นึกถึงที่นั่งสำรองบนรถเมล์นถไฟฟ้าก็ได้ ถ้าคนท้องคนชรามาบอกว่าจะนั่ง ถือว่าแย่งที่มั้ยละ
Last posted
Total of 1000 posts
นึกถึงที่นั่งสำรองบนรถเมล์นถไฟฟ้าก็ได้ ถ้าคนท้องคนชรามาบอกว่าจะนั่ง ถือว่าแย่งที่มั้ยละ
>>703 เกี่ยวเหี้ยไรกับกฎคนไทยอยู่กฎไม่เป็นเองเหี้ยไรมึง ผดส ทำผิดกฎเหี้ยไรตรงไหนไอควาย โง่ชิบหาย หลงประเด็นอะไรมึง ผดส ทำผิดกฎอะไรข้อไหน ไหนมึงบอกมาดิ
กูเห็นมีแต่นักบินกับกราวด์กัดกันเหมือนหมาเพื่อผลประโยชน์พวกพ้องตัวเอง
แล้วเอา ผสด เป็นตัวประกันจนเครื่องดีเลย์ไป 2 ชม ใครผิดกันแน่ไอสัส
แล้ว ผดส ต้องมารับรู้กับมึงไม๊ว่าจะมี กัปตันหัวควยไรมานั่ง
ต้องเป็นหน้าที่ ผดส หรอที่ต้องมารับรู้ เป็นหน้าที่พวกคนประสานงานนู่น
ที่จะชี้แจงให้ ผดส เข้าใจ แต่ประเด็นคือมันเคลียร์ไม่รู้เรื่อง ประสานงานไม่รู้เรื่อง
ตั้งแต่ประสานงานกับกรานด์และไอควาย ยังมาประสานงานให้ ผดส เข้าใจไม่ได้
ผดส ผิดตรงไหนไอสวะ สายการบินกระจอก ไม่แปลกใจแม่งขาดทุนทุกปี
แล้วไม่เกี่ยวกับสลิ่มเหี้ยไร คนของการบินเหี้ยนี่ไม่ใช่หรอที่เลียตีนเผด็จการ
ออกไปเป่านกหวีดเรียกพวกตัวเหี้ยมายึดประเทศ แดกปลามั่งนะจะได้ฉลาดไอควาย
>>708 อย่าแถดีกว่า ประเด็นมันมีอยู่แค่ว่ามันเป็นปัญหาด้านการประสานงานของการบินไทย แต่ที่เหี้ยคือนักบินเดตเฮตไม่ยอมลงไปนั่งชั้นบิส (ถือว่า adequate ตามกฎ) แล้วแจ้งบริษัทถึงความผิดพลาดของกราวนด์ แต่กลับมาตบเอาที่นั่งของลูกค้าที่ได้ที่นั่งนั้นมาอย่างสุจริต พอเป็นข่าวก็มาแถว่าจำเป็นต้องนั่ง เพราะต้องไปบินต่องั้นงี้ ถามจริงๆ นะ ถ้ามึงจะต้องรีบไปบินต่อขนาดนั้น ทำไมถึงมีเวลามาโวยวายจนเครื่องดีเลย์ไป 2 ชม. ได้วะ แม่งไม่เมคเซนส์
ลูกค้าได้ที่นั่งโดยสุจริตแต่ไม่ได้นั่ง โดนยกเลิก มีทั่วโลก มึงไปดูแค่ overbooking ดูก็ได้
>>713 ในระดับ premium class อย่างชั้นธุรกิจหรือชั้น 1 เนี่ย การถูก bumped หรือ downgraded เป็นสิ่งที่โคตรแรร์เลยนะ มึงอย่าเอาไปเทียบกับชั้น eco สิ คือต้องแบบเป็นเจ้าชายหรือบุคคลสำคัญมากๆ มาแบบกะทันหัน หรือเที่ยวบินนั้นเปลี่ยนไปใช้เครื่องบินแบบที่เล็กลงอะ คนบนชั้นธุรกิจหรือชั้น 1 ถึงจะถูกเตะ และไอ้นักบินเดตเฮตเนี่ยแม่งไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น มึงจะอ้างอะไรก็อ้างไปเถอะ แต่ในกฎของการบินไทยก็ระบุไว้นี่ว่าชั้นธุรกิจถือว่า adequate สำหรับเดตเฮต ถ้าชั้น 1 เต็ม นักบินเดตเฮตก็ต้องลงไปนั่งชั้นธุรกิจ
การแย่งที่นั่งผู้โดยสารก็ถือว่าบัดซบพอแล้ว แต่การที่เอาผู้โดยสารเป็นตัวประกันประมาณว่าถ้ากูไม่ได้นั่งชั้น 1 พวกมึงร้อยกว่าชีวิตก็ไม่ต้องไปไหนเนี่ยแม่งเป็นการต่อรองที่ระยำมาก กูไม่เข้าใจเลยว่ามีคนเห็นดีเห็นงามไปกับพวกนักบินระยำพวกนี้ได้ยังไง ถ้ากูเป็นบอร์ดการบินไทย กูจะไล่นักบินที่ 1 ของเที่ยวบินนี้ออก และไล่เดตเฮตที่มีปัญหาออกให้หมด ติดแบล็กลิสต์แม่งแล้วกระจายชื่อไปยังสายการบินพันธมิตร ดูซิว่าแม่งจะมีใครอยากรับไอ้พวกตัวปัญหานี่
เห็นหลายคนพยายามมาให้ข้อมูลอีกด้านในมุมกัปปิตัน
อ่านทีไรก็ดูเป็น "กัปตันยืนหนึ่ง" คือ ตรูไม่ผิด100% ตรูคือ super premium platinum v.i.p. executive person ในโลกหล้า ตรูจะเอา first class only
ค่าาาาาาาาาา
human and systems errors กันเอง แถม หน่วงเวลาตั้ง 2 ชม. แก้ปัญหาไม่ได้ ผดส.ผิดค่า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>720 คนผิดน่าจะฝ่ายภาคพื้นที่ซูริค
เสร่อไปอัพเกรตที่นั่งให้นั่นแหละ
แต่เสือกโยนขี้บอกให้นักบินไปรับหน้า
ถ้ามึงดูเคสของเมืองนอกฝรั่ง หน้าที่พวกนี้นักบินไม่โผล่หัวมายุ่งเลยแถมกล่อมจนลูกค้ายอมทั้งนั้น (ไม่งั้นต้องไปนั่งเที่ยวอื่น) แล้วไปโพสบ่นกันลับหลัง
คนไทยก็เลยด่าแต่นักบิน(ส่วนการบินไทยโดนด่าเหมาอยู่แล้ว)
แอร์เดี๋ยวนี้เค้าไปจับนักบินเป็นผัวแล้ว ไอ้พวกนี้ชนชั้นกลางกำลังสร้างเนื้อสร้างตัวแต่ชอบอวดหรู
คนที่บอกจะไม่ใช้บริการการบินไทยแล้ว...ถามก่อนนะคะ
1.เคยนั่งสักครั้งยัง
2.ถ้านั่งอีโค่ เธอไม่ต้องกลัวดราม่าค่ะ เค้าไม่ down grade ให้เธอไปนั่งใน cargo แน่นอน
หายใจลึกๆนะคะ calm down
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ใครด่ากัปตันเราจะไม่ทน เพราะเขาไม่ได้ทำใครทำใครท้องนะ #savecaptain
เคยมีข่าว สายการบินเกาหลีใต้ดีเลย์ไปชั่วโมงครึ่งเพราะ ผู้โดยสารหญิงอเมริกาไม่ยอมย้ายจากที่นั่ง Bussiness ไปยัง Eco จนต้องรุมลากออกไป
ทำตัวเป็นคนพิเศษกว่าคนอื่นเสมอ...ก็น่าจะไม่กลมกลืนเพื่อไปโน้มน้าวหรือเปลี่ยนแปลงคนธรรมดาหมู่มากได้อ่ะครับ
ส่วนพี่โจวนั้นเป็นคนพิการซึ่งด้อยกว่าคนพิเศษและคนธรรมดาล้านเปอร์เซ็นต์
#งานของปัญญาชนนักกิจกรรมไทยคือโชว์ความเป็นร๊อคสตาร์ส่วนน้อยที่ฉลาดหลักแหลมและรักความเป็นธรรมมากซะเหลือเกิน
คำพูดที่ว่าอย่ามองคนที่หน้าตา ถูกสร้างขึ้นโดยคนหน้าเหี้ยและสันดารเหี้ย
ใครมีเพจพรี้โจวมั่งวะกูขอหน่อย ได้นินชื่อเสียงมานานนมอยากสัมผัสตัวจริง
คือ เราชี้แจงอีกครั้งนะคะ
กฏหมายบ้านเราอาจจะบัญญัติไว้อย่างที่หลายๆ คห.พูดจริง...แต่ในความเป็นจริงแล้วมันไม่ใช่...เราพูดตามตรงว่า เราเจอกรณีแบบนี้มามากกกก
เพราะเราเคยเป็นครูมัธยม และเด็กนักเรียนเกิดเรื่องแบบนี้เยอะมากๆ มีทุกเคสนะคะ เช่น
1.สมยอมกันเอง แล้วชายชิ่งไม่รับผิดชอบเพราะไปมีแฟนใหม่ หญิงโมโหไปฟ้องแม่ สุดท้ายแม่ฝ่ายหญิงมาฟ้องร้อง และจบกันที่จ่ายเงิน
(ในราคาไม่แพง เพราะต่อรองกันจนเหลือนิดเดียว)
2.สมยอมกันเอง แล้วเลิกกันเพราะชายมีใหม่ พอแม่ฝ่ายหญิงรู้เลยโพทนา ฝ่ายชายไม่อยากจ่ายเงินเลยรับและจับผูกข้อมือ
อาจมีการให้ทองสักห้าสิบตังหรือ 1 บาท แต่บางเคสก็ไม่ให้...ผ่านไปสักพักมีชายซ้อมบ้าง ตีกันบ้างตามประสาวัยรุ่น จนหญิงทนไม่ไหว
ต้องหนีกลับบ้านตัวเอง แล้วเลิกกันไปโดยปริยาย แบบทางใครทางมัน...จบ
3.รุมโทรม...เด็กสาวอายุแค่ 14 ค่ะ ไปนอนกับชายร่วม 10 คน นอนกันประมาณ 2 วันในโรงแรม ทีนี้พอพ่อแม่ฝ่ายหญิงรู้เรื่องแจ้งจับทั้งหมด
ตอนแรกทางฝ่ายหญิงเรียกเงินจากชายคนละ 5 หมื่น แต่พวกผู้ชายไม่ยอมจ่าย เพราะบอกว่าสมยอม จนสุดท้ายเรื่องไปถึงศาล
ต่อมามีการขึ้นศาล และเอาชายทั้งหมดอายุตั้งแต่ 15-19 ฝากขังที่ศาลเยาวชน...บางคนพ่อแม่ก็มาประกันตัวออกไป แต่บางคนพ่อแม่ก็
ไม่ประกัน เลยอยู่ในนั้นจนครบเดือน
1 เดือนต่อมา ศาลนัดฟังคำตัดสิน ชายทุกคนไม่ได้ขึ้นศาลค่ะ แต่ศาลแจ้งผ่านผู้คุมมาค่ะว่า เป็นการสมยอม พร้อมเอาเอกสารให้ผู้ปกครองเซ็น
เนื่องจากมีพยานเยอะแยะ และชายทุกคนโดนโทษให้บำเพ็ญประโยชน์ 24 ชั่วโมง ...มันคืออะไร??(โทษหนักมากค่ะ^^)
ปล.ชายทุกคนกลับมาเรียนแบบหน้าระรื่นชื่นบานค่ะ ส่วนฝ่ายหญิงต้องย้ายไปเรียนต่อที่อื่น เพราะพอขึ้นศาลคนรู้กันทั้งอำเภอ
อันนี้แค่เบาะๆนะคะ ความจริงมีมากกว่านี้เยอะ...กฎหมายบ้านเราระบุไว้จริง แต่พอถึงขั้นตอนต่างๆ มันไม่ได้เป็นไปตามกฎหมายแม้แต่น้อย
**ดังนั้น ตัวเจ้าของกระทู้เป็นหญิง ต้องหัดดูแลตัวเองค่ะ ไม่ใช่ตอนรักกันก็เอากัน แต่พอตีกันก็ไปแจ้งความ ระวังจะเสียทั้งตัวและเสียชื่อนะคะ**
พี่โจวว่าทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฟีดเฟสบุ้ก เราอาจจะไม่ต้องเอาตัวเราไปเป็นคณะผู้สืบสวน อัยการ ลูกขุน และตุลาการตัดสินก็ได้อ่ะครับ ถ้าอยากจะเป้นอัลไลสักอย่างพี่โจวแนะนำให้เราเป็นตาสีตาสาในเฟสบุ้กแบบพี่โจวดีกว่า สบายใจดีครับใครถามว่าไปไหนมาก็ตอบไปว่าสามวาสองศอก ^^
สวัสดีครับท่านผู้โดยสาร ผมกับตันครับ ผมต้องขออภัยในความล่าช้าของเที่ยวบินนี้ เนื่องจากปัญหาภายในของเรา ที่ไอ้ KK มันไม่ยอมให้เก้าอี้ FC กับเพื่อนกับตันผมอีกสองคน ทางผมในฐานะ PIC เลยต้องสั่งสอน KK หน่อยโดยการไม่บินซะเลย จนกว่า KK จะยอมไปเอาที่คืนมาจากผู้โดยสารอีกสองท่าน ผมหวังว่าผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายกับบริการเอิ้องหลวง ขอบคุณที่ท่านเลือกใช้บริการของการบินไทย โดยเฉพาะผู้โดยสารที่สละที่ FC ให้เพื่อนกับตันสองท่าน เพื่อไม่ให้เกียรติและศักดิ์ศรีของพวกผมลดลง
Good afternoon L and G this is the captain speaking I do apologize for the delay from a non technical reason whatsoever. Our ground staff f-up on the seat arrangement and my fellow captains were not booked in the seat that they are entitled to. So we have to teach those idiot ground staffs a lesson by delaying the entire flight and made you wait for only few hours. I do apologize for the delay. Thank you for flying THAI particularly the 2 passengers who gave up their seats so that our captain privileges are being upheld. Sawadee krab.
#ช่วงพูดได้คิดได้แต่ทำไม่ได้
อาจจะต้องฟอร์มทีมมาแหล่ยอยศ "ประเทศกระผมมีอ้ปป้าศรีวราห์" มาสู้กับพวกชาวแร้ปแล้วอ่ะครับ
#แหล่ยอยศเผด็จการโปรเจค
ถ้าน้องๆ ยังติดกรอบกับเรื่องความโง่ความฉลาดของบุคคลอื่นอยู่ พี่โจวว่ามันจะสร้างอีโก้ขึ้นมาในอีกรูปแบบและเป็นหนทางสู่การถูกธาตุไฟร์เยอร์เข้าแทรกน้องๆ ได้ในอนาคต
หากน้องๆ คิดเสียว่าเรื่อง IQ EQ ตรรกะ ความรุ้ไม่รู้ของแต่ละบุคคลนั้นขึ้นอยู่กับกรรมเก่า และตัวเรานั้นแค่เป็นผู้โดยสารแท็กซี่ที่นั่งมองเหตุการณ์ความเป็นไปข้างทางไปพลางๆ ระหว่างรอถึงจุดหมายปลายทางของชีวิต น้องๆ ก็อาจจะบรรลุธรรมที่พี่โจวศึกษามาจากพระอาจารย์พุทธอิสระและพระอาจารย์มิตซูโอะที่พี่โจวนับถืออ่ะครับ ^^
ไม่ดูตาม้าตาเรือ --> ไม่พิจารณาให้รอบคอบ
ตีความสุภาษิตไทย (ที่มาจากหมากรุกไทย) ซะใหม่ด้วยวิธีคิดหมากรุกฝรั่งแบบที่ grandmaster (เซียน) หมากรุกฝรั่งสอนเด็ก เพื่อฝึกคิดแหกคอก!
คำว่าตาม้าแปลว่าช่องสี่เหลี่ยมใดๆที่วางตัวหมากรุกของเราไปแล้วม้าของคู่ต่อสู้กินได้ ภาษาหมากรุกฝรั่งเรียกว่า the squares being attacked by the knight
คำว่าตาเรือแปลว่าช่องสี่เหลี่ยมใดๆที่วางตัวหมากรุกของเราไปแล้วเรือของคู่ต่อสู้กินได้ ภาษาหมากรุกฝรั่งเรียกว่า the squares being attacked by the rook (rook คือหอคอยในหมากรุกฝรั่งที่เดินเหมือนเรือหมากรุกไทย)
ไม่ดูตาม้าตาเรือในหมากรุกไทยเกิดจาก ความไม่รอบคอบ เดินหมากพลาดแล้วโดนม้ากินหรือโดนเรือกิน นักหมากรุกไทยฝีมือกระดับพื้นๆธรรมดาๆเวลาสอนเด็กเล่นหมากรุกไทยมักจะสอนว่า ต้องดูให้ดีๆนะว่า "จะเดินหมากไปตาไหนแล้วหมากเราจะโดนกินหรือไม่ ถ้าโดนกินก็อย่าเดินไปตานั้น จะได้ไม่โดนกิน"
แต่ grandmaster (เซียน) หมากรุกฝรั่งสอนเด็กเล่นหมากรุกฝรั่ง ตรงกันข้ามกัน คือสอนว่า
1. ให้ค้นหาความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะเดินหมากตัวเองไปให้หมากคู่ต่อสู้กิน (เดินให้กินเพื่อหวังผล ภาษาอังกฤษเรียกว่า sacrifice...(ใส่ชื่อหมากที่จะเดินให้กิน)... จากนั้นก็ใช้ reductio ad absurdum (การขจัดไปทีละอย่าง) เพื่อพิสูจน์ว่า ในการ sacrifice (เดินให้กิน) ในทุกๆรูปแบบ (exhaust all possibilities) นั้น มีรูปแบบไหนบ้างที่ทำให้เรา gain positional advantage (ได้เปรียบในเชิงชัยภูมิ) มากที่สุด เช่น ทำให้หน้าขุนคู่ต่อสู้แตกยับเยินเป็นต้น หน้าขุนแตกหมายถึงหมากที่ห้อมล้อมปกป้องขุนอยู่แตกกระจุยกระจายหลงทางรำส่ำระสาย ทำให้ขุนถูกกระหน่ำโจมตีอย่างหนักได้
2.หากคิดทุกความเป็นไปได้ แล้วพบว่าไม่มีการ sacrifice ใดๆที่จะ gain positional advantage ได้เลย ก็ให้ overprotect the protectors (เดินหมากตัวเองให้ผูกกันเป็นใยแมงมุมอย่างหนาแน่น) ซะ เพื่อทำให้ยากที่คู่ต่อสู้จะตีทะลวงเข้ามาได้
วิธีสอนเด็กให้คิดหาทาง sacrifice a piece or many pieces (a piece คือหมากตัวใดตัวหนึ่ง) ก่อนเป็นลำดับแรก แทนที่จะสอนให้เดินอย่าให้ถูกกินนั้น เป็นการ "สอนให้คิดแหกคอก"
*****การสอนให้คิดแหกคอกในหลายๆรูปแบบ เป็นต้นกำเนิดของ inventions ชั้นเทพๆๆๆทั้งหลายที่มนุษย์หลายๆคนคิดไม่ถึง!*****
โชคไม่ดีที่ในหมากรุกไทยหมากแต่ละตัวเดินแค่ระยะสั้นๆ (ยกเว้นเรือ) อานุภาพการทำลายล้างมันจึงไม่สูงมากเหมือนหมากแต่ละตัวของหมากรุกฝรั่ง ดังนั้นการ sacrifice ด้วยสมองที่คิดพลิกแพลงแยบคายสุดๆในการเล่นหมากรุกไทยจึงไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหมือนในหมากรุกฝรั่ง (คือ sacrifice ไปแล้วไม่ค่อยจะคุ้ม) การที่สังคมไทยไม่ค่อยยอมรับมนุษย์ที่คิดแหกคอก ก็น่าจะมาจากลักษณะเฉพาะ (วิธีคิด) ที่แตกต่างกันระหว่างหมากรุกไทยกับหมากรุกฝรั่ง
คนไทยเป็นคนตลก แต่ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้ตัวกันหรือเปล่าว่าการเม้นต์ "กดโกรธแล้วรอด" เอย "อยากกินอะไร" เอย หรือ "เพจ v2 ไปทางไหน" พวกนี้ล้วนเป็นการสนับสนุนอาชญากรรมทั้งสิ้นและมันก็ไม่ค่อยตลกเท่าไหร่
หลังฟังเพลง ประเทศกูมี แล้วมือไม้มันสั่นไปหมด คิดอยู่สองวันเต็มๆว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีไหม มันอยู่ในอาการสงสัยกับตัวเองว่านี่ความหวาดกลัวของเราแม่งดำเนินมาถึงขั้นที่เราต้องเซนเซอร์ตัวเอง ด้วยการ #เงียบ เพื่อจะได้รู้สึกปลอดภัยแล้วเหรอวะ ทั้งที่เราแม่งคับแค้นใจมากกับสิ่งที่ครอบครัวเราโดนกระทำ ในหัวก็แวบขึ้นมาว่าถ้าไม่ออกมาพูดตอนนี้แล้วจะไปพูดตอนไหน
...
เมื่อกลางปีนี้เวลาประมาณ 4 โมงเย็นเรานั่งทำงานอยู่รีบปั่นต้นฉบับเหมือนทุกๆ ที จู่ๆ แม่โทรศัพท์เข้ามาบอกว่า พ่อเราโดนเรียกตัวไปโรงพักเพราะทำผิดกฏหมาย เราตกใจมากรีบถามข้อมูลว่าเกิดไรขึ้น แม่เล่าคร่าวๆ ว่าเจ้าหน้าที่รัฐนอกเครื่องแบบเข้ามาขอตรวจค้นร้านค้าว่ามีสิ่งผิดกฏหมายไหม จากนั้นก็หยิบของไปสี่ห้าชิ้นพร้อมพาตัวพ่อเราไป
...
พ่อเราไม่ได้เอาอะไรติดตัวไปเลยแม้แต่มือถือเพราะพ่อไม่ใช้มือถือ พ่อเป็นคนทำมาค้าขายที่ไม่ได้สนใจเทคโนโลยีและแทบไม่ออกไปไหน
...
พอได้ยินแบบนั้นเรารีบวางงานแล้วนั่งรถเมล์ตามไปหาพ่อเรา (ที่ไม่นั่งแท็กซี่เพราะแถวนั้นก่อสร้างถนนอยู่จะวกรถทีนานมาก สู้นั่งรถเมล์แล้วเดินเอายังไวกว่า) พอไปถึงที่นั่นเจ้าหน้าที่ด้านล่างก็บอกให้เราขึ้นไปชั้นสอบสวน บนชั้นนั้นมีประตูถูกแบ่งเป็นห้องๆ หลายประตู เราไม่เจอใครเลยแต่เห็นมีห้องหนึ่งมีแสงลอดประตูเลยลองเดินเข้าไป
...
ก็เจอคนนั่งอยู่ในนั้นราวเจ็ดแปดคน เป็นชายซะส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบสักคนเดียวนั่งกินข้าวอยู่ ส่วนคนที่โดนจับมามีอีกสามรายนั่งอยู่ข้างๆ พ่อเรา ภาพที่เห็นคือพ่อเราชายแก่วัย 65 ใบหน้าหยาบกร้านจากอายุและการทำงาน ผมสีขาว ตัวผอมบาง ใส่เสื้อเชิ้ตที่เก่าจนไม่รู้จะเก่ายังไงกับกางเกงสีดำที่ใส่จนจะกลายเป็นสีเทาอยู่แล้ว พ่อนั่งอยู่กับถุงก๊อบแก๊บที่เป็นของขายจากบ้านเราใส่อยู่
...
ความรู้สึกตอนนั้นมันแบบ...นี่คือผลของการเป็นคนทำมาหากินโดยสุจริตตลอดการทำงาน?
...
จากนั้นผู้ชายพวกนั้นก็เรียกพ่อกับเราแยกไปอีกห้องเพื่อพูดคุยว่าทำไมพ่อถึงโดนจับ เรานั่งประจันหน้ากับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งบอกว่าเขาคือเจ้าหน้าที่ (ขอเรียกว่าชาย A) และมีอีกสามสี่คนทั้งยืนและนั่งคุมเชิงอยู่ในนั้น ไม่มีใครสักคนที่ใส่เครื่องแบบ
...
เป็นห้องที่มีแต่โต๊ะกับเก้าอี้ไม่มีหน้าต่าง
...
สิ่งแรกที่เราถามคือ พี่ชื่ออะไรคะ
ชาย A ตอบกลับว่า แล้วคุณจะรู้ไปทำไม จะรู้ไปเพื่ออะไร
...
เรานั่งโต้เถียงกับเขาไปมาเรื่องชื่ออยู่สักพักเพราะไม่ว่ายังไงเขาก็ไม่บอกชื่อ ส่วนตัวเรายังคลางแคลงใจว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจริงตามที่กล่าวอ้างหรือทำไมไม่กล้าบอกชื่อ
...
ชาย A พูดว่า นี่ขนาดอยู่ในโรงพักแล้วยังไม่เชื่ออีกหรือว่านี่ของจริง
...
เสียงข่มขู่ก็ทวีความดังและโกรธเกรี้ยวขึ้นเรื่อยๆ เขาบอกว่าพ่อเราทำผิดกฏหมายพร้อมเอามาตราให้ดู
...
สรุปง่ายๆ คือ พ่อเราขายสินค้าที่ไม่ได้รับการรับรองทางกฏหมายไม่มีบาร์โค้ด ไม่มีชื่อบริษัทผลิตชัดเจน
...
ซึ่งจะบอกว่าถ้าคุณจับพ่อเราด้วยข้อหานี้นะ ทั้งประเทศก็ไม่มีใครขายของค้าปลีกได้อะ คุณสามารถใช้กฏหมายข้อนี้เดินไปจับแม่ค้าขายตะกร้าสานที่วางขายของอยู่เฉยๆ ได้เลยเพราะว่าไม่มีหลักฐานรับรองว่าสินค้าผลิตอย่างถูกต้องจากโรงงานที่ไหนและไม่มีบาร์โค้ด
...
ตอนนั้นรู้เลยว่าโดนยัดข้อหาแล้วล่ะ แต่จะหนีให้รอดยังไงเพราะตอนนี้ก็อยู่ในถิ่นเขาแล้วจะเดินออกไปเฉยๆ ก็ไม่ได้
...
เราเลยบอกว่าขอโทร. ปรึกษาเพื่อนที่รู้เรื่องกฏหมายก่อนและเราก็กดโทร. ตอนนั้นบรรยากาศในห้องตึงเครียดขึ้นทันที (จำไม่ได้จริงๆ ว่าคุยอะไรกับเพื่อนบ้างแต่ที่แน่ๆ คืออยากให้เพื่อนช่วยดูให้หน่อยว่ามีกฏหมายแบบนี้ใช้จริงหรือ แล้วมันจับเราได้จริงหรือ)
...
หลังวางสายจากเพื่อนไปเราก็ประจันหน้ากับตำรวจต่อ ชาย A ถามทันทีว่า เพื่อนคุณเป็นใครอยู่กรมกระทรวงไหน ชื่ออะไร ยศอะไร
เราก็ถามเขากลับว่า แล้วคุณล่ะชื่ออะไร
ชาย A บอก แล้วคุณมายุ่งอะไรกับผม
เสียงเขาเกรี้ยวกราดดุดันขึ้นเรื่อยๆ
บทสนทนาก็ยังวนซ้ำอยู่เรื่องเดิม
...
เราเลยนั่งอ่านข้อกฏหมายอีกรอบและถามเขาว่า ถ้าต้องเสียค่าปรับพ่อต้องเสียเท่าไรเพราะในนั้นระบุไม่ชัดเจนแค่บอกว่าเป็นตัวเลขเท่าไรถึงเท่าไร
(มีต่อ)
(ต่อจากเม้นบน)
ชาย A บอกว่า แล้วคุณจะจ่ายเท่าไรล่ะ
เรางงไปพักหนึ่ง...แบบปกติคนประเมินค่าเสียหายมันต้องเป็นฝ่ายคุณไม่ใช่หรือตอนนี้จากโต้ถามเรื่องชื่อเลยเปลี่ยนมาโต้ถามว่าต้องเสียค่าปรับเท่าไรคำพูดก็วกลูบอยู่เดิมๆ
...
พอเราถามว่าต้องเสียค่าปรับเท่าไร
ทางนั้นก็วนกลับมาที่แล้วคุณจะจ่ายเท่าไร
...
ระหว่างนั้นพ่อเราก็โทร. ติดต่อเซลล์แมนที่เป็นคนขายของประจำให้พ่อซึ่งพอเจ้าของร้านขายส่งพูดคุยกับชาย A ก็สรุปออกมาว่าพ่อเราต้องเสียค่าปรับอยู่ดีเพราะของที่ยึดมาเป็นของจากร้านอื่น ทำให้เราได้รู้ว่า อ้อ...มันมีวัฒนธรรมว่าถ้าร้านขายส่งร้านไหนจ่ายใต้โต๊ะคนที่สั่งของจากร้านนั้นก็จะรอด
...
แล้วชาย A ก็หันมาคุยกับเราต่อ เขายื่นคำขาดว่าถ้าคุณไม่จ่ายค่าปรับพ่อคุณต้องเข้าคุก จะให้ลงไปบันทึกประจำวันเดี๋ยวนี้เลย ก็ถามกลับไปเหมือนเดิมว่า แล้วตกลงตามกฏหมายพ่อเราต้องจ่ายเท่าไร ชาย A ก็ยังพูดเหมือนเดิมว่า ก็บอกมาสิจะจ่ายเท่าไร
...
จากนั้นชาย A ก็ร่ายยาวว่าถ้าคุณยอมเสียค่าปรับพ่อคุณจะไม่ต้องไปขึ้นศาลไม่ต้องไปติดคุก ว่าความในศาลมันนาน
...
ความหมายที่สื่อสารมาแปลออกมาก็คือ ถ้าไม่จ่ายก็ติดคุกเลือกมาสิ!
...
เราเลยโทร. หาเพื่อนที่รู้เรื่องกฏหมายอีกรอบ ตอนนั้นชาย A ขู่ขึ้นมาเลยว่าถ้ายังไม่วางสายจะจับพ่อเข้าคุกเดี๋ยวนี้ เราเลยต้องวางสายไป
...
ตอนนั้นโกรธมาก คือพอมองไปที่พ่อแล้วแบบ...ทำไมคนโดนต้องเป็นพ่อวะ ถ้าเป็นเราจะไม่โกรธขนาดนี้เลย ใครจะปล่อยพ่อตัวเองที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเข้าคุกวะ โกรธจนร้องไห้น้ำตามันไหลออกมาเองในหัวแม่งคิดแบบ...นี่คือความเป็นจริงของกฏหมายที่ประเทศนี้ไว้ใช้กับประชาชนสินะ
...
เป็นครั้งแรกที่โกรธจนร้องไห้แต่ทำอะไรไม่ได้อยากจะด่าพวกมันยังพูดไม่ได้เลย คุกแม่งอยู่ชั้นล่างนี่เองถ้าบุ่มบ่ามไปพ่อได้เข้าคุกแน่ กลัวพ่อโดนแกล้งมากๆ ถ้ามันซ้อมพ่อเราพ่อเราไม่ไหวแน่ตัวใหญ่ๆ บึกๆ ทั้งนั้น
...
จนมีผู้ชายอีกคนในห้องพูดขึ้นมาว่า ค่าปรับขั้นต่ำมันหนึ่งหมื่น แล้วเขาก็เรียกเราออกไปคุยกันสองคน
...
ชาย B : น้องยอมจ่ายให้พวกพี่เถอะ นายสั่งพวกพี่มา พวกพี่ก็ไม่อยากทำหรอก (คนนี้พูดจาสุภาพและเสียงนุ่มกว่า ชาย A มาก)
เรา: ไม่ใช่หนูไม่ยอมจ่ายตามกฏหมายนะพี่แต่พวกพี่ไม่พูดนี่ว่าพ่อต้องเสียค่าปรับเท่าไร
...
คุยไปคุยมาก็ตกลงวงเงินที่ต้องจ่ายกับคนนี้ได้ เราเลยต้องเดินจากที่นั่นไปหาตู้กดเงินเพราะตอนนั้นไม่มีเงินติดตัวมากพอ ระหว่างทางเราเดินไปร้องไห้ไปเหมือนคนบ้าไม่สนสายตาใครทั้งนั้น แล้วเราก็โทร. คุยกับเพื่อนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น เพื่อนบอกว่าจะช่วยแต่เราบอกเพื่อนเองแหละว่าไม่ต้อง เพราะรู้ว่าถ้าเพื่อนเข้ามาช่วยเพื่อนต้องซวยโดนแกล้งในวงข้าราชการต่อแน่ ให้ความซวยจบที่เราเถอะ
...
ตอนเราเอาเงินกลับไปจ่ายซึ่งรู้ๆ กันว่าเงินก็ไม่ได้เข้ารัฐหรอก ผู้ชายพวกนั้นพูดคำหนึ่งกับเรา
"ชีวิตก็งี้แหละน้อง เดี๋ยวก็ชิน"
...
ตอนเดินออกมาจากที่นั่น เรามองแผ่นหลังพ่อแล้วมันทำให้เศร้าอย่างบอกไม่ถูก ภาพทุกอย่างยังจดจำ น้ำตายังคงซุกซ่อนอยู่ในใจไม่เลือนหาย
...
นี่คือเรื่องจริง เราไม่ได้เรียกร้องอะไรแค่รู้สึกว่าเราไม่อยากเงียบจนกระทั่งวันหนึ่งได้พบว่าเราพูดไม่ได้อีกแล้ว
...
