"ครั้งสุดท้ายกับประเด็นเนติวิทย์
เรารู้ว่าความสุดโต่งมันสร้างความอึดอัดเสมอ เราเข้าใจว่าส่วนหนึ่งไม่พอใจอย่างมากในความสุดโต่งและแสดงออกผิดกาละเทศะ แต่เราก็ขออนุญาตแสดงความเห็นแบบไนซ์ๆ ว่า จุฬาลงกรณ์คือมหาวิทยาลัยหรือเปล่า ถ้าเราไม่สุดโต่งกันที่มหาวิทยาลัย แล้วเราจะมีโอกาสสุดโต่งกันที่ไหนได้อีก หรือจุฬาฯ จะสถาปนาตัวเองใหม่เป็นวัดหรือศาสนสถาน อันนั้นเราจะทำความเข้าใจใหม่เอง
เราสร้างกิจกรรมแบบอนุรักษ์นิยมสุดโต่งอย่างห้องเชียร์หรือการว้ากน้องในมหาวิทยาลัยได้ เรามีการสร้างความบันเทิงแบบสุดโต่งด้วยการเต้นสันทนาการอย่างบ้าคลั่งแบบไม่ต้องแคร์ว่าใครจะว่าเราบ้าหรือรบกวนคนอื่นๆ ได้ เราทำกันอย่างสุดโต่งก็เพื่อจะเรียนรู้และทำความคิดตัวเองให้เติบโตไปเรื่อยๆ ไม่ใช่หรือ เราทำในสิ่งที่รู้ตัวว่าพอเรียนจบไปเราจะไม่มีทางทำแบบนี้ได้อีกแล้ว เราจึงคิดว่านี่คือคำตอบที่ว่าถ้าน้องไม่เห็นด้วยแล้วไปทำร่วมพิธีแล้วทำแบบนี้ทำไม สำหรับเราคือมันดีกว่าไม่ทำอะไรและปล่อยให้เวลาในมหาลัยผ่านไปโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตตัวเองน่ะ บางทีเนติวิทย์ก็อาจจะแค่พยายามใช้สี่ปีให้คุ้มในแบบฉบับของเขาก็ได้ ใครจะไปรู้อนาคตว่าพอมันเรียนจบไปต้องทำมาหากินมันอาจจะต้องรับใช้ทุนนิยมเพื่อหาแดกแล้วก็ได้
สุดท้ายมันก็คือวิถีของคนหนุ่มคนสาวหรือเปล่า และจุฬาฯ มันก็คือมหาวิทยาลัยซึ่งเป็นที่ของคนหนุ่มสาวไม่ใช่เหรอ เราเลยรู้สึกว่ากาละเทศะมันถูกละลายลงบ้างก็ดีแล้ว มันจะได้มีมิติทางการเรียนรู้ให้มากขึ้นด้วย แค่นั้นแหละ"
มิตรสหายท่านหนึ่ง