไม่ได้ และกูก็โหมทำงานสะสมเงินไวเได้จำนวนนึงก่อนแล้ว
ถ้าไม่กลัวอดตาย การเป็นนีทมันก็ดีนะ ทำให้เห็นสันดานคนรอบข้างมากขึ้น บางคนว่ากูเป็นสวะโว้ยยย แต่ไอ้คนว่า ยังทำมาหาแดกอะไรไม่ได้เลย เรียนหนังสือ เกาะพ่อแม่ไปวันๆ กูล่ะฮา แต่บางคนก็เป็นห่วงกูนะ ว่ากูจะกลายเป็นนีทที่เข้าสังคมไม่เป็นไปจริงๆ
ลองเป็นนีทสักเดือนสิ มึงจะได้เห็นสันดานคนว่ะ กูรับประกันจากประสบการณ์ตัวกูเอง
กูฮากระทู้นี้ http://pantip.com/topic/33021523 (ถ้าไม่เข้าใจว่าฮาตรงไหน มึงต้องกดดูประวัติการตั้งกระทู้ของ จขกท ด้วย โดยเฉพาะกระทู้ล่างสุด แหม่ เขียนซะตัวเองเป็นนางเอกเลยเว้ยเฮ้ย)
ตอนนี้กูก็เป็นนีทอยู่ น่าเบื่อนะเวลาคนถามว่าไม่ทำงานหรอ
ช่วงใกล้ปีใหม่มีกินเลี้ยงบ่อย กินทั้งเหล้าและเบียร์ จะกินยังไงดีว่ะไม่ให้ทำร้ายตัวเองมาก ช่วงนี้กินหนักมากกกกกก
ตื่นมาปวดหัวทุกเช้าเลย
หางานเข้าไป สมัครงานเข้าไป กูเข้าใจว่ากว่าจะได้ บางทีความมั่นใจในตัวแม่งหดเหลือขี้มดได้ แต่มึงก็ต้องหางานทำนะ จะทำไรก็ได้ ทำๆไป พอมั่นใจหน่อยค่อยขยับขยาย ไม่งั้นมึงจะจม แล้วไม่มีความมั่นใจ
หรือมึง..มี passive income ..ถ้าแบบนี้ไม่ต้องก็ได้นะ อยู่เฉยๆ มีเงินเข้ากระเป๋าเดือนละ แสน ไรงี้
อือ ไม่ทำ มี passive income ตกปีละ 600,000
.
.
.
.
.
.
.
.
กูมโน
แล้วทำไมไม่ทำงานวะ ? ไม่อยากลำบากกับขี้เกียจอะไรเยอะกว่ากัน
กูเล่นหุ้นกำไรเดือนละ 100k กูยังอยากไปทำงานเลย
อยู่บ้านแล้วเบื่อสัส
^
ไปทำงานซะนะ เดี๋ยวเราจะเฝ้าบ้านให้เอง //ผิด
มากูตัดราคาอีก ให้ 30k เลยอะ
เมอรี่คริสมาสครับ เพื่อนโม่ง
ขอสิบล้านได้ไหม สานตาคอดดดดด
ขอเสียงโม่งลายาวมาทำงานอีกทีวันที่ 5 หน่อยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย o/
http://s11.postimg.org/3ofbw79dv/stock.png
คิดยังไงกับคำวิจารณ์นี้ (ในลิงค์เป็นรูปกองหนังสือหุ้น)
#กู #ละ #หน่าย
ปลงแล้วล่ะ กับความฉาบฉวยทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านเรา อยากได้ผลลัพธ์เลอเลิศแต่ไม่ทำอะไรให้สมน้ำสมเนื้อ ไม่สร้าง ไม่อะไร ให้คนอื่นทำแทนอย่างเดียว ขอสบาย ขอทางลัด เก่งเร็ว รวยเร็ว เสมอๆ
อีกด้านเป็นหนังสือดูดวง ปีชง แก้เคล็ด เลขเด็ด ทำบุญ สินะ
Stock Exchange Selection ไง เหมือน Natural Selection คิดไรมาก ไม่เจ๋งจริงมันก็เสียเงินให้เจ้าหมดตูดล้มหายตายจากออกไปจากตลาด กลับไปทำมาหาแดกต่อเองแหละ แล้วก็มีเม่ารุ่นใหม่เอาเงินมาให้เจ้าต่อไป อิอิอิ
พวกเม่าโง่เองเจ็บเองไม่ค่อยเดือดร้อนใคร กูว่าพวกเพ้อฝันกับขายตรงยังน่ารำคาญกว่าอีก เพื่อนไม่เอา ญาติไม่คบ เพราะวันๆ ต้องตอแหลหลอกชาวบ้านไปสมัคร ตุนของห่าเหวไรไม่รู้เต็มบ้าน แต่ก็ไม่เห็นจะมีอิสระทางการเงินอย่างที่มงกุฏเพชรบอกอยู่ดี อิอิอิ ยิ่งทำยิ่งไม่มีจะแดกกก
จริงๆ เล่นกองทุนปันผลไปเหอะ ไม่คิดมาก ฝากไปเรื่อยๆ อย่างน้อย ก็ได้ปันผล และกองทุนพวกนี้มันก็ หาบริษัทดีๆ มั่นคงๆ เองแหละ
กูใช้วิธี หุ่นยิ่งตกเรายิ่งต้องซื้อ หุ่นขึ้นเยอะๆ เราก็ขาย แต่กูไม่ขายเพราะ หุ่นขึ้นเยอะๆ กูก็ได้แดกปันผลเยอะๆ แทน ฮ่าๆๆๆๆ ส่วนหุ่นลงก็คิดว่าได้ซื้อหน่วยถูกล่ะกัน
ตอนนีัเหรอ
ครีมห่าเหี้ยเหว หลอกว่าเสริมความงามหรือสุขภาพเนี่ยรวยสุด และเหี้ยสุดด้วย
ตอนนี้กูจัดลำดับความเหี้ยยุคปัจจุบันเป็น
ครีม/ผลิตภัณฑ์หลอกควาย > MLM > ลัทธิเหี้ย ๆ หลอกควาย
แต่ไอ้สามอันบน จับไม่ได้เค้นไม่ตายซักที ยุคนี้คงได้แต่แช่งให้โดน Natural Selection กันไปให้หมด
หรือกูจะโดนแทนวะ เพราะรวยไม่เท่าพวกแม่ง
โลกนี้อยู่ยากเหี้ย ๆ
>>653 MLM แบบถูกกฎหมายก็มี อย่างAmway เงี้ย ถึงมันจะเล่นกับความโลภของคนแต่อย่างน้อยมันก็ไม่หลอกแดกทีละเยอะๆเหมือนพวกแชร์ลูกโซ่ผิดกฎหมาย ระหว่าง Amway กับธรรมกาย กูให้ธรรมกายเหี้ยกว่าเยอะ เพราะหลอกแดกเงินโดนที่คนถูกหลอกไม่ได้อะไรกลับไป แต่Amwayด้วยความที่มีกฎหมายขายตรงควบคุมอยู่เลยหลอกไม่เยอะเท่า แม้แนวคิดจะคล้ายๆกัน
พวกขายครีมแม่งกูเบื่อมาก โพสหน้าวอลเฟซแบบรัวๆ
มีครั้งนึงกูขำมาก แบบมีช่วงนึงน้ำยาลอกผิวขายดี นางก็ไปรับมาขาย
พอมีกระทู้เรื่องผลข้างเคียงจากน้ำยาลอกผิวเป็นข่าวใหญ่ นางก็เที่ยวเนียนเอาลิงค์กระทู้มาแปะบอกน้ำยาไม่ดี
ลืมไปเลยว่าตัวเองเคยรับมาขาย
วันนี้โม่งหยุดกันมั้ย
มาทำงาน แต่เหมือนไม่ได้ทำ นายลายาวหมด นาย นายใหญ่ นายใหญ่สุด
ยิ่งวันศุกร์กุกะมานั่งเล่นเกมละ ลูกค้าก็คงหยุดหมด
ทำงานถึงวันที่1 ; ;
ปรึกษาหน่อยเพื่อนโม่ง ระหว่างงานโปรแกรมเมอร์ปัจจุบันเงินเดือนราว ๆ ห้าหมื่น
งานชิว กลับบ้านตรงเวลา เพื่อนรวมงานดี ยังก้าวหน้าเพิ่มเงินเดือนได้อีก พัฒนาความรู้ได้อีกไกล แต่คงต้องใช้เวลาสักพัก ปรับเงินปีละครั้ง
กับถ้าย้ายงานได้ประมาณ แปดหมื่น แต่ไม่รู้ว่างานจะเครียดหรือเปล่า เพื่อนร่วมงานเป็นยังไง กลับบ้านดึกหรือเปล่าไม่รู้ พวกนี้กว่าจะรู้จริง ๆ ก็คงตอนไปทำงานจริง ๆ น่ะ เพื่อนโม่งจะเลือกอะไร
แล้วแต่ว่ามึงแก่ยังถ้าคิดกว่าแก่แล้วอย่าเลย เสี่ยงไม่ไหว
มานั่งเล่นเน็ตในที่ทำงาน
พ่อแม่บอกให้เป็นหมอเป็นนักตรวจสอบบัญชีก็ไม่ฟังดันไปคว้าอาชีพกากตดถูกใจวัยรุ่น
กระจอกผมอายุ30แล้วเงินเดือนเพิ่ง2หมื่น
ถ้าย้ายก็ยังไหวอยู่นะ แต่อยากไหมล่ะ การเติบโตมีไหม ที่เก่าโอกาสเลื่อนงานมีป่าว ไปที่โน่นเติบโตได้ดีก็ดีหน่อยนะ
กูอายุ 26 เพิ่งได้ 25k เอง กูผิดไปแล้ว ;w;
โปรแกรมเมอร์คนอื่นทำไมเงินเดือนกันจัง ของกูน้อยมากเลย หรือเป็นแนวเงินเยอะแต่สวัสดิการน้อยไรงี้ป่าว
ตอนนี้กูรู้สึกเหมือนว่าทั้งเงินทั้งสวัสดิการของที่ๆกูอยู่แม่งงั้นๆ แต่ดีที่ไม่โดนใช้งานวันหยุดหรืออยู่ดึกเท่าไหร่
>>660 กูบอกเลยมึงเสต็ปเดียวกะกูเป๊ะแต่กูต่างตรงเหม็นหน้านายเก่าชิบหายเลย 55 คำแนะนำของกูคือมึงลองไปสืบๆดูว่าที่ทำงานใหม่มึงเป็นยังไงตัวงานน่าสนใจมั้ย มึงทำแล้วมึงจะแฮปปี้ป่าว