#ไม่พูดเยอะต้องทำงาน
#ขอไม่ตอบคอมเม้นต์อะไรในสเตตัสนี้นะให้เรื่องที่เราเล่าทำงานของมัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ณ ร้านอาหารไฟน์ไดน์นิ่งแห่งหนึ่ง
"ขอโทษนะคะช่วยตามผู้จัดการร้านมาให้หน่อยค่ะ" สาวชุดแดงกวักมือเรียกบริกร หลังจากเจอสิ่งผิดปกติในจานอาหาร
"คุณผู้หญิงมีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ"
"เอ่อพอดี ดิฉันสั่งสเต็กเนื้อน่ะค่ะ แต่พอหั่นไปได้สักพักก็เจอไอ้ส่วนนี้" เธอพูดพลางชี้ส่วนของก้อนเนื้อที่มีราขึ้นเขียวเป็นหย่อมๆ "เราว่าคุณควรปรับปรุงคุณภาพอาหาร แล้วก็ตรวจสอบให้รอบคอบกว่านี้นะคะ"
ผู้จัดการขมวดคิ้ว เขาเดินเข้าไปสำรวจจานเนื้อของคุณผู้หญิงชุดแดงอย่างใกล้ชิด จากนั้นก็ตัดส่วนเนื้อที่ดีออกมา วางข้างหน้าเธอ
"แต่เนื้อของเราก็ยังมีส่วนดีตั้งเยอะนะครับ ทำไมคุณผู้หญิงไม่หัดมองในส่วนสวยงามบ้าง คุณเป็นคนมีอคติมากเลยนะครับ ถ้าคุณไม่สะดวกใจจะมาทานที่ร้านเรา ประตูทางออกอยู่ด้านซ้ายครับ"
สีหน้าของเธอแสดงชัดถึงความไม่เข้าใจในคำแก้ต่างของผู้จัดการร้าน เธอลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเท้าออกประตูทางด้านซ้ายไป โดยมีรถตู้สีดำลายพราง พร้อมกับทหารอีกสิบนาย พาตัวเธอขึ้นไปพร้อมๆ กับลูกค้าที่ไม่พอใจคนอื่นๆ
>>744
หลังถูกฉุดขึ้นรถตู้เธอก็สลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาบนเตียงเธอถึงสังเกตว่ามือทั้งสองของเธอถูกมัดผูกเชือกไว้กับหัวเตียง
มีผู้ชายหลายคนต่างสวมชุดดำแว่นดำ พวกเขาต่างถืออุปกรณ์บางอย่างแต่แสงสปอร์ตไลท์ส่องแยงตาเธอ
ตรงหน้าผิวดำหัวล้านในสภาพเปลือยกาย เปิดเผยความเป็นชายของเขาชูเด่นจ่อตรงหน้าเธอ
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่เธอคุ้นเคยครั้นสนทนาไปไม่นานมานี่
“คุณกินแล้วไม่จ่าย ก็ต้องชดใช้นะครับ คุณผู้หญิง”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผู้หญิงชื่อจิ๋ม
ผู้ชายชื่อป๋อง
จิ๋มกับป๋อง
"เคยมีการสำรวจความคิดเห็นของคนไทยเมื่อหลายปีก่อนด้วย 2 คำถามที่ว่า 1.คุณคิดว่าตัวเองจนหรือไม่ 74% ตอบว่าจน และ 26% ตอบว่าไม่จน กับ 2.คุณคิดว่าอะไรคือสาเหตุของสถานภาพที่คุณเป็นอยู่ขณะนี้ คนที่บอกตัวเองไม่จนตอบว่าไม่ขี้เกียจ ส่วนคนที่บอกตัวเองจนตอบว่าขาดโอกาส"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“Don’t ask what the country can do for you, ask what you can do for your country”
-มิตรสหายลิเบอร่านท่านหนึ่ง
-ประเทศกูมีไหมล่ะมึง
รู้ไหมครับ คำว่า #ไม่อยากยุ่งการเมือง เป็นคำที่ "มีความเป็นการเมืองมากที่สุด" เพราะเป็นคำที่มีอำนาจควบคุมจิตสำนึกของคนจำนวนไม่น้อยให้เชื่อว่าการยุ่งเรื่องการเมืองไม่เกิดประโยชน์อะไรและสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ยิ่งกว่านั้นมันคือการปฏิเสธความจริงที่ว่าการเมืองในโลกสมัยใหม่ยุ่งกับชีวิตคุณตั้งแต่ชีวิตในมุ้งยันชีวิตทางสังคม ชีวิตในพื้นที่สาธารณะ
ค่าเทอมที่แพง หนี้สินพอกพูน เศรษฐกิจแย่ การศึกษาด้อยคุณภาพ เรียนจบแล้วตกงาน ฯลฯ มันเกี่ยวกับปัญหาการเมืองระดับชาติที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีเสถียรภาพ และไร้ประสิทธิภาพทั้งนั้นเลย ยิ่งคุณไม่อยากรับรู้ ไม่อยากยุ่งการเมืองมากเท่าใด การเมืองแบบเผด็จการ ห่วยแตกยิ่งยุ่งกับชีวิตคุณได้ง่ายดายและยุ่งมากขึ้น และทำให้คุณกลายเป็นพลเมืองที่เชื่องปกครองง่ายได้มากขึ้น
คุณพ่อของผมก็มีนิสัยคล้ายคุณ จขกท ส่วนหนึ่งครับ ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่ครับ
-คุณพ่อของผมมีรายได้ดีเหมือนกัน บางทีก็ได้เงินล้านบาทมาง่ายๆ(จากค่าเช่าที่ดินและขายดินด้วย) จริงๆคุณพ่อของผมไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนคุณ จขกท หรอก แต่ช่วงหลายปีมานี้(ประมาณ 6-7ปี) คุณพ่อของผมก็ใช้เงินหมดไปเกือบห้าล้านบาท(คุณพ่อไม่มีค่าใช้จ่ายกินอยู่กับลูกๆ) และเหตุผลแห่งการใช้เงินก็ไม่ค่อยมีหรอก ใช้แบบเพ้อเจ้อ ลงทุนก็ลงแบบคุณ จขกท (ไม่คิดเรื่องต้นทุน รู้แต่ว่ามีเงินอย่างเดียว)มีแต่ของเหลือที่เสื่อมคุณภาพ
-แต่ทุกวันนี้เงินก็หมดแค่เงินของคุณพ่อผม เพราะลูกๆแต่ละคนแข็งแกร่ง รวมหัวกันหยุดการกระทำของคุณพ่อ ก่อนที่จะเสียหายไปมากกว่านี้ ของคุณ จขกท ยังดีนะ ที่รู้ตัวและปรับตัวเองได้ ส่วนคุณพ่อของผมท่านไม่รู้ตัว(เหลิงอำนาจ)แต่ผมและน้องๆร่วมกันพยายามสกัดการกระทำของคุณพ่อ ทุกวันนี้ก็ยังไปรอดครับ ลูกๆพยายามช่วยกันคิดไม่ให้คุณพ่อสร้างความเสียหายได้โดยสะดวก(คอยใช้ความคิดหยุดความเสียหาย)
ปล. ผมเคยไปขวางคุณพ่อแบบตรงๆ ถึงขั้นโดนตัดขาดพ่อลูกกันเลย(โดนขับไล่ด้วย) ด้วยเหตุการณ์อันนั้น จึงทำให้ผมได้รับบทเรียน ผมจึงรู้ว่าการจะสู้กับศึกภายใน จะต้องสู้ด้วยปัญญาอันแยบยล จะใช้อารมณ์หรือกระทำการแบบโง่ๆไม่ได้เลย
ปล.2 เงินที่คุณพ่อทำเสียหายคือ
1.คุณพ่อหลงการเมืองท้องถิ่นโดนพวกนักเลงมาหลอกเอาเงิน
2.คุณพ่อชอบลงทุนทำโน่นทำนี่อยู่บ่อยๆแบบคนคิดไม่เป็น
3.คุณพ่อมักโดนพวกขายตรงมาหลอกขายของครั้งละหลายๆแสน ล่าสุดโดนไปแปดแสนบาท โดยเอาของมาจมไว้ที่บ้านเฉยๆรอของหมออายุ
ปล.3 ผมรู้สึกว่าชีวิตปลอดภัยและครอบครัวมีความสุขมากๆครั้งแรก หลังจากไม่มีการเลือกตั้งมาหลายปี ช่วงเลือกตั้งพวกนักเลงท้องถิ่นก็คิดร้ายกับผมด้วย(เขาต้องการกำจัดผม เพราะขวางทางเขาในเรื่องเงิน)เพราะเขาอยากได้เงินของคุณพ่อผม(หลอกเอาเงิน)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เวลามีคนพูด "ข้อเสีย" ประเทศ ก็จะมีอีกกลุ่มมาบอก "ข้อดี" เพื่อตอบโต้ เอาจริงๆ ตรรกะแบบนี้มันบิดเบี้ยวนะ
สมมติมีคนๆ นึง ไปก่อคดีฆ่าข่มขืน เราด่าที่มันฆ่าคน จากนั้นก็มีคนมาตอบโต้ว่า เขาก็มีข้อดีเหมือนกัน สรุป เราจะเอาข้อเสียมาหักล้างข้อดี แล้วจบเรื่องไหมละ
ถ้ารัฐคอรัปชั่น บริหารงานห่วย ทำเศรษฐกิจแย่ ละเมิดสิทธิมนุษยชน จากนั้นเราก็มาบอกว่า รัฐก็มีข้อดีนะ แล้วก็บอกข้อดีมา เช่น แต่งเพลงเพราะ บลาๆๆๆ จากนั้นก็หายกัน ถ้าจะคิดแบบนี้ ทำไมไม่คิดตั้งแต่รัฐบาลอีปู รัฐบาลทักษิณ หรือรัฐบาลบรรหารอะ ก็หักล้างไปดิ เขาก็มีข้อดีเหมือนกัน
ข้อดีประเทศไทยอะ ผมรู้ อยู่มา 30 กว่าปี ไปเหยียบมา 10 ประเทศทั่วโลก ทำไมผมจะไม่เห็น แล้วข้อเสียที่พูดอะ ก็อยากให้แก้ไข หรือจะให้อยู่เงียบๆ (คนที่ตามผมมาตลอดจะรู้ว่า ผมเงียบมา 2-3 ปีละ ย้อนไปดูช่วงแรงๆ ได้ เขียนลงคอลัมน์แรงๆ ก็เคย) ผมก็อยู่ได้นะ เศรษฐกิจเหี้ย รถติด ประกันสุขภาพห่วย เรื่องพวกนี้ไม่มีผลต่อผมเลยจริงๆ แต่ที่พูดหรือโพสต์บ่อยๆ ผมต้องการสะกิดหรือให้ข้อมูล ว่าประเทศเรามีปัญหาอยู่ มันต้องแก้ ไม่ใช่ว่าใครด่า ก็เอาข้อดีมากลบ แล้วไงอะ จะอยู่กับปัญหาต่อไปเหรอ
ประเทศเราตายเพราะอุบัติเหตุอันดับ 2 ของโลก ผู้หญิงถูกข่มขืนปีละ 7-8 พันคน วัยรุ่นก่ออาชญากรรมวันละ 83 คน GDP โตต่ำสุดในเอเชีย (แก้ไข : อาเซียน) คอรัปชั่นแทบทุกองค์กรราชการ (ดูเคสเงินคนจนเป็นตัวอย่าง) การศึกษาคุณภาพแย่สุดในอาเซียน หักลบด้วยการ ประเทศเราอาหารอร่อย คนไทยมีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น ไม่มีภัยธรรมชาติ แบบนี้ได้มั้ย ถ้าได้ผมก็เอา ผมอยู่ได้นะ ผมอยู่มาแล้วหลายแบบ ทำไมผมจะอยู่ไม่ได้วะ
คิดให้เยอะกันอีกหน่อย คิดให้ถูกด้วย ไม่ใช่สักแต่จะฟุ้งซ่าน ต้องดูว่าคิดแล้วมันนำไปสู่อะไร คิดแล้วนำไปสู่ทางออกแบบไหน
ส่วนพวกที่บอกว่า ประเทศไทยสงบ ตค 16 เราฆ่ากันตาย ตค 19 เราฆ่ากันตาย พค 35 เราฆ่ากันตาย เมษา 53 เราฆ่ากันตาย จะนับรวมพันธมิตร 49 กปปส 57 ด้วยก็ได้ ตลอด 45 ปี ที่ผ่านมา เราฆ่ากันตายตลอด เอาแค่ช่วงอายุผม ก็ 5 ครั้งไปแล้วที่เรายิงกันกลางเมือง สงบพ่อง ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร ถ้าไม่รู้จักแก้ปัญหาให้ถูกจุด ศพต่อไปที่จะเสียคือลูกหลานเราในอนาคตอะ จำไว้
คนไทยรักเงิน ไปเกาะประเทศอื่นเพื่อเอาเงินมาใช้
โฟกัสกันที่ประเด็นหลักสิ
วิชัย ศรีวัฒนประภา ไม่เคยมีความผูกพันอะไรกับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้มาก่อน
เขาชอบฟุตบอล และชอบพรีเมียร์ลีกก็จริง แต่ทีมแรกที่เขาสนับสนุนเป็นการส่วนตัวคือ เชลซี
วิชัย ซื้อบ็อกซ์วีไอพี ในสนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ อย่างต่อเนื่องหลายซีซั่นติดต่อกัน แม้เชลซีจะขึ้นราคาทุกปี แต่ด้วยความชื่นชอบ เขายอมจ่ายเพื่อให้ได้ที่นั่งชมเกมในสนาม
ไม่เพียงแค่ซื้อบ็อกซ์วีไอพีเท่านั้น แต่เขาในฐานะเจ้าของคิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี ยังเอาเงินไปซื้อบอร์ดโฆษณาของคิงเพาเวอร์ ในสนามของเชลซีอีกด้วย
สนับสนุนกันเต็มที่ ทั้งเป็นสปอนเซอร์ ทั้งซื้อบ็อกซ์
อย่างไรก็ตาม มันมีจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ วิชัย เปลี่ยนความคิดของตัวเองกับเชลซี
ในปี 2005 ก่อนเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่สนามสแตมฟอร์ดบริดจ์ เจ้าหน้าที่ จะตรวจร่างกายอย่างเข้มงวดมาก ครอบครัวศรีวัฒนประภา เดินทางไปชมเกมในกันพร้อมหน้า โดยทุกคนเดินเข้าสนามไปหมดแล้ว เหลือเพียงวิชัย ที่เดินรั้งท้าย
ปรากฎว่า ในจังหวะตรวจร่างกาย เจ้าหน้าที่สนาม เกือบเอาเครื่องสแกนมากระแทกคางวิชัย เขาจึงเอามือปัด ไปๆมาๆมันทำให้การ์ดสนามไม่พอใจที่โดนตอบโต้ จนมีเรื่องมีราวกันใหญ่โต
ต๊อบ-อัยยวัฒน์ ลูกชาย จึงต้องรีบกันคุณพ่อออกห่างจากการ์ด ก่อนที่จะมีเรื่องบานปลายไปยิ่งกว่านี้
วิชัยเอง ก็มองว่าเขาเป็นแขกของสนาม เป็นทั้งสปอนเซอร์ และลูกค้าที่ซัพพอร์ตทีมอย่างดีมาตลอด แต่กลับมาโดนการ์ดสนามหาเรื่องกันแบบนี้
คือตรวจดีๆเขาก็ไม่ว่า แต่เกือบทำเขาเจ็บตัวแล้วไม่ขอโทษ พร้อมยังหาว่าเขาทำผิด แบบนี้มันไม่โอเค
วิชัยไม่พอใจมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาส่งจดหมายเพื่อตำหนิเรื่องทั้งหมดกับผู้บริหารเชลซี
และจากนั้น เขาก็ตัดสินใจเด็ดขาด คือหยุดการสนับสนุนเชลซีทุกทาง
วิชัย ไม่ซื้อบ็อกซ์วีไอพีอีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาตัดสินใจ ไม่เข้ามาชมเกมในสแตมฟอร์ดบริดจ์ ในฐานะแฟนฟุตบอลอีกต่อไป
"วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้" วิชัยบอกกับอัยยวัฒน์ลูกชายไว้ในวันนั้น แต่ไม่มีใครคิดหรอกว่า เขาจะเอาจริงเอาจัง
"ตอนนั้นผมก็คิดว่าท่านคงพูดไปอย่างนั้นแหละ ท่านคงอารมณ์เสีย" อัยยวัฒน์เผย
----------------------------------------
ปี 2007 ผ่านไป 2 ปีหลังจาก ที่วิชัย เลิกเข้าไปดูบอลที่สแตมฟอร์ด บริดจ์
เขายังไม่ล้มเลิกความตั้งใจในการหาซื้อสโมสร แต่ว่า สโมสรฟุตบอลไม่ได้ซื้อขายกันง่ายๆ ต่อให้คุณมีเงิน แต่ถ้าเจ้าของมองว่าคุณไม่เหมาะ เขาก็ไม่ขายให้อยู่ดี
ในที่สุด วิชัยก็ได้โอกาสแรก เขาได้คอนแท็กต์ติดต่อกับสโมสรเรดดิ้ง ทีมน้องใหม่ของศึกพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น
เซอร์จอห์น มาเดจสกี้ เจ้าของทีมเรดดิ้ง พร้อมจะขายทีม แต่ก่อนอื่นต้องการคุยกับคนที่คิดจะมาซื้อก่อน
เรดดิ้งเป็นสโมสรที่เป็นชอยส์ที่ดี คืออยู่ในพรีเมียร์ลีก และระยะทางไม่ห่างจากลอนดอนมาก เดินทางง่าย ที่สำคัญราคาตั้งขาย ก็ไม่แพงเกินเหตุด้วย
อย่างไรก็ตาม การเจรจาในวันนั้นล้มเหลว วิชัย ไม่สามารถซื้อสโมสรเรดดิ้งได้ เพราะเจ้าของไม่ขาย
"ทางเราบอกว่า เราชอบฟุตบอล เราดูฟุตบอล" อัยยวัฒน์เล่าให้ฟังถึงเหตุการณ์วันนั้น
"แต่เขาถามกลับมาว่า ยูเคยทำทีมฟุตบอลมั้ย เราบอกไม่เคย เขาบอกว่าถ้ายูไม่ได้อยู่ในวงการนี้ ยูอย่าเข้ามาเลย เสียเวลา"
"เขาบอกว่า วงการนี้ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ควรเข้ามายุ่งหรอก ยูไม่สำเร็จหรอก"
ความล้มเหลวในการติดต่อกับ สโมสรเรดดิ้ง กลายเป็นคำถามในใจขึ้นมา เพราะต่อให้คุณมีเงิน แต่การจะเป็นเจ้าของสักสโมสร มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เมื่อการเจรจาล้มเหลว วิชัยก็กลับมาบริหารงานที่คิงเพาเวอร์ตามปกติ เรื่องสโมสรฟุตบอลอังกฤษ ก็เหมือนเป็นเรื่องไกลตัว ที่อาจไม่มีวันเกิดขึ้นจริง
อย่างไรก็ตาม ในที่สุดก็มีจุดเปลี่ยนสำคัญ และเป็นความบังเอิญ ให้เขามาผูกพันกับทีมเล็กๆในระดับแชมเปี้ยนชิพ
(มีต่อ)
(ต่อจากเม้นบน)
ในปี 2010 สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ติดต่อเข้ามาหาวิชัย
----------------------------------------
เลสเตอร์ ในเวลานั้นเล่นอยู่ในระดับแชมเปี้ยนชิพ ลีกรองของอังกฤษ
พวกเขาติดต่อเข้ามาหาวิชัย ไม่ใช่เพื่อให้ช่วยซื้อสโมสร แต่ ต้องการขอสปอนเซอร์จากคิงเพาเวอร์
เลสเตอร์ อยากให้คิงเพาเวอร์ มาเป็นเมนสปอนเซอร์ที่หน้าอกเสื้อ โดยคิดค่าใช้จ่าย 3 แสนปอนด์
"คุณพ่อถามผมว่า เลสเตอร์เป็นยังไง ผมก็บอกไปว่า จำไม่ได้หรอ ที่เราไปดูกันตอนเด็กๆ" อัยยวัฒน์เล่า
วิชัย กับ อัยยวัฒน์ เคยไปดูเลสเตอร์ ลงเล่นลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศในปี 1997 ที่สนามเวมบลีย์ หรือเมื่อ 13 ปีก่อน แต่เหตุการณ์นั้นผ่านมานานมากแล้ว เลสเตอร์จากที่เคยมีสตาร์ เคยอยู่ในพรีเมียร์ลีก ก็หล่นลงไปอยู่ระดับแชมเปี้ยนชิพ และไม่มีสตาร์คนไหนโดดเด่น
"ถามจริง คนที่ดูพรีเมียร์ลีก เคยสนใจลีกแชมเปี้ยนชิพไหม สนแต่ว่าใครขึ้นชั้นมา ใครตกชั้นไป" อัยยวัฒน์เผยต่อ "ผมเลยบอกคุณพ่อไปว่า ถ้าซื้อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ มันไม่ได้อะไรเลยนะ ไม่มีใครดูหรอก"
อย่างไรก็ตาม วิชัย เห็นต่างจากลูกชาย เขาบอกว่า "อยากลองดูก่อน"
วันรุ่งขึ้น วิชัย กับ อัยยวัฒน์ เดินทางไปที่สนามวอล์คเกอร์ส สเตเดี้ยม สนามเหย้าของเลสเตอร์ เพื่อตัดสินใจว่า จะเป็นสปอนเซอร์ให้ดีหรือไม่
พอไปถึงสนาม เขาเห็นความบังเอิญที่ "โทนสี" ของเลสเตอร์ กับ คิงเพาเวอร์ มันเหมือนกัน คือสีน้ำเงินเข้ม เป็นความรู้สึกลงตัวบางอย่าง
จากนั้น วิชัย มานั่งคุยกับเจ้าของสโมสร มิลาน มันดาริช โดยมันดาริช ทำม็อกอัพ เสื้อแข่งจำลองมาให้วิชัยดู ว่าถ้าสโมสรเลสเตอร์ ใส่โลโก้คิงเพาเวอร์ที่หน้าอกแล้วจะเป็นอย่างไร
คำถามแรกที่วิชัย ถามมันดาริช ไม่ได้เกี่ยวกับสปอนเซอร์อะไรทั้งสิ้น
"ยูขายทีมไหม?"
----------------------------------------
"ขาย" มันดาริชยืนยันมาแบบนั้น
มันดาริช ซื้อเลสเตอร์ ซิตี้ มาในปี 2006 ด้วยราคาประมาณ 25 ล้านปอนด์ แต่ทำทีมไป ก็ไม่ได้ผลกำไรอะไรเท่าไหร่นัก
ในช่วง 4 ปีที่เขาเป็นเจ้าของ เลสเตอร์วนเวียนในระดับแชมเปี้ยนชิพ แถมเคยตกชั้นไปเล่นลีกวันมาแล้ว 1 ซีซั่น
ว่ากันตรงๆ มันดาริช ไม่เห็นอนาคตของเลสเตอร์ เพราะมีแต่จะจมดิ่งลงเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าได้ข้อเสนอดีๆ และทำกำไรได้ เขาก็พร้อมจะขาย
"เท่าไหร่" วิชัยถามกลับไป
ปรากฏว่าการคุยกันในวันนั้น จากที่จะซื้อสปอนเซอร์หน้าอกเสื้อ 3 แสนปอนด์ ไปๆมาๆ วิชัยกลับจ่ายเงิน 40 ล้านปอนด์ เพื่อสโมสรแทน
นี่เป็นการตัดสินใจที่ฉับไวมาก สายตาของวิชัย มีความมั่นใจอะไรบางอย่าง เขาเชื่อว่าเลสเตอร์ ซิตี้ ไปไกลกว่านี้ได้
ด้วยความปุบปับของการตอบตกลงซื้อขายทีม จึงยังไม่มีเอกสารอะไรเป็นทางการ มิลาน มันดาริช ขอเวลาเล็กน้อยเพื่อจัดการเรื่องเอกสารทั้งหมด เช่นเดียวกับทางวิชัย ที่ต้องกลับมาไทย จัดการเตรียมเงินให้เรียบร้อย เพราะตัวเลข 40 ล้านปอนด์ คิดเป็นเงินไทยในตอนนั้น คือ 1920 ล้านบาท มันก็ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ
ในตอนนี้ ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เป็นการตกลงปากเปล่าก่อนเท่านั้น มีการเขียนในกระดาษเอสี่ นิดหน่อยเป็นสัญญาใจ แต่ยังไม่ได้ผูกมัด 100%
เกมแรกของฤดูกาล เลสเตอร์ เจอกับคริสตัล พาเลซ ปรากฏว่าครึ่งแรกโดนนำไป 3 เม็ด ก่อนจบเกมจะแพ้ 3-2
ตอนนั้นวิชัย กับ อัยยวัฒน์ อยู่ที่ไทยและเกมนี้ไม่มีถ่ายทอดสดกลับมาที่ไทย อัยยวัฒน์จึงให้เพื่อนที่อังกฤษ ไปช่วยดูฟอร์มเลสเตอร์ ที่สนามเซลเฮิร์ส พาร์กหน่อย ว่าเป็นไงบ้าง
"เพื่อนโทรมาบอกว่าเล่นห่วยมาก เราเริ่มคิดว่านี่เราซื้อถูกหรือผิดกันแน่"
อย่างไรก็ตาม วิชัย ไม่ไขว้เขวแม้แต่น้อย เมื่อเขาสัญญาไปแล้วว่าจะซื้อ เขาก็จะซื้อ เขาเปลี่ยนใจได้ แต่ไม่ทำ
"คุณพ่อเป็นคนมีวิสัยทัศน์ประหลาด มองไกลจนผมตามไม่ทัน เวลาท่านพูดอะไรจะทำให้ได้ เอาให้ได้" อัยยวัฒน์เผยว่า แม้เขาจะลังเล แต่วิชัยกลับมั่นใจ "ท่านบอกว่า จะพลาดหรือไม่พลาด ไม่มีใครรู้แล้ว"
"แต่เราต้องทำให้สำเร็จ"
(มีต่อ)
(ต่อจากเม้นบน)
----------------------------------------
สิงหาคม 2010 การซื้อขายเรียบร้อย วิชัย ศรีวัฒนประภา ซื้อสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้
ท่ามกลางเสียงสบประมาทมากมาย ว่า "แค่ของเล่นคนรวยหรือเปล่า?" แต่เขาก็ยังคงก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไปเงียบๆ
เขา ร่วมกับลูกชายอัยยวัฒน์ แก้ปัญหาหลังบ้านมากมาย และค่อยๆปฏิวัติเลสเตอร์ จากทีมที่ดิ้นรนหนีการตกชั้นไปสู่ลีกวัน ค่อยๆกลายมาเป็นทีมกลางตาราง
และยกระดับเป็นทีมที่เข้าเพลย์ออฟ ลุ้นเลื่อนชั้น
ในปี 2013 วันที่เลสเตอร์ มาแพ้วัตฟอร์ด ในเกมเพลย์ออฟเลื่อนชั้น ทำให้ทุกคนในสโมสรรู้สึกดาวน์ และจมดิ่งไปในความเศร้า
เกมนั้น ถ้าชนะคุณจะได้เข้ารอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ และมีโอกาสกลับมาสู่พรีเมียร์ลีก แต่เลสเตอร์ มาโดนยิงนาที 90+7
ทั้งสโมสรไม่มีแรงใจจะเดินหน้าต่อไปแล้ว ทั้งนักเตะ ทั้งสตาฟฟ์ แม้แต่อัยยวัฒน์ ก็ยังจมดิ่งด้วยความท้อแท้
แต่คนที่เปลี่ยนความรู้สึกของอัยยวัฒน์ให้กลับมาลุกขึ้นสู่อีกครั้งคือวิชัย
"ก็เหมือนชีวิตแหละ มันยากน่ะดีแล้ว จะได้รู้ว่าความล้มเหลวเป็นยังไง"
คำคำนั้นได้ปลุกอัยยวัฒน์ให้ลุกขึ้นมา นี่คือวิธีปลอบใจของวิชัย ที่แน่นอนว่าเสียใจไม่แพ้กัน แต่ความพ่ายแพ้มันคือบทเรียน และมันเป็นโอกาสที่เขาจะได้สอนลูกชายไปในตัว
เพราะชีวิต มันไม่เคยง่าย ไม่เคยเลย
----------------------------------------
หลังจากตกรอบเพลย์ออฟ ซีซั่นต่อมา เลสเตอร์ กลับมาด้วยความแข็งแกร่งกว่าเดิม
นักเตะแกนหลักของทีมยังคงอยู่ช่วยทีมต่อ จากนั้นก็มีการซื้อตัวริยาด มาห์เรซ จากสโมสรเลอ อาฟร์ เข้ามาเสริมทีม
คราวนี้เลสเตอร์ พุ่งทะยานติดปีก ความเจ็บปวดจากการแพ้เพลย์ออฟ เป็นแรงผลักดันให้นักเตะทุกคน เล่นอย่างรัดกุมกว่าเดิม และคราวนี้ พวกเขาคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นไปเลยแบบสง่างาม ไม่ต้องมาลุ้นเพลย์ออฟอะไรกันอีก
ในวันที่เลสเตอร์ ได้แชมป์แชมเปี้ยนชิพ วิชัย ประกาศสิ่งหนึ่งขึ้นมา เป็นความทะเยอทะยานของเขา
"เรามีแผนจะขึ้นไปอยู่อันดับท็อปโฟร์ของพรีเมียร์ลีก และไปเล่นยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีกให้ได้ใน 3 ปี"
ฝรั่งที่ได้ยินตอนนั้น ขำกลิ้ง มันไม่มีทางจะเป็นไปได้อยู่แล้ว อันดับท็อปโฟร์ ทีมใหญ่ๆยังแย่งกันเหนื่อย แล้วกับเลสเตอร์ ที่เป็นน้องใหม่ จะไปทำได้อย่างไร ประธานสโมสรก็ได้แต่พูดไปเรื่อย
แต่ทว่า 2 ปี หลังจากที่วิชัยประกาศออกไป
เลสเตอร์ ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก และได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกจริงๆ
คราวนี้ไม่มีฝรั่งคนไหนขำออกอีกแล้ว
----------------------------------------
ฤดูกาล 2015-16 ปีที่เลสเตอร์ เป็นแชมป์
เกมสุดท้ายของฤดูกาล เลสเตอร์ ต้องไปเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ของเชลซี
ด้วยธรรมเนียมการต้อนรับทีมแชมป์ นักเตะของเชลซี ยืนเรียงกันก่อนเกมเริ่ม เพื่อตั้ง Guard of Honour หรือซุ้มแถวเกียรติยศ เพื่อปรบมือให้กับนักเตะเลสเตอร์ ที่เดินลงสู่สนาม
นักเตะเชลซี และแฟนบอลเชลซี ปรบมือ กันอย่างเกรียวกราวเพื่อให้เกียรติสโมสรเลสเตอร์ที่ได้แชมป์ลีกสูงสุดในซีซั่นนั้น
วิชัย ศรีวัฒนประภา เขาเคยบอกเอาไว้
"วันหนึ่งเราจะซื้อทีม แล้วเอามาสู้เชลซีให้ได้"
11 ปีต่อมา เขาทำได้อย่างที่พูดจริงๆ
#Thankyou
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนแถวนี้แม่งยังเข้าใจผิดว่าลูฟี่เป็นคนธรรมดา สัส พ่อเป็นใครคิดดิ เราจะพูดรุ่นใหญ่มันก็แนวร่วมรุ่นใหญ่มาด้วยเป็นปกติอยู่แล้ว คิดว่ามีชนชั้นล่างอย่างเดียวแล้วเปลี่ยนแปลงอะไรได้เหรอ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง กล่าวถึง มิตรสหายท่านหนึ่งที่มีพ่อเป็นมิตรสหายของมิตรสหายท่านหนึ่ง
คือตาจอห์นนี่ถ้าไม่มีพ่อป่านนี้ก็ชะตากรรมแบบไผ่ดาวดินแน่นอนกูฟันธงเลย
ความย้อนแยงของ LGBT บางคน
ผู้ชาย : ผมชอบผู้หญิงครับ
LGBT : ทำไมคุณไม่ลองเปิดใจดูบ้าง คุณอาจจะค้นพบตัวตนก็ได้นะ
ผู้ชาย : ก็ผมไม่ชอบอ่ะครับ
LGBT : คุณมันพวกเหยียดเพศ ความคิดแย่มาก
ผู้หญิง : พี่คะ น่ารักจัง ขอเบอร์หน่อยค่ะ
LGBT : ไม่ได้ครับ ผมไม่ได้ชอบผู้หญิง
ผู้หญิง : พี่ไม่ลองผู้หญิงมั่งเหรอคะ
LGBT : จะมายุ่งอะไรนักหนาเนี่ย บอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบไง
อ่า.....ครับๆๆ
#มิตรสหาย
#ช่วงนักให้เครดิทในตำนาน
แม้นักฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกไปแข่งขันชิงแชมป์โลกที่ประเทศโปแลนด์ได้ เพราะนักเตะไทยอาจจะไม่คุ้นชินกับหญ้าใบใหญ่ของสนามเกอโลราบุงการ์โนประเทศอินโดนีเซีย แต่ยังไงก็แล้วแต่พี่โจวหวังใจว่านักฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จะได้ประสบการณ์กลับมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย และเยาวชนที่รับชมการถ่ายทอดสดก็จะได้รับประโยชน์จากทั้งการเห็นทักษะและน้ำใจนักกีฬาของนักฟุตบอลตัวแทนจากประเทศต่างๆ ที่ทีมชาติไทยได้ลงแข่งขันด้วย
พี่โจวขอขอบคุณคณะนักฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ซึ่งประกอบไปด้วย นายนพพล ละครพล, นายกฤศน์วัต คงคต, นายศุภวัฒน์ โยคะกุล, นายกิตติพงษ์ แสนสนิท, นายกฤษฏา นนท์รัตน์, นายกฤษดา กาแมน, นายสัมพันธ์ เกษี, นายอนุศักดิ์ ใจเพชร, นายกิตติธัช ประนิธิ, นายศรัญญู พลางวัล, นายศราวุธ มั่นจิตร สโมสรบุรีรัมย์, นายอิรฟาน ดอเลาะ, นายสกุลชัย แสงโทโพธิ์, นายณัฐวุฒิ ชูติวัตร, นายพีรพัฒน์ ขมิ้นทอง, นายธีรภักดิ์ เปรื่องนา, นายยุทธพิชัย เลิศล้ำ, นายเอกนิษฐ์ ปัญญา, นายหัสวรรษ นพเนตร, นายเมธี สาระคำ, นายสิทธิโชค ภาโส, นายศุภณัฏฐ์ เหมือนตา และนายกรวิชญ์ ทะสา
ขอขอบคุณคณะผู้ฝึกสอน นำโดยนายอิสระ ศรีทะโร หัวหน้าผู้ฝึกสอน, นายบำรุง บุญพรม ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน, นายเจตนิพัทธ์ รชตเฉลิมโรจน์ ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และนายประสิทธิ์ น่วมศาลา ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน และที่จะลืมเสียไม่ได้ พี่โจวขอขอบคุณคุณมารวย มหาศรานุกูล ผู้จัดการทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี
พี่โจวขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดย พณฯ ท่าน พลตำรวจเอก ดร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย, ท่านวิทยา เลาหกุล อุปนายกฯ ฝ่ายพัฒนาเทคนิค, ท่านศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายกฯ ฝ่ายจัดการแข่งขัน, ท่านธนศักดิ์ สุระประเสริฐ อุปนายกฯฝ่ายสื่อสารองค์กร และท่านอติรุฒม์ โตทวีแสนสุข อุปนายกฯ ฝ่ายสิทธิประโยชน์
ท้ายสุดพี่โจวขอขอบคุณบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน), ช่อง 7 สี และเว็บไซต์บั๊กกาบูที่ได้นำสัญญาณภาพมาให้แฟนบอลชาวไทยได้รับชมกันในครั้งเนร้อ่ะครับ /\
#ช่วงพี่โจวนำตัวไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง
เราสามารถนำตัวเราเองไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองได้หลายแบบ หลายวิธีการ นอกเหนือจากการแสดงความเห็นทางการเมืองผ่านเฟสบุ๊ค เช่น
1.ไปเลือกตั้งในทุกระดับ กาบัตรสามวินาทีแล้วออกคูหามา (พี่โจวนี่ชอบเข้าๆ ออกๆ คูหามากๆ น้องๆ สาวๆ ติดต่อมาได้)
2.ไปสมัครเป็นอาสาสมัครของ กกต. วันเลือกตั้ง ขนโต๊ะ ขนเก้าอี้ ยกหีบบัตร แง้มหีบบัตร (พี่โจวนี่มีความชำนาญในการแง้มหีบบัตรมากๆ เหมือนกัน น้องๆ สาวๆ ติดต่อมาได้)
3.นำเสียงของตนเองไปเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยที่กินได้จากนโยบายของนักโทษชายทักษิณ 300 500 ก็ว่ากันไป
และอื่นๆ อีกมากมาย
คนไม่พูดถึงเรื่องการเมืองในเฟสบุ๊คเขาไม่ได้โง่อ่ะครับ แต่อาจจะไม่ฉลาดเท่าไรหรืออาจจะฉลาดทะลุโลกไปเลย เราอย่าประนามหยามหมิ่นกันเลย
ท้ายสุดเนร้หากน้องๆ นำตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้ว พี่โจวก็ขอความกรุณาลองมายุ่งเกี่ยวกับงานในบ้านเช่นการกรอกขวดน้ำใส่ตู้เย้นอัลไลแบบเนร้ด้วย แต่หากน้องๆ ไม่ทำพี่โจวก็ไปบังคับไม่ได้ เพราะน่าจะเป็นบุญกรรมของพ่อแม่และครอบครัวที่เลี้ยงเรามาอ่ะครับ
ควันหลง อ ตัวเดียว สะเทือนทั้งคาบสมุทรมาลายู
ไปเจอเม้นมา ว่างๆเลยแปลให้ครับ
Omer Siddiqui ฉันสงสัยมากเลยทำไมพวกตะวันตก (พวกธุรกิจจากตะวันตก) ถึงต้องมาตั้งที่ไทยแทนที่จะเป็นมาเลเซีย เพราะมาเลเซียเป็นประเทศที่เจริญพัฒนาดีกว่าไทยตั้งเยอะแยะ มันแปลกมากๆ
Chong KC Omer Siddiqui เมืองไทยเขาสำหรับทั่วโลก เราสำหรับพวกอาหรับ
Jienn Ong มาเลเซียพัฒนาและเจริญกว่าไทย? คุณต้องอยู่ในยุค 60 แน่ๆ
Roy Wan ต้องล้อกูเล่นแน่ๆ เมืองไทยเขาดีกว่าเราตั้งเยอะ
Muhd Izham นี่คุณกำลังประชดหรือไม่ได้อัพเดทซอฟต์แวร์สมองคุณจริงๆ
Hom Rissay Iduasneb เอาจริงๆนะประเทศไทยเขารวยกว่าเราอีก เขาจะเป็นเสือตัวใหม่
Han Woon Lee apple กลัวการเมืองในประเทศเราและนโยบายที่น่ากลัว (น่าจะเรื่อง lgbt เสริมเอง)
Stefanus Ferdi พูดมานี่ได้ดูสภาพประเทศตัวเองตอนนี้มั้ยเนี่ย?
Troy Medici ยิ้มง่ายมากๆ คนไทยเขาขยันทำงานตลอด ตอนที่พวกเขาเหนื่อย พวกเขาจะคิดว่าทำงานเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตตัวเอง พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะมีใครเป็นบุญคุณในการมีชีวิตอยู่ ยกตัวอย่างแท็กซี่มาเลย์ไง
'ammar Dean ถ้าประเทศไทยดีกว่าจริง แล้วยังคงอยู่ในมาเลเซีย โปรดย้ายสัมโนครัวคุณไปอยู่ที่ๆดีกว่เลย
Hwong Siew Weng เพราะคนไทยทำงานหนักกว่า บริการด้วยความเต็มใจ,คนเที่ยวมากกว่า และไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย
Macmillan Chin เพราะค่าเงินเรามันตกหรือเปล่า?
Wan Muhammad Amin เพราะว่าไทยเขาเปิดให้ต่างชาติมาลงทุนโรงงานตลอด รถใน AEC เกือบทุกคันก็ผลิตจากไทยหมด แต่ในมาเลย์เรามีกฎหมายที่เข้มงวดกับต่างชาติที่จะมาลงทุนในประเทศเรา
Wan Muhammad Amin แล้วก็ในประวัติการผลิตรถ ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผลิตรถยนต์มากที่สุด แม้เขาจะไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง
Leong Wai Loon เอาจริงๆนะ เราควรจะยอมรับได้แล้วว่าเราตามหลังไทยแล้ว ถ้ามีโอกาศพวกคุณลองไปกรุงเทพดู แล้วลองสังเกตพวกร้าน brand retail หลายๆแบรนด์ดังๆเขาข้ามหัวมาเลเซีย แล้วมาตั้งสำนักงานใหญ่ที่สิงคโปร์หรือกรุงเทพ เป็นที่กระจายสินค้ายุทธศาสตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Raymond Chu มันใช่อยู่แล้ว
Isaac Yap พวกเราไม่เคยนำหน้าไทยเลยเวียดนามและอินโดนีเซียก็คงจะแซงเราเร็วๆนี้
EL Ali อย่าไปกลัวเลย มหาเธมาช่วยพวกเราแล้ว
Jason Chuah ขนาด apple ยังเห็นว่าประเทศไทยดูมีอนาคตกว่ามาเลเซีย
-------------
#มิตรสหายแปลมาอีกทีท่านหนึ่ง
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว(25ต.ค.)
มีโอกาสไปฟังมหาเธร์พูดบรรยายที่จุฬา บอกเลยว่ามาเลย์ไม่น่ากลัวถ้ามหาเธร์ยังเป็นนายกอยู่ คือความคิดล้าสมัยมาก
ท่านอาจจะเคยเป็นอดีตนายกที่เก่งแต่มันก็เป็นอดีต แนวคิดเดิมๆใช้พัฒนาชาติตอนนี้ไม่ได้แล้ว
ท่านตอบคำถามเกี่ยวกับ LGBT ได้แบบ... ผมในฐานเกย์คนนึงนั้งฟังถึงกะบสะดุ้ง
พูดมาได้ไงว่าเลียนแบบชาติตะวันตก เห้ยยคนเป็นเกย์มันไม่เดี่ยวกับไปเลียนแบบฝรั่งม่ะก็เกิดมาเป็นอ่า แล้วพูดมาได้ไงว่าพวก LGBT เห็นแก่ตัวไม่สร้างระบบเศรษฐกิจในระดับครอบครัว ครอบครัวต้องมีพ่อมีแม่มีลูก
ฟังแล้วก็ได้แต่คิดว่าคนแบบนี้เนี้ยนะเป็นนายกถึงว่าไม่เจริญได้ตามเป้าสักที
มิตรสหายท่านหนึ่ง
คนแห่ดูบั้งไฟพญานาคทั้งที่มีคนพิสูจด้วยโดรนแล้วว่าเป็นปืนยิงจากฝั่งลาว ถือเป็น #ความงมงายเชิงนโยบาย ที่รัฐหนุน เพื่อศก.ท่องเที่ยว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นายอาหมัด ซาฮิด กล่าวว่า ได้รับทราบมาว่า เมืองปาลู ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิบนเกาะสุลาเวสีนั้น มีประชาชนกว่า 1,000 คน เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของชาวหลากหลายทางเพศ (แอลจีบีที)
"ด้วยเหตุนี้ พื้นที่แถวนั้นทั้งหมดจึงพังพินาศ นี่คือการลงโทษจากพระอัลเลาะฮ์" อดีตรองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้เหตุผลประกอบในการตั้งคำถามให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบตอบ เรื่องประสิทธิภาพโครงการรัฐบาลที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจัดการประเด็นเกย์ เพื่อให้มั่นใจว่ามาเลเซียจะไม่เจอชะตากรรมแบบประเทศเพื่อนบ้าน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"โอตะด่าเจมส์เหมือนเจมส์อยากจูบเฌอปรางมาก คือหน้าตาแบบเจมส์ชีวิตจริงอาจจะได้จูบคนที่สวยกว่าเฌออีก ทำไมไม่คิดบ้างว่าเจมส์เองก็ทำเพื่องาน เค้าไม่ได้รับงานเพื่อมาจูบเฌอปรางปะวะ แล้วเฌอจะจูบในหนังมันก็ปกติปะวะในเมื่อชีวิตจริงคนที่จูบเฌอจริงๆก็ไม่มีวันจะเป็นโอตะอยู่แล้วอะ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คิดว่ามีแต่ในหนัง วันก่อนได้ฟังจากปากผู้หญิงคนหนึ่ง เค้าบอกว่าเพื่อนเค้าแต่งมาสามครั้ง ตอนนี้มีเงินเกือบ 50 ล้าน
ถ้ามานั่งทำงานหาเงินเองมันเหนื่อย สู้แต่งตัวสวยๆ หาสามีรวยๆเลี้ยงไม่ได้ ผมก็ถามว่าแล้วถ้าไม่มีผู้ชายแต่งงานด้วยล่ะ
เค้าบอกว่าก็หากิ๊กรวยๆ 3-5 คน ขอเงินใช้คนละ 3 หมื่น 5 คนก็ 1.5 แสน พอช้อบปิ้งแล้ว ผมก็ถามต่อ ไม่กลัวเค้าจับได้เหรอ
เค้าบอกว่าพวกรวยๆมันไม่มีเวลามาตามจับผิดหรอก ทำแต่งาน และโง่เรื่องผู้หญิง แค่เอาใจนิดๆหน่อยๆ ก็ยอมหมด ขออะไรก็ได้
เรื่องแบบนี้มีจริงเหรอครับ ไม่อยากเชื่อว่าคนรวยๆจะโง่ขนาดนั้น และไม่อยากเชื่อว่ามีผู้หญิงคิดแบบนี้ ไม่อายเหรอ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ส่วนตัวผมคิดว่า ในสังคมที่มีกรอบจารีต มักจะมีเหตุการณ์แบบนี้อยู่ จะมาก จะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น ของสังคมนั้น อย่างบ้านเรา มีกรอบจารีตพุทธ ถึงแม้ว่า สาวที่นอกกรอบแต่งตัววั๊บๆแวมๆ อาจจะไม่โดนทำร้ายแบบในคลิป แต่สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งคือ Victim blaming การโทษเหยื่อว่าผิดเองจากการแต่งตัวของเธอ หากเธอเกิดประสบเหตุร้ายอะไรก็ตามที
หรือการ Harassment การแต่งตัว ถึงแม้ว่าเขาจะแต่งเพื่อทำงาน เช่นการเหยียดเพศ มุกตลกสกปรก เป็นต้น ซึ่งผมคิดว่าไม่ใช่แค่สังคมจารีตมุสลิมที่มี สังคมจารีตคริสเตียน หรือ พุทธ ก็มี หากแต่เราอาจจะไม่ค่อยเห็นการลงไม้ลงมือกันเท่านั้นเอง แต่ผมคิดว่า ถึงแม้ไม่ลงมือกัน คำพูดมันก็รุนแรงเหมือนมีดกรีดหัวใจ ไม่แพ้กันครับ ที่น่าเศร้าคือ Harassment พวกนี้เห็นบ่อยในโลกออนไลน์ อาจจะทำพาไปสู่ Cyber bully หรือ Witch hunting ซึ่งรุนแรงกระทบด้านจิตใจเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเป็น Mindset ของสังคม ที่อาจจะแก้ได้ยาก ผมว่าอย่างนั้นนะ
ประมาณว่าเพราะเธอผิดกฏ เธอก็สมควรโดน หรือ เธอผิดกฏ ฉันก็มีสิทธิ์จะลงโทษเธอโดยทางพฤตินัย ซึ่ง อ. ผมเคยทำวิจัยว่า มันเป็นกลไกของสังคมยุคก่อนที่ต้องการความเป็นเอกภาพทางความคิด ความรุนแรงเลยเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้างเอกภาพกันคนออกนอกกรอบ
มันมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์เรื่อง ลิง กับ กล้วย ที่ เอากล้วยไว้บนบันได แล้วลิงกลุ่มนึง ก็จะปีนขึ้นไปหยิบ พอหยิบกล้วยแล้ว ลิงจะถูกฉีดน้ำใส่ จากนั้น ก็เปลี่ยนชุดลิงไปเรื่อย ๆ จนมาถึงช่วงหนึ่ง เวลาลิงชุดใหม่เข้ามา ในห้องทดลองโดยไม่รู้ก็จะขึ้นไปหยิบกล้วย และ จะโดนลิงตัวอื่นในห้องรุมทำร้ายเพราะมันไม่อยากโดนน้ำฉีด
พอทำไปได้ซักระยะนึง ถึงแม้ไม่โดนน้ำฉีด ก้ไม่มีลิงตัวไหนจะไปหยิบกล้วย เพราะว่า มันจะโดนทำร้าย ถึงแม้มันจะไม่เคยรู้เหตุผลอะไรเลยก็ตาม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>780 ไม่ต่างอะ การทดลองนี้เวอร์ชั่นมะนุดเป็นเป่านกหวีดแทน
สร้างเรื่องเป็นให้คนมานั่งเขียนประวัติสัมภาษณ์งาน แล้วให้หน้าม้ากลุ่มแรก ลุกทุกครั้งที่มีคนเป่านกหวีด(เป่าอีกทีถึงจะนั่ง)
ทำจนคนอื่นที่ไม่รู้อะไรด้วยลุกตาม แล้วค่อยๆ เอาหน้าม้าออก คนอื่นใส่เข้ามาแทนที่ทีละนิด
สุดท้ายไม่เหลือหน้าม้าแล้ว แต่คนแม่งก็ยังลุกตามเสียงนกหวีด โดยที่ไม่รู้และก็ไม่ได้ถามกันเลยว่าทำไปทำไม
>>782 มึงก็เอาแต่จะเถียงให้ชนะจนหลงประเด็นล่ะนะ 555
pointมันอยู่ที่ว่าจะสร้างเหตุการให้คนหมู่มากทำตามๆ กันโดยไม่รู้เหตุผลมันทำได้จริงรึเปล่า
ซึ่งมึงก็น่าจะเห็นอยู่ว่ามันมีโอกาสทำได้จริง ส่วนเรื่องจะมีใครพยายามทำตัวหลุดกรอบไหมเนี่ยมันคนล่ะประเด็น
>>783 จะเอางานวิจัยมึงไปหาเองปะ กุแค่ดูจากวีดีโอฝรั่งนานมาและ 4-5 ปีและมั๊ง
ที่ คาสโต๊ด มีการวิเคราะห์ตลาดอยู่ตลอดเวลาว่าคนนิยมใช้อะไรมากที่สุด ทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ จากนั้นจึงเปิดสอนเรื่องที่จะใช้งานจริงในธุรกิจครับ เรียนแล้วหางานทำได้แน่นอน ถ้าจะสร้าง Startup ก็หาคนมาทำงานได้แน่นอนครับ
เรียน Java ที่ คาสโต๊ด เนื้อหาละเอียดกว่าเรียนในมหาวิทยาลัยครับ ยังไม่เคยได้ยินว่าที่ไหนสอน Interface, ที่ไหนสอน Spring MVC, ที่ไหนสอน Hibernate รวมถึง Java EE อย่าง JavaBeans และ EJB ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เรียนวันละเรื่องครับ เรื่องละ 4 ชั่วโมง ไม่มากหรือไม่น้อยเกินไป ไม่มากจนจำอะไรไม่ได้ บางที่สอนวันละ 8 ชั่วโมง จำอะไรไม่ได้หรอกครับ บางที่สอนน้อยเกินไปเดินทางไม่คุ้มครับ
ผลสำรวจเรื่อง Java Web Framework เผยตัวเลขชัดเจนว่า Spring MVC มีการใช้งานอันดับ 1 ครับ เรียนที่ คาสโต๊ด เป็น Spring MVC รุ่นใหม่ล่าสุดครับ ไม่ต้องกลัวตกยุค เรียนวันละเรื่องไม่สับสน แถมมาต่อด้วย Spring Boot วันสุดท้าย Version ล่าสุดเหมือนเดิม ต่อยอดความรู้แน่นๆกันเลย
ในการพูดของมหาเธร์ที่จุฬาฯ เรื่องหนึ่งที่คนอยากฟังที่สุดคือประเด็น LGBT
มหาเธร์ ตอบคำถามเรื่องนโยบายความหลากหลายทางเพศ LGBT ว่า มาเลเซียยังไม่ยอมรับเรื่อง LGBT โดยอ้างเหตผลว่า เราต้องเคารพคุณค่าของเอเชีย (Asia Value) ชาติเอเชียอ้าแขนรับวัฒนธรรมและคุณค่าจากตะวันตกมาหลายอย่างแล้ว แต่ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบทุกอย่าง "เราต้องมีเสรีภาพที่จะไม่เปลี่ยนแปลงด้วย"
รายงานข่าวบอกว่า เป็นคำตอบที่เรียกเสียงปรบมือในห้องประชุมจุฬาอย่างล้นหลาม ในขณะที่ผู้ดำเนินรายการเอง ระบุว่า "เป็นคำตอบที่งดงามมาก"
แต่ผู้เขียนขอบอกว่า ฟังแล้วเป็นการใช้วาทศิลป์พูดให้ฟังดูดีซึ่งคิดมาแล้วว่าพูดแบบนี้จะได้แนวร่วมจากคนเอเชียที่ยังมีความคลั่งชาติคลั่งศาสนาและเกลียดตะวันตกรวมถึงเกลียดแนวทางเสรีภาพนิยมของตะวันตก ซึ่งยังมีอยู่มากโดยเฉพาะในประเทศที่เป็นรัฐศาสนา
สิ่งที่มหาเธร์ไม่ยอมพูดชัดๆ ตรงๆ ก็คือ ที่มาเลเซียไม่ยอมรับ LGBT ก็เพราะมาเลเซียเป็นรัฐศาสนาอิสลาม ซึ่งคำสอนต่อต้านLGBT
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โสเครติส นอกจากเป็นยอดนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว สำหรับผมเอง ยังขนานนามเขาว่าเป็น "ประธานสมาคมพ่อบ้านใจกล้ารุ่นแรก" อีกด้วย
วันนี้ไม่ได้จะมาพูดถึงโสเครติสครับ แต่จะมาพูดถึงเมียเขา ซานธิปปี คืองี้ครับ ปกติแล้วถึงแม้ว่าพวกเอเธเนี่ยนจะเรียกตัวเองว่า เสรีชนก็เถอะ แต่สำหรับสตรีไม่ใช่เลย พวกนางต้องอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนสงบเสงี่ยมเจียมตัว ดั่งที่พวกเอเธเนี่ยนกล่าวว่า "สตรีงามย่อมพูดน้อย" ต่างจากพวกสปาตั้นคณาธิปไตยออกแนวๆเผด็จการ ผู้หญิงกลับมีสิทธิมากกว่าสาวชาวเอเธนซะอีก
แต่ครับ ซานธิปปี เธอคือผู้หญิงที่ไม่สนใจกฏเกณเหล่านั้นเลย อีกทั้งเธอเป็นผู้หญิงปากร้ายจนเป็นที่กล่าวขาน ชาวบ้านเลยมองเธอว่าเป็นคนแปลกๆ แกชอบบ่นลุงโสฯบ่อยๆว่า วันๆเอาแต่ครุ่นคิด งานการไม่ทำ เอาแต่ออกไปเสวนาบ้านชาวบ้านลูกไม่ช่วยเลี้ยง มีอยู่วันนึงในขณะที่ลุงแกกำลังนั่งครุ่นคิดตามประสานักปราช์ญอยู่นั้น เมียแกเอากระโถนฉี่มาราดหัวแล้วสั่งให้ลุงไปล้างกระโถนนั้นด้วย
หลายๆคนก็สงสัยชอบเข้ามาถามลุงโสฯแกว่า แต่งงานกับซานธิปปีทำไม ? ลุงโสฯแกก็จะตอบออกแนวนินทาเมียว่า "หากข้าอยู่กับซานธิปปีได้ นั้นก็หมายถึงข้าก็อยู่กับคนทั้งโลกนี้ได้"
มีอยู่ครั้ง แอนธิเธนิส ( อาจารย์ของไดโอจินิสนั้นแหละ ) มาถามลุงโสฯว่า " สตรีนั้นมีศักยภาพที่จะเรียนรู้ไม่แพ้บุรุษ ไฉนท่านไม่สั่งสอนซานธิปปีบ้างเล่า" โสเครติสตอบ "นายสารถีฝึกม้า เมื่อประสงค์จะฝึกฝนตนเองย่อมเลือกปราบพยศม้าป่ามากกว่าม้าเชื้อง ฉันใดก็ฉันนั้น การที่ข้าสามารถฝึกซานธิปปีได้ คงไม่มีมนุษย์คนไหนที่ข้าฝึกไม่ได้ " ( แต่แม่งก็ไม่เคยอบรมนางได้เลย )
มีอยู่ครั้งนึงครับ แกเอาเค้กไปให้ลุงโสฯที่โรงเรียน แต่ลุงแกไม่อยู่ แกโกรธจัดมาก เลยกระทืบเค้กนั้นแล้วส่งให้เพื่อนลุงโสฯแก บอกว่า "อ๊ะ เอานี้ไปฝากส่งให้โสเครติสด้วย"
โสเครติส เลยมีคำคมอยู่คำนึง แกกล่าวว่า
"By all means marry, if you get a good wife, you'll be happy. If you get a bad one, you'll become a philosopher.
แน่นอน การแต่งงาน น่ะ หากคุณ ได้ภรรยาที่ดี คุณก็จะมีความสุข หากคุณดันได้แบบแย่ๆมาหละก็ คุณจะกลายเป็นนักปรัชญา"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นักวิชาการให้ความเห็นว่าการล่าแม่มดในช่วง ศ ที่ 15 นั้น เพราะเป็นกลไกการโปรโมตศาสนาให้มีผู้มานับถือนิกายตัวเองมากขึ้น ในช่วงแย่งศรัทธาศาสนิก หลังจากมีการ รีฟอร์ม ศาสนาเป็นนิกายโปรแตสแตน"
เพราะศริตจักรได้ออกมาโฆษณาว่า การสังหารแม่มดนั้น เพื่อปกป้องพลเมืองจากซาตาน เป็นโฆษณาชวนเชื่อว่าโปรแตสนั้นดีกว่าคาทอลิก
ย้อนกลับไป ช่วง ศ ที่ 9-14 คริตจักรปฏิเสธการมีตัวตนของแม่มด ว่ามีอยู่จริง เริ่มจากพระเจ้าคาโลมานแห่งฮังการี่ พระองค์ทรงสร้างมาตรฐานการวินิจฉัยคดีแม่มด โดย ใครถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด ให้ลองแสดงเวทมนต์ดู ทำไม่ได้ ถือว่าเป็นบ้า หากเป็นบ้าก็ไม่โดนประหาร แต่โดนฝากขังอย่างเดียว พอมาในสมัยพระสันตปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 4 ปี 1258 ได้สั่งให้ห้ามฟ้องร้องเรื่องเวทมนต์คาถา ถือว่า ภัยพิบัติ โรคร้ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะเวทมนต์ แต่เป็นเพราะ พระเจ้าลงโทษความผิดบาปของมนุษย์เอง ในช่วง ศ ที่ 9-14 นั้น การล่าแม่มดลดน้อยลงมากอย่างเห็นได้ชัด
พอมา ปลาย ศ ที่ 14 - ต้น ศ 15 ได้มีการปฏิรูปศาสนาขึ้น ทำให้เกิดโปรแตสแตน ขึ้นมา พวกโปรแตสฯนั้น มีการชวนเชื่อเรียกศรัทธา ดิสเครดิต คาทอลิกว่าเป็นแนวทางที่ผิด ตนเองบริสุทธ์กว่า และมีแต่เพียงโปรแตสเท่านั้นที่สามารถปกป้องศาสนิกจากซาตานได้ กระบวนการโฆษณาชวนเชื่อนั้นคือ " การล่าแม่มด "
ด้วยเหตุนี้เอง ศาสนิกที่ยังลังเลในความเชื่อตัวเองอยู่ ก็ได้ย้ายข้างไปฝ่าย โปรแตสฯ ทำให้ทางโบสถ์คาทอลิก ก็มีท่าทีเปลี่ยนไป ต้องใช้หนามหยอก หนามบ่ง เล่นแผนโฆษณาชวนเชื่อเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้เอง ฝั่งคาทอลิกก็กลับมาล่าแม่มดด้วยเพื่อ ดึงให้ศาสนิกของตนไม่ย้ายไปเป็นโปรแตส ฯ แต่ความเข้มข้นไม่เท่า สรุปรายงานคือ พื้นที่ ที่มีคาทอลิกเยอะ จะมีการล่าแม่มดน้อยกว่า พื้นที่ ที่มี โปรแตสแตนเยอะนั้นเอง โดนยกตัวอย่างที่ เยอรมัน จุดเริ่มต้นของนิกายโปรแตสฯ มีอัตราการล่าแม่มดอยู่ราว 40 % ในหลายพื้นที่ ที่โปรแตสแตนขยายออกไป เช่น สวิตเซอแลนด์ ฝรั่งเศส อังกฤษ และ เนเธอแลนด์ มีอัตราการล่าแม่มดถึง 35% ในขณะที่ สเปน โปรตุเกส ไอร์แลน อิตาลี่ ที่มีการนับถือคาทอลิกอย่างเข้มแข็ง กลับมีการล่าแม่มดอยู่ราว 6% เท่านั้น
นักวิชาการให้ข้อคิดเห็นว่า การล่าแม่มดที่ลดลงนั้น อาจเป็นเพราะ สนธิสัญญาสันติภาพเวสต์ฟาเลีย หลังจบสงคราม 30 ปีระหว่าง คาทอลิกกับโปรแตสแตน ปี 1648 เพราะ มีความมั่นคงของสมดุลอำนาจใหม่ในยุโรป และ การผูกขาดทางศาสนาในพื้นที่ของตนเอง ระหว่าง คาทอลิก กับโปรแตสแตน ทำให้มีการลด การล่าแม่มด เพื่อเป็นโฆษณาชวนเชื่อ
แต่อย่างไรก็ตาม การล่าแม่มดก็ไม่ได้หยุดกันง่าย ๆ เพราะมันก็ยังดำเนินต่อไป ในระหว่างช่วง คศ 1650 - 1700 นักวิชาการให้ความเห็นว่า มันเป็นเพราะ ผู้คนคุ้นเคยกับวิธีการนี้ และ เชื่อว่ามันเป็นวิธีที่จะปกป้องชุมชนพวกเขาจากสิ่งชั่วร้ายอย่างซาตานได้
source https://www.history.com/news/how-medieval-churches-used-witch-hunts-to-gain-more-followers
https://www.britannica.com/biography/Coloman
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ครั้งแรกที่คิดค้นระบบการเรียนแบบคุมอง คุณโทรุ คุมอง ผู้ก่อตั้งมีทฤษฎีว่าตราบใดที่ลูกชายของเขาสามารถทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลายได้อย่างไม่ยากลำบาก ลูกของเขาจะมีเวลาเหลืออีกมากมายที่จะไปค้นหาสิ่งอื่นๆ ที่เขาสนใจ ดังนั้น คุณโทรุจึงคิดว่าสิ่งที่เขาสามารถทำได้ที่บ้านก็คือการช่วยให้ลูกชายของเขาเก่งคณิตศาสตร์ระดับมัธยมปลาย
ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะช่วยให้ลูกชายของเขาพึ่งพาตนเอง คุณโทรุ คุมอง จึงจัดเตรียมแบบฝึกหัดและวิธีการเรียนการสอนด้วยตนเอง โดยเขาได้เขียนแบบฝึกหัดการคำนวณลงในกระดาษเปล่าและจัดเรียงข้อด้วยวิธีการที่ช่วยให้สามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเองซึ่งทำให้ลูกชายของเขาสามารถเรียนก้าวหน้าไปได้ด้วยตนเอง
สิ่งที่คุณโทรุ คุมอง คิดค้นขึ้นมาคือต้นแบบของการศึกษาด้วยวิธีการของคุมอง โดยเขาได้วางรากฐานสำหรับการเรียนแบบเฉพาะตัวของคุมอง ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนแต่ละคนสามารถพัฒนาความสามารถด้านวิชาการ รวมไปถึงการค้นหาศักยภาพ ซึ่งทั้งสองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่เรายังคงให้ความสำคัญสูงสุด
ในขณะที่ปัญญาชนที่เคยเป็นคนรุ่นใหม่กำลังจะก้าวสู่วัยผู้ใหญ่ รวมทั้งปัญญาชนนักแสดงความเห็นตามเฟสบุ๊คหน้าใหม่ๆ ยังวนเวียนอยู่กับภาษาวรรณกรรมความเท่าเทียมตั่งต่างทั้งเช่น สังคมนิยม มักซิดส์ ต้านเสรีนิยมใหม่ ประชาธิปไตย และรัฐสวัสดิการ ฯลฯ เป็นนกแก้วนกขุนทองอยุ่นั้น
แต่ลูกกระจ๊อกสองตัวที่พี่โจวได้ปลูกฝังแนวคิดทางการเมืองไว้มันไปไกลกว่าวรรณกรรมความเท่าเทียมเหล่าเนร้แล้ว ตัวหนึ่งกำลังเขียนโครงการขอ สสส. นำเด็กชาวเขามาขึ้นรถไฟฟ้า BTS ที่ กทม. ส่วนอีกตัวกำลังเขียนโครงการให้เพิ่มเมนูอาหารฝรั่งเศสและอิตาเลียนไปในอาหารกลางวันของเด็กอิสานเพื่อเอาไปฆ่าสารละลายดั้งในข้าวเหนียวอ่ะครับ
ดูสิครับทีมงานพรรคสนุ้กเกอร์ไทยที่พี่โจวคัดเลือกมานั้นมีคุณภาพแค่ไหน แล้วในปี 2575 น้องๆ จะไม่กาพรรคตัวเนร้ได้เยี่ยงไรกัน
#ช่วงอุปถัมภ์นิยมพี่ชมน้องน้องชมพี่พี่ว่าดีผมว่าตาม
เราชอบโปรดัคที่มีสตอรี่ เช่นยาธาตุน้ำขาวตากระต่ายบิน ใช้โลโก้เป็นกระต่ายติดปีกเพราะอยากให้กระต่ายชนะเต่าในนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ไม่เห็นเกี่ยวเลยสัด!
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>797 ใช้แก้ จุกเสียด แน่น อึดอัด เหมือนไร้อิสรภาพ
กระต่ายบิน = มันเป็นอิสรภาพแล้ว
ยาธาตุน้ำขาว = กระต่ายตัวสีขาว
สตอรี่คือ ยาธาตุน้ำนี้สกัดจากกระต่ายตัวขาวที่บินได้ ระหว่างที่ผล่อยให้มันกำลังดื่มด่ำกับเสรีภาพจอมปลอมจนกลั่นธาตุขาวได้ที่ ก็จับมันมารีดเค้นออกมาเป็นยาให้เหล่าริเบอรัลได้ดื่มกินกัน
คิดว่าหลายๆคนน่าจะผ่านหูหรือผ่านตามาบ้าง กับหตุผลที่มุสลิมยกมาอ้าง โดยเฉพาะเวลาอ้างกับคนที่ไม่ใช่มุสลิม เรื่องการไม่กินหมู ที่อ้างว่าเนื้อหมูนั้นมี #เชื้อที่ความร้อนฆ่าไม่ตาย
ฟังดูน่ากลัวมากๆเลยนะครับ, แปลว่านี่เรามีไอ้เชื้อนั่นอยู่ในตัวแล้วใช่มั้ย?
บางคนก็อ้าง "เชื้อที่ความร้อนฆ่าไม่ตาย" เฉยๆยังงั้นแหละครับ คือไม่ได้ระบุว่าเชื้ออะไร
แต่บางคนก็ระบุชื่อมา อย่างเช่นในเว็บไซต์ของหน่วยงานเกี่ยวกับอิสลาม ในสังกัดของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง เขาระบุเลยว่าไอ้เชื้อที่ว่านั้นคือ "พยาธิ Trichura Tichurasis"
ในตอนท้ายของบทความ เขาใส่เครดิตว่ามาจาก ซากิร ไนค์ ซึ่งก็น่าจะจริง แม้ลิงค์อ้างอิงที่ใส่มาในบทความจะเข้าไม่ได้แล้ว เพราะแอดมินจำได้ว่าเคยฟังคลิปเขาพูดเรื่องนี้เหมือนกัน
(ดูบทความดังกล่าวได้ที่นี่ http://www.halinst.psu.ac.th/th/knowledge-th/knowhalal-th/370-2013-10-30-08-26-52.html )
ซึ่งด้วยความอยากรู้ว่าเรื่องนี้มันจริงเท้จแค่ไหน, ถ้าจริง แอดมินก็จะได้เลิกกินหมูด้วย แม้จะยังไม่คิดเข้าอิสลามก็เถอะ
แอดมินเลยไปถาม รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ แห่งคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ เจ้าของเพจ "อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์"
(ก็ไปเม้นต์ถามที่เพจแกนั่นแหละ)
ปรากฏว่าก็ได้คำตอบมาอย่างที่เห็นนั่นแหละครับ
อย่างแรกก็คือ ไม่มีไอ้พยาธิตามชื่อที่ว่านั้น มีแต่อีกอันที่ชื่อคล้ายๆกัน ซึ่งก็คือพยาธิที่เราน่าจะเคยผ่านหูมาแล้วบ้าง ก็คือ "พยาธิแส้ม้า" นั่นเอง
แล้วไอ้พยาธินี่ก็ "ป้องกันได้โดยการปรุงอาหารให้ถูกสุขลักษณะ และการล้างมือก่อนทำอาหาร"
อ.เจษฎ์แกว่างี้นะ ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่
ดูความเห็น อ.เจษฎ์ ได้ที่นี่ครับ https://web.facebook.com/OhISeebyAjarnJess/posts/505988853217506 (เป็นคอมเม้นต์นะ)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การทดลองในมนุษย์: เราเรียนรู้อะไรจากการทดลองสุดโหดของนาซีบ้าง และมันควรไหม
คำตอบของส่วนแรกคือ มากมายมหาศาล นักวิทยาศาสตร์ของเยอร์มันเป็นผู้ค้นพบความสัมพันธ์ของเอกซ์เรย์และความเสียหายของหน่วยกรรมพันธุ์ เขาค้นพบความสัมพันธ์ของมะเร็งและการสูบบุหรี่ นาซีค้นพบอันตรายของสารออร์แกนิคคลอรีนอย่าง DDT ก่อนที่อื่น ด้วยการใช้อิเลคตรอนไมโครสโคป นาซีรู้ถึงอันตรายจากฉนวนแอสเบสทอสกับมะเร็งปอด นอกจากนี้การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตัวเองก็มาจากการศึกษาของนาซี รวมไปถึงความสำคัญของสารอาหารอย่างวิตามินและเกลือแร่ การทดลองโหดๆอย่างการจำลองสภาพความดันต่ำได้มาซึ่งขั้นตอนการจัดการกับเครื่องบินตก และยังมีอย่างอื่นๆอีกมาก เราอาจบอกได้ว่าความก้าวหน้าทางวิศวกรรมและการแพทย์มีการก้าวกระโดดจากการทดลองในมนุษย์ของนาซี เพราะไม่ว่าเราจะทดลองอะไร การทดลองกับสิ่งที่เราต้องการเป็นเป้าหมายย่อมได้ผลเหนือกว่าการทดลองกับสปีชี่ส์ข้างเคียงที่ต้องมีการปรับโดสเทียบเคียงกับคนเสมอ
แต่แน่นอน การทดลองกับมนุษย์มันมีจุดอันตรายต่อสังคม เราจะคัดเลือกคนอย่างไรให้มาเป็นเหยื่อการทดลอง นักโทษหรือ แต่หลักการลงโทษมีเป้าหมายเพื่อการดัดนิสัย และโทษประหารชีวิต มันไม่ใช่การลงโทษแต่เป็นการกำจัดคนที่เป็นอันตรายเกินออกจากสังคม การเอานักโทษประหารมาใช้ทดลองมันย่อมเกิดประเด็นทางจริยธรรม จากมุมมองของญาตินักโทษประหาร มุมมองของผู้ทำการทดลอง ที่ถ้าเขาหรือเธอสามารถทำการทดลองในระดับที่ถึงตายกับมนุษย์ได้ คนพวกนี้ก็จะมีปัญหาในการเข้าสังคมกับมนุษย์คนอื่นๆเพราะมาตรฐานจริยธรรมมันจะต้องบิดเบี้ยวออกไปมาก และในมุมมองของสังคม ถ้าหากเราเอามนุษย์มาทดลองได้ คุณค่าของชีวิตของประชาชนในสังคมนั้นจะต้องลดทอนจากค่า Norm ที่เราเป็นอยู่มาก และ อย่างน้อยถ้าเราศึกษาประวัติศาสตร์ การสร้างดีมานด์นักโทษประหารในลักษณะนี้มันจะทำให้เกิดการบิดเบี้ยวที่น่าสะพรึงกลัว สำหรับคนที่เคยอ่าน Les Miserable น่าจะเคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่า forçat (ฟอร์ซัท) ที่พระเอก ชองเลอชองโดนในตอนต้น ระบบนี้เป็นผลพวงจากการเลิกทาส พอทาสไม่มีก็เลยเอานักโทษมาใช้งานแทนและเกิดการสร้างระบบที่ทำให้โทษเล็กๆเป็นโทษใหญ่ และเมื่อได้รับโทษถึงจุดหนึ่งจะได้ปล่อยตัวออกมาในฐานะคนที่ถูกคุมความประพฤติตลอดชีพต้องไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกวันทำให้เดินทางไม่ได้ทำมาหากินไม่ได้สุดท้ายต้องทำผิดแล้วจับไปเข้าคุกเป็นแรงงาน forçat ไปตลอดจนกว่าจะตาย ระบบที่มีการลดทอนคุณค่าความเป็นคนนี้จึงเป็นดาบสองคม และการทดลองที่มีลักษณะของการทำลายอาจทำกับศพแต่ไม่ควรให้ทำกับมนุษย์
ในปัจจุบัน เรามีการทดลองยากับเซลล์มนุษย์ที่เพาะเลี้ยงขึ้นมาบนจานทดแทนการทดลองกับสัตว์ที่มีประเด็นทางจริยธรรมเข้ามาค้ำคอ แต่การทดลองกับเซลล์มนุษย์ก็ยังอยู่ในระดับที่จริยธรรมทางสังคมของมนุษย์ ณ ปัจจุบันยังกังขา ว่า แล้วมันจะมีจุดแบ่งไหม จากเซลล์มนุษย์ไปจนถึงตัวอ่อนว่าจุดไหนจะเป็นจุดชี้ขาดที่จะถือว่าไร้มนุษยธรรม และแม้ว่าการทดลองกับมนุษย์ย่อมจะได้ผลที่ตรงชัดเจนที่สุด แต่มันก็เป็นสิ่งที่ยุ่งยากที่สุดตามมาตรฐานความเป็นมนุษย์นั่นละ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทุกวันนี้เกาหลีเหนือก็ยังมีทดลองมนุษย์อยู่ ถ้ามันได้ผลขนาดนั้นแม่งไม่กลายเป็นโคตรผู้นำทางวิทยาศาสตร์เลยล่ะว่ะ
กลับมาอีกแล้ว กับอิอ้นนิวส์ ข่าวสารดีๆ มีสาระนานๆ มาทีให้ท่านได้ก่นด่า 555555555 วันนี้ขอเสนอข่าวเด็ด ออกมันทุกช่องทุกรายการ ใครไม่ทำข่าวนี้แม่งเชยแดก และแน่น๊อนน ข่าวนั่นคื้อออ ฮาโลวี๊นนนน นั่นเองค่าา
ก่อนจะหมดโปรเทศกาล กูต้องรีบลง 5555555555555555
หลังจากปล่อยผีกันเล่นๆ ซ้อมกันนุ่มๆ กันไปหลายวัน เมื่อคืนครับ วันจริง ฮาโลวีนอินชิบุยะ อื้อหือออ ผีจริงผีปลอมมากันให้มั่วไปหมด!! 5555555555 คนเยอะม๊ากก ดีนะกูไม่ไป ปีแล้วไปเดินแช๊บๆ อยู่แถวนั้น ปีนี้ไม่ไปละ ไม่ใช่กู 555555
แต่ท่านคะ บอกเลยปีนี้มันโหดร้ายรุนแรง เละเทะเลอะเทอะมากมึง คนเยอะไม่พอ ไม่มีมารยาทด้วย คึกเกินไปด้วย เมาเละ ปีนเสาโชว์พาว คว่ำรถชาวบ้าน โอ้โหสารพัด แล้วยิ่งผู้หญิงนะมึงโดนกันเยอะ แต๊ะอั๋ง จับนม จับตูด โอ๊ย เยอะมึ๊งง โดนจับกันไปก็หลายราย พี่ตำรวจแกเลยมากันให้พึ่บพั่บ ขนหมดโตเกียวแล้วมะนี่ แต่กระนั้น ก็ยังเละอยู่ดีครับท่าน โถ่ถัง
ปีนี้มีแต่คนด่า เพราะว่ามันเกินไป เกินไปจริงๆ คืออิงานนี้คือมันเพิ่งปีเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ที่พอเทศกาลใหญ่ๆ ก็จะแห่กันมาชิบุยะ ชิบุยะเรี่ยนก็บอกว่าไม่เอาครับ ทำไมมึงต้องมากันที่ชิบุย่า ไมไม่ไปเล่นกันแถวบ้านมึงวะ กูเดือดร้อยว๊อยย!! (เออ ก็จริงว่ะ)
แล้วคือคนเยอะ เมา อาละวาด เข้าร้านมาก็ทำของพัง เปิดร้านไปก็ไม่ใช่จะได้กำไรแถมของยังพังอีก ร้านที่ชิบุยะก็เลยชิ่งปิดร้านหนีไปตั้งแต่หกโมงนู่น.. เออ เป็นความคิดที่ดีว่ะ 555555555
เมื่อวานมีไฟไหม้ด้วยนะ แต่เป็นไฟไหม้จากตึกที่เป็นร้านยากิโทริ (คิดว่ามิได้มีคนคึกคะนอง เอาไฟมาเผาเล่นแต่อย่างไร) ไม่มีคนตาย ไม่มีคนบาดเจ็บ แต่กระนั้นก็ทำให้งงแดกกันไปสักพักนึง ก่อนที่จะตั้งตัวติดและเย้วๆ กันต่อ
กูว่านะ ปีหน้ามันต้องมีมาตรการอะไรมาบังคับเทศกาลนี้แน่นอน เพราะปีนี้แม่งเหี้ยจัด น่ากลัวมั่กๆ ท่านใดไปมาเมื่อก่อน มาเม้ามอยกันเร้ววว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สมัยเป็น mentor/commentator/judge ในแวดวง Startup ..... ผมได้ฟัง pitch ประเภทหนึ่งเยอะมาก ....
เป็น pitch ประเภท "แอปรวมข้อมูลของ(บริษัท)คนอื่น มาไว้กับตัวเอง เพื่อเอามานำเสนอผู้ใช้" จะเพื่อให้ผู้ใช้เปรียบเทียบ จะเพื่อให้ผู้ใช้ทำอะไร หรือเพื่อนำมาประมวลผลทำ analytics .....
จะรวมโปรโมชั่นจากร้านทุกร้านในจังหวัด
จะรวมรายการลดราคาประจำวันจาก Makro, Big-C, Lotus
จะรวมโปรโมชั่นทุกอย่างจากบัตรเครดิต
จะรวมรายการของแถมโปรโมชั่นทุกอย่างจากศูนย์รถยนต์
จะรวมข้อมูลประกันภัย/ชีวิต
จะรวม ฯลฯ
แล้วพวกนี้ก็บอกว่า "ช้อมูลก็จะมาจาก (เจ้าของข้อมูล)" ... แล้วก็คิดว่าทุกคนจะยินดีเปิดทุกอย่างให้ .... "ถ้าเข้าถูกช่องทาง" (คุยถูกคน) ... ไม่ก็เจ้าใหญ่เหล่านั้นจะต้องกุลีกุจอเอาข้อมูลมาให้ .... "เพราะเรามี app" "เพราะยังไม่มีใครทำแบบเรา" "เพราะเราเป็น first mover" ฯลฯ
ถามว่าทำได้ไหม มันก็ทำได้แหละครับ แต่มันต้อง "เถือกเอาเอง" คือต้องนั่งใส่ข้อมูลเอาเอง หาเองจากแหล่งต่างๆ (เช่น ถ้าจะรวมโปรโมชั่น ก็ต้องหาทีมไปนั่งหาเอง กวาดมาเอง ใส่เอง)
แล้วพวกนี้ก็มักจะเป็น unauthorized usage (ที่เป็น grey area มากๆ เพราะรวบรวมมาจากแหล่งที่ก็หาได้ทั่วไปเป็นสาธารณะ แต่ต้องไม่เคลมอะไรเลย ให้แบบ as-is อย่างเดียว) ...
จะให้เค้าเอามาใส่ให้ เอามาให้ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม .... ก็ต้องถามง่ายๆ ว่าทำไมเค้า (เจ้าของข้อมูล ที่จริงๆ มันเป็น asset ของเค้า) ต้องทำงานให้คุณด้วย?
หลายคนจะมีความฝันแบบ ก็เราจะไปร่วมมือเค้า เค้าก็ต้องให้ข้อมูลเรา เพราะเราเป็น ฯลฯ เพราะ ฯลฯ คือคิดเข้าข้างตัวเองไปเยอะ ว่าตัวเองสำคัญ ไม่มีใครทำอย่างตัวเองได้ ... คิดว่าไอเดียตัวเองดีมหาศาล
หลายคนคิดในแง่ของ user centric, usability นะ แต่ไม่เข้าใจการเมืองของธุรกิจ ไม่เข้าใจความยุ่งยากซับซ้อนของการเชื่อมโยงข้อมูลระดับ enterprise ที่มันจะกระทบกระบวนการทำงาน และจริงๆ ก็แทบไม่มีใครอยากยุ่ง
ผมไม่ได้บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ .... แต่มันไม่ง่ายขนาดที่ทำได้ในสองสามเดือน หรือเงินไม่กี่แสน ...
หลายคนโบ้ยไปที่ประเด็น connection .... คิดว่าถ้ามีคนรู้จักก็ทำได้แล้ว ... ซึ่งจริงๆ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก ....
เงินแสน หรือหลายหมื่น งานหลักสัปดาห์ ทำ mockup application เป็น proof of concept โดยสนใจไปที่ usability, use case น่ะทำได้ แต่ต้องทำโดยไม่คำนึงถึง technical possibility และ political possibility (ตลอดจน legal) นะ ....
ขำๆ .... เคยทำ mock up prototype ที่เป็น killer use case ของอะไรบางอย่างไปเสนอ enterprise แห่งหนึ่ง ... ทุกอย่างราบรื่นจนถึงตอนคอขวด "แล้วตรงนี้มันเชื่อมยังไงล่ะครับ" ....
นั่นแหละครับ ตรงนั้นแหละสำคัญ ....... คือมันแทบจะทำไม่ได้ด้วย possibility ทั้งสามตัวที่ผมบอกไปน่ะแหละครับ (คือจริงๆ ผมก็ไม่เห็นด้วยกับตัว mockup/poc แบบนั้นหรอกนะ ... เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นยังไง .... แต่คนที่เค้าอยากได้ไปโชว์ เค้าบอกว่าจะเอาแบบนี้ แล้วคิดว่าจะ convince คนที่เห็นได้)
เดี๋ยวนี้ผมเห็นคนฝันอะไรแบบนี้น้อยลง อยู่กับความเป็นจริงมากขึ้น .... ซึ่งเป็นเรื่องดี ..... หรือว่าจะแค่คนรอบตัวในวงแคบๆ ของผมก็ไม่รู้
สถานะนี้ได้แรงบันดาลใจจากมิตรท่านนึง
ทำไม platform startup ต้อง raise fund มากๆ?
มันจะมี startup พวกนึง ที่บอกว่าตัวเองจะเป็นคนกลางเชื่อมข้อมูลสองฝั่งเข้าด้วยกันในระบบตัวเอง แล้วตัวเองจะเป็นแค่คนกลางเท่านั้น ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรมาก ตัวอย่างเช่น airbnb, skyscanner, agoda หรืออะไรเทือกๆ นี้
พวกนี้ในภาพปลายทางมันจะง่าย คือ อย่าง agoda คือเจ้าของโรงแรมก็อยากลง คนซื้อโรงแรมก็ชอบเพราะมันถูก ดังนั้นเวลาพิชไปที่ปลายทางมันจะดูดีสวยหรู เพราะสิ่งที่ยากสำหรับธุรกิจพวกนี้คือการทำให้เกิด ไม่ใช่การเมนเทน
จุดตายของระบบพวกนี้คือ แพลตฟอร์มคุณจะมีข้อมูลได้ก็ต้องมีแวลูมากพอให้คนอยากให้ข้อมูลกับคุณ แต่แพลตฟอร์มคุณจะมีแวลูได้ก็ต้องมีข้อมูลมากพอให้มันรันได้
กลายเป็นปัญหาไก่กับไข่ ไก่ต้องมีไข่ ไข่ต้องมีไก่
ที่นี้คุณจะทำให้มันเกิดได้ คุณต้องสร้างไก่โดยไม่มีไข่หรือไข่โดยไม่มีไก่ให้ได้ก่อน ถ้าคุณอ่าน game theory คุณจะเข้าใจว่ามันไม่เกิดเอง เพราะจุดที่ไม่มีทั้งไก่และไม่มีทั้งไข่ มันจุดที่ Game theory เรียกว่า Nash equilibrium เป็นจุดที่มันไม่ optimal ก็จริงแต่จะไม่มีใครขยับตัวก่อนเด็ดขาด
จุดนี้แหละที่ต้องใช้ทุนจำนวนมากแก้ไข ซึ่งมักจะมาจาก Raise fund (ถ้าบ้านไม่รวยจริง)
Gobear, Skyscanner แก้โดยการใช้บอทเก็บข้อมูลที่ public มา เขาสามารถสร้างข้อมูล (ไข่) ได้โดยไม่ต้องมี platform (ไก่) แต่การทำระบบ Crawl เก็บข้อมูลแบบนั้นยากและต้นทุนแพงกว่าตัวแอพเทียบราคาอีก หรือถ้าไม่ทำแบบนี้ บางทีคุณอาจจะต้องซื้อข้อมูล (ซื้อจากเจ้าของตรงหรือซื้อคนกรอกข้อมูลโดยการลดแลกแจกแถม 9ล9) แต่ไม่ว่าทางไหน ก็ต้อง raise fund จำนวนมากขึ้นมาแก้ไข่
ตรงข้าม ถ้าคุณจะแก้ไก่ก่อน คุณก็อาจจะต้องทำให้ Platform มี Value โดยไม่ต้องมีข้อมูลจำนวนมาก อย่าง Builk ทำให้เป็นระบบจัดการบริหารการก่อสร้างก่อน สร้าง Value ได้โดยไม่ต้องมีข้อมูล แล้วก็เริ่มขยายขายวัสดุก่อสร้าง (ท่านี้เวลามองเผินๆ จะเห็นเหมือน Pivot ซึ่งจากจากมุมคนนอกก็บอกยากว่า ตกลงคือทีมตัดสินใจ Pivot สดๆ เอาทีหลัง หรือวางแผนกันมายาวๆ อ่ะนะ)
ตรงนี้ก็ต้องใช้สายป่านเยอะเหมือนกันในการสร้างของชิ้นนึงที่มี Value โดยไม่ต้องใช้ข้อมูล เพื่อปลายทางเอามาสร้าง Platform ที่รวบรวมข้อมูลเอาอีกทีทีหลัง
ดังนั้นพวกนี้มันเลยมักจะต้อง Raise fund มาแก้ไก่ หรือไม่ก็แก้ไข่ (อาจจะยกเว้นเคสโชคดีจริงๆ แบบ Facebook ที่เป็นเคสพิเศษที่ได้ข้อมูลมาจากเด็กในแก๊งค์ Ivy League เดียวกันโดยไม่ต้องลงทุนอะไรมาก)
ทำไมถึงเขียนเรื่องนี้ เพราะผมเชื่อว่า ถ้าคุณตั้ง Startup แนวนี้ แล้วคุณ Raise fund มาสร้าง Platform ทันทีมาโชว์เลยว่าผมมี Platform นะเจ๋งมากเลยนะ สวยงามมาก Feature เยอะมากเลยโน่นนี่นั่น นี่คือผมว่าผิดทาง และเป็นสิ่งที่คนเข้าใจผิดได้ง่ายมาก
การสร้าง Platform ไม่ใช่ Riskiest Assumption ที่ต้องแก้ให้ได้ก่อน และไม่ใช่ส่วนสำคัญที่จำเป็นต้อง Raise fund ขนาดนั้น มันเป็นอะไรที่ถ้ามี Tech team ไม่ต้องหรูก็ได้ แค่ระดับกลางๆ ก็ได้ คุณสร้างได้อยู่แล้ว
สิ่งที่ต้องแก้ก่อนคือ ไก่ (การหาข้อมูลโดยไม่ใช่ Platform) หรือไข่ (การสร้าง Platform ที่มีคุณค่าโดยไม่มีข้อมูล) ต่างหาก และตรงนี้มากกว่าที่น่าจะต้องคิดตอน Raise fund สำหรับ Startup แนวๆ นี้ ดังนั้น อย่า Raise มาสร้าง Platform นะ มันไม่ใช่ส่วนสำคัญและไม่ใช่ปัญหาใหญ่สุดของธุรกิจแนวนี้ครับ
Disclaimer: ทั้งหมดนี้เป็นความเห็นส่วนตัวจากที่ผมคิดเห็นและผ่านประสบการณ์มา ถูกผิดอย่างไรเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรก็วิจารณ์ได้
เมื่อตอนมื้อเที่ยง เจอคนโต๊ะข้างๆ คุยกัน
"อิตาลีน่ะเค้าเรียกกันว่าจีนแห่งยุโรปล่ะ เนี่ย ตอนพี่ไปเวนิซนะ น่ากลัวมาก คงไม่ไปอีกแล้ว บลาๆๆๆ"
นี่อดกลั้นไม่หันไปบอกนะ "พี่ครับ พี่เป็นคนไทย น่ากลัวกว่าบ้านมึงก็พวกปากีสถาน บังคลาเทศ หรืออินเดียภูธรแล้วครับ"
ใช้ชีวิตปกติในกรุงเทพได้มึงจะกลัวอะไรอิตาลีวะสัส -*-
มิตรฯ
พวกมึงเคยไปจริงๆหรือดูเอาจากโจโจ้วะ
โจรเยอะนี่มันธรรมดาของที่ๆนักท่องเที่ยวเยอะอยู่แล้วน่ะ
หากินกับการหลอกนักท่องเที่ยวมันง่ายกว่าไง
Unity3D + MongoDB + MSSQL + SignalR และ technology อีกหลายๆตัวนำมาใช้ทำเกมส์ออนไลน์ร่วมกันได้อย่างลงตัว
1. Unity3D - ให้ความสามารถในการทำงานแบบ 2D UI ด้วยการทำจาก 3D ได้ลื่นไหล และคงความสวยงามของภาพได้ดีมากๆ
2. MongoDB - สามารถช่วยในการเก็บข้อมูลเป็นแสนๆ records และ query กลับออกมาได้เร็วอย่างไม่มีปัญหา เมื่อนำมาใช้เก็บ logs ที่ข้อมูลไม่สำคัญแต่ปริมาณเยอะจะช่วยได้ดีมากๆ โดยเฉพาะการทำ reports ต่างๆที่ต้องการ filters จำนวนมากๆ
3. MSSQL - ยังคงใช้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลหลักๆที่จำเป็นและช่วยให้การทำระบบด้วย .NET C# ง่ายและมีประสิทธิภาพมาก และสามารถใช้ควบคู่ไปกับ MongoDB ใช้อย่างสะดวก แต่ต้องพิจารณาไว้เก็บข้อมูลสำคัญและไม่มากไว้ใน MSSQL เท่านั้น เพื่อให้ performance ยังคงเร็วตามปกติ
4. SignalR - ยังคงเป็นตัวหลักในการส่งข้อมูลและกระจายข้อมูลแบบ Realtime ได้ดีและเร็วมากๆ เหมาะสำหรับการรอรับข้อมูลที่ต้องการความเร็วสูงและไม่หนัก server
5. Web API - ใช้ในการส่ง request ที่ง่ายและสะดวกสำหรับ client และสามารถทำการ test หรือแม้แต่ทำ automated test และ load test ได้ง่ายและสะดวกมากๆ เหมาะกับการใช้กับ SignalR เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระและทำงานคนละหน้าที่กัน
6. Automated Test - ยังไม่มี tool ที่สามารถ test ตัว mobile app ได้ดีหรือโดยตรง ทำให้ยังต้องทำการ test ทางอื่นไปก่อน ด้วยการยิงไป test ที่ API ทุกตัวแทน แต่ก็ถือว่ายังพอจะรู้ได้ว่าส่วนไหนของ mobile app จะพังบ้างจาก API ที่ไม่ผ่าน Automated Test
7. Load Test - มี tool ดีๆอยู่หลายตัวให้นำมาใช้ทดสอบ performance และ concurrent ยิ่งสามารถทดสอบได้หนักเท่าไหร่ก็จะรู้ได้ทันทีว่าสเปคของ server ที่ใช้อยู่ไหวรึป่าว และรองรับ users ได้แค่ไหน และ database ช้าลงไปมากแค่ไหนเมื่อมีข้อมูลมากๆ
8. Token - ยังจำเป็นต้องใช้และต้องมี และต้องจำกัดระยะเวลาให้สั้น และควรจะให้ใช้ได้แค่ทีละ 1 token ต่อ user เท่านั้น จากนั้นจำเป็นต้องตัด session เก่าทิ้งให้หมด เพื่อความปลอดภัยของระบบและของ users เอง ทุกครั้งที่ API ได้รับ request จะต้องเช็ค token และ expire ก่อนเสมอ ห้ามทำ action ต่างๆก่อนเช็คโดยเด็ดขาด
แชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆไอทีด้วยกันไว้อ่าน เพราะกว่าที่จะหา solution ที่เหมาะสมในการทำ mobile app ที่เป็น online game ที่ดี เร็ว และ ปลอดภัยได้ จำเป็นต้องทิ้ง solution ที่ทำมา 2 เดือนเต็มและมาเริ่มทำกันใหม่
เกิดคนเดียว...ตายคนเดียว...จะหวังอะไร
เมื่อใดที่ไม่สบาย...จะมีคนบอกว่า หายเร็วๆ กินยานะ
...แต่ไม่มีใครซื้อยามาให้
เมื่อใดที่สิ่งของพัง...จะมีคนบอกว่า ซื้อใหม่ได้
...แต่ไม่มีใครซื้อให้หรอก
เมื่อใดที่ร้อนรน...จะมีคนบอกว่า ใจเย็นๆ
...แต่ไม่มีใครพาไปสงบใจสักคน
เมื่อใดลำบาก...จะมีคนบอกว่า เดี๋ยวก็ผ่านไป
...แต่ไม่มีใครสักคนช่วยเหลือ
เมื่อใดที่เหนื่อยล้า...จะมีคนบอกว่า พักบ้าง
...แต่ไม่มีใครเอาเงินให้ใช้นะ
เมื่อใดที่เจอภัย....จะมีคนบอกว่า ไม่ต้องกลัว
...แต่ไม่มีใครมาอยู่ด้วยเลย
หมาไม่ขโมย...ลองเอาสเต็กเนื้อไปวางตรงหน้าดิ
พี่น้องรักกันมาก...ลองคุยเรื่องทรัพย์สิน มรดกดูดิ
เจ้านายให้ความสำคัญมาก...ลองต่อรองเงินเดือน โบนัสดูดิ
แฟนไม่มีทางเป็นอื่น...ลองให้อยู่กับสาวสวยหุ่นเอ็กซ์สเป็กเลยดูดิ
เพื่อนรักรู้ใจกันมาก...ลองยืมเงินดูดิ
ญาติโยมดีต่อกันมาก...ลองป่วยดูดิ
เวลาแก่ ป่วย ใกล้ตาย....จะมีคนกลัวเรามากขึ้น...
โรงพยาบาลกลัวเราไม่มีเงินจ่าย
ประกันกลัวเสียรายได้
คนในครอบครัว กลัวเราไม่หาย..กลัวเป็นภาระ
เพื่อนฝูงกลัวเราพึ่งพิง ยืมเงิน
แม้แต่หมาเรา คาดว่า...มันยังกลัวจะเหงา...
เกิดมาเป็นคน...เกิดคนเดียว...ตายคนเดียว...
ใครดี ไม่ดี แค่รู้ก็พอ
คนบางคน...แค่เข้าใจก็พอ
ได้ยินอะไรมา...แค่ฟังก็พอ
เรื่องบางเรื่อง...แค่มองก็พอ
….จะหวังอะไร....
NHK World : ข้าวญี่ปุ่นจากนิกาตะ “อูโอนูมะ โคชิฮิคาริ” ที่ผมกินไปน้ำตาไหลไปเมื่อหลายปีก่อนถูกดาวน์เกรดจากระดับ First Class เป็นครั้งแรกใน 28 ปีเพราะระดับของโปรตีนในข้าวต่ำลงกว่าจุดสูงสุดที่ 6.5% ... ไต้ฝุ่นหลายลูกและอากาศร้อนที่ผิดปกติเป็นสองปัจจัยหลักที่ทำให้คุณภาพลดลงจากระดับสุดยอดเป็นแค่ยอดเยี่ยม
.
ช่วงเดียวกัน ชาวนาวัยรุ่นจากจังหวัดนิกาตะเริ่มปลูกข้าวด้วยการใช้เครื่องจักรช่วยดำต้นกล้าโดยมีเซ็นเซอร์ตรวจสอบสารอาหารในดินเพื่อบันทึกเอาไว้ว่าในขณะปักต้นกล้าลงไปนั้นมีสารอาหารอะไรบ้างในแต่ละโซนของแปลงนา ... โดยพื้นที่เหล่านี้แบ่งเป็น Grid ที่มีความละเอียดราว 2 ตารางเมตรกระจายไปทั่วทั้งแปลง
.
สองเดือนต่อมาญี่ปุ่นเจอสภาพอากาศร้อนผิดปกติ ชาวนาแปลงข้าง ๆ ที่มีประสบการณ์ 40 ปีเริ่มสังเกตว่าใบข้าวเริ่มมีสีเขียวที่ไม่สดใส เขารู้จึงรีบใส่ปุ๋ยแต่อธิบายไม่ได้ว่าต้องมากน้อยแค่ไหน ขณะที่ชาวนาวัยรุ่นเอาโดรนขึ้นบินสำรวจทั่วแปลงด้วยกล้อง ... พบว่าสารอาหารที่ผิวดินสูญหายไปไม่เท่ากันทำให้สีของใบไม่เท่ากันในแต่ละ Grid จึงบันทึกแล้วใช้โดรนบินโปรยสารอาหาร ซึ่งที่ละพื้นที่จะได้รับสารอาหารไม่เท่ากัน โดยการบินถูกกำหนดจากระบบหลักที่มี AI เป็นผู้กำหนดว่าตรงไหนควรได้สารอาหารมากน้อยแค่ไหน
.
หลายเดือนต่อมา ชาวนาวัยรุ่นได้รับภาพถ่ายดาวเทียมที่ขอไปในตอนเช้า พบว่าระดับความเข้มข้นของโปรตีนในเมล็ดข้าวที่ยังอยู่ในแปลงนานั้นมีบางส่วนที่เกินระดับ 6.3% ขึ้นมาแล้วและพร้อมเก็บเกี่ยว แต่จากภาพแสดงให้เห็นว่ายังมีบริเวณโดยรอบขอบแปลงนาหลายจุดนั้นยังมีโปรตีนอยู่ในระดับต่ำกว่า 6% ... เขาจึงตัดสินใจ “รออีกหน่อย”
.
เก้าวันต่อมาชาวนาวัยรุ่นใช้รถเก็บเกี่ยวข้าวของเขาทั้งแปลงนาเพื่อนำไปเข้ากระบวนการต่อไปก่อนขาย โดยทางการสุ่มเก็บตัวอย่างเพื่อส่งบางส่วนเข้าแล็บ ... สามสัปดาห์ต่อมาผลของการตรวจสอบพบว่าข้าวของเขาทั้งแปลงได้รับการยอมรับว่าเป็นระดับ First Class ... ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปีที่มีผู้สามารถเอาชนะข้าวอูโอนูมะ โคชิฮิคาริ ได้
.
เรายังไม่เริ่ม ก็ยังจะไม่มีข้อมูล
เมื่อยังไม่มีข้อมูลก็เรายังจะปลูกข้าวแบบเอาจำนวนเยอะไว้ก่อนต่อไป
ญี่ปุ่นทำให้เห็นมานานแล้วว่าคุณภาพที่สุดยอดนั้นนำมาซึ่งราคาข้าวกิโลกรัมละหลายพันบาท
ส่วนเราจะยังคงขายด้วยจำนวนที่มากกว่า , ด้วยประสบการณ์ที่เก๋ากว่าและด้วยค่าแรงที่ถูกกว่าต่อไปได้อีกนานแค่ไหน?
เราจะแข่งกับใครถ้าถึงวันที่อินเดีย , เวียดนาม และจีนเริ่มสร้างเทคโนโลยีและเก็บข้อมูลของตัวเองได้เหมือนญี่ปุ่น
#รอประเทศกูก่อน
..ฉันคือ..วัยชรุ่น...ที่มีความสุขนะ มีเพื่อนร่วมวัยมากขึ้นๆ.....(วัยชรุ่นคือ...วัยรุ่น & วัยชรา) เป็นรุ่นพี่ของวัยรุ่น
ด้วยวัยนี้ ...ฉันมีทุกอย่างที่ฉันอยากได้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว....แต่ไม่เคยได้(...)
ฉันไม่ต้องไปโรงเรียน ไม่ต้องทำงาน ไม่มีใครมาสั่ง...
...แต่ฉันก็มีเงินเดือนกินทุกเดือนเรียกว่าเงินบำนาญ...
ฉันซ่าได้...เที่ยว เท่าที่อยากจะไป ไม่มีเคอร์ฟิว...มีบ้านของฉันเอง...ทำรกก็ได้ตามต้องการ เพื่อนสาวๆของฉันต่างซ่าโดยไม่กลัว..คริๆๆ...เพราะไม่มีใครมากวนใจอีกแล้ว...ไปไหนไม่ต้องกลัวใครแต๊ะอั๋ง 555..
อยู่นานจนเข้าใจทั้งโลกและโรค.
ละวางสิ่งที่ทำให้เครียด รกสมอง เราเคยเก่งเราก็หยุดซะบ้าง ให้รุ่นหล้งมาเก่งแทนเรา...
กลางคืนไม่ต้องล้างหน้าก็ไม่ต้องกลัวสิว...ชีวิตดีจุงเบย..ฉลาดขึ้น...สมองเป็นคลังข้อมูลที่สะสมมากว่าครึ่งค่อนศตวรรษ...หมอบอกสมองวัยชรุ่น เก็บข้อมูลไว้มาก...แต่อาจเอาออกมาใช้ได้ช้าหน่อย เพราะมันวางซ้อนกันจนมิดๆๆๆ...หูก็ดีนะ..ตึงไม่เหี่ยวไม่ห้อย มีเรื่องสนุกให้ทำทุกวัน...เล่นซ่อนหาเป็นเกมส์สนุกสุด แม้แต่การเดาชื่อคน สถานที่..ฯลฯ...ก็มีให้เดากันได้...
อ่านแล้วส่งต่อเพื่อนวัยชรุ่นด้วยนะ ! life is beautiful...and we should be grateful to live this long to enjoy it! วัยชรุ่น(...)ของเรา
...ที่บางคน ไม่โชคดีที่จะอยู่และ enjoy it!
เป็นคำเตือนที่ต้องสนใจฟัง!!? เมื่ออาจารย์ดังรั้วจามจุรีออกโรงแถลง #จีนย่องเงียบรุกคืบไทยผ่านการศึกษา ส่งเสริมนักศึกษาแดนมังกรเข้ามาเรียนในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเรียนรู้แนวคิด ขนบธรรมเนียม และวัฒนธรรมไทย ระบุชัด #ถ้าหางานทำได้หลังเรียนจบยิ่งดีได้สิทธิพิเศษไม่ต้องใช้ทุนคืน ชี้ส่งผลกระทบ #บัณฑิตจีนแย่งงานบัณฑิตไทยแน่ วอน สกอ.-ศธ.ตื่นตัวเห็นทิศทางปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
📌 เท่านั้นไม่พอ! จากการติดตามสถานการณ์ทางการศึกษาระดับอุดมศึกษาพบว่า มีการรุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่องและยังมีการเทคโอเวอร์มหาวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็กบางแห่ง โดยมีคณาจารย์คนไทยช่วยสอนนักศึกษาจีน #คาดมีผลต่อวงการศึกษาไทยแน่แม้ยังไม่ชัดในณะนี้
Source : https://www.thaipost.net/main/detail/20561
โดยเรื่องนี้ นายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ผ่านมาพบว่ามีนักศึกษาจีนจำนวนมากเดินทางเข้ามาศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในประเทศไทยจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยระยะแรกประเทศจีนจะส่งนักศึกษาเข้ามาเรียนในคณะวิชาต่างๆ เป็นเวลา 5-6 ปี ซึ่งตนเคยสัมภาษณ์นักศึกษาจีนเหล่านี้พบว่า #เป็นนโยบายของรัฐบาลจีน ที่จะส่งนักศึกษาจีนเข้ามาเรียนรู้แนวคิด ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรมไทย รวมทั้งรสนิยมความชอบต่างๆ ของคนไทย และหากสามารถหางานทำได้ในประเทศไทย #นักศึกษาจีนก็จะได้รับการยกเว้นการใช้ทุนคืน จึงพบว่า #เด็กจีนสามารถพูดเขียนภาษาไทยได้ดี และหางานทำในประเทศไทยได้จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
"จากการติดตามสถานการณ์ทางการศึกษาระดับอุดมศึกษายังพบว่า มีการรุกคืบเข้ามาอย่างต่อเนื่องและยังมีการเข้ามาในกิจการมหาวิทยาลัยเอกชนขนาดเล็กบางแห่ง หรือที่เรียกว่าการเทคโอเวอร์มหาวิทยาลัย โดยมีคณาจารย์คนไทยช่วยสอนนักศึกษาจีน"
อนึ่ง นายสมพงษ์ยังกล่าวต่อไปว่า #การซื้อกิจการมหาวิทยาลัยเอกชนสามารถมองได้2ด้าน ด้านหนึ่งเป็นเรื่องดีเพราะเป็นการร่วมลงทุนระหว่างไทยและจีน แต่หากมองในอีกมุมหนึ่ง การที่ทุนจีนซื้อมหาวิทยาลัยไทยและให้อาจารย์ไทยผลิตบัณฑิตจีนที่มีความรู้ความเข้าใจบริบทของสังคมไทย รู้ถึงวิธีคิด วิถีชีวิตของคนไทย #ก็อาจส่งผลกระทบต่อไทยได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตนจึงอยากเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตระหนักถึงเรื่องนี้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่ #อยากให้เรารู้เท่าทันกลุ่มทุนจีนให้มากขึ้นและสร้างจุดสมดุลของการศึกษากับการลงทุนดังกล่าว ซึ่งต่อไปบัณฑิตจีนอาจแย่งงานบัณฑิตไทยก็ได้ เพราะเด็กไทยติดโซเชียลมีเดีย ไม่ขยัน ภาษาอังกฤษก็ไม่ค่อยดี ขณะที่มหาวิทยาลัยไทยก็ยังปรับปรุงคุณภาพได้ยังไม่ดีพอ.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A: หากมีการผ่านร่าง พ.ร.บ.มั่นคงไซเบอร์ฯ ละก็ ผมเกรงว่าข้อมูลส่วนตัวของประชาชนอย่างเราจะไม่ปลอดภัยเลย
B: ไอ้เรื่องข้อมูลส่วนตัวนี่หายห่วงครับ เมื่อวานไฟแนนซ์มายึดรถผม เพื่อนบ้านเอาไปนินทากันที่ปากซอยรู้หมดว่าผมขาดส่งกี่เดือน เป๊ะๆ เลย มีเพื่อนบ้านคอยสอดส่งชีวิตประจำวันแบบเนร้ พ.ร.บ.ตัวไหนมาผมก็ไม่กลัวอ่ะครับ
A: เอิ่ม - -"
หนังเรื่อง Homestay กับความ(ไม่)เข้าใจโรคซึมเศร้า
จริง ๆ อยากเขียนเรื่องนี้ตั้งแต่ดูวันแรกละ แต่ตอนนั้นดูเร็วก็เลยยังไม่อยากเขียนถึง ตอนนี้น่าจะดูกันครบละก็เลยขอเขียนถึงหน่อย
มีสปอยล์ ดังนั้นใครยังไม่เคยดูข้ามไปเลย
...
...
...
...
...
...
...
หนังเรื่องนี้ถือว่าปูทางเรื่องโรคซึมเศร้าจนถึงขั้นฆ่าตัวตายมาดีเลยนะ ถึงขนาดที่ทำเอาน้ำตาซึมเพราะความเข้าใจในความรู้สีกตัวละครเลย ก็ตัวละครถึงกับอยากตายอีกรอบภายในไม่กี่สิบวันเลยทีเดียว
แต่นาทีที่รู้สึกว่าทุกอย่างพังครืนคือตอนที่หนังเฉลยว่า "คนที่ทำให้มินฆ่าตัวตายคือตัวมินเอง" มันเป็นอะไรที่รู้สึกแบบ หมดกัน หนังทั้งเรื่องที่ดูมา ปูมาแทบตายว่าชีวิตมินบัดซบแค่ไหน ดันมาสรุปแบบนี้
ในมุมของหนังหรือนิยาย การสรุปแบบนี้ก็คงสนุกและสะใจคนดูดี แต่ในแง่ชีวิตจริง มันเป็นการสรุปดื้อ ๆ ที่ดูตื้นเขินและน่าเศร้ามาก
ถึงมันจะจริงครึ่งหนึ่งเพราะคนที่ลงมือทำก็คือตัวมินเอง โทษคนอื่นคงไม่ได้ แต่มันมีมุมอื่นที่ควรสื่อออกมาให้ดีได้ อย่างเช่น การที่มินส่งสัญญาณออกมาเยอะมาก ทุกคนรู้ว่าเป็นโรคซึมเศร้า แต่ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่คิดจะช่วยเหลือ
เข้าใจว่าหนังฉีกความจริงออกไปตรงที่เอาคนที่ตายแล้วกลับมาแล้วล้างความจำ ให้ลองใช้ชีวิตเดียวกันแต่ในมุมมองของคนอื่นดู พยายามให้เห็นว่าถ้าลองมองจากคนอื่นจะเป็นยังไง แต่หนังก็สรุปแล้วว่าชีวิตมินมันแย่จริง ๆ ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรเลย =__=
มินฆ่าตัวตายเพราะมินเองใช่ แต่หนังสื่อออกมาว่า ถ้ามีโอกาสอีกครั้ง มินก็จะฆ่าตัวตายอีก (ถึงตอนจบจะไม่ใช่แบบนั้น แต่หนังก็ไม่มีจุดหักสำคัญอะไร จุดหักที่มีก็เป็นเรื่องกลวง ๆ ทั้งนั้น สรุปคืออยู่ดี ๆ ก้คิดได้ก็แค่นั้น)
ถ้าคำตอบของคำถามที่ว่า "ใครทำให้มินฆ่าตัวตาย" ออกมาเป็นอะไรที่สวยงามกว่านี้ หนังคงจะสมบูรณ์แบบกว่านี้พอสมควร ซึ่งเอาจริง ๆ ตอนนี้ก็ยังนึกไม่ออกนะว่าจะตอบอะไรให้หนังมันดูดีได้ การโทษคนอื่นก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีเช่นกัน ซึ่งก็อาจจะทำให้มันผิดตั้งแต่การตั้งคำถามแล้วก็ได้
หนังมีข้อคิดดี ๆ หลายอย่าง แต่อย่าตัดสินคนเป็นโรคซึมเศร้าจากหนังเรื่องนี้ เพราะในโลกจริง หนังเรื่องนี้ถือว่าสอบตกเลยหละ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อะไรทำให้ผู้ชายคิดว่าการมาดักรอเจอผู้หญิงที่แอบชอบ(และเธอไม่ได้ชอบคุณ)มันโรแมนติกมาก นี่แหละรักแท้อะ
คือรู้ไหมว่ามันครีปปี้มาก ผู้หญิงบางคนกลัวคุณมากจนไม่กล้าออกจากบ้านได้เลยนะ (.___.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตระกูล แซสซูน รอธส์ไชลด์แห่งตะวันออก เบื้องหลังการบุกรุกจีนในสงครามฝิ่นครั้งที่นึง
พอดีผมตอบในกลุ่มนึงเรื่อง พ่อค้ายิว เห็นว่าน่าจะเอามาแชร์กันครับ เหรียญมีสองด้าน โลกมีหลายเฉดสี คนดีมีคนเลวมีปะปน และ อำนาจวาสนาการเงิน ไม่เข้าใครออกใคร
ตระกูล Sassoon เดิมทีเป็นยิวในกรุงแบกแดด แต่ตอนนั้นมีการข่มเห่งชาวยิวในแบกแดด โดย ดาวูด ปาชาห์ สุลต่าน มัมลุค ในอีรัก ผู้นำตระกูล คือ ดาวิด แซสซูน ได้อพยพหนีการข่มเห่งมา อยู่ที่ บอมเบย์ ประเทศอินเดีย โดยหนีผ่านทางเปอเซียร์ เดิมที ดาวิด แซสซูนเป็น พานาส ( ผู้นำชุมชน ) และ เป็น นาซี ( Nasi ) หรือ ประธานสภายิว นิกายฮารีดิมอีกด้วยครับ
ดาวิด แซสซูนก็มาทำอาชีพเป็นพ่อค้าคนกลางระหว่างบริษัทสิ่งทอของอังกฤษและสินค้าโภคภัณฑ์ โดยคู่แข่งของเขาคือ พาสิส พ่อค้าชาวอีหร่าน โซโรอัสเตอร์ แซสซูนเองก็มีอำนาจมากขึ้นจนยิ่งใหญ่ เป็นพ่อค้ายิว ในอาณานิคมเครือจักรวรรดิอังกฤษ
พอหลัง ต้าชิงกับอังกฤษทำสนธิสัญญานานกิงที่ไม่เป็นธรรม ก็แซสซูนนี้แหละที่เป็นนายทุนคนนึงในการสนับสนุน กองทัพอังกฤษที่เข้ารุกรานจีน เพื่อแลกกับสัมปาทานการค้าฝิ่น แซสซูนได้เข้ามาตั้งสาขาบริษัทในฮ่องกง และ เซียงไฮ้ โดยเขาขายฝ้ายและฝิ่น จากนั้นก็พัฒนาไปสู่ธุรกิจ น้ำมันดิบ จนร่ำรวย ลูกหลานแซสซูนได้เข้าไปควบคุมในกิจการ การเงินของจีนและยุโรป
จนพวกนี้ได้ชื่อว่า Rothschilds of the East ( รอธส์ไชลด์แห่งตะวันออก ) // ตระกูลรอธส์ไชลด์ คือ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่คุมสภาพการเงินของ จักรวรรดิอังกฤษทั้งหมด นั้นเองครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อาจารย์ธเนศฮะ ทำไมกรุงเทพถึงมีฤดูหนาวแค่2วันเองฮะ
ประเทศไทยมีแค่สองฤดูคือ ร้อน กับ ร้อนเหี้ยๆ
ถ้าเอาง่ายคิดว่าเปย์ = สาวชอบ มึงก็ได้แต่คนคิดแต่เรื่องเงินอะ
มึงลองเลิกคิดเรื่องหาสาวก่อน เงี่ยนก็ไปอ่างบ้างก็ได้ ไม่เสียหาย แล้วเอาเวลามาพัฒนาตัวเองแบบที่มึงคิดจะลองทำดีกว่านะ
กูถามทุกครั้งที่เห็นคนวิจารณ์หนังเรื่องนี้ในมุมนี้
ในหนังเนี่ย มันบอกตอนไหนวะว่าพระเอกมันเป็นโรคซึมเศร้า
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
หลังจากที่เมื่อวานแอดมินเขียนถึงกรณีที่ซาอุฯสั่งประหารแม่บ้านชาวอินโดฯที่อ้างว่าฆ่านายจ้างเพราะป้องกันตัวจากการถูกข่มขืน วันนี้ก็มีมุสลิมทั่นนึง (เข้าใจว่าเป็นชีอะห์) เข้ามาเขียนด่าซาอุฯ ว่าไม่ได้ใช้กฎหมายอิสลามที่แท้จริง
"กฎหมายอิสลามจริงๆนั้น ถ้าผู้ถูกกระทำ ถูกระทำจริงๆแล้วนั้น แน่นอน ผู้กระทำ จะต้องได้รับโทษอย่างสาสมค่ะ
และผู้ถูกกระทำจะได้รับการปกป้องดูแล และเยียวยาเป็นอย่างดีค่ะ" - นี่คือบางส่วนของคอมเม้นต์ของเขา
ที่สำคัญก็คือ ในเม้นต์ดังกล่าว ดันเขียนอวยอิหร่านด้วย
"คุณลองไปศึกษากฎหมายอิสลามจากประเทศอื่นบ้าง
อย่างเช่น ประเทศ อิหร่านค่ะ เขาใช้กฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัดค่ะ และยิ่งกรณีแบบนี้ แน่นอน ผู้กระทำความชั่วย่อมได้ลับโทษทัณฑ์ อย่างสาสม
ส่วนผู้ถูกกระทำจะได้รับความยุติธรรมอย่างแน่นอน"
แอดมินก็เลยขอ "เล่น" อิหร่านให้ดูซะหน่อย
ก็ตามภาพเลยครับ
เป็นข่าวจากโพสต์ทูเดย์
ดูข่าวเต็มๆได้ที่นี่ www.posttoday.com/world/326351
หรือจะดูจากอีกแหล่ง อันนี้ของเดลินิวส์
อ้างถึงสื่อต่างประเทศคนละสำนักกับที่โพสต์ทูเดย์อ้าง
www.dailynews.co.th/foreign/276395
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ออกตัวยิ่งใหญ่ แต่ไร้แก่นสาร ใช้รูป "หมาป่า" แต่ใช้ชื่อ "นายพราน" โดยเบียร์เป็นประเภท "ข้าวสาลีขุ่น" ก็พากูงงรอบนึงละ ยังไม่พอ มีพวกมาด้วยเป็น "มังกรดำ" ประเภท "เบียร์แดง"......
คือเหี้ยไรวะ กูงง "ความสัมพันธ์" ของตราสินค้า ชื่อยี่ห้อ และประเภทเบียร์ คือไม่มีอะไรเลยทั้งสิ้น อยากทำอะไรก็ทำ ที่นี่บราซิลเหรอครับ 5555 โปรเจ็คจบสมัยผมเรียนป.ตรี ยังดูมีชั้นเชิงกว่านี้เยอะเลยครับ
ผมแนะนำให้ผู้บริหารระดับสูง จับเอาทีมที่ดูแลผลิตภัณท์สองตัวนี้ ไปลงโทษโดยการจับแก้ผ้าให้มดแดงรุมกัดครับ เพราะผลงานของเค้าจะทำให้บริษัทขาดทุน จนโบนัสปลายปีของท่านลดลงครับ
#คตสต #คนผู้ตรงไม่ใช่คนเลว
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แนวคิดชาตินิยม (แบบผิดๆ) จากการเรียน รด. สมัยมัธยมฯ
.
.
"ชาติของเราเป็นไทยอยู่ได้จนถึงตัวเราคนหนึ่งนี้ เพราะบรรพบุรุษของเรา เอาเลือด เอาเนื้อ เอาชีวิต เอาความลำบากเข้าแลกไว้ เราต้องบำรุงชาติ เราต้องรักษาชาติ เราต้องสละชีพเพื่อชาติ"
คำกล่าวปลุกใจที่นักศึกษาวิชาทหาร (นศท) จะต้องกล่าวก่อนขึ้นชั้นเรียนในช่วงการเรียนวิชาทหารทั้งหมด (อย่างน้อย) 3 ปี ของนักเรียนช่วงชั้นมัธยมฯปลายหลายคน และคงทหารทุกกรมกอง
วันนี้ทางเพจของนำเสนอความผิดพลาดของแนวคิดดังกล่าวทั้งในเชิงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และในแง่ของแนวทางการนำแนวคิดนี้ไปใช้
.
ข้อผิดพลาดที่ 1 : "สมัยโบราณก่อนรัชสมัย ร.5 ไม่มีแนวคิดเรื่อง 'ชาติ' อย่างชัดเจน แล้วบรรพบุรุษจะสละชีพเพื่อปกป้อง 'ชาติ' ได้อย่างไร?"
ชาติคืออะไรกันแน่? "เบเนดิกท์ แอนเดอร์สัน (Benedict Anderson) ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ความเป็นชาติก็คือ 'จินตกรรมทางวัฒนธรรม' แบบหนึ่ง ประชาชนจินตนาการว่า ชาติเป็นชุมชนที่มีขอบเขตจำกัดและมีความเฉพาะตัวเป็นชุมชนที่ควรค่าต่อการเสียสละ" (ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์, 4) แนวคิด "รัฐชาติ" ปรากฏขึ้นครั้งแรกในประเทศไทยช่วงรัชสมัย ร.5 ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาที่ชาติตะวันตกมีความพยายามในการสร้างอาณานิคมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สยามจึงมีความจำเป็นที่ต้องสร้างประเทศให้มีความเป็นปึกแผ่น รวมอำนาจการจัดการเข้าสู่ศูนย์กลาง สร้างความรู้สึกร่วมในความเป็นหนึ่งเดียวให้แก่ผู้คนในประเทศ ซึ่งเป็นความพยายามในการผูกแนวคิด "ชาติ" เข้ากับความเป็น "รัฐ" มีนักวิชาการหลายท่านพยายามอธิบายถึงความเป็นมาของคำว่า ชาติ เช่น แอร์เนสต์ เรอนอง (Ernest Renan) กล่าวว่า 'ชาติเป็นสิ่งที่ค่อนข้างใหม่ในประวัติศาสตร์ โลกในยุคโบราณไม่รู้จักชาติ อียิปต์ จีน หรือคาลเดียโบราณ ไม่ใช่ชาติ พวกเขาคือกลุ่มคนที่มีบุตรของพระอาทิตย์หรือบุตรของท้องฟ้าเป็นผู้นำ เดิมในอียิปต์หรือจีนไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพลเมืองอย่างที่เรารู้จัก โลกในยุคโบราณมีสาธารณรัฐ ราชอาณาจักร สาธารณรัฐที่มารวมกลุ่มกันเป็นสมาพันธ์ มีจักรวรรดิ แต่ไม่มีชาติในความหมายแบบที่เราเข้าใจกันทุกวันนี้' (อ้างอิงจาก https://www.matichonweekly.com/special-report/article_93153)
ดังนั้นการต่อสู้เพื่อ "ชาติ" ของคนในอดีต (ยิ่งนักชาตินิยมมักจะยกตัวอย่างถึงเหตุการณ์สละชีพเพื่อชาติส่วนใหญ่ คือ สงครามไทย-พม่า ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น) เป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ บรรพบุรุษจะต่อสู้เพื่อชาติซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีในสมัยก่อนคงไม่ได้
ข้อผิดพลาดที่ 2 : "ความเต็มใจของบรรพบุรุษที่จะสละชีพเพื่ออาณาจักร (ชาติ)"
ประเทศไทยในสมัยก่อนมีระบบการปกครองโดยใช้ระบบศักดินา ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับระบบฟิวดัลในยุโรปช่วงยุคกลาง (ก่อนมีกระแสสร้างรัฐชาติหลังจากเหตุการณ์สงคราม 30 ปี) ในสมัยก่อน เจ้าเมือง เจ้าแคว้น ในแต่ละแห่งมีความเป็นอิสระต่อกันสูง การสืบทอดตำแหน่งผู้ปกครองเป็นกิจการภายในตระกูล ผู้ปกครองศูนย์กลางไม่มีอำนาจเด็ดขาดในการควบคุม หรือ แทรกแซงกิจการภายใน คนในสมัยก่อนมีความรู้สึกผูกผันกับเมืองท้องถิ่นมากกว่าความเป็นอาณาจักรที่เมืองหลวงสร้างให้ ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น มีการกบฏหัวเมืองอยู่บ่อยครั้งและต้องมีการกวาดต้อนผู้คนครั้งใหญ่ที่เรียกว่า "เทครัว" อยู่บ่อยครั้งเพื่อลดทอนอำนาจของหัวเมืองและเสริมความเข้มแข็งให้เมืองราชธานี จากหลักฐานนี้บ่งชี้ได้ว่า คนในสมัยก่อนไม่ได้ศรัทธากับความเป็นอาณาจักร (ความเป็นชาติ) ใดๆร่วมกันมาก การจะกล่าวว่าบรรพบุรุษสละชีพเพื่อความมั่นคงของรัฐศูนย์กลาง (ตัวแทนของคำว่า "ชาติ" ตามคติชาตินิยม) นั้นจึงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก ในกองทัพของเมืองหลวงสมัยก่อนนั้น ไม่ใช่ทหารของเมืองหลวงที่เป็นส่วนใหญ่ แต่เป็นทหารของต่างเมือง หรือ เชลยศึก จึงไม่อาจกล่าวได้ทั้งหมดว่าบรรพบุรุษจะเต็มใจปกป้องความมั่นคงของรัฐส่วนกลางทั้งหมด การถูกเกณฑ์ไปสู้รบในสงครามของอาณาจักรแต่ละครั้ง ในมุมมองของบรรดาไพร่สามัญสมัยนั้นอาจจะไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วมเพื่อสละชีพ เพราะบางสงครามก็ไม่ใช่สงครามเพื่อความอยู่รอด แต่เป็นสงครามภายใต้ผลประโยชน์ของชนชั้นนำ
.
แนวคิดเรื่องชาตินิยมเป็นกลยุทธ์ที่หลายรัฐนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งแนวคิดดังกล่าวสามารถแพร่กระจายได้เร็วและมีประสิทธิผลในการใช้งานสูงอย่างยิ่ง แต่ก็มีความน่ากลัวซ่อนอยู่ไม่น้อย เมื่อแนวคิดนี้ถูกปลูกฝังลงไป ผู้คนจะตีความว่า ชาติ คือ สถาบันสูงส่งสถาบันหนึ่งที่คนต้องให้ความเคารพและเชิดชู หากใครไม่ทำตามจะต้องถูกตอบแทนด้วยความรุนแรง ซึ่งตามความจริงแล้ว ชาติ ไม่ใช่สถาบันที่ห่างไกลใดๆ แต่ชาติ คือ "พวกเราทุกคน" เราต้องคำนึงถึงความเป็นสุขของผู้คนเป็นหลักก่อนจะนึกถึงอะไรอย่างอื่น ดังนั้นอย่าให้ความรักชาติมาอยู่เหนือความเป็นมนุษย์เด็ดขาด
ในปี 2011 ประเทศโรมาเนียมีคนที่อ้างตัวว่าเป็นแม่มด สามารถร่ายเวทมนต์ และสามารถทำนายอนาคตได้อยู่เป็นจำนวนมาก
โรมาเนีย เป็นประเทศซึ่งได้ชื่อว่าดินแดนต้นกำเนิดแห่ง แดร็กคิวล่า มีแม่มดและผู้เชื่อในไสยศาสตร์ในประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำนวนผู้คนที่เชื่อในคำทำนายมีตัวเลขมากถึง 75% ของประชากรประเทศนี้
และยิ่งมีผู้ที่เชื่อมากเท่าไร แม่มดและเหล่าคนทรงทั้งหลายก็มีมากขึ้นตามตัว
แต่การที่คนส่วนใหญ่ของประเทศเชื่อในไสยศาสตร์ เมืองที่คนส่วนใหญ่เอาเวลาไปกราบไหว้ร่างทรงแทนที่จะทำงาน เมืองแบบนี้มันจะทำให้ประเทศถอยหลังลงคลอง และพัฒนาไปได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น
รัฐบาลโรมาเนียจึงประกาศแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการ :
1. เก็บภาษีเหล่าแม่มดและคนทรงเจ้า 16%
เมื่อก่อนการเป็นแม่มดให้คำทำนายไม่ต้องออกใบเสร็จ และไม่ต้องเสียภาษี แต่ด้วยจำนวนแม่มดจำนวนมาก ทำให้รายได้ของประเทศหายไป รัฐบาลจึงสั่งให้แม่มดทุกคนต้องออกใบเสร็จให้กับลูกค้าเมื่อทำการทำนาย
2. ปรับเงินหรือจำคุกหายทำนายผิด
ถ้าแม่มดมี อิทธิฤทธิ์ จริง คำทำนายมันต้องถูกต้องสิ เพราะฉะนั้น ลูกค้าต้องเก็บเอกสารคำทำนายไว้ หากคำทำนายนั้นผิดขึ้นมาเมื่อไร แม่มดหรือร่างทรงที่ทำนายผิดต้องจ่ายค่าปรับที่ตัวเองทำนายพลาดหรืออาจต้องเข้าคุกในที่สุด
ซึ่งเมื่อรัฐบาลเสนอกฎหมายนี้ออกมา สิ่งที่เหล่าแม่มดทำคือ ไปร่ายเวทแช่งสาบนายกและรัฐบาลด้วยอุปกรณ์เวทมนต์ต่างๆ เช่น พืชต้องห้าม ร่างสุนัขตายแล้ว ที่แม่น้ำดานูบ
ถ้าประเทศไทยใช้กฎหมายเดียวกันกับร่างทรงจำนวนมากในไทยบ้างจะดีไหมนะ?
Edit ที่มา
https://noiromani.co.uk/romanian-witches-faces-punishment-if-their-predictions-dont-come-true/
https://www.cbsnews.com/news/bad-news-in-the-cards-for-romanias-witches/
https://www.theatlantic.com/amp/article/280856/
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ป้าบ่นก่อนนอน
ไม่เข้าใจ เทสเตอร์ที่มี Validation ไว้ใช้คนเดียว เพื่อสร้าง Ticket Bug แทนที่จะส่ง Validation list เหล่านั้นให้กับ developer เพื่อ implement ตั้งแต่เริ่ม coding
หรือเค้าจะมีความสุขกับชัยชนะ ที่ สามารถเปิด Bug Ticket ได้เยอะๆ ? KPI ?
บางทีก้อสงสัย Requirement ที่เรามี กับ เค้ามีมันฉบับเดียวกันไหม ทำไม ส่งงานไปแล้ว ตีกลับตลอด พร้อมกับ issue ที่ ไม่เคยมีใน requirement แล้วตีเป็น Bug
เค้าเคยรู้ไหมว่า ใน iteration นี้ส่งมอบ feature อะไรบ้าง ? ก่อนที่จะไป ทดสอบ feature อื่นที่ยังไม่ได้ implement แล้ว ตีกลับมาเป็น Bug ? ก็ในเมื่อยังไม่ implement มันก้อต้องใช้งานไม่ได้อยู่แล้ว ทำไมไม่เช็ค Release Note กับ Check list , Test Report ที่เรา ส่งให้บ้างนะ ......
เหมือนทำงานกับ พี่มินเนี่ยน Sunfra Technology เลยตอนนี้เนี่ยยย
จะปรับปรุงยังไงดีนะ ?
1. ลิเบอรัลที่ด่าเฌอปราง ส่วนใหญ่เป็นกะเทย
2. มีดาราผู้ชายหล่อๆไปออกรายการคสช.เป็นสิบๆคน แถมดังกว่าเณอปราง มีอำนาจชักจูงใจคนได้เยอะกว่าเฌอปราง แต่พวกมึงด่าเฌอปรางคนเดียว
แล้วจะไม่ให้กูคิดได้ไง ว่าพวกมึงด่าแต่เด็กผู้หญิง เพราะแค่พวกมึงเกลียดผู้หญิง แต่ไม่ด่าดาราผู้ชาย เพราะพวกมึงบ้าควย
ถ้าถามคนไทยว่ารู้จักคุณซูซี่ ปูด์เจียสตูตี้ มั้ย รับรองไม่ค่อยมีใครรู้จัก แต่ถ้าถามคนอินโดฯ และคนไทยที่ทำประมงที่อินโดฯ ชื่อนี้รับประกันความแซ่บ ความเผ็ด
....
คุณซูซี่ อายุเพิ่ง 53 เป็นรัฐมนตรีกิจการพาณิชย์นาวีและการประมงของอินโดนีเซีย เป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่ไม่จบชั้นมัธยม เป็นหม้าย เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นประธานบริษัทส่งออกอาหารทะเลอันดับต้น ๆ ของประเทศ เป็นประธานสายการบินชาร์เตอร์ "ซูซี่แอร์" เป็นมุสลิมที่สักลาย ไม่คลุมผม ดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล และสูบบุหรี่วันละซอง
....
คุณซูซี่เป็นคนชะวา แต่ไปเกิดที่ปังงันดารัน ถิ่นของคนซุนดา เธอเรียนหนังสือไม่จบเพราะโดนไล่ออกจากโรงเรียน ที่โดนไล่ออกไม่ใช่เพราะเธอโง่หรือเกเร แต่เพราะเธอไปเดินขบวนประท้วงเผด็จการซูฮาร์โต้ ตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น !
....
