"ตอนเรียนมหาลัยเคยถูกอาจารย์ฝ่ายระเบียบตำหนิเรื่องเสื้อใส่ในกระโปรงไม่เรียบร้อย และนำเรื่องไปเเจ้งให้อาจารย์ที่ปรึกษาทราบเพื่อตักเตือน เวลานั้นอาจารย์ที่ปรึกษาคืออ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ เราก็รอไป อาจารย์ก็ไม่เรียกสักที จนถึงวันที่ต้องพบกันตามระเบียบ อาจารย์ก็สอบถามเรื่องการเรียน เรื่องหัวข้อการค้นคว้าที่สนใจ มิพักจะเอ่ยถึงเรื่องการเเต่งตัวจนเราต้องสอบถามอาจารย์เอง คำตอบที่ได้กลับมาคือ
"ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณแต่งตัวยังไง ผมสนใจว่ามีอะไรอยู่ในหัวคุณมากกว่า"
เรื่องนี้อาจารย์อาจจำไม่ได้ เเต่สำหรับเรามันเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้กลับมาทบทวนอะไรหลายๆอย่าง
โดยตลอดมา สถาบันการศึกษาของไทย ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงแค่สถานที่ให้ความรู้ หากเเต่ยังเป็นแหล่งบ่มเพาะค่านิยม กฎระเบียบเเละจารีต วิถีประชา ซึ่งเราเองก็ไม่ได้ต่อต้านทั้งหมด การบังคับบางอย่างมันก็มี function ของมัน
เเต่มองในอีกด้าน การรับความรู้จากสถาบันอาจเป็นไปได้ยากมาก หากเราไม่เชื่อฟังระเบียบเหล่านี้ ผลิตผลที่ได้จึงเป็นการสร้างคนที่มีชุดความคิดความเชื่อที่ค่อนไปในทางเดียวกันหมด ทำให้เราไม่ค่อยได้เห็นคนมีการศึกษาที่คิดอ่านอะไรใหม่ๆออกมา หรือถ้ามี แม้การต่อต้านเพียงน้อยนิดก็จะถูกค้านอย่างแรง ไม่ว่าการอ้างเหตุผลนั้นจะเป็นไปตามตรรกะหรือไม่ แต่ก็ต้องห้าม เพราะเราทนให้มีแกะดำในสังคมกันไม่ได้
มันจึงน่าขันมาก เวลาเห็นผู้ใหญ่บอกว่าอยากเห็นพลังเเละความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้คนรุ่นใหม่มีความคิดกันจริงจังซะที คนรุ่นใหม่ที่จะถูกสถาปนาเป็นแบบอย่างก็ต้องมีชุดความคิดแบบเก่า สุดท้าย คนรุ่นใหม่ตามที่ว่า จึงทำหน้าที่ได้เป็นเพียงภาชนะเปลี่ยนถ่ายย้ายโอนชุดความคิดแบบเดิมๆนั่นเอง
#คุณยายวรนาถไหมล่ะมึง #รีเมคกันเข้าไป"
#มิตรสหายท่านหนึ่ง