พลวัตทางสังคมการเมืองของประเทศฝรั่งเศสนั้นมีมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ปลายเดือนมิถุนายน 2561 รัฐสภาของที่นั่นจุดประเด็นสำคัญสะเทือนไปทั่วโลกอีกครั้ง เมื่อมีมติให้ถอนคำว่า ‘เชื้อชาติ’ (race) ออกจากกฎหมายรัฐธรรมนูญ และเปลี่ยนมาใช้คำว่า ‘เพศภาวะ’ (gender) แทนที่คำเดิม
บนถ้อยสันนิษฐานของหลายฝ่ายว่า การเปลี่ยนแปลงคำศัพท์คำนี้คงเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหญ่ต่อการขจัดวิธีคิดเรื่องแบ่งแยกเชื้อชาติ พฤติกรรมดูถูกเหยียดหยาม รวมไปถึงการเลือกปฏิบัติที่ไม่เท่าเทียมในทุกกรณีของสังคมฝรั่งเศส การถอดคำว่า ‘เชื้อชาติ’ ออกจากรัฐธรรมนูญครั้งนี้ คือการพร้อมสดับเสียงเพื่อนมนุษย์ ผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยถูกประทับตราแล้วว่า ‘เป็นคนอื่น’
โดยรัฐสภาฝรั่งเศสเชื่อว่า การแบ่งแยกคนผิวขาว คนผิวดำ คนเอเชีย คนอาหรับ ไม่มีอยู่ในประเทศของพวกเขา เพราะแนวความคิดเรื่องเชื้อชาติในทวีปยุโรปนั้น ล้วนได้รับรับอิทธิพลมาจากแนวคิดของนาซีเยอรมันแทบทั้งสิ้น
เมื่อคำว่าเชื้อชาติกำลังถูกลบเลือนไป ย่อมทิ้งคำถามคาใจมากมายเป็นแน่ ข้ามจากประเทศที่รุ่มรวยทางศิลปะและเป็นต้นกำเนิดขนมปังบาแก็ต มายังอีกฟากฝั่งหนึ่งของโลก ประเทศที่ผู้นำชอบบ่นว่าตนทำงานหนัก และผู้คนนิยมถามกันเองว่า “คนไทยหรือเปล่า” แนวคิดทำนองนี้ยังเต็มไปด้วยความดุดัน เข้มข้น คนจำนวนไม่น้อยรู้สึกหวาดหวั่น ระคนกริ่งเกรง ข้อถกเถียงแบบนี้ถูกวางลงบนโต๊ะเมื่อใด วงแตกเมื่อนั้น
#มิตรสหายท่านหนึ่ง