ช่วงระยะเวลา10กว่าปีมานี้ที่ไทยประสบกับความแตกแยกทางการเมืองอย่างหนัก เวลามีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น กลายเป็นว่าแทบจะไม่มีใครสนใจที่จะหาว่าผู้ก่อการตัวจริงเป็นใคร แต่จะพยายามหาแต้มต่อให้กับฝั่งขั้วการเมืองของตัวเอง โดยบอกว่าอีกฝ่ายเป็นคนทำ อีกฝ่ายก่อเรื่อง ขั้วอำนาจเก่า กลุ่มการเมืองโน่นนี่ เพียงเพื่อที่จะได้ฟินว่าอีกฝ่ายชั่วเลว และพวกกูเท่านั้นเป็นคนดี แล้วก็ปล่อยให้เหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นต่อไปอีกโดยผู้ก่อการตัวจริง
บางทีอีกแง่มุมหนึ่งอาจจะเป็นเพราะทางการไทย (กองทัพ) น่าจะมีปัญหากับการข่าวหรือการรับมือกับภัยคุกคามการก่อการร้ายนอกประเทศ ทำให้เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เราแทบจะไม่คิดไปถึงการก่อการร้ายข้ามชาติหรือก่อการร้ายสากล เพราะถ้านั่นเป็นเรื่องจริง ทางการไทยจะเสียเปรียบมากเพราะไม่เคยรับมือมาก่อน ที่สำคัญก็คือการที่ไทยตอนนี้เป็นรัฐเผด็จการทหาร ยิ่งทำให้เหตุการณ์ความไม่สงบเป็นความเสียหายต่อรัฐบาลโดยตรงยิ่งขึ้นไปอีก เพราะกลายเป็นว่ารัฐที่มีกำลังอำนาจทางการทหารเต็มที่ กลับไม่สามารถจัดการปัญหาความไม่สงบได้ และก่อให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในหมู่ประชาชน
นั่นอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่เหตุการณ์ความไม่สงบ ถูกพยายามทำให้กลายเป็นเพียงเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง เพราะยังรักษาความน่าเชื่อถือของรัฐได้อยู่ ว่ารัฐไทยไม่เคยเจอกับปัญหาก่อการร้ายสากลหรือก่อการร้ายข้ามชาติ หรือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนใดๆ เป็นเพียงอีกขั้วสีหนึ่งมาก่อการเท่านั้น แล้วคนในเมืองกรุงก็จิบกาแฟสตาร์บัคส์สบายใจ เขียนโพสต์โจมตีกลุ่มผู้เห็นต่างได้อย่างสบายใจต่อไป
สถานการณ์แบบนี้ไม่เป็นผลดีแน่ๆ ต่อประเทศของเรา แต่กลับไม่มีใครออกมาพูดกันตรงๆ น่าประหลาด
#มิตรสหายท่านหนึ่ง