ส่วนตัวกูคิดว่า 50K แม่มก็ไม่ได้น้อยไป คือถ้ามึงย้ายไปแล้วทรมานก็อย่าไปเลย
คำแนะนำกูคือถ้ามึงจะย้ายไป แบงค์ อย่าไป จบนะ....ส่วนถ้า บ.ที่มึงจะย้ายไปคือบ. A กูตอบมึงได้ 555
ป.ล.ปัจจุบันกูมีความสุขกะที่ใหม่ดีแต่ที่เหี้ยสุดคือที่ทำงานเก่ากูแม่มล้างบางพนักงานยกชั้นใครโดนแม่มเป็นเศรษฐีนั่งเกาไข่อยู่บ้านได้เป็นปีเลยสัส กูละเศร้าใจดันออกมาก่อน
ป.ล. 2 ถ้ามีเพื่อนกูในนี้โม่งแตกล้าน% 555
คือตอนนี้ยังไม่ได้ดูที่ไหนจริง ๆ จัง ๆ หรอกนะ เงินเดือนก็ยังไม่ถึง ๕ หมื่น แต่คิดว่าพอปรับขึ้นเงินเดือนน่าจะราว ๆ เกือบห้าหมื่น ไม่ก็ขาดไปพันสองพัน
แต่คิดว่าทักษะความเชี่ยวชาญนี่น่าจะถึงแล้วแหละ
แต่ก็ไม่ได้สบายหรอกนะ ดิ้นรนหาความรู้เยอะมาก ตอนไปออกกำลังกายในฟิสเนสต้องดูวิดิโอสอนโปรแกรมมิ่งไปด้วยเลย ตอนเข้าห้องน้ำก็พกไอแพดไปดู เรียนรู้ตลอดเวลาอ่า
ช่วงที่ยังหาวิธีการเรียนรู้ที่เหมาะกับตัวเองไม่เจอ ดิ้นรนยังไงเงินเดือนก็ไม่สูงขึ้น ความสามารถไม่สูงขึ้น แถมยังโชคร้ายเจอหลอก เจอเอาเปรียบ กดเงินเดือน หลายบริษัทอยู่ ตอนนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว ก็จะดิ้นรนพยายามให้มากขึ้น ตั้งใจให้มากขึ้นอยู่
ตอนจบใหม่ ๆ โง่มาก ไม่ผ่านโปรมาสองที่ จนที่ ๆ สามต้องเช่าหอใกล้ที่ทำงาน เลิกงานปุ๊บอ่านหนังสือโปรแกรมมิ่งทุกวันอ่ะ
หาโหลด pdf เถื่อน ๆ มานั่งอ่าน เสาร์อาทิตย์ก็นั่งอ่าน
ทำไมพวกมึงไม่เจอหน้าแล้วคุยกันเลยฟระ!!
เจอก็ไม่โม่งดิวะ
แต่ถ้ามึงเป็น ญ.กูพร้อมเจอนะ 55
>>684 Agoda ถ้าออกไม่แล้วไม่มีนโยบายรับกลับจ้า ยิ่งออกเพราะไม่ผ่านโปรด้วยนี่นะ
ตอนนี้เล็ง ๆ อยู่สองสามที่ ๆ พอจะให้เงินสัก แปดหมื่นได้
แต่ตอนนี้ก็กะเก็บสกิลที่ปัจจุบันก่อน ตอนนี้กำลังฝึกพวก Domain Driven Design, CQRS, Event Sourcings ดูเป็น Pattern ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานกับโปรเจคที่ซับซ้อนดี และก็จะหาวิธีเอา F# มาประยุกต์ใช้ในโปรเจค ข้อดีที่ปัจจุบันอย่างนึงคือพอมีเวลาให้อ่านหนังสือให้ Research เป็นระยะ ๆ งานไม่หนักมาก ดูดความรู้ให้เต็มที่เลย
พวกมึงทำไมรวยกันจัง
มีความพยายามกะความสามารถไปถ้ามึงไม่รู้วิธีที่ทำให้มันเปล่งประกายก็ไร้ประโยชน์ว่ะ
รวยนี่มักจะไปทำบริษัทต่างประเทศน่ะของไทยมันกดเงินชิบ
นั่นแหละ เอาว่ากูกลับห้อง karma กูละ เอาใจช่วยทุกท่านที่ยังทำงานวันนี้นะครับ(กูด้วย)
เมื่อวันเสาร์กูไปนอนบ้านเพื่อนมา เป็นเพื่อนสมัยเรียน ตั้งแต่เกิดมาจนเรียนจบมีงานทำเพิ่งจะเคยไปนอนบ้านเพื่อนครั้งแรกนี่แหละว่ะ รู้สึกดีที่ได้เจอเพื่อนรักอีกครั้ง นั่งคุยกันเรื่องงานเรื่องอนาคต ว่าตอนนี้ทำอะไรอยู่ เพื่อนคนไหนในรุ่นทำงานอะไรอยุ่ที่ไหนกันบ้าง แต่คุยๆแล้วกูก็รู้สึกเศร้าว่ะ เรียนจบแยกย้ายกันไปทำงาน นานๆทีจะมีโอกาสได้เจอกันช่วงวันหยุดยาว พอหมดวันหยุดก็กลับไปลูปมนุษย์เงินเดือนต่อ จันทร์ตื่นมาทำงาน เย็นกลับห้อง กินข้าวอาบน้ำ เหลือเวลาพักผ่อนอีกหน่อยไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องรีบนอนเพื่อจะรีบตื่นมาทำงานในวันต่อไป ไปเจอเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันนานครั้งนี้แม่งให้สองอารมณ์เลยว่ะ ดีใจที่ได้เจอได้คิดถึงวันเก่าๆสมัยเรียน แต่ก็เศร้าที่อีกไม่นานก็ต้องกลับสู่โลกความจริงใช้ชีวิตในลูปมนุษย์เงินเดือนต่อไป ตอนดึกๆเพื่อนแม่งเปิด Cloud Atlas ด้วย ดูๆแล้วแม่งให้อารมณ์เศร้าๆเข้าไปใหญ่
กุแอบไปรู้มาเว้ย ว่า Agoda มันชอบจ้างพนักงานเข้าเยอะๆ ตอนช่วงจะขายหุ้น ให้ดูบริษัทใหญ่ๆ พอขายได้ ก็เทกระจาดพนักงาน มึงอย่าเศร้าใจนะถ้าเป็นหนึ่งในคนที่ถูกลอยแพ บางทีมันก็รีบโยนทิ้งก่อนผ่านโปร เพื่อที่จะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เหตุการณ์นี้มีมาสามสี่ครั้งแล้ว และกุว่าเขาก็จะทำต่อไปว่ะ
สู้นะลูกจ้างทุกคน ใครพรุ่งนี้ทำงานมายกมือเป็นเพื่อนกุหน่อย
ห่า ให้ 1 เดือนก็โอเคแล้วมึง บริษัททให้ขนาดนั้นเขาก็เอาเงินยัดปากมึงไปแล้วไง
ทีนี้มึงก็พูดอะไรไม่ได้แล้วซินะ เห่อๆ เงินจิ๊บๆ แลกกะให้คนบางคนเงียบได้มันคุ้มนะเหวย
ตอนนี้ประหยัดมาก วัน ๆ ใช้ไม่ถึงร้อยห้าสิบ ทำกับข้าวเอง กินถูก ๆ เสาร์อาทิตย์ไม่ไปไหน
แต่ตอนนี้มีความเลวอย่างนึงคือโหลดไฟล์เถื่อนมาเพื่อการหาความรู้น่ะ โปรแกรมก็เถื่อน
ขอทานตาบอดที่มาร้องเพลงแลกเศษเงินตามสะพานลอยแถวพาต้าก็ไม่ให้แล้ว ใจร้ายมะ
>>705 กูเป็นตั้งแต่สมัยเรียนแล้วว่ะ ส่วนหนึ่งคงเพราะกูไม่ดื่มเหล้าด้วย แถมอยู่หอในสภาพของหอพักก็รู้จักกันหมดอยู่กันแบบพี่ๆน้องๆ บรรยากาศครื้นเครงตลอดเวลาอยู่แล้ว เลยไม่ค่อยสนใจออกไปไหน พอเรียนจบทำงานกูก็ไม่ค่อยเที่ยวเท่าไรชอบอยู่คนเดียวเงียบๆหน้าคอมพ์มากกว่า นานๆจะนัดเพื่อนออกไปข้างนอกทีหนึ่ง
ไปทำงานกันได้แล้ว
เมื่อก่อนทำอาหารไม่เป็น คิดว่าอาหารราคาตลาด ๆ นี่ถูกแล้ว
เดี๋ยวนี้พอลองทำเอง พบว่าสเต๊กโลตัสชิ้นอิ่ม ๆ ๒ ชิ้น ๖๐ บาท
พอเทียบกับเกาหลาชามละ ๔๐ บาท กับสเต๊กทำเองแล้ว เกาเหลา ๔๐ บาทกลายเป็นไม่คุ้มค่าไปเลยแหะ
มีใครรู้วิธีการเดินทางจากลาดพร้าว101ไปเกษตรศาสตร์บางเขนด้วยรถเมล์บ้างมั้ย บอกหน่อยดิ
>>711 รถเมล์นี่กูบอกเลยว่าอ้อมโลกทั้งนั้นนะ แต่ถ้าเอาต่อเดียวจบที่กูจำได้ก็ 178 จากปากซอย 101 จะฝั่งไหนก็ไปถึงเพราะสายนี้วิ่งเป็นวงกลม
ถ้ามึงขึ้นฝั่งปากซอย 101 ก็จะวิ่งไปทางเดอะมอลบางกะปิจนพ้นเดอะมอลไปแล้วเลี้ยวเข้าถนนนวมินทร์ ไปอ้อมโลกแถวทางด่วนอาจนรงค์แล้วค่อยตบเข้านวมินทร์อีกทีตรงไปแยกเกษตร
ถ้าขึ้นฝั่งตรงข้ามปากซอย 101 ก็จะตรงไปเลี้ยวขวาเข้ารัชดาตรงใต้ดินลาดพร้าวแล้วค่อยหุบเข้าพหลโยธินที่แยกรัชโยธินแล้วตรงไปแยกเกษตร
ทำงานมาแล้วตอนนี้สามปีรู้สึกว่าการทำงานคือการทำให้เราสามารถเป็นเพื่อน+กวนกับคนที่อายุมากกว่า(แก่กว่าเป็นสิบปี)ในฐานะเพื่อนร่วมงานได้ว่ะ
