(ยาวมาก แต่อยากให้ทุกคนอ่านให้จบ)
#คนที่โกงคนอื่นจนเป็นสันดาน
จนบางครั้งก็เผลอโกงคนอื่น
โดยตนเองไม่รู้ตัว
.
แถมยังคิดอยู่เสมอ
ว่าตัวเองมักเป็นผู้ถูกกระทำ
จากคนอื่นที่จ้องเข้ามาหาผลประโยชน์จากตน
.
คนพวกนี้มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ
#มันจะกลัวตัวเองเสียเปรียบตลอดเวลา
ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
.
ตั้งแต่เรื่องชีวิตส่วนตัว การทำงาน
หรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
จะเป็นคนละเอียด #ในเรื่องเงินๆทองๆ
.
ใช้คำว่า #ละเอียดจนน่าเกลียด
แม่นทุกบาททุกสตางค์
เศษเงินไม่เคยกระเด็น
จนไม่รู้จักคำว่า "แบ่งปัน"
และคำว่า "มารยาท"
.
ตัวเองเสีย ไม่ยอม!
แต่ถ้าคนอื่นเสีย ตนได้ เอา!
.
แต่เชื่อไหมครับ หากเรามองย้อนไป
รากเหง้าของคนโกงโดยสันดาน
หลายคนล้วนเคยเป็นคนใจดี
มีแต่ให้ ใจสปอร์ทมาก่อน
.
สืบสาวลึกลงไปอีกชั้น
จนเจอต้นตอที่แท้จริง
ของคนโกงโดยสันดาน
.
คนแบบนี้คือผลผลิตจากนิสัย
#ให้แล้วหวังผลตอบแทน
เจตนาแห่งการให้ไม่บริสุทธิ์
.
ธรรมชาติของการให้
คือการสละความตระหนี่ออกจากใจ
.
เหมือนน้ำไหลจากที่สูงลงต่ำ
ล้วนไม่ไหลย้อนกลับสู่เบื้องบนฉันใด
.
ความเสียใจที่สะสมมากเข้า
จากการหวังลึกๆ ว่า
น้ำที่ไหลลงไปนั้น
จะไหลย้อนกลับมาหาตน
.
คือชนวนเหตุของการเป็นคน
"คนโกงโดยไม่รู้ตัว"
อย่างแท้จริง
.
คนเหล่านี้น่าสงสารนะครับ
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากมีเพื่อน
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากเป็นที่รัก
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
ให้เพราะอยากดูดีในสังคม
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากดูรวย
.
แต่หลายครั้ง
ชีวิตถูกกระทำซ้ำเติม
ทุกครั้งที่ให้ไปทีไร
#ไม่เคยได้ผลที่ตัวเองหวังไว้
.
มิหนำซ้ำ ให้ไปแล้วกลับโดนเอาเปรียบกลับ
ทุกการให้กลับรู้สึกว่าเสียมากกว่า
.
ยิ่งให้ยิ่งเสีย
หลายครั้งมากเข้า
ต้องเริ่มสร้างเกราะคุ้มภัยตนเอง
ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากใครได้อีก
.
จนเวลาผ่านไป
เกราะนั้นเริ่มแข็งแกร่ง
แกร่งพอจนมีหนามแหลมออกมา
.
จากที่เคยเอาไว้ปกป้องตนเองอย่างเดียว
ตอนนี้เกราะกลายร่างเป็นอาวุธโดยไม่รู้ตัว
คอยทิ่มแทงคงอื่นที่เข้ามาในชีวิต
ให้พินาศย่อยยับ
.
จากปกป้อง
แปรเปลี่ยนเป็นทำลายล้างในที่สุด
.
คนพวกนี้ ถ้าพื้นเดิมเป็นคนเก่ง
จะค่อยๆ รวยขึ้นๆ อย่างรวดเร็ว
แต่มิตรแท้ จะค่อยๆ ลดลง
จากชีวิตพวกมันไปทีละน้อย
.
เหลือแต่มิตรเทียม ระดับเขี้ยวลากดิน
ที่คอยจ้องแทะโลม แย่งชิงผลประโยชน์กัน
มิตรที่เอาแต่ได้ แทะจนเหลือแต่กระดูก
แล้วคอยสมน้ำหน้าซ้ำเวลาเราชิบหาย
นอนตายหมาข้างถนน
.
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
เดินขึ้นถึงหอคอยงาช้างเมื่อไหร่
#ไม่เหลืออะไรเลย
.
บางครั้งอาจไม่เหลือจริงๆ
แม้กระทั่งคนในครอบครัวด้วยกัน!
.
คนแบบนี้ ในสังคมเริ่มมีมากขึ้น
หนทางเดียวในไม่กี่ทาง
ที่พอรับมือคนเหล่านี้ได้บ้าง
คือ "ความชัดเจน"
.
ชัดเจนตั้งแต่เรื่องเล็กๆ
จนกระทั่งเรื่องใหญ่
.
ถ้าทานข้าวด้วยกัน
ก็เสนอตัวพูดไปก่อนเลย
ว่าหารครึ่งกันไหมหรือใครจะเลี้ยง
.
ถ้าทำธุรกิจใดด้วยกัน
ก็ต้องมีสัญญาที่ชัดเจน
เลิกทำ "สัญญาใจ"
อย่าหลักลอย พูดปากเปล่า
และที่สำคัญให้มันเซ็นกำกับรับรู้ด้วย
.
บางครั้งอาจถึงต้องบันทึกเสียงไว้
เวลาดีลผลประโยชน์ใดๆ กัน
.
เพราะคนแบบนี้
พร้อมตุกติกพลิกลิ้นได้เสมอ
.
เขียนมาถึงตรงนี้
อย่าเพิ่งตกใจว่าผมไปโดนอะไรมา
.
ที่มาของสเตตัสนี้มาจากพี่คนนึง
ที่โดนกระทำแบบนี้มา
.
ในฐานะผู้รับฟัง คิดว่าเรื่องนี้สมควรบอกเล่า เลยอยากเอามาแบ่งปันให้ทุกคนได้ข้อคิดไปด้วยกันดังนี้
1. ถ้าคิดจะให้จริงๆ อย่าหวังอะไรตอบ
2. ถ้าคิดจะให้แล้วหวังผล ควรเผื่อใจเอาไว้บ้างผลจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป
3. ให้แล้วต้องรอให้เป็น เย็นให้ได้ อย่าเพิ่งท้อแท้กับการให้ เพราะการให้เหมือนกับการปลูกต้นไม้ กว่าจะได้ผลลัพธ์ต้องใช้เวลา ต้องให้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต่างจากการรดน้ำพรวนดิน แต่เชื่อเอาไว้เลยว่าทุกการให้ไม่มีวันสูญเปล่า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี่ ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์โปรดแชร์ให้ทุกคนที่คุณรักนะครับ ♥️