Last posted
Total of 894 posts
สิ้นเดือนนี้กูต้องไปงานกินเลี้ยงของบริษัทว่ะ ต้องเตรียมการแสดงด้วย ห่าราก กูอยากไปแดกอย่างเดียว ปีที่แล้วก็มีข่าวว่าจะให้แสดงแต่HRยกเลิกก่อน มาปีนี้ไม่รอด พี่ๆในแผนกกูก็รับลูกHRอีก เวรแท้ๆสำหรับคนอยากอยู่เงียบๆอย่างกู ต้องโดนจับไปฝึกรำสี่ภาค รุ่นพี่ในแผนกกูกำลังวางแผนว่าแต่ละคนให้รำอะไรบ้างแล้วไปฝึกที่บ้าน แล้วซ้อมใหญ่สองวัน เสียเวลากูชิบหาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำให้มันผ่านๆไปแล้วมาบ่นในบอร์ดโม่งแทน เฮ้อเอาวะ ต้องมาทำอะไรบ้าๆบอๆแบบนี้ อย่างน้อยก็ดีกว่าตกงาน
กูสงสัยว่าถ้ากุจบด้านออกแบบมาแล้วไปสมัครงานที่บริษัทโดยที่พอร์ทกุไม่ค่อยมีเรื่องกิจกรรมนี่เค้าจะรับกูไหม... แล้วถ้ากูมีพอร์ทกิจกรรมน้อยหรือไม่มีเลย กูควรจะมีอะไรมาทดแทนในส่วนนี้ บอกกูที ขอบคุณมาก
แม่งเอ้ย บ่นผิดมู้ เอาใหม่ๆ
กุบ่นมั่ง กุมาทำงานที่ใหม่ได้เกือยปีละ เพื่อนร่วมงานที่เข้ามาพร้อมกุหลายคน ก็มีแต่รุ่นพี่ทั้งนั้น แต่หลายๆคนพอรู้จักกันนานเข้า แมร่ง Hater gonna hate ว่ะ รำคาญชิบหาย กลุ่มกุนี่แตกกันหลายคนเลย เพียงแค่เรื่องขี้หมูขี้หมา มันน่าตบกบาลจริงๆ ทำเหมือนตัวเองเป็นศุนย์กลางจักรวาล จับกลุ่มนินทาคนนู้นคนนี้ใจคอนี่มึงจะเกลียดทุกคนเลยใช่มั้ย ทำอย่างกับตัวมึงใครๆก็ชอบ ไอ้เหี้ยยยย ถ้าไม่มีพวกกุอยู่ก็ไม่มีใครเข้าหามึงหรอกทำตัวไม่เป็นมิตรแบบนี้ ส้นตีนนนนนนนนนนนน
ขอบคุณที่เสียเวลาอ่าน
>>755 น่าจะแล้วแต่บริษัท หัวหน้า คนสัมภาษณ์ วัฒนธรรมองค์กร หรือปัจจัยอื่นๆด้วย
ตอนกูสัมภาษณ์กูไม่เอาไปโชว์พอร์ทกิจกรรมไปโชว์เลยเพราะกูรู้สึกว่ามันไม่มีกิจกรรมที่เกี่ยวกับสายงานที่ทำ ไม่อยากเอาเรื่องไม่เกี่ยวกับงานไปถมให้มันรก มันจะทำให้เค้ามองว่าใส่ข้อมูลไปเรื่อยเปื่อยให้มันดูเยอะๆทั้งที่มันไม่เกี่ยว (อันนี้มุมมองส่วนตัว HR หรือหัวหน้าบางคนเค้าอาจจะไม่มองแบบนี้ก็ได้ กูไม่รู้นะ)
ปล. ตอนเข้ามาทำจริงในแผนกดันเป็นพวกบ้ากิจกรรมซะส่วนใหญ่ แต่เป็นแนวเสนอหน้านะ พอมีงานเบื่องหลังเสือกเกี่ยงกันโยนให้คนอื่นทำแทนแล้วตัวเองก็หนีไปเล่นจะเอาสนุกอย่างเดียว เหี้ยจริงๆ...
กูอยากหาความมั่นใจในตัวเองหวะ กูเลยมาขอถาม
คืองี้นะ กูเกรดเน่ามาก (แต่ไม่เคย pro ไม่เคย warn สถานภาพ normal เสมอต้นเสมอปลาย แต่ก็หมื่นเหม่ตลอดเหมือนกัน)
เกรดกูมี F 4-5 ตัวแน่ะ แต่กูก็มี B+,A ในวิชาโหดๆที่กูถนัดจริงๆเหมือนกัน ตลอดมากูก็พอมีความมั่นใจแหละ ประมาณว่าถึงกูจะมี F
แต่วิชาที่กู A กูก็มั่นใจจริงๆว่ามันเป็นอะไรที่กูจะเอามาเป็นจุดขายตัวเองได้ แถมที่ F คือวิชานอก หรือวิชาในพื้นฐาน ส่วน A คือวิชาเลือกในภาคที่ยากๆ ปีท้ายๆ
กูเคยมั่นใจมาตลอด ตอนปิดเทอมยาวที่ผ่านมา กูฝึกงานบ.นึง เป็นบ.เล็กๆ เล็กมาก ทั้งบ.มีไม่ถึง 20 คน แต่ให้เงินดีมาก ระดับที่มากกว่าเงินเดือนขั้นต่ำป.ตรีด้วยซ้ำ ถ้าคิดแบบต่อวัน
นั่นแค่ตอนฝึกงานนะ ลักษณะบ.กู เป็น partner กับบ.ต่างชาติอีกที ทำโปรเจ็กต์ให้บ.ใหญ่ๆ ทั้งแบงค์ ทั้งเทเลคอม
บ.กูชอบกูมาก และเต็มใจจะให้กูทำงานด้วยหลังกูจบแล้วด้วยซ้ำ ทีนี้พอปี 4 ครอบครัวกูมีปัญหาเรื่องการเงินอย่างร้ายแรง กูเกือบต้องดรอปเรียนด้วยซ้ำ
บ.กูก็ขนาดเสนอให้ยืมเงินค่าเทอมด้วยการออกเงินเดือนล่วงหน้าให้ (ซึ่งสุดท้ายกูก็ไม่เอาน่ะนะ) แต่กูก็ทำงานที่นั่นต่อไปเรื่อยๆไม่หยุด ตอนนี้จะครบปีแล้ว (หลังเปิดเทอม กูจัดตารางให้เรียนน้อยวันที่สุด แล้วเอาวันไปทำงาน)
