(ต่อจาก >>116 )
ในรัชสมัยจักรพรรดิหมิงเสียนจงเฉิงฮว่า อำนาจของค่ายตงฉ่างในเงื้อมมือขันทีก็หยั่งรากลึกยากจะคลอน แม้เป็นฮ่องเต้ก็สั่งการได้ไม่ทั่วถึง องครักษ์เสื้อแพรอยู่ในมือวั่นทง พี่ชายของวั่นกุ้ยเฟยชายาองค์โปรด จักรพรรดิเฉิงฮว่าได้แต่งตั้งหน่วยงานใหม่ คือ ค่ายตะวันตก 西廠 (ซีฉ่าง) มาคานอำนาจกับค่ายตะวันออกและองครักษ์เเสื้อแพรอีกต่อหนึ่ง โดยให้ขันทีคู่พระทัยที่สนิทสนมมาตั้งแต่ครั้งยังมิได้เป็นฮ่องเต้ อย่างวังจื๋อ เป็นผู้บัญชาการ
อนิจจา ค่ายซีฉ่างก็ไม่ได้ทำตัวแตกต่างจากค่ายตงฉ่าง ล้วนแล้วแต่ประพฤติตนเอาใจผู้มีอำนาจในราชสำนักทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน มิได้แยแสสนใจความเดือดร้อนราษฎร รับสินบนปิดปากคดีน้อยใหญ่ไม่ถึงพระเนตรพระกรรณ จนในท้ายที่สุดก็ถูกยุบไปครั้งหนึ่ง
รัชศกหงจื่อหมิงเสี้ยวจง การยุบค่ายซีฉ่างและลดอำนาจค่ายตงฉ่าง จำกัดการกระทำขององครักษ์เสื้อแพร ให้อำนาจหน่วยงานสามเสนาหกกรมทำงานเต็มที่ไม่ละเว้นเห็นแก่หน้าผู้ใด ทำให้ประชาราษฎรมีความสุขความเจริญเฟื่องฟู และยิ่งเมื่อพระองค์มีจางฮองเฮาเป็นพระมเหสีเพียงองค์เดียว ทำให้ไม่ต้องไว้หน้าอวยยศให้แก่พระญาติฝ่ายใน เสนาอำมาตย์จึงทำงานได้เต็มที่ นับเป็นยุครุ่งเรืองครั้งสุดท้ายของต้าหมิง
ในรัชศกเจิ้งเต๋อ หมิงอู่จงฮ่องเต้ ไทเฮาฮองเฮาและสนมต่างพาญาติของตัวเองมาเสนอให้เป็นขุนนางในราชสำนัก การบริหารงานแผ่นดินกลับมาเหลวแหลก เสนาผู้ใหญ่ทัดทานไม่เกิดประโยชน์ นอกจากจะเกิดการฟื้นอำนาจของค่ายตงฉ่าง ตั้งซีฉ่างกลับมาใหม่ เจิ้งเต๋อฮ่องเต้ยังจัดตั้งค่ายภายใน 内廠 (เน่ยฉ่าง) เพื่อกำกับตรวจสอบฝ่ายตรวจสอบอีกทอดหนึ่งเข้าไปอีก
ความเหลวแหลกเลอะเทอะของการตรวจสอบหลายลำดับชั้นฝ่ายหนึ่งก็จ้องจับผิดอีกฝ่ายหนึ่งนี้เอง ทำให้ขุนนางอำมาตย์ไม่เป็นอันทำราชการช่วยราษฎร เพราะกลัวจะถูกจับผิดฟ้องร้อง ทางที่ดีขูดรีดราษฎรเอาเงินส่งส่วยผู้บัญชาการค่ายตรวจสอบเหล่านี้ไม่ให้มีเรื่องกับตนเอง แล้วอยู่อย่างฟุ้งเฟ้อสบายไปวันๆ ย่อมดีกว่า
ระบบราชการของต้าหมิงจึงเสื่อมลงเป็นลำดับ รัชศกเทียนฉีขันทีโฉดเว่ยจงเสียนแห่งค่ายตงฉ่างครองอำนาจ ราษฎรอดอยากแร้นแค้นถูกรีดนาทาเร้น เอาใจออกห่างราชวงศ์หมิงแซ่จู เมื่อหลี่จื้อเฉิงชูธงกบฎก็พากันเข้าร่วมหมดสิ้น แผ่นดินหมิงก็ล่มสลายเปิดโอกาสให้เผ่าแมนจูชิงอำนาจครองจงหยวนเมื่ออู๋ซานกุ้ยเปิดด่าน เหมือนผลไม้ที่สุกงอมจนเน่าร่วงลงจากต้น จักรพรรดิฉงเจิ้นแขวนพระศอต่ายในวังต้องห้าม สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินแต่นั้นเอง
การแก้ไขปรับปรุงทำงานของหน่วยงานสืบสวนสอบสวนให้ความเป็นธรรมแก่ราษฎร จึงมิใช่การตั้งหน่วยงานมาซ้อนทับเพิ่มขึ้นเป็นหน่วยงานอิสระหลายลำดับไปเรื่อยๆ เพราะยิ่งหน่วยงานมาก มีผู้บังคับบัญชามาก ก็มีเขตอำนาจซ้อนทับกันมาก แต่ละคนแข่งดีชิงตำแหน่งอำนาจเป็นใหญ่ แล้วใครจะสนใจความเดือดร้อนที่แท้จริงของผู้มาร้องทุกข์?
ปัญหาที่ควรแก้คือสภาพความเป็นอยู่ของพนักงานสอบสวน รายได้ที่ต้องมากพอที่จะดำรงศักดิ์ศรี ภาระงานที่เกลี่ยกระจาย ใช้คนที่ทำงานเป็น ให้เครื่องมือที่เพียงพอ และไม่ก้าวก่ายการทำงานของเจ้าหน้าที่ ผู้ใหญ่ไม่ใช้อำนาจบีบปิดบังหรือเร่งคดีตามอำเภอใจ ลงโทษคนทุจริตให้รางวัลคนสุจริตชัดเจน ความยุติธรรมจึงเป็นความยุติธรรมโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณตั้งหน่วยงานใหม่ให้เกิดปัญหาซ้อนอีกหลายหน
แก้ปัญหาย่อมต้องแก้ที่ต้นรากใหญ่ ถ้าไม่แก้ต้นรากความอยุติธรรมของผู้ใหญ่ ตั้งหน่วยงานมากเท่าไรก็ยิ่งเร่งความล่มสลายของแผ่นดิน ไม่ต่างจากต้าหมิงอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน
ไม่เชื่อก็ลองไปดูการทำงานขององค์กรอิสระเปลืองงบมหาศาลตั้งแต่ รธน. 40 ดู ว่าทำงานคุ้มค่าสักหน่วยงานหรือยัง?
#มิตรสหายท่านหนึ่ง