Last posted
Total of 1000 posts
>>834 นิยามของปกติก็คือ ธรรมชาติสร้างมาแบบนี้
ธรรมชาติสร้างให้คนเราชอบกินแป้ง เพราะในนั้นมีคาร์โบไฮเดรตให้พลังงาน ทำให้อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ธรรมชาติสร้างให้คนรับรู้ว่า เนื้อมันอร่อย เพราะน้ำย่อยคนมันย่อยสารอาหารในนั้นได้ กินแล้วได้สารอาหารครบ
มึงให้วัวมากินเนื้อ มันก็ไม่ชอบ ธรรมชาติสร้างมาให้มันกินหญ้า สร้างน้ำย่อยมาให้มันย่อยหญ้าได้ ที่คนไม่กินหญ้า นี่ก็ธรรมชาติ สร้างมาให้รับรู้ว่าหญ้าไม่อร่อย มันเลยไม่มีคนกิน
ฝั่งวีแกนไม่ปกติ เพราะว่ามันฝืนธรรมชาติ
เวลาผมเห็นร้านรถเข็นกำลังย่างไก่ย่างหมู ผมนี่รู้สึกอยากกินจนน้ำลายไหลตลอดเลยอะครับๆ อยากทราบว่าพวกวีแกนนี่น้ำลายไหลเวลาเห็นคนตัดหญ้าเหมือนกันรึเปล่าครับ
ตอนอิมเมจด่ารถเมล์: ไอคนชังชาติ
ปัจจุบัน btsเสียคนด่ากันเพียบไอสัสกูขำ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เรื่องพฤติกรรมเซ็กส์ส่วนตัวผมว่าไม่ค่อยเกี่ยวกับความเป็นลิเบอรัลนะ ลิเบอรัลแค่ใจกว้างกับพฤติกรรมเซ็กส์ที่แตกต่างจากรสนิยมตัวเองได้ เช่น ไม่ประนามคนชอบสวิ้งกิ้ง วันไนท์สแตนด์ เซ็กส์คนเพศเดียวกัน แต่พฤติกรรมส่วนตัวของตัวเองเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เท่าที่รู้จัก หลายๆ คนก็มีความต้องการทางเพศระดับปกตินะ ไม่หวือหวา
เจอมาหลายคน อย่างพวกอวตารโอตาคุ ติดหนังโป๊ พูดจาลามก หัวคิดการเมืองไปทางซ้ายเรื่องภาคแรงงาน บางคนยังไม่เคยมีเซ็กส์จริงๆ ก็มี หรือนานๆ ทีกำเงินไปลงอ่างด้วยความหวังว่าจะคลายเครียด พูดตรงๆ หลายคนรายได้ไม่พอสำหรับจะสร้างชีวิตคู่หรือจะกล้าจีบสาวเลย
ถ้าจะอิงว่าซ้ายเอาเก่ง ผมว่าในไทย คอนเซอร์ยังมีสิทธิ์มากกว่าอีก เพราะอีลีทพวกนี้มีทรัพยากรพรั่งพร้อมกระจุกอยู่ที่ตัวเองล้นหลาม เช่น พวกหลายเมียนี่แหละ มีมาตั้งแต่โบราณแล้ว หรือบุตรหลานสลิ่มเรียนมหาลัยมีรถเก๋งส่วนตัวคอนโดส่วนตัวที่พ่อแม่ซื้อให้เป็นสมบัติ ส่งเงินให้ใช้คล่องมือ พวกนี้มีศักยภาพในการจีบคนมาหลับนอนเปลี่ยนคู่บ่อยๆ ได้ง่ายกว่าลูกตาสีตาสาเยอะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าไม่เข้าใจความหมายของคำว่า KY ในภาษาญี่ปุ่น ให้ดูสิ่งที่นายตำรวจหญ่ายท่านหนึ่งทำเมื่อ 2 วันก่อน นั่นล่ะครับ KY ของแท้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สิทธิลาคลอด 90 วันที่เราพนักงานกินเงินเดือนเอ็นจอยกันทุกวันนี้ เกิดจากกลุ่มคนดื้อประเภทนี้นี่แหละ กลุ่มคนดื้อที่เราบางคนอาจเคยแปะป้ายเขาว่า "หัวรุนแรง" บ้าง "วันๆ เอาแต่ประท้วงไม่ทำมาหากินอะไร" บ้าง "รับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหว" บ้าง แต่สิทธิที่เขาเรียกร้อง ไม่ได้เรียกร้องให้เฉพาะกับตัวพวกเขาเอง สุดท้ายมันก็เป็นสิทธิที่ทุกคนได้รับโดยเท่าเทียมกัน ขบวนการแรงงานคือขบวนการเพื่อเราทุกคนนี่แหละ เพราะเราทุกคนคือแรงงาน
----
จาก The101.world :
อะไรบ่มเพาะให้เขาลิขิตชีวิตตัวเองแบบนี้ พูดแบบรวบรัด เขาบอกว่าพลังทางการเมืองยุค 14 ตุลาฯ ถึง 6 ตุลาฯ ได้เปลี่ยนเด็กชายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ไปตลอดกาล จากที่เคยเป็นนักเรียนลูกแม่รำเพย วิ่งเล่นในรั้วโรงเรียนเทพศิรินทร์ เขาเริ่มออกไปสัมผัสชีวิตบนท้องถนนของผู้คน จนกระทั่งเข้าสู่วัยนักศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยรามคำแหง ประตูบานใหญ่ของโลกกิจกรรมทางสังคมก็เปิดรับให้เขาเดินเข้าไป
เมื่อเดินไปสู่โลกใบใหม่ แปลว่าต้องเดินออกจากโลกใบเก่า เขาเลือกหันหลังให้ที่บ้านที่กำลังทำธุรกิจ และหันหน้าเดินเข้าโรงงานในฐานะผู้ใช้แรงงาน
“สมัยก่อนโรงงานอุตสาหกรรมมันไม่มีระบบอะไร คุณอยากทำงานก็เข้าไปทำ โรงงานแถวอ้อมน้อย แถวสมุทรปราการ ก็ยังเป็นโรงงานสังกะสี จะออกจะเข้าเมื่อไหร่ก็ได้ ผมจำได้ว่าผมได้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 20 บาท อีกที่เป็นโรงงานน้ำตาลอยู่ที่กาญจนบุรี มีเด็กรามฯไปทำงานกันเยอะ ผมก็ตามเขาไป เพราะการออกมาจากบ้านแปลว่าผมต้องหาเงินส่งตัวเองเรียน”
การเข้าไปอยู่ในโรงงาน ทำให้สมยศซึมซับชีวิตและจิตใจแรงงานไปโดยปริยาย ขณะนั้นเขาพอมีทักษะการเขียนหนังสือบ้าง จึงใช้ทักษะที่มีเขียนรายงานสภาพปัญหาแรงงานที่ได้สัมผัสกระจายกันอ่านในหมู่นักกิจกรรม จนเกิดการผลักดันเรียกร้องค่าจ้างขั้นต่ำ ผลักดันกฎหมายประกันสังคม กฎหมายลาคลอด เป็นต้น
“อย่างน้องไท ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข (ลูกชาย) ตอนที่เขาเกิดมาได้เดือนแรก เป็นช่วงรัฐประหารโดย รสช. ใหม่ๆ ผมก็อุ้มไปเรียกร้องที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ต้องการให้ผู้หญิงสามารถลาคลอดได้ 90 วัน เพราะสมัยนั้นแฟนทำงานเป็นพยาบาล ลาคลอดได้แค่ 30 วัน หลังจากนั้นผมก็ต้องเลี้ยงเอง แล้วทำงานไปด้วย มันเหนื่อยมาก พอการเรียกร้องเกิดขึ้น มีองค์กรเอ็นจีโอต่างๆ มาร่วมกันกดดันรัฐบาล มันก็นำไปสู่การแก้กฎหมาย แต่สมัยนี้ 90 วันอาจจะไม่พอแล้ว”
ที่ทำงานเก่ามีน้องคนหนึ่งซึ่งค่อนข้างจะเจ้าเนื้อตุ้ยนุ้ย
ด้วยความที่รูปร่างอ้วนกลม และเป็นคนยิ้มแย้ม
จึงกลายเป็นที่รักใคร่ของพวกพี่ ๆ ในห้อง
และมักจะโดนพี่ ๆ แซว หยอกเรื่องอ้วนตลอด
เวลากินข้าวด้วยกันทีไรแทบทุกคนก็จะแซวเรื่องกินประจำ
"กี่จานแล้วล่ะ"
"โห กินเยอะอย่างนี้นี่เอง"
"โห เติมอีกแล้ว"
"กินอีกแล้ว"
นู่นนั่นนี่มากมาย
ซึ่งที่ทำงานมีอาหารเที่ยงเลี้ยงทุกวัน
ก็แปลว่าก็ต้องเจออย่างนี้ทุกวัน
ยกเว้นว่าวันไหนน้องจะออกไปกินข้าวข้างนอก
แต่ถึงไม่โดนแซวตอนกินข้าวก็โดนแซวตอนอื่นอยู่ดี
น้องเขาเป็นคนน่ารัก นิสัยเฮฮาสนุกสนาน
พอโดนแซวก็ตลกกันไป
แต่พอเจออย่างนี้ทุกวัน จากหลาย ๆ คน
ฉันก็คิดว่ามันเริ่มไม่ตลก น่ารำคาญ
คือจะกินอะไร จะตักอะไรก็โดนแซวโดนล้อตลอด
นี่ขนาดฉันไม่ใช่คนที่โดนฉันยังรู้สึกรำคาญแทน
และเริ่มสังเกตได้ว่าน้องเขาเองก็เริ่มหน้าตึง ๆ
ไม่เฮฮาเหมือนเก่าเวลาโดนแซวเรื่องนี้เวลากินข้าว
ฉันพยายามปรามพี่ ๆ ว่าพอแล้ว อย่าเลย
แต่สิ่งที่พี่ ๆ เขาตอบคือ
"ไม่เป็นไรหรอกกกกก"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย"
"ไม่เป็นไรได้ไงพี่ ก็พี่ไม่ใช่ฝ่ายโดนล้อนี่"
ฉันถามกลับ
พี่ ๆ เขาก็มองหน้ากันแล้วก็ไม่ตอบอะไร กินข้าวต่อ
แล้วก็ยังคงล้อน้องเขาอย่างเดิมทุก ๆ วัน
จนวันนั้นก็มาถึง
วันที่น้องเขาอึดอัดจนทนไม่ไหว
โพล่งอาการไม่พอใจออกมาหลังจากที่โดนรุมล้อเรื่องกิน เรื่องความอ้วน
ถึงไม่ได้ก้าวร้าวหรือรุนแรงอะไรแต่ทุกคนก็ตกใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น
แทนที่จะรู้สึก หรือสำนึกได้ว่าเล่นกันเลยเถิดมากเกินไป
กลับเป็นเสียงซุบซิบกัน
"ต่อไปคงไม่กล้าเล่นอะไรด้วยแล้ว"
"ไม่น่าเชื่อเลยว่าเขาจะเป็นคนอย่างนั้น"
........
(ต่อเม้นล่าง)
( ต่อจาก >>844 )
ปัญหาของการล้อเลียนในสังคมไทย
คือไอ้ฝ่ายล้อก็คิดว่า
"ไม่เป็นไรหรอก"
"นิดเดียวเอง"
ส่วนฝ่ายโดนล้อก็พูดอะไรไม่ค่อยได้
เพราะก็จะกลัวหาว่าเล่นด้วยไม่ได้
คิดมาก ก้าวร้าว
ยิ่งถ้าคนที่ล้อเป็นผู้ใหญ่กว่ายิ่งหนักเข้าไปใหญ่
อันที่จริงไม่ใช่ว่าจะล้อเลียนกันไม่ได้เสียทีเดียว
การล้อเลียน การแซว การหยอก การแกล้ง
มันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนใกล้ชิดกัน
และสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นบางทีมันมีเส้นอะไรบาง ๆ กั้นอยู่
เหมือนการตบหัว เป็นได้ทั้งการเล่น การหยอก หรือการทำร้ายข่มขู่
หรือการเรียกกันว่าอีเหี้ย อีสัตว์ ไอ้ห่า
เป็นได้ทั้งการด่า หรือการเรียกเพื่อนที่สนิทกัน
มันขึ้นอยู่กับบริบท อารมณ์ สถานการณ์ เจตนา
สถานะความสัมพันธ์ระหว่างคนทำและคนโดนกระทำ
ที่จะทำให้คนที่โดนกระทำจะตีความว่าสิ่งที่โดนนั้นทำให้รู้สึกสนุกสนาน หรือรู้สึกไม่พึงพอใจ
คนที่ไม่มีความเห็นอกเห็นใจคนอื่น
หรือไม่เคยมองประเด็นนี้ก็จะไม่สนใจว่าบางครั้งคำพูดหรือการกระทำของตนนั้นอาจจะทำร้ายคนอื่นได้โดยไม่ตั้งใจ
เพราะคำพูด การกระทำมันออกจากปากตัวเองไปก็เหมือนเทน้ำทิ้งไป
เทไปก็จบ ไม่ได้สนใจอะไร
"แค่นี้เอง ไม่เห็นเป็นไรเลย"
แต่คนโดนกระทำนี่สิ โดนน้ำคำต่าง ๆ จากคนนั้นคนนี้เทใส่เหยือกใบเดิมทุก ๆ วัน
ในมุมมองคนพูดก็จะเห็นว่าฉันก็เทน้ำแค่แก้วเดียวเอง
แต่ไม่ได้มองในมุมคนที่โดนกระทำ
ว่าเหยือกที่เขาถือนั้นมีคนอื่นมาเทน้ำใส่ไปแล้วกี่คน
น้ำแก้วเดียวจากคุณ
แต่มันผสมกับน้ำแก้วอื่นจากคนอื่นอีกไม่รู้กี่คนต่อกี่คนอีก
ไม่นานความอดทนก็คงจะล้นปรี่ ถึงขีดจำกัด
บางคนอาจจะบอกว่าอย่าเก็บมาใส่ใจสิ
อย่ารับน้ำเหล่านั้นไว้ เททิ้งไป
แต่อย่าลืมว่าบางครั้งถึงเททิ้ง
แต่มันก็ยังเหลือร่องรอย
บางทีเปียกรดเลอะโดนตัวทิ้งรอยไว้
จะไม่ให้เก็บมาใส่ใจมันเลยมันคงเป็นไปไม่ได้
และกว่าที่จะเติบโตจนจิตใจเข้มแข็งไม่ใส่ใจสิ่งเหล่านั้นมาได้
ต้องเจอเรื่องแบบนี้อีกเท่าไหร่
ซ้ำร้ายบางคนก็เหลือรอยแผลไว้อีก
ฉันเองก็ไม่ต่างจากคนส่วนใหญ่ที่เคยเป็นทั้งผู้กระทำด้วยความสนุกคึกคะนองตอนเด็ก
และผู้โดนกระทำ
ฉันมีปมในใจมาตั้งแต่เด็กเรื่องหน้าตา
เพราะทุกคนชอบเอาฉันไปเปรียบเทียบกับพี่ชายที่หน้าตาดีกว่า
ว่าฉันหน้าตาน่าเกลียดบ้าง เป็นเด็กที่โดนเก็บมาเลี้ยงบ้าง
พอเริ่มเข้าวัยรุ่น ทุกคนก็ชอบพูดถึงพี่ชายฉันว่าหน้าตาหล่อ
และไม่พ้นที่จะวกมาเปรียบเทียบกับฉันที่ทั้งอ้วน ทั้งดำ
และหน้าตาไม่ดีเท่า
มันทำให้ตอนเด็ก ๆ ฉันไม่มั่นใจในตัวเอง
ฉันคิดว่าฉันไม่โดดเด่น ไม่มีใครชอบฉัน
เพราะฉันหน้าตาน่าเกลียด
ทุกคนรักพี่ชายฉันมากกว่า ทุกคนชอบพี่ชายฉันมากกว่า
ฉันต้องสร้างบุคลิกฉันขึ้นมาใหม่
ทำตัวเองเป็นคนใหม่ เพื่อให้ฉันได้เป็นคนอย่างที่ฉันอยากเป็น
ไม่ใช่โดนปมจากคำพูดจากคนใกล้ตัวมาเป็นเปลือกคอยหุ้มฉันไว้ไม่ให้กล้าที่จะทำอะไรเพื่อตัวฉันเอง
ถึงแรงขับดันจากการโดนล้อในวัยเด็กมันจะกลับกลายมาส่งผลดี
แต่ใช่ว่าฉันจะไม่ทรมานหรือทุกข์ใจจากการโดนล้อเลียนโดยคนใกล้ตัวเลย
ฉันเชื่อว่าแทบทุกคนที่ล้อฉันไม่มีใครจำได้
ฉันเคยยกประเด็นนี้ขึ้นมาพูดตอนโต
แต่สิ่งที่ฉันได้รับคือคำพูดที่ว่า
ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอก เก็บเอามาคิดทำไม
ฉันก็อยากถามกลับเหมือนกันว่าถ้าไม่คิดแล้วพูดกันทำไม
รู้กันบ้างมั้ยว่าคำพูดจากคำที่บอกว่าไม่ได้คิดจริง
หนำซ้ำคนพูดหลายคนยังจำแทบไม่ได้
แต่ฉันนี่ล่ะ จำมันได้ และเจ็บกับคำเหล่านั้นมาตั้งแต่เด็ก ๆ
จากวันนั้นถึงวันนี้ฉันคิดว่าฉันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก
บางทีนึกย้อนไปก็คิดว่าถ้าไม่เจอสิ่งเหล่านั้นเลย
ฉันอาจจะมีภูมิต้านทานทางจิตใจน้อยกว่านี้ก็เป็นได้
ก็ในเมื่อมันเกิดขึ้นมาแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
ก็ต้องมองหาข้อดีของมันสิ
จะมาตีโพยตีพายทำไม
และที่สำคัญปมเรื่องหน้าตามันทำอะไรฉันไม่ได้แล้วในวันนี้
ไม่ใช่ว่าวันนี้ฉันหล่อขึ้นหรืออะไรหรอกนะ
แต่เพราะฉันน่ะรู้ตัวแล้ว
ว่าถึงฉันจะไม่ได้หล่อ
แต่ฉันก็แซบมาก
จริง ๆ นะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ไม่ต้องกลัวว่าไม่มีส่วนร่วมหรอกครับ
งบที่ใช้ช่วยอยู่ก่ภาษีพวกเราทั้งนั้น”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง กล่าวถึงเรื่องช่วยหมูป่าในถ้ำ
กูอะดีใจนะที่เจอเด็กอะ ความพยายามของทีมงานแม่งคือสุดยอด คำว่าพยายามไม่เคยทำร้ายสักคนที่ตั้งใจ แต่ท่ามกลางความดีใจอ่ะ มันเห็นความเฟะของสังคมที่ยังดำเนินต่อไป และการพบเจอเด็กในวันนี้แม่งไม่ใช่จุดจบของมหกรรมเอาหน้า แต่มันเป็นจุดพลิกอีกขั้นต่างหาก คอยดูเหอะหลังจากออกจากถ้ำ แม่งจะมีอะไรเพี้ยนๆ เกิดขึ้นอีกเยอะตามหน้าสื่อของประเทศนี้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
“ภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบัลดาลใจจากเหตุการณ์ประทับใจ 13 หมูป่าติดถ้ำ กำกับโดย
พจน์ อานนท์: ทีมวอลเลย์บอลกระเทยสิบสองคนพร้อมโค้ชเกาหลีสุดหล่อพากันมาฝึกสุกพิสดารที่ถ้ำลึก เหตุการณ์ไม่คาดฝันพลันบังเกิดก่อเกิดเรื่องราวสุดประทับใจ
เป็นเอก รัตนเรือง: ทีมฟุตบอลสิบสองชีวิตพร้อมด้วยโค้ชสาวสวยพากันมาเก็บตัวที่ป่าลึก จู่ๆทั้งสิบสามคนก็หายตัวปริศนาพร้อมรอยเลือดที่ปากถ้ำ กลิ่นฆาตรกรรมลึกลับคละคลุ้ง เหตุการณ์ซับซ้อนหักมุมไม่คาดฝัน ก่อเกิดเรื่องตลกร้ายชวนหัว
ฉลอง ภักดีวิจิตร : ทีมฟุตบอลจากประเทศเพื่อนบ้านมาเก็บตัวที่ป่าใหญ่ชายแดนประเทศไทย ที่จริงแล้วโค้ชเป็นนักโบราณคดีปลอมตัวมาหาสมบัติล้ำค่าของอาณาจักรลับแลในถ้ำหลวง จู่ๆเหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น! สิบสามชีวิตหายตัวปริศนาทิ้งเพียงกองไฟและไก่ย่างที่ปากถ้ำ หน่วยกู้ภัยพร้อมระเบิดซีโฟสิบสามตันจากทั่วโลกร่วมใจกันระเบิดถ้ำให้ราบเป็นหน้ากลอง
พี่เจ้ย อภิชาติพงษ์ : ลองเทคฉายความมืดเก้าวันเต็ม”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>848 ให้กูลองลิสต์รายการเล่นๆเอามะ
- ติ่งครูบายกให้เครดิตให้ครูบา สาธุ99 รัวๆ (เกิดขึ้นแล้ว)
- เดี๋ยวพอลำเลียงเด็กออกมาได้ ก็จะมีฝูงนักข่าวสันดานอีแร้งมารุมทึ้ง โดยเฉพาะในโรงบาลนี่ เตรียมตัวบอกลาความสงบสุขได้เลย
- พอร่างกายเด็กเริ่มฟื้นตัว ก็อาจจะมีสารพัดรายการเชิญไปออกทีวี เรียกเรตติ้ง
- กระแสสังคมที่กำลังตื่นเต้นกับฉากจบแฮ็ปปี้ ก็จะพากันเฮโลยกย่องเด็กราวกับฮีโร่ ทั้งๆที่มันไม่ใช่ พวกนี้มันแค่ติดถ้ำ (นี่กูก็เริ่มเห็นบ้างละ)
- จากข้อข้างบน มันก็จะมีพวกผู้ใหญ่ในวงการต่างๆ มาเสนอประเคนรางวัลใหญ่ๆให้ถึงที่ ทั้งๆที่เด็กพวกนี้ยังไม่ได้มีผลงานอะไรทีี่คู่ควรกับรางวัลนั้นเลย ที่จริงถ้าอยากจะให้รางวัลก็ควรจะให้พวกจนท.หน้างานมากกว่า (เกิดขึ้นแล้ว)
- จากข้อข้างบนอีก ถ้ามองในแง่ร้ายสุดๆ ต่อไปอาจจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเพราะอยากได้ชื่อเสียงกับรางวัล อย่างเช่นกุเรื่องแกล้งทำไปเข้าถ้ำอื่นแล้วทำเป็นติดออกมาไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นประสบภัยแบบอื่นๆเอา
- อื่นๆก็อาจจะมีพวกเปรตขอส่วนบุญที่พยายามจะเนียนเอาตัวเองมามีเอี่ยวกับความสำเร็จครั้งนี้ ทั้งๆที่ตัวพวกมันเองไม่ได้เกี่ยวห่าอะไรกับเขาเลย
...อย่าเชื่อกูมาก กูแค่เพ้อเจ้อไปเรื่อยตามประสาพวกชอบมองโลกในแง่ร้าย ถถถถถถ
เด็กมันยอมให้เจอเพราะมันจะมาเย็ดคนหน้าถ้ำตะหาก
Missing Boys? Did you just assume their gender?
โหนกระแส
จะว่าไปเมื่อวันก่อนยังเห็นจินตหลาพูนลาภโพสเนื้อเพลงโหนกระแสในทวิตอยู่เลย แต่ไม่มีใครสนใจ 5555
แอ๊ดคาราบาวออกมาแต่งเพลงให้เหล่าทีมกู้ภัยเด็กแล้วว้อยยยย
เวลาเห็นคนเขียนเครดิต Cr: Twitter หรือ Facebook นี่อยากถามว่าตอนเรียน อาจารย์ให้คุณเขียน footnote ว่า "จากห้องสมุด" ด้วยเหรอคะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
วันนี้อ่านข่าวเรื่องสมาคมสถิติแห่งประเทศไทยทำหนังสือแจ้งไปที่ กพอ ว่าให้กำหนดสาขาสถิติเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเท่านั้น จากเดิมที่กำหนดให้อยู่ในสังคมศาสตร์ด้วย
ก็มีคนคัดค้านว่าทำไมจึงไม่ให้สถิติเป็นศาสตร์ทางสังคมศาสตร์ด้วย เหตุผลของคนที่ค้านคือ ทางสังคมศาสตร์ใช้สถิติเยอะมาก
ผมเคยคุยกับศาสตราจารย์ท่านหนึ่ง ท่านบอกผมว่าในการขอตำแหน่งวิชาการ เขาจะดูว่าผู้ขอมีการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในสาขาที่จะขอหรือไม่
หากพิจารณาตามนี้ ในการขอตำแหน่งวิชาการ สถิติจึงต้องเป็นวิทยาศาสตร์ธรรมชาติเท่านั้นครับ เหมือนคณิตศาสตร์ (เช่น การคิดค้นสูตรใหม่ ๆ ขึ้นมา) ส่วนสังคมศาสตร์นั้นไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างองค์ความรู้ใหม่ทางสถิติครับ เพราะเป็นแค่การประยุกต์ใช้องค์ความรู้ทางสถิติที่มีอยู่แล้ว (เช่น ใช้ t-test) ในการหาข้อสรุปของปัญหาทางสังคมศาสตร์เท่านั้น
สมาคมสถิติแห่งประเทศไทยจึงทำถูกต้องแล้วครับ
กลุ่มที่ต้องการประชาธิปไตยอย่างจริงจัง มักจะเป็นชนชั้นกลางล่าง (Lower Middle Income) ที่ประกอบอาชีพเองหรือเป็นมนุษย์เงินเดือนระดับต้นๆ ที่เห็นว่าผู้แทนราษฎรนั้นพึ่งพาได้ ในการเป็นเสียงเป็นพลังให้ เพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรมและโอกาสที่ทัดเทียม เป็นกลุ่มที่พึ่งตนเองไม่ได้หรือพละกำลังมีจำกัด และเห็นว่าประชาธิปไตยเป็นช่องทางที่ดีต่อชีวิตและโอกาส
.
ซึ่งคนกลุ่มหลังสุดนี่แหละ ที่จัดได้ว่า เป็นจำนวนส่วนใหญ่ของประเทศที่เสียภาษีทางอ้อมมากมาย พวกเขาจึงต้องการประชาธิปไตย เมื่อเห็นว่ารัฐบาลที่เขาไม่ได้เลือกขึ้นมา ใช้งบประมาณอย่างไม่รัดกุม และไม่ก่อเกิดผลประโยชน์แก่สังคม ประเทศชาติโดยรวม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เราก็ไหว้ครูบาไปพร้อมๆกับขอบคุณหน่วยซีลได้ไม่ใช่เหรอ?
เวลามันไร้ความหวังมากๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆมันก็เยียวยาหัวใจได้นะ
ทุกวันนี้เรายังพกกระดูกพ่อไปไหนต่อไหน บางวันที่แย่มาก เราก็มองลายเซ็นพ่อที่เราสักไว้ที่แขน
มันไม่ได้หมายความว่าพ่อจะฟื้นมาปัดเป่าเรื่องให้หรอก แต่มันก็เป็นอะไรเล็กๆที่ประคองเราไว้
โอเค เรื่องร่างทรงน่ะเราก็ไม่ซื้อ แต่พระท่านมา เป็นพระผู้ใหญ่ที่คนแถบนั้นยึดถือ ก็ไม่เห็นต้องไปดูถูกดูแคลนอะไร โป๊ปก็อธิษฐานให้ อิหม่ามก็ช่วยกันสวดให้ ของแบบนี้มันเสกสร้างอะไรไม่ได้ แต่มันเยียวยาหัวใจนะ ไม่เห็นต้องดูถูกกันรุนแรงขนาดนี้เลย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
>>865 นอกจากม็อบแล้วก็เรื่องประชานิยมด้วย กูนี่เห็นพวกนี้อวยจนเอียน บอกถ้าไม่ใช่ทหาร ทางเท้าใน กทม. คงไม่โล่ง มีแต่แผงลอยไม่ก้มอไซค์จอดเกลื่อน ป่าคงไม่สงบเพราะมีคนเข้าไปอยู่ไปใช้ประโยชน์ คลองคงไม่สะอาดเพราะมีบ้านเรือนไปปลูกรุกล้ำ และงบประมาณคงถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยเพราะเอาไปอุ้มพวกเกษตรกร เพราะพวกนักการเมืองไม่ว่าพรรคไหนต้องการคะแนนเสียง เลยต้องไปโอ๋พวกคนงอมืองอเท้าอ้างจนแล้วทำเลว ไม่เห็นใจชนชั้นกลางที่ทำงานงกๆ จ่าย ภงด. ทุุกบาททุกสตางค์ลดหย่อนก็ไม่ได้
ถัดจากไอ้เกมเจ๊กกากๆในห้องเกม ก็มาเป็นขายหนังสือหลอกควายเรอะ กูต้องแปลงร่างเป็นคาซาม่าไปฟ้องแอ็ดมินอีกละ
ไม่รู้ตัวเดียวกับที่เอาโฆษณา Code Star มาแปะ แล้วมโนว่าตัวเองทำความดีอยู่รึเปล่า
เศร้าอีก!!
“จ่าเอก”อดีต หน่วยซีล ช่วยทีมทัพเรือ สละชีพ กลางถ้ำหลวง ดำน้ำนาน หมดสติ ก่อนเสียชีวิต ลำเลียงขวดอากาศ จรกโถง3ไป สามแยก
จ.อ.สมาน กุนัน นักทำลายใต้น้ำจู่โจมนอกราชการ ซึ่งเป็น นทต.จู่โจม รุ่น 30 อายุ 38 ปี ปกติเป็นจนท.ตระเวนระงับเหตุฝ่าย รปภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บ.ท่าอากาศยานไทย
ทั้งนี้ จ่าเอก สมาน รับภารกิจวันที่ 5 ก.ค. 61 ให้ลำเลียงขวดอากาศ จากโถง3 ไปยังจุดต่างๆ บริเวณสามแยก
เริ่มดำน้ำเมื่อเวลา 20.37น.เมื่อเสร็จภารกิจ ขณะดำน้ำกลับ ได้หมดสติในน้ำ คู่ดำน้ำได้ทำการปฐมพยาบาล(CPR) แต่ไม่ได้สติ
จึงนำกลับมายังโถงสามเพื่อปฐมพยาบาลอีกครั้ง
แต่ จ.อ.สมาน ก็ไม่ได้สติและเสียชีวิตลงเวลาประมาณ 0100 จึงได้นำพาร่างออกมาถึงหน้าถ้ำและส่งไปยัง ร.พ.ค่ายพญาเม็งรายมหาราช
RIP.
เช้าวันศุกร์นี้ ญี่ปุ่นได้ทำการประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ผู้นำลัทธิโอม ชินริเกียว “โชโกะ อาซาฮาระ” ที่ก่อเหตุใช้แก๊สพิษซารินโจมตีในระบบรถไฟใต้ดินในกรุงโตเกียวของญี่ปุ่นเมื่อปี 1995 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คนและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
เช้านี้สื่อมวลชนญี่ปุ่นได้รายงานว่าเรื่องการประหารชีวิตนายอาซาฮาระ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิตมานานนับสิบปีแล้ว จากความผิดฐานอยู่เบื้องหลังการใช้แก๊สพิษในระบบรถไฟใต้ดิน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 คนและบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
การประหารชีวิตเขาด้วยการแขวนคอในวันนี้ เป็นการประหารชีวิตสมาชิกโอม ชินริเกียว รายแรก จากจำนวน 13 คน ที่ตัดสินลงโทษประหารชีวิตอันเนื่องมาจากเหตุโจมตีด้วยแก๊สพิษและคดีอาชญากรรมอื่น ๆ
ทั้งนี้เหตุโจมตีรถไฟใต้ดินในครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1995 ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกไปทั่วโลกและทำให้เกิดการกวาดล้างลัทธินี้อย่างกว้างขวาง นายอาซาฮาระ หรือ ชื่อเดิมคือนายชิซูโอะ มัตซูโมโตะ เกิดในปี 1955 บนเกาะคิวชูและมาเปลี่ยนชื่อในช่วงทศวรรษหลังปี 1980 เมื่อเขาก่อตั้งและพัฒนาลัทธิโอม ชินริเกียว
ขณะนี้ ลัทธิโอม ชินริเกียว เปลี่ยนชื่อเป็น อาเลฟ (Aleph ) แต่ไม่ได้ถูกทางการสั่งให้ยุบลัทธิแต่อย่างใด เพราะ โอม ชินริเกียว ถูกประกาศและรับรองให้เป็นองค์กรก่อการร้ายโดยหลายประเทศ จึงตัดสินใจยุบลง แต่กระนั้นเหล่าสาวกตัวเป้งที่ไม่โดนจับไปกับคดีเก่าๆ ก็ยังแยกตัวออกมาเป็นกลุ่มองค์กรใหม่คือ Aleph และ ฮิคาริ โนะ วะ「光の輪 」ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นยังจับตาใกล้ชิดในฐานะองค์กรอันตราย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า นายอาซาฮาระยังคงมีอิทธิพลต่อผู้ที่เคารพนับถือเขาอยู่มาก สมาชิกบางคนนำรูปถ่ายของเขาและเสียงของเขาที่บันทึกไว้เพื่อใช้ในการนั่งสมาธิ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เมินข่าวซีลกันจังวะพวกปากว่าแต่ขยิบ
เช้านี้ผมเดินทางกลับบ้านกับลูกสาว ข่าวที่อังกฤษยังเน้นสองเรื่อง เรื่องแรกคือฟุตบอลวันนี้ที่อังกฤษจะเตะกับสวีเดน เรื่องที่สองคือเรื่องเด็กไทย ๑๓ คน ซึ่งผมยอมรับว่าแปลกใจที่สื่อทุกชนิดของอังกฤษเกาะติดเรื่องนี้ตลอด 24 ชม.
