อย่างน้อย รบ.นักการเมือง ชาวบ้านยังต่อรองได้นะ อย่างที่เม้นบนๆ บอกแหละ รมต. มีข่าวอื้อฉาวและมีชาวบ้านกดดันมากๆ กูมั่นใจว่ายังไงต้องมีไขก๊อก ขนาดตอนนิรโทษสุดซอย ท้ายที่สุดยิ่งลักษณ์ยังยอมยุบสภาเลย แต่ กปปส. มันไม่จบเอง เลยเสียแนวร่วมไปพอสมควร (ก่อนวันที่ 9 ธ.ค. 56 ที่ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภา แดงบางสาย หรือพวกกลางๆ ก็ไปร่วมกับนกหวีดนะ เพราะไม่เห็นด้วยกับนิรโทษสุดซอยกับสภาผัวเมีย แต่พอเขายุบสภาแล้วไปเรียกร้องปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ไปป่วนเลือกตั้งที่ กกต. กำหนดแล้ว นั่นแหละพวกนี้ถอยออกหมด )
ส่วนเรื่องทุจริตเนี่ย ถ้ากูบอกว่าเป็น Mindset แบบไทยๆ พวกมึงจะโกรธกูไหมล่ะ คนไทยไม่ชอบอะไรที่เป็นระเบียบแบบเคร่งครัด และยังเน้นเรื่องความสัมพันธ์ส่วนบุคคล คือเราไม่ได้เป็นสังคมปัจเจกแบบฝรั่ง (บ้านเราผู้ใหญ่ต้องใจกว้างกับผู้น้อย และผู้น้อยต้องเคารพผู้ใหญ่..Mindset แบบนี้ ถ้าด้านมืดของมันก็คือระบบอุปถัมภ์นี่แหละ) อย่างชาวบ้านด่านักการเมือง ด่าข้าราชการ แต่เวลาจะเปิดเทอมก็ไปขอ สส. อบต. ฯลฯ หาที่เรียนให้ลูกหน่อย หรือถ้ามีเพื่อนมีญาติเป็นตำรวจ ขับรถโดนใบสั่งมาก็ขอให้เคลียร์หน่อย เรื่องจัดงานแต่งงานบวชแล้วขอยืมเลนซ้ายจอดรถ ชาวบ้านก็ทำนะ เจ้าหน้าที่ก็มาอำนวยความสะดวกให้ ถามว่าเมืองนอกที่เจริญแล้วทำแบบนี้ได้ไหม? ทำไม่ได้หรอก แต่บ้านเราทำได้ ถ้าตำรวจเคร่งๆ มา ชาวบ้านด่าอีกประท้วงอีก
ฉะนั้นแม้กระทั่งเรื่องทุจริต บ้านเราแม่งต้องมาคุยกันก่อนละว่าแบบไหนรับได้แบบไหนรับไม่ได้ อย่างการห้ามใช้ทรัพย์สินขององค์กรไปกับเรื่องส่วนตัว ฝรั่งเขาถือมาก แต่บ้านเราบอกเฉยๆ ใช้กันทั้งราชการและเอกชน จำตอนคำสั่งห้ามชาร์จมือถือ ห้ามจอดรถล้างรถในสถานที่ราชการได้ไหมล่ะ คนไทยด่าคนออกกฎนี้โดยพร้อมเพรียงกัน