"รถไฟฟ้า การตรวจกระเป๋าและการดูถูกคุณค่าชีวิตของคนกรุง"
การตรวจกระเป๋าตรงทางเข้ารถไฟฟ้าและใต้ดินเป็นที่พูดถึงมาแสนนานถึงความไร้ประสิทธิภาพ ตรวจแบบขอไปทีด้วยพนักงานที่มีพลังจิตแรงกล้ากว่ามนุษย์ทั่วไป
ทุกวันนี้ผู้นำด้านพลังจิตอย่างยามรถไฟใต้ดินไม่ตรวจละ คนก็ Flow ดีขึ้น แต่บีทีเอสก็ยังขยันตรวจเอา ๆ อยู่
"ถ้าคนจะเอาระเบิดเข้าไปก็เอาเข้าไปได้ ไม่ต้องซ่อนด้วยซ้ำ"
ประโยคที่ทุกคนคงพูดคุยกันเป็นปกติจากการเห็นวิธีตรวจกระเป๋าของพนักงาน แบกเป้เข้าไปสี่ใบก็ตรวจกระเป๋าหน้าช่องเดียว
ผ่านมาเป็นปีก็น่าจะสามารถสรุปได้แล้วว่า "การตรวจกระเป๋าทางเข้ารถไฟฟ้าเป็นการกระทำที่ไร้ค่าโดยสมบูรณ์" ไม่สามารถหวังผลใด ๆ ได้ทั้งสิ้น สิ่งเดียวที่หวังได้คือ "เวลาที่เสียไปอย่างไร้ค่าในการตรวจและต่อแถว"
อย่างที่พูดเน้นย้ำอยู่ตลอดเวลาว่า "ทุกวินาทีที่ผ่านไปคือการนับถอยหลังสู่วินาทีสุดท้ายของชีวิต" หากใครบีบบังคับเอาเวลาชีวิตของเราไปใช้อย่างไร้ค่า นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการ "ดูถูกคุณค่าของชีวิต" อย่างรุนแรงและไม่น่าให้อภัย
และสิ่งที่บีทีเอสทำกับผู้โดยสารก็คือสิ่งนี้ ดูถูกชีวิตของคนกรุงเต็ม ๆ และส่วนตัวถือเป็นสิ่งที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างยิ่ง
การตรวจกระเป๋าที่สนามบินเป็นอะไรที่ใช้เวลามากและวุ่นวาย แต่นั่นไม่ทำให้รู้สึกว่าเป็นการดูถูกคุณค่าชีวิตเลย ตรงกันข้าม มันคือการเห็นคุณค่าของชีวิตเลยต้องตรวจเยอะ
แต่กับบีทีเอส ประเด็นเรื่องการกระทำเพื่อความปลอดภัยขอให้ตัดทิ้งไป รู้กันอยู่แก่ใจว่าไม่มีประโยชน์อันใด หากมันมีประสิทธิภาพโพสต์นี้คงเขียนไปในทางตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
หากทำงานให้มีประสิทธิภาพและก่อเกิดผลลัพธ์ไม่ได้ก็ไม่ควรทำเลย เพราะมันเสียเวลาชีวิต คนตรวจยังได้เงินเดือน แต่ผู้โดยสารจ่ายตังค์นะ ... แพงด้วย
และถ้าบอกยามแค่ทำตามหน้าที่ มันก็ไม่ใช่ประเด็นของโพสต์นี้ ปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนตรวจ ปัญหามันอยู่ที่ผู้บริหารที่วางหน้าที่ให้พนักงานของตัวเองดูถูกเวลาของผู้โดยสารประหนึ่งมันไม่มีค่าอะไร
เป้ย่ามก็น่ารำคาญแล้ว แต่นี่เห็นบ่อยครั้งมากที่นักท่องเที่ยวลากกระเป๋าใหญ่ๆแล้วต้องมาเปิดตรวจ ชั้นนงชั้นในตกต้องมานั่งแพคใหม่ มันสมควรมั้ยกับบังคับให้เปิดดูของส่วนตัวแบบนี้ เวลคัมทูไทยแลนด์มั้ยหละ
ก็คงได้แค่บ่นไป เราคงจะหวังกับขนส่งที่ยังต้องให้ผู้โดยสารเดินไปแลกเหรียญแล้วค่อยเอาเหรียญมาหยอดตู้มากว่าสิบปีมากไม่ได้นักหรอก
ซึ่งนั่นก็คือการดูถูกชีวิตคนอีกทางหนึ่งเช่นกัน
อย่าสงสัยว่าทำไมประเทศไม่พัฒนา เพราะขนาดแกนกลางอย่างขนส่งมวลชนผ่านมากี่สิบปีก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ส่วนอื่นก็ต้องดิ้นกันไปเองแล
จบ