กูคิดว่า จ๊อปมันเก่งแบบเป็นคนประสานงานว่ะ แล้วหัวเรื่องการค้าดีมาก
คือเพื่อนมันที่ทำApple I นั่นน่ะอัจฉริยะเลยแต่ จ๊อปเป็นคนผลักดันให้เอาไปขาย ติดต่อนายทุน,หาร้านค้าให้ แล้วฟีดแบคจากร้านค้า จ็อปเป็นคนรวบรวมไว้ แล้วไปทำแบบสำเร็จรูป Apple II ไปขาย
แนวคิดแบบจ๊อป คือ ไปรับรู้จริงๆว่าลูกค้าต้องการอะไร แล้วใช้ให้อัจฉริยะทำงานให้ได้ตามความต้องการเช่น
เครื่องแมคอินทอช มีระบบปรับสีหน้าจอให้ใกล้เคียงกับสิ่งพิมพ์ (ทำในคอมพ์ แล้วสั่งพิมพ์ออกมาแล้วสีไม่เพี้ยน) พวกทำสื่อสิ่งพิมพ์ชอบมาก
ดีไซน์เนอร์บอก อยากได้ฟอนต์สวยๆ. จ๊อปถือเป็นเรื่องใหญ่. ให้คนออกแบบฟอนต์เยอะแยะ
ร้านค้าของ ลูกค้าต้องการได้ของสำเร็จรูป ต้องมีจอ มีคีย์บอร์ด. จ๊อปทำแบบสำเร็จรูปให้
เครื่องเสียบ่อยว่ะ เคลมให้ซ่อมยาก จ๊อปทำระบบ เอาเครื่องเสียมา แล้วเอาเครื่องใหม่ไปเลย
จ๊อปมันเป็นแบบ รับแนวคิดจากคนอื่น บางทีไปฟังกับพวกอัจฉริยะเนิร์ด แล้วเอามาทำเป็นสินค้าเจ๋งๆด้วยซ้ำ เป็นคนที่มีแรงผลักดันมากคือมั่นใจว่าขายได้แล้วกล้าเสี่ยงกล้าทุ่มเลยมีสินค้าที่คนต้องการใหม่ออกมา
แต่เห็นเขาว่าช่วงชีวิตที่ทำเงินสุดคือขายสตูดิโอ Pixar ให้ดิสนีย์นะ
แต่จ๊อปแม่งเหี้ยตรงที่ ทำแบบรับหน้าคนเดียว เอาหน้าเยอะนะเว้ย ในหนังก็มีให้เห็น เพื่อนที่ล้มลุกคลุกคลานทำงานฯทางให้มัน บอกขอคุยด้วย ในร้านอาหาร มันบอกรอแป้บ แล้วไปคุยกับผู้บริหาร จนเพื่อนทนไม่ไหวเดินออกไปเลยก็มี. ครอบครัวล้มเหลวด้วย
อย่างไอ้มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กก็มีดราม่าตรงที่นอนเจ้าตลาดหุ้น แม่งตัดชื่อคนทำบัญชี วิ่งเต้นหาทุนให้ตอนแรก จนเขาจะฟ้องร้องว่า ต้องมีหุ้นด้วย แล้วมาใส่ชื่อให้หุ้นทีหลัง เพราะที่ปรึกษาบอกว่าถ้าฟ้องขึ้นมาเสียหนักแน่