ชีวิตมัธย,มหาลัย ทำอะไรแบบนี้ไม่ได้เลย
>>713 อันนี้ตรงข้ามกับของกูเลย สมัยเรียนมหาลัยกูเป้นคนกวนตีนนะ พอมาทำงานแม่งต้องเปลี่ยนหมด ทุกวันนี้เป็นคนเงียบๆสงบปากสงบคำ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่พูด ในความคิดของกูเพื่อนที่ทำงานคือคนที่ทำงานด้วยกันเฉยๆว่ะ ไม่ได้อยากมีปฎิสัมพันธ์อะไรมาก เพราะต่างฝ่ายก็มีครอบครัวมีภาระของตัวเองด้วย เป็นเพื่อนสมัยเรียน เรียนเสร็จไปเตะบอล ดูหนัง เที่ยว แดกเหล้าด้วยกันได้ แต่เพื่อนร่วมงานเลิกงานคือแยกย้ายกลับบ้าน นานๆถึงจะมีกินเลี้ยงในโอกาสพิเศษ พูดแล้วก็คิดถึงสมัยเรียนว่ะ สงสัยกูเริ่มแก่แล้วเนี่ย
>>715 ไม่ต้องแปลกใจหรอกมึง 55555 กูว่านะคนทำงานส่วนมากก็มีความคิดประมาณนี้ล่ะวะ คิดถึงเพื่อนสมัยเรียน ส่วนเพื่อนที่ทำงานก็แค่คนที่ทำงานด้วยกัน บางคนอาจจะโชคดีหน่อยที่ได้เจอคนที่คุยด้วยอย่างสนิทใจได้ อันที่จริงหัวหน้าและเพื่อนร่วมงานกูก็โอเคนะ ไม่งี่เง่าพูดจาดีมีเหตุผล แต่กูแค่คิดว่ารู้จักกันที่ทำงานอย่างเดียวก็พอ พอเลิกงานก็ต่างคนต่างอยู่กันไป
เพื่อนโม่งคับ คือถ้ากูเส้นเข้าบริษัทไป ต้องทำงานไปนานเท่าไหร่ถึงจะลาออกแล้วไม่น่าเกลียดวะ
เอางานนั้นมาให้กูทำก็ได้นะสาสได้เส้นเข้าสบายสรัดไม่ต้องหาเอง
กูต้องหาเองงานตรงสายที่เรียนมาหายากอีกในจังหวัด แม่งจะเอาประสบการณ์ขั้นต่ำทั้งนั้นจะไปหาที่ไหนมาวะ จะไปเสี่ยงเข้ากรุงเทพทำงานก็แม่งไม่รู้จะทำไง อายุก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ ควยยยยยยย
แวะมาระบาย ( / w \)
เครียดครับ สัมภาษณ์สิ้นเดือน
สิ่งที่สำคัญที่สุดของการสัมภาษณ์งานคือมึงต้องหลอกตัวเองว่ามึงทำได้
ถ้าเวลาสัมภาษณ์โม้มากๆแล้วไปทำจริงไม่ได้จะทำไงดีวะ กูควรพูดตรงๆไปเลยดีป่ะ
สวัสดีครับ เพื่อน ๆ โม่งทุกคน
ตอนนี้ผมมีงานอดิเรกอยู่อย่างนึงคือ เปิดเฟสบุ๊ค Avatar ขึ้นมา แล้วไปด่าคนตามเพจต่าง ๆ
ต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อนโม่งครับ
1. อยากได้การด่าคนอื่นให้เจ็บใจมาก ๆ
2. อยากได้เทคนิคให้โดนคนด่าตอบแล้วไม่เจ็บ
3. อยากได้พวก Facebook Page ที่น่าหมั่นไส้น่าด่า จะเข้าไปฝึกด่า
ตอนนี้กำลังฝึกด่ากับเจ้าของเพจนี้อยู่ https://www.facebook.com/MrGraymanV2 มันน่าหมั่นไส้ดี
>>732 ตัวอย่างที่ไปด่า Grayman
https://www.facebook.com/MrGraymanV2/posts/1437775859841618?comment_id=1438094913143046¬if_t=feed_comment_reply
https://www.facebook.com/MrGraymanV2/posts/1436701576615713?comment_id=1437373653215172¬if_t=feed_comment_reply
ช่วยคอมเมนต์หน่อยว่าควรปรับปรุงตรงไหนบ้าง
จะว่าไป เกี่ยวไรกับซาลารี่แมนวะ
ลองไปแขวะเพจ Asuradech หาเรื่องด่าเอา
>>736 https://fanboi.ch/lounge/1103/recent/
ไปกระทู้โม่งนักด่า แล้วมันมีคนด่าว่ารกบอร์ด ให้มาคุยที่นี่แทน
เค้าไล่ไป netwatch เว้ย มึงอ่านเป็นมั้ยวะ
https://fanboi.ch/netwatch/
ไปๆ นี่มันกระทู้ซาลารี่แมน
>>741 https://fanboi.ch/lounge/1103/10/ ไอ้นี่ให้มากระทู้ซารารี่แมน
ครวยเหอะ ตั้งกระทู้ใหม่ก็โดดด่า มาตามลิงค์ก็โดนด่า สัตว์เอ้ย
งั้นกูไล่มึงไปนี่ต่อนะ https://fanboi.ch/lounge/1346/recent/
น่าจะเข้ากับ theme มึงมากกว่า
netwatch มันเกี่ยวกับบุคคล แต่นี่จะหาเรื่องด่าคนอื่นไม่อิงกลุ่มบุคคลว่ะ
กูไม่รังเกียจเรื่องที่มึงคุยหรอก แต่มึงก็ดูหน่อยซิว่ากระทู้เค้าคุยกันเรื่องอะไร
netwatch ตามชื่อมันคือสาระแนเรื่องในเน็ท ไม่เกี่ยวกับบุคคลหรอก
สิ้นเดือนนี้กูต้องไปงานกินเลี้ยงของบริษัทว่ะ ต้องเตรียมการแสดงด้วย ห่าราก กูอยากไปแดกอย่างเดียว ปีที่แล้วก็มีข่าวว่าจะให้แสดงแต่HRยกเลิกก่อน มาปีนี้ไม่รอด พี่ๆในแผนกกูก็รับลูกHRอีก เวรแท้ๆสำหรับคนอยากอยู่เงียบๆอย่างกู ต้องโดนจับไปฝึกรำสี่ภาค รุ่นพี่ในแผนกกูกำลังวางแผนว่าแต่ละคนให้รำอะไรบ้างแล้วไปฝึกที่บ้าน แล้วซ้อมใหญ่สองวัน เสียเวลากูชิบหาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้มันผ่านๆไปแล้วมาบ่นในบอร์ดโม่งแทน เฮ้อเอาวะ ต้องมาทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนี้ อย่างน้อยก็ดีกว่าตกงาน
กูสงสัยว่าถ้ากุจบด้านออกแบบมาแล้วไปสมัครงานที่บริษัทโดยที่พอร์ทกุไม่ค่อยมีเรื่องกิจกรรมนี่เค้าจะรับกูไหม... แล้วถ้ากูมีพอร์ทกิจกรรมน้อยหรือไม่มีเลย กูควรจะมีอะไรมาทดแทนในส่วนนี้ บอกกูที ขอบคุณมาก
แม่งเอ้ย บ่นผิดมู้ เอาใหม่ๆ
กุบ่นมั่ง กุมาทำงานที่ใหม่ได้เกือยปีละ เพื่อนร่วมงานที่เข้ามาพร้อมกุหลายคน ก็มีแต่รุ่นพี่ทั้งนั้น แต่หลายๆคนพอรู้จักกันนานเข้า แมร่ง Hater gonna hate ว่ะ รำคาญชิบหาย กลุ่มกุนี่แตกกันหลายคนเลย เพียงแค่เรื่องขี้หมูขี้หมา มันน่าตบกบาลจริงๆ ทำเหมือนตัวเองเป็นศุนย์กลางจักรวาล จับกลุ่มนินทาคนนู้นคนนี้ใจคอนี่มึงจะเกลียดทุกคนเลยใช่มั้ย ทำอย่างกับตัวมึงใครๆก็ชอบ ไอ้เหี้ยยยย ถ้าไม่มีพวกกุอยู่ก็ไม่มีใครเข้าหามึงหรอกทำตัวไม่เป็นมิตรแบบนี้ ส้นตีนนนนนนนนนนนน
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่าน
>>755 น่าจะแล้วแต่บริษัท หัวหน้า คนสัมภาษณ์ วัฒนธรรมองค์กร หรือปัจจัยอื่นๆด้วย
ตอนกูสัมภาษณ์กูไม่เอาไปโชว์พอร์ทกิจกรรมไปโชว์เลยเพราะกูรู้สึกว่ามันไม่มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับสายงานที่ทำ ไม่อยากเอาเรื่องไม่เกี่ยวกับงานไปถมให้มันรก มันจะทำให้เค้ามองว่าใส่ข้อมูลไปเรื่อยเปื่อยให้มันดูเยอะๆทั้งที่มันไม่เกี่ยว (อันนี้มุมมองส่วนตัว HR หรือหัวหน้าบางคนเค้าอาจจะไม่มองแบบนี้ก็ได้ กูไม่รู้นะ)
ปล. ตอนเข้ามาทำจริงในแผนกดันเป็นพวกบ้ากิจกรรมซะส่วนใหญ่ แต่เป็นแนวเสนอหน้านะ พอมีงานเบื่องหลังเสือกเกี่ยงกันโยนให้คนอื่นทำแทนแล้วตัวเองก็หนีไปเล่นจะเอาสนุกอย่างเดียว เหี้ยจริงๆ...
