( ต่อจาก >>844 )
ปัญหาของการล้อเลียนในสังคมไทย
คือไอ้ฝ่ายล้อก็คิดว่า
"ไม่เป็นไรหรอก"
"นิดเดียวเอง"
ส่วนฝ่ายโดนล้อก็พูดอะไรไม่ค่อยได้
เพราะก็จะกลัวหาว่าเล่นด้วยไม่ได้
คิดมาก ก้าวร้าว
ยิ่งถ้าคนที่ล้อเป็นผู้ใหญ่กว่ายิ่งหนักเข้าไปใหญ่
อันที่จริงไม่ใช่ว่าจะล้อเลียนกันไม่ได้เสียทีเดียว
การล้อเลียน การแซว การหยอก การแกล้ง
มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ชิดกัน
และสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นบางทีมันมีเส้นอะไรบาง ๆ กั้นอยู่
เหมือนการตบหัว เป็นได้ทั้งการเล่น การหยอก หรือการทำร้ายข่มขู่
หรือการเรียกกันว่าอีเหี้ย อีสัตว์ ไอ้ห่า
เป็นได้ทั้งการด่า หรือการเรียกเพื่อนที่สนิทกัน
มันขึ้นอยู่กับบริบท อารมณ์ สถานการณ์ เจตนา
สถานะความสัมพันธ์ระหว่างคนทำและคนโดนกระทำ
ที่จะทำให้คนที่โดนกระทำจะตีความว่าสิ่งที่โดนนั้นทำให้รู้สึกสนุกสนาน หรือรู้สึกไม่พึงพอใจ
คนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น
หรือไม่เคยมองประเด็นนี้ก็จะไม่สนใจว่าบางครั้งคำพูดหรือการกระทำของตนนั้นอาจจะทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่ตั้งใจ
เพราะคำพูด การกระทำมันออกจากปากตัวเองไปก็เหมือนเทน้ำทิ้งไป
เทไปก็จบ ไม่ได้สนใจอะไร
"แค่นี้เอง ไม่เห็นเป็นไรเลย"
แต่คนโดนกระทำนี่สิ โดนน้ำคำต่าง ๆ จากคนนั้นคนนี้เทใส่เหยือกใบเดิมทุก ๆ วัน
ในมุมมองคนพูดก็จะเห็นว่าฉันก็เทน้ำแค่แก้วเดียวเอง
แต่ไม่ได้มองในมุมคนที่โดนกระทำ
ว่าเหยือกที่เขาถือนั้นมีคนอื่นมาเทน้ำใส่ไปแล้วกี่คน
น้ำแก้วเดียวจากคุณ
แต่มันผสมกับน้ำแก้วอื่นจากคนอื่นอีกไม่รู้กี่คนต่อกี่คนอีก
ไม่นานความอดทนก็คงจะล้นปรี่ ถึงขีดจำกัด
บางคนอาจจะบอกว่าอย่าเก็บมาใส่ใจสิ
อย่ารับน้ำเหล่านั้นไว้ เททิ้งไป
แต่อย่าลืมว่าบางครั้งถึงเททิ้ง
แต่มันก็ยังเหลือร่องรอย
บางทีเปียกรดเลอะโดนตัวทิ้งรอยไว้
จะไม่ให้เก็บมาใส่ใจมันเลยมันคงเป็นไปไม่ได้
และกว่าที่จะเติบโตจนจิตใจเข้มแข็งไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นมาได้
ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกเท่าไหร่
ซ้ำร้ายบางคนก็เหลือรอยแผลไว้อีก
ฉันเองก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ที่เคยเป็นทั้งผู้กระทำด้วยความสนุกคึกคะนองตอนเด็ก
และผู้โดนกระทำ
ฉันมีปมในใจมาตั้งแต่เด็กเรื่องหน้าตา
เพราะทุกคนชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพี่ชายที่หน้าตาดีกว่า
ว่าฉันหน้าตาน่าเกลียดบ้าง เป็นเด็กที่โดนเก็บมาเลี้ยงบ้าง
พอเริ่มเข้าวัยรุ่น ทุกคนก็ชอบพูดถึงพี่ชายฉันว่าหน้าตาหล่อ
และไม่พ้นที่จะวกมาเปรียบเทียบกับฉันที่ทั้งอ้วน ทั้งดำ
และหน้าตาไม่ดีเท่า
มันทำให้ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่มั่นใจในตัวเอง
ฉันคิดว่าฉันไม่โดดเด่น ไม่มีใครชอบฉัน
เพราะฉันหน้าตาน่าเกลียด
ทุกคนรักพี่ชายฉันมากกว่า ทุกคนชอบพี่ชายฉันมากกว่า
ฉันต้องสร้างบุคลิกฉันขึ้นมาใหม่
ทำตัวเองเป็นคนใหม่ เพื่อให้ฉันได้เป็นคนอย่างที่ฉันอยากเป็น
ไม่ใช่โดนปมจากคำพูดจากคนใกล้ตัวมาเป็นเปลือกคอยหุ้มฉันไว้ไม่ให้กล้าที่จะทำอะไรเพื่อตัวฉันเอง
ถึงแรงขับดันจากการโดนล้อในวัยเด็กมันจะกลับกลายมาส่งผลดี
แต่ใช่ว่าฉันจะไม่ทรมานหรือทุกข์ใจจากการโดนล้อเลียนโดยคนใกล้ตัวเลย
ฉันเชื่อว่าแทบทุกคนที่ล้อฉันไม่มีใครจำได้
ฉันเคยยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดตอนโต
แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือคำพูดที่ว่า
ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอก เก็บเอามาคิดทำไม
ฉันก็อยากถามกลับเหมือนกันว่าถ้าไม่คิดแล้วพูดกันทำไม
รู้กันบ้างมั้ยว่าคำพูดจากคำที่บอกว่าไม่ได้คิดจริง
หนำซ้ำคนพูดหลายคนยังจำแทบไม่ได้
แต่ฉันนี่ล่ะ จำมันได้ และเจ็บกับคำเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ
จากวันนั้นถึงวันนี้ฉันคิดว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
บางทีนึกย้อนไปก็คิดว่าถ้าไม่เจอสิ่งเหล่านั้นเลย
ฉันอาจจะมีภูมิต้านทานทางจิตใจน้อยกว่านี้ก็เป็นได้
ก็ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ก็ต้องมองหาข้อดีของมันสิ
จะมาตีโพยตีพายทำไม
และที่สำคัญปมเรื่องหน้าตามันทำอะไรฉันไม่ได้แล้วในวันนี้
ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันหล่อขึ้นหรืออะไรหรอกนะ
แต่เพราะฉันน่ะรู้ตัวแล้ว
ว่าถึงฉันจะไม่ได้หล่อ
แต่ฉันก็แซบมาก
จริง ๆ นะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง