Fanboi Channel

โม่งมิตรสหายท่านหนึ่ง 3rd quotes

Last posted

Total of 1000 posts

551 Nameless Fanboi Posted ID:ejdE0Y8+z

เอาจริงๆนะ ระยะนับตั้งแต่ 2012 เป็นต้นมาจนถึงตอนนี้ ในตลาดมีจำนวน "Player" มากขึ้น ถ้านับจากตัวเลขบัญชีเล่นหุ้น ผมจำตัวเลขตอนนั้นไม่ได้แต่น่าจะไม่กี่แสน ส่วนตอนนี้น่าจะ "เกือบล้าน" หรือล้านนิดๆ (ไม่รู้ตัวเลข แต่เคยอ่านแว้บๆ)

หรือถ้าให้เดา ปริมาณ Player หน้าใหม่น่าจะมากกว่า Player หน้าเดิมราวๆ 2-3 เท่าตัว และอภินิหารตลาดหุ้นระยะหลังที่เป็นขาขึ้นมาตลอด ก็ทำให้ใครหลายคนมีความหวังกับตลาดหุ้นมากขึ้น

ตลาดขาลงก็เป็นตัวหนึ่งที่จะพิสูจน์ได้ว่าใครแกร่งและอยู่รอดมาได้ แต่เหนือสิ่งอื่นได้คือการอยู่รอดได้ในระยะยาวนั้นเป็นเรื่องสำคัญกว่า เพราะยิ่งคุณเจอวิกฤตมากเท่าไหร่ การ Compound ของ Portfolio ย่อมเติบโตเป็นเท่าตัวหรือหลายเท่าตัว

นอกจากนี้ในช่วงตลาดหุ้นวิกฤตเป็นช่วงตลาดหุ้นมีแต่หุ้นราคาถูกๆ การใช้มาร์จิ้นในช่วงตลาดแบบนั้นย่อมได้เปรียบมากกว่าในภาวะตลาดในปัจจุบัน เพราะโอกาสที่จะสร้างผลกำไรนั้นย่อมมีมาก และวงเงินมาร์จิ้นที่ได้รับก็จะสูงขึ้น เพราะมูลค่าหลักประกันสูงขึ้น (ขี้เกียจอธิบาย อยากรู้ไป Google เอาเอง)

อย่างที่ว่าไป ตลาดลงเยอะๆ หุ้นดีราคาถูก ผมอัดมาร์จิ้นแน่ ที่ผ่านมาก็อัดมาร์จิ้นตลอด นั่นคือสิ่งที่ทำให้มีทุกวันนี้ เพราะมาร์จิ้นเป็นตัวสำคัญในการสร้างผลตอบแทนที่มากขึ้นในจำนวนเงินที่น้อยลง (Leverage)

แต่การใช้ Leverage ก็ต้องมาพร้อม Risk Management, Portfolio Management และ Money Management ด้วย ไม่ใช่อยากใช้ก็ใช้ สุ่มสี่สุ่มห้าเล่นมั่วๆซั่วๆ พังครับบอกเลย จาก Leverage จะช่วยเราสร้างผลตอบแทน แม่งจะกลายเป็นหายนะทันที

แต่หากถามว่า Key สำคัญที่สุดของการอยู่ในตลาดหุ้น ส่วนตัวมองว่าอย่างแรกสำคัญที่สุดคือ Timing หุ้นดีในภาวะตลาดแย่ แม่งก็แย่ตามตลาด หรือต่อให้หุ้นแย่ในภาวะตลาดคึกคัก แม่งก็สร้างกำไรได้ เข้าทำนองว่าในวันฟ้าใส ไก่บ้านยังบินได้

และอย่างที่สองคือ Logic of Thinking ที่เราจะ "รู้" หรือ "เดา" ว่าอะไรน่าจะเป็นตัวสร้างกำไรได้ อะไรน่าจะเป็นเทรนด์ และการรู้เทรนด์จากนั้นลุยเข้าไปใน Sector ที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนได้ดีนั้น จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาด ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนที่ยาก ต่อให้คนที่เป็นเซียนหุ้นทั้งหลาย ก็มักจะซุ่มเงียบๆ เก็บหุ้นกัน พอมันบินแล้ว เขาถึงบอกว่ามีอะไร แล้วก็ค่อยใช้ "มือเม่า" ไล่ราคา

แน่นอนมันไม่ใช่การปั่นหุ้น แต่มันคือการที่เขา "คิดได้ก่อน" หรือ มองเห็นก่อน เขาก็ย่อมที่จะได้ต้นทุนที่ดีกว่า อย่าลืมว่าเขาเก็บหุ้นได้ 10 บาท คุณเก็บหุ้นได้ 20 บาทต่อหุ้น หุ้นวิ่งไป 30 บาท คุณได้กำไรแค่ 50% แต่อีกคนหนึ่งได้กำไร "สองเท่าตัว" นะครับ

ภาวะตลาดปัจจุบันถึงได้บอกว่าอะไรก็ไม่ค่อยน่าสนใจ แต่ถ้าตลาดลงเยอะๆ อะไรก็น่าสนใจทั้งนั้น เพราะมันมีแต่ของถูกๆให้ชอปปิ้ง

และต่อให้คุณเป็นคนเงินเดือนน้อย ก็ไม่ได้แปลว่าจะเป็นเศรษฐีไม่ได้ หรือคุณอาจจะไม่ได้เหมาะกับตลาดหุ้นก็ได้ คุณอาจจะเหมาะกับการไปทำกิจการแล้วเอาเข้าตลาดหุ้น จากนั้นก็รวยเละก็ได้

อย่าไปจำกัดแค่ว่าต้องเล่นหุ้น ชีวิตคนเรามีโอกาสอีกตั้งเยอะแยะ จะคว้ามันมาได้รึเปล่า บางคนตลาดหุ้นช่วงวิกฤตมาจนถึงวันนี้ยังไม่รวยเลยก็มี บางคนเริ่มทำกิจการถูกที่ถูกเวลา รวยเละซะก็มี

มองโอกาสให้มันกว้างๆเข้าไว้

Posts limit exceeded

Topic has reached maximum number of posts.

Please start a new topic.

Be Civil — "Be curious, not judgemental"

  • FAQs — คำถามที่ถามบ่อย (การใช้บอร์ด การแบน ฯลฯ)
  • Policy — เกณฑ์การใช้งานเว็บไซต์
  • Guidelines — ข้อแนะนำในการใช้งานเว็บไซต์
  • Deletion Request — แจ้งลบและเกณฑ์การลบข้อความ
  • Law Enforcement — แจ้งขอ IP address

All contents are responsibility of its posters.