Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 7th quotes

Last posted

Total of 1000 posts

939 Nameless Fanboi Posted ID:oZxBb7/LVJ

ช่วงนี้การเมืองคึกคักเนอะ ถ้าพรรคไหนกล้าชูนโยบาย 3 เรื่องนี้ ฉันจะช่วยผลักดันพรรคนั้น

1.ให้โสเภณี เป็นอาชีพที่ถูกกฏหมาย ใครจะทำอาชีพนี้ ต้องลงทะเบียน และต้องอายุเกิน 20 ใครขายโดยไม่มีทะเบียน ให้จับกุมแบบเด็ดขาด
เพื่อเป็นการลดจำนวนโสเภณีลง เพื่อไม่ให้มีโสเภณีเด็ก เพื่อให้โสเภณีได้รับสวัสดิการเท่าอาชีพอื่น และเพื่อไม่ให้มีการ "รีดไถเก็บส่วย"

2. ให้ Sex Toy เป็นสินค้าถูกกฏหมาย ผลิตได้ ขายได้ เพื่อลดปัญหาการท้องในวัยเรียน ลดปัญหาการติดโรค และลดปัญหาการข่มขืน

3. ให้หนังโป๊ คนไทยผลิตขายได้อย่างถูกกฏหมาย เพื่อลดปัญหาการท้องในวัยเรียน ลดปัญหาการติดโรค และลดปัญหาการข่มขืน

มีพรรคไหนมองโลกตามความเป็นจริง ไม่เอาศีลธรรมจอมปลอมมาบังหน้าเพื่อสนับสนุนการรีดไถเก็บส่วย มีไหม อ้าว ยังไม่มีเหรอ?

940 Nameless Fanboi Posted ID:VhIUpcwEAo

เครดิตจาก fb คุณเอกวิทย์ sudanich

คุณซูซี่ อายุเพิ่ง 53 เป็นรัฐมนตรีกิจการพาณิชย์นาวี และการประมงของอินโดนีเซีย เป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่ไม่จบชั้นมัธยม เป็นหม้าย เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นประธานบริษัทส่งออกอาหารทะเลอันดับต้น ๆ ของประเทศ เป็นประธานสายการบินชาร์เตอร์ "ซูซี่แอร์" เป็นมุสลิมที่สักลาย ไม่คลุมผม ดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล และสูบบุหรี่วันละซอง
คุณซูซี่เป็นคนชวา แต่ไปเกิดที่ปังงันดารัน ถิ่นของคนซุนดา เธอเรียนหนังสือไม่จบ เพราะโดนไล่ออกจากโรงเรียน ที่โดนไล่ออกไม่ใช่เพราะเธอโง่หรือเกเร แต่เพราะเธอไปเดินขบวนประท้วงเผด็จการซูฮาร์โต้ ตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น !

ผลงานที่คนอินโดฯ และประมงไทยจดจำเธอได้ไม่ลืม คือ เธอสั่งให้กวาดล้างเรือประมงต่างชาติในน่านน้ำอินโดทั้งหมด ที่มีมากถึง 5,000 ลำ จับได้ยึดอุปกรณ์ เนรเทศลูกเรือกลับบ้าน เอาไต้ก๋งขึ้นศาลดำเนินคดี ถ้าพิสูจน์ว่าผิดจริง คนติดคุก และเรือถูกระเบิดทิ้งทันที
เรือถูกระเบิดทิ้งทันที เหมือนการประหารกลางเมือง ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
เธอระเบิดเรือไปแล้วเป็นร้อยลำ เวียตนาม 276 ลำ ฟิลิปปินส์ 90 ลำ และ ไทย 50 ลำ ไม่ว่าต่างชาติจะพยายามเจรจาอย่างไร เธอไม่สน ระเบิดเรือเล่นเป็นงานอดิเรก ตอนแรกคนก็ด่าเธอว่าป่าเถื่อน แต่ก็ปรากฎว่าหลังการระเบิดเรือ ปริมาณการจับปลา และปริมาณการส่งออกของอินโดเพิ่มขึ้นทันทีเกือบร้อยเปอร์เซ็น
ตอนนี้เธอจึงเป็น รมต.หญิงที่ขึ้นหม้อที่สุดของอินโดฯ แต่บริษัทฯ ประมงต่างชาติแช่งให้เธอหลุดจากตำแหน่งทุกวันหมดธูปไปหลายห่อแล้ว

บุคคลิกเธอเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา และข้อมูลแม่นมาก เพราะโตมากับทะเล คุยกับเธอถ้าไม่เจ๋งจริงโดนต้อนกลับบ้านไม่ถูก

สื่อต่างประเทศเรียกคุณซูซี่ว่า "รัฐมนตรี Badass" ส่วนเด็กรุ่นใหม่ และคนอินโดฯ ระดับรากหญ้าเรียกเธอว่า "เจ้ใหญ่ผู้เป็นที่รัก"
เวลาเธอทำงาน ติดดินยิ่งกว่าเจ้สะพานปลา ลุย ๆ อยู่กับความเค็ม และกลิ่นคาวทะเล ขึ้นเรือรบตามจับเรือประมงต่างชาติกับทหารเรือเลย เหนื่อย ก็เอาหนังสือพิมพ์มาปูนอนดูดยาอยู่บนดาดฟ้าเรือ กินง่ายนอนง่ายไม่ VIP ไปประชุมสภาก็ใส่รองเท้าวัยรุ่น ใครถามถึงรอยสัก เธอก็ถลกกระโปรงให้ดูตรงนั้นเลย

ฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายเคร่งศาสนา กัดจิกเธอตลอด ถึงความรั่ว ความไม่สำรวม ความไม่เคร่ง ของเธอจนมีคนส่งของขวัญวันเกิดไปที่บ้านเป็น "ฮิญาป" พวกเด็ก ๆ ทนไม่ไหว ทำสื่อเชียร์เธอในอินเตอร์เนตว่า

"คนที่ดูไม่เคร่งศาสนา หัวใจใหญ่กว่าพวกปิศาจคาบคัมภีร์เยอะ"
เด็กข้างถนนพ่นกราฟิตี้ใส่กำแพงเป็นรูปเธอในชุด wonder woman

อะไร ? ที่หล่อหลอมเธอมาให้เป็นแบบนั้น

คุณซูซี่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนตอนมัธยมปลาย เพราะไปร่วมเดินขบวนขับไล่ซูฮาร์โต้ เมื่อโรงเรียนไม่ต้องการเธอ เธอก็เรียนเอง ออกมาเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต ทำงานอยู่สะพานปลา แต่งงานครั้งแรก ได้ผัวเฮงซวยเธอก็หย่าทันที แล้วอุ้มลูกไปซื้อปลาต่อ ยามลำบากไม่มีเงินแม้จะซื้อนมให้ลูก เธอถอดกำไลทองที่พ่อแม่ซื้อให้เป็นทุนทำธุรกิจ
เธอให้สัมภาษณ์ว่า ตอนวิกฤตเศรษฐกิจค่าเงินรูเปียห์ตกไปร้อยสองร้อยเปอร์เซ็น ธุรกิจอื่นแย่ เธอรวยกระฉูด เพราะขายปลาให้ยุโรป ได้ดอลลาร์ล้วน ๆ
ตอนซื้อเครื่องบินมาทำชาร์เตอร์ขนส่งสินค้า และอาหารทะเลก็ร่อแร่ เจียนอยู่เจียนไป เกิดสึนามิ ที่อาเจะห์ เธอเอาเครื่องเซสน่า ขนของเอาไปบริจาคช่วยคนด้วยความเห็นใจ รัฐบาลให้งบเธอขนสินค้าไปส่งอาเจะห์เจ้าเดียวเลย จากร่อแร่กลายเป็นรวยยยยยย ไม่ทันตั้งตัว

ตอนมาเป็นรัฐมนตรี เธอก็ไม่ได้เล่นการเมืองมาก่อน นั่งขายปลา ตัวเค็มอยู่ดี ๆ คุณโจโควี่ เดินมาหา บอกว่า "เจ้ มาเป็นรัฐมนตรีประมงให้ผมหน่อย"

แล้วเธอก็ไม่ทำให้โจโควี่ และคนอินโดผิดหวัง
เจ้จึงไม่ต้องแคร์ใคร เพราะตอนเจ้ลำบากไม่มีหมาที่ไหนมาให้ความช่วยเหลือ ไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณใคร ให้ต้องตอบแทน

941 Nameless Fanboi Posted ID:YxauFXhrHC

>>933 พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามผู้หญิงเข้าวัดนะ ไอ้พวกนั้นแม่งมาตั้งกฎกันเอาเอง วัดต่างๆ ในสมัยพุทธกาล ก็มีผู้หญิงเป็นคนสร้างให้ มึงจะโยงเรื่องห้ามผู้หญิงเข้าวัดกับการเหยียดเพศในพุทธศาสนาได้รึ มันคนละกรณีกันเลยนะ ไอ้เหี้ยมุสลิมแม่งอ้างคัมภีร์ อ้างโองการพระเจ้ากันเลย

942 Nameless Fanboi Posted ID:VhIUpcwEAo

ของผมโดนใช้กระเป๋าของโรงเรียนตั้งแต่ม.1-ม.3 ทีนี้อีก2วันจะสอบไล่เทอม2แล้ว กระเป๋าดันขาด ผมเลยเอากระเป๋าสะพายนอกมาใส่แก้ขัดก่อน ผมโดนฝ่านปกครองตีหน้าแถวประจานเพื่อนๆ และโดนยึดกระเป๋าไป โดยอ.ฝ่ายปกครองให้ผมไปซื้อใหม่ในราคาใบละ400บาท(เมื่อ21ปีที่แล้ว) เพื่อใช้ใน2วันสุดท้ายนั้น ตอนนั้นครอบครัวลำบากมาก วันต่อมาเลยต้องถือสมุดกับหนังสือมือเปล่ามาเรียน ก็โดนอ.คนเดิมฟาดซ้ำ หาว่าผมประชด....ทุกวันนี้ใครมาขายบัตรงานศิษย์เก่า ผมด่าไล่ไปไกลๆเลย ขอโทษนะ ความอุบาทว์นี้ มันฝังใจผมมาจนถึงวันนี้เลย

943 Nameless Fanboi Posted ID:T.K2SX/vHL

>>938 เครื่องบินทหารไง มีนักวิ่งทางไกลคนนึงที่ดังๆ ทหารจะเอาเครื่องบินไปรับกลับกรุงเทพเลยนะ แต่นักวิ่งเค้าไม่เอาด้วย 555

944 Nameless Fanboi Posted ID:2Y5.A+LQUU

ลานคริสมาสต์ หน้าเซ็นทรัลเวิร์ลปีนี้ ไม่มีอะไรหวือหวา จืดชืด ธรรมดากว่าทุกปี ส่วนหนึ่งเพราะอีร้านขายผลไม้ที่ยังสร้างไม่เสร็จข้างๆนั่นแหละ ทำให้พื้นที่คับแคบลงไปอีก
ซึ่งไม่รู้ว่าอีร้านผลไม้นี่จะสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ทำไมสร้างช้ามาก ทั้งๆที่ร้านมึงกี่สาขาๆในโลกก็ไม่ได้แปลกพิศดารอะไร ไม่รู้ตั้งใจสร้างช้าๆ เพื่อให้คนไปสาขาไอคอนสยามเยอะๆจนได้ยอดตามเป้าก่อนรึเปล่านะ เพราะถ้าสาขาเซ็นทรัลเวิร์ลเสร็จ คนก็คงแห่มาสาขานี้กันหมด

945 Nameless Fanboi Posted ID:cpMANkffJB

>>933 ถ้าเอาคำตอบแบบเป็นธรรมชาติที่สุด พวกเจดีย์ พระธาตุที่ไม่ให้ผู้หญิงขึ้น เหตุผลคือระดู

ระดูหรือเมนส์ คนโบราณไม่มีผ้าอนามัยบางเฉียบแบบยุคนี้ มีก็ผ้าขี่ม้า มันอาจจะหยดลงทำให้พื้นเปื้อนสถานที่ ดูไม่งาม แต่จะไล่ถามสาวๆว่าแม่นางมีระดูมั้ยคงจะน่าเกลียด เลยห้ามทั้งหมดเลย จบ...

อ้างว่าเปื้อนคงมีคนไม่พอใจ นี่เลย อ้างไสยศาสตร์ว่าของเสื่อมไปเล้ย
แต่ปัญหาคือ ยันปัจจุบันแล้ว คนยังเชื่อว่าของเสื่อมแทนที่จะเป็นสถานที่เปื้อนอะดิ

946 Nameless Fanboi Posted ID:xfXOjla26w

My Albanian father tell me heart warming story of our flag.
The two headed eagle is to be representing the Albanian people.
One head is looking back to glorious past of Albania.
Other head is also looking back at glorious past, only in wrong direction.
This is why Albania is of no good.

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

947 Nameless Fanboi Posted ID:CVdG5qzcmo

The left will say anyone can do any job and the right says there is a job for everyone. Both wrong.

948 Nameless Fanboi Posted ID:EemC5.5OWw

จริงๆเจ้าชู้เป็นบรรทัดฐานที่เหี้ย แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเฉพาะเพศชายที่ทำตัวเจ้าชู้เหี้ยๆ แทนที่มึงจะงัดว่าทุกเพศสามารถเจ้าชู้ได้เหมือนกันหมด แต่จะแสดงออกมาไหม มีการกระทำที่จะรับผิดชอบต่อชีวิตคู่และคู่ชีวิตแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวคน ไม่ใช่เพศก็จบไง มงก็ลงแล้วไง

นี่โอ้โห แต่ละคน งัดซีนเข้าตัวกันหมด ผู้ชายที่แท้จริงต้องไม่เจ้าชู้ อีควาย ไม่มีใครถามค่ะ มายกตนข่มโอ๊ตอะไรเอาตอนนี้วะ ก้าวไม่พ้นสันดานชายเป็นใหญ่ อยู่ดีดีก็แย่งเป็นจ่าฝูงกันขึ้นมาซะงั้น

949 Nameless Fanboi Posted ID:DNYTlzxwMZ

https://imgur.com/ZZLYiXc

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

950 Nameless Fanboi Posted ID:Gm8MtGcWDm

นักข่าว A : ช่วงนี้มีประเด็นร้อนคือเรื่อง ลูกสาวของนักการเมืองท่านหนึ่ง กับภาพแฟนอาร์ทที่ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะมีภาพที่หมิ่นเหม่ไปจนถึงขั้นหยาบโลน

เราจะมาถามคุณนาวินเลขานักการเมืองผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลลูกสาวนักการเมืองกันดีกว่านะคะ ว่าปรกติแล้วพวกนักการเมืองจะจัดการเรื่องนี้กันยังไง

นาวิน : ผมเป็นเลขานักการเมืองจริง แต่เรื่องดูแลลูกสาวนักการเมืองนี้อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ

นักข่าว A : เอาแบบนี้ สมมุติว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับคุณหนูของคุณนาวินคุณจะทำยังไง

นาวิน : ถามให้แน่ใจก่อนนะครับ เรื่องนี้คือ "สมมุติ" ว่า ผมรู้ว่ามีคนวาดภาพลามกของลูกสาวนักการเมือง ถ้าผมเป็นเลขาของฝ่ายนั้นจะทำยังไงใช่มั้ย

นักข่าว A : ค่ะ คุณจะทำยังไงคะ? จะส่งคนไปอุ้ม หรือจะทำอะไรหรือเปล่า

นาวิน : 555+ นักการเมืองไม่ใช่ยากุซ่านะครับ เรามีหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน ดังนั้นเรื่องอะไรที่มันนอกกฎหมายนั้นคงจะไม่มีแน่นอน
แต่ว่านะ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า การประทำแบบนั้นก็เป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นลูกสาวนักการเมืองหรือเปล่า ซึ่งเมื่อเขาเป็นผู้เยาว์อายุไม่ถึง 20 พ่อแม่ของเขาก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องลูกตามวิธีทางกฎหมาย

นักข่าว A : ค่ะ

นาวิน : "สมมุตินะครับ" ปรกติแล้วเรื่องแบบนี้จะเป็นความผิดที่ฟ้องร้องได้ 3 สถาน
1 พรบ คอมในเรื่องการนำเข้าข้อมูลที่เป็นสื่อลามก ซึ่งเป็นกฎหมายอาญา
2 หมิ่นประมาท ซึ่งเป็นกฎหมายอาญาเช่นกัน เนื่องจากนักการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ลูกสาวนักการเมืองไม่ใช่บุคคลสาธารณะ และคงบอกไม่ได้ว่าภาพลามกเป็นการติชมอย่างสุจริตด้วย นอกจากนั้นการเอาลงเน็ตเนี่ยและอาจถือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาซึ่งแรงกว่าหมิ่นประมาททั่วไป
3 ความผิดทางแพ่ง ซึ่งฟ้องเอาค่าเสียหายได้ กรณีถือว่านั่นเป็นการโฆษณาซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่นำไปสู่ความเสียหาย ซึ่งจะประเมินค่าเสียหายเป็นตัวเงินยังไงก็แล้วแต่

นักข่าว A : หมายความว่าคุณนาวินจะฟ้อง? ถ้าทำแบบนั้นก่อนช่วงเลือกตั้งจะไม่เป็นปัญหากับฐานคะแนนเสียงเหรอคะ?

นาวิน : 555+ “สมมุตินะครับ” อย่าลืมว่าการเลือกตั้งอาจมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังนั้นการฟ้องร้องหลังเลือกตั้งก็ไม่มีผลกับคะแนนเสียงจริงมั้ยล่ะครับ

นักข่าว A : แต่ว่าคดีหมิ่นประมาทนั้นมีอายุความเพียงแค่ 3 เดือน ไม่ใช่เหรอคะ

นาวิน : คุณนักข่าวก็รู้เรื่องกฎหมายดีอยู่แล้วนะครับ ดังนั้นน่าจะรู้ด้วยว่า อายุความ 3 เดือนนั้นนับจากวันที่ “รับรู้” ถึงการหมิ่นประมาทนั้น พอดีว่าช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเลือกตั้งผมจึงยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรในเฟสบุ๊คเลย
ดังนั้น “สมมุติ” ว่ามันมีเรื่องแบบนั้นจริง ผมอาจจะเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาอ่านและเห็นหลังจากที่เลือกตั้งเสร็จแล้วก็ได้ นอกจากนั้น พรบ คอมก็มีอายุเท่ากับคดีอาญาปรกติครับ รอให้ได้เป็นรัฐบาลก่อนค่อยฟ้องยังได้เลย

นักข่าว A : แต่ถ้าทำแบบนั้น ข้อต่อสู้ทางกฎหมายจะค่อนข้างอ่อนหรือเปล่า ฝ่ายที่วาดภาพก็อาจอ้างได้ว่าตัวละครเป็นตัวละครอื่นไม่เกี่ยวกับคนที่มีอยู่จริง
อาจอ้างต่อสู้เรื่อง พรบ คอมว่ามันไม่ถึงขึ้นอนาจาร
หรือเรื่องอายุความก็อาจเป็นเหตุผลในชั้นศาลของฝ่ายที่ถูกฟ้องเพื่อสู้ว่าคดีหมดอายุความแล้วก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ

นาวิน : ใช่ครับ แต่คดีคอมพิวเตอร์เนี่ย ผมอาจจะเปิดคอมขึ้นมาดู และเห็นความผิดนั้นที่ไหนก็ได้จริงมั้ยล่ะ
หมายความว่า หลังจากเลือกตั้ง ผมอาจจะไปเปิดคอมอ่านในเขตที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นปัตตานี หรือเชียงราย หรือเขตอะไรที่เป็นพื้นที่ของนักการเมืองคนนั้นก็เป็นได้
เอาแบบนั้นก็แล้วกัน ลองคิดดูว่าคุณต้องเสียทั้งค่าทนาย เสียทั้งเวลา และต้องนั่งรถเข้าไปในเขตอิธิพลของนักการเมืองที่คุณลวนลามลูกสาวเขาทุกเดือน โดยส่วนตัว ผมคิดว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
ที่จริงถ้าเขาโกรธมาก เขาอาจจะฟ้องคุณทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศพร้อมกันเลยก็ได้ ผมคิดว่าเข้าจ้างทนายจังหวัดละคนได้ แต่คุณมีเวลาเดินทางไปขึ้นศาลครบหรือเปล่าล่ะ?

นักข่าว A : แล้วคิดว่าในเคสนี้เขาจะฟ้องหรือเปล่าคะ

นาวิน : นาวิน : ส่วนตัวผมมองว่าแฟนอาร์ทอะไรนี่ก็เป็นเรื่องดีนะ มันเป็นสิ่งแสดงศักยภาพของนักวาดไทย ซึ่งรัฐบาลควรส่งเสริม และการที่เขาวาดเพราะชื่นชมอยากเชียร์ก็เป็นสิ่งดี แต่ก็ต้องดูระดับของความเหมาะสมด้วยเหมือนกัน
ถ้าทำอะไรเกินเลยมันไม่ได้เสี่ยงแค่โดนฟ้อง แต่เสี่ยงจะทำให้ภาพลักษณ์ของวิชาชีพทั้งหมดที่ควรจะได้รับความสนใจและเข้าใจจากผู้ใหญ่มันเสียไปด้วยทั้งหมด
ส่วนเรื่องฟ้องไม่ฟ้องก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นใคร และพ่อแม่เขาโกรธกันขนาดไหน

นักข่าว A : สมมุติว่าถ้าเป็นคุณหนูของคุณนาวิน คุณนาวินจะฟ้องมั้ยคะ

นาวิน : นั่นสิครับ เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น ผมยังไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง คงไม่มีใครรู้จนหมายศาลไปถึงบ้านนั่นแหละครับ 555+

951 Nameless Fanboi Posted ID:5rO5oHuidO

ตัวอย่างการสู้คดียาเสพติด ในประเด็นเรื่องมีไว้เพื่อเสพ ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย

เนื่องด้วยประมาณต้นปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยได้มีการแก้ไขข้อกฎหมายเกี่ยวกับการมียาเสพติดไว้ในครอบครอง กรณีมีไว้เกินจำนวนหรือปริมาณที่กฎหมายกำหนด แต่เดิมให้เป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดว่ามีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ปัจจุบันให้ถือเป็นเพียงข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด ทำให้จำเลยมีสิทธิสู้คดีในประเด็นว่า มีไว้เพื่อเสพ ไม่ได้มีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายได้

ซึ่งผู้เขียน เคยได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้แล้วโดยละเอียด เนื่องจากผู้เขียนไว้รับว่าความคดียาเสพติดคดีหนึ่ง ซึ่งเป็นคดีที่นำมาให้อ่านกันในวันนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีประเด็นข้อต่อสู้ว่า จำเลยมียาเสพติดไว้เพื่อเสพเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย โดยผู้สนใจโปรดอ่าน บทความเรื่อง “การแบ่งยากันเสพ ถือเป็นการจำหน่ายตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดหรือไม่ ?” ในลิ๊งด้านล่าง

https://www.facebook.com/srisungadvocate/posts/931760783645347?__tn__=K-R

คดีนี้มีข้อเท็จจริงเป็นที่น่าสนใจ เพราะลูกความของผู้เขียนเป็นเด็กหนุ่มหน้าดี เพิ่งเรียนจบมหาลัยชื่อดัง และมีความสามารถเป็นอาจารย์พิเศษสอนด้านภาษา ทำงานบริษัทที่ดี ได้เงินเดือนสูง เพียงแต่ด้วยความรักสนุก เมื่อดื่มเหล้าจนเมาได้ที และเพื่อนชวนไปเที่ยวต่อที่ผับ จึงได้ลองอยากลองเสพยาติด คือยาอี ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่นในตอนนี้ แต่ได้ถูกจับกุมเสียก่อน และปรากฎว่ายาเสพติดที่ครองครองนั้นเกินจำนวนกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงถูกฟ้องในข้อครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย

ผู้เขียนเองก็เป็นคนที่เคยและชอบเที่ยวกลางคืนมาก่อน เที่ยวชนิดที่ว่าลองมาครบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องยาเสพติดที่ผู้เขียนไม่ยุ่งเกี่ยว ก็ทราบดีว่าในผับใหญ่ๆ นักเที่ยวจำนวนมากจะมีการลักลอบเสพยาประเภทนี้ รวมยาเคตามีนเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องปกติ เข้าใจว่าเสพแล้วจะทำให้การเที่ยวนั้นสนุกกว่าธรรมดา

การเสพยาเสพติดเพื่อความสนุกย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่คนเหล่านี้เป็นเพียงผู้ป่วย เป็นเด็กที่หลงผิด อยากรู้อยากลอง ที่ควรได้รับการบำบัดรักษา ไม่ใช่อาชญากรที่ควรได้รับโทษจำคุก ซึ่งโทษจำคุกในคดีประเภทนี้มีอัตราโทษที่ค่อนข้างสูง

โดยคดีนี้หากจำเลยรับสารภาพในข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ตามมาตรฐานโทษหรือยี่ต๊อก จะถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี หรือหากสู้คดีแล้วไม่หลุด ก็จะถูกจำคุกประมาณ 3 ปี เศษถึง 4 ปี

ดังนั้นคดีนี้จึงมีเดิมพันสูง หากสู้คดีแล้วแพ้ เท่ากับอนาคตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทีพึ่งเรียนจบมาหมาดๆ มีความสามารถ มีอนาคตที่ดี จะต้องจบลง เพราะการเข้าไปติดคุก 2-4 ปี ในคดียาเสพติด เมื่อออกจากคุกมา เป็นการยากที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติหรือเป็นคนดีของสังคมได้อีกต่อไป

ผู้เขียนได้วางรูปคดีและวางแผนคดีนี้อย่างตั้งใจ ในการสู้คดีผู้เขียนยึดหลักตามความจริง โดยให้จำเลยนำสืบไปตามจริงว่า ถือยาเสพติดไว้เตรียมแบ่งกันเสพกับเพื่อน ซึ่งยาเสพติดดังกล่าวได้ร่วมกันซื้อมา ถึงแม้จะทำให้รูปคดีดูสุ่มเสี่ยง เพราะคำว่าจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ หมายถึงการแบ่งกันเสพด้วย แต่เนื่องจากผู้เขียนได้ค้นคว้าข้อกฎหมายเป็นอย่างดีแล้วว่า ถึงแม้จะมีไว้แบ่งกันเสพ แต่หากเป็นการแบ่งกันเสพระหว่างผู้ที่มีเจตนาร่วมกระทำผิดกันมาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ถือเป็นการจำหน่ายแต่อย่างใด (อ่านเนื้อหาในบทความข้างต้น)

ตลอดการสืบพยาน ฝ่ายอัยการโจทก์ แทบจะไม่ถามค้านพยานฝ่ายของผู้เขียนเลย โดยอัยการโจทก์ได้พูดกับอัยการรุ่นน้องและเด็กฝึกงานที่มาร่วมฟังการสืบพยานว่า ผู้เขียนสืบพยานฆ่าตัวเองอยู่แล้ว เพราะสืบว่ามีไว้เพื่อแบ่งกันเสพ รูปคดีผู้เขียนไปไม่รอดอยู่แล้ว

สุดท้ายแล้ว ศาลได้โปรดให้ความเมตตา ยกฟ้องจำเลยในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากพฤติการณ์ต่างๆในคดี ชี้ให้เห็นว่า จำเลยมีเพียงเจตนาครอบครองยาเสพติดเพื่อเสพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันไม่มีการยื่นอุทธรณ์ของอัยการโจทก์แต่อย่างใด

ผู้เขียนจึงนำตัวอย่างคดีมาให้ผู้สนใจได้ศึกษากัน แต่อย่างไรก็ดี การสู้คดี คดีประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เสียสุขภาพจิต ครอบครัวต้องเดือดร้อนแล้ว ก็ไม่ใช่ว่ามีโอกาสที่จะจบด้วยดีอย่างนี้เสมอไป หากมีข้อเท็จจริงอื่นๆที้เปลี่ยนแปลงไป ผลคดีก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ ดังนั้น ทางที่ดีอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะดีที่่สุดครับ...

952 Nameless Fanboi Posted ID:5rO5oHuidO

ปตท. ผู้คุมราคาน้ำมันและขึ้นราคาได้แม่ราคาตลาดดโลกจะลดและกำไรมหาศาลเป็นแสนล้านจากการขายกาแฟ ที่มีเรเวนิวแค่ไม่กี่พันล้าน ... #ประชาธิปไตยนี่วิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆ

953 Nameless Fanboi Posted ID:xuuMr6OWKx

เชิญร่วมลงชื่อ
เราจะมีเวลาให้ลงชื่อถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 เพื่อรวบรวมรายชื่อยื่นกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสื่อและประชาชน ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
----------------

จดหมายเปิดผนึก : จากนักกิจกรรมเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ ต่อร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต
.
จากการเผยแพร่ ร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. …. (Draft Civil Partnership Act B.E. ...) ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 70 มาตรา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 นี่ถือเป็น ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ 3 ที่ร่างจากฝ่ายรัฐเพื่อผลักดันการรับรองคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
.
เรา, นักกิจกรรมเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากในเนื้อหาของ ร่างพระราชบัญญัติฯ ยังไม่ครอบคลุมสิทธิหลายประการ และมีการเลือกปฏิบัติต่อคู่รักบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และยังไม่สามารถแก้ไขสภาพปัญหาการขาดสิทธิของคู่รักเพศหลากหลายได้ครบถ้วน เช่น
.
-สิทธิในการตัดสินใจในการรักษาพยาบาลและจัดการศพ
-สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน การอุ้มบุญ และการปกครองบุตรร่วมกัน
-สิทธิในผลประโยชน์ และสวัสดิการของคู่รักอีกฝ่ายในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย
-สิทธิในการได้รับการยอมรับ และมีศักดิ์ศรีในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย
-สิทธิของบุคคลทุกอัตลักษณ์ทางเพศ และวิถีทางเพศในการจดทะเบียนสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามหลักความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย
.
อีกทั้งคำว่า ‘คู่ชีวิต’ ที่ปรากฎอยู่ในร่างพระราชบัญญัติฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ไม่เคยปรากฏในประมวลกฎหมาย หรือกฎหมายใดๆ ในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้นสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ที่ยึดโยงคำว่า ‘คู่สมรส’ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่ให้สิทธินั้นกับ ‘คู่ชีวิต’ ตามร่างพระราชบัญญัติฯ ได้
.
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 3 มาตรา 27 ได้กำหนดไว้ว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน” ฉะนั้นเท่ากับว่า การบัญญัตคำว่า ‘คู่ชีวิต’ อาจทำให้เกิดการเลือกปฎิบัติ ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
.
เรามีจึงข้อเสนอให้
.
1. ชะลอการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เพราะเนื้อหาของร่างฉบับนี้ยังมีการเลือกปฎิบัติ และไม่สามารถให้หลักประกันว่าคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาค ความพยายามที่จะให้ประชาชนสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติฯ ไปก่อน โดยอ้างว่า ‘ดีกว่าไม่มี’ เป็นการใช้อำนาจบิดเบือน ให้ประชาชนสมยอมต่อความไม่เป็นธรรม และการถูกลิดรอนสิทธิพลเมือง สิทธิเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
.
2. กระบวนการเสนอกฎหมายการร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการสมรส และครอบครัวของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ควรเป็นส่วนหนึ่งของ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนเจ้าของปัญหาและเครือข่ายภาคประชาสังคม ดังนั้นแล้วการขับเคลื่อนทางกฎหมายต้องยึดหลัก ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เราเชื่อในกระบวนการประชาธิปไตยที่ยึดหลักสากล และการพิจารณากฎหมายจากสภาที่ดำรงตำแหน่งผ่านกระบวนการประชาธิปไตย
.
3. จัดให้มีการศึกษาวิจัยฐานทัศนคติของคนในสังคม เพื่อนําไปสู่การสร้างความตระหนักและความเข้าใจอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียง การออกกฎหมายและนโยบายที่สังคมไม่เข้าใจ และไม่สามารถนําไปปฏิบัติ โดยปราศจากการตีตราและเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งควรยกระดับการอภิปรายเรื่องการจัดทํากฎหมายสู่สาธารณะ เปิดรับความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นฐานของการขับเคลื่อนให้ เกิดความเท่าเทียมทางเพศอย่างยั่งยืน "เพราะกฎหมายที่ปราศจากความเข้าใจของผู้บังคับใช้กฎหมายไม่อาจนำมาซึ่งการปฏิบัติที่เท่าเทียม"
.
4. ตามหลักการสากลว่าด้วยเรื่องการไม่เลือกปฏิบัติ และการเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย รัฐมีหน้าที่สร้างและแก้ไขกฎหมายเพื่อประกันว่าทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม หากรัฐสร้างกฎหมายที่มีเนื้อหาและข้อยกเว้นที่เลือกปฏิบัติ ถือว่าขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชน ดังนั้นรัฐต้องดำเนินแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์เพื่อให้ทุกเพศไม่ว่าจะเป็นอัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศใด สามารถเข้าถึงกฎหมายสมรสอย่างเท่าเทียม
.
ด้วยความศรัทธาในสิทธิและความเท่าเทียมเป็นธรรม

ลงชื่อในเมนต์นี้ได้เลยค่ะ

😊😊

https://web.facebook.com/thaisogi/photos/a.486484461378275/2531112170248817/?type=3&theater

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

954 Nameless Fanboi Posted ID:.mUV1prKYY

ทุกอย่างบนโลกมีเหตุและผลครับ

ที่สิงคโปร์ เมื่อคืนนั่งรถ taxi มาที่โรงแรม ผมก็บอกไปว่า บ้านเมืองนี้เรียบร้อย สะอาด และเป็นระเบียบมากๆๆๆๆ ขนาดมาถึงดึกๆ รถบนถนนก็ขับกันเรียบร้อยมากๆ

คนขับแท๊กซี่ก็เลยบอกว่าที่นี่กฏหมายแรงมากๆ เช่น

1. รถไม่เปิดไฟเลี้ยว ขณะเปลี่ยนเลน S$300
2. ขับเกินกำหนด S$800-1,000 และหักคะแนน 50%
3. คนเดินถนนไม่ข้ามตรงที่ข้าม S$150
4. คนเดินถนนพูดโทรศัพท์ขณะข้าม S$300

สุดยอดดดดดด แพงกว่าที่ออสเตรเลียอีกอะ!!!

955 Nameless Fanboi Posted ID:5SXTBqIvqu

>>954 เป็นไทยคนจะอ้างว่าเงินเข้ากระเป๋า

956 Nameless Fanboi Posted ID:xO+Zt+QGgN

>>955 แค่จับหมวกกันน็อค 200-400 ยังด่ากันชิบหายเลย

957 Nameless Fanboi Posted ID:9DeljK5vfq

อยากให้มีกฏหมายห้ามเดินเล่นมือถือในที่สาธาณะ

958 Nameless Fanboi Posted ID:ri7AH7faXU

>>957 ที่ญี่ปุ่นเรียกพวกนี้ว่า 歩きスマホ ถ้าเอาอักษรหน้ากับท้ายต่อกัน จะได้คำว่า あホ พ้องเสียงกับคำว่า "ไอ้โง่"

959 Nameless Fanboi Posted ID:.mUV1prKYY

สารภาพ ชอบแอดมินเพจผู้กองโหด ณ เดนตาย อยากคบเป็นแฟน

ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องหน้าตาเลย แต่มีความรู้สึกว่า เป็นคนระดับเดียวกัน เพราะมีความสนใจในสิ่งเดียวกัน รสนิยมเหมือนกัน ทำงานใกล้เคียงกัน มีความรู้ในเรื่องเดียวกันแทบทุกเรื่อง เชื่อว่า สามารถพูดเรื่องอะไรๆก็เก็ตหมด

คือ กูมักจะหงุดหงิดเวลาคุยกับใคร แล้วอีกฝ่ายไม่เข้าใจ (เพราะอยู่คนละโลกกับกู) แล้วกูต้องเสียเวลาอธิบาย แทนที่จะได้เดินหน้าไปต่อ ซึ่งตาแอดมินเพจผู้กองโหดเนี่ย อยู่โลกเดียวกับกูไง เชื่อว่า คุยเรื่องอะไรๆก็เข้าใจ

กูมั่นใจเลยว่า ถ้าคบเป็นแฟนกัน คงมีความสุขมาก แทบไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันเลย เพราะคุยในสิ่งที่ชอบด้วยกันทั้งคู่ สถานที่ที่ไปเที่ยวก็จะเป็นที่ที่ชอบทั้งคู่ (ถ้าไปญี่ปุ่นด้วยกัน ก็จะไปย่านที่อยากไปเหมือนกันทั้งคู่) รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ ก็ยังมีรสนิยมแบบเดียวกัน

แต่ปัญหาติดอยู่แค่ 2 ข้อคือ
1. เค้ามีแฟนแล้ว
2. กูไม่ใช่บุคคลในเครื่องแบบ ไม่ใช่ทหาร ตำรวจ (เครื่องแบบขับกันดั้ม แม่งก็ไม่นับอีก)

ปล. ตานี่ก็เป็นเพื่อนใน FB กูนี่แหละ อันนี้จงใจเขียนสารภาพให้มันอ่านเลยแหละ เพราะมั่นใจว่าต้องขึ้นที่หน้า Wall มันแน่ๆ

960 Nameless Fanboi Posted ID:CItNg6/BD8

วันนี้ลงเก็บข้อมูลเครื่องวัคซีนในชุมชน
ทีมเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประจำอำเภอพาไปเยี่ยมบ้านที่ปฏิเสธวัคซีนเพราะเรื่องความเชื่อ ที่ผมไปไม่ได้จะไปชวนเค้าฉีดวัคซีนนะครับ แต่ไปเพื่อเรียนรู้
เยี่ยมไปสามบ้าน สิ่งที่สัมผัสได้คือ เราในสายตาของทั้งสามบ้าน เป็นเหมือนผู้บุกรุก มีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่เป็นมิตร ชาวบ้านที่ปฏิบัติตามความเชื่อของเขาคงรู้สึกเครียดและกดดันเช่นเดียวกัน ที่ความเชื่อของเขาถูกคุกคาม ในพื้นที่ผมไปลง มีมาตรการเข้นข้นมาก บ้านที่ไม่รับวัคซีนก็จะหนีออกจากบ้านช่วงกลางวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับเจ้าหน้าที่

ผมทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า บ้านที่ปฏิเสธนั้น มีเจ้าหน้าที่ลงไปพบปะหลายครั้งแล้ว และเปลี่ยนความคิดไม่ได้เลย นี่คือเชื้อความเชื่อที่ทรงพลังมาก

เจ้าหน้าที่ก็เต็มเปี่ยมด้วยอุดมการณ์เช่นกัน ผมเองที่โดนเมินเฉยครั้งเดียวก็ท้อใจแล้ว ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็โดนมาสารพัด ในพื้นที่สีแดง บางบ้านก็เอาปืนมาถู ๆ ลูบ ๆ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ถ้าโดนแบบนี้ใจผมคงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม แต่เราคงทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยให้มีเชื้อระบาด คนอื่น ๆอีกหลายคนก็จะต้องได้รับเชื้อไปด้วย

ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกท่าน ในการต่อสู้กับโรคระบาด ผมเข้าใจแล้วว่างานนี้มันยากมากขนาดไหน ที่ต้องทำงานเอาชนะด้านความคิดกับคนที่ปฏิเสธวัคซีน งานนี้เหมือนงานดะวะฮ (เผยแพร่ศาสนา) เพราะเป็นการเอาชนะคนที่ความคิด ซึ่งแน่นอนว่ามันยากมากถึงมากที่สุด

ผมไม่แปลกใจว่าทำไมคนเก่ง ๆ ที่ผมรู้จักหลายคนเลือกออกนอกพื้นที่ ไปทำมาหากินที่อื่น ที่มีความเจริญมากกว่าที่นี่ การมาทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่หากต้องเจออุปสรรคแบบนี้ก็น่าท้อใจ คนหลายคนมีอุดมการณฺดี ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน แต่ดูเหมือนประชาชนจำนวนหนึ่งก็มีความสุขดีกับสถานภาพชีวิตที่ตนเองเป็นอยู่

พี่พยาบาลคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่สอนให้คนที่กินอาหารดี ๆ มีคุณค่าทางโภชนาการ เด็กจะได้เติบโต มีพัฒนาการที่เหมาะสม ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็จะตอบกลับมาว่า ลูก ๆ ของเขานี่แข็งแรงดี ฉลาด ซนจะตาย วิ่งเล่นได้ และปฏิเสธคำแนะนำ (สามจังหวัดชายแดนใต้มีความชุกของเด็กขาดสารอาหารมากที่สุดในประเทศไทย)

พี่อีกคนบอกว่า วิธีการที่ทำให้คนที่ปฏิเสธวัคซีนแบบฮาร์ดคอร์ มารับวัคซีนไม่ใช่การให้ความรู้ เพราะตอนนี้ให้สารพัดความรู้แล้วก็ยังไม่รับ ต้องเป็นการบังคับ หรือลงโทษ ต้องให้ทางนายอำเภอตัดเงินสวัสดิการคนจน หรือสั่งห้ามไม่ให้ลูกไปโรงเรียน (เพราะกลัวเด็กไม่ฉีดวัคซีนไปติดโรค) สำหรับครอบครัวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน

การบังคับขู่เข็ญคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดกระมัง สำหรับคนในพื้นที่นี้ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคน

อ่านแล้วลองช่วยกันถกดู ปัญหาหลายๆอย่างในบ้านเรามันก็คล้ายเครื่องวัคซีน

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

961 Nameless Fanboi Posted ID:CqHl59.3RW

>>954 ดอลล่าเลยเหรอ

962 Nameless Fanboi Posted ID:OweigAkhQY

>>961 สิงคโปร์ดอลล่าห์

963 Nameless Fanboi Posted ID:Bv/2.UAjqv

การขริบอวัยวะเพศหญิง ( Female genital mutilation -เอฟจีเอ็ม ) กลายเป็นประเด็นถกเถียงในมาเลเซียขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเลย์บอกคณะผู้แทนในกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกลไกตรวจสอบโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ปกป้องการขริบอวัยะเพศทารกเพศหญิงว่า เป็นพันธกิจทางวัฒนธรรมในมาเลเซีย และยืนยันว่า ไม่ใช่รูปแบบหนึ่งของเอฟจีเอ็ม

ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่รัฐบาล สร้างความผิดหวัง และไม่พอใจให้กับนักเคลื่อนไหวและกลุ่มสิทธิในมาเลเซีย ขณะที่นานาประเทศเห็นตรงกันว่า เอฟจีเอ็มไม่มีประโยชน์ใดทางการแพทย์ แต่มาเลเซียยังยึดว่าเป็นวัฒนธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ล่าสุด ดร.วัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และรัฐมนตรีกระทรวงสตรี ครอบครัวและพัฒนาชุมชน กล่าวในรัฐสภาวันนี้ ย้ำจุดยืนว่าการขริบอวัยวะเพศหญิง เป็นส่วนหนึ่งอขงวัฒนธรรม แต่อย่านำไปเปรียบเทียบกับประเพณีปฏิบัติในบางประเทศแถบแอฟริกา ที่ถูกโลกประณาม กระนั้น กระทรวงของเธอกำลังหารือประเด็นนี้กับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง และหากพบว่า ไม่มีประโยชน์อันใด เราควรทำอะไรบางอย่าง

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

964 Nameless Fanboi Posted ID:YQdIP30xVs

"การพรีเซ้นว่าตนยากจน ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป"

ภาพนี้คนไทยหลายคนซาบซึ้ง เป็นภาพนางงามไทยกราบเท้าแม่ ข้างกองขยะ ขอบคุณที่เลี้ยงเธอจนโตทั้งๆที่ยากจน อยู่สลัม
แต่เมื่อภาพนี้ออกไปสู่สายตาชาวโลก รู้ไหมว่า พวกแฟนนางงามชาติอื่นๆเอาภาพนี้มาล้อคนไทยบ่อยมาก ล้อเรื่องความยากจน "ดูสิ ขนาดนางงามยังยากจน อยู่สลัม ที่ที่กราบแม่ก็ยังเป็นข้างกองขยะ คนไทยทุกคนก็คงยากจน อยู่กินกับกองขยะ"

คนไทยเสียชื่อหมด เพราะนางงามคือตัวแทนของคนไทย คนต่างชาติเค้าไม่อินเรื่องดราม่าความกตัญญู หรือ ดราม่าความยากจนหรอก
ซึ่งบางคนอาจเถียงว่า "ช่างเขาสิ เราซาบซึ้งของเราก็พอ ทำไมต้องไปแคร์คนอื่น" ไม่ได้สิ เราต้องแคร์สิ เพราะมันคือเรื่องของภาพลักษณ์ ถ้าเรานำเสนอภาพที่ดีๆ ภาพที่ดูแพงๆให้คนอื่นเห็น คนก็จะอยากมาร่วมงาน ร่วมทำธุรกิจกับเรา ใครจะอยากลงทุนทำธุรกิจ ทำงานกับคนที่ดูไม่ดี จริงไหม

ทำไมฉันถึงพูดเรื่องนี้

สาเหตุที่ฉันนึกถึงภาพนี้ขึ้นมา เพราะว่า วันก่อนโน้น ฉันได้คุยกับผู้กำกับหนังชื่อดังท่านหนึ่งในสมาคมผู้กำกับ เค้าบอกว่า ผู้กำกับหนังไทยควรเลิกพรีเซ้นว่า "ฉันยากจน"
เพราะนอกจากทำให้ดูไม่ดีแล้ว ยังทำให้คนไม่อยากจ้าง เพราะคนจ้างจะคิดว่า "เอ้ะ ทำไมผู้กำกับคนนี้ยากจนล่ะ เพราะไม่มีคนจ้างใช่ไหม แสดงว่าเค้าต้องห่วยมากแน่ๆ ถึงไม่มีงานทำ" เลยยิ่งไม่มีคนจ้างเข้าไปอีก

ซึ่งก็จริง เพราะการของานกำกับ ไม่ใช่การขอทาน การพรีเซ้นว่าตัวเองจน ไม่ได้ช่วยให้คนอยากให้งาน ถ้าฉันเป็นนายทุน ระหว่างผู้กำกับที่ลุคดูรวยๆ เดินมาเท่ๆ กับผู้กำกับที่ลุคดูจน ซอมซ่อ แทบก้มกราบเพื่อของาน ฉันก็คงให้งานผู้กำกับคนแรกว่ะ

นี่ไม่ใช่ยุคที่จะใช้ความยากจนเรียกคะแนนสงสาร นี่เป็นยุคที่คนจะถามเราว่า "เธอจะทำอะไรให้ฉันได้บ้าง ไม่ใช่ฉันจะช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง"

965 Nameless Fanboi Posted ID:6HNNqp0Af2

>>964 มิตรสหายท่านนี้ปัญญาอ่อนรึอะไร ไม่มีใครเขาพรีเซนต์ว่ายากจน เขาพรีเซนต์ตัวเองว่า"เคย"ยากจนตะหากเว้ย นางงามที่เอามาด่าก็ไม่ได้พรีเซนต์ว่ายากจน แค่พรีเซนต์ว่าเคยลำบากมาก่อน

การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของไทยเลย Andy Warholเวลาโดนถามว่าทำไมวาดรูปกระป๋องซุปแคมเบลก็ตอบว่าเพราะเคยต้องกินแต่ซุปกระป๋องเป็นมื้อกลางวันมายี่สิบปี
ในอเมริกายิ่งหนัก เพราะมีไอเดียของอเมริกันดรีมคนที่เคยลำบากมาก่อนแล้วรวยก็ยิ่งเป็นคนที่สังคมเมกายอมรับ

เปลือกไม่พอ จับแพะชนแกะอีกตะหาก

966 Nameless Fanboi Posted ID:3l6ioHDDl/

เออ ไม่มีหรอกอะไรที่มันได้มาง่ายๆ

967 Nameless Fanboi Posted ID:jp33SGPe+0

อะไรที่ออกมาให้มึงดูผ่านทีวี แม่งล้วนแต่เป็นมายาสร้างภาพ

968 Nameless Fanboi Posted ID:scytregPX6

>>964 ไอ้พวกผู้กำกับใส่ชุดโก้ๆเดินอวดเบ่งนั่นแหละพวกฝีมือเหี้ย 55555

969 Nameless Fanboi Posted ID:T.cKxVDkZu

Short Note ตลาด Tech ปลายปี 2018 #ไทยคำอังกฤษคำจัดๆนะ

- ตลาดมือถือกลายเป็นตลาด Consumer เต็มตัวแล้ว แทบไม่มี Innovation มาเกี่ยวข้องละ ถ้าสนใจ Next Era ควรจะ Fade Down จากมือถือได้แล้ว

- Mobile App จบ(ไปนาน)แล้ว จากนี้อยู่ได้ก็แค่แอป ฯ เฉพาะทางที่จำเป็นเท่านั้น แต่ความต้องการ Mobile Developer ก็ยังสูงอยู่ ด้วยเหตุผลบางประการ

- Mobile Games จะยังเติบโตต่อไป แต่ก็จะผูกขาดกับ Publisher เจ้าใหญ่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ

- Crytocurrency พิสูจน์ตัวเองระดับหนึ่งแล้วว่าไปไม่รอด คงจะตายไป 99.9% ตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักคือ Adoption ไม่เกิดขึ้นจริง

- ใครทำธุรกิจเกี่ยวกับ Cryptocurrency ปรับตัวดี ๆ

- แต่ตัว Store of Value น่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งตัว และก็คงหนีไม่พ้น Bitcoin อาจจะใช้จ่ายจริงไม่ได้ แต่คงเก็บมูลค่าได้ คงจะเห็นชัดหลัง Halving ครั้งถัดไป

- Public Blockchain ยังต้องหาตัวเองต่อไปว่าจะไปยังไงต่อ เข้าสู่ Mass Adoption ไม่ได้เพราะยากเกินไป พอคน Mass ใช้ไม่เป็นก็ไม่ใช้กันและมันก็ไม่มีทางเกิด ต้องรอ Generation ต่อไปที่ทุกอย่างง่ายขึ้น อาจจะต้องรอ Crypto Bank เกิด

- แต่ Private Blockchain นี่โตเอา ๆ ทั้งตลาด Enterprise และตลาด B2G ถ้าใครจะจับ Blockchain ควรหันไปทางโน้น ไม่ใช่ Public Blockchain รวยไปหลายรายละฮ้าบบบ

- คาดว่า Public Blockchain น่าจะเหลือรอดแค่ไม่ถึง 10 สาย

- ICO จบแล้ว ต่อจากนี้ถ้าจะมีอะไรรอดก็ STO

- แต่ STO เราคาดว่าน่าจะไม่ขอระดุมทุนจาก Public เท่าไหร่ คงทำเป็น Private Funding กลับเข้าสู่รูปแบบเดิม ก็คือคนทั่วไปน่าจะไม่ได้ลง

- ใครจะทำ ICO Portal คิดดี ๆ ไม่ได้ห้ามทำแต่วางแผนดี ๆ ให้เหมาะสมกับตลาดที่เปลี่ยนไป อย่ายึดเอาโมเดลปีที่แล้วมาทำ เจ๊งชัวร์

- AI เป็น Next Era อย่างเป็นทางการ บอกแล้วบอกอีกและก็ยังจะบอกต่อไป จับ AI ซะแล้วจะรุ่งเรืองในยุคถัดไป

- แม้แต่การเติบโตของตลาดมือถือก็จะผูกกับ AI โดยเฉพาะ Mobile Photography ที่จำนวนเลนส์ยังไม่สำคัญเท่า AI ฉลาด ๆ ถ้า Flagship รุ่นถัดไปของยี่ห้อไหนไม่มี AI มาเกี่ยวข้อง พูดเลยว่าลำบากแล้ว

- ไม่ใช่แต่ Developer ที่ต้องปรับตัว สื่อก็เช่นกัน ถ้าจะยังเล่นแต่เรื่องเดิม ๆ ก็จะจืดละ หันไปเล่นเรื่อง AI แล้วสื่อนั้น ๆ จะโดดเด่นขึ้นมาทันที

- Tensorflow ดูมีภาษีดีสุดในแง่ Production Deployment พี่ Google เค้าวิชั่นดี

- VR ยังหาทางตัวเองอยู่ ด้าน Content Creator ค่อนข้างไม่ชอบที่จะทำ Content VR เพราะถ่ายยากและ Consume ยาก ตลาดนี้จึงไม่โตเพราะ Content ด้วยและตัวแว่นก็ยังใช้งานยากด้วย

- แต่ตลาดที่ Prove แล้วว่าเวิร์คสำหรับ VR คือ Gaming ทั้งแบบ B2C และ B2B2C (ร้านเกม) เสพย์ยากก็เดินเข้าร้านแล้วทุกอย่างก็ง่ายเอง

- AR กลายเป็น Gimmick มากกว่าฟีเจอร์ แต่ก็มีการใช้งานจริงในบางตลาดแล้ว แต่ส่วนใหญ่เน้นไปทาง Entertainment เช่น แต่งหน้า แต่งตัว ก็ไม่ใช่ Everyday Use อยู่ดี พวกส่อง ๆ เล่นเกมมันก็แค่ว้าว สุดท้ายเล่นครั้งเดียวเลิก ต้องหาช่องทางกันต่อไปครับ

