<ต่อจากเม้นบน>
อันนี้แค่เรื่องความไม่สะดวกทั่วไป แต่ในการใช้ชีวิตมีปัญหาแน่นอน
เป็นเรื่องปรกติที่คริสเตียนจะมาแชร์เรื่องการถูกข่มเหงกันในคริสตจักร
มีพี่บางคน พอเป็นคริสเตียนแล้ว ทั้งบ้านไม่คุยด้วยอยู่ 17 ปี แกเป็นผู้หญิงที่เป็นแม่บ้าน แต่พ่อ แม่ พี่สาว ของสามีไม่คุยกับแกเลยสักคำ
บางคนเป็นลูกคนจีน ไปไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษไม่ได้ ถึงกับบ้านแตก
บางคนบวชไม่ได้ พ่อแม่ร้องห่มร้องไห้ ว่าจะไม่ได้ไปสวรรค์ ไม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองลูก
บางคนเป็นข้าราชการ หน่วยเหนือออกโครงการให้ไปค่ายปฏิบัติธรรม ก็ไปไม่ได้ โดนเจ้านายเขม่น เจ้านายกดดันว่า ถ้าไปครบทุกคนจะประเมินบางอย่างให้กับทั้งหน่วยเป็นพิเศษ - สุดท้ายพี่คนนี้ต้องลาออกจากงาน เพราะทนที่ทำงานไม่ไหว
บางคนเขียนประถมมัธยม เขายกมือสวดมนตร์กัน ก็ทำไม่ได้ กลายเป็นแปลกแยก ถูกเพื่อนล้อ
โดนว่าไม่รักชาติ ของไทยบรรพบุรุษเรามีอยู่แล้ว ทำไมต้องไปตามฝรั่ง ก็มี
คือเรื่องอะไรที่เราคิดว่า เฮ้ย ไม่จริงหรอก มันเป็นละครป่ะ มันมีจริงๆเว้ย ผมเองก็อึ้งเหมือนกัน
ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำให้คอมมูนิตี้คริสเตียนแข็งมาก
ยอมรับว่าตอนมีดราม่าเรื่อง อร BNK ไม่เข้าวัด ผมเดือดเหมือนกัน เพราะผมเคยโดนไง 555+
ขนาดผมไม่ได้ โอชิ อร แต่เวลามีคนมาดราม่าอร ผมก็เดือดอยู่เหมือนกัน
.
.
.
ทีนี้ ที่บ่นมา ไม่ได้ จะเรียกร้องความเท่าเทียมอะไรขนาดนั้นหรอกครับ
ผมคิดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง พูดตรงๆ ว่าถ้าไม่บัพติสมา เราอยู่เหมือนเดิมก็ไม่มีอะไร
อันที่จริงในไบเบิลก็บอกไว้แล้วว่าเราจะโดน ในสมัยโรมันทุกคนก็โดน หนักกว่านี้ ก็รอดมาได้... เออ ไม่สิ ตายนี่หว่า... ตายต่อโลกนี้ แต่ยังมีความหวังนิรันดร์ น่ะนะ
ดังนั้น ในเมื่อคนเมื่อก่อนทนมามากกว่านี้ เรื่องความไม่สะดวกเล็กน้อยแค่นี้พวกผมทนได้
ไม่มีสิ่งใดดีในชีวิตของคริสเตียนเท่ากับการที่พระผู้เป็นเจ้าอยู่กับเรา ต่อให้คุณต้องทนทุกข์มากกว่านี้ ก็ยังไม่เท่ากับความยินดีนี้
แค่อยากจะสื่อสารว่า ความเป็นพลเมืองชั้นสองทางศาสนา และแรงกดดันจากรัฐและสังคม มันมีอยู่จริง เท่านั้นเองครับ
#มิตรสหายท่านหนึ่ง