แต่ทีนี้ ปัญหาเกิดในปี 4 เทอม 1 หวะ มันมีวิชานึงที่กูติดมาตั้งแต่ปี 3 ละกูมาเรียนใหม่ในปี 4
กูเรียนใหม่ ด้วยความที่บริหารอะไรไม่ดีพอของกูเอง ทั้งชีวิตเรียน ทำงาน และโปรจบ สุดท้ายกูดูท่าจะไม่ผ่านวิชานี้หวะ
ซึ่ง ถ้ากูไม่ผ่าน หมายความว่ากูต้องไปรอเรียนตอนเทอม 1 ของปี 5 เลย
กูคุยกับบ.และครอบครัวแล้ว ครอบครัวกูโอเค ไม่โกรธไม่ว่าอะไรกู ถ้าตอนปี 5 กูจะทำงาน 4 วันแล้วเรียนวันเดียวเก็บตัวที่ขาด
บ.กูก็โอเคที่จะจ้างกูต่อไปเรื่อยๆ (กูซาบซึ้งกับบ.กูมาก)
แต่ที่กูห่วงคืออนาคตกูหลังจากนี้น่ะ
คือ Product ที่บ.กูขายไม่ใช่สิ่งที่กูอยากทำอะ ทั้งๆที่กูมีความสุขมากนะจากการที่บ.ดีกับกูมากๆ บ.ก็ดูมีอนาคต ปีนี้ก็มีโปรเจ็กต์ผุดเป็นดอกเห็ดจนกูเริ่มคิดว่ากูต้องตายแน่ๆกับการเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
แต่กูมองว่าวันนึงยังไงกูก็คงออก เพราะ Product มันไม่ใช่สำหรับกู กูมีด้านที่กูสนใจอยู่
แต่การที่เรียนจบ 4 ปีครึ่งมันทำให้กูเสียความมั่นใจหวะ ประวัติการทำงานกูจากบ.นี้มันจะช่วยให้กูมีภาษีดีกว่าเด็กจบใหม่คนอื่นมั้ย กูไม่มั่นใจ
กูรู้สึกว่าตัวเอง above average ของคนในด้านนี้นะถ้าเทียบกับรุ่นเดียวกัน แต่กูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่พวก Top เหมือนกัน
พอเป็นแบบนี้กูก็เสียความมั่นใจหวะ กลัวว่าตัวเองจะเติบโตได้ไม่มากพอที่จะยกระดับชีวิตครอบครัวตัวเองได้
แล้วดันมามีตำหนิจากการต้องจบ 4 ปีครึ่งอีก มีใครพอจะแนะนำอะไรกูได้มั้ย
>>759 ขอบคุณ กูก็คิดว่าอาจจะอยู่ต่อเหมือนกัน คือกูรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณตั้งแต่เค้าจ้างเด็กปี 4 อย่างกูด้วยเงินที่กูรู้สึกว่าสูงมากน่ะ
พูดตรงๆเลย วิกฤตครอบครัวกูรอดมาได้ส่วนนึงเพราะรายได้ที่กูทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยนี่ล่ะ ตอนนี้มีตำหนิที่อาจจะเรียน 4 ปีครึ่งแล้วด้วยอีก อยู่ที่นี่ไปอีก 2-3 ปีถือว่าตอบแทนบุญคุณก็ไม่เลว
คือบ.ให้ใจกูมากจริงๆ ตอนที่กูเปรยๆว่ากูจะยังไม่จบเนี่ย กูบอกเค้าไปว่ากูมีวิชาสนใจที่จะเรียนเพิ่ม คงจะยังไม่จบ เค้าก็เสนอด้วยซ้ำนะ ว่าข้างนอกมี course มั้ย เค้ายินดีส่ง ไปเรียนข้างนอกเอาดีกว่า จะได้รับปริญญาพร้อมเพื่อน
สำหรับเด็กอ่อนประสบการณ์อย่างกู เค้าซื้อใจกูได้เยอะมากจริงๆ
ปรึกษางานล่ามหน่อยโม่ง กูทำล่ามโรงงานแต่แผนกที่กูอยู่นี่ส่วนใหญ่พูดญี่ปุ่นได้หมด
นายก็พูดไทยกับอังกฤษได้ วันๆกรูเลยไม่มีไรทำเป็นชิ้นเป็นอันเลย
กูเลยรู้สึกว่าเค้าจะจ้างกรูมาหาหอกไรวะ แถมเงินเดือนกูพึ่งรู้ว่ากูโดนกดซะต่ำสุดๆเลยอีกค่าภาษามีแต่เค้าก็ไม่ให้กูทั้งๆที่ใบวัดระดับก็มี
กูอยากออกใจจะขาดละ แต่เพื่อนกูบอกโรงงานใหญ่ขนาดนี้ทนๆไปซักพักจะได้มีประวัติเอาไว้แต่งเรซูเม่จะดีกว่า
กูจะทำไงดีเนี่ย เฮ้ออ
รับคนเข้าทำงานใหม่ พอตอนปีใหม่แม่งกลับบ้าน เปิดปีใหม่มา แม่งหายสาปสูญ ติดต่อไม่ได้
โทรศัพท์ไปไม่รับ ส่งเมล์ไปถามไร้การตอบกลับ
อีดอก แม่งจะยังทำงานต่อป่าววะ
>>761 มึงต้องหา Skill เกี่ยวกับธุรกิจใส่ตัวเพิ่มเติม อย่าง Model ทางธุรกิจ , การเจรจาต่อรอง
คือถ้ามึงเป็นได้แค่วุ้นแปลภาษา มึงก็ก้าวหน้าได้ยาก ยิ่งนับวันพวก App หรือ Translate ยิ่งจะเข้ามาแทนที่