กูอยากหาความมั่นใจในตัวเองหวะ กูเลยมาขอถาม
คืองี้นะ กูเกรดเน่ามาก (แต่ไม่เคย pro ไม่เคย warn สถานภาพ normal เสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็หมื่นเหม่ตลอดเหมือนกัน)
เกรดกูมี F 4-5 ตัวแน่ะ แต่กูก็มี B+,A ในวิชาโหดๆที่กูถนัดจริงๆเหมือนกัน ตลอดมากูก็พอมีความมั่นใจแหละ ประมาณว่าถึงกูจะมี F
แต่วิชาที่กู A กูก็มั่นใจจริงๆว่ามันเป็นอะไรที่กูจะเอามาเป็นจุดขายตัวเองได้ แถมที่ F คือวิชานอก หรือวิชาในพื้นฐาน ส่วน A คือวิชาเลือกในภาคที่ยากๆ ปีท้ายๆ
กูเคยมั่นใจมาตลอด ตอนปิดเทอมยาวที่ผ่านมา กูฝึกงานบ.นึง เป็นบ.เล็กๆ เล็กมาก ทั้งบ.มีไม่ถึง 20 คน แต่ให้เงินดีมาก ระดับที่มากกว่าเงินเดือนขั้นต่ำป.ตรีด้วยซ้ำ ถ้าคิดแบบต่อวัน
นั่นแค่ตอนฝึกงานนะ ลักษณะบ.กู เป็น partner กับบ.ต่างชาติอีกที ทำโปรเจ็กต์ให้บ.ใหญ่ๆ ทั้งแบงค์ ทั้งเทเลคอม
บ.กูชอบกูมาก และเต็มใจจะให้กูทำงานด้วยหลังกูจบแล้วด้วยซ้ำ ทีนี้พอปี 4 ครอบครัวกูมีปัญหาเรื่องการเงินอย่างร้ายแรง กูเกือบต้องดรอปเรียนด้วยซ้ำ
บ.กูก็ขนาดเสนอให้ยืมเงินค่าเทอมด้วยการออกเงินเดือนล่วงหน้าให้ (ซึ่งสุดท้ายกูก็ไม่เอาน่ะนะ) แต่กูก็ทำงานที่นั่นต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด ตอนนี้จะครบปีแล้ว (หลังเปิดเทอม กูจัดตารางให้เรียนน้อยวันที่สุด แล้วเอาวันไปทำงาน)
แต่ทีนี้ ปัญหาเกิดในปี 4 เทอม 1 หวะ มันมีวิชานึงที่กูติดมาตั้งแต่ปี 3 ละกูมาเรียนใหม่ในปี 4
กูเรียนใหม่ ด้วยความที่บริหารอะไรไม่ดีพอของกูเอง ทั้งชีวิตเรียน ทำงาน และโปรจบ สุดท้ายกูดูท่าจะไม่ผ่านวิชานี้หวะ
ซึ่ง ถ้ากูไม่ผ่าน หมายความว่ากูต้องไปรอเรียนตอนเทอม 1 ของปี 5 เลย
กูคุยกับบ.และครอบครัวแล้ว ครอบครัวกูโอเค ไม่โกรธไม่ว่าอะไรกู ถ้าตอนปี 5 กูจะทำงาน 4 วันแล้วเรียนวันเดียวเก็บตัวที่ขาด
บ.กูก็โอเคที่จะจ้างกูต่อไปเรื่อยๆ (กูซาบซึ้งกับบ.กูมาก)
แต่ที่กูห่วงคืออนาคตกูหลังจากนี้น่ะ
คือ Product ที่บ.กูขายไม่ใช่สิ่งที่กูอยากทำอะ ทั้งๆที่กูมีความสุขมากนะจากการที่บ.ดีกับกูมากๆ บ.ก็ดูมีอนาคต ปีนี้ก็มีโปรเจ็กต์ผุดเป็นดอกเห็ดจนกูเริ่มคิดว่ากูต้องตายแน่ๆกับการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
แต่กูมองว่าวันนึงยังไงกูก็คงออก เพราะ Product มันไม่ใช่สำหรับกู กูมีด้านที่กูสนใจอยู่
แต่การที่เรียนจบ 4 ปีครึ่งมันทำให้กูเสียความมั่นใจหวะ ประวัติการทำงานกูจากบ.นี้มันจะช่วยให้กูมีภาษีดีกว่าเด็กจบใหม่คนอื่นมั้ย กูไม่มั่นใจ
กูรู้สึกว่าตัวเอง above average ของคนในด้านนี้นะถ้าเทียบกับรุ่นเดียวกัน แต่กูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่พวก Top เหมือนกัน
พอเป็นแบบนี้กูก็เสียความมั่นใจหวะ กลัวว่าตัวเองจะเติบโตได้ไม่มากพอที่จะยกระดับชีวิตครอบครัวตัวเองได้
แล้วดันมามีตำหนิจากการต้องจบ 4 ปีครึ่งอีก มีใครพอจะแนะนำอะไรกูได้มั้ย
>>759 ขอบคุณ กูก็คิดว่าอาจจะอยู่ต่อเหมือนกัน คือกูรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณตั้งแต่เค้าจ้างเด็กปี 4 อย่างกูด้วยเงินที่กูรู้สึกว่าสูงมากน่ะ
พูดตรงๆเลย วิกฤตครอบครัวกูรอดมาได้ส่วนนึงเพราะรายได้ที่กูทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนี่ล่ะ ตอนนี้มีตำหนิที่อาจจะเรียน 4 ปีครึ่งแล้วด้วยอีก อยู่ที่นี่ไปอีก 2-3 ปีถือว่าตอบแทนบุญคุณก็ไม่เลว
คือบ.ให้ใจกูมากจริงๆ ตอนที่กูเปรยๆว่ากูจะยังไม่จบเนี่ย กูบอกเค้าไปว่ากูมีวิชาสนใจที่จะเรียนเพิ่ม คงจะยังไม่จบ เค้าก็เสนอด้วยซ้ำนะ ว่าข้างนอกมี course มั้ย เค้ายินดีส่ง ไปเรียนข้างนอกเอาดีกว่า จะได้รับปริญญาพร้อมเพื่อน
สำหรับเด็กอ่อนประสบการณ์อย่างกู เค้าซื้อใจกูได้เยอะมากจริงๆ
ปรึกษางานล่ามหน่อยโม่ง กูทำล่ามโรงงานแต่แผนกที่กูอยู่นี่ส่วนใหญ่พูดญี่ปุ่นได้หมด
นายก็พูดไทยกับอังกฤษได้ วันๆกรูเลยไม่มีไรทำเป็นชิ้นเป็นอันเลย
กูเลยรู้สึกว่าเค้าจะจ้างกรูมาหาหอกไรวะ แถมเงินเดือนกูพึ่งรู้ว่ากูโดนกดซะต่ำสุดๆเลยอีกค่าภาษามีแต่เค้าก็ไม่ให้กูทั้งๆที่ใบวัดระดับก็มี
กูอยากออกใจจะขาดละ แต่เพื่อนกูบอกโรงงานใหญ่ขนาดนี้ทนๆไปซักพักจะได้มีประวัติเอาไว้แต่งเรซูเม่จะดีกว่า
กูจะทำไงดีเนี่ย เฮ้ออ
รับคนเข้าทำงานใหม่ พอตอนปีใหม่แม่งกลับบ้าน เปิดปีใหม่มา แม่งหายสาปสูญ ติดต่อไม่ได้
โทรศัพท์ไปไม่รับ ส่งเมล์ไปถามไร้การตอบกลับ
อีดอก แม่งจะยังทำงานต่อป่าววะ
>>761 มึงต้องหา Skill เกี่ยวกับธุรกิจใส่ตัวเพิ่มเติม อย่าง Model ทางธุรกิจ , การเจรจาต่อรอง
คือถ้ามึงเป็นได้แค่วุ้นแปลภาษา มึงก็ก้าวหน้าได้ยาก ยิ่งนับวันพวก App หรือ Translate ยิ่งจะเข้ามาแทนที่
แต่ถ้ามึงมี Add on เวลามึงแปล เช่น ให้มึงล่ามด้านธุรกิจ มึงก็เสนอไอเดียต่างๆเพิ่มมึงก็ก้าวหน้าได้
มึงไปดูบ.ใหญ่ๆอย่างปตท แม่งมีแผนกพวกนี้แล้วยิ่งใหญ่อลังการมากเงินเดือนเป็นแสนๆ งานพวกแม่งคือไปเจรจา ไปทำไงก็ได้ให้พวกรัฐบาล หรือบริษัทต่างๆยอมตกลงตามข้อเสนอ แล้วได้เริ่มโปรเจคกัน
โปรเจคนึงแม่ง หมื่นล้าน แสนล้าน แม่งเลยอัดเิงนเดือนได้เต็มที่ แถมยังให้งบเอนเตอร์เทนให้มึงพาพวกที่ว่าไปเที่ยวอีก พูดภาษาชาวบ้านคือมึงทำไงก็ได้ให้ไปปิดสัญญามาให้ได้ กูยินดีจ่ายไม่อั้น
>>760 เกรดจบก็แค่ตอนนี้แหละ ถ้ามึงทำงานไปสัก 3 ปี มีประสบการณ์หน่อยเขาก็เลิกดูเกรดมึงแล้ว ด่างแค่นั้นขี้หมามาก