ผลงานที่คนอินโดฯ และประมงไทยจดจำเธอได้ไม่ลืมคือ เธอสั่งให้กวาดล้างเรือประมงต่างชาติในน่านน้ำอินโดทั้งหมดที่มีมากถึง 5000 ลำ จับได้ยึดอุปกรณ์ เนรเทศลูกเรือ กลับบ้าน เอาไต้ก๋งขึ้นศาลดำเนินคดี ถ้าพิสูจน์ว่าผิดจริงคนติดคุก และเรือถูกระเบิดทิ้งทันที เหมือนการประหารกลางเมือง ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
.....
เธอระเบิดเรือไปแล้วเป็นร้อยลำ เวียตนาม 276 ลำ ฟิลิปปินส์ 90 ลำ และ ไทย 50 ลำ ไม่ว่าต่างชาติจะพยายามเจรจาอย่างไรเธอไม่สน ระเบิดเรือเล่นเป็นงานอดิเรก ตอนแรกคนก็ด่าเธอว่าป่าเถื่อนแต่ปรากฎว่าหลังการระเบิดเรือ ปริมาณการจับปลาและปริมาณการส่งออกของอินโดเพิ่มขึ้นทันทีเกือบร้อยเปอร์เซ็น
.....
ตอนนี้เธอจึงเป็น รมต.หญิงที่ขึ้นหม้อที่สุดของอินโดฯ แต่บริษัทฯประมงต่างชาติแช่งให้เธอหลุดจากตำแหน่งทุกวันหมดธูปไปหลายห่อแล้ว
.....
บุคคลิกเธอเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา และข้อมูลแม่นมากเพราะโตมากับทะเล คุยกับเธอถ้าไม่เจ๋งจริงโดนต้อนกลับบ้านไม่ถูก ขนาดเราขอเข้าพบไม่รู้กี่ครั้งเธอบอกไม่ว่าง รอไปก่อน
.....
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เวลาเราเห็นข่าวพฤติกรรมประหลาดของพวกคนจีน เช่นถ่ายหนักบนรถไฟใต้ดิน, เปิดประตูเครื่องบินขณะบินอยู่, ปีนเข้ากรงเสือเพื่อประหยัดค่าบัตรเข้าสวนสัตว์ ฯลฯ
เราก็มักจะคิดว่าทำไมคนประเทศนี้ถึงมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด ผิดธรรมชาติทั่วไปจังนะ จนพาลไปถึงการ ‘เหยียดคนจีน’ ในบางแง่มุม
ที่จริงแล้วประเด็นนี้สามารถอธิบายได้ด้วยหลักสถิติพื้นฐาน ประชากรจีนมีมากกว่าพันล้านคน ดังนั้นสัดส่วนคนที่มีพฤติกรรมที่ผิดปกติตามขอบของ normal distribution มันก็เยอะตามไปด้วย (ไม่ว่าจะดีสุดขอบ หรือประหลาดสุดขอบก็ตาม)
และด้วยความที่สื่อยุคนี้มันแพร่กระจายเร็ว ก็เลยไม่แปลกที่เราจะได้เสพข่าวของพวก outlier จากประเทศจีนมากเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น
เลิกเหยียดกันเถอะครับ คนจีนปกติๆ ดีๆ ยังมีอีกเยอะ
>>854 สนใจนั่งรถคันเดียวกันไหมคับ
https://www.facebook.com/shareismyjob/videos/396858540854176
เคยคิดว่าการคบการไม่แต่งงานทำให้ผู้หญิงเสียเปรียบ หากคิดในเรื่องรูปลักษณ์คือทรัพย์สินอย่างหนึ่ง คือ ตอนคบทำให้ค่าเสียโอกาสฝ่ายหญิงหายไปเยอะมากๆ แล้วคบมานานๆแล้วอยู่ดีๆบอกเลิก ตอนที่เขาสูญเสียทรัพยากรตอนนี้ไปแล้วมันจะแฟร์ไหม ?
บ้างคนอาจจะอยากเถียงว่า เฮ้ย ทำไมดูแต่หน้าตา เอาอีกเรื่องที่เป็นปัจจัยสมมติว่า ผู้ชายคนใหม่มาเจออยากแต่งงานและมีลูก แต่ร่างกายฝ่ายหญิงอาจจะ 30++ ไปแล้วคือมีได้แต่เสี่ยง แต่ที่จะคบคนที่อยากดูแล กลับไปคบคนที่คบไปเรื่อยๆ ไม่แต่ง ค่าเสียโอกาสตรงนี้แม่งก็สูงนะ ในขณะที่ผู้ชายแก่ลงไม่มีผลอะไรเลยกับตรงนี้เพราะ ยิ่งแก่ ยิ่งมีประสบการณ์ยิ่งหารายได้ ได้ง่ายและร่างรูปหน้าตาอาจจะไม่ใช่ ประเด็นหลักๆ ในการคบคนใหม่ อยากมีลูกก็ยังทำได้อยู่ดี
แค่มองว่าถ้าสมมติเราเป็นผู้หญิงคงรู้สึกแย่ อย่างแรกคือ เลือกคนผิด อีกอย่างคือ เสียโอกาสดีๆที่ควรจะเจอไปถึง 11 ปี อย่างน้อยๆ ถ้ารู้ไม่รักกันแต่แรกๆก็บอกกันไปเลยดีกว่าให้เขาไปเจอคนที่พร้อมจะคบ พร้อมจะดูแลและคิดเหมือนกัน หรืออีกทางเลือกหนึ่งคือ ตัดใจเลิกเองเลยดีกว่า เพราะดูแล้วว่าคนนี้ยังไงก็ไม่ยอมแต่ง
แล้วการไม่แต่งคือเลิก แบบผู้ชายวินมากๆ เพราะไม่ได้เสียอะไรเลย อย่างน้อยถ้าแต่งงานมันยังฟ้องบลาๆได้ แต่นี่ก็บอกเลิกจบ บายจ้า ........
.......
.......
เราเห็นใจฝ่ายหญิงอ่ะ อยากจะด่าแต่ไม่เอาดีกว่า
นิทานเรื่อง ลูกหมูสามตัวสร้างบ้าน ฉบับแมวดำ
กาลครั้งหนึ่ง แม่หมูกำลังจะคลอดลูกครอกใหม่ จึงไล่ลูกหมูสามตัวของตนออกจากบ้าน โดยก่อนออกจากบ้านไปได้เน้นย้ำให้กับลูกๆฟัง
“ลูกๆต้องจำไว้นะ เมื่อออกจากบ้านไปแล้ว ต้องสร้างบ้านให้แข็งแรงมั่นคง ไม่อย่างนั้นหมาป่าจะจับพวกเจ้ากิน”
“ครับแม่” ลูกๆทั้งสามรับคำ
จากนั้นลูกหมูทั้งสามก็เก็บข้าวของเดินทางออกไป จากนั้นพวกมันก็ตกลงจะสร้างบ้านที่ริมป่า
หมูพี่ใหญ่ ทำตามคำสั่งของแม่ สร้างบ้านด้วยหินและปูนอันมั่นคง เพื่อหมาป่าจะได้ทำลายไม่ได้
หมูตัวกลาง รู้สึกว่าการใช้หินและปูนมันเสียเวลา เลยคิดจะสร้างบ้านด้วยไม้
หมูตัวสุดท้องคิดว่าการสร้างบ้านด้วยฟางก็เพียงพอแล้ว มันจึงใช้ฟางทำบ้าน
หมูพี่ใหญ่เดินทางไปหาน้องๆ และเมื่อเห็นน้องๆสร้างบ้านด้วยไม้และฟางมันก็เตือนน้องๆว่าให้ทำตามคำสั่งของแม่ แต่น้องๆไม่นำพา
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็มีหมาป่าตัวหนึ่งที่รู้ข่าวหมูสร้างบ้าน
มันจึงออกล่าหมู
หมาป่าวิ่งมาตามป่า จากนั้นมันก็เห็นลูกหมูผู้พี่ที่สร้างบ้านด้วยหิน
แน่นอนว่าบ้านที่ทำจากหินและปูนยังสร้างไม่เสร็จ หมาป่าบุกจู่โจมและจัดการหมูผู้พี่จนตายและกินเป็นอาหาร
จากนั้นหมาป่าก็บุกไปบ้านลูกหมูตัวกลาง แน่นอนว่าไม้ที่ตัดมายังกองกันสร้างบ้านไม่เสร็จ หมาป่าจึงฆ่าหมูตัวกลางและกินเป็นอาหาร
ที่แท้หมาป่าตัวนี้คือลูกของหมาป่าในเรื่องลูกหมูสามตัว ... หมาป่าผู้พ่อของมันรอให้หมูสร้างบ้านจนเสร็จแล้วไปเป่าบ้าน จึงไม่อาจเป่าบ้านที่ทำจากหินได้
หมาป่าตัวนี้จึงไม่รอให้หมูๆสร้างบ้านเสร็จหากแต่ออกล่าตั้งแต่แรก
จากนั้นหมาป่าก็วิ่งไปที่บ้านของหมูตัวสุดท้อง แน่นอนว่าลูกหมูตัวที่3ก็ยังสร้างบ้านไม่เสร็จ หมาป่าได้ใจจึงวิ่งปรี่เข้าไปหาลูกหมูที่กำลังสร้างบ้าน
ปัง!
ลูกหมูตัวสุดท้องชักปืนออกมาแล้วยิงหมาป่าตายคาที่
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. แผนที่เคยใช้ได้ในอดีต อาจใช้ไม่ได้ในอนาคต / อาชีพที่ดีในอดีต งานที่ดีในอดีต อาจจะไม่ดีในอนาคต หากแต่แม่หมูไม่รู้เลยแนะนำลูกๆไปตามที่ตนเองรู้มา
2. การทำงานใดๆ ต้องมีแผนระยะยาวที่มั่นคง และต้องมีแผนสำรองเผื่เหตุที่ไม่คาดฝันไว้ด้วย มิฉะนั้นก่อนที่งานจะสำเร็จออกผล ก็อาจจะพังพินาศไปก่อน
ระบบไอดอลนี่มันเลวร้ายจริงๆนะ
ให้ไอดอลมาร้องมาเต้น ออกมายิ้มแย้มติดต่อกัน 32 ชม ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เดือนนึง 15-20วัน ออกอีเว้นเช้าทุกวันแม้แต่วันหยุด จบจากอีเว้นก็ต้องออกงานจับมือรอบเช้า วันนึงมีโอตะมารอกว่า300คนโดยมีไอดอลอยู่เพียง2-3คนเท่านั้นอจับมือแต่ละคนใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 8 นาที และยังบังคับให้ย้ายไปวงต่างพื้นที่ไกลบ้านไกลครอบครัว
ไม่เคยใส่ใจสักนิดว่าระบบมันบั่นทอนสุขภาพกาย สุขภาพจิต ไอดอลขนาดไหน
ที่ทำก็แค่คลุมด้วยภาพมโน
ถึงไอดอลอุดมคติอันสวยงาม
ว่าไอดอลที่ดีต้องเสียสละ
ว่าไอดอลนั้นมีเกียรติ
ว่าทำเพื่อความสุขของโอตะโดยรวม
ไอดอลซึมเศร้าก็เรียกไปตักเตือน
ไอดอลแกรด ก็ปิดข่าว
ไอดอลจะลาออก ก็เรียกค่าฉีกสัญญา
ไอดอลจะลาออกเพิ่ม ก็ขึ้นค่าฉีกสัญญาให้มากกว่าเดิม
ไอดอลไม่พอใจอะไร ก็ซุกไว้ใต้พรม
ไอดอลเหนื่อย ก็บอกว่าไอดอลรุ่นพี่ยังผ่านมาแล้วได้เลย
ไอดอลเหนื่อยจนพักผ่อนไม่พอจนเกิดอุบัติเหตุ ก็เฉไฉ บอกให้โอตะเห็นใจไอดอล โดยไม่ได้คิดจะพูดถึงความวิปริตของระบบนี้เลยสักนิด
ไอดอลจะพูดถึงระบบ ก็จะมีโอตะเลเวลหนึ่งออกมาบอกว่า ไม่อยากทำก็ออกไป
แล้วผู้ปกครองก็งมงายตามกัน
แห่เอาลูกมาออดิชั่นกัน
หวังให้ลูกมีเกียรติ ชีวิตนี้ถ้าไม่เป็นไอดอลก็หาเกียรติจากไหนไม่ได้อีกแล้ว คิดว่าลูกจะได้สบายไปทั้งชีวิต ทั้งๆที่มันเหมือนนรกทั้งเป็น
ถามถึงอากิพี ผู้สร้างระบบขึ้นมา ก็ไม่เคยมาเหนื่อยด้วยเลยสักนิด
ถามว่า จำได้ไหมว่าตัวเองเต้นเหนื่อยอย่างน้องๆไอดอลครั้งสุดท้ายเมื่อไหร ได้แต่นั่งใส่สูทอยุ่บนหอคอยงาช้างเท่านั้น
#MED48
#MDD48
สรุปเลือกตั้งกลางเทอมอเมริกา 2018
1. เดโมแครตได้เสียงข้างมากสภาผู้แทน พลิกจากเดิมพอสมควรแต่ไม่มากอย่างที่สื่อออกข่าว (+24 โดยประมาณ)
2. รีพับลิกันได้เสียงข้างมากวุฒิสภาเพิ่มขึ้น ไม่ปริ่มน้ำแล้ว (46-54 อาจเปลี่ยนแปลงได้ +/-2)
3. เลือกตั้งผู้ว่าการรัฐ เดโมแครตได้เยอะขึ้นมาก (24/26)
4. อำนาจสำคัญของสภาผู้แทน คือเสนอร่างกฎหมาย และอนุมัติงบประมาณ การที่เดโมแครตได้เสียงข้างมาก จะทำให้ร่างกฎหมายของรีพับลิกันเสนอขึ้นมายาก และงบประมาณผ่านยากมากขึ้นแน่ๆ
5. ดังนั้น แผนยกเลิกโอบาม่าแคร์ และแผนสร้างกำแพง แท้งแน่นอน
6. อาจเกิด government shutdown แบบยุคโอบาม่าได้ ถ้าสภาเสียงข้างมากไม่ผ่านร่างงบประมาณ
7. ทรัมป์ยังสามารถใช้ executive order อนุมัติกฎหมายได้เป็นครั้งๆ ไป (มีอำนาจเท่ามติคณะรัฐมนตรี) แต่ถ้าปธน.คนใหม่มาก็ยกเลิกได้ทันที ต่างจากร่างกฎหมายรัฐบัญญัติ (bills/act) ที่ผ่านสภา
8. เดโมแครตยังต้องเลือกประธานสภาผู้แทน (Speaker of the house) คนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแนนซี่ เพโลซี่ เจ้าเก่า แต่ก็มี ส.ส. รุ่นใหม่ที่ไม่พอใจเธอเยอะ เพราะลำเอียงให้ฮิลลารี่ตอน 2016 คงมีการท้าชิงกันเกิดขึ้น
9. วุฒิสภา รีพับลิกันได้เสียงข้างมากขาดมากขึ้น น่าจะ 54-46
10. อำนาจสำคัญของวุฒิสภา (Senate) คือเห็นชอบและแต่งตั้ง (Approve and appoint) ดังนั้นต่อไปทรัมป์เสนอใครมารับตำแหน่ง น่าจะผ่านสบายๆ ต่างจากยุคที่เสียงปริ่มน้ำ 51-49 ที่ผ่านมา
11. ส.ว. รีพับลิกันสายต่อต้านทรัมป์ ไม่ตาย (แมคเคน) ก็เกษียณ ทำให้ ส.ว. เดินตามแนวทางทรัมป์มากขึ้น ทั้งการตั้งทูต ตุลาการ ข้ารัฐการ และเจ้าหน้าที่ชั้นสูง
12. แต่ ส.ว.รีพับลิกัน ก็ยังไม่มากพอที่จะมีเสียงเด็ดขาด (60 เสียง) พอที่จะปิดการอภิปรายประท้วง (Filibuster) ของฝ่ายเดโมแครตด้วยการเสนอนับเสียงปิดประชุม (Cloture)
13. สมดุลสองสภาทำให้การเจรจาและต่อรองเข้มข้นมากขึ้นแน่นอน จากเดิมที่รีพับลิกันครองทั้งสองสภา กฎหมายหรือระเบียบการ งบประมาณ ผ่านง่ายๆ ต่อไปก็จะยากขึ้น
14. เดโมแครตครองตำแหน่งผู้ว่าการรัฐ ที่มีอำนาจสั่งแบ่งเขตเลือกตั้งในจำนวนรัฐมากขึ้น (24/26 จากเดิม 16/33) ทำให้ปี 2020 การเลือกตั้งน่าจะสูสีกว่าเดิมที่รีพับลิกันเคยใช้อำนาจผู้ว่าการรัฐทำเขตเลือกตั้งในประชากรที่ได้เปรียบมาแล้วในปี 2016
15. ส.ส.เดโมแครตทำสถิติสมัยแรกเยอะมาก โดยเฉพาะผู้สมัครหญิง เกย์ มุสลิม พวกที่เป็นฝ่ายของ Bernie Sanders แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้หาเสีียงด้วยเพศศาสนาและสภาพของตัวเอง แต่หาเสียงด้วยนโยบายจริงจังเช่น สุขภาพ การจ้างงาน ค่าแรง
16. ผู้สมัครที่โด่งดังในสื่อหลัก แพ้เรียบ โดยเฉพาะตัวเก็งลุ้นของเดโมแครตในสื่อ แพ้เจ้าสังเวียนเดิมของรีพับลิกันกระจุย
17. ประเด็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งคือสาธารณสุข (healthcare) ที่แม้คนรู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้น (80%) แต่ก็คิดว่าไม่ต้องการให้ล้มโครงการอุดหนุนประกันสุขภาพ (Obamacare)
18. ความเป็นทรัมป์ทั้งหนุนและต้านพอๆ กัน ทำให้ไม่ส่งผลรุนแรงในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะคนหนุนก็ออกมา และคนต้านก็ออกมา
19. ผู้มาใช้สิทธิ์เยอะเป็นประวัติการณ์ในการเลือกตั้งกลางเทอมที่ปกติจะมาลงคะแนนเสียงน้อย วัยรุ่นออกมาเลือกเดโมแครต คนแก่ออกมาเลือกรีพับลิกัน (อเมริกาใช้ระบบ registered vote การเลือกตั้งเป็นสิทธิ์ไม่ใช่หน้าที่ ใครอยากมาก็มาลงทะเบียนแล้วค่อยเลือก) เป็นนิมิตหมายอันดีต่อระบอบประชาธิปไตยแบบอเมริกาว่าคนสนใจการเมืองและกระตือรือร้นมากขึ้นที่จะสะท้อนเสียงของตัวเองออกให้นักการเมืองและผู้ทำงานบริหารประเทศรับฟัง
20. นอกจากนี้ยังมีการลงมติอื่นๆ เช่น เลือกอัยการเขต เลือกผอ.เขตการศึกษา เลือกผู้พิพากษา เลือกผบ.ตำรวจ เลือกบ่อยๆ น่ะดี เลือกไม่ดีก็ได้เลือกใหม่ไง อ้อ มีประชามติให้กัญชาถูกกฎหมายในหลายรัฐด้วย
21. แต่ประเทศไทยเราก็ยังรอต่อไปว่าจะมีเลือกตั้งจริงมั้ย เมื่อไร เลือกแล้วจะโดนรัฐประหารอีกม้ายยยยยยยยยยย #ประเทศกูไม่มี
สัสโดนเจ้ามือแดกอุตส่าห์แทงว่าทรัมป์จะพลิกแพ้
"พวกนายแบบไทย" หล่อๆ หุ่นดี ที่กล้าโชว์ควยเต็มๆ ไม่มีปิดบัง น้ำแตกจริงบ้าง ดูดจริงบ้าง เย็ดจริงบ้าง ในเว็บ Pubu ของไต้หวันเนี่ย มันไปหาจากไหนมาถ่ายกันวะ หลายคนนี่หน้าตาดีหุ่นดีจนไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าถ่ายแบบนี้
เคยถามโมเดลลิ่งหลายแห่ง ถามพวกทำผับเกย์ ร้านนวดเกย์ ก็บอกว่าไม่มีเด็กรับงานแบบนี้ หรือแม้แต่ถามพวกชอบโชว์โป๊ๆใน Twitter ก็บอกว่าไม่รับงานแบบนี้ ชอบโชว์ฟรีในทวิตส่วนตัวมากกว่า
สรุป พวกทีมงานหนังสือโป๊ใน Pubu มันไปหาเด็กจากไหนกันวะ ถึงหามาได้เรื่อยๆ ไม่มีหมด
ดาราผู้ชายหล่อๆ ถูกเรียกไปออกรายการ คสช. ตั้ง 20 - 30 คน แต่มึงด่าผู้หญิงแค่คนเดียว?
แล้วจะไม่ให้กูคิดได้ไง ว่ามึงด่าเด็กผู้หญิง เพราะแค่มึงอคติ เกลียดผู้หญิง แต่มึงไม่ด่าดาราชาย เพราะมึงบ้าผู้ชาย
Sophia หุ่นยนต์ AI ที่ได้สัญชาติซาอุ เป็นตัวแรกของโลกที่ได้รับสัญชาติเหมือนมนุษย์ จริงๆ มันเป็นแค่ story ที่ไม่ได้ใกล้เคียงความจริงเลย
จริงๆ แล้ว Sophia เป็นระบบที่ไม่ได้ใช้ AI ทั้งหมด แต่เป็นการโปรแกรมคำตอบล่วงหน้าเอาไว้แล้ว
ถ้าสังเกตคำตอบหลายๆ อย่างของ Sophia คุณจะพอเห็นได้ว่า มันเก่งเกินศักยภาพของ AI จริงๆ ไปหลายขุม ถึงขนาดให้ทัศนคติต่อโลกในอนาคตได้เลย แบบว่าคนที่ไม่เข้าใจก็จะกลัว AI ไปเลย ซึ่งไอ้เรื่อง AI ที่สื่อเอามาทำให้มัน overhype นี่ทุกวันนี้มันเยอะจนความเข้าใจของคนทั่วไปเกี่ยวกับ AI ผิดเพี้ยนไปมาก
ซึ่ง Yann LeCun AI Chief ของ Facebook ออกมาให้ความเห็นว่า Sophia คือ Bullsh*t และบอกสื่อเลิกใส่ไข่ให้ AI ได้แล้ว 😂😂😂😂
PS. ในภาพ คนถือปืนคือ Yann LeCun อีกสองคนชื่อ Andrew Ng กับ Jeoff Hinton 3 ปรมาจารย์ AI ที่ได้รับการยอมรับจาก AI Scientist ทั่วโลก
PSS. วิดีโอเปิดตัว Sophia ที่มีนักวิทยาศาสตร์หัวล้านมาพูดว่า เค้าเป็นคนสร้าง Sophia นั่นก็ของเก๊ล้วนๆ นักวิทยาศาสตร์คนนั้นเป็นนักแสดงชื่อ Tómas Lemarquis เล่นหนัง Blad Runner 2049 ด้วย ใครสนใจอยากดูคลิปที่ว่า ก็กดลิงค์นี้ได้ https://www.youtube.com/watch?v=SNT7qGqmYfc
PSSS. อุตส่าห์ทำ Sophia ออกมาให้คนตื่นเต้นทั้งโลก ยังไงช่วยทา eye shadow ให้มันเท่ากันทั้งสองข้างหน่อยได้มั้ย
เรื่อง #หมดPassion นี่มันไม่ได้ตรงไปตรงมาแบบ ดังแล้วเลิกหรืออะไรนะ คำว่า หมด Passion เป็นศัพท์ที่ดูแปลก แต่ก็แปลได้ตรงตัวว่า "หมดรักแล้ว" นั่นเอง
อุปสรรคของความสัมพันธ์ใด ๆ คือ "เวลา" เมื่อถึงจุดนึง ความสัมพันธ์ก็อาจจะต้องสิ้นสุดลง บางคนมารู้ตัวตอนแต่งงานแล้ว แทนที่จะเลิกก็ต้องกลายเป็นหย่ากันแทน นี่ก็แค่เลิกตอนกำลังดังอยู่ 11 ปีอ่ะนาน แต่ชีวิตหลังจากนี้นานกว่าเยอะ
สุดท้ายความรักก็เป็นเรื่องของคนสองคนแหละ อย่าไปตัดสินใจอะไรแทนเค้า ก็แค่เป็นอีกคู่นึงที่ไม่ผ่านบทพิสูจน์ของชีวิตคู่
ประเทศมีสิ่งที่วิจารณ์ไม่ได้ ฌป ก็เป็นหนึ่งในนั้น
#มิตรสหายเกย์ทั่นหนึ่ง
- สมัยนี้ เยอะน่ะ !!
- คบชายกับชาย 👬 หญิงกับหญิง 👭
#คุณรู้ไหม ? การกระทำเช่นนั้น.. เป็นบาปใหญ่มาก
- อัลลอฮ์สาปแช่ง และ อัลลอฮ์โกรธมาก
- ในสมัย "นบี ลูฎ" อาลัยฮิสสาลาม
- อุมมัต "นบีลูฏ" เล่นชายกับชาย 👬
- อัลลอฮ์ ลงบทลงโทษ (บาลอ)
- โดยการ..ปล่อยฝนหิน จาก..ฝากฟ้า 💧
- ทำมาจาก "ไฟนรก" (سجيل) 🔥
- หลังจากนั้น อัลลอฮ์พลิกแผ่นดินพวกเค้า
#MasyaAllah 😂
- คุณทำแบบนั้น อยากให้อัลลอฮ์ลงบทลงโทษ เช่นนั้น เหรอ ?
#ฝากเตือนๆกัน ด้วยน่ะ
#นาซีฮัตกันและกัน 😍
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่อง พรบ.คู่ชีวิต ที่ให้เกย์แต่งงานกันได้
กูอยากให้มี ด้วยเหตุผลว่า กูอยากเห็นเกย์กะเทยไทยดีใจ จัดงานพาเหรดฉลอง และอยากเห็นพวกที่เกลียดเกย์ดิ้นด้วยความหมั่นไส้ คงเป็นภาพที่สนุกดี เหตุผลกูมีแค่นี้แหละ
แต่ไม่ใช่เพราะกูอยากใช้ประโยชน์จากพรบ.นี้ เพราะตอนนี้กูอายุ 40 แล้ว หมดความหวังที่จะมีแฟนแล้ว ไม่มีใครเอาคนอายุ 40 up มาทำแฟนหรอก ดังนั้น กูจึงไม่มีวันได้ใช้ประโยชน์จากพรบ.นี้แน่นอน กูเลยเฉยๆ
ถ้าตอนสมัยอายุ 20 - 30 กูก็คงกระดี๊กระด๊า อยากให้มีมากๆ จะได้หาแฟนมาแต่งงานด้วย แต่ตอนนี้มันหมดหวังแล้ว
ยิ่งช่วงอายุ 20 - 30 กูเคยมีแฟนมาแล้ว 20 - 30 คน เจอความกะหรี่ ดอกทอง ระยำต่ำตม ของเกย์มาทุกรูปแบบ แถมเห็นคู่รักเกย์ไทยนับล้านคู่ คบๆเลิกๆ เลิกกันได้ง่ายๆ ตอนเพิ่งคบกันแม่งรักกันปานจะแดกขี้กันได้ แต่พอเย็ดกันจนเบื่อแล้ว แค่ขี้ไม่กดชักโครกแม่งก็ขอเลิกกันแล้ว กูเลยยิ่งเฉยๆกับพรบ.นี้
สรุป กูก็อยากเห็นพรบ.นี้ผ่านนะ เพราะอยากดูเกย์กะเทยไทยจัดงานเฉลิมฉลองกัน แล้วก็นั่งรอชมความบันเทิง จากคู่รักเกย์ทั้งหลาย ที่แห่ไปฟ้องหย่ากัน ชิงมรดกเลือดข้นคนจางกัน
เกย์หล่อหลอกแต่งกับเกย์ขี้เหร่ เพื่อหวังสมบัติ เกย์หนุ่มหลอกแต่งกับเกย์แก่ เพื่อหวังมรดก ชายแท้หลอกแต่งกับกะเทย เพื่อหวังฟ้องเอาเงินกะเทย ฯลฯ อะไรแบบนั้น แล้วเอาเรื่องพวกนี้มาโพสต์ลงเพจ คงได้คอมเม้นมันส์ๆจากลูกเพจเยอะน่าดู
ลิเบอร่านยุคนี่ เหมือนมันการเข้ารีต เหมือนนักบวชอะ แต่เป็นของลิเบอร่าน ต้องเลิกเสพป็อบคัลเจ้อ ไม่ดูละคร อ่านได้แค่ข่าวการเมืองระหว่างประเทศ ทีนี้พอมาอวดฉลาดเรื่องปอบคัลเจ้อมันก็จะเอ๋อๆโง่ๆหน่อย เพราะรู้ห่าอะไรมาก็เป็นข้อมูลชั้นสองไง เพื่อนย่อยมาให้
นึกออกป่ะ คนแบบที่แม่งฟังเค้ามาว่า"กู๋เมธฆ่าเสิด" แล้วก็วิจารณ์ข้อดีข้อเสียของละคร 10 กว่าตอนได้เป็นฉากๆอะ จากข้อมูลแค่นี้
มิตรฯ
ตั้งแต่เล็กยังเคยได้ถามแม่ว่า
บนข้างฝาบ้านเรานั่นติดรูปใคร
ที่แม่คอยบูชาประจำก่อนนอนทุกคืน จะต้องไหว้
แม่ตอบว่าให้กราบรูปนั้นทุกวัน
ท่านเป็นเทวดาที่มีลมหายใจ
ที่เรายังพอมีกินอย่างวันนี้
ท่านดูแลคนไทยมานานเหลือเกิน ให้จำไว้
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ
เติบโตมากี่สิบปีที่ผ่าน
ภาพที่เห็นคือท่านทำงานทุกวัน
เมื่อไรเราทำอะไรที่เกิดท้อ
แค่มองดูรูปบนข้างฝาจะได้กำลังใจ จากรูปนั้น
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
จะรวย หรือจน หรือว่าจะใกล้ไกล
เป็นรูปที่มีทุกบ้าน
ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ
จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี
จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี
จะขอตามรอยของพ่อ
ท่องคำว่า เพียงและพอ จากหัวใจ
เป็นลูกที่ดีของพ่อ
ด้วยความรัก ด้วยภักดี
ด้วยความรัก ด้วยภักดี ด้วยจิตใจ
มุสลิมจำนวนมาก อย่างเช่นพวกอัซซาบิกูน และอาจจะรวมถึงซากีร์ ไนซ์ ด้วย มักจะอ้างว่าการแต่งตัวปกปิดมิตชิดตามหลักอิสลาม รวมไปถึงการใช้กฎหมายอิสลามอย่างเคร่งครัด จะสามารถลดการข่มขืนลงได้ (จนแทบเป็นศูนย์?)
ว่าแล้วพวกเขาก็จะยกประเทศซาอุดิอารเบียมาเป็นตัวอย่าง ในลักษณะที่ชวนให้คิดว่านี่คือสังคมอิสลามในอุดมคติของพวกเขา
แต่ซาอุฯ มีการข่มขืนน้อยจริงๆเหรอ?
คือจำนวนตัวเลข "คดี" น้อย ไม่ได้แปลว่ามีการข่มขืนน้อยนะครับ
การข่มขืนอาจจะเยอะ แต่ผู้เสียหาย หรือครอบครัวผู้เสียหาย อาจจะไม่ไปแจ้งความก็ได้ ด้วยเหตุผลเช่น ไปแจ้งความแลวตัวเองจะถูกลงโทษซะเอง หรือครอบครัวกลัวความอับอาย เป็นตน
เราอาจไม่รู้ว่าการข่มขืนในซาอุฯมีมากน้อยแค่ไหน แต่ที่เราจะเห็นอยู่เรื่อยๆก็คือ ข่าวประเภทที่แอดมินยกมาในรูป
คือผู้หญิงที่อ้างว่าต่อสู้กับคนที่พยายามข่มขืนจนอีกฝ่ายตาย ถูกประหารฐานฆ่าคนตาย
ซึ่งถ้ามันมีเคสเดียวเราอาจจะคิดได้ว่า เออ ผู้หญิงคนนี้อาจจะโกหก ฆ่าคนตายแล้วอ้างว่าป้องกันตัว
(แต่ถ้าเป็นยังงั้นก็ต้องถามต่อแหละว่า แล้วถ้างั้นแรงจูงใจที่แท้จริงคืออะไร)
แต่อย่างที่บอก เราจะได้ยินข่าวทำนองนี้อยู่เรื่อยๆ
มันแปลว่าอะไร? แปลว่าที่ซาอุ ถ้ามีคนพยายามข่มขืนคุณ แล้วคุณสู้จนอีกฝ่ายตาย คุณต้องตายตาม
ถามว่าแบบนี้แล้วจะมีซักกี่คนที่กล้าสู้?
1 ใน 10 หรือ 1 ใน 20 หรือ 1 ใน 100 ?
แล้วที่ไม่กล้าสู้ (แปลว่าถูกข่มขืนจนสำเร็จ) มีกี่คนจะกล้าเอาเรื่อง กล้าดำเนินคดี?
ถ้าเอาเรื่อง ตัวเองจะซวยติดคุกซะเองฐานมีเพศสัมพันธ์นอกสมรส หรืออย่างอื่น แทนมั้ย?
ถามว่าเคสในข่าวนี้ ถ้าเป็นประเทศอื่น เช่น ไทย หรือประเทศตะวันตกอื่นๆ ผู้หญิคนนี้จะถูกประหารหรือแม้แต่ติดคุกมั้ย?
อาจจะไม่โดนลงโทษอะไรเลยนะ ถ้าพิสูจน์ได้ว่าป้องการตัวจริง
นอกจากจะไม่โดนลงโทษ จะได้รับการเยียวยาจากรัฐอีกต่างหาก
แต่คุณดูประเทศอิสลามในอุดมคติของมุสลิมหลายๆคนสิ
ป้องกันตัวจากการถูกข่มขืน = ถูกประหาร
คือเราก็อาจจะต้องกลับมาถามแหละว่า กฎหมายอิสลามที่อ้างว่าดีนักดีหนา ป้องกันการข่มขืนได้ นี่เอาเข้าจริงมันป้องการการข่มขืน หรือป้องกันไม่ให้เหยื่อสู้หรือโวยวาย (เอาเรื่อง/ดำเนินคดี) กันแน่?
- - - -
ลิงค์ข่าวที่แอดมินแคปรูปมา www.facebook.com/khaosod/posts/3469859919697609?__tn__=-R
และนี่ตัวอย่างคลิปของอัซวาบิกูนตามที่พูดไปในย่อหน้าแรกนะ www.youtube.com/watch?v=B1WmxB7uzFQ
ส่วนของซากีร์ ไนซ์ เดี๋ยวขอค้นอีกที
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อย่างที่เคยคุยกันครับ เริ่มต้นที่ "ปัญหาของธุรกิจที่มีเสมอ" ครับ ไม่ใช่เอาเทคโนโลยีหรือ concept ที่กำลังฮิตเป็นตัวตั้ง
เราไม่เคยเดินเข้าไปใน รพ แล้วบอกหมอว่า "ได้ข่าวว่าหมอมีเครื่องมือผ่าตัดใหม่ ผมขอผ่าตัดทีได้ไม๊ครับ" ใช่ไม๊ครับ? แล้วทำไมหลายท่านชอบเอาเทคโนโลยีหรือ concept นำจัง?
ข้อความที่ผม capture หน้าจอมาข้างล่างนี้เป็นคำพูดที่ผมเห็นด้วยมากๆๆๆๆ
Andrew Moore - Head of Google’s Cloud AI business
https://www.technologyreview.com/…/ai-is-not-magic-dust-f…/…
หน้าจีน หน้าไทย หน้าฝรั่ง หน้าญี่ปุ่น พิมพ์ได้ไหมลองดู
หน้า-ลาว พิมพ์ไม่ผ่าน ??? ทำไมหว่า
ถึงผมจะยาว แต่หน้าหลาว ก็เท่านั้น
คนที่คิดว่า สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ปกป้องโอตะเพื่อรักษาฐานเสียง ผิดแล้ว มันคือโอตะเองตะหาก 😏
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วิทยาศาสตร์มักประกาศการค้นพบใหม่ๆ อยู่เสมอ
ศาสนามักอ้างว่ารู้อยู่แล้วตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อน (สาธุ)
ขณะเดียวกันพ่อค้าก็กำลังผลิตเครื่องสำอางออกมาขาย
------
ประกาศรางวัลโนเบล 2016 เรื่อง autophagy
https://www.nobelprize.org/nobel_prizes/medicine/laureates/2016/press.html
มหกรรมการเคลมของศาสนา
http://www.pageqq.com/en/content/view/page/str9/0-494373.html
http://www.okmuslim.com/1752/
เครื่องสำอาง autophagy
https://www.elyseecosmetics.com/product/age-defense-ap-skin-revitalizing-cleanser-8-oz/
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เทศกาลหนังสวีเดนปีนี้มีหนังเรื่อง"Fuck You" เกี่ยวกับหญิงผิวดำขโมยสแตรปออนสีชมพูมาอัดตูดแฟนหนุ่มชาวสวีเดนผิวขาว
the absolute state of sweden
ดูเหมือนว่าในอิสลาม จะไม่มีแนวคิดเรื่อง "การข่มขืน" อยู่เลยนะครับ
คือไม่ได้สนใจเรื่องความยืนยอมของฝ่ายผู้หญิงเลยซักนิดเดียว
สนใจอยู่แต่เรื่อง "ผิดประเวณี" ซึ่งหลักๆจะมีอยู่ 2 ประเด็นย่อย คือ คบชู้ กับเพศสัมพันธ์นอกสมรส ซึ่งเป็นเรื่องที่เป้นความผิดทั้ง 2 ฝ่าย ต่างจากการข่มขืนที่ผิดฝ่ายเดียว
แต่ไม่รู้ว่าเพราะตอนหลัง "โลกอิสลาม" เกิดไปเจอ "โลกภายนอก" แล้วปรากฏว่าโลกภายนอกเขาลงโทษเรื่องการข่มขืน หรือยังไงนะ เลยต้องมีกฎหมายเรื่องการข่มขืนโดยไปเทียบเคียงเอาจาก 2 ประเด็นย่อยนั้นแทน
และทำให้บางประเทศเลยกำหนดว่า จะเอาผิดคนข่มขืนได้ต้องมีพยานเป็นชาย 4 คน แบบเดียวกันด้วย
(เดี๋ยวจะลงลิงค์ตัวอย่างไว้ในคอมเม้นต์)
คือหลักเกณฑ์เรื่องพยานชาย 4 คน นี่เป็นหลักเกณฑ์ที่โคตรบ้าเลยนะ, คนจะข่มขืนกัน เขาจะมาข่มขืนในที่ที่มีคนเห็นเหรอ?
(กรณีที่มีคนบังเอิญไปเห้นหน่ะอาจจะมี แต่มันจะกี่เปอร์เซ้นต์กัน?)
และนี่เป็นหลักการที่ไม่สอดรับกับความรู้วิทยาศาสตร์ยุคปัจจุบัน ที่เราสามารถหาหลักฐานการข่มขืนได้โดยไม่ต้องมีพยานเลยก็ได้
(แน่ละ กฎโบราณที่ออกโดยมนุษย์เมื่อ 1,400 ปี ที่แล้ว จะมารู้เรื่องโลกปัจจุบันได้ยังไง)
ทีนี้พอไม่มีพยาน เลยกลายเป็นว่าการที่ผู้หญิงบอกว่าตัวเองมีเซ็กส์กับชายอีกคน (ด้วยความไม่ยินยอม) เท่ากับสารภาพว่ามีเพศสัมพันธ์นอกสมรส
กลายเป็นถูกลงโทษซะเอง
ที่แอดมินบอกตอนต้น ว่าอิสลามไม่มีแนวคิดเรื่องการข่มขืน ไม่ได้สนใจเรื่องความยินยอมพร้อมใจของผู้หญิง อันนี้คือแอดมินลองค้นดูแล้วนะ ทั้งในกุรอาน และหะดีษ
(หลักๆคือกุรอาน หะดีษนี่อาจจะค้นไม่ดีเท่าไหร่)
ซึ่งถ้าใครค้นเจอ ว่ามีกุรอานหรือหะดีษพูดเรื่องข่มขืนไว้ก็ช่วยเอามาให้ดูหน่อย แอดมินจะได้เปลี่ยนมุมมองเรื่องนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ภาษาคอมพิวเตอร์ดีทุกภาษา เขียนเก่งๆ สามารถหางานประจำเงินเดือนหลักแสนได้ทุกตัว ถ้าไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหน ลองศึกษา Java ครับ เพราะอย่างน้อยก็มีงานมากที่สุด ทั้งในเมืองไทยและในต่างประเทศ
สำหรับคนที่สนใจเรียน Java โดยเน้นความเข้าใจ หัดเขียนทีละตัวอักษร เริ่มตั้งแต่พื้นฐานจนใช้งานจริง เขียน Web Service บน Cloud ของ Google ใช้ Ubuntu รุ่นล่าสุด สร้างฐานข้อมูล SQL ใช้ Framework อย่าง Spring Boot และ Hibernate มีพื้นฐานหรือไม่มีพื้นฐานมาเรียนแล้วได้ผลลัพธ์เท่ากัน ที่สำคัญคือ สมัครเรียนครั้งเดียว สามารถมาเรียนซ้ำได้ฟรีจนกว่าจะได้งานประจำเงินเดือน 30,000 บาท ขึ้นไป
ดูคอร์สเรียนได้ที่นี่ https://casatode.work/register
ผช ไม่เอาผญที่ฐานะทางบ้านไม่ดี = ผชเหี้ยมองที่เงิน แมงดา หน้าหี ตัวมึงดีตายล่ะหล่อตายละทำเป็นเลือก
ผญ ไม่เอาผชที่ฐานะทางบ้านไม่ดี = ก็สมควรแล้วปะ ถ้ามีแฟนแล้วชีวิตไม่ดีขึ้นก็โสดสวยๆดีกว่าปะ ฐานะทางบ้านผญจะเป็นไงก็ไม่เกี่ยวปะผญเขามีสิทธิ์เลือก ผญเขาเลือกคนมีอนาคต ถ้าผชฐานะไม่ดีจะดูแลผญได้หรอเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะมึง
เฮ่อออ หากโลกนี้ไม่มีน้องๆ ฝ่ายซ้ายมาร์กซิสต์คอยเรียกร้องความเท่าเทียมกันให้ความมนุษย์โลก โลกเราน่าจะเลวบัดซบขึ้นมากๆ อ่ะครับ
พี่โจวขออนุโมทนาสาธุและขอให้ผลบุญที่น้องๆ ฝ่ายซ้ายมาร์กซิสต์ได้ทำไว้ในชาติเนร้ ส่งผลให้ชาติหน้าได้เกิดเป็นเจ้าคนนายคนอ่ะครับ
#มิตรสหายขาด้วนท่านหนึ่ง
สาเหตุสำคัญมากที่จ่ายเงินซื้อทุกอย่างผ่าน PayPal ก็คือ "Resolution Center" ที่ open dispute ได้ง่าย จัดการหลายอย่างให้ เป็นตัวกลางในการสื่อสารระหว่างคนซื้อกับคนขายในกรณี dispute .... ถ้าคนขายไม่ยอมจัดการภายในวันที่เท่าไหร่ๆ เราก็ escalate case ให้ PayPal ไปจัดการต่อให้ได้ .... เป็นความมั่นใจให้คนซื้อของสุดๆ ว่าซื้อแล้วได้ของ และได้ของแบบที่สั่งไป ไม่งั้นก็ได้เงินคืน
ปกติผมไม่ค่อยจะเปิด dispute อะไรหรอก นานๆ ทีถึงจะมีเรื่องต้องเปิดทีนึง แต่ไม่เคยผิดหวังเลยสักครั้ง
บางที (หลายที) ก็ไม่ได้เงินคืนหรอกนะ แต่คนขายก็จะส่งของให้ใหม่ หรือถ้ายังไม่ส่งสักที ก็เป็นการบีบให้ส่ง อะไรแบบนี้ได้เหมือนกัน
อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่งใน user experience ที่สำคัญมากเลยนะ ... ไม่ใช่แค่ usability ของการจ่ายเงิน ว่าง่ายขนาดไหน ต้องคิดน้อยขนาดไหน ใช้ได้มากที่ขนาดได้ .... แต่ตอนจ่ายเงินเรารู้สึกยังไง มั่นใจขนาดไหน ปลอดภัยขนาดไหน ด้วย
ความรู้สึกปลอดภัย มั่นใจ มีคนดูแล ไม่ใช่ทิ้งเราไปเจอปัญหา ได้เงินแล้วจบกัน ฯลฯ นี่เป็นอะไรที่หลายคนมองข้ามมากๆ เลย เวลาบอกว่าเค้าออกแบบ "UX" (ซึ่งจริงๆ แล้วบ้านเราไม่ค่อยมีการออกแบบระดับ UX เท่าไหร่หรอกนะ ..... เป็นระดับ UI + Usability ซะเป็นส่วนมาก ... ไม่งั้นก็เป็น UI + Animation เท่านั้น ... หรือดีหน่อยก็ UI + Usability + Animation .... มันยังขาดอีกเยอะมาก)
และนี่เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของ user experience ระดับ platform หรือระดับ brand ..... มันเกิน CI สี ฟอนต์ โลโก้ ฯลฯ ไปไกลมากแล้ว ....
นึกไม่ออกเหมือนกัน ว่าถ้าไม่ผ่าน PayPal แต่จ่ายด้วยบัตรเครดิตตรงๆ นี่จะเป็นยังไง ...... บางทีธนาคารก็คุยยาก แล้วก็ขึ้นกับเจ้าหน้าที่ ขึ้นกับอะไรหลายอย่างเกินไป ไม่ได้ให้ user experience ที่คงเส้นคงวาเท่าไหร่ ดีก็ดีไป ... แต่ถ้าเจอพวกกรณีเรื่องมาก ก็จะทำเอาหัวเสียและหงุดหงิดหนักไปเลย
รวมๆ กันมันก็คือ Brand UX น่ะแหละ .... user experience กับ branding เป็นเรื่องเดียวกัน .... ว่าคนจะมี experience กับ brand เรายังไง .....
หลายแห่งก็ยังไม่สนใจ Brand UX กันเลย .... ยังอยู่กันแค่ UI + CI นั่นแล
Iconsiam นี่คือมันจำลองความล้มเหลวของประเทศนี้ คือนึกถึงคำว่าคำว่าเฮงซวยเลย
คือคุณไม่มีย่าน เลยต้องอัดคนไปเดินในพื้นที่ของคนไม่กี่คน ของนายทุนห้าง ของนายทุนห้างร้าน คุณจะไม่มีร้านโลคัล ร้านของคนในพื้นที่ ที่มันจะกระจายรายได้ไป ทั้งร้านโลคัลกับร้านแบรนด์ร้านเชน
ที่สำคัญคือ เราจะเห็นในห้างจำลองตลาดน้ำ จำลองบ้านไทยๆ ซึ่งพวกนี้คือสิ่งที่เฮงซวยที่สุด ฟัคยูที่สุด เพราะของจริง พื้นที่จริง คุณไล่ทำลาย คือเราปล่อยให้มันหายไปง่ายๆมากกว่าจะทำให้มันดีขึ้น
บ้านไทยๆในไอคอนสยามมันคือของปลอมที่สร้างเลียนแบบ มันคือของปลอม มันไม่เห็นต่างจากบ้านในชุมชนป้อมมหากาฬ หรือตึกโคโลเนี่ยล-ชิโนโปรตุกีสที่ถนนสุรวงศ์ที่เบียร์ช้างเพื่งรื้อไป แต่ทำไมของจริงไม่เห็นมีใครสนใจ ไปสนใจไอโฟโต้บูธพวกนี้
ในพื้นที่สาธารณะ ที่เป็นของจริง สัมพันธ์กับชุมชน เป็นส่วนนึงของประวัติศาสตร์ ของวัฒนธรรม ที่ทุกคนเข้าถึงได้ เราเมเนจอะไรไม่ได้ จะคอนเซิฟมันยังไม่ได้เลย
แน่นอนว่าการถูกทำลายมันเป็นธรรมดา แต่ในเมื่อทุกคนยังอยากเห็นมัน แต่กลับไปชื่นชมอะไรปลอมๆที่มาจากรากปลอมที่ลดทอนคุณค่าเหลือให้มึงแค่ถ่ายรูปเล่น เหมือนเป็นแค่โฟโต้บูธไว้ถ่ายรูป มันเลยน่าหงุดหงิดว่าจะเอาแค่นี้จริงๆเหรอ
ก็นะ นี่แหละ คงเป็นรสนิยมขอคนในประเทศอุตสาหกรรมกำลังพัฒนา เลยเห็นสถานที่แบบเอเชียทีค ซึ่งแม่งกำลังก็อปสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของมัน สถานที่แบบทอสกาน่าที่เขาใหญ่ จำลองเกียวโตที่เชียงใหม่ หรือซานโตรินี่ปาร์ค คือของจริงมึงไม่เอา เอาโฟโต้บูธปลอมๆ
ไหว้หละ ไปเที่ยวยุโรป หรืออย่างน้อยคือไปดูมาเล สิงค์โปร์บ้างก็ได้ เค้าไม่นิยมสร้างปารีสปลอมๆอยู่ในปารีสเองไว้เป็นโฟโต้บูธให้มาถ่ายรูปกันหรอก
วันที่ 11 เดือน 11?
มันก็คือการช่วงชิงอำนาตเชิงวาทกรรมระหว่าง บริษัทขนมญี่ปุ่นกะทำอีเวนท์ขายคนมีคู่ กับพวกพ่อค้าจีนแดงอยากตั้งวันคนโสดขึ้นมากระตุ้นคนโสดให้ช็อปปิ้ง นอกเหนือจากตรุจีน(วันครอบครัว) วาเลนไทน์(วันคนมีคู่) อ่ะครับ
พวกพ่อค้าญี่ปุ่นทำสำเร็จมาแล้วมากมาย ทั้งให้ช็อคโกแล็ตวันวาเลนไทน์ สร้างวันไวท์เดย์ขึ้นมา หรือกำหนดว่าคริสมาสต์ต้องกินไก่ kfc
แต่ที่เทพที่สุดในประวัติศาสตร์น่าจะเป็น Cacacola ที่ไฮแจ็คเแาซานตาคลอสมาเป็นลุงหนวดใส่ชุดแดงแล้วยัดมันใส่หัวคนทั่วโลกได้
วัฒนธรรมในโลกทุนนิยมมันถูกสร้างมากระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยเพื่อสร้างรายได้ทั้งนั้นแหละครับ
อย่างเมืองไทยก็มีบั้งไฟพญานาคเป็นต้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>เมื่อหลายปีก่อน มองโกลบุกโค่นล้มราชวงศ์ซ่ง ก่อตั้งราชวงศ์หยวนปกครองจีน
>นางเอกงิ้วรับงานแสดงให้ฮ่องเต้ราชวงศ์หยวน
>อดีตจอหงวนตุ๊ดลี้ภัยบนเกาะฮอนชู เขียนใบปลิวด่านางเอกงิ้วว่าสนับสนุนราชวงศ์ต่างชาติ
>นางเอกงิ้วคิดในใจ อีเหี้ย กูทำมาหาแดกของกู เสือกเหี้ยไร
>กลุ่มผู้นิยมงิ้วออกมาประณามอดีตจอหงวนตุ๊ด
>กลุ่มพรรคชาวยุทธ์สวนท้อออกมาปฏิเสธว่า อดีตจอหงวนตุ๊ดไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรคแต่อย่างใด
-เหตุเกิดบนมิติคู่ขนานที่จูหยวนจางไม่มีจริง และไม่น่ามีราชวงศ์หมิงเกิดขึ้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“How do you describe college?”
I’m teaching myself a class that I’m paying for
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"It's too bad I won't get to see all the illogical and pathetic reasons people will put in my mouth as to why I did it. Fact is I had no reason to do it, and I just thought... f***it, life is boring so why not?,"
มิตรสหาย Be american, get shot
นั่งตีความจากคำพูดประโยคสุดท้ายก่อนอำลา ชายตัวเล็กๆที่สร้าง Impact เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนแบบถล่มทลายด้วยยอดล้านล้านบาท
ผมอำลาเค้าแบบไม่เจอหน้า เพราะกำลังจะมาเริ่มงานใหม่ที่เมืองไทยอย่างจริงจังอีกครั้ง เค้าไกด์ผมสั้นๆว่าสิ่งที่ผมควรทำ สิ่งที่สามารถสร้างอิมแพคได้ก็ต่อเมื่อผมมองไกลออกไปกว่าสิ่งที่ต้องทำเหมือนที่ผ่านๆมา
"C doesn't mean Chief Level, It's mean Coach... You don't need to code with computer, you go out learn all of things or come back here learn new things and coach your people on technologies.
You know how can motivate you to go far from other. So now you need to learn how you can motivate your people to go fast than other.
Show them and welcome back anytime if you need to learn something from here to inspire you
Good luck Tom"
Great Chief Education Officer of the World - Jack Yun Ma
ปล. ผมไม่ได้พิมพ์ตามที่แปลใน WeChat ตามที่มัน Translate ให้เพราะมันไม่ค่อยตรง
นางเอกงิ้วก็ต้องกินต้องใช้ปะวะท่านจอหงวน
พรรคอนาคตใหม่ดูท่าจะแพ้ทางหีนะครับ โดนนารีพิฆาตรัวๆ เลยช่วงเนร้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่องนี้ นักแสดงหน้าเอก พากษ์โดย น้อง ปัญญาอ่อน ที่พากษ์ครั้งแรกแล้วพากษ์ไม่เข้ากับนักแสดง แนะนำให้ไปดูซับ ฝึกภาษาอังกฤษไปในตัว
จริงๆถ้ากุรอานเขียนเรื่องราวในอนาคตไว้ชัดเจน ประมาณว่า
เนี่ย อีกเท่านั้นเท่านี้ปีจะมีองค์ความรู้เรื่องการข่มขืน/มีเทคโนโลยีพิสูจน์การข่มขืนเกิดขึ้นนะ ให้ยกเลิก "ระบบพยานชาย 4 คน" ซะนะ
หรือ อีกเท่านั้นเท่านี้ปีจะมีคนคิดวัคซีนขึ้นมานะ ให้ฉีดได้หรือไม่ได้ หรือฉีดได้ด้วยเงื่อนไขอะไร
หรือแบบว่า อีกเท่านั้นเท่านี้ปี จะเกิดข้อโต้แย้งทางศาสนาแบบนี้ๆนะ ให้เชื่ออุลามะห์/อิหม่ามชื่อนี้ๆ ที่พูดแบบนี้ๆ นะ อย่าไปตามไอ้คนชื่อนั้น ที่พูดแบบนั้น
คือถ้ากุรอานเขียนแบบนั้น และเขียนถูกต้องตรงความเป็นจริงทุกอย่าง แอดมินนี่จะเชื่อกุรอานอย่างสุดจิตสุดใจเลยครับ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเหตุการร์ที่ว่าข้างต้นสามารถระบุปี ค.ศ. / ปี ฮ.ศ. ชัดๆด้วยแล้ว
- - - -
คือจริงๆอัลลอฮฺนี่มีวิธีพิสูจน์การมีอยู่ของตัวเองแบบชัดๆหลายวิธีมากนะ
อย่างที่แอดมินเขียนในโพสต์นี้ก็เรื่องนึง ซึ่งต้องย้ำว่ายิ่งระบุชัดเจนเท่าไหร่ ทั้งเรื่องเวลาและรายละเอียข้องเหตุการณ์ ก็ยิ่งพิสูจน์ว่า "ของจริง" มากขึ้นเท่านั้น
ไม่ใช่เอาแต่เขียนลอยๆประเภทที่ว่า "ใกล้แล้วๆๆๆ ใกล้มากๆแล้ว วันสิ้นโลก-วันพิพากษา ใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว"
คือนั่นมันพูดลอยๆนะ ไม่รู้เมื่อไหร่ ทำไมไม่ระบุให้ชัดไปเลย จะได้รู้กันไปว่าจริงหรือมั่ว
แล้วแถมนี่ 1,400 ปี แล้ว ยังไม่ถึงซะทีอีกต่างหาก ทั้งที่บอก "ใกล้แล้ว"
ซึ่งพอท้วงก็อ้างว่า "เวลา ณ ที่อัลลอฮฺ"
เอ้า แล้วทำไมไม่บอกเวลา ณ ที่มนุษย์มาละครับ จะได้พิสูจน์กันชัดๆไปเลย
และนอกจากเรื่องวันสิ้นโลก-วันพิพากษา กุรอานก็แทบไม่พูดอย่างอื่นที่เป็นเรื่องอนาคตเลยนะ
ทั้งที่หลายๆยุค อย่างเช่นปัจจุบัน มันมีอะไรใหม่ๆเกิดขึ้นมากมาย
คือถ้ากุรอานพูดไว้ให้ชัด ในอนาคตอีกเท่านั้นเท่านี้ปี หรือในปี ค.ศ.นั้น ปี ฮ.ศ.นี้ จะเกิดอันนั้นอันนี้ ก็จะเป็นการพิสูจน์ว่า "ของจริง" อย่างชัดเจนเลยนะ
- - - -
แล้วนอกจากโพสต์นี้ ที่แอดมินเคยเสนอไปก่อนนี้ก็เช่น อัลลอฮฺพูด หรือให้มะลาอิกะฮฺพูด ที่คนได้ยินพร้อมกันทั้งโลก โดยแต่ละคนได้ยินตามภาษาที่ตนถนัดที่สุด แต่เนื้อความตรงกันทั้งโลก
อยากให้มนุษย์เชื่อ อยากให้มนุษย์ปฏิบัติตาม แต่ข้อพิสูจน์มีแค่หนังสือนิทานเล่มเดียว ซึ่งมีทั้งที่เนื้อหาซ้ำๆกัน ขัดแย้งกันเอง และขัดแย้งกับข้อเท็จจริง แล้วคนที่พอมีปัญญาคิดได้ที่ไหนจะไปเชื่อละครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"“อีกทั้งกรรมการสภา มมร. ส่วนใหญ่เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ หากเกิดความไม่พอใจแล้วไขก๊อกลาออกทั้งหมดจะทำอย่างไร ”
แค่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยไม่ยอมเปิดเผยแสดงทรัพย์สินก็เศร้าพอแล้ว นี่พระชั้นผู้ใหญ่ก็ไม่ยินดีที่จะแสดงทรัพย์สินไปอีก ยุคที่ไม่มีนักการเมืองนี่มันสนุกจังครับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมบอกอีกครั้งว่า software เป็น service business ไม่ใช่ manufacturing business
Service business ถูกวัดด้วยความพอใจของลูกค้า manufacturing business ถูกวัดด้วย quantity of work กับ cost of manufacturing
ผมพอใจที่จะถูกวัดค่าด้วยความพึงพอใจของลูกค้า มากกว่าจำนวน feature และจำนวน line of code และต้นทุนการผลิตโค้ด
แน่นอนแม้แต่ใน real service industry ลูกค้าที่ unreasonable ก็มี มันก็ต้องดีลกันไป แต่ at the end of the day ผมยังพอใจที่จะถูกวัดจากความพึงใจของผู้ใช้และลูกค้า มากกว่าจำนวนปริมาณงาน
และถ้าคุณตระหนักตรงนี้ คุณจะเข้าใจว่า soft กับ communication skill มันสำคัญขนาดไหน มันคีอหนึ่งในหัวใจของ service industry เลยนะ
ผมไม่ใช่คนที่เก่ง และผมก็ก้าวพลาดในหลายๆ ครั้ง แต่ทุกครั้งที่ก้าว ผมพยายามคิดอย่างดีที่สุดเท่าที่มีปัญญาในเวลานั้นๆ บางครั้งอาจจะดี บางทีอาจจะพลาดโง่ๆ ง่ายๆ แต่พอเรารู้จากข้างในว่าเราเต็มที่เสมอ ผมจึงยอมถูกตัดสินได้จากผลลัพธ์และความสามารถได้โดยดุษฎี โง่ ห่วย พูดได้ รับได้เสมอ
ผมยอมรับได้กับความโง่และด้อยความสามารถของตนเองเสมอ เพราะผมรู้สึกว่าตัวเอง immune จากการโดนตัดสินว่าทำไม่เต็มที ผมรู้จากใจว่าผมเต็มที่กับทุกอย่างเท่าทีจะมีปัญญาทำได้ในเวลาหนึ่งๆ แน่นอนว่าไม่สมบูรณ์ มีความห่วย มีความโง่ แต่ไม่มีที่จะเสียใจภายหลังว่าน่าจะจริงจังมากกว่านี้
I did my best and I have no regret. I can accept if this is the furthest that I can go.
ก๊วยเจ๋ง เป็นคนไม่ฉลาด อาจจะดูเหมือนคนโง่และซื่อบื้อด้วยซ้ำไป
ตอนได้อาจารย์เป็น เจ็ดประหลาดกังหนำ เหล่าอาจารย์สอนวิชาให้มากมาย
ร่ำเรียนอยู่เป็นสิบปี ฝีมือไม่คืบหน้าถึงไหน
จนกระทั่งได้เรียนกับประมุขพรรคกระยาจก ทุ่มเทฝึกมันอยู่วิชาเดียว จนฝีมือถึงรุดหน้า
กลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุค
มู่หยงฟู่ หรือม่อย้งฮก มีความฉลาดหลักแหลม หน้าตาหล่อเหลา มีคนรอบกายคอยช่วยเหลือ
แม้มีฝีมือเก่ง แต่ก็เก่งไม่สุด เหมือนชื่อเสียงที่มี ทั้งที่ได้ร่ำเรียนสุดยอดวิชามากมาย
"เหนือเฉียวฟง ใต้มู่หยง" ....ที่สุดแล้ว จึงกลายเป็นเพียงคำร่ำลือปลอมๆ
ตัวอย่างจากนิยายกิมย้ง เหมือนจะไม่มีอะไร แต่แอบแฝงไว้ด้วยข้อคิดดีๆ
- แม้จะโง่ แต่ถ้ามีความตั้งใจ มีโฟกัสเพียงอย่าง ก็สามารถเป็นสุดยอดจอมยุทธได้ อย่างเช่น ก๊วยเจ๋ง
เซียวเหล่งนึ่ง เป็นคนใจเย็น มีสมาธิสูง มีการฝึกฝนพัฒนาตัวเองตลอดเวลา แม้ไม่ใช่คนฉลาดอย่างอึ้งย้ง ก็กลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุคได้
- ในทางกลับกัน พวกจอมยุทธที่มีชื่อเสียง หลายคนก็ไม่ได้เก่งอย่างชื่อ อาศัยคำร่ำลือกับการถูกสังคมหรือพรรคพวกอวยกันเอง ก็กลายเป็นชื่อเสียงและความสำเร็จปลอมๆ เช่น เจ็ดประหลาด หรือบรรดานักพรตช้วนจินก่า
- คนที่เก่งและประสบความสำเร็จจริงๆ ไม่ต้องอวยตัวเอง ไม่ต้องขี้โม้อะไรมากมาย เพราะคนอื่นจะยกย่องเอง จากผลงานที่สะสมมา เช่น 5 ยอดฝีมือแห่งยุคมังกรหยก
- มู่หยงฟู่ มีโอกาสมากมายในการกอบกู้บ้านเมือง ได้ฝึกสารพัดยอดวิชา ทำให้ขาดโฟกัส จนไม่เก่งซักวิชา
มู่หย่งฟู่โชคดี ที่มีโอกาสดีๆเยอะ
แต่เพราะมีโอกาสที่มากเกินไปนี่แหละ เป้าหมายจึงเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดครั้งสำคัญหลายครั้ง
สุดท้าย กลายเป็นคนที่ล้มเหลว เสียทั้งเพื่อน คนรัก ชื่อเสียง เกียรติยศ และกลายเป็นคนสติฟั่นเฟือน
- ความดี ความเลว ยากที่จะขีดเส้นแบ่งแยก มารบูรพา ไม่ได้เป็นคนเลว ไม่ได้เที่ยวไล่ฆ่าคนแบบไม่สนใจเหตุผล ไม่ได้เป็นคนขี้นินทา ใส่ร้ายผู้อื่น หลายครั้งก็ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนอื่น ลูกศิษย์ทุกคนล้วนรักอาจารย์ ถึงขั้นยอมสละชีวิตให้ได้
ในขณะที่ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นคนดี อย่างสำนักช้วนจิน กลับทำสิ่งตรงข้าม เหล่านักพรตในเรื่อง ทั้งนินทา ใส่ร้ายป้ายสี ไล่ฆ่าคนแบบไม่มีเหตุผล จิตใจคับแคบ
เลวร้ายที่สุด คือ สวมรอยเอี้ยก้วย ไปมีอะไรกับเซียวเหล่งนึ่ง !! (ทำร้ายจิตใจแฟนๆมาก)
เช่นเดียวกับคนกินเหล้าเข้าผับ ไปปาร์ตี้ทุกวัน อาจจะมีจิตใจดี เอื้อเฟื้อคนอื่น มีน้ำใจ
แต่คนที่ทำบุญ เข้าวัดเข้าวา ปล่อยนกปล่อยปลาลง Facebook บ่อยๆ อาจเป็นคนเอาเปรียบเห็นแก่ตัว นินทาว่าร้ายในความคนอื่น มีกิ๊ก มีเมียน้อย ก็เป็นได้
อย่าด่วนตัดสินคนอื่น จากการรู้จักเพียงผิวเผินไม่กี่ครั้ง
ยังมีอีกหลายตัวอย่างมาก ไว้ค่อยเขียนใหม่ เดี๋ยวจะยาวไป 555
"อ่านคอมเมนท์เรื่องไอค่อนสยามที่ออกไปทาง “เข้าอกเข้าใจ” เจ้าของห้างแล้วก็มานั่งนึกว่าทำไมคนไทยถึงเห็นใจนายทุนเก่ง ตั้งแต่เรื่องค่าแรงขั้นต่ำยันร้านสะดวกซื้อผูกขาด นึกไม่ออกเหมือนกัน แต่ก็คิดว่าน่าจะมีส่วนหนึ่งมาจากการที่นายทุนพวกนี้คือภาพอุดมคติของคนไทยเรา อยากรวยแบบเขา อยากประสบความสำเร็จแบบเขา สาระคือพวกเขารวยและมีชีวิตชวนฝัน ส่วนเรื่องวิธีการที่ทำให้เขารวยได้นี่ไม่ใช่สาระสำคัญจะมายังไงนี่เข้าใจได้หมดและถ้าเป็นตัวเองก็คงจะทำแบบนั้น เป้าหมายคือการเป็นคนรวยไม่ใช่การสร้างสังคมที่ดี จบ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อิจฉาล่ะซี่
#คนแดนไกลฝากบอกมา
คุณไม่ได้รับความอบอุ่นในหัวใจแบบที่คนเป็นแฟนเขามีกันหรอกครับ ถ้าน้องเขาจะเป็นแบบนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
A: คุณดูมนุษย์กรุงเทพชนชั้นกลางเหล่านั้นสิเบียดเสียดกันอยู่ในห้างแย่งกันกิน แย่งกันหายใจ
B: โอวว ผมว่าคุณนี่ลุ่มลึกมากๆ มีมุมมองที่คนปกติธรรมดาอาจจะไม่เห็น
A: เปล่าครับ เปล่าครับ ผมก็พึ่งพาลูกเมียไปห้างมาเหมือนกัน คนเยอะดี อบอุ่นดี สนุกดีอ่ะครับได้อยู่กับคนเยอะๆ ไม่มีเวลาคิดฟุ้งซ่านหรือซึมเศร้าเลย
คนไทยเคยมีศาสนาดั้งเดิมคือศาสนาผี ซึ่ง “ผี” ในที่นี้มีความหมายครอบคลุมทั้งคำว่า “God” และ “Spirit”
“พระผู้เป็นเจ้าบนสวรรค์” ก็เป็น “ผี”
“เจ้าป่าเจ้าเขา” ก็เป็น “ผี”
“คนตาย” ก็เป็น “ผี”
“อะไรที่มองไม่เห็น” ส่วนใหญ่ก็เป็น “ผี”
ทั้งชาวไทใหญ่ไทน้อยต่างมีตำนานศาสนาผีว่าด้วยการสร้างโลกและกำเนิดชนชาติไทยที่คล้ายคลึงกัน ในที่นี้ผมจึงจะเล่าตำนานสร้างโลกเวอร์ชันไทยอาหมให้ฟังนะครับ
...ตามตำนาน แต่แรกนั้นมีแต่ “น้ำ”...
มีท้องน้ำกว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา จากน้ำนั้นจึงมี “ฟ้า” ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างแรก
ฟ้ามีลักษณะเป็นก้อนเนื้อ ลอยอยู่เฉยๆ ไม่มีหัว ไม่มีขา ไม่มีปาก
ต่อมาฟ้ามีความปรารถนาจะรู้จักโลก ความปรารถนานั้นแรงกล้าจนบังเกิดเป็น “ตา” ขึ้นบนตัวฟ้า
เมื่อฟ้าลืมตามองโลกแล้ว พบว่าไม่มีอะไรน่าดู จึงเกิดความปรารถนาที่จะสร้างสิ่งน่าดูขึ้นบนโลก ความปรารถนานั้นทำให้เกิด “ขุนทิวคำ” (แปลว่า ความน่าดู) แยกออกมาจากตัวฟ้า
ขุนทิวคำนอนหงายบนน้ำ บังเกิดดอกบัวงอกออกมาจากสะดือ จากบัวเกิดปู จากปูเกิดเต่า จากเต่าเกิดงูใหญ่มีแปดพังพานแผ่ไปแปดทิศ จากงูนั้นจึงเกิดพญาช้างเผือก
จากนั้นขุนทิวคำจึงเนรมิตภูเขาทางเหนือและใต้ของโลก มีเสาใหญ่ปักอยู่บนยอดเขา แล้วเนรมิตแมงมุมทองคู่หนึ่งให้ชักใยเชื่อมเสาเข้าด้วยกัน
ใยของแมงมุมกลายเป็นท้องฟ้า และกลายเป็นสวรรค์ ขี้แมงมุมตกลงมาบนน้ำกลายเป็นพื้นโลก
จากนั้นฟ้าได้มีลูกเป็นไข่อีกสี่ฟอง เมื่อไข่สี่ฟองฟักตัวก็แตกออก
ลูกที่เกิดจากไข่คนแรกชื่อ ฟ้าสางดินขุนญิว ฟ้าให้ไปครองพื้นโลก
ลูกคนที่สองชื่อแสนเจ้าฟ้าผาคำ ให้ไปครองพิภพงูแปดแสนตัวในน้ำ
ลูกคนที่สามชื่อแสนกำฟ้า ให้ไปครองสายฟ้าแปดล้านสาย
ลูกคนที่สี่ มีชื่อที่ฉลาดมาก ชื่อ “งี่เง่าคำ” ฟ้าให้อยู่ช่วยธุระของตน
หลังจากฟ้าสร้างโลกแล้ว สรรพชีวิตต่างๆก็ค่อยๆบังเกิดขึ้นบนพื้นแผ่นดิน และสวรรค์
กล่าวคือบนแผ่นดินนั้นเกิดสิ่งมีชีวิต พืชพันธุ์ต่างๆ รวมทั้งมนุษย์ซึ่งมีบ้านเมือง มีอารยธรรมขึ้น
ส่วนบนสวรรค์นั้นเกิดเผ่าพันธุ์ของผีแถนซึ่งคือเทวดาที่มีฤทธิ์ ผีแถนเหล่านี้มีผู้นำชื่อ “เลงดอน” เลง แปลว่าแห่งเดียว ดอนแปลว่าที่สูงน้ำไม่ท่วม เลงดอนจึงแปลว่าที่ดอนเพียงแห่งเดียวซึ่งสรรพสิ่งใต้หล้ามาพึ่งพาอาศัย ผมสงสัยว่าถ้าแปลไทยเป็นไทยมันจะเป็นคำว่า “แหล่งดอน” น่ะครับ
เลงดอนปกครองผีแปดแสนตัวบนสวรรค์ มีผีเด่นๆเช่น เจ้าสายฝนใหญ่ใหญ่ (เทพแห่งหมอก) และย่าเสียงฟ้า (เทพแห่งการศึกษาเล่าเรียน) ผีเหล่านี้ทำหน้าที่ให้คุณให้โทษกับมนุษย์ตาม category ของตน
อนึ่งฟ้ากับลูกทั้งสี่เป็นตัวแทนของ “ธรรมชาติ” หรือเป็นผีอีกชั้นหนึ่งที่อยู่เหนือกว่าผีแถนอีก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สถานการณ์ล่อแหลมมากสำหรับ #AsiaBibi คุณแม่ลูกห้าที่ศาลฎีกาปากรีสถาน ยกฟ้องคดีหมิ่นพระศาสดา/ศาสนา #blasphemy เธอเพิ่งได้รับการปล่อยตัวเมื่อวาน รายงานระบุว่า ขึ้นเครื่องบินจากคุกที่ภาคใต้มายังเมืองหลวง แต่ยังไม่ทราบว่าอยู่แห่งหนตำบลใด เพราะม็อบมือดาบสาบแช่งตาม ไล่ล่าตามหาเธออย่างเมามัน
เป็นม็อบของพรรคมุสลิมสุดโต่ง Tehrik-e Labbaik Pakistan (TLP) ( http://aje.io/mmfug ) เรียกร้องให้แขวนคออาเซียซึ่งเป็นเกษตรกร ทั้งยังเรียกร้องให้มุสลิมก่อขบถ และให้สังหารผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ยกฟ้องคดีนี้ (ศาลชั้นต้น+อุทธรณ์สั่งให้ประหาร) ( http://str.sg/o7RC ) คนเหล่านี้ก่อม็อบรุนแรงมาก ไล่ฟันคน เผารถยนต์อย่างบ้าคลั่ง ทั้งหมดเพื่อกดดันให้ส่งตัวอาเซียมาให้พวกเขาฆ่า หรือไม่ก็รัฐบาลก็ต้องแขวนคอเธอเอง ( https://twitter.com/TarekFatah/status/1058418566700171265 )
พวกเขาเชื่อว่า อาเซียที่เป็นคริสต์ชนกลุ่มน้อย (ไม่ถึง 2% ของประชากร) ได้กล่าววาจาดูหมิ่นพระศาสดา ระหว่างการทะเลาะกันกับเพื่อนคนงานในไร่ซึ่งเป็นมุสลิม เพราะอาเซียดันไปใช้ขันใบเดียวกันกับพวกเขา ตักน้ำมาดื่ม แต่ศาลสูงเห็นว่าหลักฐานอ่อนเกินไป และเป็นการรังแกทางศาสนา จึงยกฟ้อง
ทนายความของเธอซึ่งเก่งมาก ว่าความจนเธอหลุดจากคดีนี้ ได้เดินทางออกนอกประเทศไปก่อนหน้านี้แล้ว Euronews รายงานว่าไปอยู่ที่เนเธอร์แลนด์ แต่กำลังเรียกร้องให้ช่วยเหลือนำครอบครัวมาอยู่ด้วย ( https://youtu.be/aPqTLRF2-A0 ) ส่วนตัวอาเซียและครอบครัว เห็นว่าทางรัฐสภายุโรป และรัฐบาลอิตาลีประกาศช่วยเหลือ แต่จะเดินทางออกจากประเทศอย่างไร เพราะรัฐบาลไปทำสัญญากับม็อบสุดโต่งเหล่านี้แล้วว่า จะยังไม่ปปล่อยตัวอาเซียออกไป จนกว่าจะให้ศาลทบทวนคำตัดสินใหม่ (ซึ่งมันไม่ควรทำได้แล้วนะ ขึ้นศาลมาสามศาล ติดคุกมาเกือบสิบปีแล้ว) https://p.dw.com/p/37r4p
รายงานข่าวตอนนี้จึงสับสน บางข่าวบอกว่าออกไปแล้ว ส่วนกระทรวงต่างประเทศบอกยังอยู่ #AP รายงานด้วยว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ระหว่างถูกควบคุมตัวในเรือนจำ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนักโทษสองคนที่วางแผนรัดคอฆ่าเธอให้ตาย ( https://apnews.com/bd36a346a89b4b98b0bf0103ffcd8723 ) ช่วงนี้มีวิดีโอแสดงภาพเด็กที่คงถูกผู้ใหญ่ยุยงให้ทำตุ๊กตาเป็นรูปอาเซีย และจับมาแขวนคอเล่นอย่างสนุกสนาน ( https://twitter.com/SafaiDarya/status/1059436753512263680 ) และบางโรงเรียนสอนให้เด็กตะโกนคำขวัญให้แขวนคออาเซีย ระหว่างการเคารพธงชาติ ( https://twitter.com/MJibranNasir/status/1060273262029144070 ) เรียกว่ามีการปลุกกระแสสร้างความเกลียดชังกับคนที่ต้องหาคดีนี้อย่างกว้างขวาง ถึงรอดจากคุก อาเซียและครอบครัวไม่มีทางดำรงชีวิตอย่างปลอดภัยได้แน่นอน น่าเศร้ามาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สรุปเรื่องย่อสั้นๆ…
เซด อิบนุฮารีซะ คือลูกบุญธรรมของมุฮัมมัด เขาได้แต่งงานกับสาวงามชื่อซัยนับ บินติ ญัจช์ ครั้งหนึ่งมุฮัมมัดไปหาเซด ด้วยความที่มุฮัมมัดเป็นพ่อและสนิทชิดเชื้อกับเซด เขาจึงเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่ได้เคาะประตู ปรากฎว่าเซดไม่อยู่ เขาพบเห็นซัยนับในสภาพที่นุ่งน้อยห่มน้อย ทำให้เขาเกิดตัณหาคิดอยากจะได้เธอมาเป็นเมีย แต่ก็ไม่ได้ทำอะไร และกลับออกไป
หลังจากวันนั้นไม่นาน มุฮัมมัดได้คิดอุบายโดยการออกโองการกุรอาน อ้างว่าพระเจ้าสั่งให้เซดหย่ากับซัยนับ และให้ซัยนับมาแต่งงานกับตัวเขาแทน แต่เซดได้ทักท้วงโดยอ้างว่าซัยนับเป็นเมียของเขาก็เท่ากับว่ามีศักดิ์เป็นลูกของมุฮัมมัดเช่นกัน ตามหลักศาสนาไม่สามารถแต่งงานกับมุฮัมมัดได้ ทันใดนั้นมุฮัมมัดก็ได้ออกโองการกุรอานเพิ่มอีก โดยอ้างว่าพระเจ้าไม่อนุญาติให้มีลูกบุญธรรม ทำให้เซดต้องยอมจำใจหย่ากับเมียและยกนางให้มุฮัมมัด โดยมุฮัมมัดได้จ่ายเงินเป็นค่าทำขวัญให้เซดจำนวนหนึ่ง
เรื่องราวประวัติศาสตร์นี้ทำให้เเรารู้และเข้าใจว่า คัมภีร์อัล กุรอาน ไม่ใช่วจนะของพระเจ้าผู้สร้างแต่อย่างใด เป็นเพียงคำที่ออกมาจากความคิดและความต้องการของมุฮัมมัดเท่านั้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.thereligionofpeace.com/pages/quran/muhammads-sex-life.aspx
https://en.wikipedia.org/wiki/Zaynab_bint_Jahsh
http://islamicresponse.blogspot.com/2008/07/allegations-concerning-muhammads_27.html
http://knowing-islamic-doctrines.blogspot.com/2012/04/prophets-marriage-to-his-daughter-in.html
#ชีวประวัตินบีมุฮัมมัด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
คุณรู้ไหม ไม่ได้มีแต่ศาสนาอิสลามเท่านั้นที่จำกัดเสรีภาพของสตรี แม้แต่ศาสนาพุทธในบ้านเราเองก็ยังมีการจำกัดนะครับ สถานที่ทางศาสนาบางที่ ห้ามผู้หญิงเข้า ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการไม่สมควร เป็นการไม่เคารพ จะเกิดอาเพศ หรือไม่ก็ห้ามเพราะคนเค้าบอกต่อๆกันมา ผมถามว่า "เค้าคนนั้น" คือใคร ไม่มีใครตอบได้ ผมยกตัวอย่างให้ที่นึงคือ ที่พระธาตุภูเพ็ก อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร ห้ามผู้หญิงขึ้นไหว้พระธาตุ เพราะบอกต่อกันมาว่าพระธาตุนี้สร้างโดยเจ้าเมืองผู้ชาย คนงานที่สร้างเป็นผู้ชายทั้งหมด จึงห้ามผู้หญิงขึ้น??!? 🤔
ผมถามว่ามันสมเหตุสมผลตรงไหน เพราะทุกคนล้วนเกิดมาจากแม่ แล้วมาบอกว่าผู้หญิงสกปรก งั้นตัวผู้ชายที่เกิดจากแม่ก็สกปรกด้วยสิครับ ย้อนแย้งไปนะ ไหนจะโบสถ์เงินที่แถวๆเชียงใหม่นั่นอีก บอกว่าผู้หญิงขึ้นไม่ได้ พอมีคนขึ้นไปก็โวยวาย บอกว่าเป็นอาเพศ บ้านเมืองจะล่มจมเกิดภัยพิบัติ... แต่ตอนนี้ผมก็ยังเห็นโบสถ์มันตั้งอยู่ดีสวยงามเหมือนเดิม ไม่เห็นมีอะไรซักหน่อยนี่? ถ้าจะห้ามผู้หญิงขึ้นเพราะเหตุผลนี้ผมว่าไม่แฟร์ว่ะ แล้วทำไมบุคคลในพุทธกาลถึงมีชั้น อนาคามี ชั้นโสดาบันที่เป็นผู้หญิงล่ะ???😐😐
เอาทางญี่ปุ่นบ้างมั้ย ประเทศนี้ยิ่งขึ้นชื่อว่าจำกัดสิทธิสตรีแบบหนักหน่วงไม่แพ้ซาอุฯเลยด้วย ห้ามผู้หญิงเข้าในโรงตีดาบเพราะเทพแห่งไฟของโรงตีดาบเป็นผู้หญิง เดี๋ยวจะโดนอิจฉาแล้วถูกสาป??!? แต่ช่างฝีมือที่เป็นคนตีปลอกรัดคอด้าม(ฮาบากิ) ดันเป็นผู้หญิง งงดิ🤔
ที่ผมเล่าให้ฟังเพื่ออยากจะสื่อว่า ในบริบทของหลักศาสนาทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่แฝงไปด้วยหลักการควบคุมมนุษย์ทั้งนั้น ไม่ว่าศาสนาไหนก็ตามมักจะหาวิธีควบคุมคนจำนวนมากให้ได้ ซึ่งหลักการเหล่านี้ก็เกิดมาจากผู้ปกครองทั้งนั้น ไม่งั้นก็จะเกิดการกระด้างกระเดื่อง และบริหารกันไม่ได้ เขาความกลัว เอาบาป เอาบุญ เอาเหตุผลต่างๆนาๆ มาสอนให้คนเชื่อและไม่ต่อต้าน แท้จริงก็เพื่อการปกครองควบคุมทั้งนั้นครับ จำได้มั้ยเรื่องบางอย่างเราโดนสอนมาตั้งแต่เด็ก แต่พอเราโตขึ้นเรากลับคิดได้ว่าคำสอนเหล่านั้นมันช่างไร้เหตุผลสิ้นดีนั่นแหละ ลองมองดูความเป็นจริงครับแล้วคุณจะเห็นว่าสิ่งต่างๆมันไม่ได้เป็นแบบคำบอกคำสอนทั้งหมดหรอก🤫🤫
สมัยอาจารย์ถวัลย์ ดรรชนี ยังมีชีวิตอยู่ เคยมีคนชวนแกไปทำบุญสร้างพระ แกด่าเอาเละเทะจนจำบ้านเลขที่ไม่ได้ โดยบอกว่ากูไม่ทำเรื่องชั่วๆ เลวๆ ต่ำช้าอย่างงั้นในวัด เพราะอะไร เพราะเรื่องพวกนี้พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน ไม่เคยมีในพระวินัย ซึ่งอาจารย์ถวัลย์แกเป็นพุทธบริสุทธิ์มาก มากกว่าคนที่ไปฉีกทำลายผลงานแกหลายร้อยเท่าครับ 🙄
💥สรุปคือ :นี่ปี 2018 แล้วครับคุณ โลกมันหมุนไปข้างหน้าทุกวัน อะไรที่มันปัญญาอ่อนก็สมควรแก้ไข ปล่อยวางบ้าง อย่าไปยึดมั่นถือมั่นให้มันมากนัก บางคนไปวัดแทบทุกวัน แต่เห็นคนข้างบ้านไม่เคยไปเลยก็เป็นทุกข์ เที่ยวไปว่าเขาเป็นคนบาป แท้ที่จริงตัวเองนั่นแหละยึดติด ปล่อยวางไม่ได้ด้วยซ้ำ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การบินไทยขาดทุนมหาศาล ทั้งๆ ที่ไม่ใช่บริการสาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงได้ และรัฐก็เอาเงินภาษีอุดหนุนอยู่ตลอด แต่แทบไม่เห็นการต่อต้านจากชนชั้นกลางเท่าไหร่
.
