เชิญร่วมลงชื่อ
เราจะมีเวลาให้ลงชื่อถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 เพื่อรวบรวมรายชื่อยื่นกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสื่อและประชาชน ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
----------------
จดหมายเปิดผนึก : จากนักกิจกรรมเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ ต่อร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต
.
จากการเผยแพร่ ร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. …. (Draft Civil Partnership Act B.E. ...) ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 70 มาตรา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 นี่ถือเป็น ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ 3 ที่ร่างจากฝ่ายรัฐเพื่อผลักดันการรับรองคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
.
เรา, นักกิจกรรมเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากในเนื้อหาของ ร่างพระราชบัญญัติฯ ยังไม่ครอบคลุมสิทธิหลายประการ และมีการเลือกปฏิบัติต่อคู่รักบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และยังไม่สามารถแก้ไขสภาพปัญหาการขาดสิทธิของคู่รักเพศหลากหลายได้ครบถ้วน เช่น
.
-สิทธิในการตัดสินใจในการรักษาพยาบาลและจัดการศพ
-สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน การอุ้มบุญ และการปกครองบุตรร่วมกัน
-สิทธิในผลประโยชน์ และสวัสดิการของคู่รักอีกฝ่ายในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย
-สิทธิในการได้รับการยอมรับ และมีศักดิ์ศรีในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย
-สิทธิของบุคคลทุกอัตลักษณ์ทางเพศ และวิถีทางเพศในการจดทะเบียนสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามหลักความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย
.
อีกทั้งคำว่า ‘คู่ชีวิต’ ที่ปรากฎอยู่ในร่างพระราชบัญญัติฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ไม่เคยปรากฏในประมวลกฎหมาย หรือกฎหมายใดๆ ในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้นสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ที่ยึดโยงคำว่า ‘คู่สมรส’ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่ให้สิทธินั้นกับ ‘คู่ชีวิต’ ตามร่างพระราชบัญญัติฯ ได้
.
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 3 มาตรา 27 ได้กำหนดไว้ว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน” ฉะนั้นเท่ากับว่า การบัญญัตคำว่า ‘คู่ชีวิต’ อาจทำให้เกิดการเลือกปฎิบัติ ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
.
เรามีจึงข้อเสนอให้
.
1. ชะลอการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เพราะเนื้อหาของร่างฉบับนี้ยังมีการเลือกปฎิบัติ และไม่สามารถให้หลักประกันว่าคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาค ความพยายามที่จะให้ประชาชนสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติฯ ไปก่อน โดยอ้างว่า ‘ดีกว่าไม่มี’ เป็นการใช้อำนาจบิดเบือน ให้ประชาชนสมยอมต่อความไม่เป็นธรรม และการถูกลิดรอนสิทธิพลเมือง สิทธิเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
.
2. กระบวนการเสนอกฎหมายการร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการสมรส และครอบครัวของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ควรเป็นส่วนหนึ่งของ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนเจ้าของปัญหาและเครือข่ายภาคประชาสังคม ดังนั้นแล้วการขับเคลื่อนทางกฎหมายต้องยึดหลัก ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เราเชื่อในกระบวนการประชาธิปไตยที่ยึดหลักสากล และการพิจารณากฎหมายจากสภาที่ดำรงตำแหน่งผ่านกระบวนการประชาธิปไตย
.
3. จัดให้มีการศึกษาวิจัยฐานทัศนคติของคนในสังคม เพื่อนําไปสู่การสร้างความตระหนักและความเข้าใจอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียง การออกกฎหมายและนโยบายที่สังคมไม่เข้าใจ และไม่สามารถนําไปปฏิบัติ โดยปราศจากการตีตราและเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งควรยกระดับการอภิปรายเรื่องการจัดทํากฎหมายสู่สาธารณะ เปิดรับความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นฐานของการขับเคลื่อนให้ เกิดความเท่าเทียมทางเพศอย่างยั่งยืน "เพราะกฎหมายที่ปราศจากความเข้าใจของผู้บังคับใช้กฎหมายไม่อาจนำมาซึ่งการปฏิบัติที่เท่าเทียม"
.
4. ตามหลักการสากลว่าด้วยเรื่องการไม่เลือกปฏิบัติ และการเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย รัฐมีหน้าที่สร้างและแก้ไขกฎหมายเพื่อประกันว่าทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม หากรัฐสร้างกฎหมายที่มีเนื้อหาและข้อยกเว้นที่เลือกปฏิบัติ ถือว่าขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชน ดังนั้นรัฐต้องดำเนินแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์เพื่อให้ทุกเพศไม่ว่าจะเป็นอัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศใด สามารถเข้าถึงกฎหมายสมรสอย่างเท่าเทียม
.
ด้วยความศรัทธาในสิทธิและความเท่าเทียมเป็นธรรม
ลงชื่อในเมนต์นี้ได้เลยค่ะ
😊😊
https://web.facebook.com/thaisogi/photos/a.486484461378275/2531112170248817/?type=3&theater
#มิตรสหายท่านหนึ่ง