ส่วนเรื่องบ.ที่มึงทำ ก็คงแล้วแต่มึง เขาช่วยมึง มึงก็ช่วยเขา แต่ชีวิตมึง มึงก็ต้องเลือกเอง กูว่ามึงดีมากด้วยซ้ำที่อย่างน้อย
ก็รู้ว่ามีเรื่องที่อยากทำชัดเจน
งั้นกรูควรออกไปอยู่ที่อื่นที่มันมีไรทำมากกว่านี้สินะ ไม่ก็ไปเรียนห่าไรซักอย่างเพื่อเพิ่มสกิลตัวเอง
กรูก็ไม่คิดไงว่าเข้ามาแล้วกรูจะไม่ได้โดนใช้ห่าไรเลยให้เป็นปลาตายลอยน้ำไปวันๆแบบนี้
โรงงานใหญ่ไหนวะกดค่าจ้างล่าม ส่วนมากเคยเจอแต่จ้างแพงแต่ไม่มีห่าอะไรทำว่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ล่ามญี่ปุ่นนะไม่ใช่แรงงานในไลน์ เค้าไม่ได้คาดหวังจำนวนชิ้นงานที่มึงทำได้ต่อวัน เค้าคาดหวังว่ามึงต้องแปลได้ถูกต้อง ทำให้การคุยกันเป็นไปอย่างราบลื่นเมื่อมีงานก็เท่านั้นแหละ มึงไม่ต้องไปซีเรียสว่างานน้อยงานมาก เพียงแต่ถ้ายังไม่เก่งแล้วไปเจอที่งานน้อยโอกาสพัฒนาตัวเองมันจะน้อย เพราะงั้นถ้าอยากเก่งแล้วขี้เกียจขนขวายด้วยตัวเองก็ควรจะไปหาที่ที่มันขยันยัดงานให้ทำ ทั้งงานล่ามงานแปลเอกสาร เอาตายกันไปข้าง แต่ถ้ามึงขนขวายเองเป็น เวลาว่างมึงก็ศึกษาเนื้องานศึกษาศัพท์ไป อันนี้อาจแล้วแต่ที่ด้วย อย่างโรงงานกูไม่ค่อยหวง ไปขออนุญาตเจ้านายแล้วเอาเอกสารมาอ่านได้ เอกสารภาษาไทยก็ได้ อ่านแล้วลองคิดดูว่าคำนี้เรารู้ภาษาญี่ปุ่นรึยัง ถ้ายังไม่รู้ก็จดไว้แล้วเอาไปค้นหา เผื่อวันหน้าเจอจะได้แปลได้
ที่กูทำอยู่บางทีว่างก็ว่างสัสสสสสสสสส บางวันล่ามจนแม่งกูจะไอออกมาเป็นเลือดได้อยู่แล้ว (กูเคยประชุมตั้งแต่บ่ายโมงยันสองทุ่ม มีคนคุยกันสามฝ่ายไทยญี่ปุ่นฝรั่ง ล่ามมีคนเดียวคือกู แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่มันส์ดีนะ) บางทีเรื่องเล็กน้อยเค้าคุยกันเองได้เค้าก็คุยกันเอง ไม่ได้ว่าข้ามหน้าข้ามตาหรืออะไรหรอก บางทีวิศวกรในไลน์เค้าก็อยากฝึกภาษามั่ง เราก็คอยไปยืนเสนอหน้าไว้ แสดงให้เห็นว่าเรากระตือรือร้นที่จะทำงาน เดี๋ยวมันคุยกันไม่รอดมันก็เรียกเราเองแหละ แต่ถ้าเราแปลกากแปลไม่ค่อยเอาอ่าวบางทีเค้าอาจจะขี้เกียจเรียกไปล่าม อันนี้ต้องพิจารณาตัวเองละ
ถ้าแรงงานในไลน์ได้ n2 ควรผันไปทำไรเพื่อนโม่ง (หมายถึงขวนขวายจนได้เอง)
เพื่อนโม่ง กูมีเรื่องอยากขอความเห็นว่ะ คือกูพึ่งย้ายงานได้เดือนนึง แล้วที่ทำงานใหม่กูทำงานหนักมาก กูไม่มีปัญหากับการทำงานหนัก แต่กูรู้สึกว่ากูอยากมีเวลาส่วนตัว ไว้อ่านพันทิพเล่นเนตบ้าง ไม่ได้ทุรนทุรายแต่เหมือนสิ่งนี้หายไปจากชีวิต กูอาการหนักรึเปล่า กูแค่อยากมีชีวิตส่วนตัวไม่ต้องทำอะไรซักชั่วโมงต่อวันบ้าง นี่เวลาซักสิบห้านาทียังไม่มีเลย
กูอายุไม่มากนักนะ บอกไว้ก่อน เพื่อนโม่งคิดอย่างไรบ้างกุอยากรู้
ทำงานวันละกี่ชั่วโมงล่ะ?
เข้าออกงานก็แปด แต่ทำจริงสิบบ้างสิบเอ็ดบ้าง
เช้าวันจันทร์อีกแล้วนะครับชาวเพื่อนโม่ง เสาร์อาทิตย์เวลาติดจรวดสัด
ที่ทำงานกูเพิ่งเริ่มมาตรการblock FB
ไอ้เหี้ย เคว้งเลย ต้องมาสิงอยู่ที่โม่ง
งานส่งพรุ่งนี้ ยังไม่เสร็จ แต่กูมานั่งดูบอร์ดโม่ง ฟัค
สัปดาห์หน้ากูfinal interviewละเพื่อนโม่ง ขอพลังให้กูด้วย
กุสงสัยมากว่าทำไมคนบางคนไม่กล้าสมัครงานกัน ไม่มั่นใจในเกรดหรืออะไรวะ
นอน Neet อยู่บ้านไปวันๆนี่กุเสียดายความสามารถอะ รวบรวมความมั่นใจแล้วออกมาสมัครงานหน่อยเหอะ
คนงานมีคุณภาพหายากนะ กุควานหาอยู่
ไม่มีไรบ่นเฉยๆ เซ็ง คนเก่งๆนอน Neet อยู่บ้าน คนมาสมัครทำงานไม่เป็น
กูก็นีททำพาร์ทไทม์อยู่ ไปสัมภาษณ์มาก็หลายที่ กูไม่ได้เก่งนะ แต่เสือกเลือกงานไง คือเวลามึงไปคุยกับทางบริษัทตอนสัมภาษณ์ สำหรับกูมันบอกได้เลยนะเว้ยว่าตัวกูจะไปกันได้วัฒนธรรมองค์กรแม่งมั้ย ที่กูปิ๊งจริงๆก็เสือกๆไม่เอากู ที่รับกู กูก็ไม่เอา จนตอนนี้กูเพลียจะสมัครเพิ่มละ
toeic 800 พูดได้ 3 ภาษา นอนเกาไข่อยู่บ้าน
พูดถึงเรื่องภาษา เมื่อวันหยุดกูไปแดกข้าวกับเพื่อนแถวอโศก เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นพูดไทยได้ เด็กเสิร์ฟในร้านเหมือนจะพูดญี่ปุ่นได้นิดหน่อยว่ะ กูเห็นหยิบไอโฟนมาเล่นด้วย ไอ้เหี้ยเห็นแล้วเกิดอาการอยากเปลี่ยนงานขึ้นมานิดๆ คืองานเดิมของกูมันก็ดีอ่ะ ดีในตอนนี้แต่อยู่นานไม่ได้เงินเดือนแม่งตัน บางทีกูก็เกิดความรู้สึกว่าอยากหางานที่ไม่ต้องใช้วามรับผิดชอบมาก ได้ใช้ทักษะภาษาที่เคยเรียนมาสมัย ม.ปลาย เงินเดือนพอเลี้ยงชีพในประเทศกรุงเทพได้อย่างไม่ลำบาก แค่นี้ล่ะ จบการบ่นเพียงเท่านี้
รำคาญหมาของญาติมากๆ วันๆเอาแต่เห่าชาวบ้านเค้า เจ้าของแม่งก็ไม่ดูแล มาบ้านกูก็ทำเลอะเทอะ บรรไดมีแต่น้ำลายแม่ง บางครั้งมีฉี่ ว่าเจ้าของแม่งก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พวกมึงรู้จักพวกรับจ้างอุ้มหมาให้กูใช้บริการป่าววะ แบบเอาแม่งไปฆ่าทำลูกชิ้นแล้วกูจะลูกชิ้นไปหลอกให้เจ้าของแม่งแดก ไอสาด
กูไม่รู้ถามมู้ไหนดี ถามมู้นี้ละกัน คือกูกำลังจะโดนไล่ออกจากบ้านว่ะโม่ง กูโดนไล่ออกจากงานเดือนที่แล้วเพราะลงorderสินค้าพลาด พ่อกูเลยจะให้สืบสานงานที่บ้านต่อ(ร้านวัสดุก่อสร้าง)แต่กูอยากเล่นดนตรี พ่อกูเลยให้หางานเกี่ยวกับดนตรีให้ได้ในเดือนนึงไม่งั้นจะไม่ให้อยู่ที่บ้านต่อ แล้วอาทิตย์หน้าก็จะครบเดือนแล้ว กูไม่ได้มีความสามารถอะไรนะ กูควรทำไงดีวะ
แล้วมึงมีความสามารถอะไรด้านดนตรีมั่งวะนั่น
ไม่รู้จะไปถามที่ไหนดีว่ะ เอาที่นี่ละกัน...