แต่โครงการ 30 บาท ที่เป็นสิทธิการมีชีวิตรอดของคนไทยทุกคน กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการขาดทุน ไม่หยุดไม่หย่อน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>934 เรื่องสายการบิน มันดูแค่กำไรขาดทุนอย่างเดียวไม่ได้นะ โดยเฉพาะสายการบินแห่งชาติที่เป็นปัจจัยสำคัญในการนำนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ รัฐบาลหลายๆ ประเทศก็ subsidize สายการบินของชาติตัวเองเหมือนกัน (เช่น Emirates) ถึงการบินไทยขาดทุนจะมีปัจจัยมากกว่านั้นก็เถอะ
Sirn ท่านหนึ่ง
เวลามีคนไทยไป เที่ยว เรียนต่อ แล้วเจอปัญหาเดือดร้อน เช่น ประสบอุทกภัย ปัญหาการเมือง ในแต่ละประเทศ
เที่ยวบินที่พาบินกลับมาไทยนี้สายการบินไทยล้วนๆเกิดล้มไป ต่อไปใครซวยก็ออกเงินบินกลับมาเองล่ะกัน
ช่วงนี้การเมืองคึกคักเนอะ ถ้าพรรคไหนกล้าชูนโยบาย 3 เรื่องนี้ ฉันจะช่วยผลักดันพรรคนั้น
1.ให้โสเภณี เป็นอาชีพที่ถูกกฏหมาย ใครจะทำอาชีพนี้ ต้องลงทะเบียน และต้องอายุเกิน 20 ใครขายโดยไม่มีทะเบียน ให้จับกุมแบบเด็ดขาด
เพื่อเป็นการลดจำนวนโสเภณีลง เพื่อไม่ให้มีโสเภณีเด็ก เพื่อให้โสเภณีได้รับสวัสดิการเท่าอาชีพอื่น และเพื่อไม่ให้มีการ "รีดไถเก็บส่วย"
2. ให้ Sex Toy เป็นสินค้าถูกกฏหมาย ผลิตได้ ขายได้ เพื่อลดปัญหาการท้องในวัยเรียน ลดปัญหาการติดโรค และลดปัญหาการข่มขืน
3. ให้หนังโป๊ คนไทยผลิตขายได้อย่างถูกกฏหมาย เพื่อลดปัญหาการท้องในวัยเรียน ลดปัญหาการติดโรค และลดปัญหาการข่มขืน
มีพรรคไหนมองโลกตามความเป็นจริง ไม่เอาศีลธรรมจอมปลอมมาบังหน้าเพื่อสนับสนุนการรีดไถเก็บส่วย มีไหม อ้าว ยังไม่มีเหรอ?
เครดิตจาก fb คุณเอกวิทย์ sudanich
คุณซูซี่ อายุเพิ่ง 53 เป็นรัฐมนตรีกิจการพาณิชย์นาวี และการประมงของอินโดนีเซีย เป็นรัฐมนตรีคนเดียวที่ไม่จบชั้นมัธยม เป็นหม้าย เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นประธานบริษัทส่งออกอาหารทะเลอันดับต้น ๆ ของประเทศ เป็นประธานสายการบินชาร์เตอร์ "ซูซี่แอร์" เป็นมุสลิมที่สักลาย ไม่คลุมผม ดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล และสูบบุหรี่วันละซอง
คุณซูซี่เป็นคนชวา แต่ไปเกิดที่ปังงันดารัน ถิ่นของคนซุนดา เธอเรียนหนังสือไม่จบ เพราะโดนไล่ออกจากโรงเรียน ที่โดนไล่ออกไม่ใช่เพราะเธอโง่หรือเกเร แต่เพราะเธอไปเดินขบวนประท้วงเผด็จการซูฮาร์โต้ ตั้งแต่หัวเท่ากำปั้น !
ผลงานที่คนอินโดฯ และประมงไทยจดจำเธอได้ไม่ลืม คือ เธอสั่งให้กวาดล้างเรือประมงต่างชาติในน่านน้ำอินโดทั้งหมด ที่มีมากถึง 5,000 ลำ จับได้ยึดอุปกรณ์ เนรเทศลูกเรือกลับบ้าน เอาไต้ก๋งขึ้นศาลดำเนินคดี ถ้าพิสูจน์ว่าผิดจริง คนติดคุก และเรือถูกระเบิดทิ้งทันที
เรือถูกระเบิดทิ้งทันที เหมือนการประหารกลางเมือง ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
เธอระเบิดเรือไปแล้วเป็นร้อยลำ เวียตนาม 276 ลำ ฟิลิปปินส์ 90 ลำ และ ไทย 50 ลำ ไม่ว่าต่างชาติจะพยายามเจรจาอย่างไร เธอไม่สน ระเบิดเรือเล่นเป็นงานอดิเรก ตอนแรกคนก็ด่าเธอว่าป่าเถื่อน แต่ก็ปรากฎว่าหลังการระเบิดเรือ ปริมาณการจับปลา และปริมาณการส่งออกของอินโดเพิ่มขึ้นทันทีเกือบร้อยเปอร์เซ็น
ตอนนี้เธอจึงเป็น รมต.หญิงที่ขึ้นหม้อที่สุดของอินโดฯ แต่บริษัทฯ ประมงต่างชาติแช่งให้เธอหลุดจากตำแหน่งทุกวันหมดธูปไปหลายห่อแล้ว
บุคคลิกเธอเป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา และข้อมูลแม่นมาก เพราะโตมากับทะเล คุยกับเธอถ้าไม่เจ๋งจริงโดนต้อนกลับบ้านไม่ถูก
สื่อต่างประเทศเรียกคุณซูซี่ว่า "รัฐมนตรี Badass" ส่วนเด็กรุ่นใหม่ และคนอินโดฯ ระดับรากหญ้าเรียกเธอว่า "เจ้ใหญ่ผู้เป็นที่รัก"
เวลาเธอทำงาน ติดดินยิ่งกว่าเจ้สะพานปลา ลุย ๆ อยู่กับความเค็ม และกลิ่นคาวทะเล ขึ้นเรือรบตามจับเรือประมงต่างชาติกับทหารเรือเลย เหนื่อย ก็เอาหนังสือพิมพ์มาปูนอนดูดยาอยู่บนดาดฟ้าเรือ กินง่ายนอนง่ายไม่ VIP ไปประชุมสภาก็ใส่รองเท้าวัยรุ่น ใครถามถึงรอยสัก เธอก็ถลกกระโปรงให้ดูตรงนั้นเลย
ฝ่ายตรงข้าม และฝ่ายเคร่งศาสนา กัดจิกเธอตลอด ถึงความรั่ว ความไม่สำรวม ความไม่เคร่ง ของเธอจนมีคนส่งของขวัญวันเกิดไปที่บ้านเป็น "ฮิญาป" พวกเด็ก ๆ ทนไม่ไหว ทำสื่อเชียร์เธอในอินเตอร์เนตว่า
"คนที่ดูไม่เคร่งศาสนา หัวใจใหญ่กว่าพวกปิศาจคาบคัมภีร์เยอะ"
เด็กข้างถนนพ่นกราฟิตี้ใส่กำแพงเป็นรูปเธอในชุด wonder woman
อะไร ? ที่หล่อหลอมเธอมาให้เป็นแบบนั้น
คุณซูซี่ถูกไล่ออกจากโรงเรียนตอนมัธยมปลาย เพราะไปร่วมเดินขบวนขับไล่ซูฮาร์โต้ เมื่อโรงเรียนไม่ต้องการเธอ เธอก็เรียนเอง ออกมาเรียนมหาวิทยาลัยชีวิต ทำงานอยู่สะพานปลา แต่งงานครั้งแรก ได้ผัวเฮงซวยเธอก็หย่าทันที แล้วอุ้มลูกไปซื้อปลาต่อ ยามลำบากไม่มีเงินแม้จะซื้อนมให้ลูก เธอถอดกำไลทองที่พ่อแม่ซื้อให้เป็นทุนทำธุรกิจ
เธอให้สัมภาษณ์ว่า ตอนวิกฤตเศรษฐกิจค่าเงินรูเปียห์ตกไปร้อยสองร้อยเปอร์เซ็น ธุรกิจอื่นแย่ เธอรวยกระฉูด เพราะขายปลาให้ยุโรป ได้ดอลลาร์ล้วน ๆ
ตอนซื้อเครื่องบินมาทำชาร์เตอร์ขนส่งสินค้า และอาหารทะเลก็ร่อแร่ เจียนอยู่เจียนไป เกิดสึนามิ ที่อาเจะห์ เธอเอาเครื่องเซสน่า ขนของเอาไปบริจาคช่วยคนด้วยความเห็นใจ รัฐบาลให้งบเธอขนสินค้าไปส่งอาเจะห์เจ้าเดียวเลย จากร่อแร่กลายเป็นรวยยยยยย ไม่ทันตั้งตัว
ตอนมาเป็นรัฐมนตรี เธอก็ไม่ได้เล่นการเมืองมาก่อน นั่งขายปลา ตัวเค็มอยู่ดี ๆ คุณโจโควี่ เดินมาหา บอกว่า "เจ้ มาเป็นรัฐมนตรีประมงให้ผมหน่อย"
แล้วเธอก็ไม่ทำให้โจโควี่ และคนอินโดผิดหวัง
เจ้จึงไม่ต้องแคร์ใคร เพราะตอนเจ้ลำบากไม่มีหมาที่ไหนมาให้ความช่วยเหลือ ไม่เคยเป็นหนี้บุญคุณใคร ให้ต้องตอบแทน
>>933 พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามผู้หญิงเข้าวัดนะ ไอ้พวกนั้นแม่งมาตั้งกฎกันเอาเอง วัดต่างๆ ในสมัยพุทธกาล ก็มีผู้หญิงเป็นคนสร้างให้ มึงจะโยงเรื่องห้ามผู้หญิงเข้าวัดกับการเหยียดเพศในพุทธศาสนาได้รึ มันคนละกรณีกันเลยนะ ไอ้เหี้ยมุสลิมแม่งอ้างคัมภีร์ อ้างโองการพระเจ้ากันเลย
ของผมโดนใช้กระเป๋าของโรงเรียนตั้งแต่ม.1-ม.3 ทีนี้อีก2วันจะสอบไล่เทอม2แล้ว กระเป๋าดันขาด ผมเลยเอากระเป๋าสะพายนอกมาใส่แก้ขัดก่อน ผมโดนฝ่านปกครองตีหน้าแถวประจานเพื่อนๆ และโดนยึดกระเป๋าไป โดยอ.ฝ่ายปกครองให้ผมไปซื้อใหม่ในราคาใบละ400บาท(เมื่อ21ปีที่แล้ว) เพื่อใช้ใน2วันสุดท้ายนั้น ตอนนั้นครอบครัวลำบากมาก วันต่อมาเลยต้องถือสมุดกับหนังสือมือเปล่ามาเรียน ก็โดนอ.คนเดิมฟาดซ้ำ หาว่าผมประชด....ทุกวันนี้ใครมาขายบัตรงานศิษย์เก่า ผมด่าไล่ไปไกลๆเลย ขอโทษนะ ความอุบาทว์นี้ มันฝังใจผมมาจนถึงวันนี้เลย
ลานคริสมาสต์ หน้าเซ็นทรัลเวิร์ลปีนี้ ไม่มีอะไรหวือหวา จืดชืด ธรรมดากว่าทุกปี ส่วนหนึ่งเพราะอีร้านขายผลไม้ที่ยังสร้างไม่เสร็จข้างๆนั่นแหละ ทำให้พื้นที่คับแคบลงไปอีก
ซึ่งไม่รู้ว่าอีร้านผลไม้นี่จะสร้างเสร็จเมื่อไหร่ ทำไมสร้างช้ามาก ทั้งๆที่ร้านมึงกี่สาขาๆในโลกก็ไม่ได้แปลกพิศดารอะไร ไม่รู้ตั้งใจสร้างช้าๆ เพื่อให้คนไปสาขาไอคอนสยามเยอะๆจนได้ยอดตามเป้าก่อนรึเปล่านะ เพราะถ้าสาขาเซ็นทรัลเวิร์ลเสร็จ คนก็คงแห่มาสาขานี้กันหมด
>>933 ถ้าเอาคำตอบแบบเป็นธรรมชาติที่สุด พวกเจดีย์ พระธาตุที่ไม่ให้ผู้หญิงขึ้น เหตุผลคือระดู
ระดูหรือเมนส์ คนโบราณไม่มีผ้าอนามัยบางเฉียบแบบยุคนี้ มีก็ผ้าขี่ม้า มันอาจจะหยดลงทำให้พื้นเปื้อนสถานที่ ดูไม่งาม แต่จะไล่ถามสาวๆว่าแม่นางมีระดูมั้ยคงจะน่าเกลียด เลยห้ามทั้งหมดเลย จบ...
อ้างว่าเปื้อนคงมีคนไม่พอใจ นี่เลย อ้างไสยศาสตร์ว่าของเสื่อมไปเล้ย
แต่ปัญหาคือ ยันปัจจุบันแล้ว คนยังเชื่อว่าของเสื่อมแทนที่จะเป็นสถานที่เปื้อนอะดิ
My Albanian father tell me heart warming story of our flag.
The two headed eagle is to be representing the Albanian people.
One head is looking back to glorious past of Albania.
Other head is also looking back at glorious past, only in wrong direction.
This is why Albania is of no good.
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
The left will say anyone can do any job and the right says there is a job for everyone. Both wrong.
จริงๆเจ้าชู้เป็นบรรทัดฐานที่เหี้ย แต่ไม่ใช่ว่าเป็นเฉพาะเพศชายที่ทำตัวเจ้าชู้เหี้ยๆ แทนที่มึงจะงัดว่าทุกเพศสามารถเจ้าชู้ได้เหมือนกันหมด แต่จะแสดงออกมาไหม มีการกระทำที่จะรับผิดชอบต่อชีวิตคู่และคู่ชีวิตแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับตัวคน ไม่ใช่เพศก็จบไง มงก็ลงแล้วไง
นี่โอ้โห แต่ละคน งัดซีนเข้าตัวกันหมด ผู้ชายที่แท้จริงต้องไม่เจ้าชู้ อีควาย ไม่มีใครถามค่ะ มายกตนข่มโอ๊ตอะไรเอาตอนนี้วะ ก้าวไม่พ้นสันดานชายเป็นใหญ่ อยู่ดีดีก็แย่งเป็นจ่าฝูงกันขึ้นมาซะงั้น
นักข่าว A : ช่วงนี้มีประเด็นร้อนคือเรื่อง ลูกสาวของนักการเมืองท่านหนึ่ง กับภาพแฟนอาร์ทที่ไม่แน่ว่าต่อไปอาจจะมีภาพที่หมิ่นเหม่ไปจนถึงขั้นหยาบโลน
เราจะมาถามคุณนาวินเลขานักการเมืองผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลลูกสาวนักการเมืองกันดีกว่านะคะ ว่าปรกติแล้วพวกนักการเมืองจะจัดการเรื่องนี้กันยังไง
นาวิน : ผมเป็นเลขานักการเมืองจริง แต่เรื่องดูแลลูกสาวนักการเมืองนี้อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ
นักข่าว A : เอาแบบนี้ สมมุติว่าถ้าเกิดเรื่องแบบนี้กับคุณหนูของคุณนาวินคุณจะทำยังไง
นาวิน : ถามให้แน่ใจก่อนนะครับ เรื่องนี้คือ "สมมุติ" ว่า ผมรู้ว่ามีคนวาดภาพลามกของลูกสาวนักการเมือง ถ้าผมเป็นเลขาของฝ่ายนั้นจะทำยังไงใช่มั้ย
นักข่าว A : ค่ะ คุณจะทำยังไงคะ? จะส่งคนไปอุ้ม หรือจะทำอะไรหรือเปล่า
นาวิน : 555+ นักการเมืองไม่ใช่ยากุซ่านะครับ เรามีหน้าที่เป็นตัวแทนเพื่อแก้ปัญหาของประชาชน ดังนั้นเรื่องอะไรที่มันนอกกฎหมายนั้นคงจะไม่มีแน่นอน
แต่ว่านะ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า การประทำแบบนั้นก็เป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งไม่เกี่ยวว่าจะเป็นลูกสาวนักการเมืองหรือเปล่า ซึ่งเมื่อเขาเป็นผู้เยาว์อายุไม่ถึง 20 พ่อแม่ของเขาก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องลูกตามวิธีทางกฎหมาย
นักข่าว A : ค่ะ
นาวิน : "สมมุตินะครับ" ปรกติแล้วเรื่องแบบนี้จะเป็นความผิดที่ฟ้องร้องได้ 3 สถาน
1 พรบ คอมในเรื่องการนำเข้าข้อมูลที่เป็นสื่อลามก ซึ่งเป็นกฎหมายอาญา
2 หมิ่นประมาท ซึ่งเป็นกฎหมายอาญาเช่นกัน เนื่องจากนักการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ลูกสาวนักการเมืองไม่ใช่บุคคลสาธารณะ และคงบอกไม่ได้ว่าภาพลามกเป็นการติชมอย่างสุจริตด้วย นอกจากนั้นการเอาลงเน็ตเนี่ยและอาจถือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาซึ่งแรงกว่าหมิ่นประมาททั่วไป
3 ความผิดทางแพ่ง ซึ่งฟ้องเอาค่าเสียหายได้ กรณีถือว่านั่นเป็นการโฆษณาซึ่งสร้างภาพลักษณ์ที่นำไปสู่ความเสียหาย ซึ่งจะประเมินค่าเสียหายเป็นตัวเงินยังไงก็แล้วแต่
นักข่าว A : หมายความว่าคุณนาวินจะฟ้อง? ถ้าทำแบบนั้นก่อนช่วงเลือกตั้งจะไม่เป็นปัญหากับฐานคะแนนเสียงเหรอคะ?
นาวิน : 555+ “สมมุตินะครับ” อย่าลืมว่าการเลือกตั้งอาจมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า ดังนั้นการฟ้องร้องหลังเลือกตั้งก็ไม่มีผลกับคะแนนเสียงจริงมั้ยล่ะครับ
นักข่าว A : แต่ว่าคดีหมิ่นประมาทนั้นมีอายุความเพียงแค่ 3 เดือน ไม่ใช่เหรอคะ
นาวิน : คุณนักข่าวก็รู้เรื่องกฎหมายดีอยู่แล้วนะครับ ดังนั้นน่าจะรู้ด้วยว่า อายุความ 3 เดือนนั้นนับจากวันที่ “รับรู้” ถึงการหมิ่นประมาทนั้น พอดีว่าช่วงนี้กำลังเข้าสู่ช่วงเลือกตั้งผมจึงยุ่งอยู่กับงานจนไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรในเฟสบุ๊คเลย
ดังนั้น “สมมุติ” ว่ามันมีเรื่องแบบนั้นจริง ผมอาจจะเปิดเฟสบุ๊คขึ้นมาอ่านและเห็นหลังจากที่เลือกตั้งเสร็จแล้วก็ได้ นอกจากนั้น พรบ คอมก็มีอายุเท่ากับคดีอาญาปรกติครับ รอให้ได้เป็นรัฐบาลก่อนค่อยฟ้องยังได้เลย
นักข่าว A : แต่ถ้าทำแบบนั้น ข้อต่อสู้ทางกฎหมายจะค่อนข้างอ่อนหรือเปล่า ฝ่ายที่วาดภาพก็อาจอ้างได้ว่าตัวละครเป็นตัวละครอื่นไม่เกี่ยวกับคนที่มีอยู่จริง
อาจอ้างต่อสู้เรื่อง พรบ คอมว่ามันไม่ถึงขึ้นอนาจาร
หรือเรื่องอายุความก็อาจเป็นเหตุผลในชั้นศาลของฝ่ายที่ถูกฟ้องเพื่อสู้ว่าคดีหมดอายุความแล้วก็ได้ไม่ใช่เหรอคะ
นาวิน : ใช่ครับ แต่คดีคอมพิวเตอร์เนี่ย ผมอาจจะเปิดคอมขึ้นมาดู และเห็นความผิดนั้นที่ไหนก็ได้จริงมั้ยล่ะ
หมายความว่า หลังจากเลือกตั้ง ผมอาจจะไปเปิดคอมอ่านในเขตที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งอาจจะเป็นปัตตานี หรือเชียงราย หรือเขตอะไรที่เป็นพื้นที่ของนักการเมืองคนนั้นก็เป็นได้
เอาแบบนั้นก็แล้วกัน ลองคิดดูว่าคุณต้องเสียทั้งค่าทนาย เสียทั้งเวลา และต้องนั่งรถเข้าไปในเขตอิธิพลของนักการเมืองที่คุณลวนลามลูกสาวเขาทุกเดือน โดยส่วนตัว ผมคิดว่าแค่นั้นก็พอแล้ว
ที่จริงถ้าเขาโกรธมาก เขาอาจจะฟ้องคุณทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศพร้อมกันเลยก็ได้ ผมคิดว่าเข้าจ้างทนายจังหวัดละคนได้ แต่คุณมีเวลาเดินทางไปขึ้นศาลครบหรือเปล่าล่ะ?
นักข่าว A : แล้วคิดว่าในเคสนี้เขาจะฟ้องหรือเปล่าคะ
นาวิน : นาวิน : ส่วนตัวผมมองว่าแฟนอาร์ทอะไรนี่ก็เป็นเรื่องดีนะ มันเป็นสิ่งแสดงศักยภาพของนักวาดไทย ซึ่งรัฐบาลควรส่งเสริม และการที่เขาวาดเพราะชื่นชมอยากเชียร์ก็เป็นสิ่งดี แต่ก็ต้องดูระดับของความเหมาะสมด้วยเหมือนกัน
ถ้าทำอะไรเกินเลยมันไม่ได้เสี่ยงแค่โดนฟ้อง แต่เสี่ยงจะทำให้ภาพลักษณ์ของวิชาชีพทั้งหมดที่ควรจะได้รับความสนใจและเข้าใจจากผู้ใหญ่มันเสียไปด้วยทั้งหมด
ส่วนเรื่องฟ้องไม่ฟ้องก็ขึ้นอยู่กับว่าเป็นใคร และพ่อแม่เขาโกรธกันขนาดไหน
นักข่าว A : สมมุติว่าถ้าเป็นคุณหนูของคุณนาวิน คุณนาวินจะฟ้องมั้ยคะ
นาวิน : นั่นสิครับ เพราะมันยังไม่เกิดขึ้น ผมยังไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นยังไง คงไม่มีใครรู้จนหมายศาลไปถึงบ้านนั่นแหละครับ 555+
ตัวอย่างการสู้คดียาเสพติด ในประเด็นเรื่องมีไว้เพื่อเสพ ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย
เนื่องด้วยประมาณต้นปี พ.ศ. 2560 ประเทศไทยได้มีการแก้ไขข้อกฎหมายเกี่ยวกับการมียาเสพติดไว้ในครอบครอง กรณีมีไว้เกินจำนวนหรือปริมาณที่กฎหมายกำหนด แต่เดิมให้เป็นข้อสันนิษฐานเด็ดขาดว่ามีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ปัจจุบันให้ถือเป็นเพียงข้อสันนิษฐานไม่เด็ดขาด ทำให้จำเลยมีสิทธิสู้คดีในประเด็นว่า มีไว้เพื่อเสพ ไม่ได้มีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่ายได้
ซึ่งผู้เขียน เคยได้เขียนบทความเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวไว้แล้วโดยละเอียด เนื่องจากผู้เขียนไว้รับว่าความคดียาเสพติดคดีหนึ่ง ซึ่งเป็นคดีที่นำมาให้อ่านกันในวันนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวมีประเด็นข้อต่อสู้ว่า จำเลยมียาเสพติดไว้เพื่อเสพเท่านั้น ไม่ได้มีไว้เพื่อจำหน่าย โดยผู้สนใจโปรดอ่าน บทความเรื่อง “การแบ่งยากันเสพ ถือเป็นการจำหน่ายตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดหรือไม่ ?” ในลิ๊งด้านล่าง
https://www.facebook.com/srisungadvocate/posts/931760783645347?__tn__=K-R
คดีนี้มีข้อเท็จจริงเป็นที่น่าสนใจ เพราะลูกความของผู้เขียนเป็นเด็กหนุ่มหน้าดี เพิ่งเรียนจบมหาลัยชื่อดัง และมีความสามารถเป็นอาจารย์พิเศษสอนด้านภาษา ทำงานบริษัทที่ดี ได้เงินเดือนสูง เพียงแต่ด้วยความรักสนุก เมื่อดื่มเหล้าจนเมาได้ที และเพื่อนชวนไปเที่ยวต่อที่ผับ จึงได้ลองอยากลองเสพยาติด คือยาอี ซึ่งเป็นยาเสพติดที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่วัยรุ่นในตอนนี้ แต่ได้ถูกจับกุมเสียก่อน และปรากฎว่ายาเสพติดที่ครองครองนั้นเกินจำนวนกว่าที่กฎหมายกำหนด จึงถูกฟ้องในข้อครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
ผู้เขียนเองก็เป็นคนที่เคยและชอบเที่ยวกลางคืนมาก่อน เที่ยวชนิดที่ว่าลองมาครบทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องยาเสพติดที่ผู้เขียนไม่ยุ่งเกี่ยว ก็ทราบดีว่าในผับใหญ่ๆ นักเที่ยวจำนวนมากจะมีการลักลอบเสพยาประเภทนี้ รวมยาเคตามีนเป็นจำนวนมาก เป็นเรื่องปกติ เข้าใจว่าเสพแล้วจะทำให้การเที่ยวนั้นสนุกกว่าธรรมดา
การเสพยาเสพติดเพื่อความสนุกย่อมไม่ใช่เรื่องดี แต่คนเหล่านี้เป็นเพียงผู้ป่วย เป็นเด็กที่หลงผิด อยากรู้อยากลอง ที่ควรได้รับการบำบัดรักษา ไม่ใช่อาชญากรที่ควรได้รับโทษจำคุก ซึ่งโทษจำคุกในคดีประเภทนี้มีอัตราโทษที่ค่อนข้างสูง
โดยคดีนี้หากจำเลยรับสารภาพในข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายตามฟ้อง ตามมาตรฐานโทษหรือยี่ต๊อก จะถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี หรือหากสู้คดีแล้วไม่หลุด ก็จะถูกจำคุกประมาณ 3 ปี เศษถึง 4 ปี
ดังนั้นคดีนี้จึงมีเดิมพันสูง หากสู้คดีแล้วแพ้ เท่ากับอนาคตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ทีพึ่งเรียนจบมาหมาดๆ มีความสามารถ มีอนาคตที่ดี จะต้องจบลง เพราะการเข้าไปติดคุก 2-4 ปี ในคดียาเสพติด เมื่อออกจากคุกมา เป็นการยากที่จะกลับมาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติหรือเป็นคนดีของสังคมได้อีกต่อไป
ผู้เขียนได้วางรูปคดีและวางแผนคดีนี้อย่างตั้งใจ ในการสู้คดีผู้เขียนยึดหลักตามความจริง โดยให้จำเลยนำสืบไปตามจริงว่า ถือยาเสพติดไว้เตรียมแบ่งกันเสพกับเพื่อน ซึ่งยาเสพติดดังกล่าวได้ร่วมกันซื้อมา ถึงแม้จะทำให้รูปคดีดูสุ่มเสี่ยง เพราะคำว่าจำหน่าย ตาม พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ หมายถึงการแบ่งกันเสพด้วย แต่เนื่องจากผู้เขียนได้ค้นคว้าข้อกฎหมายเป็นอย่างดีแล้วว่า ถึงแม้จะมีไว้แบ่งกันเสพ แต่หากเป็นการแบ่งกันเสพระหว่างผู้ที่มีเจตนาร่วมกระทำผิดกันมาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ถือเป็นการจำหน่ายแต่อย่างใด (อ่านเนื้อหาในบทความข้างต้น)
ตลอดการสืบพยาน ฝ่ายอัยการโจทก์ แทบจะไม่ถามค้านพยานฝ่ายของผู้เขียนเลย โดยอัยการโจทก์ได้พูดกับอัยการรุ่นน้องและเด็กฝึกงานที่มาร่วมฟังการสืบพยานว่า ผู้เขียนสืบพยานฆ่าตัวเองอยู่แล้ว เพราะสืบว่ามีไว้เพื่อแบ่งกันเสพ รูปคดีผู้เขียนไปไม่รอดอยู่แล้ว
สุดท้ายแล้ว ศาลได้โปรดให้ความเมตตา ยกฟ้องจำเลยในข้อหาครอบครองเพื่อจำหน่าย เนื่องจากพฤติการณ์ต่างๆในคดี ชี้ให้เห็นว่า จำเลยมีเพียงเจตนาครอบครองยาเสพติดเพื่อเสพเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาครอบครองเพื่อจำหน่าย ซึ่งปัจจุบันไม่มีการยื่นอุทธรณ์ของอัยการโจทก์แต่อย่างใด
ผู้เขียนจึงนำตัวอย่างคดีมาให้ผู้สนใจได้ศึกษากัน แต่อย่างไรก็ดี การสู้คดี คดีประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย นอกจากจะเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เสียสุขภาพจิต ครอบครัวต้องเดือดร้อนแล้ว ก็ไม่ใช่ว่ามีโอกาสที่จะจบด้วยดีอย่างนี้เสมอไป หากมีข้อเท็จจริงอื่นๆที้เปลี่ยนแปลงไป ผลคดีก็อาจเปลี่ยนแปลงไปได้ ดังนั้น ทางที่ดีอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดจะดีที่่สุดครับ...
ปตท. ผู้คุมราคาน้ำมันและขึ้นราคาได้แม่ราคาตลาดดโลกจะลดและกำไรมหาศาลเป็นแสนล้านจากการขายกาแฟ ที่มีเรเวนิวแค่ไม่กี่พันล้าน ... #ประชาธิปไตยนี่วิสัยทัศน์กว้างไกลจริงๆ
เชิญร่วมลงชื่อ
เราจะมีเวลาให้ลงชื่อถึงวันที่ 28 พฤศจิกายน 2561 เพื่อรวบรวมรายชื่อยื่นกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสื่อและประชาชน ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2561
----------------
จดหมายเปิดผนึก : จากนักกิจกรรมเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ ต่อร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต
.
จากการเผยแพร่ ร่างพระราชบัญญัติการจดทะเบียนคู่ชีวิต พ.ศ. …. (Draft Civil Partnership Act B.E. ...) ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ ของกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม จำนวน 70 มาตรา เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 นี่ถือเป็น ร่าง พ.ร.บ. ฉบับที่ 3 ที่ร่างจากฝ่ายรัฐเพื่อผลักดันการรับรองคู่ชีวิตเพศเดียวกัน
.
เรา, นักกิจกรรมเพื่อสิทธิความหลากหลายทางเพศ รู้สึกเป็นกังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากในเนื้อหาของ ร่างพระราชบัญญัติฯ ยังไม่ครอบคลุมสิทธิหลายประการ และมีการเลือกปฏิบัติต่อคู่รักบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ และยังไม่สามารถแก้ไขสภาพปัญหาการขาดสิทธิของคู่รักเพศหลากหลายได้ครบถ้วน เช่น
.
-สิทธิในการตัดสินใจในการรักษาพยาบาลและจัดการศพ
-สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน การอุ้มบุญ และการปกครองบุตรร่วมกัน
-สิทธิในผลประโยชน์ และสวัสดิการของคู่รักอีกฝ่ายในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย
-สิทธิในการได้รับการยอมรับ และมีศักดิ์ศรีในฐานะคู่สมรสตามกฎหมาย
-สิทธิของบุคคลทุกอัตลักษณ์ทางเพศ และวิถีทางเพศในการจดทะเบียนสมรส ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ตามหลักความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย
.
อีกทั้งคำว่า ‘คู่ชีวิต’ ที่ปรากฎอยู่ในร่างพระราชบัญญัติฯ ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2561 ไม่เคยปรากฏในประมวลกฎหมาย หรือกฎหมายใดๆ ในประเทศไทยมาก่อน ดังนั้นสิทธิและหน้าที่ต่างๆ ที่ยึดโยงคำว่า ‘คู่สมรส’ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จึงไม่ให้สิทธินั้นกับ ‘คู่ชีวิต’ ตามร่างพระราชบัญญัติฯ ได้
.
เนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวด 3 มาตรา 27 ได้กำหนดไว้ว่า “บุคคลย่อมเสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพ และได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายเท่าเทียมกัน” ฉะนั้นเท่ากับว่า การบัญญัตคำว่า ‘คู่ชีวิต’ อาจทำให้เกิดการเลือกปฎิบัติ ซึ่งเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญ
.
เรามีจึงข้อเสนอให้
.
1. ชะลอการเสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เพราะเนื้อหาของร่างฉบับนี้ยังมีการเลือกปฎิบัติ และไม่สามารถให้หลักประกันว่าคนที่มีความหลากหลายทางเพศจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาค ความพยายามที่จะให้ประชาชนสนับสนุนร่างพระราชบัญญัติฯ ไปก่อน โดยอ้างว่า ‘ดีกว่าไม่มี’ เป็นการใช้อำนาจบิดเบือน ให้ประชาชนสมยอมต่อความไม่เป็นธรรม และการถูกลิดรอนสิทธิพลเมือง สิทธิเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม
.
2. กระบวนการเสนอกฎหมายการร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิในการสมรส และครอบครัวของบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ ควรเป็นส่วนหนึ่งของ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนเจ้าของปัญหาและเครือข่ายภาคประชาสังคม ดังนั้นแล้วการขับเคลื่อนทางกฎหมายต้องยึดหลัก ความโปร่งใส ตรวจสอบได้ เราเชื่อในกระบวนการประชาธิปไตยที่ยึดหลักสากล และการพิจารณากฎหมายจากสภาที่ดำรงตำแหน่งผ่านกระบวนการประชาธิปไตย
.
3. จัดให้มีการศึกษาวิจัยฐานทัศนคติของคนในสังคม เพื่อนําไปสู่การสร้างความตระหนักและความเข้าใจอย่างจริงจัง ไม่ใช่เพียง การออกกฎหมายและนโยบายที่สังคมไม่เข้าใจ และไม่สามารถนําไปปฏิบัติ โดยปราศจากการตีตราและเลือกปฏิบัติ พร้อมทั้งควรยกระดับการอภิปรายเรื่องการจัดทํากฎหมายสู่สาธารณะ เปิดรับความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อเป็นฐานของการขับเคลื่อนให้ เกิดความเท่าเทียมทางเพศอย่างยั่งยืน "เพราะกฎหมายที่ปราศจากความเข้าใจของผู้บังคับใช้กฎหมายไม่อาจนำมาซึ่งการปฏิบัติที่เท่าเทียม"
.
4. ตามหลักการสากลว่าด้วยเรื่องการไม่เลือกปฏิบัติ และการเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย รัฐมีหน้าที่สร้างและแก้ไขกฎหมายเพื่อประกันว่าทุกคนจะมีสิทธิเสรีภาพอย่างเสมอภาคและเท่าเทียม หากรัฐสร้างกฎหมายที่มีเนื้อหาและข้อยกเว้นที่เลือกปฏิบัติ ถือว่าขัดต่อหลักการสิทธิมนุษยชน ดังนั้นรัฐต้องดำเนินแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพานิชย์เพื่อให้ทุกเพศไม่ว่าจะเป็นอัตลักษณ์และรสนิยมทางเพศใด สามารถเข้าถึงกฎหมายสมรสอย่างเท่าเทียม
.
ด้วยความศรัทธาในสิทธิและความเท่าเทียมเป็นธรรม
ลงชื่อในเมนต์นี้ได้เลยค่ะ
😊😊
https://web.facebook.com/thaisogi/photos/a.486484461378275/2531112170248817/?type=3&theater
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ทุกอย่างบนโลกมีเหตุและผลครับ
ที่สิงคโปร์ เมื่อคืนนั่งรถ taxi มาที่โรงแรม ผมก็บอกไปว่า บ้านเมืองนี้เรียบร้อย สะอาด และเป็นระเบียบมากๆๆๆๆ ขนาดมาถึงดึกๆ รถบนถนนก็ขับกันเรียบร้อยมากๆ
คนขับแท๊กซี่ก็เลยบอกว่าที่นี่กฏหมายแรงมากๆ เช่น
1. รถไม่เปิดไฟเลี้ยว ขณะเปลี่ยนเลน S$300
2. ขับเกินกำหนด S$800-1,000 และหักคะแนน 50%
3. คนเดินถนนไม่ข้ามตรงที่ข้าม S$150
4. คนเดินถนนพูดโทรศัพท์ขณะข้าม S$300
สุดยอดดดดดด แพงกว่าที่ออสเตรเลียอีกอะ!!!
