Last posted
Total of 894 posts
วันนี้เซ็งสัส ต้องมาทำงานที่สุวรรณภูมิ แล้วกุต้องนั่งใต้ดินมาต่อแอร์พอร์ทลิ้งที่เพชรบุรี แต่กุเสือกปวดขี้ที่เลยต้องแวะลงพระรามเก้ามาขี้ แล้วค่อยไปเพชรบุรี กุเลยมาทำงานสายเลย ควยควยควย
กูใกล้จะได้ลาออกจริงจังละ แม่งจะย้ายกูเข้าไปอยู่ออฟฟิซในเมืองที่เงินเดือนเท่าเดิม แต่ยัดงานกูเยอะกว่าเดิม แถมอยู่ท่ามกลางพวกหน้าห้องบอสที่กูรับนิสัยไม่ได้
HR นี่โทรไปตรวจประวัติกับบริษัทเก่ามั้ยวะ กูสมัครงานไปที่นึงแล้วเสียวๆว่า HR จะโทรมาถามว่ะ กูยังไม่ได้ลาออกจากที่นี่เลย
"Don't pick a job. Pick a Boss. Your first boss is the biggest factor in your career success. A boss who doesn't trust you won't give you opportunities to grow." - William Raduchel
ประโยคนี้จริงหรือเปล่าพวกนาย
อยากกลับเป็นนีทสักครึ่งปี แล้วหางานใหม่
พวกมึงทำงานอะไรเสริมบ้างมั้ย นอกจากงานประจำ คือนายหน้าเพิ่งมีปัญหากับคนจ้าง พวกกูคนรับงานเลยอดกันหมด
หางานเสริมใหม่ก็ยากกกกกกกกกกกกอีก
ซื้อใบรับรอง แพทย์ลาป่วย
ขอแค่ 1 วัน เท่านั้น ไปซื้อที่ไหนดีว้ะ
กุป่วยแค่ตอนนี้กุหายแล้ว ไม่ได้ไปหาหมอที่ทำงานแม่งให้ไปเอา
ใบรับรองแพทย์มา มีที่ไหนขายมั่งว้ะ
ช่วยหน่อย TT
คลินิกบ้านๆแถวสะพานควาย
ลาป่วยวันเดียวต้องใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยเหรอวะบริษัทมึง ปกติตามกฎหมายแรงงานมันต้องลาติดต่อกัน 3 วันขึ้นไปนี่
หรือมึงลาป่วยทีละวันบ่อยๆ จนโดนเพ่งเล็งวะ
กุว่าเด็กมัธยมหัวเกรียนไม่อยากไปรร.มากกว่านะ
ทำมาเนียน
กากโม่ง
>>832 มึงป่วยจริงป่วยการเมืองเนี่ย ปกติลาป่วยปีนึงกฎหมายให้ 20 รึ 30 วันจำไม่ได้ มึงยังเกินอีกเหรอ
คนอายุ 20-40 ถ้าสุขภาพปกติ ลาปีละ 10 วันก็เยอะแล้ว เกินกว่านี้ถ้าไม่ใช่ป่วยการเมืองกุว่ามึงไปตรวจร่างกายเหอะว่ะ
แต่ถ้ามึงป่วยการเมืองแล้วซื้อใบแพทย์ไปหลอกนี่โดนตรวจสอบมายิ่งแย่ ปกติบริษัทเขาไม่รับใบรับรองคลินิคกันด้วยต้องโรงบาล
อดีตเพื่อนที่ออฟฟิศเก่าแม่งหยุดป่วยรัวสัสๆ มุขยอดฮิตคืออาหารเป็นพิษเดือนนึงต้องลาอย่างน้อยสักครั้ง และมักเป็นตอนวันศุกร์ซะด้วยสิ
มีครั้งนึงแม่งบอกตาได้รับสารพิษ หยุดหายไป3วัน ทุกคนคิดว่าแม่งตายจริงแน่ๆ มาวันจันทร์หน้าตาสดใสไม่มีแม้แต่ผ้าปิดตา
โดนเรียกไปซักแม่งบอก อ๋อโดนขวดน้ำยาทั้งขวดตกใส่ตาตอนนอน เย็ดเขร้
นานๆไป HR แม่งไม่รับใบรับรองแพทย์ล่ะ แม่งมาจากหมอประจำตระกูลมันทุกครั้ง หยุดเมื่อใหร่หักเงินทันทีแม่งเลยวีนแตกโวยวายใส่หัวหน้า
หัวหน้าเลยให้โซลูชั่นง่ายๆ มึงจะตั้งใจทำงานหรือ