ตลาดช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นเยอะ ปรับตัวกันไปให้ทันนะฮ้าบบบ

970 Nameless Fanboi Posted ID:lPPH3ft1Tj

A: เศรษฐกิจแย่แบบนี้ รายได้ไม่เพิ่มและมีแนวโน้มจะลดลง ผมเลยต้องปรับตัวอ่ะครับ

B: เอ๊ะคุณไปเรียนเขียนแอปพลิเคชั่นหารายได้เสริม หรือไปลงทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์ อ่ะครับ

A: เปล่าครับ เปล่าครับ ตอนนี้ผมหัดกินข้าวสองวันต่อหนึ่งมื้ออยู่อ่ะครับ ประหยัดลงไปได้มากเลย

971 Nameless Fanboi Posted ID:v.FwpsRfso

การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา เราจะต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป้าหมายทุกคะแนนมีความสำคัญ

972 Nameless Fanboi Posted ID:GLR1bgi.p5

>>969 มึงเอาข้อมูลมาจากไหนเยอะเเยะวะขอคีย์เวิดหรือซอสคร่าวๆหน่อยกุจะได้หาอ่านบ้างเพื่อนโม่ง

973 Nameless Fanboi Posted ID:ggck2X/hIR

>>972 เพื่อนโม่งคนที่เอามาแปะอาจจะตอบได้ไม่หมด เพราะเพื่อนโม่งก๊อปมาจากมิตรสหาย developer ท่านหนึ่งที่ดังพอสมควร มิตรสหายท่านนี้จะ summary ความคิดตัวเองต่ออะไรๆในวงการแบบนี้เป็นระยะ ซึ่งกูไม่แน่ใจว่าการเอาข้อมูลส่วนตัวมิตรสหายท่านนี้มาแปะด้วยเจตนาดีจะผิด policy เวบโม่งแห่งนี้รึเปล่า

974 Nameless Fanboi Posted ID:ggck2X/hIR

>>973 ลืม ซึ่งมิตรสหายท่านนั้นพูดอะไรแบบนี้ได้เพราะอ่านเยอะ ดูเยอะ ทำเยอะ คิดเยอะ แล้วเขียนมุมมองตัวเอง ไม่ใช่ว่าอ่านบทความ eng มาแค่ 2-3 อันแล้วเอามาสรุปอะว่ะ กว่าจะได้ขนาดนี้แม่งไม่ง่าย

975 Nameless Fanboi Posted ID:9DEaS/6zX8

>>972 https://fanboi.ch/netwatch/6276/recent/

976 Nameless Fanboi Posted ID:fFnWOztqUM

ช่วงนี้ผมกำลังมีเถียงกับฝรั่งบางคนบนทวิต เกี่ยวกับเรื่องการขายอาหารข้างทางบนฟุตบาท ฝรั่งพวกนี้บอกว่าอาหารข้างทางเป็นเอกลักษณ์ของ กทม และทำให้ กทม เป็นแหล่งท่องเที่ยว ประเด็นคือ ทำไม กทม ต้องเอาใจนักท่องเที่ยว มากกว่าพวกเราที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับ "แหล่งท่องเที่ยว" เหล่านี้ด้วย

ฝรั่งบางคน มาบอกว่า เนี่ยเมืองใหญ่อย่างลอนดอน กำลังพยายามผลักดันวัฒนธรรมอาหารริมทาง โดยยกตัวอย่างตลาดต่างๆ เช่น Bricklane, Spitalfields หรือ Borough Market แต่หารู้ไม่ ตลาดพวกนี้ไม่เหมือนเมืองไทย คือเวลาจะขายอะไร คนขายต้องส่งประกวด ผ่านขั้นตอนสัมภาษณ์ และต้องจ่ายค่าเช่าด้วย

คือเขาไม่คิดเหรอว่าคนไทยก็อยากได้ของดีๆมีใช้บ้าง แล้วชุดความคิดที่ว่าทุกอย่างต้อง please นักท่องเที่่ยวนี่มันโคตร colonial's mentality จริงๆ

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

977 Nameless Fanboi Posted ID:luC+XUrfMA

"วัคซีน"การรุกคืบเพื่อทำลายประชาชาติและชาติพันธุ์ ①

หมอ ประชาชน
CERITA PATANI

ยังคงเป็นข้อกังขาที่พูดถึงอย่างเซ่งแซ่ สำหรับโรคหัดที่ระบาดในพื้นที่ปาตานีอย่างต่อเนื่อง มีเยาวชนเสียชีวิต ที่ถูกประโคมโหมข่าวเพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อพ่อแม่ผู้ปกครองต่อเชื้อโรคนี้

โรคหัดหรือภาษามลายู"ซือแก"ผู้ป่วยจะมีอาการตัวร้อน จะเกิดผื่นแดง จุดที่เห็นได้ชัดที่สุดคือฝ่ามือและเท้า เมื่อเกิดผื่นขื้อทั้งตัวแล้วจะหายเป็นปกติภายในเจ็ดวัน

ซึ่งโรคชนิดนี้ผู้ป่วยจะไข้สูงมีความร้อนสูง ดังนั้นหมอชาวบ้านจะรักษาโดยการใช้พืชสมุนไพรที่มีธาตุเย็นมาต้มน้ำอาบ

ซึ่งพบว่าส่วนมากไม่เคยมีผู้เสียชีวิตจากโรคชนิดนี้

จึงกลายเป็นข้อกังขาของประชาชนในพื้นที่ว่า...

ทำไมโรคนี้ถึงเกิดเฉพาะในปาตานี?
ทำไมสยามจึงพยายามประโคมข่าวการเสียชีวิต?
ทำไมถึงล๊อบบี้ให้ผู้นำทางศาสนาออกมาชี้แจง?
วัคซีนฉีดได้หรอ?

การรุกคืบพื้นที่สงครามแย่งชิงมวลชน สยามยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้น พื้นที่ความศรัทธาถือเป็นพื้นที่หลักและฐานของประชาชนมลายูปาตานี

การทำลายหลักศรัทธาจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ

การล๊อบบีให้ผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่ออกมาชี้นำประชาชนจึงเป็นสิ่งจำเป็น

ซึ่งในทัศนะของอิสลาม
การรักษาให้หายจากโรคใดๆก็แล้วแต่
จำเป็นที่จะต้องค้นหาขวนขวายการรักษาในหนทางที่ฮาลาลให้หมดสิ้นเสียก่อน

#จึงสามารถใช้การรักษาที่ฮารามได้

วัคซีนทำมาจากอะไร?
ตรงนี้เรายังไม่เห็นมีการชี้แจงจากผู้ใดหรือองค์กรใดๆเลย

ตามที่รู้มา"วัคซีน"คือผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ประกอบด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผลิตขึ้นมาจาก"เชื้อโรค"ชนิดนั้น ฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อไปทำปฏิกริยากระตุ้นให้ภูมิคุ้มในร่างกายตื่นตัว

เมื่อหมดอายุการใช้งาน เชื้อไวรัสตัวนี้จะกลายเป็นเชื้อโรคแพร่กระจายไปในร่างกายต่อ

ตรงนี้...
จึงเป็นคำถามที่ถูกถามจากประชาชนในพื้นที่ว่า...

เชื้อโรคเป็นสิ่งต้องห้ามหรือไม่?

การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดคือ การศรัทธาอย่างหนึ่ง
แต่มันก็มีขอบเขตในการก้าวล่วงอำนาจของผู้สร้างและการมอบหมายแด่เอกองค์อภิบาล

เพราะแน่แท้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั่งหมดในหน้าแผ่นดินคือการสร้างความสมดุลให้ในหน้าแผ่นดิน

ติดตามต่อ...②

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

978 Nameless Fanboi Posted ID:0mVbmvisUC

>>976 มึงก็ด้วยแหละ คิดหมุนรอบตัวเองเหมือนกับฝรั่งที่มึงไปเถียงเหมือนกัน
มึงรู้ได้ไงว่าคนกรุงมันมีปัญญาไปแดกของดีๆ แบบที่มึงต้องการทุกคนว่ะ

979 Nameless Fanboi Posted ID:TLsZ5ucaSC

>>978 การจัดระเบียบไม่ได้ทำให้ต้องไปแดกของแพงเสมอไปนิ ร้านอาหารในตึกห้องแถวก็ไม่ได้แพงไปกว่าร้านแผงลอยนักหรอก ดีกว่าด้วย ถ้าจะเอาแบบ SG คือสร้างตึก Food Court ขึ้นมาให้ขายเป็นที่เป็นทางะร้อมให้เงิน Subsidized ตามรูปแบบและคุณภาพอาหารด้วย

980 Nameless Fanboi Posted ID:xQQrALXVAW

>>978 มึงไม่เคยไปแดกฟูดคอร์ท t21 แน่ๆ

981 Nameless Fanboi Posted ID:0mVbmvisUC

>>979 ใครจะเป็นเจ้าของฟูทคอท คอยบริหารจัดการแบบที่มึงว่าละ (พูดไปเดี๋ยวหาว่ากุแซะสถาบันอีก)
>>980 ไปตั้งแต่ไอร้านกล้วยมะม่วงปั่นมันยังแก้วล่ะ 3-40 และวะ ดีจริงห้างอื่นมันทำตามยังล่ะ

แล้วมาตราฐานอาหารส้นตีนเมืองนอกที่มึงต้องการอะ ถ้าทำจริง 7-11 แม่งโดนก่อนเลย
เด็ก7จะเอาของมาเวฟให้มึงไม่ได้ นอกจากจะมีใบประกอบอาหาร เวลาทำความสะอาดก็ต้องปิดร้านทำความสะอาด ทำไปขายไปไม่ได้
อาหารก็ต้องเป็นของที่ภาครัฐจัดให้เท่านั้น ที่พูดนี่คือมาตราฐานร้านแผงลอยนิวยอกนะ (อาจมั่วบ้างเพราะฟังเค้ามา 555+)

982 Nameless Fanboi Posted ID:TLsZ5ucaSC

>>981 ที่ SG รัฐเป็นเจ้าของ ถ้าไทยก็กทม.ไง จะไปยากอะไร กูไม่เข้าใจว่ามึงโยงไปเจ้าได้ไง

มึงมั่วแล้ว ถ้าพูดถึง NY แค่เวฟเด็กฝึกงานก็ทำได้ ไม่ต้องมีใบด้วย เวลาทำความสะอาดก็ไม่ต้องปิดทั้งร้านก็ได้ ยกเว้นทำความสะอาดใหญ่ตามกำหนด

983 Nameless Fanboi Posted ID:tpq0dggQUn

เสียใจ SG ที่ดินเป็นของรัฐ จะทำอะไรก็ได้ แต่ไทยที่ดินเป็นของเอกชน และคนใหญ่คนโตทั้งนั้นที่ครอบครองที่เนื้อที่ดิีๆ แพงๆ ใครจะยอม