อยากให้มีกฏหมายห้ามเดินเล่นมือถือในที่สาธาณะ
สารภาพ ชอบแอดมินเพจผู้กองโหด ณ เดนตาย อยากคบเป็นแฟน
ซึ่งไม่เกี่ยวกับเรื่องหน้าตาเลย แต่มีความรู้สึกว่า เป็นคนระดับเดียวกัน เพราะมีความสนใจในสิ่งเดียวกัน รสนิยมเหมือนกัน ทำงานใกล้เคียงกัน มีความรู้ในเรื่องเดียวกันแทบทุกเรื่อง เชื่อว่า สามารถพูดเรื่องอะไรๆก็เก็ตหมด
คือ กูมักจะหงุดหงิดเวลาคุยกับใคร แล้วอีกฝ่ายไม่เข้าใจ (เพราะอยู่คนละโลกกับกู) แล้วกูต้องเสียเวลาอธิบาย แทนที่จะได้เดินหน้าไปต่อ ซึ่งตาแอดมินเพจผู้กองโหดเนี่ย อยู่โลกเดียวกับกูไง เชื่อว่า คุยเรื่องอะไรๆก็เข้าใจ
กูมั่นใจเลยว่า ถ้าคบเป็นแฟนกัน คงมีความสุขมาก แทบไม่มีเรื่องให้ทะเลาะกันเลย เพราะคุยในสิ่งที่ชอบด้วยกันทั้งคู่ สถานที่ที่ไปเที่ยวก็จะเป็นที่ที่ชอบทั้งคู่ (ถ้าไปญี่ปุ่นด้วยกัน ก็จะไปย่านที่อยากไปเหมือนกันทั้งคู่) รวมไปถึงเรื่องเซ็กส์ ก็ยังมีรสนิยมแบบเดียวกัน
แต่ปัญหาติดอยู่แค่ 2 ข้อคือ
1. เค้ามีแฟนแล้ว
2. กูไม่ใช่บุคคลในเครื่องแบบ ไม่ใช่ทหาร ตำรวจ (เครื่องแบบขับกันดั้ม แม่งก็ไม่นับอีก)
ปล. ตานี่ก็เป็นเพื่อนใน FB กูนี่แหละ อันนี้จงใจเขียนสารภาพให้มันอ่านเลยแหละ เพราะมั่นใจว่าต้องขึ้นที่หน้า Wall มันแน่ๆ
วันนี้ลงเก็บข้อมูลเครื่องวัคซีนในชุมชน
ทีมเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลประจำอำเภอพาไปเยี่ยมบ้านที่ปฏิเสธวัคซีนเพราะเรื่องความเชื่อ ที่ผมไปไม่ได้จะไปชวนเค้าฉีดวัคซีนนะครับ แต่ไปเพื่อเรียนรู้
เยี่ยมไปสามบ้าน สิ่งที่สัมผัสได้คือ เราในสายตาของทั้งสามบ้าน เป็นเหมือนผู้บุกรุก มีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความอึดอัด ไม่เป็นมิตร ชาวบ้านที่ปฏิบัติตามความเชื่อของเขาคงรู้สึกเครียดและกดดันเช่นเดียวกัน ที่ความเชื่อของเขาถูกคุกคาม ในพื้นที่ผมไปลง มีมาตรการเข้นข้นมาก บ้านที่ไม่รับวัคซีนก็จะหนีออกจากบ้านช่วงกลางวัน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับเจ้าหน้าที่
ผมทราบจากเจ้าหน้าที่ว่า บ้านที่ปฏิเสธนั้น มีเจ้าหน้าที่ลงไปพบปะหลายครั้งแล้ว และเปลี่ยนความคิดไม่ได้เลย นี่คือเชื้อความเชื่อที่ทรงพลังมาก
เจ้าหน้าที่ก็เต็มเปี่ยมด้วยอุดมการณ์เช่นกัน ผมเองที่โดนเมินเฉยครั้งเดียวก็ท้อใจแล้ว ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็โดนมาสารพัด ในพื้นที่สีแดง บางบ้านก็เอาปืนมาถู ๆ ลูบ ๆ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ ถ้าโดนแบบนี้ใจผมคงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม แต่เราคงทำเช่นนั้นไม่ได้ เพราะถ้าปล่อยให้มีเชื้อระบาด คนอื่น ๆอีกหลายคนก็จะต้องได้รับเชื้อไปด้วย
ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ภาคสนามทุกท่าน ในการต่อสู้กับโรคระบาด ผมเข้าใจแล้วว่างานนี้มันยากมากขนาดไหน ที่ต้องทำงานเอาชนะด้านความคิดกับคนที่ปฏิเสธวัคซีน งานนี้เหมือนงานดะวะฮ (เผยแพร่ศาสนา) เพราะเป็นการเอาชนะคนที่ความคิด ซึ่งแน่นอนว่ามันยากมากถึงมากที่สุด
ผมไม่แปลกใจว่าทำไมคนเก่ง ๆ ที่ผมรู้จักหลายคนเลือกออกนอกพื้นที่ ไปทำมาหากินที่อื่น ที่มีความเจริญมากกว่าที่นี่ การมาทำงานเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนในพื้นที่หากต้องเจออุปสรรคแบบนี้ก็น่าท้อใจ คนหลายคนมีอุดมการณฺดี ต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน แต่ดูเหมือนประชาชนจำนวนหนึ่งก็มีความสุขดีกับสถานภาพชีวิตที่ตนเองเป็นอยู่
พี่พยาบาลคนหนึ่งเคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่สอนให้คนที่กินอาหารดี ๆ มีคุณค่าทางโภชนาการ เด็กจะได้เติบโต มีพัฒนาการที่เหมาะสม ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งก็จะตอบกลับมาว่า ลูก ๆ ของเขานี่แข็งแรงดี ฉลาด ซนจะตาย วิ่งเล่นได้ และปฏิเสธคำแนะนำ (สามจังหวัดชายแดนใต้มีความชุกของเด็กขาดสารอาหารมากที่สุดในประเทศไทย)
พี่อีกคนบอกว่า วิธีการที่ทำให้คนที่ปฏิเสธวัคซีนแบบฮาร์ดคอร์ มารับวัคซีนไม่ใช่การให้ความรู้ เพราะตอนนี้ให้สารพัดความรู้แล้วก็ยังไม่รับ ต้องเป็นการบังคับ หรือลงโทษ ต้องให้ทางนายอำเภอตัดเงินสวัสดิการคนจน หรือสั่งห้ามไม่ให้ลูกไปโรงเรียน (เพราะกลัวเด็กไม่ฉีดวัคซีนไปติดโรค) สำหรับครอบครัวที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน
การบังคับขู่เข็ญคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดกระมัง สำหรับคนในพื้นที่นี้ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคน
อ่านแล้วลองช่วยกันถกดู ปัญหาหลายๆอย่างในบ้านเรามันก็คล้ายเครื่องวัคซีน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การขริบอวัยวะเพศหญิง ( Female genital mutilation -เอฟจีเอ็ม ) กลายเป็นประเด็นถกเถียงในมาเลเซียขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลมาเลย์บอกคณะผู้แทนในกระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นกลไกตรวจสอบโดยคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ปกป้องการขริบอวัยะเพศทารกเพศหญิงว่า เป็นพันธกิจทางวัฒนธรรมในมาเลเซีย และยืนยันว่า ไม่ใช่รูปแบบหนึ่งของเอฟจีเอ็ม
ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่รัฐบาล สร้างความผิดหวัง และไม่พอใจให้กับนักเคลื่อนไหวและกลุ่มสิทธิในมาเลเซีย ขณะที่นานาประเทศเห็นตรงกันว่า เอฟจีเอ็มไม่มีประโยชน์ใดทางการแพทย์ แต่มาเลเซียยังยึดว่าเป็นวัฒนธรรม ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ล่าสุด ดร.วัน อาซิซะห์ วัน อิสมาอิล รองนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และรัฐมนตรีกระทรวงสตรี ครอบครัวและพัฒนาชุมชน กล่าวในรัฐสภาวันนี้ ย้ำจุดยืนว่าการขริบอวัยวะเพศหญิง เป็นส่วนหนึ่งอขงวัฒนธรรม แต่อย่านำไปเปรียบเทียบกับประเพณีปฏิบัติในบางประเทศแถบแอฟริกา ที่ถูกโลกประณาม กระนั้น กระทรวงของเธอกำลังหารือประเด็นนี้กับกระทรวงสาธารณสุขอีกครั้ง และหากพบว่า ไม่มีประโยชน์อันใด เราควรทำอะไรบางอย่าง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"การพรีเซ้นว่าตนยากจน ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป"
ภาพนี้คนไทยหลายคนซาบซึ้ง เป็นภาพนางงามไทยกราบเท้าแม่ ข้างกองขยะ ขอบคุณที่เลี้ยงเธอจนโตทั้งๆที่ยากจน อยู่สลัม
แต่เมื่อภาพนี้ออกไปสู่สายตาชาวโลก รู้ไหมว่า พวกแฟนนางงามชาติอื่นๆเอาภาพนี้มาล้อคนไทยบ่อยมาก ล้อเรื่องความยากจน "ดูสิ ขนาดนางงามยังยากจน อยู่สลัม ที่ที่กราบแม่ก็ยังเป็นข้างกองขยะ คนไทยทุกคนก็คงยากจน อยู่กินกับกองขยะ"
คนไทยเสียชื่อหมด เพราะนางงามคือตัวแทนของคนไทย คนต่างชาติเค้าไม่อินเรื่องดราม่าความกตัญญู หรือ ดราม่าความยากจนหรอก
ซึ่งบางคนอาจเถียงว่า "ช่างเขาสิ เราซาบซึ้งของเราก็พอ ทำไมต้องไปแคร์คนอื่น" ไม่ได้สิ เราต้องแคร์สิ เพราะมันคือเรื่องของภาพลักษณ์ ถ้าเรานำเสนอภาพที่ดีๆ ภาพที่ดูแพงๆให้คนอื่นเห็น คนก็จะอยากมาร่วมงาน ร่วมทำธุรกิจกับเรา ใครจะอยากลงทุนทำธุรกิจ ทำงานกับคนที่ดูไม่ดี จริงไหม
ทำไมฉันถึงพูดเรื่องนี้
สาเหตุที่ฉันนึกถึงภาพนี้ขึ้นมา เพราะว่า วันก่อนโน้น ฉันได้คุยกับผู้กำกับหนังชื่อดังท่านหนึ่งในสมาคมผู้กำกับ เค้าบอกว่า ผู้กำกับหนังไทยควรเลิกพรีเซ้นว่า "ฉันยากจน"
เพราะนอกจากทำให้ดูไม่ดีแล้ว ยังทำให้คนไม่อยากจ้าง เพราะคนจ้างจะคิดว่า "เอ้ะ ทำไมผู้กำกับคนนี้ยากจนล่ะ เพราะไม่มีคนจ้างใช่ไหม แสดงว่าเค้าต้องห่วยมากแน่ๆ ถึงไม่มีงานทำ" เลยยิ่งไม่มีคนจ้างเข้าไปอีก
ซึ่งก็จริง เพราะการของานกำกับ ไม่ใช่การขอทาน การพรีเซ้นว่าตัวเองจน ไม่ได้ช่วยให้คนอยากให้งาน ถ้าฉันเป็นนายทุน ระหว่างผู้กำกับที่ลุคดูรวยๆ เดินมาเท่ๆ กับผู้กำกับที่ลุคดูจน ซอมซ่อ แทบก้มกราบเพื่อของาน ฉันก็คงให้งานผู้กำกับคนแรกว่ะ
นี่ไม่ใช่ยุคที่จะใช้ความยากจนเรียกคะแนนสงสาร นี่เป็นยุคที่คนจะถามเราว่า "เธอจะทำอะไรให้ฉันได้บ้าง ไม่ใช่ฉันจะช่วยเหลืออะไรเธอได้บ้าง"
>>964 มิตรสหายท่านนี้ปัญญาอ่อนรึอะไร ไม่มีใครเขาพรีเซนต์ว่ายากจน เขาพรีเซนต์ตัวเองว่า"เคย"ยากจนตะหากเว้ย นางงามที่เอามาด่าก็ไม่ได้พรีเซนต์ว่ายากจน แค่พรีเซนต์ว่าเคยลำบากมาก่อน
การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องเฉพาะของไทยเลย Andy Warholเวลาโดนถามว่าทำไมวาดรูปกระป๋องซุปแคมเบลก็ตอบว่าเพราะเคยต้องกินแต่ซุปกระป๋องเป็นมื้อกลางวันมายี่สิบปี
ในอเมริกายิ่งหนัก เพราะมีไอเดียของอเมริกันดรีมคนที่เคยลำบากมาก่อนแล้วรวยก็ยิ่งเป็นคนที่สังคมเมกายอมรับ
เปลือกไม่พอ จับแพะชนแกะอีกตะหาก
เออ ไม่มีหรอกอะไรที่มันได้มาง่ายๆ
อะไรที่ออกมาให้มึงดูผ่านทีวี แม่งล้วนแต่เป็นมายาสร้างภาพ
Short Note ตลาด Tech ปลายปี 2018 #ไทยคำอังกฤษคำจัดๆนะ
- ตลาดมือถือกลายเป็นตลาด Consumer เต็มตัวแล้ว แทบไม่มี Innovation มาเกี่ยวข้องละ ถ้าสนใจ Next Era ควรจะ Fade Down จากมือถือได้แล้ว
- Mobile App จบ(ไปนาน)แล้ว จากนี้อยู่ได้ก็แค่แอป ฯ เฉพาะทางที่จำเป็นเท่านั้น แต่ความต้องการ Mobile Developer ก็ยังสูงอยู่ ด้วยเหตุผลบางประการ
- Mobile Games จะยังเติบโตต่อไป แต่ก็จะผูกขาดกับ Publisher เจ้าใหญ่ ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ
- Crytocurrency พิสูจน์ตัวเองระดับหนึ่งแล้วว่าไปไม่รอด คงจะตายไป 99.9% ตามที่คาดไว้ สาเหตุหลักคือ Adoption ไม่เกิดขึ้นจริง
- ใครทำธุรกิจเกี่ยวกับ Cryptocurrency ปรับตัวดี ๆ
- แต่ตัว Store of Value น่าจะมีอย่างน้อยหนึ่งตัว และก็คงหนีไม่พ้น Bitcoin อาจจะใช้จ่ายจริงไม่ได้ แต่คงเก็บมูลค่าได้ คงจะเห็นชัดหลัง Halving ครั้งถัดไป
- Public Blockchain ยังต้องหาตัวเองต่อไปว่าจะไปยังไงต่อ เข้าสู่ Mass Adoption ไม่ได้เพราะยากเกินไป พอคน Mass ใช้ไม่เป็นก็ไม่ใช้กันและมันก็ไม่มีทางเกิด ต้องรอ Generation ต่อไปที่ทุกอย่างง่ายขึ้น อาจจะต้องรอ Crypto Bank เกิด
- แต่ Private Blockchain นี่โตเอา ๆ ทั้งตลาด Enterprise และตลาด B2G ถ้าใครจะจับ Blockchain ควรหันไปทางโน้น ไม่ใช่ Public Blockchain รวยไปหลายรายละฮ้าบบบ
- คาดว่า Public Blockchain น่าจะเหลือรอดแค่ไม่ถึง 10 สาย
- ICO จบแล้ว ต่อจากนี้ถ้าจะมีอะไรรอดก็ STO
- แต่ STO เราคาดว่าน่าจะไม่ขอระดุมทุนจาก Public เท่าไหร่ คงทำเป็น Private Funding กลับเข้าสู่รูปแบบเดิม ก็คือคนทั่วไปน่าจะไม่ได้ลง
- ใครจะทำ ICO Portal คิดดี ๆ ไม่ได้ห้ามทำแต่วางแผนดี ๆ ให้เหมาะสมกับตลาดที่เปลี่ยนไป อย่ายึดเอาโมเดลปีที่แล้วมาทำ เจ๊งชัวร์
- AI เป็น Next Era อย่างเป็นทางการ บอกแล้วบอกอีกและก็ยังจะบอกต่อไป จับ AI ซะแล้วจะรุ่งเรืองในยุคถัดไป
- แม้แต่การเติบโตของตลาดมือถือก็จะผูกกับ AI โดยเฉพาะ Mobile Photography ที่จำนวนเลนส์ยังไม่สำคัญเท่า AI ฉลาด ๆ ถ้า Flagship รุ่นถัดไปของยี่ห้อไหนไม่มี AI มาเกี่ยวข้อง พูดเลยว่าลำบากแล้ว
- ไม่ใช่แต่ Developer ที่ต้องปรับตัว สื่อก็เช่นกัน ถ้าจะยังเล่นแต่เรื่องเดิม ๆ ก็จะจืดละ หันไปเล่นเรื่อง AI แล้วสื่อนั้น ๆ จะโดดเด่นขึ้นมาทันที
- Tensorflow ดูมีภาษีดีสุดในแง่ Production Deployment พี่ Google เค้าวิชั่นดี
- VR ยังหาทางตัวเองอยู่ ด้าน Content Creator ค่อนข้างไม่ชอบที่จะทำ Content VR เพราะถ่ายยากและ Consume ยาก ตลาดนี้จึงไม่โตเพราะ Content ด้วยและตัวแว่นก็ยังใช้งานยากด้วย
- แต่ตลาดที่ Prove แล้วว่าเวิร์คสำหรับ VR คือ Gaming ทั้งแบบ B2C และ B2B2C (ร้านเกม) เสพย์ยากก็เดินเข้าร้านแล้วทุกอย่างก็ง่ายเอง
- AR กลายเป็น Gimmick มากกว่าฟีเจอร์ แต่ก็มีการใช้งานจริงในบางตลาดแล้ว แต่ส่วนใหญ่เน้นไปทาง Entertainment เช่น แต่งหน้า แต่งตัว ก็ไม่ใช่ Everyday Use อยู่ดี พวกส่อง ๆ เล่นเกมมันก็แค่ว้าว สุดท้ายเล่นครั้งเดียวเลิก ต้องหาช่องทางกันต่อไปครับ
ตลาดช่วงนี้มีอะไรเกิดขึ้นเยอะ ปรับตัวกันไปให้ทันนะฮ้าบบบ
A: เศรษฐกิจแย่แบบนี้ รายได้ไม่เพิ่มและมีแนวโน้มจะลดลง ผมเลยต้องปรับตัวอ่ะครับ
B: เอ๊ะคุณไปเรียนเขียนแอปพลิเคชั่นหารายได้เสริม หรือไปลงทุนในตลาดตราสารอนุพันธ์ อ่ะครับ
A: เปล่าครับ เปล่าครับ ตอนนี้ผมหัดกินข้าวสองวันต่อหนึ่งมื้ออยู่อ่ะครับ ประหยัดลงไปได้มากเลย
การเลือกตั้งครั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา เราจะต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เป้าหมายทุกคะแนนมีความสำคัญ
>>972 เพื่อนโม่งคนที่เอามาแปะอาจจะตอบได้ไม่หมด เพราะเพื่อนโม่งก๊อปมาจากมิตรสหาย developer ท่านหนึ่งที่ดังพอสมควร มิตรสหายท่านนี้จะ summary ความคิดตัวเองต่ออะไรๆในวงการแบบนี้เป็นระยะ ซึ่งกูไม่แน่ใจว่าการเอาข้อมูลส่วนตัวมิตรสหายท่านนี้มาแปะด้วยเจตนาดีจะผิด policy เวบโม่งแห่งนี้รึเปล่า
ช่วงนี้ผมกำลังมีเถียงกับฝรั่งบางคนบนทวิต เกี่ยวกับเรื่องการขายอาหารข้างทางบนฟุตบาท ฝรั่งพวกนี้บอกว่าอาหารข้างทางเป็นเอกลักษณ์ของ กทม และทำให้ กทม เป็นแหล่งท่องเที่ยว ประเด็นคือ ทำไม กทม ต้องเอาใจนักท่องเที่ยว มากกว่าพวกเราที่ต้องใช้ชีวิตอยู่กับ "แหล่งท่องเที่ยว" เหล่านี้ด้วย
ฝรั่งบางคน มาบอกว่า เนี่ยเมืองใหญ่อย่างลอนดอน กำลังพยายามผลักดันวัฒนธรรมอาหารริมทาง โดยยกตัวอย่างตลาดต่างๆ เช่น Bricklane, Spitalfields หรือ Borough Market แต่หารู้ไม่ ตลาดพวกนี้ไม่เหมือนเมืองไทย คือเวลาจะขายอะไร คนขายต้องส่งประกวด ผ่านขั้นตอนสัมภาษณ์ และต้องจ่ายค่าเช่าด้วย
คือเขาไม่คิดเหรอว่าคนไทยก็อยากได้ของดีๆมีใช้บ้าง แล้วชุดความคิดที่ว่าทุกอย่างต้อง please นักท่องเที่่ยวนี่มันโคตร colonial's mentality จริงๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"วัคซีน"การรุกคืบเพื่อทำลายประชาชาติและชาติพันธุ์ ①
หมอ ประชาชน
CERITA PATANI
ยังคงเป็นข้อกังขาที่พูดถึงอย่างเซ่งแซ่ สำหรับโรคหัดที่ระบาดในพื้นที่ปาตานีอย่างต่อเนื่อง มีเยาวชนเสียชีวิต ที่ถูกประโคมโหมข่าวเพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อพ่อแม่ผู้ปกครองต่อเชื้อโรคนี้
โรคหัดหรือภาษามลายู"ซือแก"ผู้ป่วยจะมีอาการตัวร้อน จะเกิดผื่นแดง จุดที่เห็นได้ชัดที่สุดคือฝ่ามือและเท้า เมื่อเกิดผื่นขื้อทั้งตัวแล้วจะหายเป็นปกติภายในเจ็ดวัน
ซึ่งโรคชนิดนี้ผู้ป่วยจะไข้สูงมีความร้อนสูง ดังนั้นหมอชาวบ้านจะรักษาโดยการใช้พืชสมุนไพรที่มีธาตุเย็นมาต้มน้ำอาบ
ซึ่งพบว่าส่วนมากไม่เคยมีผู้เสียชีวิตจากโรคชนิดนี้
จึงกลายเป็นข้อกังขาของประชาชนในพื้นที่ว่า...
ทำไมโรคนี้ถึงเกิดเฉพาะในปาตานี?
ทำไมสยามจึงพยายามประโคมข่าวการเสียชีวิต?
ทำไมถึงล๊อบบี้ให้ผู้นำทางศาสนาออกมาชี้แจง?
วัคซีนฉีดได้หรอ?
การรุกคืบพื้นที่สงครามแย่งชิงมวลชน สยามยังคงดำเนินการอย่างเข้มข้น พื้นที่ความศรัทธาถือเป็นพื้นที่หลักและฐานของประชาชนมลายูปาตานี
การทำลายหลักศรัทธาจึงเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญ
การล๊อบบีให้ผู้นำศาสนาอิสลามในพื้นที่ออกมาชี้นำประชาชนจึงเป็นสิ่งจำเป็น
ซึ่งในทัศนะของอิสลาม
การรักษาให้หายจากโรคใดๆก็แล้วแต่
จำเป็นที่จะต้องค้นหาขวนขวายการรักษาในหนทางที่ฮาลาลให้หมดสิ้นเสียก่อน
#จึงสามารถใช้การรักษาที่ฮารามได้
วัคซีนทำมาจากอะไร?
ตรงนี้เรายังไม่เห็นมีการชี้แจงจากผู้ใดหรือองค์กรใดๆเลย
ตามที่รู้มา"วัคซีน"คือผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่ประกอบด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ผลิตขึ้นมาจาก"เชื้อโรค"ชนิดนั้น ฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อไปทำปฏิกริยากระตุ้นให้ภูมิคุ้มในร่างกายตื่นตัว
เมื่อหมดอายุการใช้งาน เชื้อไวรัสตัวนี้จะกลายเป็นเชื้อโรคแพร่กระจายไปในร่างกายต่อ
ตรงนี้...
จึงเป็นคำถามที่ถูกถามจากประชาชนในพื้นที่ว่า...
เชื้อโรคเป็นสิ่งต้องห้ามหรือไม่?
การป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดคือ การศรัทธาอย่างหนึ่ง
แต่มันก็มีขอบเขตในการก้าวล่วงอำนาจของผู้สร้างและการมอบหมายแด่เอกองค์อภิบาล
เพราะแน่แท้ สิ่งที่เกิดขึ้นทั่งหมดในหน้าแผ่นดินคือการสร้างความสมดุลให้ในหน้าแผ่นดิน
ติดตามต่อ...②
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>979 ใครจะเป็นเจ้าของฟูทคอท คอยบริหารจัดการแบบที่มึงว่าละ (พูดไปเดี๋ยวหาว่ากุแซะสถาบันอีก)
>>980 ไปตั้งแต่ไอร้านกล้วยมะม่วงปั่นมันยังแก้วล่ะ 3-40 และวะ ดีจริงห้างอื่นมันทำตามยังล่ะ
แล้วมาตราฐานอาหารส้นตีนเมืองนอกที่มึงต้องการอะ ถ้าทำจริง 7-11 แม่งโดนก่อนเลย
เด็ก7จะเอาของมาเวฟให้มึงไม่ได้ นอกจากจะมีใบประกอบอาหาร เวลาทำความสะอาดก็ต้องปิดร้านทำความสะอาด ทำไปขายไปไม่ได้
อาหารก็ต้องเป็นของที่ภาครัฐจัดให้เท่านั้น ที่พูดนี่คือมาตราฐานร้านแผงลอยนิวยอกนะ (อาจมั่วบ้างเพราะฟังเค้ามา 555+)
เสียใจ SG ที่ดินเป็นของรัฐ จะทำอะไรก็ได้ แต่ไทยที่ดินเป็นของเอกชน และคนใหญ่คนโตทั้งนั้นที่ครอบครองที่เนื้อที่ดิีๆ แพงๆ ใครจะยอม
เซเลอร์มูนนี่หนึ่งในไอคอนของญี่ปุ่นมาตั้งแต่ยุค 90 s แล้ว
เป็นการ์ตูนปรัชญาเสียดสีสังคม เรื่องสงครามและแย่งชิงอำนาจ ระบอบสังคมรวมถึงความเหลื่อมล้ำ การเมืองการปกครอง ธรรมชาติมนุษย์
มีไทยเรานี่แหละที่นึกว่าเป็นการ์ตูนสาวน้อยแปลงร่างใสๆ
https://storylog.co/story/5595251230577d684678aaa9
-มิตรสหายโอตาคุ
(ยาวมาก แต่อยากให้ทุกคนอ่านให้จบ)
#คนที่โกงคนอื่นจนเป็นสันดาน
จนบางครั้งก็เผลอโกงคนอื่น
โดยตนเองไม่รู้ตัว
.
แถมยังคิดอยู่เสมอ
ว่าตัวเองมักเป็นผู้ถูกกระทำ
จากคนอื่นที่จ้องเข้ามาหาผลประโยชน์จากตน
.
คนพวกนี้มีวิธีสังเกตง่ายๆ คือ
#มันจะกลัวตัวเองเสียเปรียบตลอดเวลา
ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่
.
ตั้งแต่เรื่องชีวิตส่วนตัว การทำงาน
หรือการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม
จะเป็นคนละเอียด #ในเรื่องเงินๆทองๆ
.
ใช้คำว่า #ละเอียดจนน่าเกลียด
แม่นทุกบาททุกสตางค์
เศษเงินไม่เคยกระเด็น
จนไม่รู้จักคำว่า "แบ่งปัน"
และคำว่า "มารยาท"
.
ตัวเองเสีย ไม่ยอม!
แต่ถ้าคนอื่นเสีย ตนได้ เอา!
.
แต่เชื่อไหมครับ หากเรามองย้อนไป
รากเหง้าของคนโกงโดยสันดาน
หลายคนล้วนเคยเป็นคนใจดี
มีแต่ให้ ใจสปอร์ทมาก่อน
.
สืบสาวลึกลงไปอีกชั้น
จนเจอต้นตอที่แท้จริง
ของคนโกงโดยสันดาน
.
คนแบบนี้คือผลผลิตจากนิสัย
#ให้แล้วหวังผลตอบแทน
เจตนาแห่งการให้ไม่บริสุทธิ์
.
ธรรมชาติของการให้
คือการสละความตระหนี่ออกจากใจ
.
เหมือนน้ำไหลจากที่สูงลงต่ำ
ล้วนไม่ไหลย้อนกลับสู่เบื้องบนฉันใด
.
ความเสียใจที่สะสมมากเข้า
จากการหวังลึกๆ ว่า
น้ำที่ไหลลงไปนั้น
จะไหลย้อนกลับมาหาตน
.
คือชนวนเหตุของการเป็นคน
"คนโกงโดยไม่รู้ตัว"
อย่างแท้จริง
.
คนเหล่านี้น่าสงสารนะครับ
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากมีเพื่อน
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากเป็นที่รัก
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
ให้เพราะอยากดูดีในสังคม
.
หลายคนเป็นผู้ให้...
เพราะอยากดูรวย
.
แต่หลายครั้ง
ชีวิตถูกกระทำซ้ำเติม
ทุกครั้งที่ให้ไปทีไร
#ไม่เคยได้ผลที่ตัวเองหวังไว้
.
มิหนำซ้ำ ให้ไปแล้วกลับโดนเอาเปรียบกลับ
ทุกการให้กลับรู้สึกว่าเสียมากกว่า
.
ยิ่งให้ยิ่งเสีย
หลายครั้งมากเข้า
ต้องเริ่มสร้างเกราะคุ้มภัยตนเอง
ไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบจากใครได้อีก
.
จนเวลาผ่านไป
เกราะนั้นเริ่มแข็งแกร่ง
แกร่งพอจนมีหนามแหลมออกมา
.
จากที่เคยเอาไว้ปกป้องตนเองอย่างเดียว
ตอนนี้เกราะกลายร่างเป็นอาวุธโดยไม่รู้ตัว
คอยทิ่มแทงคงอื่นที่เข้ามาในชีวิต
ให้พินาศย่อยยับ
.
จากปกป้อง
แปรเปลี่ยนเป็นทำลายล้างในที่สุด
.
คนพวกนี้ ถ้าพื้นเดิมเป็นคนเก่ง
จะค่อยๆ รวยขึ้นๆ อย่างรวดเร็ว
แต่มิตรแท้ จะค่อยๆ ลดลง
จากชีวิตพวกมันไปทีละน้อย
.
เหลือแต่มิตรเทียม ระดับเขี้ยวลากดิน
ที่คอยจ้องแทะโลม แย่งชิงผลประโยชน์กัน
มิตรที่เอาแต่ได้ แทะจนเหลือแต่กระดูก
แล้วคอยสมน้ำหน้าซ้ำเวลาเราชิบหาย
นอนตายหมาข้างถนน
.
ยิ่งสูงยิ่งหนาว
เดินขึ้นถึงหอคอยงาช้างเมื่อไหร่
#ไม่เหลืออะไรเลย
.
บางครั้งอาจไม่เหลือจริงๆ
แม้กระทั่งคนในครอบครัวด้วยกัน!
.
คนแบบนี้ ในสังคมเริ่มมีมากขึ้น
หนทางเดียวในไม่กี่ทาง
ที่พอรับมือคนเหล่านี้ได้บ้าง
คือ "ความชัดเจน"
.
ชัดเจนตั้งแต่เรื่องเล็กๆ
จนกระทั่งเรื่องใหญ่
.
ถ้าทานข้าวด้วยกัน
ก็เสนอตัวพูดไปก่อนเลย
ว่าหารครึ่งกันไหมหรือใครจะเลี้ยง
.
ถ้าทำธุรกิจใดด้วยกัน
ก็ต้องมีสัญญาที่ชัดเจน
เลิกทำ "สัญญาใจ"
อย่าหลักลอย พูดปากเปล่า
และที่สำคัญให้มันเซ็นกำกับรับรู้ด้วย
.
บางครั้งอาจถึงต้องบันทึกเสียงไว้
เวลาดีลผลประโยชน์ใดๆ กัน
.
เพราะคนแบบนี้
พร้อมตุกติกพลิกลิ้นได้เสมอ
.
เขียนมาถึงตรงนี้
อย่าเพิ่งตกใจว่าผมไปโดนอะไรมา
.
ที่มาของสเตตัสนี้มาจากพี่คนนึง
ที่โดนกระทำแบบนี้มา
.
ในฐานะผู้รับฟัง คิดว่าเรื่องนี้สมควรบอกเล่า เลยอยากเอามาแบ่งปันให้ทุกคนได้ข้อคิดไปด้วยกันดังนี้
1. ถ้าคิดจะให้จริงๆ อย่าหวังอะไรตอบ
2. ถ้าคิดจะให้แล้วหวังผล ควรเผื่อใจเอาไว้บ้างผลจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราต้องการเสมอไป
3. ให้แล้วต้องรอให้เป็น เย็นให้ได้ อย่าเพิ่งท้อแท้กับการให้ เพราะการให้เหมือนกับการปลูกต้นไม้ กว่าจะได้ผลลัพธ์ต้องใช้เวลา ต้องให้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ต่างจากการรดน้ำพรวนดิน แต่เชื่อเอาไว้เลยว่าทุกการให้ไม่มีวันสูญเปล่า
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงจุดนี่ ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์โปรดแชร์ให้ทุกคนที่คุณรักนะครับ ♥️
นุ่มน้อยคนหนึ่ง ไปสมัครงานที่..องค์กรลับ กขค .แห่งหนึ่ง
ผู้สัมภาษณ์เปิดฉากถามเขาว่า "เออ .. แล้วคุณแพ้อะไรหรือเปล่าล่ะ?"
"ครับ แพ้..!" เขาตอบ "ผมแพ้ คาเฟอีน ผมดื่มกาแฟไม่ได้.."
"แล้วคุณเป็นทหารหรือยังล่ะ?" .. "เป็นแล้วครับ" เขาตอบ "...พวกเค้าส่งผมไปรบที่ อิรัก ครับ"
คนสัมภาษณ์ประทับใจ พูดว่า "ดี คุณได้คะแนนช่วย 5 คะแนน" แล้วถามต่อ "ว่าแต่ว่า คุณบาดเจ็บอะไร ที่ไหน หรือเปล่าล่ะ..?!"
"ครับ" เจ้าหนุ่มตอบ "ผมโดนระเบิด แล้วหมอตัดอัณฑะผมไปทั้ง 2 ลูก.."
ผู้สัมภาษณ์ทำหน้าเบ้ แล้วบอกว่า "เอาละๆ .. คุณได้คะแนนพอแล้ว เราตกลงรับคุณ .. เวลาทำงานปกติของเราคือ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น คุณมาเริ่มงานตั้งแต่พรุ่งนี้ตอน 10 โมงเลยนะ แล้วทุกวันก็มาทำงานตอนนั้นแหละ..!"
เจ้าหนุ่มทำหน้าสงสัย ถามว่า "อ้าว..! ก็เวลาทำงานมัน 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น แล้วทำไม ท่านถึงให้ผมมาตอน 10 โมงล่ะครับ..?!"
"มันเป็นงานราชการ" ผู้สัมภาษณ์ตอบ "สองชั่วโมงแรก เรากินกาแฟ แล้วเดิน 'แกว่งไข่' ไป-มา ผมเลยคิดว่า มันไม่มีเหตุผล ที่คุณจะมาอยู่กับเรา ในช่วงนั้น"
555 ....??!!
“โค้ชเยียร์” คือใคร? ทำไมต้องรู้จักเธอ?
เชื่อว่าหลายคนอาจกำลังสงสัย แต่พอได้ทราบประวัติบอกเลยว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา “โค้ชเยียร์” หรือ “ณัฐินี อินทรเสนา” ได้ผ่านการรับรองจาก Image Management, Colour Analysis และ Image for Men จาก International image institute ประเทศแคนาดา ซึ่งได้รับการรับรองจากสถาบัน Association of Image Consultants International (AICI) ประเทศสหรัฐอเมริกา
อีกทั้งดีกรี Universal Style for Women and Men และได้รับการรับรองในตำแหน่ง Universal Style Consultant ll จาก Universal Style International By Alyce Parsons ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อนำมาสร้างทัศนคติที่ดี และสร้างความสุขกับการ “เปลี่ยน” ชีวิตของผู้คน จากความตั้งใจในการ “ให้” ของโค้ชเยียร์ นอกจากโค้ชเยียร์ จะค้นพบเส้นทางสายอาชีพที่ทำให้ตนเองมีความสุขแล้ว ยังร่วมแบ่งปันความรู้ ความเข้าใจที่ได้ศึกษา
นอกจากนี้โค้ชเยียร์ได้มีโอกาสปรับลุคให้ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ ผู้บริหารองค์กรต่างๆ และวิทยากรหลายท่าน ทั้งระดับ SMEs และระดับมหาชน ทั้งในประเทศและต่างระเทศ อาทิ ทำ Color Analysis ให้กูรู NLP และ Influencer ชื่อดังคนตามนับล้าน อย่าง Master Pop, Master Coach. อีกทั้ง บริษัทมหาชน ผู้บริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์และห้างใหญ่ระดับเอเชียอย่าง Hatten Land Ltd. จากประเทศ Singapore ยังได้ให้ความไว้วางใจโค้ชเยียร์และทีมงานจัดอบรมการปรับภาพลักษณ์ให้กับพนักงานในองค์กร
ขอบคุณสยามธุรกิจค่ะ 😘
เนื่องจากพรรคสนุ้กเกอร์ไทยเราเห็นว่าสังคมไทยเราการเข้าสู่สังคมสูงวัยเป็นเรื่องสำคัญกว่าเรื่องนำคนรุ่นใหม่เข้าสู่การเมือง (เป็นคนรุ่นใหม่เฉยๆ คุณภาพมีไม่มีไม่รู้ แต่วุฒิภาวะทางอารมณ์นี่เห็นมีปัญหากันมากๆ)
เราจึงจะเสนอ 'นโยบายเปิดเสรีนาโนคาสิโน' โดยให้ผู้สูงอายุ (เกิน 60 ปี) 4 คน สามารถรวมตัวกันเล่นการพนันได้โดยไม่ผิดกฎหมาย (ห้ามขาดห้ามเกิน 4 คน) ได้ในทุกสถานที่
ทั้งนี้ก่อนจะร่างนโยบายนี้จริงจัง อาจจะต้องลงไปดูงานที่ชุมชนเข้มแข็งอย่างชุมชนเตาปูนก่อนอ่ะครับ
"กระทงขนมปัง" คือ กระทงที่ไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อมที่สุด ควรหลีกเลี่ยงถ้าคิดจะลอยคืนพรุ่งนี้นะ
ถ้ายังตัดใจเลิกลอยกระทงไม่ได้ อย่างน้อยก็ขอให้หลีกเลี่ยงความเชื่อผิดๆ เรื่อง "ลอยกระทงขนมปังเพื่อสิ่งแวดล้อม" ครับ กระทงขนมปังเนี่ย ทำน้ำเน่าเสียมากกว่าอย่างอื่น เพราะกระทงขนมปัง มันเป็นสารอินทรีย์ ลงน้ำก็ยุ่ยและเน่าอย่างรวดเร็ว จะเก็บขึ้นแบบกระทงใบตองหรือโฟมก็ไม่ได้ ปลาก็ไม่ค่อยกิน แล้วถ้ากินไม่หมด มันก็จะกลายเป็นอาหารของเชื้อจุลินทรีย์ให้น้ำ ทำให้น้ำเน่าเสียหนักขึ้นอีก
ฟังความเห็นของผู้เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมท่านอื่นประกอบได้ครับ
ดร.ขวัญฤดี โชติชนาทวีวงศ์ ผู้อำนวยการสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย กล่าวว่า กระทงขนมปัง ถ้าใช้ลอยในแหล่งน้ำไม่ว่าจะเปิดหรือปิด ยกตัวอย่างเช่น หากเป็นแหล่งน้ำปิดแล้วมีบ่อปลา ก็จะสามารถใช้ได้ จะมีประโยชน์ เพราะปลาสามารถกินขนมปังได้ แต่ถ้าเป็นแหล่งน้ำปิดแล้วไม่มีบ่อปลา จะอันตรายต่อสภาพน้ำ เพราะขนมปังจะเกิดการยุ่ย และทำให้น้ำมีค่าบีโอดี หรือค่าสารอินทรีย์สูง ไม่สมควรนำมาลอย (https://www.pptvhd36.com/sport/news/19051)
ดร. อาภา หวังเกียรติ ผู้ช่วยคณบดีวิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิตกล่าวว่า สำหรับกระทงขนมปังถึงจะย่อยสลายได้ แต่ก็เป็นสาเหตุทำให้เกิดน้ำเน่าได้ เพราะขนมปังเป็นประเภทสิ่งที่เป็นสารอินทรีย์ ซึ่งสารอินทรีย์ก็คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โดยธรรมชาติหากสารอินทรีย์พวกนี้ลงไปอยู่ในแม่น้ำ มันก็จะมีจุลินทรีย์พวกแบคทีเรียมากินเป็นอาหาร หากปริมาณของสารพวกนี้ไม่มากนักไม่ถือว่าส่งผลเสียเพราะมันก็จะเปลี่ยนแป้งไปเป็นคาร์บอนไดออกไซต์ หากใช้กระทงขนมปังลอยน้ำในปริมาณมาก ขบวนการนี้ก็จะมีดึงออกซิเจนในน้ำมาใช้ เมื่อใช้ออกซิเจนในน้ำมากไปจะกลายเป็นสาเหตุของน้ำเน่าเสียได้ (http://www.jr-rsu.net/article/747)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การเล่นการเมืองสไตล์พรรคสนุ้กเกอร์ไทยของเรา จะเป้นแนวๆ สุนัขลอบกัด ณ ครับ น้องๆ ครับ ถ้าพรรคเราเริ่มเป็นกระแสขึ้นมาเราก็จะสลายตัว ถ้าน้องๆ โดนถามเกี่ยวกับพรรคเราเราก็ตอบไปว่า "ผมไม่รู้/หนูไม่รู้" หรือ "มาศรัทธาพรรคนี้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการ" ไรแบบเนร้
พรรคเราไม่รับสมัครสมาชิกพรรคด้วยอ่ะครับ ไม่มีใครได้เป้นเจ้าของพรรค แม้แต่พี่โจวก็ตาม คือให้พรรคมันอยู่เฉยๆ ของมันไปวันวันก็พอ อย่าไปมีส่วนร่วม อย่าไปร่วมเป้นเจ้าของ อย่าไปไรกับมันเลยอ่ะครับ ต่างคนต่างอยุ่กันดีกว่า
#การเล่นการเมืองแนวกระแสสำนึก
ผมสังเกตเอาเองว่า...
ปกติร้านอาหารจะประสบความสำเร็จได้
มักมีอยู่สองสามอย่างคือ
1 รสชาติดี
2 ราคาดี
3 วิวดี
ซึ่งเซเว่นสาขาใต้ที่ทำงานผม
ตอบโจทย์หมดเลยครับ
จะมีอะไรดีไปกว่า นั่งกินอาหาร
รสชาติดี ( ในระดับหนึ่ง ) ราคาดี ดูวิวดีๆ
มีอาหารตาเป็นดีไซน์ใหม่ของไทรอัมฟ์
และท่านสุภาพสตรีที่ยืนเลือกชุดชั้นในไปเรื่อยๆครับ
กินไป ก็เอาใจช่วยไป
ว่าชุดชั้นในแบบไหน ที่พวกเธอจะหยิบ
ถือเป็น Restaurant Experience ที่
Exotic และไม่เคยสัมผัสที่ไหนมาก่อน
..
.
แต่
คำถามที่ตามมาก็คือ
กลับกัน
คุณสุภาพสตรีทั้งหลาย
จะยังสามารถเลือกชุดชั้นในได้อย่างสบายใจไหม
เมื่อมีผู้ชาย นั่งหน้ากระดานเรียงหนึ่ง
ทอดสายตามองดูคุณอยู่
ซึ่งหนึ่งในนั้นคือไอ้เนิร์ดใส่แว่น
หน้าตาหื่น ที่ดูแล้วยังเอามาโพสต์อีก!!!
—-
ในรูปคือ ข้าวเบคอนซอสญี่ปุ่น ( 69 บาท )
>>985 มันต้องดูทำเลด้วยไง ที่ดิน กทม. ทำเลอาจจะไม่ดีก็ได้ ส่วนถ้าเป็นที่ดินคนอื่น ทั้งหน่วยงานรัฐด้วยกันและเอกชน กทม. ก็ไปยุ่งไม่ได้ หรือถ้าจะหวังรัฐบาล นี่ขนาดลุงตู่มี ม44 ยังไม่กล้าหักกับขาใหญ่ทั้งรัฐและเอกชนเลยไม่ว่าเรื่องไหน เอาง่ายๆ หวย80บาท ราคาก็ไม่ได้ 80บาทตลอดนะ ลงท้ายผู้ค้ารายย่อยก็หาทางขายเกิน 80บาทอยู่ดี ซึ่งก็น่าเห็นใจ พวกรับมา 77-79 บาทละ ทั้งที่หน้ากองสลากขาย 70.40 บาท ที่มันแพงเพราะขาใหญ่ไม่กี่เจ้าเข้าถึงก่อน แล้วขาใหญ่ก็ไปกระจายอยู่ดี กูเห็นพูดงี้มาทั้งรัฐบาลนักการเมืองและรัฐบาลทหาร ก็ไม่เห็นมีใครทำอะไรได้เลยว่ะ
น่าสนใจนะครับว่า
การบินไทย ไปขาดทุนหลังยุคทักษินบริหาร (ซื้อเครื่องบิน เที่ยวบินนิวยอร์ค โลว์คอสแอร์ไลน์)
เริ่มมากำไรหลังยุคอภิสิทธิ์ (หลังลดต้นทุนสำเร็จ)
แล้วมาขาดทุนกันต่อในยุ่งยิ่งลักษณ์ (DD ที่ทำการบินไทยกำไรโดนสั่งออก)
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
https://imgur.com/0OTkRcC
https://imgur.com/mSqCvK8
การบินไทยเลยเป็นสลิ่ม
1000 ปิด
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.