แอดมินไปเจอคลิปของ Zakir Naik คลิปนึง ซึ่งบอกได้เลยว่า แถได้อย่างน่าสงสารมากๆ เลยอยากจะเอามาเล่าสู่กันฟังซะหน่อย
Zakir Naik นี่คือคนที่คุณชารีฟ แห่ง สำนักพิมพ์ อัซซาบิกูน ชื่นชมยกย่องเอามากๆ และชอบเอาชื่อมาอ้างอยู่บ่อยๆ นั่นแหละครับ
เป็นคลิปในยูทูปชื่อ "Dr.Zakir Naik พระเจ้ากำหนดแล้ว แต่เราเป็นคนเลือก" (www.youtube.com/watch?v=tMHDDnuweNA)
คือมีคำถามประมาณว่า ถ้าทุกอย่างถูกอัลลอฮฺกำหนดมาแล้ว แล้วถ้าใครทำอะไรผิดแล้วจะไปโทษเขาได้ยังไง ในเมื่อเขาแค่ทำสิ่งที่อัลลอฮฺกำหนด
อันนี้แอดมินยกตัวอย่างเพิ่มเติมหน่อยนะ คืออย่างเช่นถ้าเรามีเรื่องเดือดร้อนอะไรซักอย่าง สมมุติว่ารถถูกขโมยก็แล้วกัน มุสลิมก็จะบอกว่าอัลลอฮฺประสงค์ หรืออัลลอฮฺทดสอบ หรืออะไรทำนองนั้น ซึ่งนั่นแปลว่าเหตุการณ์นี้ (การขโมยรถ) เกิดจากอัลลอฮฺ จึงนำไปสู่คำถามที่ว่า แล้วโจรขโมยรถผิดอะไร? ทำไมต้องถูกลงโทษ (ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า) ในเมื่อเขาแค่ทำตามความประสงค์ของอัลลอฮฺเ่านั้นเอง ?
Zakir Naik ตอบว่าไง?
แรกสุด ไปเปรียบเทียบกับการ #คาดการณ์
ซึ่งตัวอย่างที่เขายกมาก็คือ ครูคาดการณ์ผลการเรียนเด็ก
ปัญหาก็คือ การคาดการณ์มันไม่ใช่การกำหนดนะสิครับ
คนละเรื่องกันเลย
ครูคาดการณ์ว่าเด็กคนนึงจะได้เกรด 4 แล้วเด็กก็ได้เกรด 4 จริงๆ เราก็จะไม่พูดว่าเขาได้เกรด 4 เพราะการคาดการณ์ของครู หรอกนะครับ ถ้าจะยกประโยชน์ให้ครูก็ต้องไปพูดเรื่องการสอนของครูอะไรไปโน่น ไม่ใช่เด็กได้เกรด 4 เพราะการคาดการณ์
คือมันไม่เป็นหตุเป็นผลกันเลยโดยสิ้นเชิง
แยกให้ออกนะครับ อันนึงคาดการณ์ ซึ่งการคาดการณ์ไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่อสิ่งนั้นๆ และไม่ได้เป็นการกำหนดสิ่งนั้นๆด้วย
แต่กรณีมุสลิมนี่ต่างนะครับ เจ้านายให้โบนัส ได้เป็นรัฐมนตรี แข่งกีฬาชนะ ฯลฯ ก็บอกว่าเป็นเพราะพระประสงค์อัลลอฮฺ, โดนคนโกงเงิน โดนปล้น โดนทำร้าย ฯลฯ ก็บอกว่าเป็นการทดสอบจากอัลลอฮฺ อัลลอฮฺกำหนดมาเช่นนั้น
นี่ยังไม่นับว่า การคาดการณ์มันมีผิดมีถูกอีกนะ
จะเป็นเพราะ Zakir Naik เห็นปัญหาจากข้ออ้างที่เพิ่งพูดไปหรือไงไม่ทราบ หลังจากนั้นด็อกเตอร์ผู้น่าสงสารคนนี้เลยต้องอ้างเพิ่มว่า เพราะอัลลอฮฺรู้ว่าคุณจะทำยังงี้ ก็เลยกำหนดให้ทำยังงี้
คำถามคือ ถ้าเขาจะทำอยู่แล้ว แล้วยังต้องไปกำหนดทำไมอีก?
