หลายปีมานี่การนวดกะปู๋ดังขึ้นมาอย่างมากมาย มีหนุ่มๆ หลายคนไปเที่ยว รวมถึงสาวหน้าตาดีจำนวนมากไปทำงาน จนทำให้หลายคนสงสัยว่ามันคือการขายตัวหรือเปล่า หรือมันคืออะไรกันแน่
ที่มาจริงๆ ของการนวดอวัยวะเพศนั้น คือการนวดในเชิงการแพทย์ ซึ่งไม่ใช่การนวดให้กับผู้ชายเพื่อสำเร็จความใคร่ แต่กลับเป็นการนวดและกระตุ้นให้กับหญิงสาวที่มีอาการฮิสทีเรีย นายแพทย์รณรัฐ สุวิกะปกรณ์กุล ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าอาการฮิสทีเรีย ไม่ใช่อาการบ้าผู้ชายหรือขาดผู้ชายไม่ได้อย่างที่เราเข้าใจ อาการนี้เกิดขึ้นเฉพาะผู้หญิงและส่งผลให้เกิดอาการเครียด วิตกกังวล จนบางครั้งเกิดการเปลี่ยนของบุคลิกภาพไปเป็นอีกคน
โดยในสมัยนั้นเป็นยุคที่โรคนี้ระบาดมาก ทำให้มีคลินิกเปิดบริการรักษาโรคนี้จำนวนมาก งานของหมอก็คือใช้นิ้วมือกระตุ้นผู้ป่วยเพื่อให้เกิดอาการ hysteric paroxysm หรือที่สมัยนี้เรียกกันว่าจุดสุดยอด หรือ orgasm นั่นเอง
ในต่างประเทศนั้น การนวดกะปู๋เริ่มมาจาก การนวดเร้ากำหนัด (Erotic Massage) หรือการนวดเร้าความรู้สึก (Sensuous Massage) โดยจะเป็นการนวดเพื่อปลุกเร้าอารมณ์จนสำเร็จความใคร่ โดยจะนวดยังจุดที่ร่างกายเสียวได้ง่ายเช่น หน้าอก โคนขา ร่องก้น อัณฑะ หรือ กะปู๋ นั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการนวดระหว่างคู่รักมากกว่า โดยเป็นการโหมโรงก่อนที่จะเผด็จศึกกัน
ส่วนในไทยเราก็นำมาโยงกับเรื่องสุขภาพ คือการนวดกษัยในสมัยโบราณ ซึ่งเป็นการนวดแผนไทยชนิดหนึ่ง ทำการนวดบริเวณลูกอัณฑะและบริเวณโดยรอบ มีจุดประสงค์ทางการแพทย์เพื่อช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตในร่างกายดีขึ้น ไตทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงช่วยอาการปวดเอว ปวดหลัง รวมไปถึงช่วยเพิ่มฮอร์โมนและปริมาณน้ำอสุจิด้วย
ประมาณ 9-10 ปีที่แล้ว ได้มีร้านนวดกะปู๋เกิดขึ้นด้วยแนวคิดที่ว่าช่วยบำบัดอาการไม่แข็งตัวให้กับเพศชายที่นกเขาไม่ขัน ซึ่งพอเข้าไปในร้านจะมีเครื่องมือคล้ายๆ ปั๊มสุญญากาศสวมเข้าไปในอวัยวะเพศเพื่อช่วยให้มันแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม แต่หลังจากการบำบัดแล้ว พนักงานก็จะใช้มือช่วยให้เราถึงจุดสุดยอด โดยในสมัยนั้นพนักงานที่มาทำจะอายุเยอะหน่อยและหน้าตาค่อนข้างธรรมดา
แต่มีหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยทำหน้าที่เป็นพนักงานเกิดหัวดีคิดขึ้นมาได้ว่า จริงๆ ผู้ชายอาจจะไม่ได้ต้องการรักษา อาจจะต้องการผ่อนคลายแค่อย่างเดียว จึงนำทุนมาเปิดร้านของตน โดยคัดเลือกหญิงสาวที่หน้าตาค่อนข้างดี เข้ามาร่วมงาน จนทำให้เป็นที่ตื่นตาตื่นใจของชายนักเที่ยว
หลังจากนั้นพอคนเริ่มเห็นว่าธุรกิจนี้เติบโตได้ดีขึงแข่งขันกันเปิดเป็นจำนวนมาก พัฒนาหน้าตาของพนักงาน จนในสมัยนั้นมีการนำคำว่าพริตตี้มาใช้ โดยเรียกบริการของร้านว่าการนวดโดยพริตตี้ ซึ่งตอนหลังก็ยกเลิกไปเพราะถูกกลุ่มพริตตี้ประท้วงเพราะทำให้อาชีพตนเองถูกเข้าใจผิด
ในปัจจุบันร้านนวดกะปู๋มีให้เลือกใช้บริการมากมาย ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด เป็นที่นิยมไม่ต่างกันกับอาบอบนวด ใครนิยมเที่ยวไหน ก็สามารถเลือกไปเที่ยวในแบบที่ตนเองชอบได้อย่างสบาย