และเมื่อสักครู่ก็พบกับทีมดำน้ำอังกฤษอีกสามคนกำลังขึ้นเครื่องการบินไทยลำเดียวกันเพื่อเดินทางไปสมทบพรรคพวกที่เชียงราย
คำถามคือ อะไรทำให้ทุกคนทั่วโลกอยากช่วยเด็กกลุ่มนี้ ทั้งๆที่มีคนต้องการความช่วยเหลืออีกมากมายทั่วไป
แน่นอนมิติดราม่าการติดอยู่ในถ้ำมีความสำคัญ และท่าทีของภาครัฐและสังคมไทยเองก็มีความสำคัญในการได้รับความเห็นใจจากชาวโลก
แต่ที่สำคัญที่สุดคือตัวเด็กกลุ่มนี้เอง น้องๆมีเสน่ห์ชวนให้คนรัก ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่ผมได้ฝากให้กับลูกๆของผมว่า:-
1. คนชอบเด็กดี - เด็กกลุ่มนี้เป็นเด็กเล่นกีฬา คนมีความรู้สึกว่าเป็นเด็ก ‘มีคุณภาพ’
2. คนชอบคนที่ดูดี - รูปหมู่ของเด็กในชุดขี่จักรยานเป็นรูปที่มีเสน่ห์มาก ดังนั้น ‘presentation’ มีความสำคัญที่ปฏิเสธไม่ได้ ต้องสะอาดสะอ้าน แต่งเนื้อแต่งตัวให้เรียบร้อย
3. คนชอบความนอบน้อม - ภาพเด็กยกมือไหว้นักดำน้ำอังกฤษ (โดยเฉพาะในสถานการณ์นั้น) เป็นภาพที่ได้ใจคนทั้งโลก
4. คนชอบนักสู้และมักจะอยากช่วยคนที่พยายามตะเกียกตะกายช่วยตัวเอง
5. คนชอบการถ่อมตน - สื่อที่นี่รายงานอย่างชื่นชมคำขอโทษของโคชต่อพ่อแม่เด็ก
ทั้งหมดนี้เป็นบทเรียนที่ดีให้กับลูกๆและทุกๆคน
ใครมีประเด็นอื่นเป็นข้อสังเกตที่เป็นประโยชน์ ช่วยลองแลกเปลี่ยนกันครับ.
และในอีกไม่กี่ชั่วโมง ขอเชียร์อังกฤษอีกครั้งครับ
>>880 เพราะติดในถ้ำไง คนเลยสนใจ
1.คนกลัวที่แคบมันมีเยอะ พอได้ยินข่าวแล้วก็เลยเห็นใจเพราะจินตนาการเอาตัวเองไปไว้ในนั้น
2.ช่วยยาก ต้องเอาผู้เชี่ยวชาญเฉพาะจากต่างประเทศมา พอมาแล้วสำนักข่าวในประเทศนั้นก็ออกข่าวตามติดทีมตัวเอง เหมือนที่สำนักข่าวตรังตามติดนักเก็บรังนก ข่าวเลยแพร่ไปใหญ่
3. เพราะเป็นเด็ก คนจะสงสารเด็กมากกว่าผู้ใหญ่ ตัวอย่างแคมเปญต่างๆเลยต้องเอาเด็กมาขึ้นปก อย่างแคมเปญอาหารในแอฟริกาก็เอาเด็กมายืนซี่โครงบานพุงแห้ง คนบริจาคเยอะกว่าเอารูปผู้ใหญ่นอนหิวมา
เรือล่มที่ภูเก็ตสาหัสกว่าอีกถ้านับจำนวน แต่เพราะเป็นในทะเล,ไม่ใช่เด็ก & ไม่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญช่วย เลยไม่ดัง
#มาตรฐานแถบสีธงชาติไทย เรื่องใหญ่นะครับเนี่ยะ ประกาศเปลี่ยนสีธงชาติตั้งแต่ กันยายน พ.ศ.2560 แต่ประชาชนทั่วไปและหน่วยงานทั่วไปไม่รู้เรื่องนี้เลยเนี่ยะ 😲
https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/11557-thaiflag-color
http://news.thaipbs.or.th/content/266890
https://en.wikipedia.org/wiki/Flag_of_Thailand
https://www.facebook.com/www.thaiflag.org
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นอกจากเรื่องข้าราชการค่ารักษา มันมีความระยำอีกอย่างที่เกิดขึ้นคือ ให้ลูกเป็นข้าราชการจะได้ให้ลูกกู้ซื้อบ้าน ซื้อของ แล้วให้ลูกใช้หนี้ไป ตัวเองเอาเงินไปใช้ลอยลำ แล้วอ้างเรื่องตอบแทนบุญคุณ
โคตรระยำ
ยืนยันว่าความคิดเอาลูกมาเป็นเครื่องใช้เพื่อความสบายของตัวเอง เป็นความคิดระยำ ครับ จะด่าผมยังไงก็ตาม ตกผลึกแล้วว่าความคิดแบบนี้คือระยำมาก
เราจะมีลูกคือให้เค้าได้มีชีวิตของเค้า ไม่ใช่มาเป็นเครื่องมือหาเงิน หรืออะไร
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
มีเงินให้เขากู้
มีความรู้อยู่ในใบลาน
มีเมียแต่ไม่อยู่บ้าน
สามอย่างนี้ มีเหมือนไม่มี
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งที่เห็นชัดมาก ทั้งจากโลกจริงและโลกออนไลน์ก็คือ นิสัยหาคนผิดและติดฮีโร่
ครูบาสิ ฮีโร่
หน่วยซีลสิ ฮีโร่
โค้ชเอกสิ ฮีโร่
ผู้ว่าฯ ต่างหากฮีโร่
ฯลฯ
สังคมไทยเป็นอย่างนี้ เป็นสังคมพึ่งพิงและโหยหา “วีรบุรุษ” มากกว่าสังคมที่สนใจและคิดสร้าง “ระบบ” ไม่ว่าจะระบบของการทำงาน ระบบของการสร้างคน หรือระบบของการอยู่ร่วมกัน
เป็นสังคมที่มีโครงสร้างทางสำนึกแบบ “ปัจเจก” คือ ตัวใครตัวมัน ครั้นได้เห็นว่า มีคนผละจากความเป็น “ปัจเจก” มา “ช่วยกัน” จึง “ตื่นดี” คือ ตื่นเต้นกับการกระทำอย่างนั้น จนยกขึ้นไปเสียเลิศลอย แล้วแบ่งคณะกันผลักดันฮีโร่ของตัวเอง เหยียดฮีโร่ของคนอื่น ก่อนจะวกกลับมาเป็น “ปัจเจกบุคคล-ตัวกูของกู-ตัวใครตัวมัน” พลิกผันมาด่าเด็ก ด่าโค้ช ว่ามึงเข้าไปทำไม มึงทำความเสียหายขนาดไหน อีกฝ่ายก็ยกพวกขึ้นเห็นต่าง
• ในสังคม “ต่างคนต่างคิด”
• ในสังคมที่มีสันดาน “หาความต่างก่อนหาความเหมือน” ขีดเส้นใต้ความต่างเพื่อลบความเหมือน
• ในสังคมกูจะคิดของกู และพวกใครพวกมัน
ไม่มีวันที่จะพบ “ความเป็นหนึ่ง” ไม่มีวันที่จะมุ่งไปที่ “ระบบ”
เป็นสังคมที่คุ้นเคยกับการ หา “ผู้ดี” และ “ผู้ร้าย”
คุ้นเคยต่อการ “จำแนก” เรื่องราวต่างๆ ด้วย “ร่องความคิด” แบบ “เรื่องนี้ใครผิด”
เราจึงรวมพลัง หรือแท้จริงจะเรียกว่า “รวมพวก-รวมฝูง” ได้ในระยะสั้นๆ เพื่อจะหาความเหมือน เพื่อจะไป “ปะทะ” หรือ “ถล่ม” กับความต่างให้ “ชนะ” เท่านั้น ไม่ใช่การรวมกันที่แท้จริงและสร้างสิ่งดีงาม-ยั่งยืน
นี่คือ “ความป่วยไข้”
โลกออนไลน์มีทั้ง “เมตตา” และ “ป่าเถื่อน” ขาดความยั้งคิดว่า อารมณ์ตื้นๆ ของโลกเสมือน ไปสร้างผลกระทบอะไรใน “ชีวิตจริง” บ้าง
ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทำงานก็ทำไป มุ่งมั่นจะช่วยเด็กออกมาให้ได้
ในโลกออนไลน์ แต่งตั้งคนนั้นคนนี้ขึ้นเป็นฮีโร่ ไอ้คนนั้นเป็นผู้ร้าย ฟาดฟันแย่งชิงตำแหน่งกัน โดยที่คนในโลกจริงเขาไม่ได้สนใจสิ่งนี้เลย เขาทำเพราะเขาอยากทำ มากกว่าตั้งคำถามว่า มีคนเห็นไหม เขาว่าอย่างไรบ้าง เราดังหรือยัง
โลกออนไลน์ จึงผลิต “น้ำเคลือบ” เขาไปเคลือบโลกจริง จนเพี้ยนผิดบิดเบือน ไปตามอำเภอใจของคนที่มีเวลาพอจะนั่งเคาะคีย์บอร์ด เห็นชีวิตจริงๆ คนในโลกจริงๆ เป็นมหรสพ ที่ปั้นแต่ง-ปรุงแต่ง ได้สารพัด ตามความรู้สึกนึกคิดของคน แทนการ “เคารพชีวิตนั้นๆ”
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ยามที่คอนโดผมดีมาก นอกจากจะรักษาความปลอดภัยที่คอนโด และยกมือสวัสดีลูกบ้าน ยังคอยเตือนว่าเราลิมรูดซิบกางเกงด้วย
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไอ้ที่คุณออกมาพูดโน่นนี่นันเคยทำไร่กันแร้วว่างั้นทำไร่ประสบความสำเร็จกันจนร่ำรวยไม่เคยทำก็พูดไปเรื่อยอวดรู้อวดเก่งฉันจะบอกให้นะข้าวที่แกแดกกันมันฉีดยาทั้งนั้นไอ้ที่ปลอดสารนะชาวนาเขาทำไว้กินเองแระถ้าแน่จริงมาเรยจะให้ทำไร่แบบฟรีๆเรยมาลองก่อนแล้วค่อยพูดไม่ใช่พูดอวดรู้ไปเรื่อยโดยไม่เคยสัมพัสเห็นเขาพูดกันเอามั่งเห็นประเทศโน้นประเทศนี้เขาทำเกษตรกรรวยแล้วระบบมันเหมือนกันไหมผู้บริโภคต่างกันคนไทยเขาไม่กินของแพงเห่อแป๊บเดียวก็เลิกมาเรยไอ้พวกอวดดีมาลองทำดูไร่นะมันไม่ง่ายหลอกนะกว่าจะได้แต่ละปี
เดี๋ยวนี้ผมเริ่มเห็นเทรนด์ว่า เวลาบางคนไม่สามารถอธิบายหรือทำให้คนอื่นฟังได้ ก็เริ่มเอาไอ้ duning-kruger effect มาเบลมว่าอีกฝั่งยังโง่แต่นึกว่าตัวเองฉลาด ความหัวดื้อสูงเพราะยังรู้น้อย
ซึ่งก็อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ แต่ต้องมีสติด้วยว่า ต่อให้เราอธิบายได้หรือตอบได้ว่าที่อีกฝั่งดื้อไม่ฟังเราเพราะ dunning-kruger ก็มิได้นำพาให้สถานการณ์ดีขึ้นแต่อย่างใด ที่เขาไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ ถ้าเขาสร้างปัญหาก็ยังสร้างต่อไปอยู่ดี นอกเสียจากว่าเราสบายใจขึ้นมาหน่อยว่าอีกฝั่งโง่ไงเราไม่ผิด แต่ก็ไม่นำพาให้ภาพรวมดีขึ้นแต่อย่างใด อาจจะแย่ลงด้วยซ้ำถ้าคุณเอาไปโยนใส่หน้าเขาจนทำให้อธิบายและคุยกันยากขึ้น
หากว่าจะใช้ทฤษฎีนี้ในการเตือนสติใครให้ได้ผล ก็พึงเตือนด้วยจิตที่เมตตาจากใจ มิใช่เตือนด้วยจิตที่จะฟาดฟันจะพิสูจน์เอาชนะว่าฉันถูก มิฉะนั้นผลจะออกมาตรงกันข้าม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าถามว่า มีอะไรที่ไม่ชอบเกี่ยวกับการ์ตูน "One Piece" ก็คงเป็นประเด็นที่ว่า "ตัวร้ายหลายตัวฆ่าคนบริสุทธ์ตายเป็นเบือ แต่ไม่ต้องรับผลกรรม เพียงเพราะย้ายข้างมาอยู่ฝ่ายลูฟี่"
หลายตัวนี่อย่างเหี้ยเลยนะ ฆ่าคนดีๆตายห่าเป็นร้อยเป็นพัน วันนึงบังเอิญมาช่วยอีลูฟี่ ความผิดบาปในอดีต แม่งถูกลืมเลยจ้า ได้รับการอภัยโทษสุดซอยเลย มันใช่เหรอวะ แล้วจะสอนเด็กเรื่องการไม่ทำความชั่วได้ไง
เหมือนสอนว่า เฮ้ย มึงทำชั่วได้นะ เพียงแค่มึงเลือกถูกข้าง มึงก็ไม่ต้องรับโทษว่ะ
ยิ่งเด็กได้ออกมาจากถ้ำมากขึ้นเท่าไหร่ พวกสื่อก็ยิ่งถอยหลังเข้าถ้ำมากขึ้นเท่านั้น
นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเด็กประสบภัยในถ้ำหลวง พวกสื่อช่องต่างๆ ในไทยก็ยิ่งแสดงจรรยาบรรเสื่อมถอยลงทุกขณะ จนถึงขั้นละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนมากขึ้นทุกวัน และน่าตลกว่าสื่อพวกนี้แหล่ะที่เรียกร้องหาสิทธิเสรีภาพของสื่อ ทั้งที่ตัวเองกำลังสะท้อนถึงความเสื่อมถอยของการใช้สิทธิของสื่ออย่างผิดๆ แถมกลับเป็นการระทำ”ขุดหลุมฝังตัวเอง” ทำให้อนาคตที่จะมีกฎหมายควบคุมสื่อเป็นเรื่องที่แลดูจะชอบธรรมขึ้น ทั้งที่ตนเองร่วมกันต่อต้านกันแท้ๆ
ผมว่าถ้าหากยังไม่มีการปฎิรูปสื่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง ก็คงจะมีคนสนับสนุนให้รัฐบาลควบคุมสื่อแทนกันมากขึ้นๆ แล้วทีนี้อีกหน่อยเราคงจะได้ดูโทรทัศน์รวมเฉพาะกิจกันช่องทางเดียวกันไปเลย
#มิดหัยทั่นนุง
นายกพระราชทานไงมึง
“จีนคือมหามิตรที่ดี เป็นคำที่ไว้ใช้ตอนด่าเมกาอย่างเดียวครับ“
มิตรสหายท่านหนึ่ง
อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนนะคะ หาเงินเรียนแต่โดนโกง จากที่มีเงินในบัญชีกลับต้องเป็นหนี้ เครียดมากเพราะไม่เคยมาเจออะไรแบบนี้ ถึงกับจะคิดสั้นก็มีแต่ก็นะ เรายังตายไม่ได้เพราะพ่อแม่เราไม่รู้เรื่องจะมารับภาระนี้ไม่ได้ เรื่องรองเท้าหนูไปฮ่องกงมาจริงๆและได้ไปซื้อรองเท้าส่วนคนที่นัดเทรดของคนชื่อกอล์ฟเป็นคนนัดอันนั้นหนูไม่เห็นของ ซึ่งมันใช้หนูเป็นฉากบังหน้าเอาเฟสหนูไปรับพรีออเดอร์รองเท้าต่างๆแล้วให้ทุกคนโอนเงินมาบัญชีหนู พอทุกคนโอนมาหนูก็จะโอนไปให้อีกบัญชีนึงมันอ้างว่าต้องเอาเงินไปแลกเป็นเงินฮ่องกงแต่เวลาซื้อของมันใช้บัตรเครดิตรูดเงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านบัญชีก็จริงแต่เงินไม่ได้อยู่กับหนูเลยสักบาทซึ่งตอนนี้เงินติดตัวยังไม่มีหนูก็ลงทุนขายของเหมือนกัน หนูลงทุนไปประมาณเกือบ 100,000 ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของหนูคนขายของหาเงินเรียนก็ยังมาโดนโกง จากที่จะได้ตังค์มาเป็นการสร้างภาระหนี้แทน หนูจะบอกว่าหนูไม่ได้มีเจตนาโกงเพราะถ้าโกงหนูไม่เอาเฟสนี้หรอก แล้วหนูก็จะมานั่งตอบลูกค้าทุกคนแบบนี้ทำไม หนูไม่เคยโกงใครขนาดเงินยังไม่ยืมเพื่อนเลย ซึ่งตอนนี้หนูได้ไปแจ้งความแล้วและกำลังหาเงินให้ลูกค้า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดส่วนเรื่องกอล์ฟก็ส่งคนไปล่าตัวที่ฮ่องกง ส่วนที่ไทยกำลังหาบ้านอยู่ซึ่งหนูก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ขอบคุณคนที่เคยโดนโกงจะมาเป็นพยานให้ ขอบคุณคนที่เราไม่เคยรู้จักกันแต่ช่วยเหลือหนู ส่วนลูกค้าที่มาด่ามาว่า ประจาน บอกว่าจะมาตามที่บ้าน ขอให้พี่พี่ใจเย็นก่อนนะคะเพราะหนูก็ไม่เหลืออะไรแล้วเหมือนกันโดนเทหมดหน้าตัก หนูเข้าใจเพราะถ้าเราโดนโกงเราก็อยากได้เงินคืนเหมือนกัน หนูก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหนูก็ลงทุนไปหนูก็ไม่มีเงินจะคืนเหมือนกันแต่ตอนนี้หนูก็หาเงินอยู่หนูไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ตามเรื่องทั้งวันทั้งคืน จะรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้โอกาศหนูหน่อย
#หาเงินเรียนแต่โดนโกง #คนดีไม่มีที่ยืน #ไม่มีเจตนาโกง
#ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ😭😭อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกคนนะคะ หาเงินเรียนแต่โดนโกง จากที่มีเงินในบัญชีกลับต้องเป็นหนี้ เครียดมากเพราะไม่เคยมาเจออะไรแบบนี้ ถึงกับจะคิดสั้นก็มีแต่ก็นะ เรายังตายไม่ได้เพราะพ่อแม่เราไม่รู้เรื่องจะมารับภาระนี้ไม่ได้ เรื่องรองเท้าหนูไปฮ่องกงมาจริงๆและได้ไปซื้อรองเท้าส่วนคนที่นัดเทรดของคนชื่อกอล์ฟเป็นคนนัดอันนั้นหนูไม่เห็นของ ซึ่งมันใช้หนูเป็นฉากบังหน้าเอาเฟสหนูไปรับพรีออเดอร์รองเท้าต่างๆแล้วให้ทุกคนโอนเงินมาบัญชีหนู พอทุกคนโอนมาหนูก็จะโอนไปให้อีกบัญชีนึงมันอ้างว่าต้องเอาเงินไปแลกเป็นเงินฮ่องกงแต่เวลาซื้อของมันใช้บัตรเครดิตรูดเงินทุกบาททุกสตางค์ผ่านบัญชีก็จริงแต่เงินไม่ได้อยู่กับหนูเลยสักบาทซึ่งตอนนี้เงินติดตัวยังไม่มีหนูก็ลงทุนขายของเหมือนกัน หนูลงทุนไปประมาณเกือบ 100,000 ซึ่งมันเป็นเงินเก็บของหนูคนขายของหาเงินเรียนก็ยังมาโดนโกง จากที่จะได้ตังค์มาเป็นการสร้างภาระหนี้แทน หนูจะบอกว่าหนูไม่ได้มีเจตนาโกงเพราะถ้าโกงหนูไม่เอาเฟสนี้หรอก แล้วหนูก็จะมานั่งตอบลูกค้าทุกคนแบบนี้ทำไม หนูไม่เคยโกงใครขนาดเงินยังไม่ยืมเพื่อนเลย ซึ่งตอนนี้หนูได้ไปแจ้งความแล้วและกำลังหาเงินให้ลูกค้า จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดส่วนเรื่องกอล์ฟก็ส่งคนไปล่าตัวที่ฮ่องกง ส่วนที่ไทยกำลังหาบ้านอยู่ซึ่งหนูก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ ขอบคุณทุกคนที่คอยช่วยเหลือ ขอบคุณคนที่เคยโดนโกงจะมาเป็นพยานให้ ขอบคุณคนที่เราไม่เคยรู้จักกันแต่ช่วยเหลือหนู ส่วนลูกค้าที่มาด่ามาว่า ประจาน บอกว่าจะมาตามที่บ้าน ขอให้พี่พี่ใจเย็นก่อนนะคะเพราะหนูก็ไม่เหลืออะไรแล้วเหมือนกันโดนเทหมดหน้าตัก หนูเข้าใจเพราะถ้าเราโดนโกงเราก็อยากได้เงินคืนเหมือนกัน หนูก็ทำอะไรไม่ได้เพราะหนูก็ลงทุนไปหนูก็ไม่มีเงินจะคืนเหมือนกันแต่ตอนนี้หนูก็หาเงินอยู่หนูไม่ได้นิ่งนอนใจเลย ตามเรื่องทั้งวันทั้งคืน จะรับผิดชอบให้ได้มากที่สุด ดำเนินคดีตามกฎหมาย ขอให้โอกาศหนูหน่อย
#หาเงินเรียนแต่โดนโกง #คนดีไม่มีที่ยืน #ไม่มีเจตนาโกง
#ขอโทษทุกคนด้วยนะคะ😭😭
ประชาธิปัตย์นี่มีฟรีดอมออฟสปีชมากครับ ที่ยังเก็บคนแบบอีติ่งไว้ในพรรค แถมยังไม่ห้ามพูดออกมาด้วย
หวังต้าเล้งต้องควงพลองด้วยความเร็วเท่าไรถึงจะบินขึ้น
นี่เป็นอีกคำถามที่ตาลุงจุณสีแห่งพันทิปถามมา ก็ไม่รู้ว่าถามบ้าอะไรกันเนี่ยแต่บังเอิญแอดมินมันก็บ้าๆพอกันก็ เอ้า มาลองคำนวณดูทีว่าการควงพลองจนบินขึ้นนี้ต้องใช้ความเร็วเท่าไร
หวังต้าเล้งเป็นโคตรพ่อโคตรแม่หมอจากเรื่องขุนพลประจัญบานที่วิชาเหนือชั้นยิ่งกว่าหมอลอว์แห่งวันพีซ ให้ตกลาวา หรือโดนผ่าครึ่ง ถึงมือหวังต้าเล้งรับรองรักษาได้ นี่ถ้าหนวดขาวรักษากับหวังต้าเล้งป่านนี้คืนชีพสมบูรณ์ไปแล้ว และแกมีวิชาที่เรียกว่า โคริวเทนรินฮากิ ที่ควงพลองเหินฟ้าได้ เรามาลองคำนวณกันว่า ความเร็วการควงพลองของหวังต้าเล้งมันขนาดไหนถึงเหาะเหินเดินหาวได้เยี่ยงนี้
สมมุติฐานสำคัญคือ พลองนี้มีใบมีดติดปลาย (ถ้าเป้นพลองกลมๆหรือแบนๆควงให้ตายมันก็ไม่เกิดแรงยกละ) ใบมีดนี้ต้องทำมุมเพื่อกินอากาศให้ไหลลงล่างแบบใบพัด และสมการการบินนี้ เราสามารถใช้การดุลแรงคือ แรงโน้มถ่วง (M.g) จะเท่ากับแรงที่ใช้ผลักอากาศปริมาณ m ลงด้านล่างไปด้วยความเร็ว v หรือ
Mg = v.dm/dt
ในที่นี้ สมมุติพลองของหวังต้าเล้งยาว 2 เมตร (รัศมีการหมุน 1 เมตร) ติดใบมีดยาว 30 ซม และมีระยะการกินลม 5 ซม การควงพลอง 1 รอบ จะทำให้อากาศไหลลงข้างล่างได้ 216 ลิตรโดยประมาณ ให้อากาศมี ถพ 1 กิโลต่อลบม เราสามารถคำนวณหาความเร็วการควงที่จะทำให้พจน์แรงจากโมเมนตั้มของลมได้สมดุลกับแรงโน้มถ่วงที่การควง 178 RPS หรือ 10,680 RPM มือของหวังต้าเล้งจะต้องวาดอยู่เหนือหัวตัวเองด้วยความเร็วมัค 1.5 -2 เพื่อที่จะเริ่มบินขึ้นได้
สำหรับบุคคลทั่วไปที่จะฝึกจนบินได้อย่างหวังต้าเล้ง แอดมินขอแนะนำให้ไปฝึกที่แซงค์จูรี่โดยตั้งเป้าไว้ที่ระดับซิลเวอร์เซนต์เป็นอย่างน้อยละนะครับ
ปล. ถ้าใครตามคำนวณไม่ทัน แนะให้ว่าผมคำนวณการ scoop อากาศต่อรอบ แล้วทำให้พจน์ dm/dt กับ v ติดในพจน์ rps ก่อนแก้สมการมาละนะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
สื่อเมืองออสซี่นี่เค้าก็สนใจคนออสซี่ที่เข้าไปมีส่วนร่วมปฏิบัติการที่ถ้ำหลวงเป็นพิเศษเหมือนกัน นักดำน้ำชาวอังกฤษที่เข้ามาที่ถ้ำหลวงก่อนได้ร้องขอให้ Dr. Richard Harris เข้ามาช่วยในปฏิบัติการในครั้งนี้ เพราะความสามารถในทางการแพทย์ผนวกกับการเป็นนักดำน้ำในถ้ำ คุณสมบัติที่เรียกได้ว่าต้องพลิกแผ่นดินหากันเลยทีเดียว สื่อรายงานว่าหมอฮาริสเป็นคนที่บอกให้เปลี่ยนลำดับการนำเด็กออกมา โดยให้เอาเด็กที่อ่อนแอที่สุดแทนเด็กที่เข้มแข็งที่สุดออกมาก่อน ซึ่งฟังดูเป็นการตัดสินใจที่มีเหตุผล เพราะเด็กที่อ่อนแอที่สุดควรจะได้รับการช่วยเหลือให้ออกมาจากสภาพแวดล้อมในถ้ำที่มีอ๊อกซิเจนต่ำก่อนเด็กที่ยังมีแรงดีอยู่
หมอฮาริสมีประสบการณ์ในการดำน้ำมากว่า 30 ปี และเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการ ผ่านประสบการณ์การดำน้ำในถ้ำที่ยากสาหัสสากรรจ์มาอย่างโชกโชน ในปี 2011 ตำรวจที่เซาท์ออสเตรเลียได้ขอให้เขาเข้าไปค้นหาร่างของเพื่อนนักดำน้ำของเขาเองที่เชื่อว่าเสียชีวิตอยู่ภายในถ้ำ Tank Cave ซึ่งมีความซับซ้อนและมีระยะทางยาวกว่า 8 กม. เธอเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจระหว่างการเข้าไปสำรวจถ้ำแห่งนั้น (เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าแม้มืออาชีพก็มีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตได้เช่นกัน) ประสบการณ์เหล่านี้มีคุณค่าอย่างยิ่งเมื่อเขาต้องมารับหน้าที่ในการช่วยเหลือเด็กและโค้ชทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำหลวงในครั้งนี้
หมอฮาริสทำงานเป็นวิสัญญีแพทย์ (หมอดมยา) อยู่ที่ MedSTAR ซึ่งเป็นศูนย์ให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินในเซาท์ออสเตรเลีย แอนดรู เพียร์ส ผู้อำนวยการของ MedSTAR บอกว่าหมอฮาริสเป็นคนที่ “ไม่เห็นแก่ตนเอง เขาเป็นคนช่างคิด เป็นคนเงียบๆ” เพียร์สยังบอกด้วยว่าจริงๆ แล้วหมอฮาริสกำลังอยู่ในช่วงพักร้อนแต่เขาก็ตัดสินใจไม่ไปพักผ่อน และไปช่วยปฏิบัติการในการช่วยเหลือเด็กๆ แทน “เขาได้ใช้ทักษะ ไม่เฉพาะในฐานะแพทย์แต่ว่าเขายังมีคุณสมบัติที่คนอื่นๆ ไม่มีในการดำน้ำในที่ที่มืดมากๆ คับแคบและไม่มีเครื่องมืออะไรมาก” เพียร์สกล่าว ผู้อำนวยการของ MedSTAR ยังบอกว่า “ในกลุ่มคนเล็กๆ ที่รู้จักมักคุ้นกัน เมื่อคุณได้รับการร้องขอแบบเจาะจงมา ก็แสดงว่าความสามารถของคุณนั้นเป็นที่รับรู้ในระดับโลก” นางจูเลีย บิชอป รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของออสเตรเลียได้กล่าวถึงหมอฮาริสว่า “เขาเป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งเพราะเขาได้นำเอาทักษะนั้นไปช่วยรัฐบาลไทยในปฏิบัติการกู้ภัย”
การมีคุณสมบัติที่สามารถนำไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้นี้เป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง คนออสซี่เองก็น่าจะรู้สึกภาคภูมิใจในตัวหมอฮาริส เชื่อว่าเด็กๆ โค้ช ผู้เกี่ยวข้องในการกู้ภัยและคนไทยโดยรวมก็รู้สึกขอบคุณในน้ำใจของผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ในหลากหลายสาขาที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือในปฏิบัติการกู้ภัยนานาชาติครั้งนี้ ปรากฏการณ์นี้ยังสะท้อนกลับมายังสังคมไทยว่าเรามีการเตือนภัยและมีทักษะความรู้แค่ไหนเพียงไรในการจัดการกับภัยพิบัติเช่นนี้ รวมถึงการดูแลผลกระทบที่ผู้ประสบภัยอาจได้รับทั้งทางร่างกายและจิตใจ เราควรใช้ความสนใจของสื่อและสังคมในขณะนี้ในการให้ความรู้กับสังคม นอกเหนือไปจากการรายงานแบบปรากฏการณ์เฉพาะหน้า การดูวิธีรายงานและมุมมองของสื่อแต่ละประเทศที่แตกต่างกันเป็นสิ่งที่นักข่าวไทยสามารถนำไปเรียนรู้ได้มาก
เขียนโพสต์นี้จบพร้อมกับข่าวดีว่าทั้ง 13 คนได้รับการช่วยเหลือออกมาจากถ้ำทั้งหมดแล้ว ฮูเรย์ !
** ใครอยากอ่านเต็มๆ คลิ๊กตามลิงค์ด้านล่างได้เลยค่ะ อันนี้ไม่ได้เป็นการแปลแบบตัวต่อตัว อ่านเอาความรื่นรมย์ แชร์ได้ แต่ถ้าจะเอาไปรายงานต่อในสื่อควรดับเบิลเช็คกับต้นฉบับนะคะ
https://au.news.yahoo.com/aussie-doctor-made-call-boys-leave-thai-cave-022953718.html
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
" January 29, 2019 "
Hoes: U delayd KH III
Nomura: No, i didn't
Hoes: yes u did!
Nomura: shh bitch, let me explain: "coming 2018" is the relase date of the releas date. There was no delaying
Hoes: Fuck you
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
พวกเธอคิดไหมว่า ปัญหาของไทยคือ ค่าแรงแต่ละอาชีพแม่งเหลื่อมล้ำกันเกินไป บางอาชีพให้ค่าแรงต่ำโอเวอร์มาก ทั้งๆที่เหน็ดเหนื่อย ลำบาก ใช้ทักษะฝีมือ แต่ค่าแรงเดือนละไม่ถึงหมื่น แต่บางอาชีพงานแม่งง่ายมาก แค่ไปพูด ไปเจรจา สวยๆ ได้เงินเดือนละหลายแสน
ยกตัวอย่าง งานซ่อมแซมพื้นฟุตบาท พอค่าแรงต่ำมากๆ คนแม่งก็เลยทำแบบชุ่ยๆ ไม่ประณีต ฟุตบาทไทยเลยปุๆปะๆแบบนี้ หรือ งานบริการหลายๆงาน พอค่าจ้างต่ำ คนให้บริการมันก็ไม่อยากพูดดีๆกับลูกค้า บริการแบบส่งเดช
ที่เมืองนอก คนทำถนน คนขุดท่อ คนงานก่อสร้าง เกษตกร ฯลฯ แม่งมีบ้านสองชั้น มีเสื้อผ้าแบรนเนม มีรถขับ มีคอม มีเกม ส่วนที่เมืองไทย อยู่กระต๊อบ มีแค่ที่นอนหมอนมุ้ง
เรื่องของ Elon musk กับ BBC ที่ทางสำนักข่าว BBC หยิบเอาประเด็นที่บอกว่าอุปกรณ์ของ Elon musk ซึ่งก็คือ mini sub นั้น ไม่ถูกนำมาใช้งาน เพราะผู้บัญชาการสูงสุดคืออดีตผู้ว่าเชียงรายบอกว่ามันไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ (not practical)
Elon Musk ก็เลยทวีตตอบโต้ BBC ไปว่าคนที่จะฟันธงว่าอุปกรณ์ของเขาเหมาะสมกับสถานการณ์ในการช่วยเหลือหรือไม่นั้นไม่ใช่อดีตผู้ว่าเชียงราย เพราะเขาไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการกู้ภัย แต่คนที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการเสนอไอเดีย และแนวคิดรวมถึงแผนในการกู้ภัยครั้งนี้จริงๆ แล้วคือ Dick Stanton และทีมงานกู้ภัยต่างหาก
ซึ่งระหว่างเขาและ Dick (ชื่อจักกะจี้ดี) นั้นมีการส่ง Email พูดคุยกันเรื่อง Minisub มาโดยตลอด ซึ่ง Dick เชื่อว่ามันจำเป็นในสถานการณ์ที่หากน้ำในถ้ำท่วมสูงจากฝนที่อาจจะตกหนักลงมาระหว่างนั้น (อาจจะท่วมจนถึงปากถ้ำได้อีก และทำให้เด็กต้องดำน้ำออกมาไกลมาก) เด็กๆ อาจจะดำน้ำออกมาได้ไม่ไหว การใช้ Minisub จะเป็นแผนสำรองที่ต้องใช้ในสถาณการณ์นั้น และร้องขอให้เขาสร้างมันต่อไปให้สำเร็จ
นั่นก็คือประเด็นทั้งหมดครับ ส่วนเรื่องที่ว่าผู้ว่าเป็นคนพูดจริงมั้ย อันนั้นก็อีกประเด็น
ส่วนตัวผมว่าก็คงเป็นจริงอย่างที่ Elon ว่าไว้ คนที่คิดแผน และฟันธงว่าแผนการช่วยเหลือจะทำยังไง เอาใครมาฟันธงสุขภาพเด็กว่าจะออกมาได้มั้ย เอาใครมาฟันธง เรื่องในเชิงเทคนิคพวกนี้ก็คงเป็น Dick Stanton และทีมงานคนอื่นๆ ช่วยกันระดมสมองคิด แล้วเอาแผนเหล่านี้ไปเสนอผู้บัญชาการสูงสุด ซึ่งแน่นอนว่าท่านก็คงไม่มีความรู้ด้านนี้ ก็ต้องเชื่อตามผู้เชี่ยวชาญนั่นแหละ แล้วถึงฟันธงให้เริ่มทำตามแผน
สรุปว่า...
1. BBC อ้างว่า Mini Sub ของ Elon ไม่ถูกใช้งาน เพราะอดีตผู้ว่าเชียงรายบอกว่ามันไม่ Practical ซึ่งน่าจะเป็นการสัมภาษณ์ส่วนตัวหรือเปล่า เพราะตอนแถลงข่าวก็ไม่เห็นมีประเด็นเรื่องนี้นะ
2. Elon อ่านข่าว BBC แล้วเลยทวีตกลับไปว่า คนที่จะบอกว่า Minisub ของเขา Practical หรือเปล่า ไม่ใช่อดีตผู้ว่า เพราะเขาไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ คนที่จะบอกได้ว่ามัน Practical หรือไม่ต้องเป็น Dick Stanton ที่เป็นคนวางแผนการช่วยเหลือและกู้ภัยครั้งนี้ต่างหาก
3. ว่าแล้ว Elon ก็โชว์อีเมลที่เขาพูดคุยกับ Dick Stanton ซึ่งในอีเมลก็เห็นได้ชัดว่าทาง Dick Stanton บอกให้เขาสร้างมันให้เสร็จเพื่อใช้งานในเคสที่น้ำท่วมถ้ำมากจนเด็กอาจจะดำออกมาเองไม่ไหว ก็คือเป็นทางเลือกสำรองนั่นเอง
4. หลายเพจในไทยแปลผิด เข้าใจผิด เอามาโยงกันมั่ว โปรดรับฟังโดยใชวิจารณญาณให้มาก
5. BBC เรียกอดีตผู้ว่าว่า Rescue chief ซึ่งแปลว่าหัวหน้าทีมกู้ภัย ซึ่ง Elon บอกว่าตัวอดีตผู้ว่าไม่ได้ทำหน้าที่นี้ คนที่ทำหน้าที่นี้คือ Dick STanton ต่างหาก และผู้ว่าก็ไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการกู้ภัย ซึ่งก็ถูกของเขา เพราะผู้ว่าเป็นหัวหน้าของ Rescue chief อีกที คือคนฟันธงว่าจะทำตามที่ Rescue Chief เสนอมาหรือเปล่า หรือตีตกก็อยู่ที่เขาคนเดียว แต่ก็อย่างที่เห็น ผู้ว่าก็เชื่อแหละ เขาเชี่ยวชาญระดับโลกขนาดนั้น
#มิตรสหายทั่นหนึ่ง
““📌สรุปเรื่อง "Elon Musk vs. ท่านผู้ว่าฯ" จริงๆ เรื่องนี้ดิฉันคิดว่าไม่ใช่ดราม่าไร้สาระแบบที่หลายคนมาคอมเมนต์นะคะ ขึ้นอยู่กับว่าผู้อ่านต้องการเสพดราม่าผิวเผิน หรือต้องการดูลึกไปถึงทัศนคติของแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องมากกว่า
🐸เริ่มแรกคือ ท่านผู้ว่ากล่าวแถลงปิดซึ่งรวมไปถึงการขอบคุณ Elon Musk โดยบอกว่า "ก็รับความอุปการคุณจากเขา และดูแลอุปกรณ์ของเขานะครับ แต่ก็ยืนยันว่าอุปกรณ์ที่เขานำมาช่วยเหลือเราเนี่ยยังไม่ Practical (ใช้จริงไม่ได้) กับภารกิจของเรานะครับ ยืนยันตรงนี้ แต่เราก็รับความดูแลนะครับ"
ซึ่งนับว่าเป็นการขอบคุณในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการ ที่มีมารยาทและสุภาพทั่วไป นับว่าเป็นผู้บริหารที่ดี
🐸ต่อมา BBC และบรรดาสำนักข่าวต่างประเทศเนี่ย ไม่ชื่นชอบ Elon Musk อยู่แล้ว เพราะเค้ามองแต่แรกว่าการปรากฏตัวของ Musk เป็นเพียงการประชาสัมพันธ์ publicity stunt มีการเขียนลงทวิต สร้าง high hope ให้คนไทยอวยเว่อร์เกินไปตลอดเวลา ซึ่งถ้าคุณมองจากมุมนี้แต่ต้น จะเห็นเลยว่าเป็นอุปกรณ์ที่ยังไงก็จะไม่ได้เอามาใช้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเวลา ไม่เคยมีการทดสอบ ทางนักดำน้ำก็ไม่เคยฝีกซ้อมกับอุปกรณ์นี้ การจะเอาไปใช้งานเลยมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
ดังนั้น BBC ก็เลยยกเอาคำพูดของท่านผู้ว่าฯ เอามาแขวะ Musk ว่า "not practical" นะ
🐸ฝั่ง Musk เห็นคำว่า "not practical" แล้วบอกแหล่งอ้างอิงมาจาก "Governor" (ท่านผู้ว่าฯ) ก็ดูเหมือนจะเดือด เลยตอบกลับว่า Governor คนนี้คนเอาไปเรียกกันผิดๆ ว่าเป็นหัวหน้าขบวนการกู้ภัย ซึ่งจริงๆ เค้าไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะมาบอกว่าของของผม practical หรือไม่ คนที่จะบอกได้คือนาย Richard ชาวอังกฤษต่างหาก พร้อมกับส่งอีเมล์ให้ดูว่า Richard ก็ไม่ปฏิเสธอุปกรณ์ของ Musk เสียทีเดียว แต่คิดว่ายังไม่มีความจำเป็นต้องใช้มากกว่า (ทำนองว่าขอเก็บไว้เป็น Plan B ละกัน)
ซึ่งประโยคของ Musk นี่คือตั้งใจตอบประเด็นของ BBC และกระทบใส่ผู้ว่า ("inaccurately described as rescue chief" : "คำบรรยายที่ว่าเขาเป็นหัวหน้าโครงการนั้นไม่แม่นยำเอาเสียเลย") Musk ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ประโยคนี้มาด้วยซ้ำ จริงๆ เขียนแค่ว่า Richard เป็น lead rescuer และได้คุยกับ Richard แล้วก็พอ
ในมุมนี้จะเห็นว่า Musk มองว่าคนที่สมควรได้รับเครดิตมากที่สุดคือ Richard เป็น "rescue chief" ตัวจริง ส่วนฝ่ายติดต่อประสานงานผู้ดูแลโครงการโดยรวมคือท่านผู้ว่าฯ นั้น Musk มองว่าไม่ใช่คนที่สำคัญที่สุดของขบวนการ
🐸น่าสนใจอีกอันคือ ฝั่ง Drama-Addict นี่ก็มีวาระโจมตีสื่อมวลชนอยู่ และประกอบกับที่คุณวิเองก็อวยทั้งผู้ว่าฯ และ Elon Musk มาตลอด ก็เลยหาทางลงให้ทุกฝ่ายโดยการโยนความผิดไปให้ BBC กลายเป็นสื่อจอมปั่นไปฝ่ายเดียว สรุปไปว่า Musk ด่า BBC
ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง BBC รวมถึงนักวิชาการต่างประเทศมีเหตุผลที่ฟังขึ้นในการอยากจะแซะ Musk และ Musk ก็ keep cool ด้วยการตอบ BBC (ไม่ได้ "จวก" BBC อย่างที่คุณวิว่าไว้)
Musk เป็นผู้ประกอบการเอกชนที่ต่างประเทศพยายามสื่อให้เห็นถึงข้อคำนึงทางการตลาด
Musk ไม่ใช่ Iron Man หรือฮีโร่ที่จะกอบกู้ได้ทุกสถานการณ์แบบที่สื่อไทย (รวมถึงคุณวิ) ปั่นมาตลอด ในการมาไทยครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร"เป็นหลัก" (หลายคนจะบอกว่า "มาช่วยก็ดีแล้ว" ซึ่งดิฉันคิดว่าเป็นการมองที่แคบมาก เพราะนักข่าวต้องรายงานให้ครบทุกด้านว่าคนเราสีเทาๆ มีอะไรแอบแฝงหรือไม่? ทำไมเค้าตัดสินใจเดินทางมาด้วยตัวเองแม้ว่าค่อนข้างเป็นที่แน่นอนแล้วว่าอุปกรณ์ของเค้าจะไม่ได้ถูกนำมาใช้? ทวิตแรงและเริดตลอดเวลา อิมเมจทั่วฟ้าเมืองไทยคือเป็นพระเอกขี่ม้าขาว)
📌สรุปสุดท้าย คืองานนี้ท่านผู้ว่าฯ ซวยในซวย เพราะตัวเองทำถูกทุกอย่าง มีมารยาท สุภาพ แม้แต่การบอกว่าอุปกรณ์ของ Musk นั้น not practical ก็เป็นการบรรยายที่ถูกต้องเมื่อคำนึงถึงข้อจำกัดด้านการเวลา การฝีกซ้อม ฯลฯ
ถ้าใครอยากเสพดราม่าอย่างเดียว แล้วมาหาว่าดิฉันกลายเป็นเพจปั่น ไร้สาระ ก็ตามใจ
แต่ถ้ามองว่าดราม่านี้ #ไม่ไร้สาระ จะทำให้สะท้อนชวนคิดไปเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น
- ที่ผ่านมา สื่อปั่นและสร้างภาพให้ความสำคัญกับ Elon Musk มากไปหรือเปล่า?
- คุณวิ มีวาระแฝงและการบิดเบือนเป็นกิจวัตรขนาดไหน?
- เราให้ความสำคัญกับคุณ Richard และทีมงานมากพอหรือยัง?
ฯลฯ”
มิตรสหายท่านหนึ่ง
#รู้ยังทีมหมูป่า13 คนไม่ใช่ครั้งแรกในไทยที่มีคนติดอยู่ในถ้ำ เคยมีเคสที่โหดร้ายและทารุณกว่านี้แต่ท้ายที่สุดทุกคนก็รอดครับ
ถ้ายังจำกันได้ก่อนหน้านี้หลายร้อยปี เคยมีหญิงสาวเป็นพี่น้องกันจำนวน12คนติดอยู่ในถ้าเหมือนกันน่าสงสารมาก ไม่มีทีมกู้ภัยหรือหน่วยงานใดๆจากภาครัฐเข้ามาช่วยเลย ทั้งตาบอดและตั้งครรภ์ ทั้ง12คน ต้องติดอยู่ในถ้าอย่างยากลำบากเป็นเวลาหลายปี ทั้งที่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีหน่วยซีล หรือทีมนักประดาน้ำโลกเข้ามาช่วยเลยด้วยซ้ำ ความช่วยเหลือจากหน่วยงานราชการหรือ หน่วยบรรเทาสาธารณะภัยใดๆก็ไม่มี แต่ท้ายที่สุดทั้ง12 คน ก็รอดมาได้ ทั้ง12คนซึ่งก่อนหน้านี้ทั้ง12คนได้เป็นภรรยาของเจ้าเมืองแต่ที่ตาบอดหมดเพราะบาปกรรมในวัยเด็กที่เคยไปควักดวงตาของปลาพอโตเป็นสาวเลยถูกนางยักควักลูกตาใส่โหลแก้ว เก็บไว้ในวัง ซึ่งตอนติดอยู่ในถ้ำก็อาศัยจับกบจับเขียดในถ้ามากินประทังชีวิต เวลาผ่านไปลูกในครรภ์ของ11คนที่คลอดออกมาก็ตายหมด เหลือแต่น้องสาวคนสุดท้องที่ชื่อเภานั้น คลอดออกมาแล้วเด็กรอด จึงตั้งชื่อว่ารถเสน เมื่อโตขึ้นเป็นเด็กเก่งฉลาด มีพลังวิเศษสามารถออกจากถ้าได้ และได้พระฤๅษี คอยชุบเลี้ยงฝึกวิชาให้จนเก่งกล้า สามารถเข้าเมืองไปสู้กับนางยักษ์ชิงเอาโหลดวงตาของแม่และป้าทั้ง11คนมา และคืนดวงตาใส่ให้กับแม่และป้าทุกคนจนมองเห็นและออกจากถ้าได้
#สรุป จากเคสของนาง12ที่ชะตากรรมโหดร้ายกว่าหมูป่า13คน ทำให้เห็นว่ายังไงก็รอดครับ ไม่ต้องห่วงหมูป่านะยังไงก็รอดมีทีมระดับโลกมาช่วยขนาดนี้ทุกคนสบายใจได้ คืนนี้ดึกแล้วนอนหลับฝันดี แอดเองก็ต้องไปกินยาก่อนนอนตามหมอสั่งครับ เดี๋ยวถ้าขาดยาอาการจะกำเริบควบคุมตัวเองไม่ได้ครับ...555 นอนหลับฝันดีครับแฟนเพจทุกท่าน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นั่งทำงานอยู่ Starbucks อยู่ๆมือถือขึ้นว่ามี 2 connections ใน personal hotspot เครื่องแรกคอมเรา ก็เดินวนๆหารอบๆร้านนึกว่าเพื่อนมากะจะไปจ๊ะเอ๋
สรุปเจอแฟนเก่าทัก “แหะๆ” ใส่ แซวๆ
อิหมา ไม่รักกูแล้ว อย่า free wifi กู
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
แนวคิดโลกวิสัย (secularism) ไม่ได้ปฏิเสธหรือแอนตี้ศาสนา ไม่ได้ชวนคนให้เลิกนับถือศาสนา คนที่สนับสนุนแนวคิดโลกวิสัยและการแยกศาสนาจากรัฐ อาจมีทั้งคนที่นับถือและไม่นับถือศาสนา มีทั้งนักบวช ผู้นำศาสนา และฆราวาส
พวกเขาเพียงแต่ปฏิเสธ "การทำให้ศาสนามีอำนาจบังคับคน" เช่นการใช้ศาสนาเป็นหลักการปกครอง การบัญญัติกฎหมาย ปฏิเสธการบังคับเรียนศาสนาในโรงเรียนของรัฐ การที่องค์กรศาสนาต่างๆ เอาอำนาจรัฐและงบประมาณไปใช้สนับสนุนความเชื่อส่วนตัว ปฏิเสธการเลือกปฏิบัติเพราะเหตุแห่งการนับถือและไม่นับถือศาสนา พวกเขายืนยันให้รัฐเป็นกลางทางศาสนา ไม่ต้องระบุ "การนับถือศาสนา" ในเอกสารใดๆ ของทางราชการ ยืนยันเสรีภาพทางศาสนา เรียกร้องให้ทุกศาสนาอยู่ภายใต้กติกาที่ฟรีและแฟร์ ยืนยันสิทธิที่แต่ละคนจะเลือกนับถือและไม่นับถือศาสนา
จะว่าไปแล้วแนวคิดโลกวิสัยได้ช่วยปลดปล่อยศาสนาจากการตกเป็นเครื่องมือของรัฐในการครอบงำประชาชน ช่วยให้องค์กรศาสนามีอิสรภาพในการปกครองตัวเอง พร้อมๆ กับยืนยันสิทธิในการปกครองตัวเองทางศีลธรรมของปัจเจกบุคคล เมื่อศาสนาอยู่ห่างจากอำนาจรัฐ ศาสนาจึงจะสามารถเคารพเสรีภาพและมีความหมายทางจิตใจได้อย่างแท้จริง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
https://petapixel.com/2018/07/09/turkish-photographer-beats-up-client-over-child-bride/
ตากล้องชาวตุรกีได้รับการว่าจ้างไปถ่ายรูปงานแต่งงาน พอถึงงานถึงรู้ว่าเจ้าสาวอายุแค่ 15 (ผิดกฏหมาย) เลยไม่ถ่ายแม่ง และพยายามจะอออกจากงานแต่งงาน เจ้าบ่าวไม่พอใจเดินมาชก เลยต่อยเจ้าบ่าวจมูกหักแม่ม
มิตรสหายท่านหนึ่ง
1. git clone
2. npm i
3. build ... พัง
4. copy node_module มาจากเครื่องเพื่อน
5. build พัง
6. ไป copy folder platform มาจากเครื่องอีกคนนึง
7. build ios ผ่าน
8. build android พัง
9. ไป copy platform/android มาจากเพื่อนคนที่ 3...
เปิดโลกใหม่ผมเลย coordination + collaboration สูงมาก
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ตั้งแต่ตามข่าวมาก็ไม่เคยคิดว่า Elon Musk จะมาช่วยอะไรได้ การส่งอุปกรณ์ที่ไม่เคยใช้งานจริงกับสภาพแวดล้อมในถ้ำ (ทดสอบในสระน้ำใสแจ๋ว) มาให้เรามันก็ดูรู้ๆกันอยู่แล้วว่าแค่โฆษณาตัวเอง เห็นใจท่านผู้ว่าจริงๆ คนไทยเก่งขนาดนี้ Musk มาจากไหนถึงจะไม่ให้เครดิต?????
อัปเดทข่าวเรื่อง ชายมาเลเซียวัย 41 ลูก 6 คนที่มาแต่งงานกับเด็กหญิงไทยวัย 11 ขวบเป็นภรรยาคนที่ 3 ที่นราธิวาส แล้วพากลับไปมาเลเซีย ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าคนมาเลเซียค้านกันมาก และมีกฎหมายให้บังคับหย่าเพราะฝ่ายหญิงอายุน้อยเกินไป
ข่าวล่าสุดคือ กฎหมายมาเลเซียบังคับให้หย่าไม่ได้ เนื่องจากฝ่ายชายเป็นคนรัฐกลันตัน ซึ่งรัฐดังกล่าวให้กฎหมายอิสลามมีอำนาจเหนือกฎหมายปกติ และกฎหมายอิสลามถือว่าชายมีสิทธิ์แต่งงานกับเด็กหญิงอายุ 11 ได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ถ้าอยากทำงานที่มีจำนวน Transaction เยอะๆ มีงานสอง domain ให้เราเลือกทำคือ หนังโป๊ออนไลน์ หรือ บ่อนออนไลน์
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โอ๊ยยย!!!! หงุดหงิดแต่เช้าค่ะ 😡 (ขออนุญาตหลุดด่าเป็นระยะๆ นะคะ)
คือเมื่อเช้า ตื่นมาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ กำลังจะแต่งตัวไปทำงาน รายการข่าวเช้า スッキリ ที่เจ๊ดูทุกวันก็พูดถึงกรณีถ้ำหลวง .. อารามว่าก็คนไทยเนาะ เจ๊ก็หยุดนั่งดูนิดนึง ..
ข่าวก็พูดถึงการที่จะมีคนเอาเรื่องนี้ไปทำภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเอย จะมีการทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโปรโมทให้คนสนใจเอย .. ซึ่งมันจะไม่หงุดหงิดเลยถ้าแขกรับเชิญในรายการ ซึ่งก็คือ Matsuda Takeshi (松田丈志) อดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติไม่ออกมาวิจารณ์ในทำนองที่ว่า “ไทยควรที่จะรู้สึกผิดและละอาย ที่ทำให้หลายประเทศต้องวุ่นวายที่มาช่วย ไม่ใช่มาคิดที่จะเอาถ้ำมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยว”
เดี๋ยวนะ .. คือที่จะมาโปรโมททำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ก็นิดนึง คือก็โหนกระแสหน่อยนั่นแหละ แต่การที่มาบอกว่าไทยต้องรู้สึกผิดและละอายที่ต้องทำให้ทั่วโลกนั้นเดือดร้อนนั้น คืออะไรเหรอคะ!?
เอาจริงๆ ทุกคนมาร่วมมือกันช่วยเหลือ ทุกคนมาช่วยพวกเรานะคะ .. คือเดิมมันเป็นเรื่องในประเทศค่ะ แล้วพวกชั้นก็ไม่ได้ไปร้องแร่แห่กระเฌอให้ใครมาสร้างหนังให้ด้วย!!!! เค้าจะสร้างกันเอง!!!! ไทยไม่ได้ประกาศร้องขอความช่วยเหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ!!!
ที่ร้ายกว่านั้นคือ .. พอหาอ่านในทวิตเตอร์ คนญี่ปุ่นในทวิตหลายๆ คนก็ดันเห็นด้วยกับอิตานี้ด้วย บอกว่า ไทยกำลัง 美談化 (สร้างเรื่องให้ดูดี สวยงาม make a beautiful story) บ้างหละ ไทยกำลัง 迷惑 (สร้างความวุ่นวาย) ให้ชาวโลกบ้างหละ!!!!
อ้าว!!! อีผี!!!! ตอนน้ำท่วม ตอนแผ่นดินไหว เวลาเดือดร้อนคนก็แห่กันมาช่วย เงินก็ช่วยกันบริจาค มีน้ำใจกันไปทั่วโลก .. แล้วนี่อะไร อย่าให้คนไทยทวงบุญคุณบ้างนะคะ!!!
เข้าใจว่าเป็นความเห็นส่วนบุคคล แต่การวิจารณ์ออกทีวีสาธารณะแบบนี้ มันดูไม่มีหัวคิด ไม่คิดบ้างว่าสิ่งที่ตัวเองโพล่งออกมาจะสร้างภาพพจน์ที่ไม่ดีแก่ประเทศตัวเองยังไง เสียดายที่เคยเป็นนักกีฬาทีมชาติ การมีโอกาสออกมาดูโลกกว้างไม่ได้เปิดกะลาอะไรเลยจริงๆ
ไทยควรจะรู้สึกผิด ควรจะละอาย ... บอกเลยว่า ตอนได้ยินคำนี้ ในหัวเจ๊คือ ...
“ไม่เผือกสิคะ”
... จบค่ะ ลิงค์ข่าวน้ำท่วมเอย ลิงค์บริจาคเงินช่วยเหลือเอย พอเลยค่ะ เลิก!!!
#นอยด์มาก
ป.ล.
- ขอไม่ลงรูปอิตานักกีฬาคนนี้นะคะ รู้สึกไม่เป็นมงคลต่อเพจเจ๊
- คนที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดนางก็มีนะคะ ฉะนั้น เราจะไม่วิจารณ์คนญี่ปุ่นในภาพกว้างเนาะ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไทยไม่ได้ประกาศร้องขอความช่วยเหลืออะไรเลยด้วยซ้ำ!!!
พ่องดิ มีคนเรียกต่างชาติเขามาช่วยบอกไม่เรียกร้อง
พวกชาวเกาะแม่งก็เป็นงี้แหละ แนะนำมาบางอย่างก็โอเคแต่ส่วนใหญ่ปากดีไปหน่อย รายนี้น่าโดนตบกะโหลกอยู่ ปากดีไม่เข้าเรื่อง เด็กมันติดในทำมันจงใจทำหรอไง เหมือนประเทศมันโดนน้ำท่วมกับแผ่นดินไหว เด็กมันก็แค่เข้าไปเที่ยวแล้วฝนเสือกตกท่วมถ้ำนั่นแหละ
เอาเรื่องแย่ๆมาทำให้สวยงามอันนี้ก็โอเค แต่มันไม่ใช่นักวิจารณ์ที่จะมาวิจารณ์อะไรแบบไม่ดูบริบทของคนไทยไง พูดไปตามที่มันรู้นั่นแหละ ให้มันอยู่ในเกาะไปนั่นแหละwwww ประเทศพัฒนาบางทีชอบทำตัวแบบนี้นี่แหละ ถึงได้เกลียดนักนะ
>>931 กูว่ามันเป็นปกติของสังคมญี่ปุ่นนะ ตอนระหว่างยังช่วยไม่ได้ กูอ่านทวีตฝั่งญี่ปุ่น มีคนเรียกร้องให้หา 責任者 (ผู้รับผิดชอบ) และลงโทษให้เหมาะสมบ้างแหละ มีคนด่าว่าคนไทยยังไม่ฉลาดพอที่จะคิดถึงว่าเงินที่เอาไปช่วยเป็นภาษีพวกมึงเอง จะไปช่วยทำไม เปลืองงบ อะไรแบบนี้ด้วย ซึ่งกูไม่เห็นด้วย แต่ก็เข้าใจว่าสังคมบ้านเขามันเป็นสังคมวัตถุนิยมทางเศรษฐกิจ (物質主義) แบบฝังลึกไปแล้ว
พจอานนท์บอกไม่ทำหนังป้อดว่ะ
ถ้าจะพูดถึงเรื่องจิตใจยังไม่พัฒนากูว่าบ้านเราก็พอๆกันว่ะ ทุกประเทศมันก็มีคนปกติกะคนทำตัวงี่เง่าปะปนกันไปทั้งนั้น ด่าเขาไปก็เข้าตัวเองเปล่าๆ
“ปู่จ๋าน ลองไมค์” หรือ พิษณุ บุญยืน แร๊ปเปอร์ที่กำลังมาแรงที่สุด ใน พ.ศ. นี้ แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ของ “ปู่จ๋าน” เริ่มต้นมาจากความดราม่า เพราะในอดีตเขาคือเด็กบ้านนอกที่เรียนไม่จบ เป็นแค่ช่างซ่อมแอร์ ช่างติดจานดาวเทียม แต่ด้วยความหลงไหลในเสียงเพลงและความพยายามที่สร้างโอกาสให้ตัวเอง วันนี้เขากลายเป็นแร็ปเปอร์ชื่อดัง มีสไตล์การร้องที่โดดเด่น กับเพลงแจ้งเกิด อย่าง “ตราบธุลีดิน”
ผ่านไประยะหนึ่ง กระแสการฟังเพลงผ่านยูทูปก็แผลงฤทธิ์ยอดวิวเพลง “ตราบธุลีดิน” ถล่มทลายกว่า 100 ล้านวิว เนรมิตให้ “ปู่จ๋าน” เติบโตเป็นที่รู้จักในวงการเพลง ล่าสุดผุดเพลงใหม่ “แลรักนิรันดร์กาล” อีกหนึ่งเพลงที่มียอดวิวพุ่งกระฉูด ซึ่งเป็นเพลงที่ “สายป่าน อภิญญา” โทรมาขอให้แต่งเพลงประกอบเอ็มวี โปรเจคจบอีกด้วย “ปู่จ๋าน ลองไมค์” หรือ พิษณุ บุญยืน แร๊ปเปอร์ที่กำลังมาแรงที่สุด ใน พ.ศ. นี้ แต่กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ของ “ปู่จ๋าน” เริ่มต้นมาจากความดราม่า เพราะในอดีตเขาคือเด็กบ้านนอกที่เรียนไม่จบ เป็นแค่ช่างซ่อมแอร์ ช่างติดจานดาวเทียม แต่ด้วยความหลงไหลในเสียงเพลงและความพยายามที่สร้างโอกาสให้ตัวเอง วันนี้เขากลายเป็นแร็ปเปอร์ชื่อดัง มีสไตล์การร้องที่โดดเด่น กับเพลงแจ้งเกิด อย่าง “ตราบธุลีดิน”
ผ่านไประยะหนึ่ง กระแสการฟังเพลงผ่านยูทูปก็แผลงฤทธิ์ยอดวิวเพลง “ตราบธุลีดิน” ถล่มทลายกว่า 100 ล้านวิว เนรมิตให้ “ปู่จ๋าน” เติบโตเป็นที่รู้จักในวงการเพลง ล่าสุดผุดเพลงใหม่ “แลรักนิรันดร์กาล” อีกหนึ่งเพลงที่มียอดวิวพุ่งกระฉูด ซึ่งเป็นเพลงที่ “สายป่าน อภิญญา” โทรมาขอให้แต่งเพลงประกอบเอ็มวี โปรเจคจบอีกด้วย
กสทช. บังคับลงทะเบียนมาหลายปี, เพิ่มค่าใช้จ่าย เพิ่มภาระ เพิ่มความเสี่ยงให้ประชาชน
พอมีปัญหาก็ไม่สามารถจัดการอะไรได้
แต่ก็จะทำ และพยายามจะทำให้มากขึ้นเรื่อยๆ
โง่ แต่ขยัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
การดึงข้อมูลจากฐานข้อมูล MySQL ให้เร็วขึ้น 50 เท่า เทคนิคดีๆ ที่สาย Node.JS ต้องไม่พลาด
clip 1
https://youtu.be/fQh_i57rZt8
clip 2
https://youtu.be/XG_up6bNP5k
clip 3
https://youtu.be/YrZ1H0iUZ8Q
เทคนิคง่ายๆ และเด็ดมากครับ ขอขอบคุณ ก. เกม (Viriyah Langkaviket) ที่มาจุดไอเดียให้อาตมาแกะโค้ดจาก PHP แปลงเป็น Node.JS พบว่าเร็วขึ้นอย่างมากครับ
จริงๆ ถ้าหากทำ Array Optimization ก็จะไวขึ้นอีกมาก เดี๋ยวได้แนวทางดีๆ จะมาบอกต่อเน้อ
นึกหน้าแม่แล้วน้ำตาคลอทุกที เอาภาระมาให้ที่บ้านทั้งๆที่กูไม่ได้ทำ ป่านนี้มึงคงใช้เงินเสวยสุขอยู่สินะ กูไม่ยอมแน่ทำกูลำบากขนาดนี้ ครอบครัว คนเกี่ยวข้องของมึงต้องชิบหายให้หมด มึงจำคำกูไว้ไอเหี้ยกอฟ
ไอ้กอฟแม่งเหี้ยจริงๆ ขี้แล้วไม่ยอมราดส้วม
อีอ้วนเมียไอยุดเป็นสายตำรวจ
Elon, 10 July 2018: Thailand is so beautiful.
Elon, 15 July 2018: Only pedo's would move to Thailand.
#มิตรสหายคนหนึ่ง
มุกแบบนี้เลิกเล่นเถอะครับ ไม่ขำแล้วยังดูเสี่ยวอีก
ด่าคนทรงหน้าถ้ำว่างมงาย
แต่อยากให้เด็กๆ ที่ติดถ้ำไปบวชเพื่อทดแทนบุญคุณจ่าแซมอ่ะครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
โพสนี้พูดถึงการเเต่งงาน ส่งเสริมให้เเต่งงาน ผู้หญิงกับผู้ชายเป็นสิ่งถูกสร้างมาคู่กัน ผู้หญิงกับผู้ชายต้องพึ่งพิงกันเเละกันเพื่อให้ชีวิตสมบูรณ์เเบบ เเละเเนวทางที่ถูกต้องที่จะกระทำสิ่งดังกล่าวได้ก็คือการเเต่งงานตามที่ศาสนาได้บัญญัติไว้
ไม่ใช่จะบอกว่าคุณผู้หญิงไม่มีความสามารถที่จะดูเเลตัวเองได้ หรือไม่มีความสามารถหาเลี้ยงชีพได้ ซึ่งนี่เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เเต่ที่จะพูด คือผู้หญิงต้องเเต่งงาน เพราะธรรมชาติของผู้หญิงคือต้องเเต่งงาน
ส่วนผู้หญิงที่ไม่ประสงค์จะเเต่งงาน โดยอ้างว่าอยู่คนเดียวก็ได้ นั่นบ่งถึงความผิดปกติของจิตใจ ฝืนธรรมชาติ #เเนะนำให้ไปพบเเพทย์
เเละเมื่อเเต่งงานเเล้ว ผู้ชายก็ต้องเป็นผู้ปกครองผู้หญิงตามที่อิสลามได้ระบุไว้
ซึ่งดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งที่สอดคล้องกับธรรมชาติเเละอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เเละเป็นสิ่งที่กินกับสติปัญญา
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ครบรอบ 1 ปีล้าว ที่เปิดร้านญี่ปุ่นเอง .. ความสำเร็จ ก้าวแรก ยอดขายขึ้น 250% เทียบจากปีที่แล้ว เริ่ม จาก ศูนย์ จริงๆเลย ในพลาซ่าร้างๆ 5555 ... สิ่งที่ได้การ ทำ ธุรกิจ ครั้งนี้เลยคือ
1. ความอดทน
2. ความพยายาม
3. การมองเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่
4. ความไม่เคยท้อ
5. การตั้งเป้าหมายลูกค้าให้ถูก กลุ่ม กับราคา และเมนูอาหารให้ชัดเจน
6. คุณภาพอาหาร และ บริการ คือต้องจัดเต็ม และเร็ว
7. การทำให้ลูกเชื่อ ในอาหารของเรา หาจุดเด่น มันออกมา
8. สร้างทีมที่ดี
9. การเด็ดขาด
10. ทำงานเก่งไม่พอ แต่ต้องสอนพนักงานให้เก่ง ให้ได้เท่าเรา สำคัญมาก เปลี่ยนระบบ ความคิด ไม่ใช่ พฤติกรรม
11. ห้ามปล่อยผ่านแม้แต่เรื่องเดียว
12. ต้องสปอต ไม่งก ไม่ว่าจะกับลูกน้อง หรือ ลูกค้า
ข้อสุดท้าย “ไม่มีอะไรที่แม่งทำไม่ได้” และมันต้อง “สำเร็จ”
สรุปคือ ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหน location จะแย่ยังไง คู่แข่งมีเป็นสิบร้านในระยะ 3 ไมล์ ถ้ามีพวกนี้ ไม่ว่าจะทำไรก้อสำเร็จ จาก วัน ที่ลูกค้า แขยงร้าน เก่า ไม่กล้าเข้า โดนโจมตีหนักจากลุกค้าญี่ปุ่น คิดตั้งแต่วันแรกจะเปลี่ยนกลุ่ม ลุกค้าใหม่ให้หมด สุดท้ายมันก้อทำได้จริงๆ จน ลุกค้า แน่น ต่อไล
สิ่งที่ดีใจที่สุดคือการเห็น ยอดขายโตได้ขนาดนี้ คือวันที่แม่งโคดเหนื่อย แต่ต้องทน แต่ไม่เคยมีสักวันที่ แม่งท้อ สักนิดคิดว่าต่อไปคงไม่หยุด อยุ่แค่นี้
การก้าวขา ออกมาจากพ่อเต็มตัว จากเด็ก ที่วันๆเคยใช้แต่เงิน แต่งตัว แต่งหน้า เขียนตาดำๆ หนีบผม เป็น ชม ชอบ แกล้งเพื่อน เที่ยว ช้อปปิ้ง ไปวันๆ มีทุกอย่าง ที่อยากได้จนวันนี้ เราได้เป็น กรรมกร อย่างเตมตัว 😂😂
เด่วมาลุ้นกันต่อ ปีสอง ปีสามจะเป็นยังไง เอาจริงๆน่ะค่ะ พ่อ แอมไม่ได้ ทำเพื่อเงินเลยทุกวันนี้ พ่อกับแม่ให้แอม มาทุกอย่างแล้ว แอมแค่อยากทำให้พ่อ กับแม่ ภูมิใจในตัวแอม และมีความสุข แค่นั้นเอง แล้วเลี้ยง พ่อกับแม่ กลับคืนบ้าง สู้ๆๆ แอม ชิว ชิว~
วันก่อนครับ หลังจากบริษัทประกาศปรับเงินเดือนอันน้อยนิด มากกว่าอัตราเงินเฟ้ออย่างเป็นทางการนิดนึง ประมาณ 1.4% หัวหน้าผมก็เดินมาบอกกับพวกผมว่า เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญคืออย่างอื่นมากกว่า เช่นเพื่อนร่วมงาน บรรยากาศการทำงาน แหม่ ไอ้เรื่องพวกนั้นมันก็ใช่แหละครับ แต่เงินขึ้นมาแค่ 750 บาทต่อเดือน นี่ไม่รู้จะพูดไงจริงๆ
ในการทำงานจริงๆ เทคโนโลยี อะไรที่มันซับซ้อน ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด คำตอบที่เจอบ่อยๆ และ ใช้ไม่ได้จริง คือ Docker และ Websocket เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนพึงจะกระทำได้ (หลายคนไม่ได้ใช้ VPS หรือ วาง Server เอง) ถ้าจะเปรียบ ก็เหมือนกับ Elon Musk ส่งเรื่อดำน้ำจิ๋ว มาให้นั่นแหละ ... ไม่ใช่ว่ามันไม่ดี แค่มันไม่ใช่ วิธีที่ดีที่สุด เท่านั้น ... บอกน้องๆไป จะทำให้พวกเขางงเปล่าๆ
ในญี่ปุ่นมีมาแล้วนะครับ ทำงานหาเงินจนซื้อที่ดินในเขตรปปงงิ ได้มา 3แปลง เฮียแกให้เช่าที่และใช้ชีวิตเป็น neet อย่างสบายอารมณ์ วลีอมตะของเฮียแก
"ทุกๆคนอยากเป็นneetกันทั้งนั้น แต่พวก ที่ด่าว่าneetเนี่ยคือ คนที่ไม่มีศักยภาพ มากพอที่จะเป็นneetต่างหาก"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
Section 32 of the Act is headed "Handling Salmon in Suspicious Circumstances".
>>978 เสือนอนกิน หมายถึง การได้รับผลประโยชน์ผลกำไรโดยไม่ต้องลงทุนหรือลงแรงทำงาน หรือการลงทุนลงแรงเพียงครั้งแรก หลังจากนั้นก็รอรับผลประโยชน์ เช่น
พ่อของเขาเป็นคนมองการณ์ไกล ไม่อยากให้ครอบครัวลำบากจึงได้ลงทุนสร้างอพาร์ตเม้นท์ให้เช่าเอาไว้ ตอนนี้เขาก็กลายเป็นเสือนอนกินวันๆไม่ต้องทำอะไรมีรายได้จากค่าเช่าห้องก็อยู่ได้สบายๆ
เห็นข่าวหมอเตือนห้ามให้ทารกกินกล้วย แต่ดันมีชาวไทยมาด่าหมอ แล้ว ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่
แม่ผมเป็นพยาบาล ผมเกิดในมหาวิทยาลัยขอนแก่น เคยได้ยินวิธีการตายแบบมาสเตอร์พีชจากความเชื่อท้องถิ่นมาเป็นสิบๆรูปแบบ
ปัญหาใหญ่คือ คนไทยเชื่อหมอผี กับเรื่องที่ใครก็ไม่รู้พูดมา มากกว่าหมอ หมอบอกไม่เชื่อ แต่เชื่อจดหมายลูกโซ่สูตรยาผีบอกที่หย่อนอยู่ในตู้จดหมายก็มี
จากบันทึก เราพบว่าความเกรียนแล้วดื้อของชาวสยาม มีมาตั้งแต่วันที่การแพทย์สมัยใหม่เข้ามาในแผ่นดินสยามแล้ว โหดสัสมาตั้งแต่เมื่อสองร้อยปีก่อน
บุคคลที่ต่อสู้กับเรื่องนี้เป็นคนแรกคือ หมอปลัดเล หรือชื่อเต็มคือ แดน บีช บรัดเลย์ (Dr.Daniel Beach Bradley)
ในยุคที่หมอบรัดเลย์เกิด กระแสฟื้นฟูศาสนาในอเมริกันกำลังเฟื่องฟู มีความคิดในเรื่องรณรงค์เลิกทาส และเรียกร้องให้ผู้ศรัทธาทำมิชชั่น โดยการเดินทางไปยังประเทศที่ยังไม่พัฒนา เพื่อเผยแพร่ศาสนา และวิทยาการต่างๆ
หมอบรัดเลย์เป็นนายแพทย์ซึ่งเดินทางมายังประเทศไทยเป็นคณะมิชชันนารีของคณะอเมริกัน เข้ามาถึงประเทศไทย ในสมัยรัชกาลที่ 3 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2378 (1835)
ตอนนั้นหมออายุ 31 ปี เป็นผู้ร่วมเริ่มต้นพันธกิจคริสเตียนสายโปรแตสแตนท์ในประเทศไทย และร่วมก่อตั้งคณะเพรสไบทีเรียนสยาม ที่ต่อมาเป็นสภาคริสตจักรไทย
คิดว่าเมื่อหมอบรัดเลย์มาถึงสยาม คนไทยในสมัยรัชกาลที่ 3 ตอบรับอย่างไร กับการแพทย์ตะวันตก?
กลายเป็นว่าคนสมัยนั้นมองว่า ศาสนา กับ วิชาต่างๆ เป็นเรื่องเดียวกัน
ประมาณว่า การรักษาโรคกับการไล่ผีเป็นสิ่งเดียวกัน ยาบำรุงธาตุกับความเชื่อเรื่องจักรวาลวิทยาของพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งเดียวกัน อายุรเวทอินเดียถูกผนวกเข้ากับความเชื่อของศาสนาจนเป็นเนื้อเดียวกัน
ดังนั้นการแพทย์ตะวันตก จึงไม่อาจอธิบายให้คนสยามเข้าใจได้
พูดง่ายๆคือ สมมุติคนป่วยคือถูกผีเข้าก็ต้องหาว่านทีมีฤทธิ์ไล่ผีสิ ยาฆ่าเชื้อห่าอะไร
นอกจากนั้น เราก็รู้ดีว่าหมอหลวงจะมีท่าทียังไงเมื่อมีศาสตร์ใหม่ที่ได้ผลมากกว่าเข้ามาเหยียบแผ่นดิน คิดว่าหมอหลวงจะมีจิตวิญญาณไปขอเรียนเพื่อพัฒนาวิชาการแพทย์มารักษาคนงั้นเหรอ - คิดอะไรเป็นการ์ตูนหมอญี่ปุ่นแบบนั้น คุณก็รู้ว่าที่นี่สยาม
ผลคือการรักษาของหมอบรัดเลย์ไม่ได้รับการยอมรับจากชาวสยาม เวลานั้นชาวจีนตอบรับการแพทย์ตะวันตกมากกว่า รวมถึงมีชาวจีนเปิดรับศาสนาคริสต์มากกว่า หมอบรัดเลย์ จึงเริ่มต้นก่อตั้งโรงหมอบริเวณแถวๆเยาวราชในปัจจุบัน เพื่อจ่ายยา และหนังสือศาสนาให้แก่คนไข้
ผลคือทางการสยามไม่ชื่นชอบหมอบรัดเลย์นัก จึงกลั่นแกล้งไม่ให้เช่าที่ต่อ โดยอ้างว่าเกรงจะทำให้ชาวจีนก่อกบฏ
หมออยู่ได้ไม่กี่เดือนก็ต้องย้ายไปอยู่บริเวณชุมชนชาวโปรตุเกส พวกคณะมิชชันนารีช่วยกันสร้างโอสถศาลาขึ้น เปิดทำการเมื่อ 30 ตุลาคม 2378(1835)
ปี 2379(1836 ) หมอบรัดเลย์ได้สั่งแท่นพิมพ์เข้ามาเป็นเครื่องแรกในสยาม และได้พิมพ์หนังสือเล่มแรกของสยามคือ "บัญญัติ 10 ประการ" เพื่อแจกในการเผยแพร่ศาสนา
วิชาของหมอยังไม่เป็นที่ไว้วางใจของชาวสยาม จนกระทั้ง 3 มกราคม 2380(1837) มีพระสงฆ์รูปหนึ่งถูกพลุที่ใช้ในงานวัดระเบิดใส่จนแขนขาด หมอบรัดเลย์จึงทำการผ่าตัดใหญ่เป็นครั้งแรกในสยาม ชื่อเสียงของหมอก็เลยดังขึ้นมา
(ว่ากันว่ามีการผ่าตัดเอาเนื้องอกจากทาสออกก่อนหน้านั้น ซึ่งควรนับเป็นครั้งแรกมากกว่า)
นั่นทำให้ชื่อเสียงของหมอบรัดเลย์ดีขึ้น ชาวสยามยอมรับการผ่าตัดต้อกระจก และเนื้องอก แต่จุดประสงค์ทางด้านศาสนาของหมอก็ไม่คืบหน้าเท่าไหร่ ทางการสยามสนใจงานด้านการพิมพ์ของหมอมากกว่า
ทางการสยามได้ให้การสนับสนุน และจ้างให้หมอพิมพ์เอกสารเรื่องการห้ามสูบฝิ่นของรัฐบาล 9,000 ฉบับ
ในปี 2384(1841) หมอบรัดเลย์ ก็สั่งหล่อตัวอักษรไทยเพื่อใช้เรียงพิมพ์ขึ้นได้เป็นครั้งแรก จากที่ก่อนหน้านี้ใช้บล็อกพิมพ์ไม้
ปี2387(1844) หมอบรัดเลย์ก็ได้ออกหนังสือพิมพ์ฉบับแรกของสยามขึ้นในชื่อว่า หนังสือจดหมายเหตุ บางกอกรีคอร์เดอร์
และแล้วก็เกิดการระบาดของไข้ทรพิษหรือโรคฝีดาษขึ้นในสยาม
ถ้าเราอ่านประวัติศาสตร์ของภูมิภาค จะพบว่าจะมีโรคพวกนี้ระบาดทุกประมาณ 30-50 ปี เรียกรวมๆว่า "ห่าลง" ซึ่งมีโรคยอดฮิตคือ อหิวาฯ ฝีดาษ กาฬโรค เวียนๆกันไป ลงเมื่อไหร่ก็ตายห่ากันทั้งเมือง
หมอบรัดเลย์ได้เสนอวิธีการรับมือกับฝีดาษแบบสมัยใหม่คือ การปลูกฝี
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเมตตาพระราชทานเงินให้หมอซื้อเชื้อสำหรับการปลูกฝีมาจากอเมริกา หมอบรัดเลย์ได้ศึกษาต่อจนกระทั้งสามารถผลิตเชื้อที่ใช้ปลูกฝีต่อได้เอง จนสามารถปลูกฝีได้แพร่หลาย สยามจึงสามารถชนะไข้ทรพิษ ซึ่งเป็นโรคที่ฆ่าชาวสยามมาตลอดสมัยโบราณได้สำเร็จ
(ต่อเม้นล่าง)
(ต่อจาก >>980 )
หมอบรัดเลย์ได้รับเงินพระราชทานเป็นรางวัลที่เอาชนะฝีดาษได้สำเร็จ หมอพยายามขยายสู่เป้าหมายต่อไปคือการเอาชนะความตายของทารกตอนคลอด หมอจึงนำเงินรางวัลนี้ไปเป็นทุนพิมพ์หนังสือคัมภีร์ครรภ์รักษา ซึ่งเป็นวิธีทำคลอดแบบสมัยใหม่
ถ้าโครงการของหมอสำเร็จเราอาจจะไม่มีแม่นาคพระโขนง แต่ผลคือล้มเหลว ชาวสยามยังคงใช้วิธีทำคลอดแบบเดิม แล้วก็ตายทั้งกลมกันเหมือนเดิม
หมอบรัดเลย์ยังไม่ท้อถอย ยังพยายามฝึกหมอหลวงด้วยวิชาแพทย์สมัยใหม่ มีการพิมพ์ตำราแพทย์กว่า 200 ปก
โรงพิมพ์ของหมอ ยังพิมพ์หนังสืออื่นๆออกมาจำนวนมาก ทั้งจินดามณีซึ่งเป็นหนังสือเรียนภาษาไทยเล่มแรก หรือแม้กระทั้งสามก๊ก
แต่ภารกิจการเผยแพร่ความคิดของหมอบรัดเลย์เป็นไปอย่างเหนื่อยยาก และไม่ค่อยประสบความสำเร็จ
เหตุผลคือ ยังมีคนสยามที่อ่านหนังสือออกน้อยมาก ความเชื่อเดิมฝังรากลึกยากจะแก้ไข
สำคัญคือ เมื่อคนสยามไม่เชื่อศาสนาของหมอตั้งแต่ต้นแล้ว ก็กลายเป็นปฏิเสธความรู้อื่นๆของฝรั่งไปด้วย
คนสยามมีนิสัยเชื่อคนตามคนที่พูดมากกว่าหลักความจริงของคำที่พูด เช่นในตอนปลูกฝี ที่ได้ผล เพราะโครงการมาจากพระเจ้าแผ่นดิน พอเป็นโครงการของหมอเอง คนสยามก็เชื่อพระ เชื่อผู้ใหญ่ในชุมชนมากกว่าหมอ
นี่ทำให้ชีวิตของหมอบรัดเลย์ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จทั้งด้านการเผยแพร่ศาสนา การเผยแพร่ความคิด และการเผยแพร่วิชาการแพทย์
ในตอนแรกหมอยังพอเลี้ยงชีพจากธุรกิจการพิมพ์ได้ แต่หมอก็ต้องพบวิกฤติเพราะนิสัยรักความถูกต้องของตัวเอง
ด้วยความเป็นทั้งมิชชั้นนารีอเมริกัน และเจ้าของหนังสือพิมพ์ หมอบรัดเลย์คิดว่าเป็นจรรยาบรรณที่จะต้องต่อสู้กับคอรัปชั่น
แต่นายก็รู้ว่าที่นี่สยาม
หมอบรัดเลย์เขียนบทความเปิดโปงการทำสัญญาแบบลับๆระหว่างข้าราชการสยามกับกงสุลฝรั่งเศส ซึ่งคงจะไปขัดผลประโยชน์คนระดับพระคลัง
ผลคือหมอบรัดเลย์ถูกฟ้อง และแพ้คดี เพื่อนๆต้องรวมเงินกันไปจ่ายค่าปรับ ผลคือทำให้หนังสือพิมพ์ของหมอต้องปิดตัวไป
ถึงอย่างนั้น หมอก็ยังพยายามเผยแพร่ความรู้ให้กับชาวสยาม ด้วยการพิมพ์เผยแพร่หนังสือแปลจากภาษาต่างประเทศ ตำราแพทย์ และตำราเรียน มาอย่างต่อเนื่อง
หมอบรัดเลย์ทำงานอย่างหนัก จนกระทั้งเสียชีวิตในวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2416(1873) เป็นเวลา40กว่าปี ในภารกิจพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอีกฝั่งของโลกจากบ้านเกิดของหมอ
งานของหมอบรัดเลย์แทบจะไม่ประสบความสำเร็จเลยในยุคสมัยของหมอ มีคนน้อยมากที่รับเชื่อ มีคนน้อยมากที่เปลี่ยนพฤติกรรมด้านสาธารณสุข งานด้านสื่อก็ต้องปิดฉากลง
ที่จริงแล้ว หมอบรัดเลย์เป็นทั้งบิดาของคริสตจักรไทย บิดาแห่งการแพทย์สมัยใหม่ บิดาแห่งการพิมพ์ และบิดาแห่งสื่อไทย แต่หมอก็ไม่ได้รับเกียรติเท่าที่ควรจะเป็น
แต่ไม่ว่ามนุษย์จะยกย่องให้เกียรติหมอบรัดเลย์หรือไม่ รากฐานทางด้านศาสนา การแพทย์ และสิ่งพิมพ์ก็ถูกวางไว้แล้ว สิ่งที่หมอทำไว้ได้ค่อยๆขยาย และต่อยอดจนมาถึงปัจจุบัน
.
.
.
ผมอยากจะปิดประเด็นนี้ด้วยเรื่องของนาอามาน
นาอามานเป็นแม่ทัพชาวซีเรียก่อนสมัยคริสต์กาล ซึ่งเป็นโรคเรื้อน สาวใช้ของเขาที่เป็นเชลยชาวยิว จึงบอกให้ไปหา เอลีชา ผู้ที่จะรักษาได้
ทีนี้ เรื่องมันใหญ่มาก เพราะตอนนั้นซีเรียกับอิสราเอลเป็นศัตรูกัน แต่นาอามานก็อยากหายต้องให้พระราชาทำเรื่องขอเดินทางไปหาเอลีชา
พอเจอหน้า เอลีชา ดูอาการแล้วบอกให้ นาอามาน ไปล้างตัวในแม่น้ำจอร์แดนหน้าบ้านเอลีชา 7 ครั้ง แล้วเดี๋ยวหายกลับบ้านได้
นาอามาน โมโหมาก บอกประมาณว่า "สัส โรคเรื้อนมันจะหายง่ายๆแบบนั้นได้ยังไงวะ นี่ข้ามาจาดามัสกัสมาเจอพระยิวเพื่อโดนบอกให้ไปอาบน้ำเนี่ยนะ"
ผมคิดว่าคนไม่เชื่อหมอกัน เป็นเพราะการรักษาจริงๆ มันเรียบง่ายไม่อภินิหาร เขาอยากได้พิธีเท่ๆ มีปล่อยแสง มีคนสวด
.
.
.
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากไปถึงคริสเตียนว่า หากคิดจะทำอะไรแปลกๆ ขอให้คิดถึงหน้าหมอบรัดเลย์ และมิชชั่นของหมอทั้ง 40 ปีไว้
กลุ่มพันธกิจต่างๆของคนรุ่นก่อนๆก็พยายามกันแทบตายกว่าจะสร้างโรงพยาบาลกันได้แต่ละแห่งหวังให้พี่น้องได้ใช้ประโยชน์
ส่วนคนอื่นถ้าใครยังจะเชื่ออะไรของเขาอยู่ ก็ให้เป็นทางของใครของมันก็แล้วกัน
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ศาสนาที่หมอเผยแพร่มันก็คือๆกันกับหมอผีนั่นแหละ คนไทยมันถึงไม่เปิดรับไง
กินเมนูเดิมร้านเดิมมาอาทิตย์กว่าละ เมื่อวานกูเข้าไป คนผัดเห็นหน้าทักเลย "เหมือนเดิมนะ?"
นี่กึ่งไม่แน่ใจเลยบอก "ค่ะ กะเพราหมูกรอบ ไข่ดาวสองฟอง ไม่ใส่พริก สองกล่อง" แกบอกโหทวนขนาดนี้ไม่เชื่อใจกันหนิ
อะ วันนี้กูไป แกหันมา "เหมือนเดิม?" กูก็ค่ะ เข้าออฟฟิศเปิดกล่องมา อีห่า หมูกระเทียม
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
"เห็นใส่เนยขนาดนั้นแล้วเครียดเลย เลยออกมานอกร้านอัดบุหรี่ไปสองมวน เบียร์อีกสองป๋อง
อันตรายจริงๆนะครับเนยเทียม มะเร็งทั้งนั้น"
มิตรฯ
ตำราประวัติศาสตร์ของยุโรปสมัยใหม่ จะต่างจากจีนแบบจารีตขงจืออย่างหนึ่ง คือจีนสนใจคน ยุโรปสนใจระบบ
ตำราประวัติศาสตร์จีน พิจารณาประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่มักจะมองจากสายตาของมนุษย์
ตัวอย่างเช่น เมื่อเราอ่านสามก๊ก เรารู้ว่าโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวนตัดสินใจอย่างไร และมันส่งผลกับตัวโจโฉ เล่าปี่ ซุนกวน หรือคนของเขาอย่างไร
เรารู้ว่าการตัดสินนั้นมีปัญญา หรือโง่ จากผลที่ตามมาต่อบุคคล
ประวัติศาสตร์จีนโฟกัสไปที่คน พูดถึงความฉลาด และการตัดสินใจของคน
เรารู้ว่ารัฐของสู่ เว่ย อู่ มีใครเป็นแม่ทัพ เป็นกุนซือบ้าง แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าโครงสร้างรัฐของสู่ เว่ย อู่ เป็นอย่างไร
พวกเขามีที่ปรึกษากี่คน ตำแหน่งเรียกว่าอะไรบ้าง มีระบบการประชุมและตัดสินใจอย่างไร ใครสั่งใคร ระบบการเก็บภาษีเป็นอย่างไร การค้าเป็นอย่างไร อะไรเป็นสินค้าสำคัญของแคว้น เราไม่รู้ ดูเหมือนเรื่องพวกนี้จะไม่ใช่เรื่องที่นักปราชญ์ขงจือจะสนใจหยิบยกมาวิเคราะห์
หรือมักจะอธิบายสาเหตุของเหตุการณ์เป็นเพราะการตัดสินใจส่วนบุคคลเช่น "ราชวงศ์หมิงล่ม เพราะ อู๋ ซานกุ้ย เปิดประตูให้แมนจู"
ในขณะที่ การศึกษาประวัติศาสตร์ของยุโรปสมัยใหม่จะมองไปคนละอย่างกัน พวกเขาสนใจว่า เซเนทมีทั้งหมดกี่คน ที่มามาจากไหน ประชนในเมืองนั้นมีกี่ชนชั้น ทหารโรมันมีอาวุธอะไรบ้าง เมืองโรมใช้เทคโนโลยีทางสถาปัตยกรรมอย่างไร สินค้าสำคัญคืออะไร ชาวโรมสร้างฐานะจากอะไร
ถ้าถามว่าทำไมโรมล่ม คำอธิบายแบบยุโรปสมัยใหม่ก็จะอธิบายแบบเป็นโครงสร้างสังคม อธิพลทางศาสนา และสภาวะแวดล้อม
เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์แบบจีนในจารีตเดิม เราจะพบว่าความรุ่งเรืองมาจากการตัดสินใจที่ดีของคน การเป็นคนเก่งคนดี การเลือกใช้คนเก่งคนดีมาทำงาน
แต่เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์แบบยุโรป เราจะพบว่าความรุ่งเรืองมาจากระบบที่ดี การมีโครงสร้างการเมืองที่ดี เทคโนโลยีที่ดี มีการผลิตสินค้า และระดมทรัพยากรได้ดี
จริงๆประวัติศาสตร์แบบยุโรปมีแนวโน้มจะมองสังคมเป็นเครื่องจักร และมนุษย์เป็นฟันเฟืองหนึ่งของระบบ เหมือนมองจากสวรรค์ลงมา ในขณะที่แบบจีนมองในมุมของมนุษย์กว่า เป็นมุมมองของคนที่อยู่ในเหตุการณ์กว่า
ดังนั้นในการอ่านประวัติศาสตร์จีนเราจะรู้สึกทึ่งกับความฉลาดของปราชญ์โบราณ แต่เมื่ออ่านประวัติศาสตร์ยุโรป เราจะรู้สึกว่าเราฉลาดกว่าเสมอ เพราะเรารู้มากกว่าคนสมัยนั้นแล้ว
ผมเดาเอาว่า นักประวัติศาสตร์ยุโรปตั้งแต่ยุคกลางคงพยายามมองโลกด้วยสายตาของพระเจ้า และนักคิดที่เอามาวิเคราะห์ในสมัยใหม่พยายามดูสังคมในฐานะฟังเฟืองหนึ่ง ที่ดำเนินไปตามกฎบางอย่างซึ่งต้องอธิบาย เหตุ-ผลได้
ในขณะที่ปราชญ์ขงจือของจีนบันทีกเรื่องราวของผู้ที่ได้อาณัติสวรรค์ เพื่อให้ใช้สั่งสอนลูกหลานให้ตัดสินใจเลือกทางที่ฉลาด และถูกต้อง โดยเรียนรู้จากประวัติศาสตร์ที่เคยมีมา (เช่น เจินกวนเจิ้งเย่า ที่สรุปจากประวัติศาสตร์ว่าการมีขันติยธรรมของกษัตริย์ทำให้บ้านเมืองรุ่งเรือง หรือฉางตวนจิงที่สรุปว่าคนชิบหายเพราะไม่ประยุคปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์)
คนไทยคุ้นชินกับการศึกษาแบบจีนขงจือที่ตกสมัยไปนานแล้ว แต่ไม่ค่อยศึกษาจากมุมวิเคราะห์แบบตะวันตก จึงมักจะมองว่าปัญหาต่างๆเกิดจากการตัดสินใจที่ไม่ดี หรือโง่ของบุคคล
แต่เราต้องมองประวัติศาสตร์จากทั้งสองมุมมอง ทุกวันนี้แม้แต่ประเทศจีนเองก็ศึกษา ค้นคว้า และสอนประวัติศาสตร์จากวิธีของตะวันตกสมัยใหม่ด้วยแล้ว
เมื่อเราศึกษาประวัติศาสตร์จากมุมมองของตะวันตก เราจะพบว่า หลายครั้ง มนุษย์ตัดสินใจด้วยความดี อย่างเห็นส่วนรวม สุดความสามารถ สุดปัญญาแล้ว แต่มุมมองที่จำกัดของยุคสมัยนั้นทำให้มันได้แค่นั้นจริงๆ
อย่างเมื่อเราเรียนเรื่องของพี่น้องกรักคุส กับความพยายามของมารีอุส เรารู้ว่ามันทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาทำมันสุดทางจากมุมมองที่จำกัด และทรัพยากรที่พวกเขามีแล้ว
พวกเขาไม่ใช่พระเจ้า เป็นมนุษย์ จากขอบเขตที่พวกเขารับรู้ พวกเขาทำได้ดีที่สุดแค่นั้น
โครงสร้างของรัฐ ปริมาณการผลิตที่จำกัด และการขาดความรู้บีบบังคับให้ผลมันออกมาแบบนั้นจริงๆ
กลายเป็นว่าเจตนาดีนำไปสู่ผลร้าย พวกเขาฉลาดที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ไม่ได้เกี่ยวกับว่าคนจะเลวหรือโง่เลย
ในมุมนี้ การหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่เราเรียนจากอดีตได้ จึงต้องแก้ไขด้วยการปรับโครงสร้างของรัฐ และเศรษฐกิจ
ไม่มีประโยชน์ที่จะมาด่าว่าใครโง่ หรือใครตัดสินใจพลาด
ในคำภีร์โจอี้บอกว่า "ความผิดพลาดครั้งแรกคือเยาว์ความ แต่ถ้ามีครั้งที่สอง หรือสาม คือความโง่"
มนุษยชาติเคยเยาว์ เราทำผิดมาแล้ว แต่คนที่ไม่เรียนจากความผิดพลาด ไม่ยอมเปิดมุมมองให้กว้างขึ้น ไม่ค้นคว้าจนเข้าใจที่มาของปัญหาที่แท้จริง และไม่แก้ไขรากของปัญหา นั่นแหละคือความโง่
แต่ดูเหมือนประเทศของเราจะไม่เคยเรียนประวัติศาสตร์อะไรเลย ก็เลยโง่ซ้ำๆ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
เค้าแค่มาสืบพันธุ์
ฟิสิกส์ของการหยุดเวลา
หลักความสมมูล (Equivalence Principle) ระหว่างสิ่งที่เคลื่อนไหว กับสิ่งที่หยุดนิ่ง ถ้าเราอยู่ในรถซึ่งปิดฟิล์มทึบสนิท เราจะไม่สามารถบ่งชี้ว่าเรากำลังเคลื่อนไหวหรือหยุดนิ่งถ้ารถนั้นเคลื่อนที่ไปบนทางเรียบแบบสมบูรณ์ด้วยความเร็วคงที่ เราจะไม่สามารถบ่งชี้ความแตกต่างระหว่างเราตะบึงเข้าชนรถอีกคันที่หยุดนิ่ง หรือรถอีกคันตะบึงเข้าชนเรา หลักการนี้ สามารถปรับใช้ได้กับแนวคิดการหยุดเวลา สมมุติว่า โจทาโร่ ใช้สตาร์แพลตตินั่มหยุดเวลา การที่มันจะเคลื่อนไหวในเวลาที่หยุดนิ่ง มันจะต้องบังคับให้อากาศเคลื่อนหลบโจทาโร่ ซึ่งมันก็จะไม่ต่างอะไรกับการที่อากาศซึ่งไหลด้วยความเร็วแสงกระทบตัวเรา เรารู้จากสมการสัมพัทธภาพว่า วัตถุที่มีมวลใดๆที่ความเร็วแสงจะมีพลังงานเป็นอนันต์ ดังนั้น การเคลื่อนที่ในเวลาที่หยุดนิ่ง มันก็จะต้องใช้พลังงานเป็นอนันต์ในการเคลื่อนอากาศสักอนุภาค และมันทำให้การเคลื่อนที่ในเวลาที่หยุดนิ่งเป็นไปไม่ได้
ในอีกทางหนึ่ง ถ้าเรามองว่า เวลา เป็นส่วนหนึ่งของกาลอวกาศ และความโค้งของกาลอวกาศทำให้เกิดการยืดของเวลา บางทีเวลา ไม่ได้เดินด้วยอัตราที่เท่ากันในห้วงอวกาศนี้ ในกรณีการหยุดเวลาของโจทาโร่ กาลอวกาศรอบนอกโจทาโร่จะมีความชันเป็นอนันต์ โดยรอบตัวของโจทาโร่จะเป็นจุดยอดของความโค้งของกาลอวกาศเป็นศูนย์กลาง นั่นคือ เวลารอบตัวโจทาโร่จะเดินอยู่ แต่เวลาที่ห่างออกไปจะเดินด้วยอัตราที่ช้าลงจนหยุดนิ่งที่ระยะอนันต์ ในเคสนี้ การออกแรงในการเคลื่อนไหวของโจทาโร่จะไม่ต้องใช้พลังงานเป็นอนันต์ เนื่องจากพอเดินเข้าใกล้เป้าหมาย การยืดของเวลาก็จะลดลง
ในกรณีสมมุติ - คะเคียวอิง ที่โดนดิโอ ต่อยไส้แตก ในมุมมองของดิโอ คะเคียวอิงจะเคลื่อนไหวช้าตอนอยู่ห่างและเคลื่อนไหวเร็วจนเป็นปรกติเมื่อดิโอมาถึงตัว ส่วนในมุมมองของคะเคียวอิง จะเห็นดิโอเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงและชะลอลงก่อนต่อยไส้แตก
แต่ถึงเราจะหยุดเวลาด้วยวิธีหลัง ใช้ความโค้งของกาลอวกาศ เมื่อความโค้งของกาลอวกาศ = พลังงานและมวล การสร้างความโค้งของกาลอวกาศลักษณะนี้ ข้อจำกัดพลังงานอาจน้อยกว่าเคสแรก แค่ว่าเราต้องไปหามวลและพลังงานลบ เพื่อจะสร้างปฏิความโค้งของปฏิหลุมดำที่มีเราเป็นศูนย์กลาง เป็นจุดยอดที่ความโค้งของกาลอวกาศชันเข้าหาแล้วปรับเป็นระนาบที่ราบเรียบ ก็ขืนให้ความชันของกาลอวกาศที่ตัวเราอยู่เป็นอนันต์เวลาของเราก็หยุดไปด้วยแล้วเราจะหยุดเวลาไปทำซากอะไร ซึ่งตอนนี้ มันยังไม่มีทีท่าว่ามวลลบ หรือ พลังงานลบมันจะมีอยู่จริง และมันก็มีปัญหาต่อมาเรื่องการเกิด Spaghettified เพราะกาลอวกาศที่โค้งขนาดนั้นมันก็จะเกิดผลเป็นแรงโน้มถ่วงดึงเข้าหา การจะหยุดเฉพาะเวลา ไม่ว่าจะสมมุติให้เป็นเคสเวลาหยุดทั้งหมดมีแต่เราที่เวลาเคลื่อนไหว หรือใช้ทริกความโค้งของกาลอวกาศ มันย่อมจะเจอข้อจำกัดด้วยกฎทางฟิสิกส์ทั้ง 2 ทางนั่นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
นี่มันรสเหงื่อของพวกโกหก
ไปถามไอ้เหี้ยควิกซิลเวอเลยต่อยคนแบบไม่เจ็บแขนด้วย
ข่าวการโจมตีฐานข้อมูลสุขภาพของสิงค์โปร์เมื่อวานนี้ ไม่น่าแปลกใจนะครับว่าทำไมมันถึงทำได้สำเร็จ ตามข่าวบอกว่าคนที่โจมตี (cyber attackers) ต้องการข้อมูลด้าน health ของ Prime Minister Lee Hsien Loong ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะเอาไปทำอะไรนะครับ
พวกเราเชื่อไหมครับว่าระบบ cyber security ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนี้ เกิดจากการลองผิดลองถูก (trials and errors) ทั้งนั้น การลองผิดลองถูกจึงขึ้นกับประสบการณ์ของผู้ดูแลระบบ หากลองแล้วทำงานได้ที่หนึ่ง ก็ไม่ได้การันตีว่ามันจะทำงานได้เหมือนกันในอีกที่นะครับ ไม่ได้มีหลักการใด ๆ ที่สนับสนุน เพราะฉะนั้น มันถึงได้อันตรายมาก ๆ นะครับ เหมือนกับลองดูแล้วมันทำงาน "ได้จริง" ก็ใช้เลย เราเรียกวิธีการแบบนี้ว่า rules of thumb หรือ best practices นะครับ เน้น practical เป็นหลัก
เมื่อหลายปีก่อน มีผู้ที่มีชื่อเสียงหลายท่านเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยทั้งหลายได้ศึกษา cyber security อย่างจริงจัง เรียกว่า the call for science of cyber security แม้กระทั่ง NSA ของสหรัฐก็ยังออกมาเรียกร้องถึงความจำเป็นที่จะต้องมี science of cyber security นะครับ เพราะความเสียหายที่เกิดขึ้นมันมหาศาลจริง ๆ เราต้องการความเข้าใจในศาสตร์นี้ หมายถึงหลักการที่พิสูจน์ได้ เพื่อที่จะให้ practitioners นำมาใช้ได้จริงอย่างมีประสิทธิผลนะครับ
cyber security จึงเป็นอีกสาขาหนึ่งที่ต้องการ mathematicians and theorists อย่างมาก ยังมีปัญหาวิจัยอีกมากที่รอให้คนเข้าไปทำให้กระจ่างนะครับ
ปล. ผมมีทุนปริญญาเอก คปก. ที่ศึกษา science of cyber security โดยตรง อยู่ 1 ทุน กำลังรอคนติดต่อมานะครับ
เย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้ม เย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้ม
เย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้มเย็ดยะเย็ดอัลเลาะห์ เย็ดอัลเลาะห์เย็ดกะเทยหีแตดตะแตดอัลเลาะห์ยะเย็ดอัลลออัลเลออออออ บึ้มบึ้ม
เรารักnichaxและก็รักลุงเหลี่ยม
ใกล้ปิดกะมู้แล้วววววววววววววววววววววววววววววววววว
ปิดมู้้้้้้เพื่อเย็ดรูหีแม่แอดมินsirn
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.