984 Nameless Fanboi Posted ID:u.znsr2rzA

>>982 มึงคิดว่าถ้าทำจริง กทม จะบริหารได้จริงๆ เหรอวะ

985 Nameless Fanboi Posted ID:+UnJ.e6+YV

>>983 ที่ดินของกทม.ก็มีนะ เยอะด้วย ถ้าอยากทำจริงมันก็หาทางทำได้ละ แต่ต้องให้ระดับม.44 ทำ รัฐบาลทั่วไปทำไม่ได้หรอก

>>984 อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่มีดารบริการจัดดารละวะ

986 Nameless Fanboi Posted ID:AC2d7JNYfb

เซเลอร์มูนนี่หนึ่งในไอคอนของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุค 90 s แล้ว
เป็นการ์ตูนปรัชญาเสียดสีสังคม เรื่องสงครามและแย่งชิงอำนาจ ระบอบสังคมรวมถึงความเหลื่อมล้ำ การเมืองการปกครอง ธรรมชาติมนุษย์
มีไทยเรานี่แหละที่นึกว่าเป็นการ์ตูนสาวน้อยแปลงร่างใสๆ
https://storylog.co/story/5595251230577d684678aaa9
-มิตรสหายโอตาคุ

987 Nameless Fanboi Posted ID:WbpYz9kFhy

>>986 คนที่ยังอุตสาห์โยงไปได้นี่น่าจะคลั่งจนอาการหนักแล้วนะนั่น

988 Nameless Fanboi Posted ID:u8IsYkXUCQ

>>986 ดูจากบทวิเคราะห์อันอื่น เรียกว่าเนิร์ดจะตรงกว่าโอตาคุ ไม่ใช่ไรกูไม่อยากโดนเหมารวมน่ะ

989 Nameless Fanboi Posted ID:Nwmy6IdxQA

(ยาวมาก แต่อยากให้ทุกคนอ่านให้จบ)
#คนที่โกงคนอื่นจนเป็นสันดาน
จนบางครั้งก็เผลอโกงคนอื่น
โดยตนเองไม่รู้ตัว
.
แถมยังคิดอยู่เสมอ
ว่าตัวเองมักเป็นผู้ถูกกระทำ
จากคนอื่นที่จ้องเข้ามาหาผลประโยชน์จากตน
.
คนพวกนี้มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ
#มันจะกลัวตัวเองเสียเปรียบตลอดเวลา
ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
.
ตั้งแต่เรื่องชีวิตส่วนตัว การทำงาน
หรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
จะเป็นคนละเอียด #ในเรื่องเงินๆทองๆ
.
ใช้คำว่า #ละเอียดจนน่าเกลียด
แม่นทุกบาททุกสตางค์
เศษเงินไม่เคยกระเด็น
จนไม่รู้จักคำว่า "แบ่งปัน"
และคำว่า "มารยาท"
.
ตัวเองเสีย ไม่ยอม!
แต่ถ้าคนอื่นเสีย ตนได้ เอา!
.
แต่เชื่อไหมครับ หากเรามองย้อนไป
รากเหง้าของคนโกงโดยสันดาน
หลายคนล้วนเคยเป็นคนใจดี
มีแต่ให้ ใจสปอร์ทมาก่อน
.
สืบสาวลึกลงไปอีกชั้น
จนเจอต้นตอที่แท้จริง
ของคนโกงโดยสันดาน
.
คนแบบนี้คือผลผลิตจากนิสัย
#ให้แล้วหวังผลตอบแทน
เจตนาแห่งการให้ไม่บริสุทธิ์
.
ธรรมชาติของการให้
คือการสละความตระหนี่ออกจากใจ
.
เหมือนน้ำไหลจากที่สูงลงต่ำ
ล้วนไม่ไหลย้อนกลับสู่เบื้องบนฉันใด
.
ความเสียใจที่สะสมมากเข้า
จากการหวังลึกๆ ว่า
น้ำที่ไหลลงไปนั้น
จะไหลย้อนกลับมาหาตน
.
คือชนวนเหตุของการเป็นคน
"คนโกงโดยไม่รู้ตัว"
อย่างแท้จริง
.
คนเหล่านี้น่าสงสารนะครับ
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากมีเพื่อน
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากเป็นที่รัก
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
ให้เพราะอยากดูดีในสังคม
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากดูรวย
.
แต่หลายครั้ง
ชีวิตถูกกระทำซ้ำเติม
ทุกครั้งที่ให้ไปทีไร
#ไม่เคยได้ผลที่ตัวเองหวังไว้
.
มิหนำซ้ำ ให้ไปแล้วกลับโดนเอาเปรียบกลับ
ทุกการให้กลับรู้สึกว่าเสียมากกว่า
.
ยิ่งให้ยิ่งเสีย
หลายครั้งมากเข้า
ต้องเริ่มสร้างเกราะคุ้มภัยตนเอง
ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากใครได้อีก
.
จนเวลาผ่านไป
เกราะนั้นเริ่มแข็งแกร่ง
แกร่งพอจนมีหนามแหลมออกมา
.
จากที่เคยเอาไว้ปกป้องตนเองอย่างเดียว
ตอนนี้เกราะกลายร่างเป็นอาวุธโดยไม่รู้ตัว
คอยทิ่มแทงคงอื่นที่เข้ามาในชีวิต
ให้พินาศย่อยยับ
.
จากปกป้อง
แปรเปลี่ยนเป็นทำลายล้างในที่สุด
.
คนพวกนี้ ถ้าพื้นเดิมเป็นคนเก่ง
จะค่อยๆ รวยขึ้นๆ อย่างรวดเร็ว
แต่มิตรแท้ จะค่อยๆ ลดลง
จากชีวิตพวกมันไปทีละน้อย
.
เหลือแต่มิตรเทียม ระดับเขี้ยวลากดิน
ที่คอยจ้องแทะโลม แย่งชิงผลประโยชน์กัน
มิตรที่เอาแต่ได้ แทะจนเหลือแต่กระดูก
แล้วคอยสมน้ำหน้าซ้ำเวลาเราชิบหาย
นอนตายหมาข้างถนน
.
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
เดินขึ้นถึงหอคอยงาช้างเมื่อไหร่
#ไม่เหลืออะไรเลย
.
บางครั้งอาจไม่เหลือจริงๆ
แม้กระทั่งคนในครอบครัวด้วยกัน!
.
คนแบบนี้ ในสังคมเริ่มมีมากขึ้น
หนทางเดียวในไม่กี่ทาง
ที่พอรับมือคนเหล่านี้ได้บ้าง
คือ "ความชัดเจน"
.
ชัดเจนตั้งแต่เรื่องเล็กๆ
จนกระทั่งเรื่องใหญ่
.
ถ้าทานข้าวด้วยกัน
ก็เสนอตัวพูดไปก่อนเลย
ว่าหารครึ่งกันไหมหรือใครจะเลี้ยง
.
ถ้าทำธุรกิจใดด้วยกัน
ก็ต้องมีสัญญาที่ชัดเจน
เลิกทำ "สัญญาใจ"
อย่าหลักลอย พูดปากเปล่า
และที่สำคัญให้มันเซ็นกำกับรับรู้ด้วย
.
บางครั้งอาจถึงต้องบันทึกเสียงไว้
เวลาดีลผลประโยชน์ใดๆ กัน
.
เพราะคนแบบนี้
พร้อมตุกติกพลิกลิ้นได้เสมอ
.
เขียนมาถึงตรงนี้
อย่าเพิ่งตกใจว่าผมไปโดนอะไรมา
.
ที่มาของสเตตัสนี้มาจากพี่คนนึง
ที่โดนกระทำแบบนี้มา
.
ในฐานะผู้รับฟัง คิดว่าเรื่องนี้สมควรบอกเล่า เลยอยากเอามาแบ่งปันให้ทุกคนได้ข้อคิดไปด้วยกันดังนี้

1. ถ้าคิดจะให้จริงๆ อย่าหวังอะไรตอบ
2. ถ้าคิดจะให้แล้วหวังผล ควรเผื่อใจเอาไว้บ้างผลจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป
3. ให้แล้วต้องรอให้เป็น เย็นให้ได้ อย่าเพิ่งท้อแท้กับการให้ เพราะการให้เหมือนกับการปลูกต้นไม้ กว่าจะได้ผลลัพธ์ต้องใช้เวลา ต้องให้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต่างจากการรดน้ำพรวนดิน แต่เชื่อเอาไว้เลยว่าทุกการให้ไม่มีวันสูญเปล่า

ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี่ ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์โปรดแชร์ให้ทุกคนที่คุณรักนะครับ ♥️

990 Nameless Fanboi Posted ID:R0K/OUVRZE

นุ่มน้อยคนหนึ่ง ไปสมัครงานที่..องค์กรลับ กขค .แห่งหนึ่ง
ผู้สัมภาษณ์เปิดฉากถามเขาว่า "เออ .. แล้วคุณแพ้อะไรหรือเปล่าล่ะ?"
"ครับ แพ้..!" เขาตอบ "ผมแพ้ คาเฟอีน ผมดื่มกาแฟไม่ได้.."
"แล้วคุณเป็นทหารหรือยังล่ะ?" .. "เป็นแล้วครับ" เขาตอบ "...พวกเค้าส่งผมไปรบที่ อิรัก ครับ"
คนสัมภาษณ์ประทับใจ พูดว่า "ดี คุณได้คะแนนช่วย 5 คะแนน" แล้วถามต่อ "ว่าแต่ว่า คุณบาดเจ็บอะไร ที่ไหน หรือเปล่าล่ะ..?!"
"ครับ" เจ้าหนุ่มตอบ "ผมโดนระเบิด แล้วหมอตัดอัณฑะผมไปทั้ง 2 ลูก.."
ผู้สัมภาษณ์ทำหน้าเบ้ แล้วบอกว่า "เอาละๆ .. คุณได้คะแนนพอแล้ว เราตกลงรับคุณ .. เวลาทำงานปกติของเราคือ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น คุณมาเริ่มงานตั้งแต่พรุ่งนี้ตอน 10 โมงเลยนะ แล้วทุกวันก็มาทำงานตอนนั้นแหละ..!"
เจ้าหนุ่มทำหน้าสงสัย ถามว่า "อ้าว..! ก็เวลาทำงานมัน 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น แล้วทำไม ท่านถึงให้ผมมาตอน 10 โมงล่ะครับ..?!"
"มันเป็นงานราชการ" ผู้สัมภาษณ์ตอบ "สองชั่วโมงแรก เรากินกาแฟ แล้วเดิน 'แกว่งไข่' ไป-มา ผมเลยคิดว่า มันไม่มีเหตุผล ที่คุณจะมาอยู่กับเรา ในช่วงนั้น"
555 ....??!!

991 Nameless Fanboi Posted ID:Nwmy6IdxQA

“โค้ชเยียร์” คือใคร? ทำไมต้องรู้จักเธอ?

เชื่อว่าหลายคนอาจกำลังสงสัย แต่พอได้ทราบประวัติบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา “โค้ชเยียร์” หรือ “ณัฐินี อินทรเสนา” ได้ผ่านการรับรองจาก Image Management, Colour Analysis และ Image for Men จาก International image institute ประเทศแคนาดา ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบัน Association of Image Consultants International (AICI) ประเทศสหรัฐอเมริกา

อีกทั้งดีกรี Universal Style for Women and Men และได้รับการรับรองในตำแหน่ง Universal Style Consultant ll จาก Universal Style International By Alyce Parsons ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาสร้างทัศนคติที่ดี และสร้างความสุขกับการ “เปลี่ยน” ชีวิตของผู้คน จากความตั้งใจในการ “ให้” ของโค้ชเยียร์ นอกจากโค้ชเยียร์ จะค้นพบเส้นทางสายอาชีพที่ทำให้ตนเองมีความสุขแล้ว ยังร่วมแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจที่ได้ศึกษา

นอกจากนี้โค้ชเยียร์ได้มีโอกาสปรับลุคให้ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ ผู้บริหารองค์กรต่างๆ และวิทยากรหลายท่าน ทั้งระดับ SMEs และระดับมหาชน ทั้งในประเทศและต่างระเทศ อาทิ ทำ Color Analysis ให้กูรู NLP และ Influencer ชื่อดังคนตามนับล้าน อย่าง Master Pop, Master Coach. อีกทั้ง บริษัทมหาชน ผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์และห้างใหญ่ระดับเอเชียอย่าง Hatten Land Ltd. จากประเทศ Singapore ยังได้ให้ความไว้วางใจโค้ชเยียร์และทีมงานจัดอบรมการปรับภาพลักษณ์ให้กับพนักงานในองค์กร

ขอบคุณสยามธุรกิจค่ะ 😘

https://www.siamturakij.com/news/18412

992 Nameless Fanboi Posted ID:8i6/pSrK0x

เนื่องจากพรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราเห็นว่าสังคมไทยเราการเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องนำคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมือง (เป็นคนรุ่นใหม่เฉยๆ คุณภาพมีไม่มีไม่รู้ แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์นี่เห็นมีปัญหากันมากๆ)

เราจึงจะเสนอ 'นโยบายเปิดเสรีนาโนคาสิโน' โดยให้ผู้สูงอายุ (เกิน 60 ปี) 4 คน สามารถรวมตัวกันเล่นการพนันได้โดยไม่ผิดกฎหมาย (ห้ามขาดห้ามเกิน 4 คน) ได้ในทุกสถานที่

ทั้งนี้ก่อนจะร่างนโยบายนี้จริงจัง อาจจะต้องลงไปดูงานที่ชุมชนเข้มแข็งอย่างชุมชนเตาปูนก่อนอ่ะครับ

993 Nameless Fanboi Posted ID:Nwmy6IdxQA

https://scontent.fbkk12-2.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/46508230_2215628355327184_8725151041630240768_o.jpg?_nc_cat=1&_nc_ht=scontent.fbkk12-2.fna&oh=b1d10a026c44a717d7196257ce037c18&oe=5C7F3262

994 Nameless Fanboi Posted ID:zQxoZ7Bp42

"กระทงขนมปัง" คือ กระทงที่ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด ควรหลีกเลี่ยงถ้าคิดจะลอยคืนพรุ่งนี้นะ

ถ้ายังตัดใจเลิกลอยกระทงไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้หลีกเลี่ยงความเชื่อผิดๆ เรื่อง "ลอยกระทงขนมปังเพื่อสิ่งแวดล้อม" ครับ กระทงขนมปังเนี่ย ทำน้ำเน่าเสียมากกว่าอย่างอื่น เพราะกระทงขนมปัง มันเป็นสารอินทรีย์ ลงน้ำก็ยุ่ยและเน่าอย่างรวดเร็ว จะเก็บขึ้นแบบกระทงใบตองหรือโฟมก็ไม่ได้ ปลาก็ไม่ค่อยกิน แล้วถ้ากินไม่หมด มันก็จะกลายเป็นอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ให้น้ำ ทำให้น้ำเน่าเสียหนักขึ้นอีก

ฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมท่านอื่นประกอบได้ครับ

ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า กระทงขนมปัง ถ้าใช้ลอยในแหล่งน้ำไม่ว่าจะเปิดหรือปิด ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นแหล่งน้ำปิดแล้วมีบ่อปลา ก็จะสามารถใช้ได้ จะมีประโยชน์ เพราะปลาสามารถกินขนมปังได้ แต่ถ้าเป็นแหล่งน้ำปิดแล้วไม่มีบ่อปลา จะอันตรายต่อสภาพน้ำ เพราะขนมปังจะเกิดการยุ่ย และทำให้น้ำมีค่าบีโอดี หรือค่าสารอินทรีย์สูง ไม่สมควรนำมาลอย (https://www.pptvhd36.com/sport/news/19051)

ดร. อาภา หวังเกียรติ ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวว่า สำหรับกระทงขนมปังถึงจะย่อยสลายได้ แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำเน่าได้ เพราะขนมปังเป็นประเภทสิ่งที่เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งสารอินทรีย์ก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โดยธรรมชาติหากสารอินทรีย์พวกนี้ลงไปอยู่ในแม่น้ำ มันก็จะมีจุลินทรีย์พวกแบคทีเรียมากินเป็นอาหาร หากปริมาณของสารพวกนี้ไม่มากนักไม่ถือว่าส่งผลเสียเพราะมันก็จะเปลี่ยนแป้งไปเป็นคาร์บอนไดออกไซต์ หากใช้กระทงขนมปังลอยน้ำในปริมาณมาก ขบวนการนี้ก็จะมีดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้ เมื่อใช้ออกซิเจนในน้ำมากไปจะกลายเป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสียได้ (http://www.jr-rsu.net/article/747)

#มิตรสหายท่านหนึ่ง

995 Nameless Fanboi Posted ID:8i6/pSrK0x

การเล่นการเมืองสไตล์พรรคสนุ้กเกอร์ไทยของเรา จะเป้นแนวๆ สุนัขลอบกัด ณ ครับ น้องๆ ครับ ถ้าพรรคเราเริ่มเป็นกระแสขึ้นมาเราก็จะสลายตัว ถ้าน้องๆ โดนถามเกี่ยวกับพรรคเราเราก็ตอบไปว่า "ผมไม่รู้/หนูไม่รู้" หรือ "มาศรัทธาพรรคนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ" ไรแบบเนร้

พรรคเราไม่รับสมัครสมาชิกพรรคด้วยอ่ะครับ ไม่มีใครได้เป้นเจ้าของพรรค แม้แต่พี่โจวก็ตาม คือให้พรรคมันอยู่เฉยๆ ของมันไปวันวันก็พอ อย่าไปมีส่วนร่วม อย่าไปร่วมเป้นเจ้าของ อย่าไปไรกับมันเลยอ่ะครับ ต่างคนต่างอยุ่กันดีกว่า

#การเล่นการเมืองแนวกระแสสำนึก

996 Nameless Fanboi Posted ID:EXeLWdZGbX

ผมสังเกตเอาเองว่า...
ปกติร้านอาหารจะประสบความสำเร็จได้
มักมีอยู่สองสามอย่างคือ

1 รสชาติดี
2 ราคาดี
3 วิวดี

ซึ่งเซเว่นสาขาใต้ที่ทำงานผม
ตอบโจทย์หมดเลยครับ

จะมีอะไรดีไปกว่า นั่งกินอาหาร
รสชาติดี ( ในระดับหนึ่ง ) ราคาดี ดูวิวดีๆ

มีอาหารตาเป็นดีไซน์ใหม่ของไทรอัมฟ์
และท่านสุภาพสตรีที่ยืนเลือกชุดชั้นในไปเรื่อยๆครับ

กินไป ก็เอาใจช่วยไป
ว่าชุดชั้นในแบบไหน ที่พวกเธอจะหยิบ

ถือเป็น Restaurant Experience ที่
Exotic และไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน

..
.

แต่

คำถามที่ตามมาก็คือ

กลับกัน

คุณสุภาพสตรีทั้งหลาย
จะยังสามารถเลือกชุดชั้นในได้อย่างสบายใจไหม

เมื่อมีผู้ชาย นั่งหน้ากระดานเรียงหนึ่ง
ทอดสายตามองดูคุณอยู่

ซึ่งหนึ่งในนั้นคือไอ้เนิร์ดใส่แว่น
หน้าตาหื่น ที่ดูแล้วยังเอามาโพสต์อีก!!!

—-

ในรูปคือ ข้าวเบคอนซอสญี่ปุ่น ( 69 บาท )

997 Nameless Fanboi Posted ID:qeC2vc6tAi

>>985 มันต้องดูทำเลด้วยไง ที่ดิน กทม. ทำเลอาจจะไม่ดีก็ได้ ส่วนถ้าเป็นที่ดินคนอื่น ทั้งหน่วยงานรัฐด้วยกันและเอกชน กทม. ก็ไปยุ่งไม่ได้ หรือถ้าจะหวังรัฐบาล นี่ขนาดลุงตู่มี ม44 ยังไม่กล้าหักกับขาใหญ่ทั้งรัฐและเอกชนเลยไม่ว่าเรื่องไหน เอาง่ายๆ หวย80บาท ราคาก็ไม่ได้ 80บาทตลอดนะ ลงท้ายผู้ค้ารายย่อยก็หาทางขายเกิน 80บาทอยู่ดี ซึ่งก็น่าเห็นใจ พวกรับมา 77-79 บาทละ ทั้งที่หน้ากองสลากขาย 70.40 บาท ที่มันแพงเพราะขาใหญ่ไม่กี่เจ้าเข้าถึงก่อน แล้วขาใหญ่ก็ไปกระจายอยู่ดี กูเห็นพูดงี้มาทั้งรัฐบาลนักการเมืองและรัฐบาลทหาร ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไรได้เลยว่ะ

998 Nameless Fanboi Posted ID:03FHg1gchD

น่าสนใจนะครับว่า
การบินไทย ไปขาดทุนหลังยุคทักษินบริหาร (ซื้อเครื่องบิน เที่ยวบินนิวยอร์ค โลว์คอสแอร์ไลน์)
เริ่มมากำไรหลังยุคอภิสิทธิ์ (หลังลดต้นทุนสำเร็จ)
แล้วมาขาดทุนกันต่อในยุ่งยิ่งลักษณ์ (DD ที่ทำการบินไทยกำไรโดนสั่งออก)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
https://imgur.com/0OTkRcC
https://imgur.com/mSqCvK8

999 Nameless Fanboi Posted ID:QL7xYu8WUM

การบินไทยเลยเป็นสลิ่ม

1000 Nameless Fanboi Posted ID:QL7xYu8WUM

1000 ปิด

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.