และที่สำคัญ ถ้าเราตัดสินใจเองจริงๆมันก็ไม่ใช่การกำหนดจากใครที่ไหนแล้ว ไม่สามารถพูดได้แล้วว่ามีใครกำหนด (ย้ำว่าถ้าเราเลือกเองจริงๆนะ)
หรือในทางตรงข้าม ถ้ามีคนกำหนดก็แปลว่าเราไม่ได้เลือก นั่นแหละ
ช่วงท้าย ด็อกเตอร์ผู้น่าสงสารคนนี้ก็บอกว่า
"ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเพราะพระประสงค์ของอัลลอฮฺ แต่คนที่เลือกคือคุณ"
ซึ่งลองคิดตามนะ
สมมุตินาย ก. จะขโมยของ
ดูท่อนแรกก่อน "ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเพราะพระประสงค์ของอัลลอฮฺ"
อันนี้แปลว่าการขโมยที่เกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะประสงค์ของอัลลอฮฺ
ถามว่า ก.เลือกได้เหรอ?
ถ้าเลือกได้ (ตามประโยคหลังที่ว่า “แต่คนที่เลือกคือคุณ”) งั้นถ้า ก. เลือกไม่ขโมย ล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?
อัลลอฮฺเปลี่ยนความประสงค์ตาม ก. งั้นเหรอ?
อันนี้แปลว่าความประสงค์ของพระเจ้าที่เปลี่ยนตามมนุษย์เลยนะ
ซึ่งก็ต้องถามกลับไปว่า แล้วยังงี้จะพูดได้เหรอว่าพระเจ้าเป็นคนกำหนดนั่นนี่ ในเมื่อตัวชี้ขาดคือการตัดสินใจของมนุษย์ อัลลอฮฺแค่เปลี่ยนตาม ?
แบบนี้ถ้ามีเรื่องดีๆอะไร (เช่น เจ้านายให้โบนัส) จะไปขอบคุณอัลลอฮฺก็ไม่ถูกนะ เพราะอัลลอฮฺแค่กำหนดตามที่เจ้านายเลือก แค่นั้นเอง
(ยิ่งไปกว่านั้น อัลลอฮฺจะต้องมากำหนดทำไม ในเมื่อเจ้านายเขาเลือกยังงั้นอยู่แล้ว?)
หรืออัลลอฮฺไม่เปลี่ยน?
ถ้าอัลลอฮฺไม่เปลี่ยนความประสงค์ แต่ ก. ตัดสินใจต่าง จะเกิดอะไรขึ้น?
ถ้าเอาตามที่ Zakir Naik อ้าง "ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นเพราะพระประสงค์ของอัลลอฮฺ" นั่นแปลว่า ก. จะกลับบ้านตัวเปล่า ไม่ขโมย ก็ต่อเมื่ออัลลอฮฺประสงค์
แต่กรณีนี้อัลลอฮฺประสงค์ให้ขโมย (เพราะเรากำลังพูดถึงกรณีที่อัลลอฮฺไม่เปลี่ยนความประสงค์)
งั้นแปลว่าถึงที่สุดการตัดสินใจของ ก. ก็ไม่มีผลอะไรนะ
เห็นมั้ยครับ มีแต่ความลักลั่นย้อนแย้ง ไม่สมเหตุสมผล เต็มไปหมด
ที่สำคัญ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่คนนอกศาสนาเท่านั้นที่เห็นปัญหา เพราะแม้แต่มุสลิมเองก็ยังสังเกตุเห็นเลย (ในช่วงต้นการตอบ Zakir Naik ก็ยอมรับเอง)
จุดสำคัญมันอยู่ที่ว่า มุสลิมเหล่านั้นจะกล้ายอมรับความจริง จะกล้าแตกหักกับตัวเองและสังคมมุสลิมหรือไม่ แค่นั้นเอง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง