[ต่อจากเม้นบน]
ความเหลื่อมล้ำสารพัดมิติ
---
ความเหลื่อมล้ำเช่นนี้จึงผลิตซ้ำความเหลื่อมล้ำมากขึ้นเเรื่อยๆ คนที่ได้เปรียบก็ได้เปรียบมากขึ้น คนที่เสียเปรียบก็เสียเปรียบมากขึ้น
คนรวยก็มีโอกาสให้แป๊ะเจี๊ยะแพงๆ ส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนดีๆ ขณะที่คนจนก็แทบจะไม่มีเงินซื้อเสื้อผ้าให้ลูกไปโรงเรียน ไม่ต้องนับว่าโรงเรียนแถวบ้านของพวกเขานั้น บางโรงเรียนอาจไม่มีครูในบางวิชาด้วยซ้ำไป ลองคิดดูว่า เด็กๆ เหล่านี้จะโตขึ้นมามีโอกาสได้เท่ากับคนที่ได้เรียนโรงเรียนดีๆ หรือไม่
การงาน การศึกษา การพัฒนา ความมั่นคงในชีวิต เหล่านี้คืออุปกรณ์ถ่างความเหลื่อมล้ำให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ต่อให้ขยันเท่ากัน แต่เมื่อมีต้นทุนทางสังคมไม่เท่ากัน มีโอกาสไม่เท่ากัน ก็ย่อมมีผลลัพธ์ในชีวิตที่แตกต่างกันอย่างมาก
บางคนจึงต้องหาทางออกในบางช่วงด้วยการเป็นหนี้ เพื่อแก้ปัญหาบางอย่างของชีวิต หรือเพื่อลงทุนให้กับความฝันบางอย่างที่พวกเขามีสิทธิ์ฝัน มิใช่ความโลภหรือโง่
ตัวอย่างเรื่องบ้านมั่นคง ชาวบ้านซึ่งมีรายได้น้อยมากกู้ยืมเงินเพื่อสร้างบ้าน และต้องมีวินัยในการผ่อนบ้าน บางคนอาจจะเดือนละ 20 บาท บางคนเดือนละ 100 บาท แต่พวกเขามีระบบจัดการการเงินในชุมชน ค่อยๆ สร้างความเข้มแข็งให้เกิดขึ้นในชุมชน
แบบบ้านของพวกเขาเรียบง่าย นอกจากนั้นยังใช้แรงงานในชุมชนก่อสร้างบ้านกันขึ้นมาเอง ใครเป็นช่างก็มาช่วยกันสร้าง รับค่าแรงกันไปตามสมควร
"หนี้" ที่ได้รับการจัดการที่ดีจึงเป็นวิธีหนึ่งในการก่อร่างสร้างตัว
...
ภาพลักษณ์ที่ประทับให้ "คนจน"
---
เราไม่ควรมองคนจนด้วย "แม่แบบ" หรือ stereotype แบบเหมารวม คนจนมีสติปัญญา มีความสามารถ และมีระบบจัดการที่ดีมีอยู่มากมาย พวกเขาหาความรู้ พัฒนาตัวเอง พัฒนาชุมชน กระทั่งต่อรองทำงานร่วมกับรัฐ มีความเคลื่อนไหวในแนวทางที่ดีและมีความหวังเกิดขึ้นมากมาย
จนไม่ได้โง่ ไม่ได้โลภ เสมอไป
คนจนก็มีสิทธิ์ฝันถึงชีวิตที่ดีได้เช่นกัน
การจะวิพากษ์สิ่งใด หากจะยุติธรรม เราอาจต้องถอดหมวกที่ตัวเองสวมอยู่เสียก่อน เพราะเรามักติดสินโลกตามไม้บรรทัดของชีวิตของเราเสมอ เราต้องเข้าใจคนที่เราจะวิพากษ์เสียก่อนจึงจะแฟร์ ต้องลองสวมรองเท้าของเขาดูก่อนไหม มากไปกว่านั้น เมื่อมองหนึ่งหน่วยในสังคม เราอาจต้องลองมองว่า หนึ่งหน่วยนั้นถูกทำให้เกิดขึ้นได้จากโครงสร้างสังคมแบบไหน เราไม่สามารถวิพากษ์ในลักษณะของปัจเจกบุคคลได้เสียทีเดียว
คนจน มิได้เกิดขึ้นเพียงเพราะเขาขี้เกียจ หรือเอาแต่กินเหล้า หากเกิดขึ้นจากสภาพโครงสร้างที่บิดเบี้ยวและเป็นปัญหา ซึ่งมีเราเป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างอันเหลื่อมล้ำนั้น เราเองก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาจนด้วยเช่นกัน
ในฐานะเพื่อนร่วมสังคม หากตระหนักถึงความทุกข์และปัญหาของพวกเขา เราอาจต้องรอบคอบสักนิดก่อนคิดแนะนำใคร มิฉะนั้นคำแนะนำอันหวังดีอาจกลับกลายเป็นหอกดาบที่ทิ่มแทงให้ผู้เสียเปรียบต้องเจ็บช้ำและถูกตีตราด้วยภาพเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้เพียงต้องการหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาของเพื่อนร่วมสังคมของเรา และอยากชวนกันคิดว่า หากเราไม่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างผิวเผินเพียงแค่อย่าโลภ อย่าโง่ อย่าขี้เกียจ เราจะสามารถช่วยกันแก้ปัญหาในเชิงระบบอย่างยั่งยืนให้เพื่อนร่วมสังคมได้อย่างไร
ด้วยความปรารถนาดีครับ"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง