Last posted
Total of 1000 posts
ก็แค่ละคร ยักษ์ ตัวนึง คือต้องกลัวเสื่อมเสียไรวะ ยักษ์มันเคยมาช่วยรบในสมัยกรุงศรีหรือไง
ที่ตอนเอาช้างมาทาแพนดา ไม่เห็นออกมาดิ้น
มิตรสหายท่านหนึ่ง
#กูเดือดเลยครับ
"ไปธนาคารมา ก็แต่งตัวธรรมดา แต่รองเท้าแตะมันขาดหน่อยไง
เจ้าหน้าที่ก็มองหัวจรดเท้า แบบดูถูกอ่ะ กูหมั่นไส้
เลยเขียนใบเบิกเงินไป 2 ล้าน แล้วเดินไปที่เค้าเตอร์
กูพูดแม่งดังๆ เลย ขอถอนเงิน 2 ล้าน ย้ำ 2 ล้าน ด่วน!!!
พนักงานพูดขึ้นมาเบาๆ แบบเกรงใจว่า คุณลูกค้าใจเย็นๆนะคะ
คือเงินในบัญชีของคุณมีสองร้อยบาทค่ะ"
(มิตรท่านหนึ่ง)
>978 ขอโทษที ลืมไปว่าตอนก๊อปลิ้งมันโดนตัดไป
link ใน >>>974 ขอแก้เป็น https://www.ted.com/talks/robert_waldinger_what_makes_a_good_life_lessons_from_the_longest_study_on_happiness?language=enm
มารักษาโรคตามแนวทางของอัลลอฮ์ซุบฮานาฮูวาตาอาลากันครับ
หน้าหมอง ให้ละหมาดตะฮัจญุด (ละหมาดซุนนะห์นอกเหนือจากละหมาด 5 เวลา โดยละหมาดหลังเที่ยงคืน)
.
ใจแคบ ให้อ่านอัลกุรอาน
.
มีปัญหาทางอารมณ์ ให้เอาน้ำละหมาด (ที่ชาวมุสลิมชำระร่างกายก่อนละหมาด ประกอบด้วยการล้าง มือ ปาก หน้า แขน หัว หู ขา อย่างละ 3 ครั้ง)
.
กระวนกระวาย ให้ขอดุอาอฺ (ขอพรจากอัลลอฮ์)
.
เครียด ให้กล่าวสรรเสริญอัลลอฮ์
.
ป่วย ให้ถือศิลอด (งดดื่ม กิน สูบ ตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตก)
.
ไม่ค่อยมีริสกี(โชค/วาสนา) ให้บริจาคทาน
.
ไม่มีความสุข ให้ถึงเวลาละหมาดให้รีบละหมาด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
อัพหือดาวน์เกรดวะสัส
>>972 ไม่รู้ทำไมกูเจอคนแบบนั้นบ่อยเหี้ยๆแต่กูพลาดแค่ครั้งแรกๆนะ จนมีครั้งนึงกูทนไม่ไหวกูอยากแกล้งแม่ง แม่งบอกว่ามาหาญาติที่ กทม มาจากจังหวัดอะไรซักอย่างกูลืมละ แล้วขอยืมเงินกูนั่งรถเมล์ไปท่ารถทัวร์ แล้วมีขอชื่อกับเบอร์โทรกูด้วย บอกว่าไปถึงแล้วจะโทรกลับมาคืนเงินให้
กูก็เอาวะแม่งเล่นใหญ่ขนาดนี้กูก็เล่นกลับ กูบอกว่าพ่อกูเป็นนักการเมืองใหญ่(กูโม้) เดี๋ยวกูให้พ่อกูผสานงานให้ส่งกลับเลยไม่ต้องห่วง ญาติชื่อไร คุณชื่อไร แม่งก็เริ่มเหวอๆเว้ย แล้วทำบอกกูว่าเกรงใจ กูก็เห็นว่าแม่งเริ่มกลัวกูละกูเลยใส่ใหญ่เลยว่าไม่ต้องเกรงใจๆ ผมชอบช่วยคน บลาๆ แล้วแม่งก็บอกไม่เป็นไรๆ ขอแค่ค่ารถพอ 500 กูบอกไม่ต้องหรอก เนี่ยเดี๋ยวส่งถึงบ้านเลย ให้ตำรวจลูกน้องพ่อพาไปส่งก็ได้ ซักพักแม่งเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเว้ย แล้วก็ด่ากูว่าแล้งน้ำใจไม่ให้ค่ารถ แล้วเดินหนีไปเลย กูฮามากๆ คนทั้งป้ายรถเมล์ก็มองกูนะ แต่กูสะใจสัดๆ
ในเมื่อมีรัฐสภา ใครๆก็สามารถไปเป็นได้ ออกกฎหมายอะไรก็ได้ ออกกฎหมายคุมแพทยสภาก็ได้ แล้วจะเอาคนนอกเข้ามาในแพทยสภาทำไมอะ นี่มันสภาวิชาชีพปะ
เห็นแพทยสภาเป็นรัฐสภารึไง
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ผมได้ปรึกษาทนาย ว่าร้านอาหารสามารถเก็บค่า service charge ลูกค้าได้ไหม
จากการระดมสมองของกลุ่มทนายมือดี 6 คน เพื่อค้นหาและวิเคราะห์ข้อกฏหมายต่างๆ
ปรากฏว่า ลูกค้ามีสิทธิ์ที่จะไม่จ่ายค่า service charge และทางร้านไม่มีสิทธิ์ในการเรียกเก็บ
ผมพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ เราไปร้านอาหาร เราไปซื้ออาหาร หลังจากที่เราสั่งอาหาร ถือว่าการตกลงซื้อขายได้เกิดขึ้นแล้ว
และกระบวนการทั้งหมด ที่เกิดขึ้นในการกินอาหาร ก็มีแค่ พนักงานนำอาหารมาเสริฟให้เรา
การเรียกเก็บค่า service charge 10% จึงไม่มีความเป็นธรรม เพราะไม่ได้มีบริการเสริมใดๆขึ้นมาจากการเสริฟอาหารปกติ
และต่อให้มีบริการอะไรที่เพิ่มเป็นพิเศษ ลูกค้าก็ต้องมีสิทธิ์เลือกว่าจะซื้อบริการนั้นรึไม่
และผมได้ปฏิเสธการจ่ายค่า service charge มาตลอด2เดือนที่ผ่านมา ทุกร้านจะเรียกผู้จัดการร้านมาคุยกับผม
ผมได้ตอบกลับไปทุกรายว่า คุณมีสิทธิ์อะไรมาคิดเงินผมเพิ่มอีก10% นอกเหนือจากค่าอาหาร ผมท้าให้ฟ้องร้องเป็นคดีตัวอย่างเลย
ให้ศาลตัดสินเป็นคดีแรกของประเทศไทยไปเลย เพื่อจะได้ลงหน้า1ไทยรัฐ คนไทยทั้งประเทศจะได้เลิกถูกเอาเปรียบจากนายทุน
ปรากฏว่า ไม่มีร้านไหนกล้าเก็บค่า service charge ผมแม้แต่ร้านเดียว โดยทางผู้จัดการร้านบอกว่าครั้งนี้จะอนุโลมให้เป็นพิเศษ ผมสวนกลับไปทันทีว่าพรุ่งนี้ผมก็จะมากินอีก แล้วก็จะไม่จ่ายค่า service charge เช่นเดิม ให้ทางร้านเตรียมทนายมาด้วยเลยก็ได้
ตลอด2เดือน หลังจากที่ไม่ต้องจ่ายค่า service charge 10% ทำให้ผมมีเงินในกระเป๋าเหลือมากขึ้นจนน่าตกใจ
ผมมาคิดๆดู ตลอดชีวิตผมเสียค่าโง่พวกนี้ไป น่าจะเป็นรถยนต์คันหนึ่งได้เลย หรือถ้านำไปลงทุนในกองทุนรวม เงินก้อนนี้คงกลายเป็นล้านไปแล้ว
บางร้านถึงกับคิดค่าบริการสุดโหด 15-20% ก็มีในหลายๆร้านในกรุงเทพ
หลังจากอ่านกระทู้นี้จบ ขอให้ทุกคนปฏิเสธการจ่ายค่าบริการในทุกกรณี เพราะทางร้านไม่มีสิทธิ์มาเก็บกับเรา เด็กเสริฟคือลูกจ้างของร้าน และกฏหมายกำหนดให้นายจ้างเป็นผู้จ่ายค่าจ้าง ไม่ใช่ผลักภาระมาให้ลูกค้าเป็นค่าจ่าย
ร้านค้าบางร้านหัวหมอ ใช้จุดอ่อนด้านต่อมคุณธรรมของคนไทย โดยบอกว่าค่าบริการจะทำให้พนักงานเสริฟมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เปิดคางมาแบบนี้ ผมสวนด้วยอัพเปอร์คัทกลับไปทันทีว่า ถ้าคุณอยากให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นก็ขึ้นเงินเดือนให้พวกเขาเป็นเดือนละแสนสิ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย
ถ้าวันนี้ผมไม่เป็นคนเริ่ม สังคมไทยต่อไปลำบากแน่ เพราะร้านอาหารมันจะได้ใจ และอาจขึ้นค่าบริการไปเรื่อยๆจนวันหนึ่ง ค่า service charge อาจแพงกว่าอาหาร เช่น ข้าวผัดกุ้งจานละ 80 ค่าบริการ 100 บาท
คนไทยถูกเอาเปรียบจนคิดว่ามันคือเรื่องปกติ ถ้าใครมองว่าการจ่ายค่าบริการ10% เป็นเรื่องปกติ และชอบด้วยเหตุผลแล้ว
ผมแนะนำว่าคุณควรทบทวนตัวเองแล้วว่าคุณคงถูกเอาเปรียบจนกลายเป็นเรื่องปกติรึป่าว
เรื่องนี้ถึงอย่างไรก็ผิดกฏหมาย และเรามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ที่จะไม่จ่าย
ผมอยากให้ร้านอาหารฟ้องผมเหลือเกิน จะได้เป็นคดีตัวอย่างไปเลย
และมั่นใจว่า ผมชนะแน่นอน หลังจากปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญทางกฏหมายที่จบจาก อเบอดีน (แหล่งผลิตนักกฏหมายระดับท็อปของโลก)
เขาให้เหตุผลไว้อย่างน่าฟัง ว่า...
ถ้าเรื่องนี้ศาลตัดสินให้ ผู้บริโภคแพ้คดี สิ่งที่ตามมาก็คือ ทุกๆธุรกิจจะหันมาเก็บค่าบริการบ้าง
เช่น
ร้านถ่ายเอกสาร เก็บค่าบริการเพิ่มอีก 10% เพราะเขาต้องเอามือหยิบกระดาษจากเครื่องส่งให้คุณ
ร้านขายของชำ จะเก็บค่าบริการเพิ่มอีก 10% เพราะเขาต้องให้พนักงานหยิบของใส่ถุงให้คุณ
มันมีอะไรแตกต่างจากร้านอาหาร ที่แค่ยกอาหารมาเสริฟให้ลูกค้า
ถ้าร้านอาหารสามารถเก็บได้ ธุรกิจอื่นๆก็เก็บได้เช่นกัน
ช่วยกันแชร์ออกไปเยอะๆ และเริ่มที่ตัวคุณ ต่อไปให้ปฏิเสธการจ่ายค่าบริการในทุกๆกรณี และถ้าร้านไม่ยอม ก็ท้าให้ฟ้องเลย
คุณชำระแค่ค่าอาหาร ส่วนค่าบริการไม่ต้องจ่าย
กฏหมายไม่เปิดช่องให้ร้านอาหารสามารถมาเรียกเก็บค่าบริการจากเราได้
ส่วนใครที่ประทับใจในการบริการ คุณสามารถให้เป็นทิปแก่พนักงานได้ เพราะทิปมันถึงพนักงานแน่นอน และเป็นการให้ด้วยความสมัครใจ
ไม่ใช่ถูกมัดมือชกแบบ service charge
#มิตรสหายท่านหนึ่ง
ไม่เก็บชาร์จมันก็เอาไปบวกค่าอาหารแทน แต่ตูรูสึกเฟคว่ะ
กูก็ไม่ชอบการแยก SC กับ VAT นะ สมัยเพิ่งเคยเข้าร้านที่โดนบวกใหม่ๆ ไม่เคยโดนมาก่อนนี่กูรู้สึกเหมือนร้านเค้าหลอกลวงลูกค้าเลย
พอเจอบ่อยๆแล้วชินก็ยังไม่ชอบอยู่ดี รู้สึกเหมือนเป็นผลักภาระให้ผู้บริโภค จะไม่ให้มี++ แต่รวมไปในราคาอาหารแล้วแพงขึ้นกูก็โอเคนะ
มันดูแฟร์กว่าการเขียนบอกตัวเล็กๆใต้เมนูแล้วเอาราคาไม่ net มาโชว์ลูกค้า
VAT นี่ตะหงิดมากว่ากูซื้ออะไรอย่างอื่นแม่งก็รวมหมด ทำไมของแบบนี้มึงเสือกจะคิดแยก
ส่วน SC บางร้านบริการแย่ก็รู้สึกไม่ดีที่เหมือนถูกบังคับให้ต้องทิปเด็กเสริ์ฟที่บริการห่วยๆ
พอพนักงานบริการดีก็เริ่มคิดมากอีกว่าเจ้าของมันจะเอาเข้ากระเป๋าตัวเองไม่แบ่งเด็กเสริ์ฟรึเปล่า
ปล. บทความนั่นมันน่าจะเกรียนประชดนะ
Topic has reached maximum number of posts.
Please start a new topic.
Be Civil — "Be curious, not judgemental"
All contents are responsibility of its posters.