( ต่อจาก >>412 )
ความรุนแรงของเหล้าเถื่อนทวีมากขึ้น มาเฟียอเมริกันยิ่งสร้างสมอิทธิพลสูงขึ้นจนเหนือเจ้าหน้าที่รัฐ การรณรงค์เพื่อเลิกเหล้าของกลุ่มคริสเตียนคนดีและหวังจะให้ได้ผลดีโดยการบังคับ ได้นำไปสู่ปีศาจตัวที่ใหญ่กว่า โดยเฉพาะเจ้าพ่อมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค "อัล คาโปน" และแก๊งอาชญากรรมที่ถูกนำมาเล่าขานในภาพยนตร์มากมาย
อัล คาโปนสร้างตัวจากการก่อตั้งกลุ่มค้าเหล้าเถื่อนในชิคาโกด้วยวัยเพียง 20 ปี ก่อนจะสยายปีกเข้าครอบงำมาเฟียกลุ่มอื่น ใช้เงินจากอาชญากรรมหว่านโปรยแจกทานให้กับคนจนเพื่อเรียกคะแนนนิยมเป็นเกราะกำบัง อัลคาโปน สั่งให้ลูกสมุนก่อเหตุสังหารหมู่คู่อริทางการค้าที่หักหลังในวันวาเลนไทน์เลือดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองในปี 1929
เหล้าเถื่อนนำมาซึ่งสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ทั้งค้ากาม ค้าอาวุธ และความรุนแรงจนประชาชนเริ่มทนไม่ไหว นักการเมืองในสภาที่หน้าฉากสนับสนุนศีลธรรมการเลิกเหล้าหลายคนถูกเปิดโปงและแฉว่าเกี่ยวข้องกับการค้าเหล้าเถื่อนและอาชญากรรม กฎหมายที่หวังว่าจะนำมาซึ่งศีลธรรมและลดทอนความรุนแรงอาชญากรรมในสังคม กลับสร้างความรุนแรงยิ่งไปกว่าเดิม
เสียงสนับสนุนของกฎหมายนี้อ่อนลงตามลำดับพร้อมกับการตีความแนวคิดทางศาสนาเพื่อตอบโต้จากฝั่งคาทอลิกและลูเธอรัน จนกระทั่งเกิดสภาพเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในปี 1929 ภาษีและคลังของประเทศอยู่ในสภาพวิกฤต หลายคนเริ่มคิดถึงภาษีจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่จะมาถมท้องพระคลังที่ว่างเปล่า
อัล คาโปน ถูกจับด้วยคดีหนีภาษีในปี 1931 ก่อนที่จะถูกตั้งข้อหาให้เขาอีกยาวเป็นหางว่าว อัลคาโปนถูกคุมขังในเรือนจำความมั่นคงสูง ทั้งที่สถานกักกันอีสเทิร์นสเตตเพลนิเทนเชียรี่ในฟิลาเดลเฟียและบนเกาะอัลคาทราซ
แฟรงคลิน ดี รูสต์เวลท์ ชูนโยบาย "ยกเลิกการห้ามดื่มและขายเหล้า" เป็นนโยบายเรือธงหนึ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 1932 นอกเหนือจากนโยบายนิวดีลอันลือลั่น คะแนนเสียงที่ได้จากผู้สนับสนุนการยกเลิกกฎหมายนี้ช่วยให้รูสเวลท์ชนะเลือกตั้งอย่างขาดลอย และในปีถัดมา 1933 รูสเวลท์ก็ได้สนับสนุนใหเแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 ยกเลิกข้อแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ 18 ออกจากสารบบกฎหมายสหรัฐอเมริกาโดยสิ้นเชิง
จอห์น ดี ร็อกกีเฟลเลอร์ อภิมหาเศรษฐีใจบุญ ผู้สนับสนุนกฎหมายอดเหล้าในปี 1919 กล่าวด้วยความเสียใจในปี 1932 ว่า
"เมื่อแรกนั้น ข้าพเจ้าก็เห็นว่าการห้ามดื่มเหล้าเป็นเรื่องดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่าผิดอย่างมหันต์ เมื่อคนเริ่มทำผิดกฎหมายด้วยการดื่มเหล้าที่ถูกห้าม เขาก็จะไม่เคารพกฎหมาย และสังคมก็จะไม่เคารพกฎหมายที่ใหญ่กว่านั้น ผู้ทำลายกฎหมายก็จะมากขึ้น และอาชญากรรมก็ทวีขึ้นอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน"
เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กลับมาขายได้เป็นปกติ อาชญากรรมจากการค้าเหล้าเถื่อนก็ลดลง ตำรวจและผู้รักษาความยุติธรรมกลับมาบังคับใช้กฎหมายได้เต็มที่อีกครั้ง
ปิดฉากยุคแห่งศีลธรรมจอมปลอมและการอดเหล้าที่เน่าเหม็น ซึ่งเป็นผลการทดลองทางสังคมที่หลายชาติหลังจากนั้นนำมาคิดใคร่ครวญก่อนใช้ศีลธรรมทางศาสนาตัดสินใจสร้างนโยบายทางการเมืองมาอีกยาวนาน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง