"อยากพูดเรื่อง #เนติวีส กับสินกำ แต่กลัวโดนชาวสินกำอันเฟรนด์ แต่ก็คิดว่า ความกลัวไม่กล้าแสดงความคิดเห็นแหละคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศก้าวถอยหลังอยู่อย่างนี้
-
เราไม่สามารถพูดถึงโครงสร้างอำนาจในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาได้ โดยไม่โหนโครงสร้างอำนาจของสังคมไทย เพราะจุฬาฯ อ้างตนเป็นเสาหลักของแผ่นดิน คือ อ้างว่า นิสิตของที่นี่จะจบไปเป็นใหญ่ในวงการต่าง ๆ เป็นเสาค้ำจุนประเทศ และถ้าจริงตามอ้าง สภาพแวดล้อมและโครงสร้างสังคมของจุฬาฯ จึงส่งผลอย่างมากเพราะคือ "โรงเรียน" แห่งสุดท้ายก่อนที่ "นิสิต" จะกลายเป็นนักเขียน คุณหมอ วิศวกร สถาปนิก หรือแม้แต่ศิลปิน
-
เด็กอักษรฯ ทุกคนคงรู้วดีว่า คณะอักษรศาสตร์ยกเลิกระบบห้องเชียร์แบบเดิมที่มีการกดดันน้องด้วยจุดประสงค์ต่าง ๆ ไปเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน กลุ่มคนที่ริเริ่มมีนโยบายให้ "ล้มห้องเชียร์" ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ล้วนเป็นพี่เชียร์เก่าหรือนักกิจกรรมในคณะทั้งสิ้น เรียกว่า ล้มตัวเอง ก็ไม่ผิด
-
หันไปมอง 2 คณะเพื่อนบ้านสายศิลป์ ทั้ง 2 คณะยังมีระบบห้องเชียร์ที่เหนียวแน่น กิจกรรมยาวนานประสมกับการกดดันน้องแบบต่าง ๆ ด้วยจุดประสงค์หลากหลายแต่ไม่ต่างกันมากนัก
-
เมื่อสังคมภายนอกเริ่มต่อต้านระบบ SOTUS ก็เกิดมีการ "อ้าง" จุดประสงค์ใหม่ คือเพื่อฝึกน้องให้อยู่รอดตลอด 4 ปี และเตรียมนิสิตให้พร้อมใช้ชีวิตในสายอาชีพหลังเรียนจบ ฯลฯ
-
ตอนที่เราเป็นประธานเชียร์ เราก็เชื่อใน 2 เหตุผลนี้ แต่ตอนนี้คณะอักษรศาสตร์พิสูจน์ให้เราเห็นแล้วว่า ไร้สาระ
-
2 ปีที่ไร้ระบบเชียร์ นิสิตอักษรศาสตร์ทุกชั้นปีอยู่รอด สบายดี (ไม่นับเรื่องสอบตก นกผู้ชาย แฟนเก่ากลายเป็นกะเทย ฯลฯ) และตลอดระยะเวลาเกือบร้อยปีที่ก่อตั้งคณะมา ก็ไม่ได้มีปรากฏว่า ผู้ที่เขาห้องเชียร์ประสบความสำเร็จในสายอาชีพมากกว่าผู้ที่ไม่เข้าแต่อย่างใด
-
พอเรียนจบแล้ว พี่เชียร์ (ผู้ที่ซึมซับระบบเชียร์ไปมากที่สุด) ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จกว่านิสิตคนอื่น
เราในฐานะเชียร์เก่าเลยตั้งสเตตัสพลีชีพนี้ขึ้นมา เพื่อชี้ให้ผู้ที่ยังคลั่งระบบเชียร์เห็นว่า ไม่ต้องมีเชียร์น้องก็หาเพื่อนได้ ไม่ต้องมีเชียร์ น้องก็ประสบความสำเร็จในอาชีพได้
-
เชคสเปียร์ไม่เคยเข้าห้องเชียร์
โอบาม่าไม่เคยเข้าห้องเชียร์
ซาฮา ฮาดิดไม่เคยเข้าห้องเชียร์
และปิกัสโซ่ ก็ไม่เคยเข้าห้องเชียร์
-
#บรัยส์
#ฝากไว้ให้คีส"
มิตรสหายท่านหนึ่ง