แต่ถ้ามึงมี Add on เวลามึงแปล เช่น ให้มึงล่ามด้านธุรกิจ มึงก็เสนอไอเดียต่างๆเพิ่มมึงก็ก้าวหน้าได้
มึงไปดูบ.ใหญ่ๆอย่างปตท แม่งมีแผนกพวกนี้แล้วยิ่งใหญ่อลังการมากเงินเดือนเป็นแสนๆ งานพวกแม่งคือไปเจรจา ไปทำไงก็ได้ให้พวกรัฐบาล หรือบริษัทต่างๆยอมตกลงตามข้อเสนอ แล้วได้เริ่มโปรเจคกัน
โปรเจคนึงแม่ง หมื่นล้าน แสนล้าน แม่งเลยอัดเิงนเดือนได้เต็มที่ แถมยังให้งบเอนเตอร์เทนให้มึงพาพวกที่ว่าไปเที่ยวอีก พูดภาษาชาวบ้านคือมึงทำไงก็ได้ให้ไปปิดสัญญามาให้ได้ กูยินดีจ่ายไม่อั้น
>>760 เกรดจบก็แค่ตอนนี้แหละ ถ้ามึงทำงานไปสัก 3 ปี มีประสบการณ์หน่อยเขาก็เลิกดูเกรดมึงแล้ว ด่างแค่นั้นขี้หมามาก
ส่วนเรื่องบ.ที่มึงทำ ก็คงแล้วแต่มึง เขาช่วยมึง มึงก็ช่วยเขา แต่ชีวิตมึง มึงก็ต้องเลือกเอง กูว่ามึงดีมากด้วยซ้ำที่อย่างน้อย
ก็รู้ว่ามีเรื่องที่อยากทำชัดเจน
งั้นกรูควรออกไปอยู่ที่อื่นที่มันมีไรทำมากกว่านี้สินะ ไม่ก็ไปเรียนห่าไรซักอย่างเพื่อเพิ่มสกิลตัวเอง
กรูก็ไม่คิดไงว่าเข้ามาแล้วกรูจะไม่ได้โดนใช้ห่าไรเลยให้เป็นปลาตายลอยน้ำไปวันๆแบบนี้
โรงงานใหญ่ไหนวะกดค่าจ้างล่าม ส่วนมากเคยเจอแต่จ้างแพงแต่ไม่มีห่าอะไรทำว่ะ ซึ่งเป็นเรื่องปกติมาก ล่ามญี่ปุ่นนะไม่ใช่แรงงานในไลน์ เค้าไม่ได้คาดหวังจำนวนชิ้นงานที่มึงทำได้ต่อวัน เค้าคาดหวังว่ามึงต้องแปลได้ถูกต้อง ทำให้การคุยกันเป็นไปอย่างราบลื่นเมื่อมีงานก็เท่านั้นแหละ มึงไม่ต้องไปซีเรียสว่างานน้อยงานมาก เพียงแต่ถ้ายังไม่เก่งแล้วไปเจอที่งานน้อยโอกาสพัฒนาตัวเองมันจะน้อย เพราะงั้นถ้าอยากเก่งแล้วขี้เกียจขนขวายด้วยตัวเองก็ควรจะไปหาที่ที่มันขยันยัดงานให้ทำ ทั้งงานล่ามงานแปลเอกสาร เอาตายกันไปข้าง แต่ถ้ามึงขนขวายเองเป็น เวลาว่างมึงก็ศึกษาเนื้องานศึกษาศัพท์ไป อันนี้อาจแล้วแต่ที่ด้วย อย่างโรงงานกูไม่ค่อยหวง ไปขออนุญาตเจ้านายแล้วเอาเอกสารมาอ่านได้ เอกสารภาษาไทยก็ได้ อ่านแล้วลองคิดดูว่าคำนี้เรารู้ภาษาญี่ปุ่นรึยัง ถ้ายังไม่รู้ก็จดไว้แล้วเอาไปค้นหา เผื่อวันหน้าเจอจะได้แปลได้
ที่กูทำอยู่บางทีว่างก็ว่างสัสสสสสสสสส บางวันล่ามจนแม่งกูจะไอออกมาเป็นเลือดได้อยู่แล้ว (กูเคยประชุมตั้งแต่บ่ายโมงยันสองทุ่ม มีคนคุยกันสามฝ่ายไทยญี่ปุ่นฝรั่ง ล่ามมีคนเดียวคือกู แต่ก็เป็นประสบการณ์ที่มันส์ดีนะ) บางทีเรื่องเล็กน้อยเค้าคุยกันเองได้เค้าก็คุยกันเอง ไม่ได้ว่าข้ามหน้าข้ามตาหรืออะไรหรอก บางทีวิศวกรในไลน์เค้าก็อยากฝึกภาษามั่ง เราก็คอยไปยืนเสนอหน้าไว้ แสดงให้เห็นว่าเรากระตือรือร้นที่จะทำงาน เดี๋ยวมันคุยกันไม่รอดมันก็เรียกเราเองแหละ แต่ถ้าเราแปลกากแปลไม่ค่อยเอาอ่าวบางทีเค้าอาจจะขี้เกียจเรียกไปล่าม อันนี้ต้องพิจารณาตัวเองละ
ถ้าแรงงานในไลน์ได้ n2 ควรผันไปทำไรเพื่อนโม่ง (หมายถึงขวนขวายจนได้เอง)
เพื่อนโม่ง กูมีเรื่องอยากขอความเห็นว่ะ คือกูพึ่งย้ายงานได้เดือนนึง แล้วที่ทำงานใหม่กูทำงานหนักมาก กูไม่มีปัญหากับการทำงานหนัก แต่กูรู้สึกว่ากูอยากมีเวลาส่วนตัว ไว้อ่านพันทิพเล่นเนตบ้าง ไม่ได้ทุรนทุรายแต่เหมือนสิ่งนี้หายไปจากชีวิต กูอาการหนักรึเปล่า กูแค่อยากมีชีวิตส่วนตัวไม่ต้องทำอะไรซักชั่วโมงต่อวันบ้าง นี่เวลาซักสิบห้านาทียังไม่มีเลย
กูอายุไม่มากนักนะ บอกไว้ก่อน เพื่อนโม่งคิดอย่างไรบ้างกุอยากรู้
ทำงานวันละกี่ชั่วโมงล่ะ?