ถ่านชาร์จ SONY cyber energy ขนาดAA typ.2000mAh เดี๋ยวนี้ยังมีขายอยู่ปะในกทม.
แล้วกูซื้อยี่ห้องอื่นจากเซเว่นมาชาร์จกับที่ชาร์จของโซนี่ได้ปะ
โม่งคิดว่าการแต่งงานเป็นครอบครัวนี่จำเป็นต้องมีลูกมั้ยวะ ถ้าไม่มีลูกจะถือว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์หรือเปล่า
ไม่จำเป็น แต่มีกูก็เอา ดังนั้นไม่คิดมากและไม่คิดจะทำกิฟด้วย
มีลูกทำห่าไรเรื่องเยอะสัสๆอยู่แบบผัวเมียสบายใจกว่าเยอะ
มีลูก1คนแม่งยากจนไป20ปี
หลังจากเมียมึงคลอดเมียมึงอ้วนเป็นช้างน้ำแน่นอน
กูอยากรับเด็กบุญธรรมสวยๆหมวยๆเอ๊าะๆขาวๆเนียนๆนุ่มๆมาเลี้ยงดูให้โอกาสเรียนแต่ผัวไม่ยอม
เสียจึย
เออนี่มึง กูเรียนดิจิตัลอาร์ตเงี้ย สาขาเดียวกะชื่อคณะนั่นแหละ พวกนักวาดจบมาทำอะไรกันวะ เข้าบริษัทเป็นมนุษย์เงินเดือนปะ หรือว่าหลุดมาเป็นฟรีแลนซ์กันหมด ถ้าพวกผลงานไม่เด่นก็ปลิวอ่ะดิ
จริง เมืองไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ ทรัพย์สินทางปัญญาเท่าไร แถมรสนิยมคนไทยแม่งล้าหลังสุด กูเป็นช่างทองทำเครื่องประดับ กูแม่งพยายามดันผลงานใหม่ แนวใหม่ลงไป สุดท้ายพวกมันก็ไม่เอา เอาแต่แบบเดิมๆ ล้อมมาตราฐานบ้าง งานโบราณบ้าง สุดท้ายทำให้กูรู้เลยว่ารสนิยมคนไทยเป้นพวกขี้อิจฉา รู้ป่ะ กูนี่ แม่งต้องก็อปแบบจากเครื่องเพชรราชวงศ์ต่างๆ มาหลายงานแล้วเนี่ย(สังวาลย์เพชนี่ ระย้าสุด พลอยเนี่ยเบ้งๆ ) กูแม่งกำลังลุ้นๆ อยู่ว่าจะมีใครสั่งกูทำมงกุฐ เทียร่าฟะ กูอยากทำ 5555 ไอ้พวกบอกเศรษฐกิจสร้างสรรค์น่ะไร้สาระ เมืองไทยมันไม่อยากเอา เมืองไทยชอบของเซเลป แต่ไม่อยากจ่ายเงินแพงๆ ก็เลยต้องให้ช่างทองแบบกู ก็อปให้ ถถถถถถ กูอยากออกแบบใหม่ ออกแบบให้ทันสมัย แต่สุดท้ายกูโดนเศรษฐกิจแบบไทยๆ กัดกร่อนจนไม่มี ความหวังอะไรแล้วมึง ทำใจฟะ กูบ่องตงๆ ถ้าทำงานด้านนี้ไม่มีวันรวยหรอก ไอ้พวกรวยๆ น่ะ มีเบื้องหลังหมดแหละ คือพวกมันรวยมาแล้ว มึงทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอก
ถ้าของห่วยแค่ไหน ขอแค่เซเลปใส่เท่านั้นแหละ ดังข้ามคืนเลยเอ็ง 55555
วันศุกร์แบ้วนะ
ฟังกุบ่นหน่อย กุเครียดว่ะ เพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าที่ทำงานกุผอ.แกมีแววโดนปลดว่ะ แล้วกุเป็นลูกจ้างประจำไง ถ้าผอ.โดนปลด กุอาจไม่ได้ต่อสัญญาด้วย ทำไงดีว่ะ ตอนนี้กุเรียนต่ออีกด้วย ถ้าออกกุจะเอาเงินไหนจ่ายค่าเทอม ค่ากินว่ะเนี้ย แม่งเครียดชิบหาย หรือกุต้องหางานใหม่รอเลยว่ะ บัดซบจริงๆ
ผอ.ลาดกระบัง?
กูโม่ง >>753 งานเลี้ยงบริษัทเฮฮากว่าที่คิดว่ะ กูก็ว่าดีเหมือนกัน นานๆทีคนทั้งบริษัทตั้งแต่ CEO มาจนถึงคนสวน มาปาร์ตี้ด้วยกัน เหมือนได้หลุดออกจากลูปมนุษย์เงินเดือนชั่วคราว เรื่องการแสดงก็ไม่มีอะไรมาก กูก็รำๆไปตามที่จำได้ มั่วๆไปให้มันเสร็จๆแล้วงานไม่ล่ม รุ่นพี่ในแผนกกูก็ชมว่าดี กูคิดว่าไม่ได้ชมว่ากูรำสวยหรอกนะ แต่คงหมายถึงดีที่กูให้ความร่วมมือกับกิจกรรมนี้มาตลอด ตอนนี้กูรู้สึกว่าความเป็นมนุษย์เงินเดือนของกูเลเวลอัพไปอีกขั้นและ คิดถูกที่ออกมาหางานทำไม่เป็นNEETอยู่บ้าน
วันนี้เซ็งสัส ต้องมาทำงานที่สุวรรณภูมิ แล้วกุต้องนั่งใต้ดินมาต่อแอร์พอร์ทลิ้งที่เพชรบุรี แต่กุเสือกปวดขี้ที่เลยต้องแวะลงพระรามเก้ามาขี้ แล้วค่อยไปเพชรบุรี กุเลยมาทำงานสายเลย ควยควยควย
กูใกล้จะได้ลาออกจริงจังละ แม่งจะย้ายกูเข้าไปอยู่ออฟฟิซในเมืองที่เงินเดือนเท่าเดิม แต่ยัดงานกูเยอะกว่าเดิม แถมอยู่ท่ามกลางพวกหน้าห้องบอสที่กูรับนิสัยไม่ได้
HR นี่โทรไปตรวจประวัติกับบริษัทเก่ามั้ยวะ กูสมัครงานไปที่นึงแล้วเสียวๆว่า HR จะโทรมาถามว่ะ กูยังไม่ได้ลาออกจากที่นี่เลย
"Don't pick a job. Pick a Boss. Your first boss is the biggest factor in your career success. A boss who doesn't trust you won't give you opportunities to grow." - William Raduchel
ประโยคนี้จริงหรือเปล่าพวกนาย
อยากกลับเป็นนีทสักครึ่งปี แล้วหางานใหม่
พวกมึงทำงานอะไรเสริมบ้างมั้ย นอกจากงานประจำ คือนายหน้าเพิ่งมีปัญหากับคนจ้าง พวกกูคนรับงานเลยอดกันหมด
หางานเสริมใหม่ก็ยากกกกกกกกกกกกอีก
ซื้อใบรับรอง แพทย์ลาป่วย
ขอแค่ 1 วัน เท่านั้น ไปซื้อที่ไหนดีว้ะ
กุป่วยแค่ตอนนี้กุหายแล้ว ไม่ได้ไปหาหมอที่ทำงานแม่งให้ไปเอา
ใบรับรองแพทย์มา มีที่ไหนขายมั่งว้ะ
ช่วยหน่อย TT
คลินิกบ้านๆแถวสะพานควาย
ลาป่วยวันเดียวต้องใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยเหรอวะบริษัทมึง ปกติตามกฎหมายแรงงานมันต้องลาติดต่อกัน 3 วันขึ้นไปนี่
หรือมึงลาป่วยทีละวันบ่อยๆ จนโดนเพ่งเล็งวะ
กุว่าเด็กมัธยมหัวเกรียนไม่อยากไปรร.มากกว่านะ
