ประเด็นเพลงรณรงค์ประชามติของ กกต. ที่มีเนื้อหาว่าคนใต้รักประชาธิปไตย ส่วนคนเหนือและคนอีสานก็อย่าให้ใครชี้นำ ในที่สุดแล้ว subtlety ของมันก็ทำให้ผู้ฟังตีความได้หลายแบบ คนที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถลื่นหลุดไปได้ว่ามันแค่ความบังเอิญ-คนที่วิจารณ์คิดมากไป ไปจนกระทั่งว่าคนที่วิจารณ์เนี่ยประสาทแดก
แต่สำหรับเรา เราเห็นว่าเนื้อหามันดูถูกชัดเจน ไม่ใช่เพราะเราแค่อ่านเนื้อเพลงแล้วก็ตีความตามตัวอักษร แต่เพราะเราได้เป็นประจักษ์พยานต่อการกดขี่ของรัฐไทยต่อประชาชนในภาคเหนือและภาคอีสานผ่านขบวนการเสื้อแดง เราได้ยินโวหารจากคนในเมืองที่ฉายภาพชาวบ้านเป็นคนโง่ถูกนักการเมืองชี้นำ แล้วเราก็ได้เห็นชุดความคิดเหล่านี้ถูกบรรจุลงในเนื้อเพลง เวลาที่เราได้ฟังเนื้อเพลงเราไม่ได้ยินแค่เนื้อเพลง แต่เรามองเห็นภาพของการกดขี่เชิงโครงสร้างที่เกิดขึ้นจริงถูกฉายออกมาผ่านเนื้อเพลงนั้น
ประเด็นที่จะพูดถึงก็คือว่า เราสามารถวิจารณ์ความเห็นของคนอื่นว่า "คิดมากไป" "ประสาทแดก" ได้แทบกับทุกเรื่อง แต่มันก็ไม่ได้แสดงความเหนือกว่าของเราเสมอ บางครั้งมันแสดงถึงความไม่รู้-ไม่สามารถมองเห็นถึงประสบการณ์และมุมมองของคนอื่นที่ต่างจากเรา ไปจนถึงการที่ไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างที่ใหญ่กว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเอง พูดง่ายๆคือ มันแสดงให้เห็นว่าเราเองอยู่ในกะลา
ซึ่งเรื่องนี้มันสามารถโยงไปถึงการที่เสรีนิยมไทยชอบวิจารณ์ซ้ายตะวันตกว่า "ประสาทแดกกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง" แต่หลายคนก็ขลุกอยู่กับคนไทยในการศึกษาไทย/การเมืองไทย/วัฒนธรรมไทย/ประเทศไทยมาทั้งชีวิต แล้วก็เอาประสบการณ์ของตัวเองไปครอบคำวิจารณ์ของคนอื่น ซึ่งมันไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความฉลาดแต่อย่างใด มันแสดงให้เห็นถึงอาการของคนอยู่ในกะลา ที่ไม่สามารถมองเห็นโครงสร้างแบบที่ตัวเองไม่คุ้นเคยในการเมืองของประเทศตัวเองได้
#มิตรสหายท่านหนึ่ง