มีหมอประจำคระกูลนี่ไม่น่าจะคนธรรมดา
โดนเลี้ยงมาแบบ spoil ป่ะเนี่ย
>>821 >>842 กูว่าเรื่องเจ้านายก็มีส่วนจริงนะ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยิ่งองค์กรใหญ่แม่งค่อยๆแบ่งกันลงมาหลายชั้นคำว่าเจ้านายก็ยิ่งมีหลายระดับ แถมบางครั้งเสือกมีได้มากกว่าหนึ่ง ปัจจัยมันก็ยิ่งมีหลากหลาย
ชีวิตกูปัจจุบันเจ้านายดีมาก เหนือกว่านั้นขึ้นไป(เหมือนมี 2 คนกลายๆ)ก็ดีทั้งคู่ ขึ้นไปอีกคือหัวหน้าแผนกไม่ค่อยดี เหนือไปกว่านั้นแม่งห่างไกลเกินกูไม่ค่อยรู้อะไรมาก นอกนั้นเหี้ยแทบทุกอย่างทั้งตัวงาน ลูกค้า ระบบบริษัท ฯลฯ
คือคนเป็นเจ้านายก็มีขอบเขตอำนาจของเค้าว่ะ ถึงเค้าจะดีจะเก่งถ้าไม่มีอำนาจมากพอจะเปลี่ยนอะไรใหญ่ๆได้ก็ได้แค่ช่วยไปตามที่พอจะช่วยได้เท่านั้นแหละ บางเรื่องที่เป็นปัญหาถ้าอยู่นอกอำนาจเค้าถึงอยากช่วยแค่ไหนเค้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เอวัง...
ส่วนตอนนี้กูกำลังแอบงานใหม่ไปเรื่อยๆอยู่เนี่ย กระซิกๆ
>>843 >>844 เจอคล้ายๆกันว่ะ หัวหน้ากูดีมากเลยนะ แต่อย่างอื่นเหี้ยหมดเลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
รู้สึกเสียดายเวลากับรู้สึกว่าตัวเองโง่ด้วยที่อยู่เพราะหวังลมๆแล้งๆว่าอะไรๆจะดีขึ้นจริงๆว่ะ
กูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเค้าถึงอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ชอบอะไรมากมาย แต่จากที่เคยคุยกันเข้าใจว่าแรกๆมันไม่แย่ขนาดนี้แล้วเค้าอยู่มาเรื่อยๆจนอายุเริ่มเยอะเลยขยับตัวลำบาก
ก็เสียดายอยู่นะ แต่ซักกลางปีคงต้องบ๊ายบายแล้วแหละ
ตอนนี้กูเป็นหัวหน้าว่ะ แต่ลูกน้องเหี้ยมาก พี่ที่เป็นหัวหน้าอีกคนก็ให้ท้ายเด็กอยู่นั้นแหล่ะ กูเบื่อ
>>846 >>843 กูอยู่บริษัทที่มีนายของนายของนายอยู่เหมือนกัน ความเหี้ยของกูตรงข้ามกับมึงเลยคือ นายเหนือกูเป็นพวกใครด่าลูกน้อง ตัวเองจะหลบไม่ปกป้อง ไอ้นายเหนือกว่านั้นทำตัวเหมือนเมนส์มาตลอดเวลา อยากด่าก็ด่า ขี้ลำเอียง มีนายเหนือคนนั้นอีกทีที่โอเค แต่เวลานายคนที่ดีสั่งอะไรมา มันโดนบิดโดยไอ้สองคนข้างล่าง จนแม่งก็เละเทะเหมือนเดิม
กูเข้าใจเรื่องนายก็มีอำนาจของนายนะ แต่เขาก็ต้องรู้วิธีสื่อสารกับลูกน้องให้ลูกน้องทำงานกันต่อได้ พวกนายที่เข้าข้างลูกน้อง แล้วนินทานายเหนือกว่านั้นให้ลูกน้องฟัง มันก็ไม่ใช่นายที่ดีว่ะ ถึงลูกน้องจะรู้สึกว่านายคนนี้ดีจังมีอะไรบอก มีอะไรเล่า
http://imgur.com/5wrFEBC
สวัสดีวันวาเลนไทน์ครับ
กูสงใสว่ะ ว่าบ.ที่กูทำงานอยู่เนี่ยคือกูทำงานไปจะครบปีแล้วกูอยากออกไปเปลี่ยนลักษณะงานที่กูทำมั่ง กูเลยจะไปขอเอางานที่กูเคยทำให้บ.เอาไปทำพอร์ท แต่ที่บ.ไม่ให้(งานมันออกฉายแล้ว) อย่างงี้ถือว่าเป็นปรติไหมวะ
ปกติ เพราะถือว่าเป็นงานของบริษัท ไม่ใช่งานของมึง ถ้างานมึงสายโปรดักชั่นส่วนใหญ่เห็นทำเป็นพอร์มส่วนตัวกันมากกว่า
กูเหนื่อย เหนื่อยจากที่ทำงานแล้วยังต้องเหนื่อยกับที่บ้านอีก ระบายหน่อยละกันว่ากูเป็นเด็กจบใหม่ เงินเดือนหมื่นห้า ทีนี้พ่อแม่กูจะมาขอไปแล้วหมื่นนึง กูเลยถามทำไมไม่ให้กูมีเงินเก็บบ้าง เขาก็บอกเขาอยู่อีกไม่นานหรอก กูจะเก็บเงินเมื่อไหร่ก็เก็บได้ ให้เขาก่อนค่อยเก็บเงินทีหลัง กูจะทำยังไงดีวะ เดือนนี้เหลือเงินใช้สามพันต้องประหยัดสุดๆ เผลอๆกินข้าวได้วันละมื้อเองมั้ง
งั้นมึงบอก กูให้มึงได้แค่เนี่ย 7-8 พันว่าไป ไม่งั้นชีวิตกูจะสั้นกว่ามึงแทน
เอาไปหมื่นเลยนี่เยอะไปว่ะถ้าเทียบกับเงินเดือนที่มึงได้
เดือนนึง5000นี่อยู่ได้เหรอวะ? แม่บ้านบ้านกูยังชีวิตดีกว่ามึงเลยเนี่ยนะ...
โห ลูกนะเว้ย ไม่ใช่บำนาญ - -
อยู่ไม่นานแล้วจะเอาอะไรไปเยอะแยะวะ
เยอะไป ส่วนตัวเพิ่งจะให้ที่บ้านเดือนละหมื่นตอนเงินเดือนสี่หมื่นกว่า
เงินเดือนกูหมื่นแปด กูยังให้ที่บ้านห้าพันเอง หมื่นห้าให้หมื่นนึงนี่เหี้ยไปหวะ ทางนู้นกะไม่ทำงานเลยหรือไงวะ
เล่นหุ้นกำไรเดือนละ 100k ผมให้ที่บ้าน 50k
40k บริหารพอร์ต 10k ผมก็อยู่ได้สบายๆ
นี่แหละผลบุญของจริง สาธุ
กู >>853 เองนะ เขามีกิจการเล็กๆที่ค่อนข้างขาดทุนว่ะ กู้คนนั้นยืมคนนี้ สมัยกิจการเขารุ่ง กูเคยได้เงินเก็บราวๆสามแสน แต่เขามาถอนออกจากบัญชีกูไปหลายปีแล้ว แล้วก็ไปกู้เงินจากญาติ ธนาคาร นอกระบบบ้าง อันนี้ยายกูเคยให้ที่ดินมาใช้หนี้นอกระบบไปสามปีกว่าๆ กูก็ไม่รู้ว่าเขาเอาเงินไปทำอะไรหมดนะ แต่กูเกลียดความกตัญญูที่ต้องตอบแทนตลอดว่ะ เคยจับเข่าคุยกันไปแล้วไม่ได้ผลเพราะเขาถือว่ายังไงก็ต้องตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงมา กูกู้กยศ.แล้วก็ใช้เบี้ยเลี้ยง 2000 นั่นล่ะกินอยู่ ไปทำงานพิเศษร้านอาหาร แต่ตอนนั้นยังดีที่กินข้าวบ้าน ข้าวที่ทำงานได้ แล้วเวลาพิมพ์รายงานก็ไปพิมพ์ฟรีปรินท์ฟรีที่ห้องคอมมหาลัยตลอด ขอโควต้าปรินท์งานจากเพื่อนที่ไม่ค่อยไปใช้บริการ ทำแบบนี้มาสี่ปีคนจบมาได้
ถ้ามันขาดทุนละยังยื้อทำอยู่กูว่าไม่ไหวละ กูก็คล้ายๆมึงนะ แต่กูโชคดีกว่า กูสวนเปิงจนเค้ายอมปรับ คล้ายๆมึงนี่ล่ะ พ่อแม่ทำร้านอาหารเลี้ยงกูโตมา แต่ช่วงปลายชีวิตมหาลัยเริ่มขาดทุน เป็นหนี้นอกระบบ แล้วต้องเอาที่ดินเก่ามาขายปลดหนี้
ช่วงก่อนกูจบ โชคดีกูได้งานไว เลยเรียนไปพร้อมทำงานเลยตอนปีสุดท้าย หลังเสียที่ เสียบ้านเค้าก็อีโก้ลดลง แม่กูนี่ยอมไปทำงานในห้างเลย ตอนนี้อาศัยรายได้จากงานห้าง พ่อกูขับรถนร.+ร้านอาหารที่เล็กลง + 5000 ของกู ประคองกันไปจนอีก 3 ปีน้องกูเรียนจบ ค่อยกู้ซื้อบ้านคืน
อ่านแล้วคิดว่าตัวเองโชคดีจัง
ทำให้คิดได้ว่า ไอ้ที่ออกข่าวบ่อยๆว่าทิ้งพ่อทิ้งแม่เนี่ย เพราะพ่อแม่เรียกร้องกันเกินไป ลูกเลยหักดิบทิ้งไปเลยรึเปล่า
ลุงคนดีเตรียมเก็บภาษีบ้านเพิ่มแล้วนะครับ คืนความสุขกันให้อิ่มหนำไปเรย
ดีจังนะขายทีดินได้ ของกูที่ดินฟองสบู่ ขายยังไงก็ไม่มีใครเอา
ผู้จัดการออฟฟิซกูโดนออกไปคนนึงละ ลดรายจ่าย
ไอ้ตำแหน่ง General Manager นี่มันใหญ่ขนาดไหนวะ
ก็รองจากเจ้าของ
นั่นมัน CEO
ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง...
General Manager ก็ GM ไงสัส แม่งแบนไอดีแรคกู
พวกมึงสนิทกับเพื่อนที่ทำงานมากน้อยแค่ไหนวะ
กูแม่งไม่ค่อยจะอยากสนิทเลย แค่คุยกันเรื่องงานก็พอ แม่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้เสือกชีวิตกูจัว แล้วพอถึงเวลาแม่งก็สะบัดตูดอยู่ดี บางคนโตแค่ตัวสมองไม่โตเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานอีก น่ารำคาญชิบหาย
>>876 เพื่อนที่ทำงาน (รุ่นพี่ที่เข้ามาพร้อมๆกันกับกุ) เหมือนอย่างที่มึงพูดว่ะ โตแต่ตัวสมองไม่โต คิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี ดีแต่ด่านินทาคนอื่น ทั้งที่ตัวเองแมร่งนิสัยก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไร ถ้าไม่มีพวกกุเป็นเพื่อนมันนะก็ไม่มีคนอื่นๆมาเข้าหามันหรอก แต่หน้าฉากกุต้องแสร้งทำตัวดี เข้ากับใครก็ได้
เฮ้อพูดถึงแล้วกุก็รู้สึกขยะแขยงชิบหาย
กูไม่ยอมสนิทกับใครทั้งนั้น เดี๋ยวแม่งเอาไปนินทา กูเกลียดมากกับอีพวกนี้
กูไปกินข้าวเที่ยงกับคนในออฟฟิศที่โรงอาหารนี่ล่ะ แล้วกูบ่นๆนิดหน่อยว่าพี่...เขาไปรับลูกตั้งบ่ายสอง แต่เสือกโยนงานของแกมาให้กู โต๊ะก็เฮฮากันไปว่าจริงด้วยว่ะ แต่วันรุ่งขึ้นเจ๊แกมาเลยจ้าาา ไม่พอใจตรงไหนก็มาบอกพี่สิ เอาพี่ไปพูดทำไม อคติอะไรกับพี่เหรอ กูเพิ่งมาใหม่นะอีดอก ถ้าจะอคติก็เพราะมึงมาพูดกับกูวันนี้นั่นล่ะ สุดท้ายกูก็ไม่ได้ทำที่นั่นเพราะไม่ผ่านโปร กูไม่รู้ว่าใครเอาไปพูดว่ะ แต่จากนั้นมากูไม่ไว้ใจใครในที่ทำงานเลย
กูไม่เคยไปสาย งานสั่งให้ส่งก็ส่งตรงเวลา เขียนอ่านพูดภาษาอังกฤษได้พอใช้ แต่เนื้องานมันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษและตำแหน่งนี้ไม่มีหน้าที่ติดต่อกับฝรั่งคนไหนทั้งสิ้น กูมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรเหี้ยๆใส่คนอื่นด้วย เพราะถ้าคนรู้จักแต่ไม่สนิทกูจะวางระยะห่างพอประมาณ ไม่ให้ดูไม่เป็นมิตรมากเกินไป แต่ก็ไม่ให้เข้าใกล้มากเกินด้วย แต่ก็ไม่ผ่านโปรเพราะมนุษยสัมพันธ์น้อยเกินไป.....เคยโดนเหตุผลนี้กันรึเปล่าวะ