เข้าออกงานก็แปด แต่ทำจริงสิบบ้างสิบเอ็ดบ้าง
เช้าวันจันทร์อีกแล้วนะครับชาวเพื่อนโม่ง เสาร์อาทิตย์เวลาติดจรวดสัด
ที่ทำงานกูเพิ่งเริ่มมาตรการblock FB
ไอ้เหี้ย เคว้งเลย ต้องมาสิงอยู่ที่โม่ง
งานส่งพรุ่งนี้ ยังไม่เสร็จ แต่กูมานั่งดูบอร์ดโม่ง ฟัค
สัปดาห์หน้ากูfinal interviewละเพื่อนโม่ง ขอพลังให้กูด้วย
กุสงสัยมากว่าทำไมคนบางคนไม่กล้าสมัครงานกัน ไม่มั่นใจในเกรดหรืออะไรวะ
นอน Neet อยู่บ้านไปวันๆนี่กุเสียดายความสามารถอะ รวบรวมความมั่นใจแล้วออกมาสมัครงานหน่อยเหอะ
คนงานมีคุณภาพหายากนะ กุควานหาอยู่
ไม่มีไรบ่นเฉยๆ เซ็ง คนเก่งๆนอน Neet อยู่บ้าน คนมาสมัครทำงานไม่เป็น
กูก็นีททำพาร์ทไทม์อยู่ ไปสัมภาษณ์มาก็หลายที่ กูไม่ได้เก่งนะ แต่เสือกเลือกงานไง คือเวลามึงไปคุยกับทางบริษัทตอนสัมภาษณ์ สำหรับกูมันบอกได้เลยนะเว้ยว่าตัวกูจะไปกันได้วัฒนธรรมองค์กรแม่งมั้ย ที่กูปิ๊งจริงๆก็เสือกๆไม่เอากู ที่รับกู กูก็ไม่เอา จนตอนนี้กูเพลียจะสมัครเพิ่มละ
toeic 800 พูดได้ 3 ภาษา นอนเกาไข่อยู่บ้าน
พูดถึงเรื่องภาษา เมื่อวันหยุดกูไปแดกข้าวกับเพื่อนแถวอโศก เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเจ้าของเป็นคนญี่ปุ่นพูดไทยได้ เด็กเสิร์ฟในร้านเหมือนจะพูดญี่ปุ่นได้นิดหน่อยว่ะ กูเห็นหยิบไอโฟนมาเล่นด้วย ไอ้เหี้ยเห็นแล้วเกิดอาการอยากเปลี่ยนงานขึ้นมานิดๆ คืองานเดิมของกูมันก็ดีอ่ะ ดีในตอนนี้แต่อยู่นานไม่ได้เงินเดือนแม่งตัน บางทีกูก็เกิดความรู้สึกว่าอยากหางานที่ไม่ต้องใช้วามรับผิดชอบมาก ได้ใช้ทักษะภาษาที่เคยเรียนมาสมัย ม.ปลาย เงินเดือนพอเลี้ยงชีพในประเทศกรุงเทพได้อย่างไม่ลำบาก แค่นี้ล่ะ จบการบ่นเพียงเท่านี้
รำคาญหมาของญาติมากๆ วันๆเอาแต่เห่าชาวบ้านเค้า เจ้าของแม่งก็ไม่ดูแล มาบ้านกูก็ทำเลอะเทอะ บรรไดมีแต่น้ำลายแม่ง บางครั้งมีฉี่ ว่าเจ้าของแม่งก็ไม่มีอะไรดีขึ้น พวกมึงรู้จักพวกรับจ้างอุ้มหมาให้กูใช้บริการป่าววะ แบบเอาแม่งไปฆ่าทำลูกชิ้นแล้วกูจะลูกชิ้นไปหลอกให้เจ้าของแม่งแดก ไอสาด
กูไม่รู้ถามมู้ไหนดี ถามมู้นี้ละกัน คือกูกำลังจะโดนไล่ออกจากบ้านว่ะโม่ง กูโดนไล่ออกจากงานเดือนที่แล้วเพราะลงorderสินค้าพลาด พ่อกูเลยจะให้สืบสานงานที่บ้านต่อ(ร้านวัสดุก่อสร้าง)แต่กูอยากเล่นดนตรี พ่อกูเลยให้หางานเกี่ยวกับดนตรีให้ได้ในเดือนนึงไม่งั้นจะไม่ให้อยู่ที่บ้านต่อ แล้วอาทิตย์หน้าก็จะครบเดือนแล้ว กูไม่ได้มีความสามารถอะไรนะ กูควรทำไงดีวะ
แล้วมึงมีความสามารถอะไรด้านดนตรีมั่งวะนั่น
ไม่รู้จะไปถามที่ไหนดีว่ะ เอาที่นี่ละกัน...
ถ่านชาร์จ SONY cyber energy ขนาดAA typ.2000mAh เดี๋ยวนี้ยังมีขายอยู่ปะในกทม.
แล้วกูซื้อยี่ห้องอื่นจากเซเว่นมาชาร์จกับที่ชาร์จของโซนี่ได้ปะ
โม่งคิดว่าการแต่งงานเป็นครอบครัวนี่จำเป็นต้องมีลูกมั้ยวะ ถ้าไม่มีลูกจะถือว่าเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์หรือเปล่า
ไม่จำเป็น แต่มีกูก็เอา ดังนั้นไม่คิดมากและไม่คิดจะทำกิฟด้วย
มีลูกทำห่าไรเรื่องเยอะสัสๆอยู่แบบผัวเมียสบายใจกว่าเยอะ
มีลูก1คนแม่งยากจนไป20ปี
หลังจากเมียมึงคลอดเมียมึงอ้วนเป็นช้างน้ำแน่นอน
กูอยากรับเด็กบุญธรรมสวยๆหมวยๆเอ๊าะๆขาวๆเนียนๆนุ่มๆมาเลี้ยงดูให้โอกาสเรียนแต่ผัวไม่ยอม
เสียจึย
เออนี่มึง กูเรียนดิจิตัลอาร์ตเงี้ย สาขาเดียวกะชื่อคณะนั่นแหละ พวกนักวาดจบมาทำอะไรกันวะ เข้าบริษัทเป็นมนุษย์เงินเดือนปะ หรือว่าหลุดมาเป็นฟรีแลนซ์กันหมด ถ้าพวกผลงานไม่เด่นก็ปลิวอ่ะดิ
จริง เมืองไทยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับ ทรัพย์สินทางปัญญาเท่าไร แถมรสนิยมคนไทยแม่งล้าหลังสุด กูเป็นช่างทองทำเครื่องประดับ กูแม่งพยายามดันผลงานใหม่ แนวใหม่ลงไป สุดท้ายพวกมันก็ไม่เอา เอาแต่แบบเดิมๆ ล้อมมาตราฐานบ้าง งานโบราณบ้าง สุดท้ายทำให้กูรู้เลยว่ารสนิยมคนไทยเป้นพวกขี้อิจฉา รู้ป่ะ กูนี่ แม่งต้องก็อปแบบจากเครื่องเพชรราชวงศ์ต่างๆ มาหลายงานแล้วเนี่ย(สังวาลย์เพชนี่ ระย้าสุด พลอยเนี่ยเบ้งๆ ) กูแม่งกำลังลุ้นๆ อยู่ว่าจะมีใครสั่งกูทำมงกุฐ เทียร่าฟะ กูอยากทำ 5555 ไอ้พวกบอกเศรษฐกิจสร้างสรรค์น่ะไร้สาระ เมืองไทยมันไม่อยากเอา เมืองไทยชอบของเซเลป แต่ไม่อยากจ่ายเงินแพงๆ ก็เลยต้องให้ช่างทองแบบกู ก็อปให้ ถถถถถถ กูอยากออกแบบใหม่ ออกแบบให้ทันสมัย แต่สุดท้ายกูโดนเศรษฐกิจแบบไทยๆ กัดกร่อนจนไม่มี ความหวังอะไรแล้วมึง ทำใจฟะ กูบ่องตงๆ ถ้าทำงานด้านนี้ไม่มีวันรวยหรอก ไอ้พวกรวยๆ น่ะ มีเบื้องหลังหมดแหละ คือพวกมันรวยมาแล้ว มึงทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดหรอก
ถ้าของห่วยแค่ไหน ขอแค่เซเลปใส่เท่านั้นแหละ ดังข้ามคืนเลยเอ็ง 55555
วันศุกร์แบ้วนะ
ฟังกุบ่นหน่อย กุเครียดว่ะ เพิ่งรู้ข่าวเมื่อเช้าที่ทำงานกุผอ.แกมีแววโดนปลดว่ะ แล้วกุเป็นลูกจ้างประจำไง ถ้าผอ.โดนปลด กุอาจไม่ได้ต่อสัญญาด้วย ทำไงดีว่ะ ตอนนี้กุเรียนต่ออีกด้วย ถ้าออกกุจะเอาเงินไหนจ่ายค่าเทอม ค่ากินว่ะเนี้ย แม่งเครียดชิบหาย หรือกุต้องหางานใหม่รอเลยว่ะ บัดซบจริงๆ
ผอ.ลาดกระบัง?
