(ต่อจาก >>534 )
- กลับมาเรื่องสัมปทานคิวแท็กซี่สนามบิน สหกรณ์ฯ ก็ได้เข้าประมูลสัมปทานนี้เช่นกัน แต่แพ้ประมูล และเรียกประชุมทีมงานทันทีว่าจะตอบโต้เรื่องนี้อย่างไรได้บ้าง ผลประชุมคือ ห้ามแท็กซี่ทุกคันในจังหวัดเชียงใหม่ ไปร่วมวิ่งกับบริษัทคาร์เรนทัล เพื่อให้เกิดผลกระทบว่า หากผู้ประมูลรายใหม่ ไม่สามารถมีรถแท็กซี่ให้บริการได้ การประมูลนั้นจะถูกยกเลิกทันที ซึ่งสหกรณ์ฯ หวังอยากให้มีการประมูลใหม่ เพื่อตัวเองจะสามารถชนะประมูลได้ เพราะถือว่า มีแท็กซี่อยู่ในสังกัดเป็นจำนวนมาก นับเป็นการกระทำที่ขัดต่อวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งสหกรณ์อย่างแท้จริง เพราะโดยเนื้อแท้ของการจัดตั้งสหกรณ์แล้ว เพียงต้องการช่วยเหลือสมาชิกให้อยู่ดีกินดี ให้ความช่วยเหลือสมาชิกที่มีความเดือดร้อน แต่ในเหตุการณ์นี้ สหกรณ์ฯ เอง กลับเป็นผู้ที่ใช้ความเดือดร้อนของสมาชิก เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ของตัวเอง
- ในวันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นวันแรกของการดำเนินงานของคาร์เรนทัล มีทีมงานของสหกรณ์ฯ เข้าขัดขวางมิให้แท็กซี่เข้าไปให้บริการที่สนามบินได้ และได้ถอดป้ายทะเบียนรถแท็กซี่ออก อ้างสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของป้ายทะเบียน ซึ่งเจ้าของรถได้กล่าวตอบว่า หากต้องการป้ายคืน ก็คืนเงิน 270,000 กลับคืนมา จะยินดีคืนป้ายให้ สหกรณ์ฯ ไม่ยอมจ่ายเงินคืนให้ มีการกระทบกระทั่งกันด้วยวาจา มีทั้งทหารที่เป็นเจ้าของพื้นที่และตำรวจที่ร่วมสังเกตการณ์เข้าห้ามปรามมิให้เกิดเหตุรุนแรง ทั้งนี้ตำรวจต้องขอให้สหกรณ์ฯ คืนป้ายทะเบียนให้กับแท็กซี่เพื่อลดความรุนแรงของเหตุการณ์ เมื่อสหกรณ์ฯ เสียหน้าอย่างรุนแรงที่ไม่สามารถดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับแท็กซี่ที่อยู่ในสังกัดได้ จึงได้ออกหนังสือยกเลิกการเป็นสมาชิกสหกรณ์ฯ ของแท็กซี่ที่ไปร่วมวิ่งที่สนามบิน โดยเจ้าของแท็กซี่หลายคนก็มึนงงกับเหตุการณ์นี้ เพราะแท็กซี่จำเป็นต้องทำมาหากิน แต่เมื่อสหกรณ์ต้องการได้สัมปทานนี้ ถึงกับต้องกลั่นแกล้งให้บริษัทคาร์เรนทัล ไม่ให้มีแท็กซี่ให้บริการอย่างเพียงพอ ทำไมต้องใช้ความเดือดร้อนของแท็กซี่เป็นข้อต่อรอง อีกอย่าง วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งสหกรณ์ฯ ต้องเป็นสื่อกลางในการช่วยเหลือสมาชิกมิให้เดือนร้อน ไม่ใช่ตัวสหกรณ์ฯ ดันเป็นต้นเหตุของความเดือนร้อนซะเอง และไม่สนใจว่าผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจะได้รับความยากลำบากเพียงใด ขอให้สหกรณ์ฯ ได้ผลประโยชน์ที่ตัวเองต้องการเป็นพอ
ในวันนี้ มีแท็กซี่หลายราย ไม่กล้าเข้าไปวิ่งในสนามบิน เพียงเพราะกลัวเกรงอำนาจอันล้นฟ้าของสหกรณ์ฯ กลัวว่าจะถูกถอดป้าย กลัวว่าจะต่อทะเบียนรถไม่ได้ กลัวว่าจะถูกกลั่นแกล้งสารพัด เพราะเคยเห็นแกนนำจากเหตุการณ์ประท้วงเมื่อปี 2556 ได้รับผลกระทบอย่างมากมาย จนถึงกับต้องประกาศขายแท็กซี่ เพราะไม่สามารถต่อทะเบียนได้ นับเป็นอำนาจของสหกรณ์ฯ ที่มีต่อกรมการขนส่งทางบกอย่างแท้จริง
-----------------------------------------------------------------------
ท้ายที่สุดนี้ มีคำถามมากมายเกิดขึ้นว่า ... .
- ทำไมป้ายทะเบียนแท็กซี่ในกรุงเทพ มีมูลค่าเพียง 3,000 บาท ขณะที่เชียงใหม่มีมูลค่า 270,000 บาท
- ทำไมสหกรณ์เดินรถลานนา ถึงได้มีอำนาจมากมายได้ขนาดนี้ ถึงกับให้มีไฟแนนท์ที่บริการเรื่องรถแท็กซี่ เพียงบริษัทเดียวในทั้งจังหวัดเชียงใหม่ ทำให้เกิดการผูกขาดในระบบ
- ทำไมสหกรณ์ฯ จึงสั่งให้กรมการขนส่งทางบก ให้ดำเนินการต่างๆ ในแบบที่ตัวเองต้องการได้
- ทำไมไม่มีใครกล้าตรวจสอบการชำระภาษีของผู้บริหารสหกรณ์ฯ ทั้งที่ใช้รถหรูกันหลายคน
- ทำไมรถแดงจึงได้เรียกเก็บค่าโดยสารแพงๆ ได้โดยไม่มีระบบหรือกฎหมายเข้าควบคุม
- ทำไมสหกรณ์ฯ จึงเรียกเก็บค่าคิวรถตู้ที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศได้คันละสามแสนบาท
- ทำไมเมื่อสหกรณ์ฯ แพ้ประมูลการให้บริการแท็กซี่ในสนามบิน จึงใช้ความเดือดร้อนของแท็กซี่เป็นข้อต่อรองโดยไม่มีใครเข้าช่วยเหลือ
- ทำไมแท็กซี่ส่วนบุคคล (สีเหลือง-แดง) ในจังหวัดเชียงราย จึงสามารถจดทะเบียนได้เป็นจำนวนหลายสิบคัน แต่จังหวัดเชียงใหม่ ไม่สามารถจดทะเบียนได้
- คำถามสุดท้าย ทำไมผู้มีอำนาจในจังหวัดเชียงใหม่ จึงไม่เข้าช่วยเหลือประชาชนผู้ประกอบอาชีพอย่างสุจริต
#มิตรสหายท่านหนึ่ง