ทำมาเนียน
กากโม่ง
>>832 มึงป่วยจริงป่วยการเมืองเนี่ย ปกติลาป่วยปีนึงกฎหมายให้ 20 รึ 30 วันจำไม่ได้ มึงยังเกินอีกเหรอ
คนอายุ 20-40 ถ้าสุขภาพปกติ ลาปีละ 10 วันก็เยอะแล้ว เกินกว่านี้ถ้าไม่ใช่ป่วยการเมืองกุว่ามึงไปตรวจร่างกายเหอะว่ะ
แต่ถ้ามึงป่วยการเมืองแล้วซื้อใบแพทย์ไปหลอกนี่โดนตรวจสอบมายิ่งแย่ ปกติบริษัทเขาไม่รับใบรับรองคลินิคกันด้วยต้องโรงบาล
อดีตเพื่อนที่ออฟฟิศเก่าแม่งหยุดป่วยรัวสัสๆ มุขยอดฮิตคืออาหารเป็นพิษเดือนนึงต้องลาอย่างน้อยสักครั้ง และมักเป็นตอนวันศุกร์ซะด้วยสิ
มีครั้งนึงแม่งบอกตาได้รับสารพิษ หยุดหายไป3วัน ทุกคนคิดว่าแม่งตายจริงแน่ๆ มาวันจันทร์หน้าตาสดใสไม่มีแม้แต่ผ้าปิดตา
โดนเรียกไปซักแม่งบอก อ๋อโดนขวดน้ำยาทั้งขวดตกใส่ตาตอนนอน เย็ดเขร้
นานๆไป HR แม่งไม่รับใบรับรองแพทย์ล่ะ แม่งมาจากหมอประจำตระกูลมันทุกครั้ง หยุดเมื่อใหร่หักเงินทันทีแม่งเลยวีนแตกโวยวายใส่หัวหน้า
หัวหน้าเลยให้โซลูชั่นง่ายๆ มึงจะตั้งใจทำงานหรือ
มีหมอประจำคระกูลนี่ไม่น่าจะคนธรรมดา
โดนเลี้ยงมาแบบ spoil ป่ะเนี่ย
>>821 >>842 กูว่าเรื่องเจ้านายก็มีส่วนจริงนะ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยิ่งองค์กรใหญ่แม่งค่อยๆแบ่งกันลงมาหลายชั้นคำว่าเจ้านายก็ยิ่งมีหลายระดับ แถมบางครั้งเสือกมีได้มากกว่าหนึ่ง ปัจจัยมันก็ยิ่งมีหลากหลาย
ชีวิตกูปัจจุบันเจ้านายดีมาก เหนือกว่านั้นขึ้นไป(เหมือนมี 2 คนกลายๆ)ก็ดีทั้งคู่ ขึ้นไปอีกคือหัวหน้าแผนกไม่ค่อยดี เหนือไปกว่านั้นแม่งห่างไกลเกินกูไม่ค่อยรู้อะไรมาก นอกนั้นเหี้ยแทบทุกอย่างทั้งตัวงาน ลูกค้า ระบบบริษัท ฯลฯ
คือคนเป็นเจ้านายก็มีขอบเขตอำนาจของเค้าว่ะ ถึงเค้าจะดีจะเก่งถ้าไม่มีอำนาจมากพอจะเปลี่ยนอะไรใหญ่ๆได้ก็ได้แค่ช่วยไปตามที่พอจะช่วยได้เท่านั้นแหละ บางเรื่องที่เป็นปัญหาถ้าอยู่นอกอำนาจเค้าถึงอยากช่วยแค่ไหนเค้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เอวัง...
ส่วนตอนนี้กูกำลังแอบงานใหม่ไปเรื่อยๆอยู่เนี่ย กระซิกๆ
>>843 >>844 เจอคล้ายๆกันว่ะ หัวหน้ากูดีมากเลยนะ แต่อย่างอื่นเหี้ยหมดเลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
รู้สึกเสียดายเวลากับรู้สึกว่าตัวเองโง่ด้วยที่อยู่เพราะหวังลมๆแล้งๆว่าอะไรๆจะดีขึ้นจริงๆว่ะ
กูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเค้าถึงอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ชอบอะไรมากมาย แต่จากที่เคยคุยกันเข้าใจว่าแรกๆมันไม่แย่ขนาดนี้แล้วเค้าอยู่มาเรื่อยๆจนอายุเริ่มเยอะเลยขยับตัวลำบาก
ก็เสียดายอยู่นะ แต่ซักกลางปีคงต้องบ๊ายบายแล้วแหละ
ตอนนี้กูเป็นหัวหน้าว่ะ แต่ลูกน้องเหี้ยมาก พี่ที่เป็นหัวหน้าอีกคนก็ให้ท้ายเด็กอยู่นั้นแหล่ะ กูเบื่อ
>>846 >>843 กูอยู่บริษัทที่มีนายของนายของนายอยู่เหมือนกัน ความเหี้ยของกูตรงข้ามกับมึงเลยคือ นายเหนือกูเป็นพวกใครด่าลูกน้อง ตัวเองจะหลบไม่ปกป้อง ไอ้นายเหนือกว่านั้นทำตัวเหมือนเมนส์มาตลอดเวลา อยากด่าก็ด่า ขี้ลำเอียง มีนายเหนือคนนั้นอีกทีที่โอเค แต่เวลานายคนที่ดีสั่งอะไรมา มันโดนบิดโดยไอ้สองคนข้างล่าง จนแม่งก็เละเทะเหมือนเดิม
กูเข้าใจเรื่องนายก็มีอำนาจของนายนะ แต่เขาก็ต้องรู้วิธีสื่อสารกับลูกน้องให้ลูกน้องทำงานกันต่อได้ พวกนายที่เข้าข้างลูกน้อง แล้วนินทานายเหนือกว่านั้นให้ลูกน้องฟัง มันก็ไม่ใช่นายที่ดีว่ะ ถึงลูกน้องจะรู้สึกว่านายคนนี้ดีจังมีอะไรบอก มีอะไรเล่า
http://imgur.com/5wrFEBC
สวัสดีวันวาเลนไทน์ครับ
กูสงใสว่ะ ว่าบ.ที่กูทำงานอยู่เนี่ยคือกูทำงานไปจะครบปีแล้วกูอยากออกไปเปลี่ยนลักษณะงานที่กูทำมั่ง กูเลยจะไปขอเอางานที่กูเคยทำให้บ.เอาไปทำพอร์ท แต่ที่บ.ไม่ให้(งานมันออกฉายแล้ว) อย่างงี้ถือว่าเป็นปรติไหมวะ
ปกติ เพราะถือว่าเป็นงานของบริษัท ไม่ใช่งานของมึง ถ้างานมึงสายโปรดักชั่นส่วนใหญ่เห็นทำเป็นพอร์มส่วนตัวกันมากกว่า
กูเหนื่อย เหนื่อยจากที่ทำงานแล้วยังต้องเหนื่อยกับที่บ้านอีก ระบายหน่อยละกันว่ากูเป็นเด็กจบใหม่ เงินเดือนหมื่นห้า ทีนี้พ่อแม่กูจะมาขอไปแล้วหมื่นนึง กูเลยถามทำไมไม่ให้กูมีเงินเก็บบ้าง เขาก็บอกเขาอยู่อีกไม่นานหรอก กูจะเก็บเงินเมื่อไหร่ก็เก็บได้ ให้เขาก่อนค่อยเก็บเงินทีหลัง กูจะทำยังไงดีวะ เดือนนี้เหลือเงินใช้สามพันต้องประหยัดสุดๆ เผลอๆกินข้าวได้วันละมื้อเองมั้ง
งั้นมึงบอก กูให้มึงได้แค่เนี่ย 7-8 พันว่าไป ไม่งั้นชีวิตกูจะสั้นกว่ามึงแทน
เอาไปหมื่นเลยนี่เยอะไปว่ะถ้าเทียบกับเงินเดือนที่มึงได้
เดือนนึง5000นี่อยู่ได้เหรอวะ? แม่บ้านบ้านกูยังชีวิตดีกว่ามึงเลยเนี่ยนะ...