กูโม่ง >>753 งานเลี้ยงบริษัทเฮฮากว่าที่คิดว่ะ กูก็ว่าดีเหมือนกัน นานๆทีคนทั้งบริษัทตั้งแต่ CEO มาจนถึงคนสวน มาปาร์ตี้ด้วยกัน เหมือนได้หลุดออกจากลูปมนุษย์เงินเดือนชั่วคราว เรื่องการแสดงก็ไม่มีอะไรมาก กูก็รำๆไปตามที่จำได้ มั่วๆไปให้มันเสร็จๆแล้วงานไม่ล่ม รุ่นพี่ในแผนกกูก็ชมว่าดี กูคิดว่าไม่ได้ชมว่ากูรำสวยหรอกนะ แต่คงหมายถึงดีที่กูให้ความร่วมมือกับกิจกรรมนี้มาตลอด ตอนนี้กูรู้สึกว่าความเป็นมนุษย์เงินเดือนของกูเลเวลอัพไปอีกขั้นและ คิดถูกที่ออกมาหางานทำไม่เป็นNEETอยู่บ้าน
วันนี้เซ็งสัส ต้องมาทำงานที่สุวรรณภูมิ แล้วกุต้องนั่งใต้ดินมาต่อแอร์พอร์ทลิ้งที่เพชรบุรี แต่กุเสือกปวดขี้ที่เลยต้องแวะลงพระรามเก้ามาขี้ แล้วค่อยไปเพชรบุรี กุเลยมาทำงานสายเลย ควยควยควย
กูใกล้จะได้ลาออกจริงจังละ แม่งจะย้ายกูเข้าไปอยู่ออฟฟิซในเมืองที่เงินเดือนเท่าเดิม แต่ยัดงานกูเยอะกว่าเดิม แถมอยู่ท่ามกลางพวกหน้าห้องบอสที่กูรับนิสัยไม่ได้
HR นี่โทรไปตรวจประวัติกับบริษัทเก่ามั้ยวะ กูสมัครงานไปที่นึงแล้วเสียวๆว่า HR จะโทรมาถามว่ะ กูยังไม่ได้ลาออกจากที่นี่เลย
"Don't pick a job. Pick a Boss. Your first boss is the biggest factor in your career success. A boss who doesn't trust you won't give you opportunities to grow." - William Raduchel
ประโยคนี้จริงหรือเปล่าพวกนาย
อยากกลับเป็นนีทสักครึ่งปี แล้วหางานใหม่
พวกมึงทำงานอะไรเสริมบ้างมั้ย นอกจากงานประจำ คือนายหน้าเพิ่งมีปัญหากับคนจ้าง พวกกูคนรับงานเลยอดกันหมด
หางานเสริมใหม่ก็ยากกกกกกกกกกกกอีก
ซื้อใบรับรอง แพทย์ลาป่วย
ขอแค่ 1 วัน เท่านั้น ไปซื้อที่ไหนดีว้ะ
กุป่วยแค่ตอนนี้กุหายแล้ว ไม่ได้ไปหาหมอที่ทำงานแม่งให้ไปเอา
ใบรับรองแพทย์มา มีที่ไหนขายมั่งว้ะ
ช่วยหน่อย TT
คลินิกบ้านๆแถวสะพานควาย
ลาป่วยวันเดียวต้องใช้ใบรับรองแพทย์ด้วยเหรอวะบริษัทมึง ปกติตามกฎหมายแรงงานมันต้องลาติดต่อกัน 3 วันขึ้นไปนี่
หรือมึงลาป่วยทีละวันบ่อยๆ จนโดนเพ่งเล็งวะ
กุว่าเด็กมัธยมหัวเกรียนไม่อยากไปรร.มากกว่านะ
ทำมาเนียน
กากโม่ง
>>832 มึงป่วยจริงป่วยการเมืองเนี่ย ปกติลาป่วยปีนึงกฎหมายให้ 20 รึ 30 วันจำไม่ได้ มึงยังเกินอีกเหรอ
คนอายุ 20-40 ถ้าสุขภาพปกติ ลาปีละ 10 วันก็เยอะแล้ว เกินกว่านี้ถ้าไม่ใช่ป่วยการเมืองกุว่ามึงไปตรวจร่างกายเหอะว่ะ
แต่ถ้ามึงป่วยการเมืองแล้วซื้อใบแพทย์ไปหลอกนี่โดนตรวจสอบมายิ่งแย่ ปกติบริษัทเขาไม่รับใบรับรองคลินิคกันด้วยต้องโรงบาล
อดีตเพื่อนที่ออฟฟิศเก่าแม่งหยุดป่วยรัวสัสๆ มุขยอดฮิตคืออาหารเป็นพิษเดือนนึงต้องลาอย่างน้อยสักครั้ง และมักเป็นตอนวันศุกร์ซะด้วยสิ
มีครั้งนึงแม่งบอกตาได้รับสารพิษ หยุดหายไป3วัน ทุกคนคิดว่าแม่งตายจริงแน่ๆ มาวันจันทร์หน้าตาสดใสไม่มีแม้แต่ผ้าปิดตา
โดนเรียกไปซักแม่งบอก อ๋อโดนขวดน้ำยาทั้งขวดตกใส่ตาตอนนอน เย็ดเขร้
นานๆไป HR แม่งไม่รับใบรับรองแพทย์ล่ะ แม่งมาจากหมอประจำตระกูลมันทุกครั้ง หยุดเมื่อใหร่หักเงินทันทีแม่งเลยวีนแตกโวยวายใส่หัวหน้า
หัวหน้าเลยให้โซลูชั่นง่ายๆ มึงจะตั้งใจทำงานหรือ
มีหมอประจำคระกูลนี่ไม่น่าจะคนธรรมดา
โดนเลี้ยงมาแบบ spoil ป่ะเนี่ย