ปล.เจ๊แกเป็นรุ่นพี่กู ทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ได้มีตำแหน่งสูงๆอะไรหรอก แต่สนิทกับหัวหน้า Hr และผู้จัดการหลายคน
>>887 แต่ก็ไม่ผ่านโปรเพราะมนุษยสัมพันธ์น้อยเกินไป ก็เป็นไปได้นะ เดือนแรกที่กูทำงานที่ปัจจุบัน หัวหน้ากูเตือนเรื่องนี้บ่อยๆ เดือนแรกถึงกับบอกว่ากูอาจจะไม่ผ่านด้วยซ้ำ เพราะรูปแบบชีวิตกูคือมาทำงานเช้า พอถึงเวลากลับกูกลับเลยไม่ทักทายไม่ไหว้ไม่ลาอะไรทั้งสิ้น ได้เวลาเก็บของสแกนนิ้ว จนหัวหน้ากูเตือนว่าจะทำงานมันต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ด้วย สุดท้ายกูอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วว่ะ แต่ก็แค่ทักทายตามมารยาทเฉยๆ เจอหน้าตอนเช้ายกมือไหว้ พอจะกลับก็มาลา แค่นั้น
กูทำ startup ทั้ง บ.มี 10 คนเลยสนิทกันหมดหวะ ไม่มีนินทากัน ทุกคนทุ่มกับงานดี รู้สึกโชคดีไปเลย
นอนกลางวันในออฟฟิซทุกวันเลยช่วงนี้ ว่างชิบหาย
>>888 มึงก็โหดไปนะ
คือกูว่า การทักทาย หรือคุยอะไรเล็กๆน้อยๆแบบ กินข้าวยัง แบบนี้มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยกันบ้างเว้ย
เวลาทำงานมันก็จะไม่ค่อยรู้สึกแปลกแยก หรืออะไร ก็อารมณ์ละลายพฤติกรรมนิดๆแหละ
ทำงานกันง่ายขึ้น
ก็หาเรื่องคุยกลางๆไป ไม่ได้ต้องเอาเรื่องส่วนตัวมาคุยน่ะนะ
>>892 กุว่าแล้วแต่สังคมแต่ละออฟฟิสว่ะ กุเป็นมาแล้วทั้งคนที่เป็นมิตรกับทุกคนคุยกับทุกคนได้ในออฟฟิสนึง พอย้ายงานทีกลายเป็นเจอสังคมใหม่ ความสนใจไม่ตรงกัน เข้ากับใครห่าอะไรไม่ได้เลย บางคนแม่งต้องการความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ต้องไปเที่ยวกันเสาร์อาทิตย์ ต้องเข้าส้วมพร้อมกันกินข้าวพร้อมกัน แค่ทักทายเบาๆมันไม่ได้ มันต้องสนิทสนมกลมเกลียว แล้วกุชอบดูหนัง แม่งไม่มีใครดูเลย ดูแต่ละคร สนแต่ชีวิตส่วนตัวดาราไทย กุฟังแล้วกุก็เซ็ง แต่ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนั้นกุก็โดนนินทาอีกว่าเข้ากับใครเขาไม่ได้
เจอแบบนั้นไปกุยอมให้แม่งนินทาว่ากุแปลกแยกว่ะ ตอนนี้เปลี่ยนงานละ ตอนกุจะออกหัวหน้าเสียใจมาก เขาบอกเหมือนเพิ่งเคยเจอคนคุยด้วยได้ เข้าใจเขาเวลาทำงาน สงสารเขาเหมือนกัน แต่กุอยู่ในทีมต่อไม่ไหว
ขออนุญาตล็อคแล้วไปต่อใน >>>/lifestyle/1530/ นะครับ
Topic has been locked by moderator.
No more posts could be made at this time.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.