โห ลูกนะเว้ย ไม่ใช่บำนาญ - -
อยู่ไม่นานแล้วจะเอาอะไรไปเยอะแยะวะ
เยอะไป ส่วนตัวเพิ่งจะให้ที่บ้านเดือนละหมื่นตอนเงินเดือนสี่หมื่นกว่า
เงินเดือนกูหมื่นแปด กูยังให้ที่บ้านห้าพันเอง หมื่นห้าให้หมื่นนึงนี่เหี้ยไปหวะ ทางนู้นกะไม่ทำงานเลยหรือไงวะ
เล่นหุ้นกำไรเดือนละ 100k ผมให้ที่บ้าน 50k
40k บริหารพอร์ต 10k ผมก็อยู่ได้สบายๆ
นี่แหละผลบุญของจริง สาธุ
กู >>853 เองนะ เขามีกิจการเล็กๆที่ค่อนข้างขาดทุนว่ะ กู้คนนั้นยืมคนนี้ สมัยกิจการเขารุ่ง กูเคยได้เงินเก็บราวๆสามแสน แต่เขามาถอนออกจากบัญชีกูไปหลายปีแล้ว แล้วก็ไปกู้เงินจากญาติ ธนาคาร นอกระบบบ้าง อันนี้ยายกูเคยให้ที่ดินมาใช้หนี้นอกระบบไปสามปีกว่าๆ กูก็ไม่รู้ว่าเขาเอาเงินไปทำอะไรหมดนะ แต่กูเกลียดความกตัญญูที่ต้องตอบแทนตลอดว่ะ เคยจับเข่าคุยกันไปแล้วไม่ได้ผลเพราะเขาถือว่ายังไงก็ต้องตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงมา กูกู้กยศ.แล้วก็ใช้เบี้ยเลี้ยง 2000 นั่นล่ะกินอยู่ ไปทำงานพิเศษร้านอาหาร แต่ตอนนั้นยังดีที่กินข้าวบ้าน ข้าวที่ทำงานได้ แล้วเวลาพิมพ์รายงานก็ไปพิมพ์ฟรีปรินท์ฟรีที่ห้องคอมมหาลัยตลอด ขอโควต้าปรินท์งานจากเพื่อนที่ไม่ค่อยไปใช้บริการ ทำแบบนี้มาสี่ปีคนจบมาได้
ถ้ามันขาดทุนละยังยื้อทำอยู่กูว่าไม่ไหวละ กูก็คล้ายๆมึงนะ แต่กูโชคดีกว่า กูสวนเปิงจนเค้ายอมปรับ คล้ายๆมึงนี่ล่ะ พ่อแม่ทำร้านอาหารเลี้ยงกูโตมา แต่ช่วงปลายชีวิตมหาลัยเริ่มขาดทุน เป็นหนี้นอกระบบ แล้วต้องเอาที่ดินเก่ามาขายปลดหนี้
ช่วงก่อนกูจบ โชคดีกูได้งานไว เลยเรียนไปพร้อมทำงานเลยตอนปีสุดท้าย หลังเสียที่ เสียบ้านเค้าก็อีโก้ลดลง แม่กูนี่ยอมไปทำงานในห้างเลย ตอนนี้อาศัยรายได้จากงานห้าง พ่อกูขับรถนร.+ร้านอาหารที่เล็กลง + 5000 ของกู ประคองกันไปจนอีก 3 ปีน้องกูเรียนจบ ค่อยกู้ซื้อบ้านคืน
อ่านแล้วคิดว่าตัวเองโชคดีจัง
ทำให้คิดได้ว่า ไอ้ที่ออกข่าวบ่อยๆว่าทิ้งพ่อทิ้งแม่เนี่ย เพราะพ่อแม่เรียกร้องกันเกินไป ลูกเลยหักดิบทิ้งไปเลยรึเปล่า
ลุงคนดีเตรียมเก็บภาษีบ้านเพิ่มแล้วนะครับ คืนความสุขกันให้อิ่มหนำไปเรย
ดีจังนะขายทีดินได้ ของกูที่ดินฟองสบู่ ขายยังไงก็ไม่มีใครเอา
ผู้จัดการออฟฟิซกูโดนออกไปคนนึงละ ลดรายจ่าย
ไอ้ตำแหน่ง General Manager นี่มันใหญ่ขนาดไหนวะ
ก็รองจากเจ้าของ
นั่นมัน CEO
ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง...
General Manager ก็ GM ไงสัส แม่งแบนไอดีแรคกู
พวกมึงสนิทกับเพื่อนที่ทำงานมากน้อยแค่ไหนวะ
กูแม่งไม่ค่อยจะอยากสนิทเลย แค่คุยกันเรื่องงานก็พอ แม่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้เสือกชีวิตกูจัว แล้วพอถึงเวลาแม่งก็สะบัดตูดอยู่ดี บางคนโตแค่ตัวสมองไม่โตเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานอีก น่ารำคาญชิบหาย
>>876 เพื่อนที่ทำงาน (รุ่นพี่ที่เข้ามาพร้อมๆกันกับกุ) เหมือนอย่างที่มึงพูดว่ะ โตแต่ตัวสมองไม่โต คิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี ดีแต่ด่านินทาคนอื่น ทั้งที่ตัวเองแมร่งนิสัยก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไร ถ้าไม่มีพวกกุเป็นเพื่อนมันนะก็ไม่มีคนอื่นๆมาเข้าหามันหรอก แต่หน้าฉากกุต้องแสร้งทำตัวดี เข้ากับใครก็ได้
เฮ้อพูดถึงแล้วกุก็รู้สึกขยะแขยงชิบหาย
กูไม่ยอมสนิทกับใครทั้งนั้น เดี๋ยวแม่งเอาไปนินทา กูเกลียดมากกับอีพวกนี้
กูไปกินข้าวเที่ยงกับคนในออฟฟิศที่โรงอาหารนี่ล่ะ แล้วกูบ่นๆนิดหน่อยว่าพี่...เขาไปรับลูกตั้งบ่ายสอง แต่เสือกโยนงานของแกมาให้กู โต๊ะก็เฮฮากันไปว่าจริงด้วยว่ะ แต่วันรุ่งขึ้นเจ๊แกมาเลยจ้าาา ไม่พอใจตรงไหนก็มาบอกพี่สิ เอาพี่ไปพูดทำไม อคติอะไรกับพี่เหรอ กูเพิ่งมาใหม่นะอีดอก ถ้าจะอคติก็เพราะมึงมาพูดกับกูวันนี้นั่นล่ะ สุดท้ายกูก็ไม่ได้ทำที่นั่นเพราะไม่ผ่านโปร กูไม่รู้ว่าใครเอาไปพูดว่ะ แต่จากนั้นมากูไม่ไว้ใจใครในที่ทำงานเลย
กูไม่เคยไปสาย งานสั่งให้ส่งก็ส่งตรงเวลา เขียนอ่านพูดภาษาอังกฤษได้พอใช้ แต่เนื้องานมันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษและตำแหน่งนี้ไม่มีหน้าที่ติดต่อกับฝรั่งคนไหนทั้งสิ้น กูมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรเหี้ยๆใส่คนอื่นด้วย เพราะถ้าคนรู้จักแต่ไม่สนิทกูจะวางระยะห่างพอประมาณ ไม่ให้ดูไม่เป็นมิตรมากเกินไป แต่ก็ไม่ให้เข้าใกล้มากเกินด้วย แต่ก็ไม่ผ่านโปรเพราะมนุษยสัมพันธ์น้อยเกินไป.....เคยโดนเหตุผลนี้กันรึเปล่าวะ
ปล.เจ๊แกเป็นรุ่นพี่กู ทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ได้มีตำแหน่งสูงๆอะไรหรอก แต่สนิทกับหัวหน้า Hr และผู้จัดการหลายคน
>>887 แต่ก็ไม่ผ่านโปรเพราะมนุษยสัมพันธ์น้อยเกินไป ก็เป็นไปได้นะ เดือนแรกที่กูทำงานที่ปัจจุบัน หัวหน้ากูเตือนเรื่องนี้บ่อยๆ เดือนแรกถึงกับบอกว่ากูอาจจะไม่ผ่านด้วยซ้ำ เพราะรูปแบบชีวิตกูคือมาทำงานเช้า พอถึงเวลากลับกูกลับเลยไม่ทักทายไม่ไหว้ไม่ลาอะไรทั้งสิ้น ได้เวลาเก็บของสแกนนิ้ว จนหัวหน้ากูเตือนว่าจะทำงานมันต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ด้วย สุดท้ายกูอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วว่ะ แต่ก็แค่ทักทายตามมารยาทเฉยๆ เจอหน้าตอนเช้ายกมือไหว้ พอจะกลับก็มาลา แค่นั้น
กูทำ startup ทั้ง บ.มี 10 คนเลยสนิทกันหมดหวะ ไม่มีนินทากัน ทุกคนทุ่มกับงานดี รู้สึกโชคดีไปเลย
นอนกลางวันในออฟฟิซทุกวันเลยช่วงนี้ ว่างชิบหาย
>>888 มึงก็โหดไปนะ
คือกูว่า การทักทาย หรือคุยอะไรเล็กๆน้อยๆแบบ กินข้าวยัง แบบนี้มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยกันบ้างเว้ย
เวลาทำงานมันก็จะไม่ค่อยรู้สึกแปลกแยก หรืออะไร ก็อารมณ์ละลายพฤติกรรมนิดๆแหละ
ทำงานกันง่ายขึ้น
ก็หาเรื่องคุยกลางๆไป ไม่ได้ต้องเอาเรื่องส่วนตัวมาคุยน่ะนะ
>>892 กุว่าแล้วแต่สังคมแต่ละออฟฟิสว่ะ กุเป็นมาแล้วทั้งคนที่เป็นมิตรกับทุกคนคุยกับทุกคนได้ในออฟฟิสนึง พอย้ายงานทีกลายเป็นเจอสังคมใหม่ ความสนใจไม่ตรงกัน เข้ากับใครห่าอะไรไม่ได้เลย บางคนแม่งต้องการความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ต้องไปเที่ยวกันเสาร์อาทิตย์ ต้องเข้าส้วมพร้อมกันกินข้าวพร้อมกัน แค่ทักทายเบาๆมันไม่ได้ มันต้องสนิทสนมกลมเกลียว แล้วกุชอบดูหนัง แม่งไม่มีใครดูเลย ดูแต่ละคร สนแต่ชีวิตส่วนตัวดาราไทย กุฟังแล้วกุก็เซ็ง แต่ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนั้นกุก็โดนนินทาอีกว่าเข้ากับใครเขาไม่ได้
เจอแบบนั้นไปกุยอมให้แม่งนินทาว่ากุแปลกแยกว่ะ ตอนนี้เปลี่ยนงานละ ตอนกุจะออกหัวหน้าเสียใจมาก เขาบอกเหมือนเพิ่งเคยเจอคนคุยด้วยได้ เข้าใจเขาเวลาทำงาน สงสารเขาเหมือนกัน แต่กุอยู่ในทีมต่อไม่ไหว
ขออนุญาตล็อคแล้วไปต่อใน >>>/lifestyle/1530/ นะครับ
Topic has been locked by moderator.
No more posts could be made at this time.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.