>>821 >>842 กูว่าเรื่องเจ้านายก็มีส่วนจริงนะ แต่ก็ไม่ทั้งหมด ยิ่งองค์กรใหญ่แม่งค่อยๆแบ่งกันลงมาหลายชั้นคำว่าเจ้านายก็ยิ่งมีหลายระดับ แถมบางครั้งเสือกมีได้มากกว่าหนึ่ง ปัจจัยมันก็ยิ่งมีหลากหลาย
ชีวิตกูปัจจุบันเจ้านายดีมาก เหนือกว่านั้นขึ้นไป(เหมือนมี 2 คนกลายๆ)ก็ดีทั้งคู่ ขึ้นไปอีกคือหัวหน้าแผนกไม่ค่อยดี เหนือไปกว่านั้นแม่งห่างไกลเกินกูไม่ค่อยรู้อะไรมาก นอกนั้นเหี้ยแทบทุกอย่างทั้งตัวงาน ลูกค้า ระบบบริษัท ฯลฯ
คือคนเป็นเจ้านายก็มีขอบเขตอำนาจของเค้าว่ะ ถึงเค้าจะดีจะเก่งถ้าไม่มีอำนาจมากพอจะเปลี่ยนอะไรใหญ่ๆได้ก็ได้แค่ช่วยไปตามที่พอจะช่วยได้เท่านั้นแหละ บางเรื่องที่เป็นปัญหาถ้าอยู่นอกอำนาจเค้าถึงอยากช่วยแค่ไหนเค้าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เอวัง...
ส่วนตอนนี้กูกำลังแอบงานใหม่ไปเรื่อยๆอยู่เนี่ย กระซิกๆ
>>843 >>844 เจอคล้ายๆกันว่ะ หัวหน้ากูดีมากเลยนะ แต่อย่างอื่นเหี้ยหมดเลยไม่รู้จะอยู่ไปทำไม
รู้สึกเสียดายเวลากับรู้สึกว่าตัวเองโง่ด้วยที่อยู่เพราะหวังลมๆแล้งๆว่าอะไรๆจะดีขึ้นจริงๆว่ะ
กูไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมเค้าถึงอยู่ที่นี่ทั้งๆที่ก็ไม่ได้ชอบอะไรมากมาย แต่จากที่เคยคุยกันเข้าใจว่าแรกๆมันไม่แย่ขนาดนี้แล้วเค้าอยู่มาเรื่อยๆจนอายุเริ่มเยอะเลยขยับตัวลำบาก
ก็เสียดายอยู่นะ แต่ซักกลางปีคงต้องบ๊ายบายแล้วแหละ
ตอนนี้กูเป็นหัวหน้าว่ะ แต่ลูกน้องเหี้ยมาก พี่ที่เป็นหัวหน้าอีกคนก็ให้ท้ายเด็กอยู่นั้นแหล่ะ กูเบื่อ
>>846 >>843 กูอยู่บริษัทที่มีนายของนายของนายอยู่เหมือนกัน ความเหี้ยของกูตรงข้ามกับมึงเลยคือ นายเหนือกูเป็นพวกใครด่าลูกน้อง ตัวเองจะหลบไม่ปกป้อง ไอ้นายเหนือกว่านั้นทำตัวเหมือนเมนส์มาตลอดเวลา อยากด่าก็ด่า ขี้ลำเอียง มีนายเหนือคนนั้นอีกทีที่โอเค แต่เวลานายคนที่ดีสั่งอะไรมา มันโดนบิดโดยไอ้สองคนข้างล่าง จนแม่งก็เละเทะเหมือนเดิม
กูเข้าใจเรื่องนายก็มีอำนาจของนายนะ แต่เขาก็ต้องรู้วิธีสื่อสารกับลูกน้องให้ลูกน้องทำงานกันต่อได้ พวกนายที่เข้าข้างลูกน้อง แล้วนินทานายเหนือกว่านั้นให้ลูกน้องฟัง มันก็ไม่ใช่นายที่ดีว่ะ ถึงลูกน้องจะรู้สึกว่านายคนนี้ดีจังมีอะไรบอก มีอะไรเล่า
http://imgur.com/5wrFEBC
สวัสดีวันวาเลนไทน์ครับ
กูสงใสว่ะ ว่าบ.ที่กูทำงานอยู่เนี่ยคือกูทำงานไปจะครบปีแล้วกูอยากออกไปเปลี่ยนลักษณะงานที่กูทำมั่ง กูเลยจะไปขอเอางานที่กูเคยทำให้บ.เอาไปทำพอร์ท แต่ที่บ.ไม่ให้(งานมันออกฉายแล้ว) อย่างงี้ถือว่าเป็นปรติไหมวะ
ปกติ เพราะถือว่าเป็นงานของบริษัท ไม่ใช่งานของมึง ถ้างานมึงสายโปรดักชั่นส่วนใหญ่เห็นทำเป็นพอร์มส่วนตัวกันมากกว่า
กูเหนื่อย เหนื่อยจากที่ทำงานแล้วยังต้องเหนื่อยกับที่บ้านอีก ระบายหน่อยละกันว่ากูเป็นเด็กจบใหม่ เงินเดือนหมื่นห้า ทีนี้พ่อแม่กูจะมาขอไปแล้วหมื่นนึง กูเลยถามทำไมไม่ให้กูมีเงินเก็บบ้าง เขาก็บอกเขาอยู่อีกไม่นานหรอก กูจะเก็บเงินเมื่อไหร่ก็เก็บได้ ให้เขาก่อนค่อยเก็บเงินทีหลัง กูจะทำยังไงดีวะ เดือนนี้เหลือเงินใช้สามพันต้องประหยัดสุดๆ เผลอๆกินข้าวได้วันละมื้อเองมั้ง
งั้นมึงบอก กูให้มึงได้แค่เนี่ย 7-8 พันว่าไป ไม่งั้นชีวิตกูจะสั้นกว่ามึงแทน
เอาไปหมื่นเลยนี่เยอะไปว่ะถ้าเทียบกับเงินเดือนที่มึงได้
เดือนนึง5000นี่อยู่ได้เหรอวะ? แม่บ้านบ้านกูยังชีวิตดีกว่ามึงเลยเนี่ยนะ...
โห ลูกนะเว้ย ไม่ใช่บำนาญ - -
อยู่ไม่นานแล้วจะเอาอะไรไปเยอะแยะวะ
เยอะไป ส่วนตัวเพิ่งจะให้ที่บ้านเดือนละหมื่นตอนเงินเดือนสี่หมื่นกว่า
เงินเดือนกูหมื่นแปด กูยังให้ที่บ้านห้าพันเอง หมื่นห้าให้หมื่นนึงนี่เหี้ยไปหวะ ทางนู้นกะไม่ทำงานเลยหรือไงวะ
เล่นหุ้นกำไรเดือนละ 100k ผมให้ที่บ้าน 50k
40k บริหารพอร์ต 10k ผมก็อยู่ได้สบายๆ
นี่แหละผลบุญของจริง สาธุ
กู >>853 เองนะ เขามีกิจการเล็กๆที่ค่อนข้างขาดทุนว่ะ กู้คนนั้นยืมคนนี้ สมัยกิจการเขารุ่ง กูเคยได้เงินเก็บราวๆสามแสน แต่เขามาถอนออกจากบัญชีกูไปหลายปีแล้ว แล้วก็ไปกู้เงินจากญาติ ธนาคาร นอกระบบบ้าง อันนี้ยายกูเคยให้ที่ดินมาใช้หนี้นอกระบบไปสามปีกว่าๆ กูก็ไม่รู้ว่าเขาเอาเงินไปทำอะไรหมดนะ แต่กูเกลียดความกตัญญูที่ต้องตอบแทนตลอดว่ะ เคยจับเข่าคุยกันไปแล้วไม่ได้ผลเพราะเขาถือว่ายังไงก็ต้องตอบแทนบุญคุณที่เลี้ยงมา กูกู้กยศ.แล้วก็ใช้เบี้ยเลี้ยง 2000 นั่นล่ะกินอยู่ ไปทำงานพิเศษร้านอาหาร แต่ตอนนั้นยังดีที่กินข้าวบ้าน ข้าวที่ทำงานได้ แล้วเวลาพิมพ์รายงานก็ไปพิมพ์ฟรีปรินท์ฟรีที่ห้องคอมมหาลัยตลอด ขอโควต้าปรินท์งานจากเพื่อนที่ไม่ค่อยไปใช้บริการ ทำแบบนี้มาสี่ปีคนจบมาได้
ถ้ามันขาดทุนละยังยื้อทำอยู่กูว่าไม่ไหวละ กูก็คล้ายๆมึงนะ แต่กูโชคดีกว่า กูสวนเปิงจนเค้ายอมปรับ คล้ายๆมึงนี่ล่ะ พ่อแม่ทำร้านอาหารเลี้ยงกูโตมา แต่ช่วงปลายชีวิตมหาลัยเริ่มขาดทุน เป็นหนี้นอกระบบ แล้วต้องเอาที่ดินเก่ามาขายปลดหนี้
ช่วงก่อนกูจบ โชคดีกูได้งานไว เลยเรียนไปพร้อมทำงานเลยตอนปีสุดท้าย หลังเสียที่ เสียบ้านเค้าก็อีโก้ลดลง แม่กูนี่ยอมไปทำงานในห้างเลย ตอนนี้อาศัยรายได้จากงานห้าง พ่อกูขับรถนร.+ร้านอาหารที่เล็กลง + 5000 ของกู ประคองกันไปจนอีก 3 ปีน้องกูเรียนจบ ค่อยกู้ซื้อบ้านคืน
อ่านแล้วคิดว่าตัวเองโชคดีจัง
ทำให้คิดได้ว่า ไอ้ที่ออกข่าวบ่อยๆว่าทิ้งพ่อทิ้งแม่เนี่ย เพราะพ่อแม่เรียกร้องกันเกินไป ลูกเลยหักดิบทิ้งไปเลยรึเปล่า
ลุงคนดีเตรียมเก็บภาษีบ้านเพิ่มแล้วนะครับ คืนความสุขกันให้อิ่มหนำไปเรย
ดีจังนะขายทีดินได้ ของกูที่ดินฟองสบู่ ขายยังไงก็ไม่มีใครเอา
ผู้จัดการออฟฟิซกูโดนออกไปคนนึงละ ลดรายจ่าย
ไอ้ตำแหน่ง General Manager นี่มันใหญ่ขนาดไหนวะ
ก็รองจากเจ้าของ
นั่นมัน CEO
ใหญ่แค่ไหนก็เล็กกว่าโลง...
General Manager ก็ GM ไงสัส แม่งแบนไอดีแรคกู
พวกมึงสนิทกับเพื่อนที่ทำงานมากน้อยแค่ไหนวะ
กูแม่งไม่ค่อยจะอยากสนิทเลย แค่คุยกันเรื่องงานก็พอ แม่งเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้เสือกชีวิตกูจัว แล้วพอถึงเวลาแม่งก็สะบัดตูดอยู่ดี บางคนโตแค่ตัวสมองไม่โตเอาเรื่องส่วนตัวมาปนกับงานอีก น่ารำคาญชิบหาย
>>876 เพื่อนที่ทำงาน (รุ่นพี่ที่เข้ามาพร้อมๆกันกับกุ) เหมือนอย่างที่มึงพูดว่ะ โตแต่ตัวสมองไม่โต คิดว่าตัวเองดีเลิศประเสริฐศรี ดีแต่ด่านินทาคนอื่น ทั้งที่ตัวเองแมร่งนิสัยก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขาเท่าไร ถ้าไม่มีพวกกุเป็นเพื่อนมันนะก็ไม่มีคนอื่นๆมาเข้าหามันหรอก แต่หน้าฉากกุต้องแสร้งทำตัวดี เข้ากับใครก็ได้
เฮ้อพูดถึงแล้วกุก็รู้สึกขยะแขยงชิบหาย
กูไม่ยอมสนิทกับใครทั้งนั้น เดี๋ยวแม่งเอาไปนินทา กูเกลียดมากกับอีพวกนี้
กูไปกินข้าวเที่ยงกับคนในออฟฟิศที่โรงอาหารนี่ล่ะ แล้วกูบ่นๆนิดหน่อยว่าพี่...เขาไปรับลูกตั้งบ่ายสอง แต่เสือกโยนงานของแกมาให้กู โต๊ะก็เฮฮากันไปว่าจริงด้วยว่ะ แต่วันรุ่งขึ้นเจ๊แกมาเลยจ้าาา ไม่พอใจตรงไหนก็มาบอกพี่สิ เอาพี่ไปพูดทำไม อคติอะไรกับพี่เหรอ กูเพิ่งมาใหม่นะอีดอก ถ้าจะอคติก็เพราะมึงมาพูดกับกูวันนี้นั่นล่ะ สุดท้ายกูก็ไม่ได้ทำที่นั่นเพราะไม่ผ่านโปร กูไม่รู้ว่าใครเอาไปพูดว่ะ แต่จากนั้นมากูไม่ไว้ใจใครในที่ทำงานเลย
กูไม่เคยไปสาย งานสั่งให้ส่งก็ส่งตรงเวลา เขียนอ่านพูดภาษาอังกฤษได้พอใช้ แต่เนื้องานมันไม่ได้เป็นภาษาอังกฤษและตำแหน่งนี้ไม่มีหน้าที่ติดต่อกับฝรั่งคนไหนทั้งสิ้น กูมั่นใจว่าไม่เคยทำอะไรเหี้ยๆใส่คนอื่นด้วย เพราะถ้าคนรู้จักแต่ไม่สนิทกูจะวางระยะห่างพอประมาณ ไม่ให้ดูไม่เป็นมิตรมากเกินไป แต่ก็ไม่ให้เข้าใกล้มากเกินด้วย แต่ก็ไม่ผ่านโปรเพราะมนุษยสัมพันธ์น้อยเกินไป.....เคยโดนเหตุผลนี้กันรึเปล่าวะ
ปล.เจ๊แกเป็นรุ่นพี่กู ทำงานมาหลายปีแล้ว ไม่ได้มีตำแหน่งสูงๆอะไรหรอก แต่สนิทกับหัวหน้า Hr และผู้จัดการหลายคน
>>887 แต่ก็ไม่ผ่านโปรเพราะมนุษยสัมพันธ์น้อยเกินไป ก็เป็นไปได้นะ เดือนแรกที่กูทำงานที่ปัจจุบัน หัวหน้ากูเตือนเรื่องนี้บ่อยๆ เดือนแรกถึงกับบอกว่ากูอาจจะไม่ผ่านด้วยซ้ำ เพราะรูปแบบชีวิตกูคือมาทำงานเช้า พอถึงเวลากลับกูกลับเลยไม่ทักทายไม่ไหว้ไม่ลาอะไรทั้งสิ้น ได้เวลาเก็บของสแกนนิ้ว จนหัวหน้ากูเตือนว่าจะทำงานมันต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ด้วย สุดท้ายกูอยู่ที่นี่มาจะสองปีแล้วว่ะ แต่ก็แค่ทักทายตามมารยาทเฉยๆ เจอหน้าตอนเช้ายกมือไหว้ พอจะกลับก็มาลา แค่นั้น
กูทำ startup ทั้ง บ.มี 10 คนเลยสนิทกันหมดหวะ ไม่มีนินทากัน ทุกคนทุ่มกับงานดี รู้สึกโชคดีไปเลย
นอนกลางวันในออฟฟิซทุกวันเลยช่วงนี้ ว่างชิบหาย
>>888 มึงก็โหดไปนะ
คือกูว่า การทักทาย หรือคุยอะไรเล็กๆน้อยๆแบบ กินข้าวยัง แบบนี้มันก็ทำให้เกิดความรู้สึกคุ้นเคยกันบ้างเว้ย
เวลาทำงานมันก็จะไม่ค่อยรู้สึกแปลกแยก หรืออะไร ก็อารมณ์ละลายพฤติกรรมนิดๆแหละ
ทำงานกันง่ายขึ้น
ก็หาเรื่องคุยกลางๆไป ไม่ได้ต้องเอาเรื่องส่วนตัวมาคุยน่ะนะ
>>892 กุว่าแล้วแต่สังคมแต่ละออฟฟิสว่ะ กุเป็นมาแล้วทั้งคนที่เป็นมิตรกับทุกคนคุยกับทุกคนได้ในออฟฟิสนึง พอย้ายงานทีกลายเป็นเจอสังคมใหม่ ความสนใจไม่ตรงกัน เข้ากับใครห่าอะไรไม่ได้เลย บางคนแม่งต้องการความเป็นกลุ่มเป็นก้อน ต้องไปเที่ยวกันเสาร์อาทิตย์ ต้องเข้าส้วมพร้อมกันกินข้าวพร้อมกัน แค่ทักทายเบาๆมันไม่ได้ มันต้องสนิทสนมกลมเกลียว แล้วกุชอบดูหนัง แม่งไม่มีใครดูเลย ดูแต่ละคร สนแต่ชีวิตส่วนตัวดาราไทย กุฟังแล้วกุก็เซ็ง แต่ถ้าไม่นั่งอยู่ตรงนั้นกุก็โดนนินทาอีกว่าเข้ากับใครเขาไม่ได้
เจอแบบนั้นไปกุยอมให้แม่งนินทาว่ากุแปลกแยกว่ะ ตอนนี้เปลี่ยนงานละ ตอนกุจะออกหัวหน้าเสียใจมาก เขาบอกเหมือนเพิ่งเคยเจอคนคุยด้วยได้ เข้าใจเขาเวลาทำงาน สงสารเขาเหมือนกัน แต่กุอยู่ในทีมต่อไม่ไหว
ขออนุญาตล็อคแล้วไปต่อใน >>>/lifestyle/1530/ นะครับ
Topic has been locked by moderator.
No more posts could be made at this time.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.